กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1048.4 สายฝนพร่างพรมเหนือใบอู๋ถง
อีกฝ่ ายแนะน าตัวเองว่า “ข้ามาจากต้าหลงชิวแผ่นดินกลาง นาม ว่าซือถูเมิงจิง ฉายา “หลงหราน” ทุกวันนี้ผู้เยาว์รับหน้าที่เป็ นตัวแทน เจ้าสานักของเสี่ยวหลงชิวใบถงทวีปชั่วคราว”
นักพรตเนิ่นพยักหน้า “อ้อ หลงชิวน้อยใหญ่ เคยได้ยินมาก่อน”
ดูท่าการประลองเวทบนเกาะยวนยางครานั้นคงสร ้างชื่อเสียงไม่ เบา คนทั้งใต้หล้าล้วนรับรู ้กันหมดแล้ว ควรจะหาโอกาสไปต่อสู้กับผู้ ฝึกตนเฒ่าขอบเขตบินทะยานอีกสักครั้งดีหรือไม่นะ?
แล้วก็เพราะติดตามนายท่านจนได้รับการกล่อมเกลามานาน ไม่อย่างนั้นในประโยคที่เอ่ยลวกๆ ประโยคนี้คงจะต้องเพิ่มคาว่า “ไม่” เข้าไปอีกค าแล้ว
นักพรตเนิ่นพลันถามอย่างสงสัย “ไม่ใช่บอกว่าเสี่ยวหลงชิวปิด ภูเขาไปแล้วหรอกหรือเจ้าขุนเขาซือถูนี่คือ….?”
คงเป็ นเพราะรู ้สึกว่าถามคาถามเช่นนี้เหมือนการตบหน้าอีกฝ่ าย หากจะบอกว่าขอบเขตที่จริงแท้แน่นอนของตัวเองวางอยู่ตรงนั้น ย่อม ไม่กลัวว่าอีกฝ่ายที่เป็ นเซียนเหรินจะคิดมาก
เพียงแต่ว่าวันนี้ไม่เหมือนวันวาน จะพูดจาหรือท าอะไร หากไม่ พิถีพิถันเอาเสียเลยก็ง่ายที่จะเดือดร ้อนให้นายท่านหลี่ไหวไม่มี
ชื่อเสียงที่ดีตามไปด้วย หากหลี่ไหวได้รับความอยุติธรรม เฒ่าตา บอดก็จะอารมณ์ไม่ดีไปด้วย เฒ่าตาบอดอารมณ์ไม่ดี เขานักพรต เนินไม่ตาย ชีวิตก็ต้องหายไปครึ่งหนึ่ง เอาเป็ นว่าเหตุผลก็คือเหตุผล นี้แล้วกัน
ดังนั้นนักพรตเนิ่นจึงเปลี่ยนสีหน้าใหม่ทันใด เค้นรอยยิ้มที่ตัวเอง คิดว่าจริงใจออกไปฝืนนิสัยกุมหมัดเอ่ยถ้อยค าตามมารยาทว่า “ข้าก็ แค่ถามไปอย่างนั้นเอง สหายอย่าได้เก็บไปใส่ใจ หากว่ามีตรงใดที่ เป็ นการล่วงเกิน ข้าก็ต้องขอโทษสหายหลงหรานมา ณ ที่นี้ด้วยขอ โทษด้วยจริงๆ”
อันที่จริงซือถูเมิ่งจิงก็กาลังสงสัยอยู่เหมือนกันว่าไฉนนักพรต เนิ่นที่เกือบจะฆ่าหนันกวงจ้าวให้ตายอยู่บนเกาะยวนยาง คืนนี้ถึงได้ พูดง่าย รู ้จักมารยาทบนภูเขาถึงเพียงนี้
ซือถูเมิ่งจิงเก็บกลั้นความสงสัยในใจลงไป ยิ้มอธิบายว่า “เสี่ยว หลงชิวปิดภูเขาจริงๆ แต่ด้าหลงชิวได้ยินว่าที่นี่จะขุดเจาะลาน้าใหญ่ จึงอยากจะทุ่มเทสุดกาลังอันน้อยนิดที่มี ข้าจัดการกิจธุระของทาง สานักอยู่ที่นี่เรียบร ้อยแล้ว อีกไม่นานก็จะหวนกลับไปยังเสี่ยวหลงชิว แล้ว”
นักพรตเนิ่นพูดกลั้วหัวเราะเสียงดังกังวานว่า “สหายหลงหรานจะ รีบกลับภูเขาไปไยบังเอิญที่ข้าก็เพิ่งมาถึงที่นี่เหมือนกัน ไม่มีคนรู ้จักที่ ไหน ไม่สู้สหายอยู่ต่ออีกสักหน่อย พวกเราจะได้ดื่มเหล้ากันดีๆ สัก
สองสามมื้อ? ไม่ทราบว่าสหายพักอยู่ที่ไหน มีห้องว่างหรือไม่หากว่า สะดวกข้าก็จะได้ไม่ต้องสิ้นเปลืองความคิดจิตใจไปหาที่พักแล้ว”
ออกจากบ้านมาครั้งนี้ต้องหาโอกาสทาความรู ้จักกับสหายบน ภูเขาให้มากขึ้น วันหน้าเมื่อออกเดินทางไกลเป็ นเพื่อนหลี่ไหว ไม่ว่า ไปอยู่ที่ไหนจะได้อยู่อย่างสบาย
คงเป็ นเพราะนักพรตเนิ่นแสดงออกกระตือรือร ้นเกินไปจนท าให้ ซือถูเมิ่งจิงรับมือไม่ทันอยู่บ้าง
แต่แค่ใช ้ความคิดเล็กน้อย ซือถูเมิ่งจิงก็ยังเชิญให้นักพรตเนิ่นไป ดื่มเหล้ายังที่พักของตน
ผู้ฝึ กตนใหญ่ขอบเขตบินทะยานคนหนึ่งที่ทุกวันนี้ต้องถูก ศาลบุ๋นจับตาอย่างแน่นอนคงไม่ถึงขั้นมาหาเรื่องตนและต้าเสี่ยวหลง ชิวโดยที่ไม่ได้มีปัญหาอะไรต่อกันมาก่อน
ช่วงก่อนหน้านี้ยอดเขาเซียนตูและยอดเขามี่เซวี่ยของสานัก กระบี่ชิงผิงส่งกระบี่บินแจ้งข่าวฉบับหนึ่งมายังยอดเขาซินอี้เจียนของ เสี่ยวหลงชิวที่ป่าวประกาศแก่ภายนอกว่าปิดภูเขาไปแล้ว
อ่านเนื้อหาในจดหมายที่ลงนามว่าผู้ส่งคือชุยตงซานแห่งส านัก กระบี่ชิงผิง ซือถูเมิ่งจิงก็ไม่รู ้ว่าควรจะหัวเราะหรือร ้องไห้ดี เจ้าส านัก ชุยนี่เจ้าจะเก็บของผุพังไว้หรือ?
เพียงแต่พอคิดถึงเรื่องการขุดเจาะลาน้าใหญ่ที่กาลังดุเดือด ซือถู เมิ่งจิงก็เข้าใจความต้องการของเจ้าส านักชุยได้อย่างรวดเร็ว ใน
จดหมายอีกฝ่ ายแนะนาให้เสี่ยวหลงชิวของพวกเขาไม่ต้องรีบร ้อน ป่ าวประกาศแก่ภายนอกว่าได้ตัดชื่อผู้ถวายงานพิทักษ์ภูเขาสองคน ออกจากท าเนียบและขับไล่ออกจากอาณาเขตไปแล้ว สามารถโยน มาไว้ที่แคว้นอวิ๋นเหยียนได้ไม่สู้ลองให้โอกาสพวกมันได้ท าความดี ชดใช ้ความผิด ไม่ต้องให้เงินเดือน ถือเสียว่าให้ท างานใช ้แรงไปอีก สักสิบกว่าปีก็แล้วกัน นี่เรียกว่าแม้ทาผิดเล็กน้อยก็ต้องลงโทษเพื่อ ไม่ให้คราวหน้าท าผิดร ้ายแรงกว่าเดิม
นี่คือเรื่องดีที่มาส่งถึงหน้าประตูบ้าน หากซือถูเมิ่งจิงเป็ นแค่ผู้ฝึก ตนของต้าหลงชิวบางทีอาจยังรู ้สึกอึดอัดไม่อยากท าตามอยู่บ้าง
ตนปัดกวาดพวกมันออกจากบ้านไปแล้ว ไม่มีเหตุผลให้ต้องเก็บ คาสั่งของตัวเองกลับมา
แต่ในเมื่อทุกวันนี้เขาเป็ นเจ้าขุนเขาของเสี่ยวหลงชิว จึงยอมข่ม กลั้นความไม่ชอบใจในใจลงไป ตอบกลับจดหมายไปว่ารับปากจะท า เรื่องนี้ แล้วยังเอ่ยขอบคุณชุยตงซานผ่านจดหมายไปด้วย
หากไม่เป็ นเพราะปิดภูเขาไปแล้ว อันที่จริงการเข้าร่วมการขุด เจาะลาน้าใหญ่ก็เป็ นทางเลือกที่ไม่เลวสาหรับเสี่ยวหลงชิว อิงตาม แนวความคิดนี้ไป ซือถูเมิ่งจิงเพียงแค่ขบคิดเล็กน้อยก็เขียนจดหมาย ส่งไปที่ต้าหลงชิวแผ่นดินกลางทันที ให้ศาลบรรพตารย์ส่งตัวเซียน ดินที่ทางานด้านกระจกหลายคนมา ให้พวกเขาเป็ นผู้น าพาลูกศิษย์ผู้ สืบทอดของตัวเองและลูกศิษย์ฝ่ ายนอกของสานักมาที่ใบถงทวีป ด้วยกัน ช่วยออกแรงในเรื่องของการขุดเจาะลาน้าใหญ่ อาจจะไม่ได้
มีประโยชน์มากนัก แต่จะดีจะชั่วก็เป็ นน้าใจ แล้วก็ถือว่าเสี่ยวหลงชิว ในใบถงทวีปได้แสดงท่าทีต่อเรื่องนี้แล้ว จะได้เป็ นการกอบกู้ชื่อเสียง บนภูเขากลับมาได้หน่อย
เถาถิงแห่งเปลี่ยวร ้างที่ได้ครอบครองคาถาหลอมภูเขาครึ่งบท แล้วหรือนักพรตเนิ่นแห่งใต้หล้าไพศาลที่ทุกวันนี้ชื่อเสียงเลื่องลือ
หากยังรวมเจ้าของลาคลองเย่ลั่วเก่าที่เดินทางมาที่นี่อย่างลับๆ อย่างหย่างจื่อปีศาจใหญ่บัลลังก ์ราชาเก่าแห่งเปลี่ยวร ้างเข้าไปด้วย
ปีศาจใหญ่ขอบเขตบินทะยานสองคนนี้ คนหนึ่งย้ายภูเขา คน หนึ่งพลิกมหาสมุทร ต่างก็เป็ นวิชาอภินิหารแห่งชะตาชีวิตที่พวกเขา ถนัดกันที่สุด
ท่าเรืออวี่หลิน เรือข้ามฟากขนาดใหญ่ลาหนึ่งที่มีชื่อว่าถงอิน เด่นสะดุดตามากเป็ นพิเศษ
ไม่เพียงแต่เรือข้ามฟากถงอินเท่านั้นที่สะดุดตามาก ยิ่งเป็ น เพราะบนเรือข้ามฟากลานี้ทุกวันนี้มีเซียนกระบี่ใหญ่แช่หมี่คนหนึ่ง คอยรับผิดชอบนั่งบัญชาการณ์เรือข้ามฟากลานี้ด้วย
เซียนกระบี่หมี่เพียงแค่ออกจากห้องบนตัวเรือมาเดินเล่นผ่อน คลายอารมณ์ มายืนพิงราวรั่วเท่านั้น ชุดขาวพกกระบี่ มาดโดดเด่น เปี่ยมเสน่ห์
ทางฝั่งของท่าเรือมักจะมีผู้ฝึกตนหญิงของจวนเซียนแห่งต่างๆ ป้ วนเปี้ยนไปมาอยู่แถวนี้ ส่วนใหญ่เป็ นหญิงสาวที่ขอแค่ได้เห็นมาด ของหมี่อวี้สักครั้งก็ยังดี
ทุกครั้งที่หมื่อวี้เผยกายก็จะมีเสียงกรีดร ้องของเหล่าสตรีดังมา เป็ นระลอก
ในฐานะหนึ่งในผู้ริเริ่มเรื่องการขุดเจาะลาน้าใหญ่ สานักกระบี่ชิง ผิงออกจากภูเขาครั้งนี้มีพลังอานาจไม่น้อย
มีจ้งชิวนักบัญชีและหมี่อวี้ผู้ถวายงานอันดับหนึ่งเป็ นคนนาขบวน เฉาฉิงหล่างแห่งยอดเขาจิ่งชิง เถาหรานผู้ฝึกกระบี่โอสถทอง ผู้ฝึก กระบี่เด็กหนุ่มเหอกูและอวี๋เสียหุยติดตามมาด้วย
ฉิวตู๋ฉิวเฒ่าขอบเขตก่อกาเนิดมาจากสานักเบื้องบน แล้วก็มี หงเซี่ยเจียวน้าที่เป็ นขอบเขตก่อกาเนิดเช่นเดียวกัน รวมไปถึงอวิ๋ นจื่อที่ตอนนี้ยังเป็ นขอบเขตประตูมังกร
และยังมีหุ่นเชิดที่มีจินซือ มัวอวี๋เอ๋อร ์และเที่ยวซานกงเป็ นหนึ่งใน นั้น นาพามัลละยันต์กลุ่มใหญ่มาเป็ นผู้เปิดภูเขาเคลื่อนย้ายสันเขา บุกเบิกเส้นทางน้า
คืนนี้หมื่อวี้กาลังรับรองแขกด้วยตัวเอง
จ้งชิวกับเฉาฉิงหล่างไม่เหมาะจะต้อนรับแขกสองคนนี้จริงๆ
เพราะเป็ นผู้ฝึกกระบี่ต่างถิ่นสองคนที่เดินทางมาไกล คนหนึ่งอยู่ ในรูปโฉมของเด็กหนุ่ม อีกคนหนึ่งอยู่ในรูปโฉมของหญิงชรา
พวกเขามีชื่อว่าสิงอวิ๋นและหลิ่วสุ่ย
พวกเขาเพิ่งมาถึงใบถงทวีปได้ไม่นาน ก่อนหน้านี้ไปเยือนภูเขา เซียนตูมาแล้ว ผลคือพลาดเป้ าหมายจึงตรงดิ่งมาที่เมืองหลวง แคว้นอวิ๋นเหยียน
ในห้อง สิงอวิ๋นยิ้มเอ่ยว่า “เจ้าก็คือหมี่อวี้หรือ?” หมื่อวี้พยักหน้ารับ “ข้าเอง”
โชคดีที่หมื่อวี่เคยอยู่ในคฤหาสน์หลบร ้อน แล้วยังช่วยงานใต้ เท้าอิ่นกวานเป็ นประจ า ท างานจุกจิกอย่างเช่นแยกบันทึกลับเข้าห้อง เอกสาร หาไม่แล้วหากเปลี่ยนมาเป็ นผู้ฝึ กกระบี่ทั่วไปของกาแพง เมืองปราณกระบี่ก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะรู ้ประวัติความเป็ นมาของผู้ฝึก กระบี่อาวุโสสองคนนี้จริงๆ
ผู้ฝึกกระบี่อาวุโสสองคนที่จากบ้านเกิดไปนานหลายปี ก่อนหน้า นี้ได้เรียกกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตออกมาให้หมี่อวี้ดู แล้วยังนา จดหมายที่ฉีถิงจี้เขียนเองกับมือออกมาด้วย
การลงนามช่วงท้ายของจดหมายลับ ฉีถิงจี้ใช ้ปราณกระบี่แทน น้าหมึก หมื่อวี้ตรวจสอบว่าไม่มีข้อผิดพลาดแล้วก็ถือว่ายืนยันใน ตัวตนของพวกเขาแล้ว จากนั้นก็ส่งกระบี่บินแจ้งข่าวไปที่ยอดเขาจี้ เซ่อภูเขาลั่วพัว
สิงอวิ๋นถามอย่างกังขา “จาได้ว่าตอนที่หมี่ฮู่ยังเล็ก รูปโฉมดูไม่ ค่อยได้เท่าไร”
หลิ่วสุ่ยพยักหน้า พูดตรงไปตรงมาไม่มีอ้อมค้อม “ค่อนข้าง อัปลักษณ์เลยล่ะ”
สิงอวิ๋นอดไม่ไหวถามว่า “พวกเจ้าสองพี่น้องมีพ่อแม่คนเดียวกัน จริงๆ หรือ?”
หมี่อวี้ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “เป็ นพี่น้องกันแท้ๆ เลย”
คาพูดไม่น่าฟังประเภทนี้ หมี่อวี้ได้ยินจนหูแฉะมาตั้งแต่ตอนอยู่ บ้านเกิดแล้ว เขาไม่เคยเก็บมาใส่ใจ
แล้วนับประสาอะไรกับที่ผู้ฝึ กกระบี่ท้องถิ่นของกาแพงเมือง ปราณกระบี่ก็ล้วนพูดจาหยาบคายกันทั้งนั้น
อย่างซุนจวี่เฉวียนที่ชอบทาตัวมีรสนิยมสง่างามนั่นถือว่ามีน้อย
ส่วนเฉินซีเจ้าประมุขสกุลเฉินถนนไท่เซี่ยง นั่นก็เรียกว่ามีความรู ้ จริงๆ
เพียงแต่ว่าหมี่อวี้ค่อนข้างสงสัยเรื่องหนึ่ง สิงอวิ๋นกับหลิ่วสุ่ยคือผู้ ฝึกกระบี่ในรุ่นเดียวกัน อายุของคนทั้งสองใกล้เคียงกัน กระบี่บินแห่ง ชะตาชีวิตของทั้งสองอย่าง “เกาจู๋” กับ “ซินเยว่” “สือเมี่ยว” กับ “เซียงฮว่อ” ล้วนจับคู่กันได้อย่างยอดเยี่ยม แต่คนทั้งสองกลับเกลียด ขี้หน้ากันเอง ตามบันทึกในเอกสารลับของคฤหาสน์หลบร ้อน หาก
พวกเขาผูกสมัครเป็ นคู่บ าเพ็ญเพียร แต่ละคนล้วนสามารถยกระดับ ขั้นตบะและขอบเขตให้สูงขึ้นระดับใหญ่ได้ แต่ปีนั้นเหตุผลที่พวกเขา ออกไปจากกาแพงเมืองปราณกระบี่กลับกลายเป็ นว่าเพราะไม่ อยากจะเห็นหน้าอีกฝ่าย
หลิ่วสุ่ยลังเลเล็กน้อย แต่ก็ยังกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “ข้าเจอ กับอิ่นกวานเซียวสวิ้นที่ใต้หล้าเปลี่ยวร ้าง นางไม่ได้ทาให้ข้าลาบาก ใจ หาไม่แล้วข้าก็ไม่มีทางรอดชีวิตกลับมาได้เห็นหัวก าแพงเมือง”
เห็นได้ชัดว่าสิงอวิ๋นเองก็เพิ่งเคยได้ยินเรื่องนี้เป็ นครั้งแรก เขา หลุดหัวเราะพรืด “ใครไม่รู ้บ้างว่าตอนเด็กเจ้าก็คือแมลงตามก้นของ เซียวสวิ้นอิ่นกวาน นางปล่อยเจ้าก็ไม่เห็นแปลก”
ดูเหมือนพวกเขาจะยังคงเคยชินที่จะเรียกเซียวสวิ้นว่าอิ่นกวาน
หลิ่วสุ่ยหัวเราะหยัน “เจ้าดีกว่าข้าสักเท่าไรกันเชียว ดีแต่ประจบ สอพลอตาเฒ่าต่ง ขอให้เขาถ่ายทอดเวทกระบี่ชั้นสูงให้ เขาสอนเจ้า หรือยังล่ะ? เรียนไปได้กี่ส่วนแล้ว?”
หมื่อวี่ไม่อยากจะเข้าร่วมการโต้คารมของพวกเขา
พอพวกเขาเงียบเสียงในห้องก็เงียบลงไปด้วย
สิงอวิ๋นเอ่ยเนิบช ้าว่า “เกาเฉิงตายอย่างไร”
หลิ่วสุ่ยเอ่ย “ทาไมเจ้าไม่ถามว่าโจวเฉิงตายอย่างไร ตอนนี้คง ปวดใจแทบตายเลยสินะ”
สิงอวิ๋นเงียบไปอีกครั้ง
หมี่อวี้ถาม “ดื่มเหล้ากันหน่อยไหม?”
หลิ่วสุ่ยผงกปลายคางไปทางสิงอวิ๋น เอ่ยว่า “ให้เขาสองกา จะได้ ดื่มเหล้าดับทุกข์”
สิงอวิ๋นแค่นเสียงในลาคอ ลุกขึ้นยืน เดินออกไปจากในห้อง ไป สูดอากาศที่หัวเรือ
หญิงชราเหลือบตามองกระบี่พกที่แขวนไว้บนผนังห้อง สายตา ฉายแววชื่นชม “ไม่เลว”
หมื่อวี้เอ่ย “เฉินฉุนอันผู้รอบรู ้เคยมอบแสงจันทร ์และยังช่วย หลอมกระบี่ให้ กระบี่พกเล่มนี้ของข้าถึงได้มีระดับขั้นอย่างในทุก วันนี้”
หญิงชราถามอย่างสงสัย “บัณฑิตอย่างเฉินฉุนอันยินดีคบค้ากับ คนอย่างเจ้าด้วยหรือ?”
หมื่อวี้ยิ้มตอบ “ต้องยกคุณความชอบให้ใต้เท้าอิ่นกวาน”
หญิงชราถาม “ดูเหมือนเจ้าจะยอมรับในตัวเฉินผิงอันอย่าง มาก?”
หมี่อวี้กล่าว “ผู้อาวุโสหลิ่วควรเรียกเขาว่าเฉินอิ่นกวานจะดีกว่า”
หญิงชราหัวเราะร่วน “เพียงแค่เพราะเขาคือเจ้าส านักของส านัก เบื้องบนพวกเจ้าน่ะหรือ?”
หมี่อวี้ตอบไม่ตรงคาถาม “หากพูดกันถึงคุณความชอบทางการ สู้รบ อิงตามวิธีการค านวณของคฤหาสน์หลบร ้อน พวกเจ้าสองคน รวมกันยังสู้ข้าคนเดียวไม่ได้ หากพูดกันถึงขอบเขต ข้าเป็ นเซียน กระบี่ เจ้ากับสิงอวิ๋นต่างก็เป็ นแค่ผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตหยกดิบ”
หญิงชราแสร ้งท าท่ากระจ่างแจ้ง “ที่แท้ก็เป็ นแบบนี้นี่เอง”
หมี่อวี้ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “อยู่ที่กาแพงเมืองปราณกระบี่ อายุขัยใน การฝึกตนมิอาจกินแทนข้าวได้ แล้วก็มิอาจดื่มแทนสุราได้”
หญิงชราลุกขึ้นยืน
หมี่อวี้ลุกตาม “ผู้อาวุโสทั้งสองท่าน ต่อจากนี้มีแผนการ อย่างไร?”
อย่าให้เป็ นเพราะตนรับรองแขกได้ไม่ดีพอถือเป็ นการไล่หลิ่วสุ่ย กับสิงอวิ๋นไปยังสานักกระบี่หลงเซี่ยงเลย
หลิ่วสุ่ยยิ้มเอ่ย “ขอดูไปอีกหน่อย”
ไปถึงที่ท้ายเรือ หญิงชราก็ยกมือขึ้นลูบจอนผมเบาๆ
ตอนที่อายุน้อย ใครเล่าที่ไม่ใช่สาวงาม
ในที่พักของทางการซึ่งอยู่ในนามศาลหงหลของเมืองหลวง แทบ จะทุกๆ สองสามวันหลิวโยวโจวจะต้องเปลี่ยนพื้นที่ประกอบพิธีกรรม “เปลือกหอย” ให้ทัศนียภาพแตกต่างกันไป
ในห้องหนังสือปูเสื่อไม้ไผ่ไว้ผืนหนึ่ง หลิวโยวโจวถือตะเกียบด้วย มือข้างหนึ่ง อีกมือหนึ่งถือหลัวซือเฝิ่น กาลังก้มหน้าก้มตาสวาปาม แต่สายตากลับจับจ้องไปที่ภาพแผนที่บนผนังเขม็ง
ช่องทางน้าของลาน้าใหญ่ที่จะทอดยาวออกไปในอนาคต ไม่ ต้องใช ้สีสันระบุพิกัดบนแผนที่ด้วยซ้า เพราะมันเหมือนเชือกที่มีห้าสี หกแสงด้วยตัวเอง
ทุกช่วงที่เหมือนปล้องไม้ไผ่ก็คือน่านน้าระยะทางหนึ่ง กองกาลัง ของแต่ละฝ่ายต่างก็รับผิดชอบในการขุดเจาะ มีการก าหนดระยะเวลา การก่อสร ้างที่แน่นอน มิอาจล่าช ้า หากกองก าลังของฝ่ ายใดมีความ คืบหน้าได้อย่างราบรื่นก็สามารถไปช่วยกองกาลังอื่นๆ ที่มีก าลังไม่ พอ จ่ายเงินฟาดเคราะห์ หลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกศาลบรรพจารย์เอาผิดที่ ท างานได้ล่าช ้าส่วนเรื่องของการ “ผสานมังกร” ทางฝั่งของศาล บรรพจารย์ได้จัดหาเซียนซือมารับผิดชอบเรื่องนี้โดยเฉพาะไว้ก่อน แล้ว
ตอนนั้นขุนนางของแคว้นต่างๆ ที่อยู่ในสถานการณ์ล้วนเป็ น พวกเจ้าเล่ห์กันแทบทุกคน ในใจของพวกเขาดีดลูกคิดอย่างว่องไว แล้วก็มองออกได้ทันทีว่าวิธีการคานวณเพื่อประเมินผลงานครั้งนี้มี ประโยชน์ต่อกองก าลังล่างภูเขาอย่างพวกเขายิ่ง ดังนั้นพวกเขาจึง พากันหันไปมองเทพเซียนบนภูเขาทั้งหลายที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามใน ศาลบรรพจารย์ พวกเจ้าไม่มีความเห็นต่างสักนิดจริงๆ หรือ?
กรมพิธีการกรมอาญาส่งตัวเซียนซื่อผู้ถวายงาน กรมกลาโหม ส่งตัวช่างประเภทต่างๆ และเกณฑ์ก าลังชาวบ้าน กรมคลังควัก กระเป๋ าเงิน
เส้นทางน้าของลาน้าใหญ่พยายามอ้อมผ่านห้าขุนเขาของแคว้น และศาลเทพภูเขาทั้งหลายให้ได้มากที่สุด หลีกเลี่ยงไม่ให้เป็ นการ ละเมิดข้อห้ามระหว่างภูเขาและสายน้า แน่นอนว่าหากราชสานักของ บางแคว้นยินดีจะเปลี่ยนที่ตั้งเดิมก็เป็ นอีกเรื่องหนึ่ง
แคว้นน้อยใหญ่ที่เป็ นทางผ่านของลาน้าใหญ่ทั้งหมดห้าสิบสอง แห่ง ต่อให้ช่วงนี้จะมีการก่อตั้งแคว้นขึ้นมาใหม่ก็ยังไม่มีทางเกินหก สิบแห่ง
ในบรรดานั้นก็มีราชสานักของแคว้นใต้อาณัติที่มีแคว้นเหนือหัว อยู่สามสิบสี่แห่ง หากไม่ใช่สถานการณ์ที่พิเศษก็มิอาจเข้าร่วมการ ประชุมของศาลบรรพจารย์ได้
ดังนั้นการประชุมใน “ศาลบรรพจารย์” ครั้งนี้จึงมีจักรพรรดิ แม่ ทัพอัครเสนาบดีของแคว้นเล็กจานวนไม่น้อยมาที่นี่ บ้างก็มาสาน สัมพันธ ์กับแคว้นเหนือหัว หวังว่าจะได้ครอบครองพื้นที่แห่งหนึ่ง หรือไม่ก็มาที่นี่เพื่อต่อต้าน แม้กระทั่งมาเพื่อด่าก็ยังมี
ส านักศึกษาต้าฝูที่ตั้งอยู่ภาคกลางของทวีปมีรองเจ้าขุนเขา สู่ก่าวเดินทางมาเยือนด้วยตัวเอง พานักปราชญ์หยางผู่มาด้วย ส านัก ศึกษาอู๋ซีทางทิศใต้เป็ นรองเจ้าขุนเขาหวังไจ่ซึ่งเป็ นวิญญูชนมา มี
https://novel-l