กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1048.5 สายฝนพร่างพรมเหนือใบอู๋ถง
แน่นอนว่าคนที่สะดุดตาที่สุดยังคงเป็ นสานักกระบี่ชิงผิงที่เปลี่ยน จากมังกรข้ามแม่น้ามาเป็ นงูเจ้าถิ่น
ในสถานการณ์ทั่วไป เมื่อกองกาลังจากต่างถิ่นมาก่อตั้งสานักใน ทวีปแห่งหนึ่ง คิดจะหยัดยืนได้อย่างมั่นคงไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น แล้วก็เพราะว่าอยู่ในใบถงทวีป ทางทิศเหนือส านักใบถงเหมือนปิด ภูเขา พันธมิตรใบท้อที่ในอดีตมีพลังอานาจยิ่งใหญ่ ทุกวันนี้ กลายเป็ นน่ากระอักกระอ่วนแล้ว เนื่องจากราชส านักต้าเฉวียนและ เรือนอวิ๋นฉ่าวผูซานเหมือนถูกตัดออกจากจวนเซียนอย่างพวก อารามจินติ่งและถ้าสวรรค์มังกรขาว ฯลฯ จึงมีลางว่าจะภายนอก ปรองดองภายในแตกแยก อีกทั้งหากพลาดเรื่องยิ่งใหญ่ครั้งนี้ไป การ มีสิทธิ์มีเสียงบนภูเขาในใบถงทวีปของอารามจินติ่งและถ้าสวรรค์ มังกรขาวก็จะถูกลดทอนไประดับใหญ่
ได้ครอบครองเก้าอี้สองตัวในศาลบรรพจารย์ก็เป็ นเรื่องที่ สมเหตุสมผลดีแล้ว ดังนั้นการที่ได้เพิ่มเก้าอี้มากลางคันกลับ กลายเป็ นว่าดึงดูดความสนใจของคนได้มากกว่า ยกตัวอย่างเช่นผู้ ฝึ กยุทธหญิงจากสกุลอวี้ราชวงศ์เสวียนมี่แผ่นดินกลางอย่างอวี้ เจวี้ยนฟู
่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลิวโยวโจว เจ้าตัวดี นี่คือบุตรชายคนเดียว ของหลิวจวี้เป่าเทพเจ้าแห่งโชคลาภของสกุลหลิวธวัลทวีปเชียวนะ!
เคยมีพวกชอบสอดรู ้สอดเห็นให้คาวิจารณ์ บอกว่าหากบุรุษที่ กินอิ่มว่างงานกลุ่มนั้นต่างก็มาที่นี่เพราะหวงอีอวิ๋นแห่งผูซาน ฮ่องเต้ หญิงแห่งต้าเฉวียน
ถ้าอย่างนั้นเทพธิดาอย่างน้อยครึ่งหนึ่งก็มาเพื่อหลิวโยวโจว! ชิง ตัวลูกเขยใต้กระดาน (ในสมัยโบราณ เวลาที่บัณฑิตสอบติดมีรายชื่อ ติดกระดาน มักจะมีคนมาจับตัวเอาไปเป็ นลูกเขย เพราะเชื่อว่า บัณฑิตเหล่านี้มีอนาคต เป็ นลูกเขยที่ดี) อะไรนั่นจะนับเป็ นผายลม อะไรได้ จะเทียบเคียงกับการเป็ นลูกสะใภ้สกุลหลิวได้หรือ?
นอกจากนี้ยังมีซืออวี้เหยียนรองเจ้ากรมกลาโหมของราช สานักต้าเฉวียน คนผู้หนึ่งที่ว่ากันว่าในอดีตเป็ นพวกลุ่มหลงในรักที่ กลับตัวกลับใจแล้ว
เพื่อให้การสนับสนุนเทพธิดาคนหนึ่งบนกระดานแยนจือภูเขาฮ วาเสินของพื้นที่มงคลถ้าเมฆา ก็ยอมใช ้เงินหลวงอย่างไม่เสียดาย เกือบจะถูกฮ่องเต้ที่พิโรธหนักออกคาสั่งให้ลากตัวไปตัดหัวเสียแล้ว
แล้วก็เป็ นคนหนุ่มที่มาจากตระกูลขุนนางผู้นี้ที่เดิมทีควรมีเนื้อ หนังบอบบาง คิดไม่ถึงว่าจะตากแดดจนตัวด าเกรียม เรือนกายหนา แกร่งบึกบึน ท าให้คนอื่นจาเขาไม่ได้ในทันที
่
ในห้องหนังสือยังมีลูกศิษย์ผู้สืบทอดเพียงหนึ่งเดียวของผู้ฝึ ก ยุทธขอบเขตปลายทางเพ่ยอาเซียงแห่งธวัลทวีปอย่างปรมาจารย์ หญิงหลิ่วสุ่ยอวี๋แห่งศาลเหลยกงอยู่ด้วย
นางยืนอยู่ข้างโต๊ะ มอง “ผลงานที่สืบทอดต่อกันมา” บนโต๊ะซึ่ง มาจากฝีมือของหลิวโยวโจว หลิ่วสุ่ยอวี๋ยิ้มเอ่ย “หากเฉินผิงอันหรือ เฉาสือมาเห็นภาพนี้เข้า เกรงว่าเจ้าต้องแบกรับผลลัพธ ์ที่ตามมาแน่”
ที่แท้หลิวโยวโจวก็วาดภาพ ‘ศึกเขียวขาว” แห่งสวนกงเต๋อที่ ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั้งใต้หล้า
เฉาชุดขาว เฉินชุดเขียว
ผู้ฝึกยุทธขอบเขตปลายทางสองคนประหนึ่งนักเลงข้างถนนที่ตี กันอีรุงตุงนัง เฉาสือถูกต่อยจนจมูกเขียวหน้าบวม
หลิวโยวโจวยิ้มกว้าง
หลิ่วสุ่ยอวี๋ถาม “เจรจากับฮ่องเต้สกุลฉินแคว้นอวิ๋นเหยียน เรียบร ้อยแล้วหรือ เจ้าคิดจะเหมาก้อนหมึกที่ผลิตจากทั้งแคว้นมา จริงๆ หรือไร?”
หลิวโยวโจวพยักหน้า “หมึกที่มาจากอวิ๋นเหยียน มีเอกลักษณ์ เพียงหนึ่งเดียวไม่มีอะไรเทียบได้ในทวีป หมึกที่ดีขนาดนี้ไม่ต้องกลุ้ม เรื่องการขายแน่นอน เมื่อก่อนได้เงินมาไม่มากก็เพียงแค่เพราะติดขัด ที่ช่องทางการขายมีแค่ทางเดียว พอดีกับที่สิ่งที่สกุลหลิวของพวกเรา ไม่ขาดมากที่สุดก็คือเส้นทางเดินเรือการค้า ก็หนีไม่พ้นว่าต้องเพิ่ม
่
รายการหมึกอวิ๋นเหยียนลงไปบนใบรายการของเรือข้ามฟากของ ตระกูล ไม่ได้ใช ้พื้นที่อะไรมากมาย ข้าลองคานวณดูคร่าวๆ ก าไร ต้องไม่น้อย ข้าแค่กังวลว่าผ่านไปไม่กี่สิบปี เมื่อช่องทางการขายถูก เปิ ดกว้างอย่างเต็มที่แล้วจะกลับกลายเป็ นว่าจ านวนการผลิตของ หมึกอวิ๋นเหยียนจะตามไม่ทัน”
หลิ่วสุ่ยอวี๋เอ่ยสัพยอก “คัมภีร ์การค้านี่เขามีติดตัวกันมาตั้งแต่ เกิดจริงๆ หรือ?”
หลิวโยวโจวยิ้มเอ่ย “ก็แค่ว่าอ่านมาเยอะเท่านั้น”
หลิ่วสุ่ยอวี๋ยิ้มรับ
หลิวโยวโจวพลันถามว่า “ท่านน้าหลิ่ว นอกจากสองสามทวีปที่ ต้องการแก้แค้นใต้หล้าเปลี่ยวร ้างแล้ว ทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางกับ หลิวเสียทวีปล่ะ ท่านว่าท าไมถึงมีคนมากมายขนาดนั้นที่ยินดีจะทา สงคราม? ท าไมพวกเขาถึงไม่กลัวตายกันเลยสักนิด”
หลิ่วสุ่ยอวี๋ตอบอย่างไม่ใส่ใจว่า “จิตใจที่เข้มแข็ง ผลประโยชน์ ชื่อเสียง แต่ละคนย่อมต้องมีเหตุผลเป็ นของตัวเองเสมอ พูดถึงแค่ผู้ ฝึ กลมปราณบนภูเขา สามารถถูกบันทึกลงในหนังสือล าดับ เหตุการณ์ประจาปีของศาลบรรพจารย์ได้ก็คือเหตุผลที่มิอาจดูแคลน ส่วนแม่ทัพบู๊พลทหารของราชส านักล่างภูเขา แน่นอนว่าอยากจะ สร ้างคุณูปการบนสนามรบให้ได้มากพอ คงจะรู ้สึกว่าการที่สามารถ
่
เข้าไปอยู่ในท าเนียบประจ าตระกูลหรืออักขรานุกรมท้องถิ่นได้ก็คือ เรื่องที่สร ้างเกียรติยศชื่อเสียงให้กับวงศ์ตระกูลได้แล้ว”
หลิวโยวโจวถอนหายใจเบาๆ กินหลัวชื่อเฝิ่นต่อไป ในห้องมีเสียง สูดเส้นหมี่มีดังชู้ด
หลิ่วสุ่ยอวี๋ถามอย่างประหลาดใจ “เรื่องนั้นที่กู้ซ่านพูดถึง
พิจารณาไปถึงไหนแล้ว” หลิวโยวโจวกล่าว “รอดูไปอีกหน่อย”
หลิ่วสุ่ยอวี๋ลังเลเล็กน้อย เอ่ยว่า “ขอข้าปากมากสักคา ทางที่ดี ที่สุดอย่าได้สนิทสนมกับคนอย่างกู้ซ่านมากเกินไป หากเจ้าไม่ใช่ หลิวโยวโจวก็ว่าไปอย่าง”
หลิวโยวโจวกล่าว “หากข้าไม่ใช่หลิวโยวโจว กู้ช่านจะมาหาข้า ท าไม”
ช่วงนี้หลิ่วสุ่ยอวี๋ไปหลอกถามจากอวี้เจวี้ยนฟูมาได้หลายเรื่อง ทาให้รู ้เรื่องวงในมากขึ้น การพบเจอกันบนทางแคบที่เกิดขึ้นในใต้ หล้าเปลี่ยวร ้างครั้งนั้น ทางฝั่งของไพศาลเป็ นเฉาสือที่รับผิดชอบชิง ลงมือก่อน พลังอานาจมหาศาลอย่างที่ใครก็มิอาจต้านทานได้ แต่คน สุดท้ายที่ปิดฉาก ผู้ฝึ กตนที่เป็ นตัวกาหนดชัยชนะกลับเป็ นกู้ซ่าน แห่งนครจักรพรรดิขาว แล้วก็เพราะการลงมืออย่างน่าอัศจรรย์ของ เขา ร่วมกับหมัดขอบเขตสิบเอ็ดที่เฉาสือปล่อยออกไป ถึงได้ท าลาย สถานการณ์ที่ชะงักงันลงได้ ขนาดอวี้เจวี้ยนฟูที่มีจิตใจแข็งแกร่ง
่
มั่นคง ตอนที่เล่าเรื่องนี้ให้หลิ่วสุ่ยอวี๋ฟังก็ยังรู ้สึกหวาดผวาไม่หาย นี่ แสดงให้เห็นถึงระดับความอันตรายของการเข่นฆ่าครั้งนั้น
ทางฝั่งของใต้หล้าเปลี่ยวร ้างได้ครอบครองทั้งฟ้ าอานวยดินอวย พร มีจู๋เชี่ย หลิวป๋ าย ชิวอวิ๋น อวี๋ซู่ เหย่าเถี่ยว จื่ออู่เมิ่ง จินตัน หยวน อิง อวี้ผู เลี่ยนเยี่ยน
ทางฝั่งของใต้หล้าไพศาล มีเพียงด้านคนสามัคคีเท่านั้นที่ ค่อนข้างจะได้เปรียบ มีเฉาสือ ฟู่ จิ้น หยวนพาง กู้ชาน อวี้เจวี้ยนฟู ฉุนชิง จ้าวเหยากวง ซวีหมี สวี่ป๋ าย
แน่นอนว่ายังต้องเพิ่มเจียงซ่างเจินที่ใช ้ฉายาว่าเปิงเลอะเจินจวิน และเซียนอิสระขอบเขตบินทะยาน เฝิงเซวี่ยเทาที่ใช ้ฉายาว่าชิงมี่เข้า ไปด้วย
ลมพัดมามหาสมุทรตั้งตระหง่าน ก้อนเมฆโอบกอดขุนเขาก้าว เดิน
ยามเช ้าตรู่ หลิวเม่าที่แต่งกายด้วยชุดนักพรตยืนเคียงบ่าอยู่กับ บุรุษสวมชุดลัทธิขงจื๊อคนหนึ่งริมทะเลตะวันตกของใบถงทวีป ลม ทะเลพร ้อมกับกลิ่นคาวจางๆ พัดมาปะทะใบหน้า
ฝ่ ายหลังทาท่าประหลาด เขายื่นฝ่ ามือข้างหนึ่งออกมา หงายฝ่ า มือขึ้นด้านบน จากนั้นยกฝ่ามืออีกข้างขึ้น คว่าฝ่ามือลงด้านล่าง
่
ก่อนหน้านี้ซุยตงซานหาบัณฑิตที่เกิดจากการรวบรวมของ โชคชะตาบุ๋นในใบถงทวีปผู้นี้เจอที่อาเภอชื่อเซี่ยนชานเมืองหลวง แคว้นอวิ๋นเหยียน
คนผู้นี้ตั้งชื่ออย่างหนึ่งให้ตัวเองซึ่งไม่รู ้ว่าเป็ นนามแฝงหรือฉายา ชื่อว่าไป้ กวาน
ทุกวันนี้เขาเป็ นเค่อชิงของยอดเขามี่เซวี่ยภูเขาเซียนตูแล้ว ค่อนข้างจะประหลาดอยู่บ้าง ไม่ได้เป็ นเค่อชิงที่ได้รับการบันทึกชื่อ ของสานักกระบี่ชิงผิง แต่มีสถานะคล้ายคลึงกับชิงเค่อในตระกูลต่างๆ
ชุยตงซานรับปากกับคนผู้นี้ว่าวันหน้าสามารถไปที่ศาลบุ๋น แผ่นดินกลางเพื่อขอความรู ้จากจิงเซิงซีผิงด้วยกันได้
หลิวเม่าหยิบ “ภาพปรากฏการณ์ฟ้ าเรียงดวงดาว” ที่ทางศาลปุ่ นอนุญาตให้จัดพิมพ์ออกมาจากสาบเสื้อตรงหน้าอก
ห่างจากด้านหลังของพวกเขาไปไม่ไกลก็คือภูเขาไห่หลง อาราม เต๋าในภูเขาแห่งนั้นเป็ นขุยตงซานที่เป็ นผู้มีจิตศรัทธาและนายทุนราย ใหญ่สุดสร ้างสิ่งปลูกสร ้างสองแห่งขึ้นมาอย่างลับๆ เอาไว้ใช ้ดู ปรากฏการณ์ดวงดาวตอนกลางคืนและวัดระดับโชคชะตาน้าของ ทะเลตะวันออก ทุกวันนี้หลิวเม่าสร ้างโอสถได้แล้ว รอให้งานหลวง ของกรมกลาโหมราชวงศ์ต้าเฉวียนสิ้นสุดลง เขาก็จะมาฝึกตนที่นี่ ช่วยชุยตงซานสร ้างเครื่องจาลองท้องฟ้ าและเครื่องตรวจจับ แผ่นดินไหวขึ้นมาอย่างลับๆ แน่นอนว่ากระดาษวาดภาพเป็ นชุยตง
่
ซานที่สร ้างขึ้นเอง หลิวเม่าที่เชี่ยวชาญศาสตร ์ของการคานวณอย่าง มากสุดก็แค่รับผิดชอบ…ช่วยงานจิปาถะและการดูแลรักษาเครื่องมือ ทั้งสอง
ไป้ กวานถาม “นักพรตหลงโจว เจ้าจะเอาแม่พิมพ์ไม้พวกนั้นคืน มาเมื่อไหร่?”
หลิวเม่าอัดอั้นตันใจยิ่งนัก คงพูดไม่ได้ว่าเจ้าสานักชุยกล่าวหา ผู้อื่น จงใจใส่ความเขาหรอกกระมัง?
ไป้ กวานถอยไปหนึ่งก้าว “ข้าสามารถจ่ายเงินซื้อกลับคืนมาได้”
ในเมื่อไม่อาจอธิบายอะไรได้ หลิวเม่าก็ทุ่มไหที่แตกให้แหลกไป เสียเลย “เลิกพูดเรื่องนี้”
ไป้ กวานขมวดคิ้ว “เจ้าขโมยไปจริงๆ หรือ?!”
หลิวเม่าที่เหมือนมีดินเหลืองเปื้อนเต็มกางเกงสูดลมหายใจเข้า ลึก “เจ้าจะพูดอย่างไรก็ตามใจเถอะ”
ไป้ กวานทรุดตัวลงนั่งยอง วักน้ามาไว้ในมือ
มีเพียงน้าสายใหญ่ที่เชื่อมโยงสู่มหาสมุทรเท่านั้นที่ถึงจะเรียกว่า ลาน้าได้ แต่นี่ยังเป็ นแค่หนึ่งในเงื่อนไขที่จาเป็ นต้องมี
ก็เหมือนอย่างลาคลองม่ายเหอของราชวงศ์ต้าเฉวียน แม่น้าเพ่ ยเจียงที่ไหลลงสู่มหาสมุทรซึ่งอยู่ใกล้กับผูซาน โค่วเซวี่ยนฉวี “ตงไห่ ฟู่ ” กับชิงหงจวินเทพวารีในท้องถิ่นที่มิอาจกลายเป็ นเทพที่ได้รับการ
่
สืบทอดอย่างถูกต้องของแม่น้าได้ หรืออย่างลาคลองหลินเหอที่ยาว หมื่นลี้ซึ่งมีเทพลาคลองอยู่หลายท่าน ระดับเทพบนทาเนียบหยกทอง สูงที่สุดก็แค่ระดับเจ็ดชั้นโทเท่านั้น แต่ใต้หล้าไพศาลมีแม่น้าสองสาย ที่สายน้ายาวไม่เกินสามสี่พันลี้ที่ไหลลงสู่มหาสมุทรซึ่งก็ยังถูกเรียกว่า ลาน้าใหญ่
ไป้ กวานเทน้าทะเลที่อยู่ในฝ่ ามือกลับคืนสู่มหาสมุทรอีกครั้ง เอ่ย ว่า “ได้ยินมาว่าราชวงศ์ต้าเฉวียนที่เจ้าอารามหลิวอยู่มีอู่ต่อเรือบน ภูเขาแห่งหนึ่งที่มีขนาดใหญ่มาก? นอกจากนี้ยังมีอีกแห่งหนึ่งที่กาลัง ก่อสร ้าง?”
หลิวเม่าพยักหน้า “ฮ่องเต้ทรงมีความสามารถและวิสัยทัศน์อัน ยิ่งใหญ่ มองการารณ์ไกลอย่างมาก”
ท่าเรือตระกูลเซียนที่ถูกสร ้างขึ้นประเภทนี้ โดยเฉพาะอู่ต่อเรือ ส าหรับเรือข้ามทวีปต้องสิ้นเปลืองกาลังแคว้นมหาศาล บางทีอาจต้อง ใช ้เวลานานห้าถึงสิบปีถึงจะสร ้างเค้าโครงของเรือข้ามฟากลาหนึ่ง ขึ้นมาได้ ห่างจากการ ‘ลงน้า” ที่แท้จริงอีกยาวไกล เรือข้ามทวีปที่ตน สร ้างขึ้นมาเองก็ถือว่าเป็ นโครงการริเริ่มบุกเบิกซึ่งเป็ นประวัติการณ์ ส าหรับใบถงทวีปแล้ว
ไป้ กวานเอ่ย “เมื่อเทียบกับราชวงศ์ต้าหลีของแจกันสมบัติทวีป แล้วยังห่างชั้นอยู่อีกไม่น้อย”
หลิวเม่ากล่าว “พูดแบบนี้ก็ไม่มีความหมายอะไรแล้ว”
่
อย่าว่าแต่ราชส านักต้าเฉวียนเลย ต่อให้เป็ นสิบราชวงศ์ใหญ่เก่า ของใต้หล้าไพศาล มีใครที่สามารถเป็ นเหมือนสกุลซ่งต้าหลีที่สร ้าง เรือกระบี่และเรือข้ามฟากขุนเขาได้อย่างต่อเนื่องจนเหมือนกับว่า… กาลังเล่นว่าวหรือไม่ก็โยนเกี๊ยวลงน้าได้บ้าง?
หลิวเม่านึกเรื่องหนึ่งขึ้นได้ ก่อนหน้านี้ระหว่างที่ชุยตงซานพา เขาเดินทางไปยังแคว้นอวิ๋นเหยียนเคยมีคาถามข้อหนึ่ง
ใบถงทวีปเคยเป็ นทวีปใหญ่ ผู้ฝึกตนในท้องถิ่นแต่ละคนสายตา สูงมองไม่เห็นหัวใคร ทว่าดันเป็ นสถานที่แห่งนี้ที่ทั้งไม่มีเรือข้ามทวีป สักลาเดียว แล้วก็ไม่คิดจะครอบครองลาน้าใหญ่สักสาย การปิดด่าน ลงดาลทวีปเช่นนี้ หรือว่าจะชอบเก่งแต่ในโปงผ้าห่มจริงๆ? ตู้เม่าแห่ง ส านักใบถงก็ดี สวินยวนแห่งส านักกุยหยกก็ช่าง พวกเขาคงไม่ใช่คน โง่กระมัง? หากมองผืนแผ่นดินของใบถงทวีปเป็ นภูเขาลูกหนึ่ง เจ้า คิดว่าการกระทาเช่นนี้คือการ…?
ตอนนั้นหลิวเม่าไม่ทันได้ไตร่ตรองก็โพล่งสองคาออกมาว่า ปิด ภูเขา
ชุยตงซานพยักหน้า “ไหนพูดกันว่าไม้ผุมิอาจน ามาแกะสลักได้ อย่างไรเล่า เห็นๆ กันอยู่ว่าทาได้นี่นา”
สานักของใบถงทวีปจงใจไม่ไปเยือนกาแพงเมืองปราณกระบี่ มิ อาจโยกย้ายโชคชะตาวิถีกระบี่จากกาแพงเมืองปราณกระบี่มาเลี้ยงดู ทวีปได้ นานวันเข้าจึงเป็ นเหตุให้มีผู้ฝึ กกระบี่น้อยนิด ไม่เป็ นโล้ไม่
่
เป็ นพาย สามพันปีก่อนยังไม่เกิดศึกพิฆาตมังกร แจกันสมบัติทวีปที่ อยู่ทางทิศเหนือ พูดถึงแค่อาณาเขตสู่โบราณก็มีเซียนกระบี่มากมาย ดุจก้อนเมฆ แสงกระบี่ผุดขึ้นจากสี่ทิศ หลิวเม่าเจ้าคิดจริงๆ หรือว่าผู้ ฝึกตนของใบถงทวีปจะไม่นึกอิจฉา ไม่คิดริษยาบ้างเลย? ภายหลัง โชคชะตาของแจกันสมบัติทวีปเสื่อมถอยลง ลาคลองตะวันออกสาม พันปี ล าคลองตะวันตกสามพันปี ลมและน้าหมุนเวียนผันเปลี่ยน ใบถงทวีปเริ่มดูแคลนแจกันสมบัติทวีป ในช่วงเวลาที่นานถึงสามพัน ปีนี้ก็ได้มีการวางแผนบางอย่าง เพียงแค่เพราะมีคนที่ต้องการจะอาศัย วิธีปิดภูเขาบรรพกาลอย่างหนึ่งมากักโชคชะตาขุนเขาสายน้าของ หนึ่งทวีปเอาไว้ เพื่อสะดวกที่จะเร่งให้เกิดขอบเขตสิบสี่ที่ผสานมรรคา กับดินอวยพรคนหนึ่ง
แน่นอนว่าเป็ นวิธีการที่โง่เขลา แต่ก็เหนือกว่าในด้านความมั่นคง
หากไม่เป็ นเพราะสงครามเปลี่ยวร ้างโจมตีไพศาลครั้งนั้นมา เยือน ใบถงทวีปถูกโจมตีจนกลายเป็ นตะแกรงร่อนที่ลมเข้าได้จาก แปดทิศ หาไม่แล้วพวกเขาก็มีโอกาสอยู่หลายส่วนจริงๆ บางทีอาจ เป็ นตู้เม่า และบางทีก็อาจเป็ นเจียงซ่างเจินหรือไม่ก็เหวยอึ๋งที่สวินยวน เลือกไว้ สรุปก็คือมีโอกาสที่จะช่วงชิงมาได้
ก่อนจะออกจากเมืองหลวง หลิวเม่าที่รับหน้าที่ดูแลการผลิต พู่กันจีจวี้ได้ไปเจอกับฮ่องเต้มาครั้งหนึ่ง
เหยาจิ้นจือเงยหน้ามองม่านฟ้ า ตอนนั้นนางยิ้มถามหลิวเม่าว่า “เจ้าเคยเห็นเมฆด าหรือไม่? เมฆดาที่ลอยกดทับเหนือนครน่ะ”
่
หลิวเม่าตอบคาถามที่ไร ้ต้นสายปลายเหตุนี้ไม่ถูก ยังดีที่ฮ่องเต้ ไม่ได้อมพะน า นางกล่าวต่อว่า ว่ากันว่าเรือกระบี่ที่ลอยอยู่กลาง อากาศของราชสานักต้าหลี ตอนที่มีจานวนมากพอก็จะท าให้เกิด ภาพเหตุการณ์เช่นนี้ได้
นครเซิ่นจิ่งต้าเฉวียนของเด็กรุ่นลูกหลิวเม่ามีค ากล่าวอยู่อย่าง หนึ่ง
ฮ่องเต้หญิงเหยาจิ้นจือเคยใช ้มือหนึ่งถือแกนภาพวาดที่ทาจาก ไม้ไผ่สีออกเหลืองอยู่ในห้องทรงพระอักษร นางใช ้แกนภาพวาดนั้น เคาะลงบนแผนที่หลายแคว้นซึ่งรวมถึงชวงศ์ต้าเฉวียนเป็ นหนึ่งในนั้น หนักๆ ชายแดน พื้นที่ใจกลาง เมืองหลวง
นางพูดกับเหล่าขุนนางคนส าคัญของราชส านักด้วยสีหน้าดุดัน เฉียบขาดว่า รากฐานของแคว้นที่แข็งแกร่งคือดินแดนใต้การ ปกครอง ดินแดนใต้การปกครอง และยังคงเป็ นดินแดนใต้การ ปกครอง!
……
ส านักศึกษาเทียนมู่ทางเหนือของใบถงทวีป
เวินอวี้รองเจ้าขุนเขาออกเดินทางไปข้างนอก เขาเดินทางผ่าน ราชวงศ์ทางทิศเหนือและแคว้นเล็กมากมายจนครบรอบหนึ่งแล้ว นอกจากราชสานักบางแห่งที่เป็ นกรณีพิเศษแล้ว เวินอวี้ก็ล้วนไม่เคย เปิดเผยสถานะของตัวเอง
่
เหมือนท าการตรวจสอบและประเมินขุนนางอย่างไม่ กระโตกกระตากครั้งหนึ่ง
พอรู ้ว่ารองเจ้าขุนเขากลับมาที่สานักศึกษา บรรยากาศแห่ง การศึกษาเล่าเรียนที่เดิมทีพอจะผ่อนคลายได้บ้างพลันเปลี่ยนมาเป็ น เคร่งขรึมทันที
เวินอวี้ที่อยู่ในสานักศึกษามีหน้าที่หลักๆ คือสอนวิชากลยุทธ ์ทาง สงครามและวิชาคานวณ อันที่จริงเขาไม่ใช่ผู้สอนที่คร่าครึชอบตี หน้าเคร่ง ตรงกันข้ามกันเลยด้วยซ้า เวลาที่เวินอวี้บรรยายคาบเรียน เขามักจะพูดจาสอดแทรกมุกตลกเสมอ
แต่ทั่วทั้งสานักศึกษา นับตั้งแต่นักปราชญ์วิญญูชนไปจนถึง นักเรียนทุกคนกลับเคารพย าเกรงเจ้าขุนเขาเวินเป็ นที่สุด
หลังจากที่เวินอวี้ลงจากเรือก็ไม่ได้กลับไปที่ห้องหนังสือของ ตัวเอง เขาเดินเท้าไปที่ภูเขาด้านหลังของสานักศึกษา รอกระทั่งเขา มาถึงที่พักที่เงียบสงบห่างไกล เจ้าขุนเขาฟ่ านเจียนถานและรองเจ้า ขุนเขาคังข่าย อาจารย์ผู้เฒ่าสองคนต่างก็มารอกันอยู่ที่หน้าประตู เรือนแล้ว
เวินอวี้ประสานมือคารวะพวกเขา พูดคุยกันที่หน้าประตูไปสอง สามประโยค อันที่จริงรายละเอียดของสถานการณ์ เจ้าขุนเขาฟ่ าน ได้รับรู ้จากเวินอวี้ผ่านจดหมายแล้ว
่
หลวี่ปี้หลงที่มีชื่อจริงว่า “หลงกง” ผู้นั้น ภายนอกนางคือเจ้า อารามของอารามจินชุ่ยคือเจินเหรินผู้ปกป้ องแคว้นของราชวงศ์ สกุลอวี๋ แต่สถานะที่แท้จริงที่ถูกอาพรางเอาไว้กลับเป็ นลูกศิษย์ผู้สืบ ทอดของศาลบรรพจารย์ส านักว่านเหยา
นางออกจากส านักเดินทางมาเยือนใบถงทวีปเพียงล าพังนาน แล้ว เป้ าหมายก็คือในอนาคตพอได้เลื่อนขั้นเป็ นห้าขอบเขตบนจะ ช่วยสร ้างสานักแห่งหนึ่งให้กับสานักว่านเหยา
ด้วยเหตุนี้เจ้าสานักหันอวี้ซูยังถ่ายทอดคาถาเก่าแก่ขั้นสูงให้นาง ถึงสองบทอย่างไม่ขี้เหนียว หลวี่ปี้หลงถึงได้เลื่อนเป็ นก่อกาเนิด และ ยังรับปากกับนางว่าหากท าส าเร็จ ไม่เพียงแต่จะอนุญาตให้นางได้ ขยับขยายเส้นสายของตัวนางเองให้กว้างขวางขึ้น ในอนาคตสานัก ว่านเหยาก็จะคอยส่งตัวอ่อนด้านการฝึกตนมาให้นางอีกหลายกลุ่ม ในศาลบรรพจารย์ส านักว่านเหยา ระบบสืบทอดสายของนางจะได้ ครอบครองที่นั่งอย่างน้อยสองที่