กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1048.6 สายฝนพร่างพรมเหนือใบอู๋ถง
รอกระทั่งเผ่าปี ศาจใช ้พลังอานาจที่พังทุกอย่างราบเป็ นหน้า กลองโจมตีและยึดครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของใบถงทวีปไปได้ ทาง สานักว่านเหยาแห่งพื้นที่มงคลสามภูเขาก็ได้สั่งให้นางพยายามรักษา พลังต้นก าเนิดของราชวงศ์สกุลอวี๋เอาไว้ให้ได้มากที่สุด ให้เข้าไป หลบภัยในพื้นที่ลับของพรรคชิงจ้วน รอกระทั่งเผ่าปีศาจถอยออกไป จากใต้หล้าไพศาล ส านักว่านเหยาก็ออกคาสั่งมาให้นางอีกว่าให้ แอบฮุบกลืนพรรคชิงจ้วนที่มีผู้ฝึกตนโอสถทองแค่สองคน หวังว่านาง จะสามารถใช ้ที่นี่เป็ นรากฐานสร ้างสานักอีกแห่งขึ้นมาใหม่
เมื่อเป็ นเช่นนี้ รอกระทั่งสานักว่านเหยาอาศัยเงินเทพเซียนทุ่ม ออกมาเป็ น “คุณความชอบทางการสู้รบ” จนได้สร ้างสานักเบื้องล่าง ไว้ที่ใบถงทวีปแล้ว และรอให้หลวี่ปี้หลงเลื่อนเป็ นขอบเขตหยกดิบ สาเร็จ พรรคชิงจ้วนก็สามารถเปลี่ยนเป็ นสานักชิงจ้วนได้แล้ว และ ก่อนที่นางจะ “ปิดด่านฝ่าทะลุขอบเขต” ก็ควรจะหาโอกาสเข้ามาเป็ น ผู้ฝึกตนท าเนียบของส านักว่านเหยาก่อน ถึงเวลานั้นสานักว่านเหยา ก็จะสามารถถือโอกาสเลื่อนขั้นกลายเป็ น “สานักดั้งเดิม” พร ้อมกับที่ ได้ครอบครองสานักเบื้องบนและสานักเบื้องล่างไปในเวลาเดียวกัน
ก่อนหน้านี้สานักศึกษาได้ทาการ ‘สอบสวน” หลงกงไปแล้วครั้ง หนึ่ง หลวี่ปี้หลงแห่งอารามจีชุ่ย” ทุ่มหมดหน้าตักแล้ว อะไรที่ควรพูด อะไรที่ไม่ควรพูด นางล้วนพูดไปทั้งหมดแล้ว
เพียงแต่ว่าทางฝั่งของสานักศึกษาเทียนมู่ยังไม่ได้ข้อสรุป สาหรับเรื่องนี้หลงกงรู ้ดีอยู่แก่ใจว่าต้องรอเวินอวี้รองเจ้าขุนเขา
เสียก่อน
ก่อนหน้านี้ตอนอยู่อารามจีชุ่ยเด็กหนุ่มชุดขาวที่จนถึงทุกวันนี้ นางก็ยังไม่รู ้ตัวตนที่แท้จริงของอีกฝ่ ายได้ใช ้สถานะของเวินอวี้มา ข่มขู่นาง อีกทั้งยังได้ผลดีมากด้วย
เพราะพวกเวินอวี้สามคนต่างก็ห้อยป้ ายหยกของเจ้าขุนเขาที่ เป็ นตัวแทนสถานะของพวกเขา จึงสามารถมองข้ามตราผนึกขุนเขา สายน้าของจวนเดินเข้ามาข้างในโดยตรง
หลงกงที่ถูกกักขังอยู่ที่นี่ได้รับการแจ้งเตือนล่วงหน้าก่อนแล้ว นางจึงมายืนอยู่นอกประตูของห้องหลัก น้อมต้อนรับเจ้าขุนเขาของ สานักศึกษาทั้งสามท่าน ยอบกายคารวะพวกเขา
รอกระทั่งหลงกงได้เห็นเวินอวี้แห่งสานักศึกษาตัวจริงผู้นี้แล้วก็ไม่ รู ้ว่าเหตุใด เพียงแค่มองแวบแรก หลงกงก็รู ้สึกหวาดผวาย าเกรงในตัว ของลูกศิษย์ลัทธิขงจื๊อหนุ่มผู้นี้อย่างมาก
ร่างทั้งร่างของนางเหมือนตกลงไปในหลุมน้าแข็ง รู ้สึกเสียวสัน หลังวาบอย่างห้ามไม่ได้
แน่นอนว่านางก็กลัวเด็กหนุ่มชุดขาวคนนั้นด้วย แต่ความรู ้สึกที่ มากกว่านั้นคือมีความรู ้สึกเหลวไหลไร ้สาระมากกว่าเคารพย าเกรง
ดังนั้นแค่เวินอวี้มองมาที่หลงกง นางก็ก้มหน้าลงตามจิตใต้สานึก ทันที ไม่กล้าสบตากับเขา
อาจารย์ผู้เฒ่าสองท่านสบตากัน ต่างก็รู ้สึกว่าน่าขัน
ยังคงต้องให้รองเจ้าขุนเขาเวินออกหน้าจึงจะได้จริงเสียด้วย
แม้จะบอกว่าถูกจับขัง แต่หลงกงที่อยู่ในสานักศึกษานอกจาก ออกไปจากเรือนแห่งนี้ไม่ได้แล้ว อันที่จริงก็ไม่ได้รับ “การปฏิบัติ” อย่างที่นักโทษสมควรได้รับ ในบ้านพักยังมีต าราให้นางอ่านมากมาย
ตอนนี้ทั้งบนและล่างภูเขาของใบถงทวีปมีความเห็นพ้องต้องกัน อย่างหนึ่งที่ไม่จาเป็ นต้องเอื้อนเอ่ยออกมา
ทาเรื่องที่ผิดศีลธรรมก็อย่าได้ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของเวินอวี้แห่ง ส านักศึกษาเทียนมู่
ล่างภูเขา สาหรับเรื่องที่จะว่าหนักก็หนักจะว่าเบาก็เบา ส านัก เทียนมู่อาจจะลงโทษสถานเบา แต่หากเป็ นผู้ฝึกตนบนภูเขาที่กระทา ความผิด ส านักศึกษากลับลงโทษสถานหนักมาโดยตลอด
รอกระทั่งการก่อสร ้างของสานักศึกษาสามแห่งสืบเนื่องไปจน เสร็จสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเวินอวี้มารับหน้าที่รองเจ้าขุนเขาของ ส านักศึกษาเทียนมู่ เพียงไม่นานทางฝั่งของใบถงทวีปก็ขบคิดจนได้
เส้นสนกลในบางอย่าง ดังนั้นผู้ฝึ กตนบนภูเขาและเผ่าปี ศาจใน ท้องถิ่นทางเหนือของใบถงทวีป พวกที่ทาชั่วแล้วใจฝ่ อทั้งยังรู ้สึกว่า กระดาษย่อมห่อไฟไม่มิดต่างก็เป็ นฝ่ ายไปเยือนส านักศึกษาต้าผู้ที่ ภาคกลางหรือไม่ก็สานักศึกษาอู่ชีที่ภาคใต้ด้วยตัวเองแทน ยอมที่จะ เดินทางอ้อมไปไกล ยอมที่จะเสี่ยงอันตราย แต่กลับไม่ยอมไปยัง ส านักศึกษาเทียนมู่ของเวินอวี้เด็ดขาด นั่นไม่เรียกว่าการมอบตัว แต่ คือการพาตัวไปติดกับดัก ไม่ตายก็ต้องเอาชีวิตไปทิ้งครึ่งหนึ่ง
เพราะการกาหนดโทษและการลงโทษทั้งหมด สามสานักศึกษา จะป่าวประกาศให้แก่ภายนอกรู ้ในทันที
ระดับความรุนแรงในการลงโทษที่สานักศึกษาเทียนมู่มีต่อผู้ฝึก ลมปราณมักจะหนักหนาเกินกว่าที่สานักศึกษาต้าฝูและส านักศึกษา อู่ชีจะเทียบได้ติดในทุกกรณีไม่มียกเว้น
เดินข้ามธรณีประตูของห้องหลักมา เจ้าขุนเขาทั้งสามนั่งเรียง แถวกัน หลงกงยืนอยู่ตรงข้ามพวกเขาเพียงล าพัง
รอกระทั่งฟ่ านเจี่ยนถานและคังข่ายนั่งลงแล้ว เวินอวี้ถึงได้นั่งลง ยื่นมือไปกดลงความว่างเปล่าต่อผู้ฝึกตนหญิงขอบเขตก่อกาเนิดที่ อยู่ฝั่งตรงข้ามสองที “ในเมื่อยังไม่ได้กาหนดโทษ ก็ไม่ต้องระมัดระวัง ตัวมากเกินไป นั่งลงคุยกันเถอะ”
หลงกงได้ยิน เส้นเอ็นหัวใจก็บีบรัดตัวแน่นทันที ประโยคนี้ของ เวินอวี้ อันที่จริงหากเขาไม่พูดน่าจะดีกว่า
นางนั่งอยู่บนเก้าอี้รู ้สึกเหมือนนั่งอยู่บนพรมเข็ม
“หากสานักว่านเหยาไม่แอบสมคบคิดกับเผ่าปีศาจแห่งเปลี่ยว ร ้างมานานแล้วก็ต้องจงใจปิ ดบังรายงานข่าว ถือว่ารู ้แต่ไม่ยอม รายงาน ในความเห็นของข้า เห็นได้ชัดว่าความเป็ นไปได้ของอย่าง แรกมีมากกว่า”
ประโยคแรกของเวินอวี้ในวันนี้เท่ากับว่าให้ข้อสรุปต่อการ สอบสวนที่ยังไม่ได้เริ่มต้นของวันนี้ล่วงหน้าแล้ว ไม่ใช่แค่หลงกง เท่านั้น ยิ่งพุ่งเป้ าเล่นงานไปที่สานักว่านเหยาและหันอจี้ซู่ผู้เป็ นเจ้า ส านัก
เจ้าขุนเขาฟานเจี่ยนถานไม่พูดอะไรสักค า
เวินอวี้กล่าวต่ออีกว่า “ตอนที่หลงกงออกมาจากสานักว่านเหยา ห่างจากช่วงเวลาที่เผ่าปีศาจของเปลี่ยวร ้างโจมตีกาแพงเมืองปราณ กระบี่อยู่นานมาก สานักว่านเหยาส่งตัวนางมาที่ใบถงทวีป ใช ้ นามแฝงว่าหลวี่ปี้หลงเข้ามาอยู่ในอารามจีชุ่ยของเมืองลั่วจิง รับ หน้าที่เป็ นเจินเหรินผู้พิทักษ์แคว้นของราชวงศ์สกุลอวี๋ จากนั้นนาพา คนกลุ่มใหญ่ไปหลบซ่อนตัวอยู่ในพรรคชิงจ้วน การกระทาที่ร ้อยเรียง ต่อเนื่องกันนี้ เห็นได้ชัดว่าสานักว่านเหยาและหันอวี้ซู่ได้มีการ เตรียมการมาก่อน”
รองเจ้าขุนเขาคังข่ายอดไม่ไหวกล่าวว่า “เจ้าส านักหันคือเซียน เหรินที่มีประสบการณ์โชกโชน พื้นที่มงคลสามภูเขายังเป็ นพื้นที่ลับ
เก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร ์ยาวนานและการสืบทอดที่ลึกล้าอาพราง เจ้า ส านักหันจะไม่อาจอาศัยเวทลับหรือสัญลักษณ์กว้าในการท านายมา อนุมานได้ว่า…ฟ้ าอานวยมีการเปลี่ยนแปลงเชียวหรือ? จากนั้นก็ อาศัยสิ่งนี้มาวางแผนไว้แต่เนิ่นๆ? แม้จะบอกว่าพื้นที่มงคลสามภูเขา ตกเป็ นที่ต้องสงสัยว่าเอาตัวรอดเพียงลาพัง เพียงแต่ว่านี่ก็ถือเป็ น ความรู ้สึกทั่วไปของมนุษย์ หนึ่งเพราะหันอวี้ซู่ไม่ใช่ลูกศิษย์ของลัทธิ ขงจื๊อ อีกอย่างส านักว่านเหยาก็ไม่เคยติดต่ออะไรกับศาลปุ่น รองเจ้า ขุนเขาเวินตัดสินเช่นนี้จะดูไม่ค่อยเหมาะสมหรือไม่?”
เพราะถึงอย่างไรโลกภายนอกไม่ได้รู ้รากฐานของมหามรรคา พื้นที่มงคลสามภูเขาอย่างชัดเจน แต่ศาลบุ๋นและส านักศึกษากลับ พอจะเข้าใจอยู่บ้าง
นั่นคือหนึ่งในพื้นที่ประกอบพิธีกรรมบรรพกาลของอาจารย์ซาน ซานจิ่วโหว ดังนั้นบางทีอาจมีการสืบทอดที่ลี้ลับบางอย่างของวิชา อภินิหารที่เป็ นความรู ้เฉพาะตัวที่ผู้ฝึ กตนของโลกภายนอกมิอาจ สัมผัสได้ถึง
สมมติว่าหันอวี๋ซู่อนุมานถึงสงครามที่จะเกิดขึ้นในภายหลังนั่นได้ จริง ไม่ว่าจะเป็ นสัญลักษณ์ทางการทานายหรือผลลัพธ ์ที่ได้จาก คานวณในใจ ชัดเจนหรือพร่าเลือน ในเรื่องที่ใหญ่เทียมฟ้ าถึงเพียงนี้ การที่จะเรียกร ้องให้สานักว่านเหยาไปแจ้งเตือนศาลบุ๋นแต่เนิ่นๆ ก็ เป็ นการทาให้คนอื่นลาบากใจมากจริงๆ
เห็นสกุลลู่ส านักหยินหยางแผ่นดินกลางเป็ นพวกไร ้ประโยชน์ จริงๆ หรือไร? ส านักว่านเหยาที่อยู่ห่างไกลอย่างเจ้าจะค านวณ เจตนารมณ์สวรรค์ได้อย่างแม่นย า มองภาพปรากฏการณ์ดวงดาวได้ อย่างชัดเจน?
แล้วนับประสาอะไรกับที่ทั่วทั้งใต้หล้าไพศาล พูดถึงแค่ทวีปแดน เทพแผ่นดินกลาง คนมหัศจรรย์มีมากมาย นอกจากสกุลลู่แล้ว ผู้ บรรลุมรรคาที่เชี่ยวชาญเรื่องปรากฏการณ์ดวงดาวและการท านาย ทายทักก็ไม่ได้ขาดแคลนเลยจริงๆ
“ด้วยรากฐานของสานักว่านเหยาที่ได้ครอบครองพื้นที่มงคล สามภูเขา คิดอยากจะเปิดประตูใหญ่ในวันใดวันหนึ่ง ได้ครอบครอง สองสานักเบื้องล่างไปพร ้อมๆ กัน จากนั้นอาศัยการปูรากฐานของ เจ้าที่อยู่ข้างนอกสร ้างวีรกรรมที่จะเลื่อนเป็ น “สานักดั้งเดิม” ได้ใน รวดเดียวก็ใช่ว่าจะเป็ นไปไม่ได้”
เพียงแค่อาศัยการวางแผนอย่างลับๆ ที่ต่อเนื่องกันเป็ นชุดนี้ก็จะ อาศัยสิ่งนี้มาตัดสินว่าส านักว่านเหยาและหันอวี้ซู่แอบสมคบคิดกับ เผ่าปีศาจแห่งเปลี่ยวร ้างอย่างลับๆ ถึงอย่างไรก็ไม่มีหลักฐาน
เจ้าขุนเขาฟ่านเจี่ยนถานมาจากสายหย่าเซิ่ง คือลูกศิษย์เข้าห้อง ของหย่าเซิ่ง
รองเจ้าขุนเขาคังข่ายมาจากสายของสถานศึกษาชุนชิว สายบุ๋ นของเขาถือเป็ นของพรรคกงหยางที่มีการสลับสับเปลี่ยนระหว่าง ความรู ้แบบเด่นชัดและความรู ้แบบอ าพรางโดยตลอด
ดังนั้นประโยคที่สองของรองเจ้าขุนเขาเวินจึงสมกับเป็ นเวินอวี้อ ย่างมากแล้ว “ข้าอาศัยการรวบรวมข้อมูลจากช่องทางต่างๆ ที่ แตกต่างกันมาท าการศึกษาส านักว่านเหยาอย่างละเอียด สุดท้ายได้ ข้อสรุปออกมาว่าโอกาสที่พวกเจ้าจะตกเป็ นที่ต้องสงสัยว่ามีการ สมคบคิดกับเผ่าปีศาจมีไม่น้อย”
หากสงสัยให้มีโทษ หากสงสัยให้พ้นผิด วิธีการตัดสินคดีสอง อย่างนี้ หนึ่งคือฟ้ าหนึ่งคือดิน
วิธีการลงมือของเวินอวี้นั้นเรียบง่ายมาก ไม่ใช่สานักศึกษาที่เป็ น ผู้หาหลักฐาน สุดท้ายค่อยตัดสินโทษของเจ้าหันอวี้ซู่
แต่เป็ นเจ้าหันอวี้ซู่ต้องไปหาหลักฐานด้วยตัวเอง จากนั้นมา พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองที่สานักศึกษา
หลงกงหน้าซีดขาวในทันใด
เวินอี้ถามด้วยน้าเสียงเรียบเฉย “หันอวี้ซู่จะมั่นใจได้อย่างไรว่า เจ้าจะไม่มีใจเป็ นอื่น ไม่คิดจะไปสวามิภักดิ์ต่อสานักใบถงหรือสานัก กุยหยก แต่ต้องเลือกก่อตั้งพรรคของตัวเองอยู่ข้างนอก?”
หลงกงตอบ “สิ่งที่สานักว่านเหยามอบให้ได้ ส านักใบถงกลับ มอบให้ไม่ได้”
นางอธิบายอย่างละเอียดว่าทาไมถึงนางถึงได้กล่าวเช่นนี้
ผู้ถ่ายทอดมรรคาของหลงกงคือก่อกาเนิดเฒ่าคนหนึ่ง เป็ นผู้ ถวายงานในศาลบรรพจารย์ของส านักว่านเหยา ได้จากโลกนี้ไปนาน แล้ว หลงกงที่เป็ นลูกศิษย์ใหญ่จึงกลายเป็ นเสาคานหลักส าหรับ สายสืบทอดนี้ นางต้องช่วยอาจารย์รักษากิจการที่สืบทอดกันมานี้ไว้ ให้ได้ เพียงแต่ว่าสายที่ควันธูปกระจัดกระจายนี้ ทุกวันนี้ต่อให้รวมตัว หลงกงเองแล้วก็ยังเหลือคนแค่หกคนเท่านั้น อีกทั้งห้าคนที่เหลือต่าง ก็เป็ นผู้ฝึกลมปราณห้าขอบเขตกลาง ศิษย์หลานคนหนึ่งที่คุณสมบัติ ดีที่สุดก็เพิ่งจะเป็ นขอบเขตประตูมังกร ดังนั้นหลงกงถึงได้คิดอยากจะ สร ้างเกียรติยศชื่อเสียงให้กับระบบสืบทอดบ้านตนมากถึงเพียงนั้น หากจะบอกว่าให้นางหันไปพึ่งพาสานักใบถงหรือสานักกุยหยก ด้วย วิธีการของหันอวี้ซู่แล้ว เกรงว่าสายสืบทอดนี้ของนางคงขาดสะบั้นไป อย่างสิ้นเชิงแล้ว
เวินอวี้ถาม “ในเมื่อหันอวี้ซู่ร่ายตราผนึกลับที่สืบทอดกันมาของ ส านักบนร่างเจ้า แค่เกิดความคิดเป็ นอื่นก็จะถูกเขาจับเบาะแสได้ ทันที สามารถท าให้เจ้ากายดับมรรคาสลายในฉับพลัน ไฉนเจ้าถึงยัง เป็ นฝ่ายเดินทางมาที่สานักศึกษา?”
แม้ว่าหลงกงจะรู ้สึกกังขา เพราะเรื่องพวกนี้ ก่อนหน้านั้นรองเจ้า ขุนเขาคังข่ายเคยถามนางไปก่อนแล้ว แต่นางก็ยังตอบซ้าอีกรอบแต่ โดยดี บอกว่าเทียนซือใหญ่ต่างแซ่ของภูเขามังกรพยัคฆ์อย่างเจินเห รินผู้เฒ่าเหลียงได้ช่วยสาวเส้นไหมออก เด็กหนุ่มชุดขาวที่นิสัยยาก
จะคาดเดาก่อนหน้านี้ ก่อนจะไปจากอารามจีชุ่ยก็ได้ถ่ายทอดแผน อันแยบยลอย่างหนึ่งให้กับนาง บอกว่าเมื่อเจอกับเวินอวี้แห่งสานัก ศึกษา หากเจอกับเรื่องทุกอย่างที่ “อธิบายได้ไม่ชัดเจน” ก็ให้ผลักไป บนร่างของเทียนซือใหญ่เหลียงส่วงให้หมด มีโล่กาบังนี้อยู่ รับรองว่า จะไม่มีอันตรายถึงชีวิต แล้วนับประสาอะไรกับที่เจ้าเองก็ถือว่ามามอบ
ตัวเอง ส านักศึกษาไม่มีทางสังหารเจ้าแน่
เวินอวี้เอ่ยกับหลงกงว่า “ผู้ฝึกตนสายรองของสานักว่านเหยาที่ อยู่สายเดียวกับเจ้าจะติดตามหันอวี้ซู่มาที่สานักศึกษาด้วย”
หลงกงถอนหายใจโล่งอก
เท่ากับว่าสานักศึกษาเทียนมู่ได้มอบยันต์คุ้มกันกายแผ่นหนึ่ง
ให้กับนาง
หลีกเลี่ยงไม่ให้นางถูกสานักว่านเหยามาคิดบัญชีย้อนหลัง ไม่ กล้างัดข้อกับส านักศึกษาก็เลยมาระบายโทสะใส่ผู้ฝึ กตนสายของ นางแทน
ฟ่านเจี่ยนถานกล่าว “เวินอวี้ เรื่องนี้เป็ นเรื่องใหญ่ พวกเราควรจะ รายงานศาลบุ๋นทันทีเลยหรือไม่?”
รองเจ้าขุนเขาคังข่ายพยักหน้า ทาแบบนี้ค่อนข้างจะมั่นคง
เวินอวี้กลับเอ่ยว่า “แน่นอนว่าต้องรายงาน เพียงแต่ว่าเมื่อหลงกง จากไปก็ง่ายที่จะเป็ นการแหวกหญ้าให้งูตื่น รอกระทั่งสานักว่านเหยา คืนสติ โอกาสก็หลุดลอยไปแล้ว”
“แม้จะบอกว่าทิ้งหุ่นเชิดไว้ที่อารามจีชุ่ยในเมืองลั่วจิง แต่ปิดบังผู้ ฝึ กตนทั่วไปของส านักว่านเหยาได้ กลับไม่แน่เสมอไปว่าจะปิดบัง หันอวี้ซู่ที่เป็ นขอบเขตเซียนเหรินได้”
“ส่งจดหมายฉบับหนึ่งไปให้หันอวี๋ซูในนามของส านักศึกษา บอกไปว่ามีเรื่องจะหารือเมื่อได้รับจดหมายแล้วก็ให้เขามาที่สานัก
ศึกษาเทียนมู่ทันทีเพื่ออธิบายเรื่องราวทั้งหมด”
ฟ่ านเจี่ยนถานรู ้สึกลังเลเล็กน้อย “ถึงอย่างไรก็เป็ นเจ้าสานักที่ เป็ นขอบเขตเซียนเหริน หันอวี้ซู่ยังดูแลพื้นที่มงคลสามภูเขาที่มี ประวัติศาสตร ์ยาวนานอีกด้วย ส านักศึกษาของพวกเราทาเช่นนี้จะดู …?”
เวินอวี้ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “หากเป็ นผู้ฝึ กตนขอบเขตสิบสี่ ข้าก็ อาจจะเชิญมาไม่ได้จริงๆ
ความนัยในประโยคนี้ก็คืออย่าว่าแต่เซียนเหรินเลย ต่อให้เป็ นผู้ ฝึ กตนใหญ่ขอบเขตบินทะยานก็ต้องมาที่สานักศึกษาเทียนมู่เพื่อ อธิบายกับข้าเวินอวี้ให้ชัดเจน
คังข่ายกล่าว “ดูจากหลักฐานที่หลงกงมอบมาให้ในตอนนี้ไม่ มากพอที่จะกาหนดโทษของหันอวี้ซู่แห่งส านักว่านเหยาได้”
เวินอวี้กล่าว “รอให้ข้าถามหันอวี้ซู่แล้ว ย่อมจะมีหลักฐานเอง”
คังข่ายรีบหันไปมองเจ้าขุนเขาฟ่ าน เจ้าตัวดี นี่เขาเริ่มก้มหน้า ดื่มชาแล้ว เมื่อครู่พวกเราสองคนต่างก็ตั้งใจรับฟังอย่างมีสมาธิ ไม่ เคยได้ยกถ้วยน้าชาอย่างเจ้าเลยนะ
คังข่ายถอนหายใจ “เจ้าขุนเขาเวิน ทาแบบนี้เหมือนจะไม่ถูก กฎระเบียบสักเท่าไร”
เวินอวี้ย้อนถาม “กฎข้อใดของศาลบุ๋นไม่อนุญาตให้รองเจ้า ขุนเขาส านักศึกษาเชิญตัวเจ้าส านักผู้หนึ่งมาดื่มชาที่สานักศึกษา หรือ?”
อยู่ในใบถงทวีปแห่งนี้ บัณฑิตของสานักศึกษาพูดกับเจ้าด้วย เหตุผลก็จงรับฟังแต่โดยดี
ฟ่ านเจี่ยนถานสบตากับคังข่าย ผู้เฒ่าทั้งสองต่างก็รู ้สึกอ่อนใจ อยู่บ้าง
ส่วนทาไมเวินอวี้ถึงได้ยืนกรานจะให้หันอวี๋ซู่เดินทางมาที่สานัก ศึกษาด้วยตัวเอง เจ้าขุนเขาทั้งสองท่านย่อมรู ้ต้นสายปลายเหตุดีอยู่ แล้ว
เวินอวี้ย่อมมีวิธีการที่จะตรวจสอบความจริง
ก็เหมือนอย่าง “การทาในสิ่งที่เกินความจาเป็ น” อย่างการ สอบสวนหลงกงในวันนี้ของเวินอวี้ นี่ไม่ใช่แค่การทาให้ผ่านไปพอ เป็ นพิธีอะไรเท่านั้น
เพียงแต่หลงกงขอบเขตไม่พอ เป็ นเหตุให้นางไม่รู ้ตัวเลยสักนิด ว่าแท้ที่จริงแล้วตอนนี้พวกเขาต่างก็อยู่ในฟ้ าดินเล็กของเวินอวี้แล้ว
ห้องหนังสือของเวินอวี้เคยแขวนเทียบอักษรผลงานจริงไว้ชิ้น หนึ่ง เนื้อหาที่ตัดทอนมามีบทหนึ่งบอกว่า
“ห้องข้าเล็ก แต่เงาของเจียวและมังกร (เปรียบเปรยถึงกิ่งก้านต้น สน) ด้านนอกแทรกซอนอยู่ท่ามกลางเสียงสายลมสายฝน
ตอนนี้พวกเขาอยู่ในห้องหนังสือแห่งนี้ คาพูดและเสียงในใจทุก อย่างล้วนถูกเวินอวี้จดลงบันทึกทั้งหมดแล้ว
นอกจากเวินอวี้จะเป็ นวิญญูชนผู้เที่ยงตรงของสานักศึกษาลัทธิ ขงจื๊อแล้ว อันที่จริงเขายังเป็ นผู้ฝึกกระบี่คนหนึ่งด้วย
ก่อนหน้านี้หวังไจ่มาเยือนสานักศึกษาเทียนมู่ ได้เปิดหนังสือเล่ม หนึ่งในห้องหนังสือของเวินอวี้ หน้าหนังสือนั้นประทับตราประทับ หนังสือที่เวินอวี้แกะสลักด้วยตัวเอง ด้านใต้ตราประทับมีตัวอักษรแปด ค าว่า “ภูเขาต ารามีเส้นทาง ท้องฟ้ าสูงมองมหาสมุทร
วันนี้เวินอวี้ปรากฏตัว นอกจากตรงเอวจะพกหยกประดับแล้วยัง มีกระบอกไม้ไผ่เขียวชิ้นหนึ่ง ด้านในเลี้ยงลิงหมึกขนาดเท่ากาปั้นตัว หนึ่งเอาไว้ ระดับความหายากของมันไม่แพ้ให้กับสายลมเปิดต ารา เลยแม้แต่น้อย ลิงหมึกเกิดมาก็กินน้าหมึกเป็ นอาหาร จะถูกฟูมฟัก ขึ้นมาใน “คัมภีร ์” บางเล่มเท่านั้น
หนึ่งคือตาราภูเขา หนึ่งคือมหาสมุทรน้าหมึก
ต้องรู ้ว่าเวินอวี้ได้ครอบครองกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตสองเล่มใน เวลาเดียวกัน แบ่งออกเป็ นชื่อว่า “ซานเชวี่ย” (สามพระราชวัง) “ตู๋ซู เซิงจง” (ท่ามกลางเสียงอ่านต ารา)
กุญแจสาคัญที่สุดยังเป็ นเรื่องที่ตอนนี้เวินอวี้ยังไม่ใช่อริยะ ปราชญ์ที่มีเทวรูปตั้งวางในศาลบุ๋น แต่กลับได้ครอบครองตัวอักษร
แห่งชะตาชีวิตตัวหนึ่งแล้ว!
เดินออกมาจากเรือน เวินอวี้เอ่ยอาลาแล้วขอตัวจากไปก่อน คังข่ายเอ่ยด้วยสีหน้าจนใจ “อายุน้อยอารมณ์พลุ่งพล่าน”
สานักศึกษาเทียนมู่มาเจอรองเจ้าขุนเขาที่ทาอะไรดุดันเด็ดขาด เช่นนี้ ต้องไม่ได้อยู่ว่างกันแน่
ฟ่านเจี่ยนถานยิ้มเอ่ย “พวกเราเองก็เคยผ่านกันมาก่อนนี่นา”
เจ้าขุนเขาท่านนี้ยื่นมือไปตบแขนของคังข่าย “อีกอย่างต่างก็ เคยเป็ นหนุ่มกันมาก่อนก็จริง แต่พวกเราสองคน ในช่วงเวลาที่เป็ น หนุ่มนั้น นอกจากจะอ่านหนังสือศึกษาหาวิชาความรู ้ในเรื่องของให้ อรรถาธิบายความหมายของค าศัพท์โบราณพอจะประสบความส าเร็จ อยู่บ้างเล็กน้อย