กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1048.7 สายฝนพร่างพรมเหนือใบอู๋ถง
ความนัยในคาพูดของฟ่ านเจี่ยนถานก็คือเวินอวี้เป็ นคนหยิ่ง ทระนง เขาก็ย่อมต้องมีเหตุผลและความมั่นใจมากพอให้หยิ่งทระนง พวกเขาสองคนก็แค่อายุมากกว่า คมวาทะที่สร ้างไว้พอใช ้ได้ แต่เรื่อง ของการสร ้างคุณูปการกลับมิอาจเปรียบเทียบกับเวินอวี้ได้
“เหล่าคัง จะบอกเรื่องวงในให้เจ้าฟัง จ าไว้ว่าอย่าเอาไปเล่าให้ ใครฟัง ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ศาลบุ๋นมีผู้อ านวยการใหญ่แห่ง สถานศึกษาอยู่สองท่านที่ร่วมมือกันแนะนาให้เลื่อนขั้นให้เวินอวี้เป็ น กรณียกเว้น ให้เขารับหน้าที่เป็ นเจ้าขุนเขาของสานักศึกษาบางแห่ง โดยตรง แต่เวินอวี้เป็ นคนปฏิเสธเอง บอกว่าความสามารถใน การศึกษาหาความรู ้ของเขาได้แค่เป็ นรองเจ้าขุนเขาของส านักศึกษา เท่านั้น แน่นอนว่าทางฝั่งของศาลบุ๋นย่อมตอบตกลง ภายหลังเวินอวี้ ก็เลือกส านักศึกษาเทียนมู่ของพวกเรา ศาลบุ๋นยังถามเขาว่าในใจมี ตัวเลือกเจ้าขุนเขาที่เหมาะสมหรือไม่ ถึงได้มีเจ้าและข้าสองคนมารับ หน้าที่อย่างไรล่ะ”
คังข่ายยิ้มกล่าว “เวินอวี้ตัวดี เป็ นเพราะเห็นว่าพวกเราไม่มีนิสัย เจ้าอารมณ์ พูดคุยด้วยง่ายสินะ?”
ฟ่านเจี่ยนถานแยกย้ายกับคังข่ายแล้วก็ลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้าย ก็ยังไปหาเวินอวี้
เจ้าขุนเขาฟ่ านเอ่ยเสียงเบาว่า “เวินอวี้ ข้าไม่เพียงแต่ไม่รู ้สึก อคติต่อการฉายประกายเฉียบคมของเจ้า กลับกันยังปลาบปลื้มใจ อย่างมาก รู ้สึกจากใจจริงว่านี่คือบุคลิกที่ลูกศิษย์ลัทธิขงจื๊อสมควรมี ถึงขั้นที่ว่ายังรู ้สึกอิจฉาเจ้าอยู่หลายส่วน คนหนุ่มก็ควรมีความเฉียบ คมของคนหนุ่ม แต่ขณะเดียวกันข้าก็หวังว่าเจ้าจะใช ้สติปัญญาของ ตัวเองในทางที่ดีด้วย มหามรรคามีทางแยกมากมาย แกะผลัดหลง หายไปก็หาเจอได้ไม่ง่าย บัณฑิตศึกษาหาความรู ้โดยที่ไม่มีเป้ าหมาย แน่ชัด ก็จะต้องหลงทางเช่นเดียวกัน แน่นอนว่าประโยคนี้อาจจะ รุนแรงไปสักหน่อย อย่าได้รู ้สึกว่าไม่น่าฟังก็แล้วกัน”
เวินอวี้ประสานมือขอบคุณ เอ่ยเสียงทุ้มหนัก “ข้าจะจดจาคาสั่ง สอนของอาจารย์ให้ขึ้นใจ”
เจ้าขุนเขาฟ่ านยิ้มอย่างชอบใจ พยักหน้ารับ น่าเสียดายที่ตา เฒ่าดังไม่ได้อยู่ที่นี่ ไม่ได้เห็นภาพนี้
หลังจากเวินอวี้จากไป ผู้เฒ่าก็ลูบหนวดยิ้ม คนหนุ่มนี่ช่างดีจริงๆ
อยากติดตามเด็กหนุ่มออกไปเที่ยวฤดูใบไม้ผลิ แต่สุดท้ายก็ทา ไม่ได้ ทว่าต่อให้ท าไม่ได้แล้วจะอย่างไรเล่า
……
ตาหนักพยัคฆ์เขียวภูเขาชิงจิ้ง หออวี่ฮว่าที่สูงเสียดฟ้ า
เจ้าเหรินผู้เฒ่าลู่ถือแส้ปัดฝุ่ นไว้ในมือ ทอดสายตามองไปยังทะเล เมฆสีทองที่อยู่นอกภูเขา
ข้างกายก่อกาเนิดเฒ่ามีนักพรตหนุ่มที่ห้อยชิ่ง (เครื่องดนตรี ประเภทเคาะหรือตี) หยกขาวไว้ตรงเอว สองเท้าสวมรองเท้าย่าเมฆ รูปโฉมงดงามอย่างถึงที่สสุด
เขาทาท่าจะพูดไม่พูด ก้มหน้าลงมองรองเท้าย่าเมฆบนท้าตัวเอง แล้วกลืนค าพูดกลับลงท้องไป เพียงแต่ว่าพอเขาเงยหน้าเห็นอาจารย์ ที่มีท่าทางค่อนข้างเหนื่อยล้า นักพรตหนุ่มก็ยังอดไม่ไหวเอ่ยเสียงเบา ว่า “อาจารย์ ศิษย์รู ้ถึงความสัมพันธ ์ระหว่างท่านกับเจ้าขุนเขาเฉินดี ที่สุด แต่เจ้าขุนเขาเฉินเอาแต่เรียกร ้องขอโอสถเช่นนี้ นี่เพิ่งจะผ่าน ไปแค่กี่ปี เอง เขาก็เปิ ดปากขอเกือบสามครั้งแล้ว เมื่อไหร่จะถึง จุดสิ้นสุดเสียที หากยังเป็ นแบบนี้ต่อไป อาจารย์ก็คงกลายเป็ น อาจารย์หลอมโอสถให้ภูเขาลั่วพั่วพวกเขาใช ้งานโดยเฉพาะแล้ว ทุก วันนี้เจ้าขุนเขาเฉินยังมีสานักเบื้องล่างอีก อีกทั้งยังอยู่ที่ใบถงทวีป ของพวกเรา วันหน้าหากส านักกระบี่ชิงผิงเปิดปากขออีก ควรจะตอบ ตกลงหรือไม่ตกลงดีเล่า?”
เขาก็คือลูกศิษย์ผู้เป็ นที่ภาคภูมิใจของลู่ยงไม่มีหนึ่งใน มีนามว่า จ้าวจู้ ฉายา “เซียนซิ่ว
คือลูกศิษย์ที่ลู่ยงพาขึ้นเขาด้วยตัวเอง ปีนั้นเกือบจะรับลูกศิษย์ แทนอาจารย์แล้ว เพียงแต่ว่าอาจารย์มีนิสัยเกียจคร ้าน แม้แต่ลูกศิษย์ ในนามสักคนก็ยังไม่ยินดีจะรับมา
คราวก่อนหลอมโอสถจาแลงขนนกเตาหนึ่งส่งไปให้ที่เรือนอวิ๋น ฉ่าว ก็เป็ นลูกศิษย์ผู้สืบทอดคนนี้ที่ทาหน้าที่แทน จ้าวจู้เองก็คือโอสถ
ทองหนุ่มที่มีหวังจะเลื่อนเป็ นก่อกาเนิดมากที่สุดของตาหนักพยัคฆ์ เขียวด้วย
อย่าว่าแต่ยาล้าค่าทุกเตาเลย แม้กระทั่งยาเม็ดเดียว อยู่บนภูเขา ในสองทวีปอย่างใบถงและแจกันสมบัติทุกวันนี้ต่างก็ถือว่าเป็ นน้าใจที่ ไม่เล็กแล้ว
ลู่ยงยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ตอบตกลงสิ ทาไมจะไม่ตกลงเล่า?”
จ้าวจู้กัดฟัน “หากอาจารย์รู ้สึกล าบากใจกลัวจะท าลายมิตรภาพ ก็ให้ศิษย์เป็ นคนชั่วเองเถอะ คราวหน้าข้าจะเป็ นคนปฏิเสธค าขอร ้อง ของเจ้าขุนเขาเฉินหรือไม่ก็สานักกระบี่ชิงผิงอย่างละมุนละม่อมเอง”
ลู่ยงโบกแส้ปัดฝุ่ น หันหน้ามายิ้มมองลูกศิษย์ที่พูดจาจริงใจสี หน้าก็หนักแน่นผู้นี้ “ถ้าอย่างนั้นเจ้าเคยคิดหรือไม่ว่า ข้าไม่ได้ปฏิเสธ ด้วยตัวเอง แต่ให้เจ้าออกหน้าแทน อีกฝ่ ายที่รู ้ดีอยู่แก่ใจจะไม่ยิ่งเสีย ความรู ้สึกมากกว่าเก่าหรอกหรือ?”
ผู้ฝึกตนเฒ่าหันกลับไปมองทะเลเมฆอีกครั้ง ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ใน วิถีทางโลกที่ซับซ ้อนที่เต็มไปด้วยคนที่หลอกลวงกัน มีคนจริงใจอยู่ น้อยนิดใบนี้ พวกเรามักจะไม่ถือสาหากโดนคนฉลาดหลอก แต่พวก เราจะเจ็บแค้นที่ตัวเองถูกคนโง่มองเป็ นคนโง่แล้วหลอกเอา”
จ้าวจู้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็พยักหน้ากล่าว “เป็ นศิษย์ที่คิดง่ายๆ ไป เอง”
ผู้ฝึกตนเฒ่าส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม “พูดถูกแค่ครึ่งเดียว เป็ นเพราะ เจ้ายังคิดได้ไม่เรียบง่ายมากพอ”
ที่แท้คราวก่อนที่เรือเฟิงยวนเดินทางผ่านท่าเรือของภูเขาชิงจิ้ง เจ้าขุนเขาเฉินท่านนั้นได้ทาหน้าหนา บากหน้ามาขอสั่งจองยานั่งลืม ตนที่เป็ นป้ ายอักษรทองของตาหนักพยัคฆ์เขียวจากเทพเขียนผู้เฒ่า
ลู่ล่วงหน้าอีกครั้ง
บอกว่าเป็ นยาที่ขอให้แทนสหายคนหนึ่งที่เป็ นผู้ฝึกยุทธขอบเขต ปลายทางซึ่งจะมารับหน้าที่เป็ นราชครูคนใหม่ของต้าเฉวียน หันกวง หู่
ทุกวันนี้คนที่มาขอยาจากตาหนักพยัคฆ์เขียวมีมากมายดุจปลา ตะเพียนข้ามแม่น้า ลู่ยงได้แต่เลือกตอบตกลงกับบางคนเท่านั้น อีก ทั้งยังไม่เคยรับประกันวันเวลาที่แน่ชัดในการส่งมอบยาจ าแลงขนนก ให้กับกองก าลังฝ่ายใด
สานักกุยหยกที่อยู่ทางทิศใต้สุดของใบถงทวีป อารามจินติ่งทาง ทิศเหนือ เสี่ยวหลงชิวถ้ามังกรขาว ฯลฯ หากขยับขึ้นเหนือไปอีก อย่างแจกันสมบัติทวีป คนที่มาขอยาก็ยิ่งมีจานวนไม่น้อย ซ่งมู่ลั่ว อ๋องแห่งเมืองหลวงส ารองต้าหลี ส านักโองการเทพของเทียนจวินฉี เจิน และยังมีศาลบรรพบุรุษสองแห่งของส านักการทหารอย่างศาลลม หิมะและภูเขาเจินอู่ในแจกันสมบัติทวีป ตระกูลฝูนครมังกรเฒ่า สกุล เจียงอวิ๋นหลิน ตาหนักฉางชุน อารามหลิงเฟยของ เฉาหรงเซียนจวิน ลัทธิเต๋า…ทางฝั่งของล่างภูเขาใบถงทวีปก็มีราชวงศ์ใหญ่สิบแห่งที่
เพิ่งถูกคัดเลือกมาใหม่ล่าสุด เกินครึ่งก็ไม่มีใครลืมตาหนักพยัคฆ์ เขียว บ้างก็เป็ นฮ่องเต้ที่เขียนจดหมายมาด้วยตัวเอง หรือไม่อย่างนั้น ก็เป็ นราชครู เจินเหรินผู้พิทักษ์แคว้นที่ช่วยเขียนแทนให้ ล้วน ต้องการสั่งจองยาจากลู่ยงล่วงหน้า สั้นสุดก็สามร ้อยปี นานสุดก็ห้า ร ้อยปี ลู่ยงอย่าได้หวังว่าจะมีเวลาว่าง
ทว่าต่อให้เป็ นเช่นนี้ ก่อนหน้านั้นตอนที่เฉินผิงอันเปิดปากขอสั่ง จองยาล่วงหน้า เทพเซียนผู้เฒ่าลู่ก็ยังไม่มีความลังเลใดๆ เขาตอบตก ลงทันทีโดยไม่ต้องหยุดคิด “มีอะไรให้ต้องล าบากใจกันเล่า เดิมที หลิวจงผู้ถวายงานอันดับหนึ่งของราชสานักต้าเฉวียนก็มาขอยาจาก ผินเต้าหนึ่งเตา ตอนนั้นใช ้คาถาถ่วงเวลากับเขาไป ก็ถือเสียว่ามอบ ให้สกุลเหยาต้าเฉวียนล่วงหน้าก็แล้วกัน
ตอนนั้นเฉินผิงอันกล่าวอย่างเคอะเขินว่า “พี่ใหญ่ลู่ ข้าจะ พยายามรับรองให้เรื่องเดิมไม่ทาซ้าสาม
ครั้งหนึ่งตัวเองขอเอง ครั้งหนึ่งขอให้เรือนอวิ๋นฉ่าวผูซาน ครั้งนี้ ช่วยขอให้หันกวงหู่
ลู่ยงหัวเราะเสียงดังกังวาน “เรื่องดีไม่รังเกียจว่ามีมาก น้องเฉิน อย่าได้เกรงใจข้าเลยคนบ้านเดียวกันไม่พูดจาห่างเหินหรอกนะ
อันที่จริงเรื่องที่จะสร ้างตาหนักพยัคฆ์เขียวขึ้นมาใหม่ ลู่ยงก็ได้ ทาตามข้อตกลงที่มีกับเฉินผิงอันก่อนหน้านี้ มอบใบรายการยาวเป็ น พรวนไปให้โดยไม่มีความเกรงใจใดๆ ให้เรือเฟิงยวนที่เดินทางผ่าน
สถานที่ของสามทวีปช่วยหาซื้อของทุกอย่างที่ต้องการ ตอนนั้นเฉิน ผิงอันเองก็ตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า ไม่ได้ก าไร แต่ก็ไม่ขาดทุน
แต่เฉินผิงอันก็ยังเกรงใจอย่างมาก ก่อนจะลงจากภูเขาจึงมอบ ป้ ายสงบสุขที่เก็บรักษามานานชิ้นหนึ่งมาให้ แกะสลักเลขแปด
ลู่ยงไม่ได้เล่นตัวใดๆ เขารับไว้ทันที
อันที่จริงเฉินผิงอันกับตาหนักพยัคฆ์เขียวและลู่ยงก็ถือว่ามีบุญ สัมพันธ ์ต่อกันอย่างมากแล้ว
ต้องรู ้ว่าสมบัติหนักชิ้นแรกที่เฉินผิงอันหล่อหลอมขึ้นมาได้ก็ เพราะใช ้เตาตู้ทองห้าสีที่ซื้อมาด้วยเงินฝนธัญพืชห้าสิบเหรียญ
ภายหลังถึงสามารถหลอมวัตถุแห่งชะตาชีวิตห้าธาตุชิ้นหนึ่ง ออกมาได้ส าเร็จบนทะเลเมฆเหนือนครมังกรเฒ่าโดยมีฟ่ านจวิ้นเม่า ช่วยปกป้ องมรรคาให้
ฟ่ านจวิ้นเม่าเอ่ยอย่างตรงไปตรงมาว่า อย่างเจ้านี่ไม่เรียกว่าซื้อ แต่ต้องเรียกว่าเก็บมาได้ถึงจะถูก
“จ้าวจู้ สุดท้ายนี้อาจารย์จะสอนวิชาลับในการอยู่ร่วมกับสังคม ให้เจ้าสองข้อ จงจดจ าให้ขึ้นใจ ไตร่ตรองดูให้มาก จะมีประโยชน์ต่อ เจ้าไปตลอดชีวิต”
“ศิษย์ยินดีรับฟังอย่างละเอียด”
“การอยู่ร่วมกับคนอื่นในสังคมต้องคิดคานวณอย่างละเอียด ชัดเจนกับคนที่เฉลียวฉลาด ไม่อย่างนั้นเขาไม่หลอกเจ้าแล้วจะ หลอกใคร ในขณะเดียวกันก็ปฏิบัติต่อคนฉลาดอย่างจริงใจ จ าไว้ว่า เจ้าโง่เล็กน้อยก็เท่ากับฉลาดเพิ่มขึ้นมาสองส่วน”
จ้าวจู้จดจาคาพูดที่ถ่ายทอดจากประสบการณ์นี้เงียบๆ จากนั้นก็ รอประโยคถัดไป แต่อาจารย์กลับเงียบไม่เอ่ยอะไรต่อ
จ้าวจู้จึงเปิดปากถามอย่างสงสัยว่า “อาจารย์ ยังเหลือค าเตือนใน การอยู่บนโลกอีกข้อหนึ่งล่ะขอรับ?”
ลู่ยงลูบหนวดยิ้มเอ่ย “นั่นก็คือต้องทาหน้าหนากอดขาใหญ่ เอาไว้ให้แน่น ให้ตายอย่างไรก็ห้ามปล่อยมือ!”
สีหน้าจ้าวจักระอักกระอ่วน
ลู่ยงยื่นมือมาตบไหล่ของลูกศิษย์ “เจ้ายังอ่อนหัดอยู่มากนัก ตอนนี้ยังหน้าบาง วันหน้าก็จะดีขึ้นเอง”
ไม่ใช่ลูกศิษย์ผู้สืบทอด เจินเหรินผู้เฒ่าจะยอมถ่ายทอดเคล็ดลับ ในการฝึกตนที่ต่อให้เอาทองพันชั่งมาวางก็ไม่ขายให้นี้หรือ?
จ้าวจู้ยิ่งกระอักกระอ่วนมากกว่าเดิม
ก่อกาเนิดผู้เฒ่ายกแส้ปัดฝุ่ นขึ้นโบกเบาๆ สลายทะเลเมฆผืนนั้น ไป จากนั้นใช ้แส้ปัดฝุ่ นชี้ไปยังสองจุดที่อยู่ห่างไกล หนึ่งภูเขาหนึ่ง
สายน้า ก่อนจะร่ายวิชาอภินิหารถอนเวทอาพรางตาที่บดบังภาพ บรรยากาศของภูเขาสายน้าออก
“เห็นหรือยัง?”
“เจ้าคิดว่าอาจารย์เฉินแค่ใช ้ก าลังคนและทรัพยากรเพียง เล็กน้อยในการช่วยต าหนักพยัคฆ์เขียวหาซื้อวัตถุดิบตระกูลเซียน และข้าวของต่างๆ สาหรับการสร ้างตาหนักของเราขึ้นมาใหม่หรือ?”
“นี่ต่างหากที่เรียกว่าปฏิบัติต่อผู้อื่นเหมือนที่ผู้อื่นปฏิบัติต่อตน อย่างแท้จริง”
ลู่ยงสะท้อนใจยิ่งนัก ลูกศิษย์คนดี ต้องรู ้ว่าความพิเศษของ พื้นที่ฮวงจุ้ยมงคลอย่างภูเขาชิงจิ้งแห่งนี้ ไม่ได้อยู่ที่ระดับความเปี่ยม ล้นของปราญวิญญาณในฟ้ าดิน หากแค่มีปราณวิญญาณเข้มข้น ส านักไหนไม่มีบ้าง อย่างส านักกุยหยกกับส านักใบถง ต าหนักพยัคฆ์ เขียวภูเขาชิงจิ้งจะไปเปรียบเทียบกับสานักใหญ่อย่างพวกเขาได้ อย่างไร? แต่ทั่วทั้งใบถงทวีปกลับมีเพียงภูเขาชิงจิ้งของพวกเราที่ ได้รับบุญคุณที่เทียนเซียนบรรพกาลทิ้งไว้ ถึงได้มีคุณูปการ มีควัน ธูป มีโชคชะตาบู๊ซุกซ่อนอยู่ในปราณวิญญาณ และความมหัศจรรย์ ของมันก็คือขนาดผู้ฝึ กตนใหญ่ยังเอาไปไม่ได้ มันจะป้ วนเปี้ยน วนเวียนอยู่แค่ที่นี่ ประหนึ่งรากเมฆหยาดฝนที่หล่นลงพื้นแล้วหยั่งราก หาไม่แล้วตอนนั้นด้วยการกระทาของตู้เม่าแห่งสานักใบถง ป่านนี้ข้า ก็คงต้องยอมมอบคาถาลับในการหลอมยาที่บรรพบุรุษถ่ายทอดกัน
มาคาถานั้นไปให้แต่โดยดีแล้ว ให้ข้าเป็ นคนเสนอราคา ส่วนเขาเป็ น คนออกเงินซื้อ
แต่หากจะบอกว่าตู้เม่ากระเพาะใหญ่ อยากจะเอาทั้งคนทั้งคาถา ไปพร ้อมกัน อยากให้ตาหนักพยัคฆ์เขียวกลายเป็ นที่พึ่งของสานัก ใบถงไปพร ้อมกันด้วย ต่อให้ตู้เม่าจะก าเริบเสิบสานเพียงใดก็ต้องชั่ง
น้าหนักถึงคาวิจารณ์ให้ดี ต่อให้ตู้เม่าจะกาเริบ
แล้วนับประสาอะไรกับที่ตู้เม่าก็ยังไม่เท่าไร ผู้ฝึ กตนใหญ่ที่ อาจารย์กลัวอย่างแท้จริงคือคนผู้นั้นของสานักกุยหยกต่างหาก…
พูดมาถึงตรงนี้ ไม่ว่าจะอยากหลีกเลี่ยงการพูดถึงผู้ที่ให้ความ เคารพ หรือให้ความเคารพแก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ลู่ยงก็ล้วนไม่ได้พูด ต่อ สรุปแล้วเป็ นเทพเซียนคนใดของส านักกุยหยกที่สามารถทาให้ ก่อกาเนิดเฒ่าผู้นี้หวาดเกรงได้ถึงเพียงนี้?
หากไม่เป็ นเพราะลู่ยงอยากจะหลอมยาออกมาให้ได้หลายเตาใน คราวเดียว หาไม่แล้วต่อให้เป็ นเซียนซือผู้เฒ่าเจ้าขุนเขาก็มิอาจ ค้นพบได้ถึง “น้าเส้นเล็กไหลยาว” ที่ลี้ลับมหัศจรรย์อย่างถึงที่สุดในนี้ ได้
ดังนั้นหากจะพูดถึงเรื่องเงินกันจริงๆ อันที่จริงต้องบอกว่าภูเขา ชิงจิ้งได้กาไรถึงจะถูกยิ่งเป็ นช่วงท้ายๆ กาไรก็ยิ่งมาก
เจินเหรินผู้เฒ่าเพียงแค่เปลี่ยนเรื่องคุย “ถึงอย่างไรยาพวกนั้นที่ อาจารย์มอบให้กับภูเขาไท่ผิงไปอย่างไม่คิดค่าตอบแทนก็ไม่ถือว่า
มอบให้อย่างเสียเปล่า เพราะเมื่อมีเทียนจวินผู้เฒ่าท่านนั้นอยู่ ใน ใบถงทวีปใครก็ไม่กล้าบังอาจมารังแกต าหนักพยัคฆ์เขียวของพวก เรา”
พูดถึงภูเขาไท่ผิงที่สานักล่มสลายเหลือเพียงคนแค่คนเดียว เจิน เหรินผู้เฒ่าก็ถอนหายใจหนักหน่วง ความเสียใจเอ่อล้นออกมาทางสี
หน้า
ภูเขาสายน้าของทวีปแห่งหนึ่ง มีหรือไม่มีภูเขาไท่ผิงก็ไม่ค่อย เหมือนกันเท่าไรจริงๆ
หวังเพียงว่าหวงถึงของภูเขาไท่ผิงในทุกวันนี้จะสามารถสร ้าง สานักขึ้นมาใหม่อีกครั้งในขณะเดียวกันรอให้วันหน้าได้แตก กิ่งก้านสาขาแล้วก็สามารถสืบทอดความหยิ่งทระนงของผู้ฝึกตนแห่ง ภูเขาไท่ผิงต่อไปได้อย่างแท้จริง
มีทั้งความหยิ่งทระนงในศักดิ์ศรี มรรคกถายังสูงส่งลึกล้า แม้ว่า จะฝึกตนอยู่ในภูเขาแต่เป็ นเซียนเหรินที่มีกลิ่นอายของชาวยุทธ!
ลู่ยงหันหน้ามาถลึงตากล่าว “ยังมีหน้ามาสวมรองเท้าย่าเมฆที่ อาจารย์เสี่ยวโม่ของคนเขามอบให้อีกหรือ?”
จ้าวจู้ยิ้มเอ่ย “สวมรองเท้าใช ้เท้า ไม่ได้ใช ้หน้าเสียหน่อย” ลู่ยงร ้องเฮ้อหนึ่งที เอ่ยชื่นชมว่า “มีพัฒนาการ!”
“ก่อนหน้านี้ยังกังวลว่าเจ้าจะปรับตัวเข้ากับสถานที่ไม่ได้ เมื่อเป็ น เช่นนี้ ข้าก็วางใจแล้ว”
จ้าวจู้มึนงง
ลู่ยงยิ้มเอ่ย “อาจารย์ได้ช่วยวางแผนจะขอตาแหน่งเค่อชิงที่ได้รับ การบันทึกชื่อของภูเขาลั่วพั่วมาให้เจ้าแล้ว อีกทั้งยังเป็ นประเภทที่มีที่
นั่งอยู่ในศาลบรรพจารย์ของยอดเขาจี้เช่อด้วย”
จ้าวจู้ถาม “ทาไมอาจารย์ไม่ขอสถานะนี้มาให้ตัวเองล่ะขอรับ?” ลู่ยงด่าขาๆ “เจ้าเป็ นตอไม้ทิ่มที่อหัวทึบหรือไร!” จ้าวจู้ครุ่นคิด เพียงไม่นานก็คิดถึงความเชื่อมโยงออก
อาจารย์หรือจะต้องการยศที่เป็ นการปักบุปผาลงบนผ้าแพรนี้ ลูก ศิษย์ของต าหนักพยัคฆ์เขียวต่างหากที่ต้องการ
ดวงตะวันลาลับขอบฟ้ าคลื่นน้ากระทบเป็ นสีขาว ยามน้าขึ้นถา โถมกลับสะท้อนสีครามในฟ้ าดิน
ลาคลองหลินเหอหมื่นลี้ที่เชื่อมโยงกับมหาสมุทรใหญ่เส้นนี้ อู๋อี้ สูดดมกลิ่นแล้วยิ้มจนตาหยี เป็ นสถานที่สาหรับมังกรลุกผงาดจริงเสีย ด้วย เปิดภูเขาตั้งพรรคที่นี่ต้องไม่มีทางผิดเป็ นแน่
ในฐานะบุตรสาวคนโตของเฉิงหลงโจวเจียวเฒ่า ฉายาว่าต้งหลิง ขอบเขตก่อก าเนิด
เผ่าพันธุ์เจียวหลงที่สายเลือดบริสุทธิ์มากอย่างนางใกล้ชิดกับ มหามรรคา บางทีอาจจะสามารถตรวจสอบการแบ่งแยกและการไหล รินของสายน้า วิเคราะห์แยกแยะความหนักเบาใสขุ่นของธาตุน้าได้ แม่นยายิ่งกว่านักมองลมปราณเสียอีก
แต่หากในอนาคตนางอยากจะเดินลงน้า ลาคลองหลินเหอสายนี้ ก็ยังไม่เพียงพอ หนึ่งเพราะลักษณะน้าของลาคลองหลิงเหอสงบนิ่ง ไม่สอดคล้องกับนิสัยตามธรรมชาติของนางสองเพราะโชคชะตาน้า ไม่เข้มข้นมากพอ ประคับประคองการพิสูจน์มรรคาในการเดินลงน้า ของเจียวน้าขอบเขตก่อกาเนิดตัวหนึ่งไม่ได้
ดังนั้นหากไม่เป็ นเพราะในอนาคตใบถงทวีปจะขุดเจาะลาน้า ใหญ่ อู๋อี้ต้องไม่มีทางมาลงหลักปักฐานอยู่ที่นี่แน่
ก่อนหน้านี้อู๋อี้ข้ามทวีปเดินทางลงใต้มายังใบถงทวีปเพื่อแสดง ความยินดีกับบิดาก็ได้ขนเอาคลังสมบัติของจวนจื่อหยางมาถึง ครึ่งหนึ่ง
แม้จะบอกว่าทุกวันนี้บิดาเฉิงหลงโจวรับหน้าที่เป็ นเจ้าขุนเขา ส านักศึกษาต้าฝู แต่กฎบ้านยังคงอยู่ อู๋อี้กับน้องชายที่เป็ นเทพวารี แม่น้าหันสือ หากไม่ผิดไปจากที่คาด ชั่วชีวิตนี้พวกเขาสองพี่น้องก็ ได้ถูกก าหนดมาแล้วว่าต้องมีชีวิตอยู่ในเงามืดของบิดาไปตลอดกาล
รอกระทั่งนางหวนกลับไปยังจวนจื่อหยางแคว้นหวงถิงก็เอา สมบัติที่เหลืออยู่อีกครึ่งหนึ่งของคลังสมบัติออกมา จากนั้นให้เจ้าจวน
หวงฉู่ไปเอาสมุดทาเนียบมาเล่มหนึ่ง นางวงรายชื่อของคนบางส่วน นอกจากผู้ฝึกตนขอบเขตถ้าสถิตและขอบเขตชมสมุทรห้าขอบเขต กลางที่มีน้อยนิดแล้ว ส่วนใหญ่ก็เป็ นผู้ฝึ กตนห้าขอบเขตล่างที่ คุณสมบัติค่อนข้างดีที่ไดติดตามนางลงใต้มาก่อตั้งพรรคใหม่อีกแห่ง หนึ่งอยู่ในใบถงทวีป