กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1049.3 ภูเขาสายน้าของที่แห่งนี้ประหนึ่งรังโจร
ชุยตงซานดีดปลายเท้าเหยียบไปบนกาแพงเรือน จากนั้น กระโดดตัวอีกทีลอยขึ้นไปบนหลังคา นั่งลงข้างกายนักพรตเนิ่น เอ่ย เสียงเบาว่า “นักพรตเนิ่น บอกตามตรงนะ ทุกวันนี้พวกเราเพิ่งจะ สร ้างส านัก…”
นักพรตเนิ่นแย่งพูดทันใด “ข้าไม่มีเงิน!”
ยังคงเป็ นหลี่ไหวที่พูดได้ถูกต้อง เป็ นคนจะปล่อยให้ศักดิ์ศรี หน้าตาจูงเดินไปไม่ได้
อีกอย่างก็ไม่ใช่ว่านักพรตเนิ่นแกล้งทาเป็ นจน แต่ความจริงคือ เป็ นเช่นนี้จริงๆ อยู่ที่ภูเขาใหญ่แสนลี้มาปีแล้วปีเล่า เงินเทพเซียนที่ สะสมมาอย่างยากลาบากก่อนหน้านั้นได้ถูกเถาถิงแห่งเปลี่ยวร ้างที่ ท้องร ้องโครกครากกินไปหมดแล้ว
เจ้าคิดว่าเฒ่าตาบอดที่ขอบเขตสูงเท่าไรก็ยิ่งฉุนเฉียวเจ้า อารมณ์มากเท่านั้นเป็ นคนดีนักหรือ? เขาจะสนใจเรื่องอาหารการกิน ของข้าหรือไร?
ถึงท้ายที่สุดในกระเป๋ าเงินของเถาถิงแห่งเปลี่ยวร ้างก็เหลือเงิน เทพเซียนแค่สามเหรียญ ชนิดละเหรียญ นั่นเป็ นเพราะตัดใจกินไม่ลง จริงๆ จึงคิดจะเก็บไว้เป็ นที่ระลึกให้กับตัวเอง
หากจะพูดถึงสมบัติวิเศษสมบัติอาคม วัตถุดิบวิเศษแห่งฟ้ าดิน หรือยาวิเศษอะไรนักพรตเนิ่นก็ยังพอมีอยู่บ้างสองสามชิ้น เพราะถึง อย่างไรก็เป็ นขอบเขตบินทะยานแล้ว แล้วยังเป็ นผู้ฝึ กตนเฒ่าที่มี ชื่อเสียงด้านความดุร ้ายอยู่ในใต้หล้าเปลี่ยวร ้าง หากไม่มีทรัพย์ สมบัติเสียบ้างเลย ออกจากบ้านก็อายที่จะโอภาปราศรัยกับสหาย สนิท
เด็กหนุ่มชุดขาวคล้ายถูกค้อนทุบหนักๆ เข้าที่หัวใจ พลันอึ้งงัน เป็ นไก่ไม้ เอ่ยอย่างอัดอั้นว่า “ผู้อาวุโสบนภูเขาที่มีชื่อเสียงมี คุณธรรมสูงส่ง อายุขัยการฝึกตนยาวนานอย่างนักพรตเนิ่น ถึงกับ …”
นักพรตเนินพยักหน้า “ยากจน”
คงเป็ นเพราะพูดจาแข็งกระด้างเกินไป นักพรตเนิ่นกังวลว่าจะ ท าลายความปรองดองได้ยินมาว่าบัณฑิตสายของเหวินเซิ่งขี้ฟ้ องกัน ทุกคน หากวันใดชุยตงซานเอาเรื่องไปฟ้ องหลี่ไหว ถึงอย่างไรก็จะไม่ ดี ดังนั้นนักพรตเนิ่นจึงปรับน้าเสียงให้อ่อนลง อธิบายว่า “หากข้ามี เงินจริงๆ ไฉนยังต้องมาขอกินขอดื่มอยู่กับหลงหรานเซียนจวินด้วย เล่า”
ชุยตงซานถูมือกล่าว “ไม่มีเงินสักเหรียญเลยหรือ ถ้าอย่างนั้นผู้ อาวุโสยินดีออกแรงสักกี่ส่วนล่ะ?”
นักพรตเนิ่นรู ้สึกระแวงทันที “ออกแรง? หมายความว่ายังไง? ใน เมื่อเป็ นคนกันเองก็คงต้องรบกวนให้เจ้าส านักชุยพูดจากันอย่าง ตรงไปตรงมาหน่อย”
“เรื่องที่ควักเงินซื้อภูเขามาจากราชสานักแคว้นต่างๆ ข้า สามารถพึ่งพาตัวเอง จะให้ไปหยิบยืมจากคนอื่นก็ดี หรือเชื่อเงินกับ คนอื่นก็ช่าง สรุปแล้วต่อให้ต้องรื้อกาแพงตะวันออกมาซ่อมก าแพง ตะวันตกก็พอจะฝืนท าให้ส าเร็จได้”
“ภูเขาทั้งหลายที่ถูกจักรพรรดิแคว้นต่างๆ มองเป็ นซี่โครงไก่ พวกมันไม่มีขาเดินเองได้เสียหน่อย เรื่องของการย้ายภูเขาสิ้นเปลือง ปราณวิญญาณของผู้ฝึกลมปราณมากเกินไปขอบเขตของผู้เยาว์ไม่ มากพอ เป็ นแค่เซียนเหรินตัวเล็กๆ เท่านั้น แล้วก็ไม่มีวิชาอภินิหาร ล้าเลิศที่สามารถเก็บขุนเขาไว้ในกระเป๋ า รองรับเขาพระสุเมรุเมล็ดงา ได้ ดังนั้นทุกครั้งที่ต้องแบกภูเขาหนักๆ กลับสานักก็เป็ นเรื่องเหน็ด เหนื่อยยากลาบากเกินกว่าจะหาคามาบรรยายได้ หลายต่อหลายครั้ง ที่เรียกฟ้ าฟ้ าไม่ขาน จนข้านึกอยากจะเอาหัวโหม่งตายให้รู ้แล้วรู ้รอด ไปเลย”
“นักพรตเนิ่นไม่มีเงิน ผู้เยาว์ไม่มีขอบเขต พี่น้องคู่ทุกข์คู่ยาก มิน่าเล่าถึงได้ถูกชะตากันนัก”
นักพรตเนิ่นหัวเราะร่วน “ข้ามาใบถงทวีปครั้งนี้ก็เพราะอาจารย์ ของเจ้าเชิญให้มาช่วยเรื่องย้ายรากภูเขาระหว่างที่มีการขุดเจาะลา น้าใหญ่ ข้อเรียกร ้องนี้ของเจ้าถือเป็ นเรื่องส่วนตัวสินะ?”
หยุดคิดไปครู่หนึ่ง นักพรตเนิ่นก็เอ่ยต่ออีกว่า “หากเจ้าสานักชุย ยินดีเปิดปากพูดกับอาจารย์ของตัวเอง ขอกระดาษเอกสารแผ่นหนึ่ง มาจากยอดเขาจี้เช่อภูเขาลั่วพั่ว งานครั้งนี้ต่อให้ยุ่งยากแค่ไหน ข้าก็ พร ้อมจะช่วย”
ติดตามอยู่ข้างกายหลี่ไหว นักพรตเนิ่นได้เรียนรู ้การอยู่ร่วมกับ ผู้อื่นมาไม่น้อย หนึ่งเพราะกังวลว่าชุยตงซานจะตัดสินใจท าอะไรเอง โดยพลการ เดือดร ้อนให้ตนต้องเปลืองแรงเปล่า หากท าอะไรผิดไป เกิดปัญหาขึ้นมาจริงๆ ก็ไม่มีใครมาคอยช่วยแก้ต่างให้ หากเฉินผิง อันเป็ นคนพูดเอง หรือจะดีจะชั่วก็มีหลักฐานตัวอักษรดาบนกระดาษ ขาวสักแผ่น วันหน้าหากเกิดปัญหาใดๆ ก็สามารถผลักไปให้เฉินผิง อันได้ อิ่นกวานหนุ่มผู้นี้แม้จะหมกมุ่นในทรัพย์สินเงินทองไปสัก หน่อย แต่กลับถือว่าเป็ นคนมีคุณธรรมมีสัจจะ
อีกอย่างถึงแม้ตนจะเป็ นบรรพบุรุษของสายย้ายภูเขา คือบรรพ จารย์อย่างสมศักดิ์ศรีนอกจากจูเยี่ยนแล้วก็ไม่มีใครมาทัดเทียมกับ ตนในเรื่องนี้ได้อีก การย้ายรากภูเขาเป็ นเรื่องง่ายเหมือนแค่กวักมือก็ เสร็จ แต่จะให้เขาออกแรงเปล่าๆ ย่อมไม่ได้ เฉินผิงอันกับเจ้าคนแซ่ ชุยตรงหน้าผู้นี้ต่างก็ต้องติดค้างน้าใจตนครั้งหนึ่งถึงจะได้
นี่เรียกว่ารัดกุมไร ้ข้อผิดพลาดใดๆ อีกทั้งยิงธนูดอกเดียวยังได้ นอกถึงสองตัว
ขุยตงซานท าท่าโล่งใจเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก “มีสิ จะไม่ มีจดหมายได้อย่างไรมีการตอบกลับกันมาตั้งนานแล้ว หากไม่มีการ
อนุญาตและคาสั่งจากอาจารย์ ผู้เยาว์จะกล้ามารบกวนผู้อาวุโสได้ อย่างไร นั่นดูจะไร ้มารยาท ไม่มีความพิถีพิถันเกินไปแล้ว ใต้หล้านี้ ไม่มีหลักการในการเป็ นผู้เยาว์เช่นนี้”
ชุยตงซานหยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมาจากสาบเสื้อ ยื่นส่งให้ ด้วยสองมือ
นักพรตเนิ่นเก็บจดหมายฉบับนั้นไว้ในชายแขนเสื้อ ไม่ได้เปิด อ่าน พยักหน้าเอ่ยว่า “ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะไปกับเจ้าสานักชุยสักรอบ ถือเสียว่าไปอุ่นมือดูก่อน”
ในเมื่อมีจดหมายลายมือของอิ่นกวานหนุ่มอยู่แล้ว การช่วยเหลือ ครั้งนี้หากไม่ทาก็จะเสียเปล่า เพราะหากจะคิดกันจริงๆ จังๆ ขึ้นมา ก็ อย่าว่าแต่การย้ายภูเขาที่ง่ายดายเหมือนยกฝ่ ามือเลย หากจะให้ช่วย หลอมภูเขาด้วยก็ยังไม่เป็ นปัญหา ถึงอย่างไรก็ถือเป็ นการฝึ กตน ทั้งนั้น
มารดามันเถอะ เด็กหนุ่มผู้นี้จะดีจะชั่วก็เป็ นถึงเจ้าสานักของ สานักแห่งหนึ่ง แล้วยังเป็ นลูกศิษย์ของลูกศิษย์เหวินเซิ่งด้วย คงไม่ หลอกตนในเรื่องแบบนี้หรอกกระมัง
ดังนั้นจึงไม่เปิ ดจดหมายอ่านต่อหน้าอีกฝ่ ายแล้ว เพราะถึง อย่างไรบัณฑิตของใต้หล้าไพศาลก็รักศักดิ์ศรีหน้าตากันทั้งนั้น
ใต้หล้าไพศาลที่มีข้อพิถีพิถันยิบย่อยในทุกเรื่องราวไม่อาจเทียบ กับบ้านเกิดที่ “เดินท่องใต้หล้าด้วยมือเปล่าเท้าเปล่า” อยู่ที่นี่อาศัยแค่
ขอบเขตสูงอย่างเดียว ต่อให้จะตีรันฟันแทงเก่งแค่ไหนก็ยังอยู่ไม่ได้ ต่อให้เจ้าจะเป็ นขอบเขตบินทะยาน แต่ไม่รู ้จักวางตัวให้ดี ทางที่เดินก็ อาจจะแคบลงได้ มีเพียงสหายที่รู ้จักคุ้นเคยกันมีมากเข้า ความสัมพันธ ์ควันธูปบนภูเขามีเยอะ ถึงจะสามารถทาอะไรก็ราบรื่น ชนจอกสุราพูดคุยกับผู้คนอย่างสนุกสนาน ร่วมงานเลี้ยงสุรางานแล้ว งานเล่า
ชุยตงซานท าท่าเงยหน้ายกมือกระดกแก้ว หัวเราะคิกคักเอ่ยว่า “นักพรตเนิ่น ทางฝั่งของท่าเรืออวี่หลินมีเรือข้ามฟากบ้านพวกเราอยู่ ลาหนึ่ง ด้านบนมีสุราดีๆ ไม่สู้ไปดื่มอีกสักมื้อ?”
นักพรตเนิ่นคิดแล้วก็รู ้สึกว่าถึงอย่างไรก็อยู่ว่างไม่มีอะไรทา ดื่ม เหล้าก็ดื่มเหล้าสิ ยังคงยึดมั่นในจุดมุ่งหมายนั้น มีสหายบนภูเขาเพิ่ม มาก็มีเส้นทางให้เดินเพิ่มขึ้น
คิดไม่ถึงว่าเด็กหนุ่มชุดขาวจะไม่ใช ้วิธีของตระกูลเซียน แต่เลือก จะเดินเท้าไปที่ท่าเรืออวี่หลิน นักพรตเนิ่นรู ้สึกอ่อนใจเป็ นทบทวี แต่ จะให้เขาเปลี่ยนใจก็ไม่ได้ จึงได้แต่เดินตามอีกฝ่ายไป
บนเรือข้ามฟากถงอิน หลังจากชุยตงซานจากไป อาศัยการ พูดคุยกับอาจารย์จ้งท าให้รู ้ว่าที่แท้พอชุยตงซานได้เป็ นเจ้าส านักก็ เป็ นขุนนางใหม่ที่ไฟแรงสามกอง
วันนี้เรื่องที่พวกเขาจะต้องหารือกันก็คือเรื่องที่ไม่เหมือนกับภูเขา ลั่วพั่วอย่างมาก
ไม่เหมือนกับ “กาวเปียกหนึ่งก้อน ที่สมัครสมานกลมเกลียวกัน ของภูเขาลั่วพั่ว ส านักกระบี่ชิงผิงที่เป็ นสานักเบื้องล่าง เมื่อมาอยู่ใน มือของชุยตงซานเจ้าส านักคนแรกก็ได้เข้าสู่การปฏิรูปที่เรียกได้ว่า เฉียบขาดเด็ดเดี่ยว ยกตัวอย่างเช่นมีการก่อตั้งสามจวนหกกองแปด หน่วยขึ้นมาใหม่หมด ว่ากันว่าวันหน้ารอให้จานวนสมาชิกบน ทาเนียบของสานักมีเพิ่มขึ้นแล้ว นอกจากสามจวนที่จะไม่มีการ เพิ่มเติมใดๆ แล้ว ที่ว่าการของกองงานและหน่วยงานที่เหลือจะยังมี องค์กรต่างๆ ขยับขยายเพิ่มขึ้นมาบนรากฐานเดิมที่มีอยู่อีก
บนผนังในห้องแขวนภาพแผนที่ขนาดใหญ่ยักษ์ของสานักกระบี่ ชิงผิงเอาไว้ ใช ้หมึกสีแดงระบุพื้นที่ประกอบพิธีกรรมของยอดเขา ทั้งหลายที่แตกต่างกัน รวมไปถึงใช ้หมึกสีดาวาดวงกลมที่ตั้งของ “ที่ว่าการ” กองงานและหน่วยงานต่างๆ เอาไว้
ก่อนหน้านี้อยู่ในศาลบรรพจารย์ยอดเขามี่เซวี่ย มีฉางมิ่งบรรพ จารย์ผู้คุมกฏของภูเขาลั่วพั่วสานักเบื้องบนมาเป็ นผู้ป่ าวประกาศ รายชื่อสมาชิกศาลบรรพจารย์ของสานักกระบี่ชิงผิงสานักเบื้องล่าง
เฉินผิงอันเจ้าสานักเบื้องบน ชุยตงซานเจ้าสานักเบื้องล่าง เก้าอี้ สองตัวตั้งหันหน้าเข้าหากัน
ผู้คุมกฏศาลบรรพจารย์ชุยเหวย ผู้ถวายงานอันดับหนึ่งหมี่อวี้ จัง ชิวผู้ดูแลเรื่องทรัพย์สินเงินทองของส านัก สุยโย่วเปียน เฉาฉิงหล่าง เถาหราน อูโกว เซียวม่านอิ่ง นอกจากนี้เมื่อผ่านการประชุมศาล บรรพจารย์ครั้งแรกไปแล้ว มติที่ผ่านการประชุมอย่างราบรื่น ชิงถงที่
รับหน้าที่เป็ นผู้ถวายงานอันดับรอง หวงถิงเค่อชิงอันดับหนึ่ง ฉิวตู๋ เฉาจวิ้นผู้ถวายงานระดับล่าง พวกเขาต่างก็ได้เข้ามาเสริมต าแหน่ง เป็ นสมาชิกของศาลบรรพจารย์อย่างราบรื่นนี่ถือเป็ นหลักเกณฑ์ ปกติทั่วไปของบนภูเขา
ส่วนเย่อวิ๋นอวิ๋นแห่งผูซาน เหยาเซียนจือเจ้าเมืองของเมืองหลวง ราชวงศ์ต้าเฉวียนต่างก็ถือเป็ นเค่อชิงที่ได้รับการบันทึกชื่อ แต่ได้ ครอบครองเก้าอี้ในศาลบรรพจารย์เป็ นกรณีพิเศษ
นี่เห็นได้ชัดว่าต้องยกคุณความชอบให้กับคนบางคนที่ใช ้อานาจ เบ็ดเสร็จ
ชุยตงซาน จ้งชิว ชุยเหวย ผู้ถวายงานหมี่อวี้ บวกกับผู้ถวายงาน พิทักษ์ภูเขาที่ตาแหน่งยังว่างอยู่ พวกเขาทั้งหลายที่เป็ น “ขุนนาง ใหญ่” บวกกับที่ได้ครอบครองเก้าอี้ในศาลบรรพจารย์ ยกตัวอย่าง เช่นชิงถงที่รับหน้าที่เป็ นผู้ถวายงานอันดับรอง ต่อจากนี้พวกเขาจะ แบ่งหน้าที่กันไปดูแลจวน กองงานและหน่วยงานทั้งหลายที่มีจานวน และภาระหน้าที่รับผิดชอบไม่เหมือนกัน
ชิงถงไม่รู ้สึกประหลาดใจกับเรื่องนี้ ในความเป็ นจริงแล้ว ชุยตง ซานทาเช่นนี้จึงจะถือว่าเป็ นจวนเซียนอักษรจงทั่วไป ภูเขาที่ผ่อน คลายท าอะไรสบายๆ ตามอารมณ์อย่างภูเขาลั่วพั่วนั่นต่างหากถึงจะ ถือว่าเป็ นกรณีพิเศษ
ชิงถงกวาดตามองไปยังแผนที่อยู่หลายที เค้าโครงของสามจวน หกกองงานแปดหน่วยงานมีการแบ่งออกเป็ นจวนเฉวียนฝู่ จวนซานฝู่ จวนสุ่ยฝู่ที่ฐานะค่อนข้างโดดเด่น
กองระเบียบพิธีการ กองบริหารการเงิน กองคุณความชอบและ ความผิด กองประสานงาน กองส ารวจ กองตรวจสอบ
หน่ วยบริหารจัดการ หน่ วยควันธูป หน่ วยขุดคุ้ย หน่ วย เลขานุการ หน่วยหมักและผลิตหน่วยก่อสร ้าง หน่วยพิมพ์ต ารา หน่วยบุปผาจันทรา
จวนเฉวียนฝู่
เป็ นผู้กุมอานาจใหญ่ที่มีหน้าที่ดูแลทรัพย์สินเงินทองของทั้ง สานัก ผู้ที่รับผิดชอบมีได้แค่จ้งชิวเท่านั้น
อาจารย์จ้งค่อนข้างจะพิเศษ หนึ่งคนได้ครอบครอง ที่ว่าการ” หลายแห่ง นอกจากจวนเฉวียนฝู่ ที่สร ้างอยู่บนยอดเขามี่เซวี่ยภูเขา เซียนตู และเรือนพักส่วนตัวบนภูเขาอวิ๋นเจิงแล้ว ยังรับหน้าที่สอน หมัดให้กับผู้ฝึกยุทธเต็มตัวในภูเขา นอกจากนี้ชุยตงซานเพิ่งจะสร ้าง สานักศึกษาแห่งหนึ่งขึ้นมาที่ตีนเขาของภูเขาโฉวโหมว อาจารย์จ้งที่ ชุยตงซานบอกว่าเป็ นคนมีความสามารถย่อมต้องเหนื่อยมากกว่าคน อื่นคือเจ้าขุนเขาสานักศึกษาคนแรก
จวนซานฝู่
ดูแ ล กิจ ธุร ะ น้อ ย ใ ห ญ่ ข อ ง ย อ ด เ ข า ทั้ง ห ล า ย ใ น ส า นั ก ขณะเดียวกันก็ควบคุมค่ายกลใหญ่ปกป้ องภูเขาและตราผนึกภูเขา สายน้าทั้งหมด หากเจอกับเรื่องเร่งด่วนบางอย่างที่มิอาจเปิ ดการ ประชุมในศาลบรรพจารย์ยอดเขามี่เซวี่ยได้ สมาชิกของจวนซานฝู่ สามารถตัดสินใจได้เองทันที ดูจากท่าทางแล้วจะคล้ายศาลบรรพ จารย์ย่อส่วน จานวนคนตอนนี้ยังมีแค่ห้าคน ชุยตงซาน หมื่อวี้ เฉา ฉิงหล่างแห่งยอดเขาจิ่งชิง หวงถิงเค่อชิงอันดับหนึ่ง ชิงถงผู้ถวายงาน อันดับรอง
จวนสุ่ยฝู่
รับผิดชอบรวบรวมรายงาน อบรมบ่มเพาะนักฆ่าและนักรบพลี ชีพ ดูแลเรื่องของการลาดตระเวนภูเขาในอาณาเขตของส านักและ พื้นที่ใกล้เคียง ป้ องกันไม่ให้กองกาลังที่เป็ นศัตรูเข้ามาแทรกซอน ขณะเดียวกันก็คอยวางหมากไว้ด้านนอก อบรมปลูกฝังและให้การ สนับสนุนผู้ฝึกตนสายตรงบางส่วนที่ไม่ได้รับการบันทึกชื่อและจวน เซียนที่เป็ นพันธมิตรกันผู้น าคือชุยตงซาน มือรองคือผู้คุมกฏขุย เหวย
กองระเบียบพิธีการ
มีหน้าที่รับผิดชอบหลายอย่าง จดบันทึกสามะโนครัวและ ท าเนียบ การจัดพิธีกรรมพิธีบวงสรวงเช่นไหว้ต่างๆ สายสืบทอดทาง อาจารย์ การแต่งงาน ลูกหลาน พื้นที่ประกอบพิธีกรรม ศูนย์ฝึกยุทธ และสานักศึกษาบนภูเขาทั้งหลาย บวกกับการเรียบเรียงตาราลาดับ
เหตุการณ์ประจาปี ประเมินการเลื่อนขั้น เวลาปกติต้องคอยต้อนรับ ขับสู้ผู้คน แล้วยังต้องดูแลเรื่องการเขียนรายงานขุนเขาสายน้าด้วย มีสุยโย่วเปียนเป็ นขุนนางหลัก เฉาฉิงหล่างและฉิวตู๋ร่วมกันรับหน้าที่ เป็ นขุนนางผู้ช่วย
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากองระเบียบพิธีการนี้ก็คือผู้นาของกองงาน และหน่วยงานทั้งหลายแล้ว
นอกจากนี้ทุกวันนี้ยอดเขาเจ๋อเซียนยอดเขารองของภูเขาเซียน ตูเป็ นของสุยโย่วเปียน จึงเป็ นเหตุให้กองระเบียบพิธีการถูกสร ้างไว้ที่ หอข่าวฮวาของยอดเขาเจ๋อเซียน
กองคุณความชอบและความผิด
แน่นอนว่าต้องอยู่ในอ านาจการดูแลของชุยเหวยบรรพจารย์ผู้ คุมกฏแล้ว เขามีอ านาจอย่างเต็มที่ในการให้รางวัลและลงโทษลูก ศิษย์ฝ่ ายในฝ่ ายนอกของศาลบรรพจารย์ในส านักมีสิทธิ์ที่จะเพิ่มชื่อ ใครลงไปในทาเนียบหยกทองหรือ….ตัดชื่อใครออกก็ได้!
ผู้คุมกฎชุยเหวยกับอวี๋เสียหุยลูกศิษย์ผู้สืบทอดที่มีกระบี่บินแห่ง ชะตาชีวิตชื่อว่า “โพ่จื่อสิ่ง” สร ้างพื้นที่ประกอบพิธีกรรมอยู่ที่ยอดเขา เทียนเปียน ฝ่ามือเซียนเหรินของภูเขาเซียนตู กองคุณความชอบและ ความผิดย่อมต้องสร ้างอยู่ใกล้กัน
กองประสานงาน
มีการสร ้างห้องกระบี่ ดูแลการส่งข่าวกระบี่บิน รับหน้าที่โยกย้าย เรือข้ามฟากทั้งหมดยกตัวอย่างเช่นเพิ่งยวนเรือข้ามทวีปและถงอินที่ อยู่ใต้ฝ่ าเท้าลานี้ รวมไปถึงท่าเรือตระกูลเซียนแต่ละแห่งในนามของ สานัก และภูเขาใต้อาณัติที่เป็ น “แดนบิน” ทั้งหมด
คู่รักผู้ฝึ กตนผี โอสถทองสองคนอย่างอู๋โกวและเซียวม่านอิ่ง เชี่ยวชาญวิชาค่ายกลพื้นที่ประกอบพิธีกรรมของพวกเขาอยู่ใกล้กับ เส้นทางบันไดเมฆของภูเขาโฉวโหมว เป็ นผู้ดูแลเรื่องทั่วไปในที่ว่า การของกองประสานงานแห่งนี้
นี่ก็คือการปฏิบัติพิเศษในฐานะผู้อาวุโสผู้บุกเบิกภูเขา บรรพ จารย์ผู้ก่อตั้งสานักแล้วเพราะถึงอย่างไรหากอิงตามกฎใหม่ วันหน้า หากเป็ นแค่ผู้ฝึกตนโอสถทองก็ไม่มีทางได้ครอบครองพื้นที่แห่งหนึ่ง ในศาลบรรพจารย์อย่างแน่นอน
ตามกฎที่ตั้งขึ้นมาในการประชุมศาลบรรพจารย์ครั้งแรกของ สานักกระบี่ชิงผิง วันหน้าขอแค่มีผู้ฝึกกระบี่โอสถทอง ผู้ฝึกลมปราณ ก่อก าเนิดและผู้ฝึกยุทธขอบเขตเดินทางไกลเมื่อแต่ละคนขอบเขตสูง พอแล้ว และยังต้องดูผลงานที่มีบนหน้าสมุดคุณความชอบ เมื่อผ่าน การประเมินสองครั้งของจวนซานฝู่ และศาลบรรพจารย์ถึงจะได้เป็ น สมาชิกของศาลบรรพจารย์
แต่ขุนนางหลักในนามของกองประสานงานยังคงเป็ นหมื่อวี้ผู้ ถวายงานอันดับหนึ่ง
หมื่อวี้กับเหอกูลูกศิษย์ผู้สืบทอดที่มีกระบี่บินชื่อว่า “เฟยไหล เฟิง” ได้สร ้างพื้นที่ประกอบพิธีกรรมไว้บนยอดเขาอวิ๋นซ่างของภูเขา เซียนตู
แต่หากดูแค่การที่ที่ว่าการของกองงานนี้สร ้างขึ้นใกล้กับบันได เมฆของภูเขาโฉวโหมวก็รู ้แล้วว่าขุนนางหลักอย่างเซียนกระบี่ใหญ่
หมี่เป็ นขุนนาง “ในนาม” แค่ไหน กองบริหารการเงิน
ดูแลการเก็บเรื่องค่าเช่า ภาษี เก็บรักษาของทั้งหลายที่สะสมอยู่ ในคลังสมบัติ จดบันทึกรายรับรายจ่ายจากการค้าทั้งทางน้าและทาง บกทั้งหมด การจัดทางบประมาณประจาปีและการจ่ายเงินเดือนให้กับ ผู้ฝึ กตนในสานักตามระยะเวลาที่กาหนด เจ้าส านักชุยตงซานรับ หน้าที่เป็ นขุนนางหลักของกองบริหารการเงินชั่วคราว แต่จากกฎ แล้วการค านวณการใช ้จ่ายประจ าปีและการปรับแผนการใช ้จ่ายให้ เหมาะสมก็ต้องรายงานจ้งชิวของจวนเฉวียนฝู่ และได้รับอนุมัติ เสียก่อน จากนั้นต้องผ่านมติการประชุมของศาลบรรพจารย์ถึงจะถือ ว่าผ่าน ขั้นตอนทุกอย่างได้
กองส ารวจ
รับผิดชอบกิจธุระในเรื่องของการจัดให้ลูกศิษย์ออกไปหา ประสบการณ์ข้างนอกและจัดหาผู้อาวุโสในส านักให้คอยปกป้ อง มรรคา หากว่ามีข้อพิพาทนอกภูเขาที่ค่อนข้างรับมือได้ยากก็
สามารถส่งกระบี่บินแจ้งข่าวมาที่จวนสุ่ยฝู่ โดยตรง กองงานนี้มีเฉา จวิ้นผู้ฝึกกระบี่ที่เป็ นผู้ถวายงานระดับล่างรับหน้าที่เป็ นขุนนางหลัก อยู่ในการดูแลของจวนสุ่ยฝู่ แต่หวงถิงแห่งภูเขาไท่ผิง เย่อวิ๋นอวิ๋น แห่งผูซาน ชิงถงแห่งหอสยบปี ศาจ เหยาเซียนจือเจ้าเมืองเมือง หลวงต้าเฉวียนล้วน “แขวนชื่อ” อยู่ในกองสารวจแห่งนี้กันทั้งหมด