กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1049.4 ภูเขาสายน้าของที่แห่งนี้ประหนึ่งรังโจร
กองตรวจสอบ
พูดถึงแค่บนเรือข้ามทวีปเพิ่งยวนลานั้นก็มีมัลละเกราะทองและ ยันต์หุ่นเชิดที่ชุยตงซานสร ้างขึ้นมามากมาย และมี “กองตรวจสอบ ภูเขาสายน้า” เกือบหนึ่งร ้อยตนที่ถูกชุยตงซานตั้งชื่อให้ว่าอวี่กง จิ นซือ เที่ยวซานกง มัวอวี๋เอ๋อร ์เป็ นต้น นอกจากนี้ยังมีหุ่นเชิดกลไก อีกสองร ้อยกว่าตนที่กระจายกันอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ ของใบถงทวีป นอกจากวาดภาพขุนเขาสายน้าของสถานที่ต่างๆ อย่างละเอียดแล้ว ยังสามารถจูงแกะติดมือมาด้วยการตามหาและเก็บสมบัติไปทั่ว หยุด แต่พอสมควร ส่วนฝ่ายหลังนั้นได้เข้าร่วมการขุดเจาะลาน้าใหญ่แล้ว
หน่วยบริหารจัดการ
หน้าที่รับผิดชอบที่สาคัญที่สุดของหน่วยบริหารจัดการ พูดง่ายๆ ก็คือจัดสรรรายชื่อของยอดเขาทั้งหลายในสานัก ยกตัวอย่างเช่น สามารถแนะน าศาลบรรพจารย์ว่าควรจะวางเก้าอี้ไว้กี่ตัว ภูเขาที่ได้ เปิดยอดเขาทุกแห่งเหมาะจะมีลูกศิษย์ผู้สืบทอดกี่มากน้อย จานวน ลูกศิษย์ฝ่ ายในและฝ่ ายนอกล้วนต้องผ่านการดูแลของหน่วยบริหาร จัดการ ขณะเดียวกันก็ต้องพิจารณาการถ่วงดุลของยอดเขาต่างๆ และการแบ่งเส้นขอบเขตภูเขาสายน้าระหว่างพื้นที่ประกอบพิธีกรรม แต่ละแห่ง เกี่ยวกับภูเขาที่ยังไม่เหมาะจะเปิดยอดเขาทั้งหลายก็ต้องมี
การจัดเรียงลาดับและให้คาประเมินสาหรับตัวเลือกคนที่จะได้เปิ ด ยอดเขา เพียงแต่ว่าเมื่อเปรียบเทียบกันแล้วสถานะของขุนนางไม่ได้ สูงส่งเท่ากองระเบียบพิธีการ
หน่วยควันธูป
จัดหาผู้ถ่ายทอดและผู้ปกป้ องมรรคา ไปมาหาสู่กับพันธมิตรบน ภูเขา ควบกับจดบันทึกเอกสารลับของลูกศิษย์ทุกคน ไม่ว่าจะเป็ นภูมิ หลัง ประวัติส่วนตัว ขั้นตอนการฝึกประสบการณ์และค าประเมินว่าดี หรือไม่ดี หากต้องการ ขุนนางของกองระเบียบพิธีการและกองคุณ ความชอบและความผิดล้วนสามารถมาขออ่านเอกสารของที่นี่ได้ โดยภาพรวมแล้วฝ่ ายในถือเป็ นของกองระเบียบพิธีการ ฝ่ ายนอกถือ เป็ นของหน่วยควันธูป
หน่วยขุดคุ้ย
ตามหาตัวอ่อนผู้ฝึกกระบี่และเมล็ดพันธ ์เต๋าแต่กาเนิดที่เหมาะแก่ การฝึกตน รวมไปถึงผู้ที่มีคุณสมบัติในการเรียนวรยุทธ ภาพรวมคือ มีหน้าที่ลงภูเขาไปตามหาตัวลูกศิษย์ที่เหมาะสมมาอย่างลับๆ แล้วพา ขึ้นเขามาฝึกตนถามมรรคา
หน่วยเลขานุการ
ดูแลรักษาตารา เวทลับ ตารากระบี่ ตาราหมัดทั้งหมด มีเฉาฉิง หล่างเป็ นผู้รับผิดชอบ
กองส ารวจกับจวนสุ่ยฝู่ จวนเฉวียนผู้กับกองบริหารการเงิน กอง ระเบียบพิธีการกับหน่วยบริหารจัดการ รวมไปถึงกองระเบียบพิธีการ กับหน่วยควันธูป ดูเหมือนว่าจะมีภาระงานที่ทับซ ้อนกันในระดับที่ แน่นอน
นอกจากนี้ภายใต้กรอบโครงสร ้างของการก่อตั้งที่ว่าการประเภท นี้ พูดถึงแค่เงินเทพเซียนและเงินจริงทองจริง สมบัติในคลังลับซึ่ง รวมทั้งชุดคลุมอาคม อาวุธวิเศษ สมบัติอาคม ฯลฯ ตาราลับ คัมภีร ์ ทั้งสามอย่างก็จะมีการแบ่งแยกกันด้วย
หน่วยหมักและผลิต
จัดหาอาหารเครื่องดื่ม อาหารที่เป็ นยา หมักเหล้า ต้มยา หลอม โอสถ ฟืนถ่านที่ใช ้ในชีวิตประจ าวัน รวมไปถึงของใช ้ในห้องหนังสือ จ าพวกตะเกียง เทียน เป็ นต้น
ฉิวตู๋ฉิวเฒ่าที่เคยเป็ นหมัวมัวผู้อบรมมารยาทของวังมังกรเก่า ขอบเขตก่อก าเนิดพื้นที่ประกอบพิธีกรรมของหญิงชราตั้งอยู่ที่ยอด เขาโผซัวซึ่งเป็ นต้นกาเนิดน้าของภูเขาโฉวโหมว ยามที่นางฝึกตน บางครั้งก็มีกลิ่นอายแห่งมรรคาเอ่อล้นออกมาซึ่งสามารถเพิ่ม โชคชะตาภูเขาสายน้าส่วนหนึ่งได้ ฉิวตู๋จึงเป็ นผู้ดูแลหน่วยหมักและ ผลิต
หน่วยก่อสร ้าง
คล้ายคลึงกับที่ว่าการกรมโยธาของราชสานักล่างภูเขา รับผิดชอบดูแลงานก่อสร ้างทุกอย่างของส านัก ไม่ว่าจะเป็ นการ หลอมกระบี่หลอมวัตถุ บุกเบิกจวนและพื้นที่ประกอบพิธีกรรมบน ภูเขา สร ้างท่าเรือ สวนดอกไม้ ปลูกพืชปลูกผักผลไม้ ฯลฯ ตอนนี้ หน่วยก่อสร ้างมีชุยตงซานเป็ นผู้ดูแลงานหลักก่อนชั่วคราว ขุนนาง ผู้ช่วยคือผู้ฝึกกระบี่เถาหราน เซียนกระบี่ขอบเขตโอสถทองที่เพิ่งจะ ขึ้นเขามาได้ไม่นานชื่อเสียงก็เลื่องระบือผู้นี้ พื้นที่ประกอบพิธีกรรม อยู่ที่ยอดเขาจูซาภูเขาเซียนตู นอกจากนี้ยังมีหลันอี๋ อวี๋ซึ่งโหลว ฟู่ จู้ สามคนที่มาจากหอซูอื๋อวี้จือก่างเก่า ผู้ฝึกตนสามคนที่เคยรับหน้าที่ เป็ นขุนนางผู้ตรวจการท่าเรือนี้ขอบเขตต่างก็ไม่สูง สองคนเป็ นชม มหาสมุทรคนหนึ่งเป็ นถ้าสถิต แต่ว่าทาอะไรจริงจัง อีกทั้งยังมีทักษะ
เชี่ยวชาญ
หน่วยพิมพ์ตาราคอยรวบรวมหาซื้อตาราหายาก ตาราฉบับ สมบูรณ์แบบ ตาราที่มีเหลือเล่มเดียวมา มีจ้งชิวเจ้าขุนเขาของส านัก ศึกษาเป็ นผู้รับผิดชอบ ชิงถงผู้ถวายงานระดับรองเป็ นผู้ช่วย
หน่วยบุปผาจันทรา
นี่เรียบง่ายอย่างมากแล้ว รับหน้าที่ดูแลบุปผาในคันฉ่องดวง จันทร ์ในสายน้าทั้งหมดของสานักกระบี่ชิงผิง
และก็เป็ นครั้งแรกที่เขียนกระบี่ใหญ่หมี่นึกอยากจะรับภาระหนัก หน่วงไปดูแลด้วยตัวเอง
บนแผนที่แผ่นนี้มีชื่อมากมายที่อย่าว่าแต่ชิงถงเลย แม้กระทั่งจ้ง ชิวและเฉาฉิงหล่างก็ยังรู ้สึกไม่คุ้นเคย ส่วนใหญ่คือขุนนางผู้ช่วยที่รับ หน้าที่ในที่ว่าการของกองงานและหน่วยงานต่างๆ
ยกตัวอย่างเช่นมีคนหนึ่งชื่อว่า “ไป้ กวาน” ที่มารับหน้าที่เป็ นขุน นางผู้ช่วยของหน่วยบริหารจัดการและหน่วยพิมพ์ต ารา
ตอนนี้สานักกระบี่ชิงผิงยังเป็ นสถานการณ์ของสามภูเขาที่มีหนึ่ง หลักสองรองนอกจากภูเขาเซียนตูภูเขาบรรพบุรุษแล้วก็ยังมี ภูเขาอวิ๋นเจิงกับภูเขาโฉวโหมว ยอดเขาหลักของภูเขาแต่ละลูก ได้แก่ยอดเขาอู๋เฉาและยอดเขาจิ่งซึ่ง
ท่าเรือตรงตีนเขามีชื่อว่าท่าเรือชิงซาน
ทางฝั่งตีนเขาของยอดเขามี่เซวี่ย เสี่ยวโม่ตั้งชื่อให้หาดน้าตื้น แห่งหนึ่งว่าหาดลั่วเป่าทั้งยังสร ้างกระท่อมไว้ที่นั่น
ยอดเขาอู๋เฉาคือพื้นที่ประกอบพิธีกรรมของเจ้าสานักชุยตงซาน และเขายังเป็ นเจ้าขุนเขาคนแรกของภูเขาอวิ๋นเจิง ยอดเขาจิ่งซิงเป็ น ของเฉาฉิงหล่างศิษย์น้องที่เพิ่งจะสร ้างโอสถได้สาเร็จ ตอนนี้ยังไม่ใช่ เจ้าของภูเขาโฉวโหมว ในบรรดาผู้ฝึกกระบี่รุ่นเยาว์ ใครที่ได้เลื่อน เป็ นขอบเขตหยกดิบก่อนก็จะกลายเป็ นเจ้าแห่งยอดเขาอู๋เฉาคน ถัดไปและได้เลื่อนเป็ นเจ้าขุนเขาคนที่สองของภูเขาอวิ๋นเจิงโดย อัตโนมัติ ส่วนเจ้าสานักของสานักกระบี่ชิงผิงในวันหน้าก็จะเริ่มจาก
เฉาฉิงหล่างเจ้าส านักคนถัดไป ทุกคนจะต้องเดินออกมาจากยอดเขา จิ่งซิ่งคล้ายคลึงกับยอดเขาจิ่วอี้ของสานักกุยหยก
กฎระเบียบใหม่ในวันนี้ ขอแค่เวลาผ่านไปนานพอก็จะกลายไป เป็ นระบบสืบทอดที่มีประวัติยาวนานอย่างหนึ่ง
ในเมื่อเป็ นสานักกระบี่ ภูเขาเซียนตูที่เป็ นภูเขาบรรพบุรุษจึงเป็ น สถานที่ฝึ กกระบี่สาหรับผู้ฝึ กกระบี่ ทางฝั่งของภูเขาโฉวโหมวเป็ น ของผู้ฝึกลมปราณทุกประเภทเว้นจากผู้ฝึกกระบี่ ภูเขาอวิ๋นเจิงจะมีผู้ ฝึกยุทธอยู่เป็ นจ านวนมาก
ภูเขาอวิ๋นเจิง เผยเฉียนได้เลือกศาลาตกปลาที่อยู่ข้างป่าไผ่เขียว มาสร ้างกระท่อมไว้พักอาศัย
เฉินผิงอันที่เป็ นอาจารย์เลือกสร ้างจวนส่วนตัวอยู่ที่ยอดเขาหมิ่ง ติ่งที่ตัวภูเขาค่อนข้างสูง
ชิงถงที่เป็ นรองผู้ถวายงาน หากอิงตามกฎทั่วไปบนภูเขาก็จะได้ ครอบครองภูเขาแห่งหนึ่งเพื่อใช ้บุกเบิกพื้นที่ประกอบพิธีกรรม ที่ราบ อี้หรานของภูเขาโฉวโหมวถือเป็ นยอดเขาสูงอันดับสองรองจากยอด เขาจิ่งซิง
การจัดการเช่นนี้ อันที่จริงก็ดูออกว่ามีเจตนาที่เรียบง่ายอย่าง มาก
เฉินผิงอันหวังว่าสหายชิงถงจะสามารถรับหน้าที่เป็ นผู้ปกป้ อง มรรคาที่อยู่เบื้องหลังของลูกศิษย์ผู้เป็ นที่ภาคภูมิใจอย่างเฉาฉิงหล่าง
ชิงถงเองก็รู ้ดีอยู่แก่ใจ
ก่อนที่เฉาฉิงหล่างจะเลื่อนเป็ นห้าขอบเขตบนแล้วรับหน้าที่เป็ น เจ้าสานักรุ่นที่สองล้วนต้องให้เขาให้ความใส่ใจมากสักหน่อย
ในที่สุดก็อาศัยสองขาเดินขยับเข้าใกล้ท่าเรืออวี่หลิน นักพรต เนิ่นเอาสองมือไพล่หลังเอ่ยชื่นชมมาประโยคหนึ่งว่า “เจ้าสานักชุยมี
กิจการยิ่งใหญ่จริงๆ เลยนะ”
ชุยตงซานพาผู้เฒ่าชุดเหลืองเดินไปบนกระดานขึ้นเรือด้วยกัน ยิ้มเอ่ยว่า “ที่ไหนกัน ที่ไหนกัน”
ก่อนหน้านี้เจียงซ่างเจินกับเฝิงเซวี่ยเทาเพิ่งจะเข้าไปในห้องแห่ง นั้น
ดังนั้นพอนักพรตเนิ่นเดินเข้าไปในห้อง ซุยตงซานที่ชะลอฝีเท้า ก็เอื้อมมือไปปิดประตูเบาๆ ทันที
ในห้องมีชิงถงแห่งหอสยบปี ศาจใบถงทวีป ผู้ฝึ กลมปราณ ขอบเขตบินทะยาน อีกทั้งยังเป็ นผู้ฝึกยุทธครึ่งตัว
ผู้ฝึกตนขอบเขตบินทะยานฉายาชิงมี่ ผู้ฝึกตนอิสระเพิ่งเซวี่ยเทา
เจียงซ่างเจินผู้ถวายงานอันดับหนึ่งภูเขาลั่วพั่ว หมื่อวี้ผู้ถวายงาน อันดับหนึ่งสานักกระบี่ชิงผิง เป็ นเซียนกระบี่ใหญ่ทั้งสองท่าน
บวกกับชุยตงซานที่รับผิดชอบปิดประตูอีกคน
เผชิญหน้ากับขบวนรบเช่นนี้ นักพรตเนิ่นเกือบจะของขึ้นเสีย แล้ว
ชุยตงซานยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “นักพรตเนิ่น ปิดประตูลงพูดคุยอย่าง กันเอง อันที่จริงจดหมายที่ข้ามอบให้ก่อนหน้านี้เป็ นของปลอม ผู้เยาว์ล้อท่านเล่นเล็กๆ น้อยๆ ผู้อาวุโสคงไม่โกรธหรอกกระมัง?”
นักพรตเนิ่นอืมรับหนึ่งที ตีหน้าเคร่งพยักหน้าเอ่ยว่า “ไม่ได้เสีย มารยาทรุนแรงอะไรล้วนเป็ นคนกันเองนี่นะ”
จากนั้นชุยตงซานก็กอดแขนของนักพรตเนิ่นอย่างกระตือรือร ้น จะลากให้ผู้อาวุโสท่านนี้นั่งลงบนเก้าอี้ของเจ้าส านักให้จงได้ นักพรต เนิ่นปฏิเสธไม่ได้ก็เลยได้แต่นั่งลง
ชุยตงซานจึงเล่าเรื่องการก่อตั้งสามจวนและกองงานหน่วยงาน ทั้งหลาย บอกว่าความตั้งใจเดิมคืออะไร ขอบเขตหน้าที่ความ รับผิดชอบอยู่ตรงไหนให้ทุกคนฟังอย่างละเอียด
มีนักพรตเนิ่นอยู่ด้วย คนนอกอย่างเฝิงเซวี่ยเทาจึงไม่ได้รู ้สึกเป็ น ตัวของตัวเองได้มากเท่าเดิมแล้ว
ชุยตงซานพูดอย่างละเอียด ใช ้เวลาเกือบครึ่งชั่วยามถึงจะโบก ชายแขนเสื้อเป็ นวงกว้าง ทิ้งประโยคหนึ่งไว้อย่างหนักแน่นว่า หากไม่ มีความเห็นต่างก็แยกย้ายกันได้เลย
บอกให้โจวอันดับหนึ่งตามมา จากนั้นเรียกเถาหรานมาเพียง ล าพัง ชุยตงซานเตรียมจะให้เซียนกระบี่เถาท่านนี้เลิกอยู่บนเรือข้าม
ฟากถงอินอย่างเสียเวลาเปล่าได้แล้ว ให้เขารีบไปที่กระท่อมริมลา คลองหลินเหอ เรื่องของการก่อสร ้างก็ให้เริ่มลงมือทาได้แล้ว
ส่วนนักพรตเนิ่นให้อยู่ในห้อง ราลึกความหลังกับชิงถง
ไปถึงที่หัวเรือ ชุยตงซานก็ยิ้มตาหยีเอ่ยว่า “เซียนกระบี่เถา ข้า ยังคงยืนยันคานั้น จะรอฟังข่าวดีอยู่เงียบๆ รอให้เจ้าเลื่อนเป็ น ก่อกาเนิดเมื่อไหร่ ข้าก็จะให้ทางฝั่งของกองระเบียบพิธีการช่วยจัด งานพิธีเปิดยอดเขาให้กับเจ้าครั้งใหญ่”
เถาหรานเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ในฝันล่ะนับด้วยไหม?”
ชุยตงซานใช ้ฝ่ ามือดันปลายคางของตัวเองเอาไว้คล้ายตั้งใจ ครุ่นคิดพิจารณาถึงค าพูดเย้ยหยันตัวเองนี้ของเซียนกระบี่เถา
เถาหรานกลัวเจ้าสานักที่ความคิดผิดแผกไปจากคนทั่วไปผู้นี้ อย่างมาก เขารีบเปลี่ยนคาพูดใหม่ทันทีว่า “เรื่องของการฝึกตน ข้า ไม่มีทางเพิกเฉยแน่นอน แต่ผลลัพธ ์จะเป็ นเช่นไรจะส าเร็จหรือไม่ก็ ต้องดูที่โชคชะตาแล้ว”
ชุยตงซานชี้ไปที่โจวอันดับหนึ่ง ยิ้มเอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้พวกเรา ตกลงกันไว้เรียบร ้อยแล้วว่าจะให้เจ้าด่าเจียงซ่างเจินสักสองสาม ประโยค ตอนนี้ก็เชิญเริ่มด่าให้น้าลายแตกฟองได้เลย!”
แม้เจียงซ่างเจินจะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ยังยิ้มเอ่ยเตือนว่า “เซียนกระบี่เถาบอกไว้ก่อนน่ะว่า ด่าส่วนด่า แต่อย่าลงไม้ลงมือต่อกัน ล่ะ”
เมื่อก่อนเซียนกระบี่เถาอยู่กับเฉินอิ่นกวาน เสี่ยวโม่และหมี่อวี้ มี ความองอาจห้าวหาญถึงเพียงใด ตอนนี้ได้เจอกับอดีตเจ้าสานักเจียง จริงๆ สีหน้าของเขากลับพิพักพิพ่วนวางตัวไม่ถูกเสียอย่างนั้น
ชุยตงซานเอ่ยหยอกเย้าว่า “เซียนกระบี่เถาเจ้านี่ยังไงกันนะ ดู แคลนโจวอันดับหนึ่งของพวกเราใช ้ไหม รู ้สึกว่าเขาขอบเขตไม่สูง พอไม่คู่ควรให้เจ้าสั่งสอนสักสองสามประโยคสินะ?”
เถาหรานพูดอึกอัก “เจ้าส านักชุยอย่ากระพือไฟอีกเลย”
ชุยตงซานพูดคล้ายสัพยอกว่า “ถ้าอย่างนั้นวันนี้ก็ปล่อยไปก่อน แล้วกัน เซียนกระบี่เถายังมีคนมีชีวิตตัวเป็ นๆ ที่อยากด่าอยู่อีกไหม วันหน้ามีโอกาส ข้าจะได้พามาให้เจ้าได้ด่า”
เห็นได้ชัดว่าเถาหรานร ้อนใจเสียแล้ว รีบเอ่ยว่า “เลิกพูดเรื่องไร ้ สาระพวกนี้เถอะ ชอบพูดจาเหน็บแนมกันอยู่เรื่อย เป็ นลูกศิษย์ของ เจ้าขุนเขาเฉินได้อย่างไรกันนะ เขาไม่เห็นจะมีมาดอะไรเลย เหมือน บัณฑิตอย่างมาก”
ชุยตงซานมองสบตากับเจียงซ่างเจินแล้วพากันหัวเราะก๊าก
คาพูดประโยคนี้ของเซียนกระบี่เถา…คล้ายจะมีเหตุผลอย่างมาก ไม่เหมาะที่พวกเขาจะโต้เถียง
เถาหรานขอตัวลาแล้วเรียกเรือยันต์ลาหนึ่งออกมา เดินทาง ออกไปจากท่าเรืออวี่หลิน
เจียงซ่างเจินนอนฟุบตัวบนราวรั้ว ยิ้มเอ่ยว่า “คิดยังไงถึงได้หา เรื่องมาทามากมายขนาดนี้”
ชุยตงซานสอดสองมือรองไว้ใต้ท้ายทอย “ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อใจใคร แต่เป็ นเพราะเมื่อมีคนมากเข้า วันหน้ามีแต่จะมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ก็ต้อง หาเรื่องอะไรให้พวกเขาทาบ้าง คนคนหนึ่งน่ะจะปล่อยให้อยู่ว่างมาก เกินไปไม่ได้ พออยู่ว่าง ปัญหาหลายอย่างที่เดิมที่ไม่ควรเป็ นปัญหาก็ เกิดขึ้นมาเพราะว่าคนอยู่ว่างนี่แหละ”
เจียงซ่างเจินถามคาถามที่ฟังดูก็รู ้ว่าเป็ นผู้เชี่ยวชาญอย่างมาก “วันหน้าผู้ฝึกตน ผู้ฝึกยุทธในยอดเขาทั้งหลายของสานักกระบี่ชิงผิง พวกเขาเลือกลูกศิษย์ เจ้าก็ต้องคอยควบคุมด้วยหรือ?”
ชุยตงซานยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “เวลาปกติก็เป็ นแค่ชั้นวางว่างเปล่า ที่ตั้งไว้ให้พอเป็ นพิธีเท่านั้น ในสถานการณ์ทั่วไปไม่มีทางไปยุ่งด้วย หรอก แค่ทาให้พอเป็ นพิธีนั่นแหละ”
เพียงแต่ว่าหากถึงเวลาที่เจ้าสานักชุยต้องเข้าไปควบคุมจริงๆ ก็ ต้องยื่นมือเข้าแทรกแล้ว อีกทั้งนั่นต้องถือเป็ นการควบคุมดูแลที่ ถูกต้องชอบธรรมมีหลักฐานอ้างอิงด้วย
ชุยตงซานชูสองมือขึ้น สิบนิ้วสอดประสานกัน “ต่างก็เป็ นรูบาก และเดือยที่ขันกันและกันให้แน่น ก็จะมั่นคงแข็งแรงแล้ว”
สนใจแค่ความรู ้สึกส่วนตัว แสวงหาความอิสระที่บริสุทธิ์
มีเพียงเจินเหรินบนพื้นพสุธาที่เดินทางได้อย่างเสรีและผู้ฝึกตน อิสระเขียนอิสระเท่านั้น
จู่ๆ ชุยตงซานก็ถามขึ้นว่า “โจวอันดับหนึ่ง เจ้าคิดว่าการชอบคน คนหนึ่งเป็ นอย่างไร?”
เจียงซ่างเจินหัวเราะ “คงเหมือนการตกไปอยู่ในรังโจร ต่อให้เจ้า จะฆ่าโจรไปมากแค่ไหนก็ยังมิอาจเอาชนะได้อยู่ดี”
ภูเขาเซียนตู หอซ่าวฮวายอดเขาเจ๋อเซียน
สุยโย่วเปียนถือกระบี่ชื่อซินไว้ในมือข้างหนึ่ง แสงกระบี่สว่างไสว ดุจแสงหิมะ
พ่อครัวน้อยเฉิงเฉาสู่ลูกศิษย์เพียงหนึ่งเดียวของนาง ตอนนี้ กาลังฝึกกระบี่อยู่ในพื้นที่ประกอบพิธีกรรมถ้าสวรรค์
ตรงหาดลั่วเป่าตีนเขามีผู้เฒ่าคนหนึ่งที่คล้ายท่องพเนจรมาถึงที่ แห่งนี้ปรากฏตัว
สุยโย่วเปี ยนพลันเบิกตากว้าง พึมพาเสียงสั่น “อาจารย์ อาจารย์? อาจารย์!”
ยอดเขาโหยวอี๋สานักกระบี่หลงเฉวียน
ในที่สุดหลิวเสี้ยนหยางก็ออกจากด่านแล้ว
หรือจะพูดให้ถูกต้องก็คือเป็ นการหลับที่ยาวนานมากครั้งหนึ่ง ไม่ใช่แค่การงีบหลับเหมือนในอดีต
มองหลิวเสี้ยนหยางที่เดินออกมาจากห้องอย่างคนที่ยังมีชีวิตอยู่ เซอเยว่ก็ถอนหายใจโล่งอก
หลิวเสี้ยนหยางใช ้เสียงในใจพูดด้วยสีหน้าเหยเก “ข้าได้เจอกับ ผู้ฝึกกระบี่หนึ่งในสิบผู้กล้าของใต้หล้ายุคบรรพกาลคนนั้นอีกแล้ว”
ในเมื่อหลิวเสี้ยนหยางพูดถึงขนาดนี้แล้ว เซอเยว่ที่อันที่จริงไม่ได้ สนใจเรื่องนี้สักเท่าไรก็ได้แต่แสร ้งถามอย่างใคร่รู ้ว่า “แล้วอย่างไร? เขาคิดว่าเจ้าคือผู้มีพรสวรรค์ รู ้สึกอารมณ์ดีก็เลยถ่ายทอดเวทกระบี่ ชั้นสูงให้เจ้าหลายบทหรือ?”
หลิวเสี้ยนหยางมีสีหน้าซับซ ้อน ทาท่าจะพูดไม่พูดอยู่หลายครั้ง สุดท้ายก็ได้แต่โบกมือ “ข้ามีข้อตกลงกับเขา วันหน้าค่อยเล่าให้เจ้า
ฟังอย่างละเอียด”
เซอเยว่ถามคาถามที่ตัวเองค่อนข้างสนใจ “ต่อสู้เก่งมากหรือ? แข็งแกร่งมากแค่ไหน?”
หลิวเสี้ยนหยางพยักหน้า “เคยติดตามเขาไปเยือนถ้าปี้เซียวหาด ถั่วเป่ามารอบหนึ่งข้าได้แต่ชมการต่อสู้อยู่ไกลๆ มองเห็นได้ไม่ชัดนัก แต่เขากลับเอาชนะได้อย่างสบายๆ เลยล่ะ”
เซอเยว่เดาะลิ้น หากว่าหลิวเสี้ยนหยางพูดอย่างนี้ ก็รู ้ได้แล้วว่าผู้ ฝึกกระบี่หนึ่งในสิบผู้กล้าคนนั้นจะแข็งแกร่งแค่ไหน
หลิวเสี้ยนหยางเดินไปนั่งยองอยู่ริมหน้าผา ยื่นมือไปเด็ดหญ้า หวานต้นหนึ่งจากข้างเท้าขึ้นมา ดีดดินที่ติดต้นหญ้าออก คาบไว้ใน ปากแล้วเคี้ยวอย่างละเอียด
สานักย้ายกลุ่มภูเขามาไว้ที่นี่ ทิวทัศน์ที่ปรากฏอยู่ในสายตาจึง แตกต่างไปจากเดิม
ห่างไปไกลมีภูเขาลูกหนึ่ง มีชื่อที่ตั้งมาแต่ดั้งเดิมว่าป๋ ายเยว่ ใน ภูเขามีตัวอักษรแกะสลักไว้บนหน้าผาเยอะมาก เช่นค าว่า ปืนเมฆ ประคองตะวัน” “บนฟ้ าเหนือโลกมนุษย์ เป็ นต้น ว่ากันว่ามีมากถึงร ้อย กว่าจุด แต่หลิวเสี้ยนหยางไม่เคยนับอย่างละเอียดมาก่อน
แม้จะชื่อว่าป๋ ายเยว่ (ขุนเขาขาว) แต่สีของภูเขากลับเป็ นสีแดง เหมือนชาด ทุกครั้งที่แสงอาทิตย์สาดส่องลงมาก็ยิ่งส่องประกายเรื่อ เรื่องเหมือนแสงท้องฟ้ ายามสนธยา ประหนึ่งสตรีที่ทาชาดประทินโฉม
ห่างไปไกลมีทะเลสาบอยู่แห่งหนึ่ง ทุกครั้งที่ลมพัดผิวน้าก็คล้าย กระจกบานหนึ่งที่ถูกทุบแตก ภูเขาและสายน้านี้ต่างก็อยู่ในอาณา เขตของอาเภอแห่งหนึ่ง