กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1050.4 เวทกระบี่ของเฉินชิงตูธรรมดาสามัญ
ยอดเขาเจ๋อเซียนภูเขาเซียนตู ทางฝั่งของหอซ่าวฮวา สุยโย่ วเปี ยนเก็บอารมณ์ทุกอย่างกลับคืน สอดกระบี่ชื่อซินกลับเข้าฝัก กระบี่ ทะยานลมไปถึงหาดลั่วเป่าจ าลองตรงตีนเขา ประสานมือคารวะ “ศิษย์สุยโย่วเปียนคารวะอาจารย์”
ผู้เฒ่าที่ยืนอยู่ข้างกระท่อมบนหาดน้าตื้นกุมหมัดคารวะกลับคืน “หนีหยวนจานชิงเค่อแห่งสกุลเจียงพื้นที่มงคลถ้าเมฆาคารวะสหาย สุย”
คนพายเรือเฒ่าใช ้นามแฝงว่าหนีหยวนจาน ในมือถือไม้ไผ่ถ่อ เรือ ถ่อเรือมาเทียบท่าที่หาดหินหวงเฮ้อ ท าการค้าเล็กๆ พาคนไปส่ง ข้ามแม่น้าคนละหนึ่งเหรียญเกล็ดหิมะ
อาจารย์จงใจทาเป็ นไม่รู ้จักกัน สุยโย่วเปียนไม่ได้คิดมากกับเรื่อง นี้ เพียงแค่ถามอย่างใคร่รู ้ว่า “ปี นั้นหลังจากที่อาจารย์บินทะยาน สาเร็จก็ตั้งใจฝึกตนอยู่ในพื้นที่มงคลถ้าเมฆามาตลอดเลยหรือ? เรื่อง พิฆาตยุงบนแม่น้าของหาดหินหวงเฮ้อใช่เรื่องราวของอาจารย์ หรือไม่?”
นี่คือการถามทั้งที่รู ้คาตอบดีอยู่แล้ว พยายามหาเรื่องชวนคุย อย่างเห็นได้ชัด
ปีนั้นสุยโย่วเปียนยืนกรานที่จะเปลี่ยนจากผู้ฝึกยุทธเต็มตัวไปฝึก เวทกระบี่วิชาเซียนเฉินผิงอันที่เป็ นนายของคนในภาพวาดไม่ได้ ขัดขวาง นางถูกสวินยวนเจ้าส านักผู้เฒ่าพาไปอยู่ที่ยอดเขาเสินจ้วน กลายเป็ นลูกศิษย์ผู้สืบทอดของศาลบรรพจารย์ส านักกุยหยก แล้วยัง เคยเกิดความขัดแย้งที่ไม่เล็กกับเหวยอิ๋งผู้ฝึกกระบี่เจ้าแห่งยอดเขาจิ่ว อี้ในเวลานั้นด้วย สาหรับพื้นที่มงคลถ้าเมฆาที่ในนามเป็ นของสานัก กุยหยก แต่แท้จริงแล้วสกุลเจียงเป็ นผู้ดูแล ต่อให้จะอยู่ใกล้ในระยะ ประชิด สุยโย่วเปียนก็ไม่เคยเหยียบย่างเข้าไป แต่นางกลับเคยได้ยิน ข่าวลือทั้งหลายของพื้นที่มงคลมาไม่น้อย ยกตัวอย่างเช่นเรื่องเล่า งดงามบนภูเขาที่บอกว่ามีเซียนกระบี่ที่เมาสุราท่านหนึ่งพ่นเม็ดกระบี่ ออกมา พิฆาตยุงเหนือแม่น้าซึ่งถูกเล่าต่อกันมาอย่างลี้ลับมหัศจรรย์ เพียงแค่เพราะมีความเกี่ยวข้องกับผู้ฝึ กกระบี่ สุยโย่วเปียนจึงใส่ใจ มากเป็ นพิเศษ
ภายหลังเจียงซ่างเจินก็บอกเรื่องวงในกับสุยโย่วเปี ยนอย่าง ตรงไปตรงมา บอกทุกอย่างชัดเจนหมดเปลือกเหมือนเทถั่วออกจาก กระบอกไม้ไผ่
ก็เหมือนอย่างที่หนีหยวนจานบอกกับเด็กหนุ่มชุดขาว รู ้แล้วสู้ไม่ รู ้ยังจะดีเสียกว่า
อาจารย์และศิษย์สองคนจากลากันมานานหลายปี ต่างก็อยู่ต่าง บ้านต่างเมือง คนหนึ่งถ่อเรืออยู่ในพื้นที่มงคลถ้าเมฆา อีกคนหนึ่งเคย
ไปฝึกตนบนยอดเขาเสินจ้วนของส านักกุยหยก ล้วนต้องไปพึ่งพาอยู่ ใต้ชายคาของผู้อื่น พบเจอหน้าสู้ไม่พบเจอกันยังจะดีกว่า
การกลับมาพบเจอกันอีกครั้งหลังจากลากันไปนานในครั้งนี้ การ ที่สุยโย่วเปียนถามทั้งๆ ที่รู ้ดีอยู่แล้วก็เพราะกังวลว่าจิตแห่งมรรคาของ อาจารย์จะเกิดปัญหา นางจึงเลือกค าพูดดีๆ มาเป็ นตัวเปิดบทสนทนา หาไม่แล้วสุยโย่วเปียนก็คิดว่าด้วยคุณสมบัติของอาจารย์ก็ควรจะเป็ น เซียนกระบี่ขอบเขตบินทะยานที่หยัดยืนอยู่บนยอดเขาได้นานแล้ว ผลส าเร็จบนมหามรรคาของอาจารย์ย่อมไม่มีทางแพ้ให้กับสิงกวาน หาวซู่ที่ชาติกาเนิดพอๆ กันได้อย่างแน่นอน
ชื่อจริงของหนีหยวนจานในพื้นที่มงคลดอกบัวคือหลูเซิง นาม ซีโจว
บัณฑิตผู้นี้ ตอนอยู่ที่บ้านเกิดก็เป็ นทั้งอาจารย์ผู้ถ่ายทอดวิชา ของสุยโย่วเปียน แล้วยังเป็ นผู้ถ่ายทอดมรรคาด้านวรยุทธและเวท กระบี่ให้กับนางด้วย
เวลานี้ผู้เฒ่าที่สวมชุดลัทธิขงจื๊อสวมชุดคลุมขนนกกระสาตัว หนึ่งที่เป็ นทั้งชุดคลุมอาคมและเป็ นทั้งกรงขัง ตรงไหล่มีคางคกทอง สามขาตัวหนึ่งนอนหมอบอยู่
เจียงซ่างเจินเสนอราคาอยู่หลายครั้ง หมายจะซื้อคางคกทองมา จากหนีหยวนจาน แต่กลับไม่เคยส าเร็จ
หนีหยวนจานเอ่ยเย้ยหยันตัวเองว่า “บินทะยานส าเร็จอะไรกัน ก็ แค่ถูกเจ้าแห่งถ้าปี้เซียวโยนออกมานอกพื้นที่มงคลดอกบัวเท่านั้น ไม่ต้องนั่งบ่อมองฟ้ าอีกต่อไป คิดไม่ถึงว่าพอออกมาจากบ่อน้าแห่ง นั้นแล้วกลับยิ่งรู ้สึกว่าฟ้ าดินกว้างใหญ่ ตัวเองเล็กจ้อย จิตแห่งมรรคา ไม่บริสุทธิ์ เรื่องของการพิสูจน์มรรคาบินทะยานก็ยังคงอยู่ห่างไกล มองไม่เห็นจุดสิ้นสุด เสียเวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์ก็เท่านั้น”
ก่อนหน้านี้พวกเฉินผิงอันเดินทางไปเยือนพื้นที่มงคลถ้าเมฆา ด้วยกัน ตอนที่พวกเขาโดยสารเรือข้ามแม่น้า หนีหยวนจานถูกเด็ก หนุ่มชุดขาวท่าทางลึกลับคนหนึ่งมองตัวตนของเขาออก
พูดให้ถูกต้องก็คือ ทั้งสองฝ่ ายต่างก็มอง “รากฐานมหามรรคา” ครึ่งหนึ่งของอีกฝ่ ายออก มีความเกี่ยวข้องกับเนื้อหนังมังสาที่อีกฝ่ าย ใช ้พบเจอผู้คน เรือนกายผู้เฒ่าของหนีหยวนจานในเวลานี้คือคราบ ร่างของผู้ฝึ กตนใหญ่บรรพกาลที่ร่างจริงคือนกกระสาตัวหนึ่งส่วน เนื้อหนังมังสาเด็กหนุ่มของชุยตงซานก็เคยเป็ นมังกรเฒ่าสู่โบราณตัว หนึ่งที่สามารถแหวกว่ายไปในธารดาราได้
ผู้ฝึกบาเพ็ญตนที่หลอมลมปราณแสวงหาความเป็ นอมตะ ปมใน ใจบางอย่างที่เนิ่นนานก็ยังมิอาจคลายออกได้ ส่วนใหญ่มักจะ กลายเป็ นชะตากรรมแห่งด่านใจ
หากไม่เป็ นเพราะทุกวันนี้หนีหยวนจานอยู่ในคอขวดหยกดิบที่จะ ทะลุผ่านไม่ทะลุผ่านเสียที อันที่จริงผู้เฒ่าก็ไม่ยินดีจะมาเยือนภูเขา
เซียนตู เป็ นฝ่ ายมาพบหน้าลูกศิษย์ผู้เป็ นที่ภาคภูมิใจในอดีตตอนอยู่ พื้นที่มงคลอย่างสุยโย่วเปียนเลยจริงๆ
นอกจากนี้หนีหยวนจานยิ่งเป็ นกังวลว่าสุยโย่วเปียนที่เป็ นผู้ฝึก กระบี่ขอบเขตก่อกาเนิดแล้ว วันหน้าปิดด่าน จิตมารที่นางจะพบเจอ ก็คือตน
เพราะถึงอย่างไรอาจารย์หลูเซิงมีภาพลักษณ์และฐานะในใจของ สุยโย่วเปียนสูงเท่าไรจิตมารที่นางจะพบเจอก็ยิ่งมีแต่จะสูงกว่ามาก เท่านั้น
แสงจันทร ์ดุจหิมะ สายลมเย็นพัดโชยมาเป็ นระลอก เดินเล่นไปที่ หาดลั่วเป่ าด้วยกันหลูเซิงถามว่า “เคยเจอกับตงไห่เจ้าอารามผู้เฒ่า แห่งอารามกวานเต๋า หรือก็คือเจ้าแห่งถ้าปี้เซียวหรือไม่?”
สุยโย่วเปียนพยักหน้า “เคยเจอครั้งหนึ่ง ก่อนที่เจ้าอารามผู้เฒ่า จะเดินทางไปยังใต้หล้ามืดสลัวได้ไปที่ภูเขาลั่วพั่วมารอบหนึ่ง”
ตอนนั้นเจ้าอารามผู้เฒ่ายังบอกให้สุยโย่วเปียนนาความไปบอก เฉินผิงอันว่า ไม่ต้องสนใจว่าอารามจินติ่งจะอยู่หรือดับสูญ แต่ต้อง เก็บเส้ายวนหรานผู้นั้นเอาไว้
ความนัยนอกเหนือจากคาพูดประโยคนี้ของเจ้าอารามผู้เฒ่าตื้น เขินอย่างยิ่ง สานักกระบี่ชิงผิงจะต่อสู้ฆ่าฟันกับอารามจินติ่งอย่างไรก็ ได้ จะรื้อศาลบรรพจารย์ของอีกฝ่ ายก็ยังไม่เป็ นปัญหา แต่อย่างเดียว ที่ทาไม่ได้คือห้ามทาลายการฝึกตนบนมหามรรคาของเส้ายวนหราน
หลูเซิงกล่าว “แจกันสมบัติทวีปมีนักพรตที่มีฉายาว่าฉุนหยาง อยู่ในใต้หล้าไพศาลชื่อเสียงไม่โดดเด่น มีเพียงบนยอดเขาของโลก ยุคหลังเท่านั้นที่นักพรตหลวี่เหยียนถูกเรียกขาน ว่า “อันดับหนึ่งแห่ง โอสถทอง” นักพรตเคยเดินทางไปเที่ยวเยือนพื้นที่มงคล ตอนที่ข้ายัง หนุ่มภายใต้วาสนาอ านวย บังเอิญได้มีโอกาสเจอนักพรตฉุนหยางผู้ นี้ครั้งหนึ่ง เขาเคยมอบฝันหวานหวงเหลียงให้กับข้าครั้งหนึ่ง”
ปีนั้นระหว่างที่หลูเซิงเดินทางเข้าเมืองหลวงไปสอบ ได้พักที่โรง เตี้ยมแห่งหนึ่งทางฝั่งซ ้ายมือของเส้นทางหานตัน ได้เจอกับนักพรต พเนจรคนหนึ่งที่มาหยุดพักอยู่ที่นั่น ฝ่ ายหลังใช ้ความฝันหวงเหลียง มาชี้นาหลูเซิง
แล้วก็เป็ นหลังจากนั้นที่หลูเวิงค่อยๆ มีวิสัยทัศน์สูงส่งยิ่งกว่าเดิม ไม่ได้ถูกจากัดอยู่ที่สามอมตะของบัณฑิต และการเดินขึ้นสู่ที่สูงของผู้ ฝึกยุทธอีก
สุยโย่วเปี ยนมีชาติกาเนิดมาจากตระกูลชั้นสูงในพื้นที่มงคล สกุลหลูกับสกุลสุยคบหากันเป็ นสหายมาหลายรุ่น ชื่อของนางก็เป็ น หลูเซิงที่เป็ นอาจารย์ประจาตระกูลช่วยตั้งให้ ตรงข้ามกับหลูเซิงที่มี ชะตาเป็ น “คนฝั่งซ ้ายของเส้นทางหานตัน” พอดี หลูเซิงหวังว่าใน อนาคตลูกศิษย์คนนี้จะบุกเบิกเส้นทางใหม่ ก่อตั้งพรรคเป็ นของ ตัวเอง
แต่ชื่อที่หลูเซิงตั้งมาด้วยความตั้งใจอย่างลึกซึ้งนี้ ตอนนั้นเจ้า อารามเฒ่ากลัรู ้สึกเสียดายอย่างมาก ให้ค าวิจารณ์เป็ นการส่วนตัวว่า “วาดงูเติมขา น่าเสียดายที่เส้นทางเสียหาย
สุยโย่วเปียนกล่าว “นักพรตฉุนหยางท่านนี้ก็เคยไปเยือนภูเขา ลั่วพั่ว มีความสัมพันธ ์ที่ไม่เลวกับเฉินผิงอัน”
จ าต้องยอมรับเฉินผิงอันมีดวงสัมพันธ ์กับคนอาวุโสไม่เลวมา โดยตลอด
หลูเซิงยิ้มเอ่ย “เจ้าสามารถกลายเป็ นผู้ฝึกกระบี่ได้อย่างราบรื่น สละร่างของผู้ฝึกยุทธไปเดินขึ้นเขาฝึกตน ข้าก็ไม่รู ้สึกประหลาดใจ เลย”
เป็ นคนสี่คนในภาพวาดเหมือนกัน เว่ยเซี่ยนและหลูป๋ ายเซี่ยงถูก ก าหนดมาแล้วว่าไม่มีทางทาเรื่องนี้ได้สาเร็จ”
สุยโย่วเปียนกล่าว “ล้วนเป็ นสิ่งที่อาจารย์มอบให้”
หลูเซิงส่ายหน้า “อาจารย์พาเข้าสานักฝึกตนอยู่ที่ตัวคน เจ้าไม่ ต้องถ่อมตัว หากพูดกันถึงคุณสมบัติในการเรียนวรยุทธ แน่นอนว่า เจ้าคือบุคคลอันดับหนึ่งในประวัติศาสตร ์ของบ้านเกิด สามารถติดสิบ อันดับแรกได้ หากจะพูดถึงเรื่องนิสัยใจคอ เจ้าก็ยิ่งเหนือกว่า มาก พอจะติดสามอันดับแรกได้ ในความเห็นของข้า สามารถอยู่อันดับ เดียวกับจูเหลี่ยนคุณชายผู้สูงศักดิ์และอวี๋เจินอี้แห่งพรรคหูซานใน ภายหลังได้เลย พวกเจ้าสามคนไม่มีใครสูงหรือต่ากว่าใคร”
ทุกยุคทุกสมัยต่างก็จะต้องมีบุคคลอันดับหนึ่งในใต้หล้าเป็ นของ ตัวเอง อายุขัยของผู้ฝึ กยุทธมีจ ากัด จึงมี “บุคคลอันดับหนึ่งในใต้ หล้า” ได้หลายคน
จูเหลี่ยนคือผู้ประสบความสาเร็จยิ่งใหญ่ด้านการเรียนวรยุทธ ของพื้นที่มงคลดอกบัวศึกในเมืองหลวงแคว้นหนันเยวี่ยนเขาได้ อาศัยกาลังของตัวเองคนเดียวสังหารอีกเก้าคนที่เหลือของใต้หล้า
ปรมาจารย์หญิงสองคนในนั้นที่มีชื่อเสียงเลื่องลือในยุทธภพยัง เป็ นคนที่รักและเลื่อมใสจูเหลี่ยนด้วย แต่ก็ไม่เห็นว่าคนคลั่งวรยุทธจู เหลี่ยนจะออมมือให้พวกนาง
สุยโย่วเปียนกล่าว “อันที่จริงพวกเราต่างก็สู้ท่านอาจารย์ไม่ได้”
หลูเซิงไม่ยอมรับและไม่ปฏิเสธ เพียงเอ่ยว่า “เจ้าของคนเก่าของ ชุดคลุมอาคมคราบเซียนบนร่างข้าชิ้นนี้มีความเป็ นมาไม่ธรรมดา เคยเป็ นนกกระสาเหลืองตัวแรกของโลกที่พิสูจน์มรรคาบินทะยาน ขาดอีกแค่ครึ่งก้าวก็จะเลื่อนเป็ นขอบเขตสิบสี่ได้แล้ว นิสัยแปลกแยก รักสันโดษ เรียกขานตัวเองเป็ นสหายกับเจ้าแห่งถ้าปี้เซียว ก่อนที่เขา จะปิดด่านคล้ายจะสัมผัสได้ถึงความอันตรายของการปิดด่านครั้งนั้น ล่วงหน้า เขาจึงไปเยือนหาดลั่วเป่าลับๆ รอบหนึ่ง หลังจากนั้นเจ้าแห่ง ถ้าปี้เซียวก็ช่วยเฝ้ าด่านให้ หลังจากเขาผสานมรรคาล้มเหลวก็ทิ้งชุด คลุมนกกระสาตัวนี้เอาไว้ และยังมีโอสถทองที่บริสุทธิ์ไร ้ข้อบกพร่อง อีกเม็ดหนึ่ง เจ้าแห่งถ้าปี้เซียวช่วยรักษาแทนไว้ให้ จากคาสัญญาที่
ให้ไว้คือจะช่วยเขาตามหาลูกศิษย์ที่เหมาะสมจะมาสืบทอดสายนี้ของ เขา”
สุยโย่วเปียนถาม “ก็คืออาจารย์?”
หลูเซิงมีสีหน้าซับซ ้อน “พูดได้แค่ว่าเคยเป็ น”
สุยโย่วเปียนอยากจะซักไซ ้ให้ถึงที่สุด เพื่อที่จะได้รู ้ถึงปมปัญหาที่ ท าให้ขอบเขตของอาจารย์หยุดชะงักไม่เดินหน้า เพียงแต่กังวลว่าจะ ไปแตะโดนเรื่องที่ทาให้อาจารย์เสียใจนางจึงเกิดลังเลตัดสินใจไม่ได้
หลูเซิงกลับเปลี่ยนหัวข้อพูดคุยไปแล้ว ยิ้มเอ่ยว่า “ทุกวันนี้ข้า เป็ นเค่อชิงที่ได้รับการบันทึกชื่อของพรรคหวงเหลียงแจกันสมบัติ ทวีป วันหน้าก็คิดจะรับลูกศิษย์ถ่ายทอดมรรคาอยู่ที่นั่น กลับมาใบถง ทวีปครั้งนี้ก็เพราะอยากจะปรึกษากับเจียงซ่างเจินเรื่องลาออกจากตา แหน่งเค่อชิงของพื้นที่มงคล”
สุยโย่วเปียนยิ้มถาม “เป็ นศิษย์น้องผู้ชายหรือศิษย์น้องผู้หญิง?”
หลูเซิงกล่าว “ไม่แน่เสมอไปว่าจะมีศักดิ์เป็ นอาจารย์และศิษย์กัน”
แคว้นเมิ่งเหลียง หรือก็คือสถานที่ที่หลวี่เหยียนฉุนหยางสร ้าง โอสถ
ส่วนโอสถบรรพกาลที่ถูกซ่อนไว้ระหว่างหน้าผาของหาดหินหวง เฮ้อเม็ดนั้น แรกเริ่มสุดชุยตงซานเดาว่าหนีหยวนจานจะมอบให้กับ สุยโย่วเปียน เจียงซ่างเจินเดาว่าจะเก็บไว้ให้เส้ายวนหรานแห่งอาราม
จินติ่ง ผลคือคนฉลาดหัวกะทิทั้งสองคนต่างก็เดากันผิด เจ้าอารามผู้ เฒ่าได้ทิ้งเบาะแสข้อหนึ่งไว้ให้กับหนีหยวนจาน นั่นก็คือในอาณา เขตแคว้นเมิ่งเหลียงแห่งนั้น
หลูเซิงเปิดเผยความลับด้วยประโยคเดียว “ราชวงศ์ต้าเฉวียน สามารถรักษาชะตาแคว้นไม่ให้ขาดสะบั้นได้ นอกจากเพราะการ วางแผนอย่างรอบคอบของฮ่องเต้หญิงเหยาจิ้นจือและการโยกย้าย ระดมกองทัพแล้ว ยังเป็ นเพราะในนครเซิ่นจิ่งมีบ่อน้าไม่สะดุดตาแห่ง หนึ่งที่เชื่อมโยงอยู่กับอารามกวานเต๋าของตงไห่”
พูดง่ายๆ ก็คือใต้หล้าเปลี่ยวร ้างจาเป็ นต้องไว้หน้าเจ้าแห่งถ้าปี้ เซียวที่อายุขัยในการฝึกตนยาวนาน ขอบเขตสูงมาก และนิสัยก็ยิ่ง เจ้าอารมณ์ผู้นี้
และพื้นที่ประกอบพิธีกรรมแรกสุดของเจ้าอารามผู้เฒ่าท่านนี้ก็ คือชากปรักหาดลั่วเป่า ทุกวันนี้อยู่ในอาณาเขตของอารามจินติ่งทาง ทิศเหนือ ระบบสืบทอดของฝ่ ายหลังก็ได้มาจากพรรคโหลวกวานที่ “ผูกหญ้าเป็ นหอเรือน มองดวงดาวพิศลมปราณ
ก่อนจะเดินทางไปเยือนแจกันสมบัติทวีป หลูเซิงได้ไปเยือน อารามจินติ่งลับๆ มารอบหนึ่ง ไปหาเส้ายวนหรานแล้วมอบตาราเต๋าที่ สาบสูญไปนานเล่มหนึ่งให้กับเขา แล้วยังมอบไม้พายไม้ไผ่ให้แก่ โอสถทองหนุ่มด้วย
บนเส้นทางการฝึกตนของเส้ายวนหรานแห่งอารามจินติ่ง เมื่อ เทียบกับผู้ฝึ กตนของบ้านเกิดแล้ว ไม่ว่าจะเป็ นเจียงซ่างเจินที่ ชื่อเสียงฉาวโฉ่ระบือไกล” แต่กลับฝึกตนได้อย่างราบรื่น หรือหวงถิง นักพรตหญิงแห่งภูเขาไท่ผิงที่บุญบารมีลึกล้า เส้ายวนหรานก็ถือว่า ราบรื่นอย่างมาก ร่ารวยขึ้นมาอย่างเงียบๆ อันที่จริงเขาไม่ได้ทาอะไร สักอย่าง ไม่ขยับเขยื้อน แค่นอนเสวยสุขเท่านั้น ก่อนหน้านี้รับหน้าที่ เป็ นผู้ถวายงานของราชวงศ์ต้าเฉวียนพร ้อมกับอาจารย์ ภายหลัง สงครามใหญ่ที่ทาให้ผืนแผ่นดินจมดิ่งครั้งนั้น ตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่เคย เดือดร ้อนมาถึงอารามจินติ่ง เจ้าอารามมอบสมบัติอาคมให้ก็สร ้าง โอสถทองได้อย่างราบรื่นอีกทั้งยังเป็ นโอสถทองระดับสองอีกด้วย เพียงแต่ว่าอารามจินติ่งจงใจปิดบังเรื่องนี้เอาไว้เส้ายวนหรานเหมือน เหยียบโชคดีขี้หมาไปตลอดทาง ฉกฉวยผลประโยชน์ได้อย่าง ต่อเนื่องไม่ถือว่าโชคดีมหาศาลอะไร แต่เหนือกว่าที่ฝึกตนได้อย่าง มั่นคง วาสนาแต่ละเรื่องสะสมจากน้อยเป็ นมาก เรียกได้ว่าน่าดูชม ทุกวันนี้จึงเป็ นผู้ฝึกตนก่อกาเนิดแล้ว
แล้วนับประสาอะไรกับที่ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่รู ้เรื่องไม่รู ้ราว อะไรแม้แต่น้อยก็ได้รับยันต์คุ้มกันกายชิ้นหนึ่งที่เจ้าอารามผู้เฒ่า เหมือนเอามาแปะไว้บนหน้าผากของเขา
อาจารย์และศิษย์ที่เดินอยู่ในหาดลั่วเป่าคู่นี้
ต่างก็ไม่ธรรมดา
คาว่าไม่ธรรมดาที่ว่านี้ ไม่เพียงแค่เพราะพวกเขาต่างก็ทยอยกัน เป็ นบุคคลอันดับหนึ่งในใต้หล้าของพื้นที่มงคลดอกบัวกันมาก่อน
หลูเซิงที่ถูกลู่เฉินเรียกขานคาแล้วคาเล่าว่า “อาจารย์ซีโจว” “พี่ ซีโจว” คือผู้ฝึกลมปราณครึ่งตัวที่ได้ครอบครองเค้าโครงร่างของจิต แห่งมรรคาเป็ นคนแรกในพื้นที่มงคลจริงๆ
ในฐานะเจ้าของพื้นที่มงคลถ้าเมฆา เจียงซ่างเจินเคยได้พูดคุย อย่างเปิดเผยตรงไป ตรงมากับเขามาก่อน
เจียงซ่างเจิน หรือก็คือโจวเฝยแห่งตาหนักคลื่นวสันต์พื้นที่มงคล ดอกบัว โจวอันดับหนึ่งของภูเขาลั่วพั่วในภายหลัง เคยเปิดอ่านและ ตรวจสอบตาราประวัติศาสตร ์ตาราลับของพื้นที่มงคลดอกบัวมานับ ไม่ถ้วน สุดท้ายได้ข้อสรุปที่น่าตะลึงพรึงเพริดซึ่งถูกฝุ่ นเกาะมานาน อาจารย์ซีโจวที่เชี่ยวชาญความรู ้ของสามลัทธิและเมธีร ้อยส านัก ปี นั้นเพียงแค่เพราะพื้นที่มงคลมีขีดจากัดอยู่แค่ระดับล่างถึงได้ไม่ สามารถบินทะยานได้สาเร็จ ดังนั้นเจียงซ่างเจินจึงเอ่ยสัพยอกไป ประโยคหนึ่งว่า หากอวี๋เจินอี้ได้เห็นหนีหยวนจานก็ควรจะต้องเรียก ขานเขาว่าอาจารย์ถึงจะถูก
เมื่อชาติก่อนหลูเซิงเคยมีการถามมรรคาครั้งหนึ่งที่ไม่มีใครรู ้ คน ที่เขาถามมรรคาด้วยก็คือเจ้าอารามผู้เฒ่า
ดังนั้นถึงได้ถูกเจ้าอารามผู้เฒ่า “เชิญออกมา” จากพื้นที่มงคล มาเยือนใบถงทวีปพร ้อมกับนักพรตฉุนหยาง ทางฝั่งของราชวงศ์ต้า
เฉวียนใบถงทวีปถึงได้มีนครฉีเฮ้อ (ขึ้นกกระสา) ที่กลิ่นอายเซียน ล่องลอย