กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1053.1 มีเก้าอี้ว่างอยู่หนึ่งตัว
วังหลวงที่ตั้งอยู่ในเมืองหลวงต้าหลี ฮ่องเต้ซ่งเหอเรียกซานจวินข องห้าขุนเขามาประชุมกันที่ห้องทรงพระอักษร
เดิมคิดว่าซานจวินหญิงแห่งขุนเขาใต้จะหาข้ออ้างมาปฏิเสธ คิด ไม่ถึงว่าฟ่านจวิ้นเม่าก็จะมาเข้าร่วมการประชุมด้วย
ห้ามหาบรรพตของแจกันสมบัติทวีป ทุกวันนี้นอกจากขุนเขาใหญ่สี่ แห่งเว้นจากขุนเขาใต้แล้ว เนื่องจากอยู่ในอาณาเขตของราช สานักต้าหลี ดังนั้นในนามจึงยังอยู่ในการดูแลของสกุลซ่งต้าหลี
อันที่จริงหากอิงตามข้อตกลงของราชครูชุยฉานในปีนั้น หลัง สงครามผ่านพ้นไป ต้าหลีถอยร่นอาณาเขตกลับไปทางตอนเหนือ ของลาน้าใหญ่ ทว่าภูเขาบรรพบุรุษของภูเขาซี่ซานมหาบรรพต บูรพา อันที่จริงตั้งอยู่ทางใต้ของลาน้าใหญ่ แต่ว่าเรื่องนี้ก็เหมือนเรื่อง ของการตั้งป้ ายศิลาหน้าประตูศาลบรรพจารย์ของจวนเซียนทางทิศ ใต้ หลายปี มานี้ต่างก็มีคากล่าวและมีการกระท าเล็กๆ น้อยๆ บางอย่างเกิดขึ้น แต่รอกระทั่งการร่วมงานพิธีที่ภูเขาตะวันเที่ยงสิ้นสุด ลง ความเห็นต่างก็หายไปโดยอัตโนมัติ
ห่างจากเวลานัดหมายอีกประมาณสองเค่อ การประชุมเช ้าใน ท้องพระโรงวันนี้ยังไม่เสร็จสิ้น ฮ่องเต้ยังไม่ได้ปรากฏตัว การประชุม ในห้องทรงพระอักษร โดยทั่วไปแล้วถือเป็ นการประชุมครั้งที่สอง
จานวนคนจะมีน้อยกว่า ซึ่งก็ถูกเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “การประชุม น้อย”
วันนี้คนที่มาถึงเป็ นคนแรกไม่ใช่เว่ยป้ อซานจวินแห่งขุนเขาเหนือ ที่เป็ นดั่งศาลาใกล้น้าแต่เป็ นจิ้งชิงซานจวินแห่งขุนเขากลาง
จากนั้นก็เป็ นซานจวินของขุนเขาตะวันออกและขุนเขาตะวันตก ที่มาเยือนพร ้อมกันอย่างเหมิงหรงแห่งภูเขาขี่ซาน และถงเหวินช่าง แห่งภูเขากานโจว
เหมิงหรงสวมเสื้อเกราะสีทองพกกระบี่เหมือนแม่ทัพบู๊ ถงเหวิ นช่างสวมชุดผ้าป่ านเปลือยเท้า เหมือนชาวนาวัยชรา ตรงเอวพก กระบอกยาสูบเก่าที่ทามาจากหยก
ตามมาจึงจะเป็ นเว่ยป้ อ สวมชุดคลุมตัวยาวสีขาวหิมะ สองเท้า สวมรองเท้าย่าเมฆตรงเอวรัดเข็มขัดหลากสี หูข้างหนึ่งห้อยต่างหู กลมสีทอง
สุดท้ายจึงเป็ นฟ่ านจวิ้นเม่าที่สวมชุดคลุมตัวยาวสีหมึก ตรงเอว ห้อยป้ ายหยกเป็ นค าว่า “จวิ้นชิงอวี่เซียง” รูปโฉมของนางหมดจด เพียงแต่ไม่ถือว่าเป็ นโฉมสะคราญ
บางทีหากยืนอยู่กับเว่ยป้ อก็อย่าว่าแต่โฉมสะคราญเลย ไม่ถือว่า เป็ นสาวงามด้วยซ้า
นอกจากซานจวินของห้าขุนเขาแล้ว หยางฮวาฉางชุนโหวแห่ง ลาน้าฉีตู้ ผู้นาของเหล่าเทพวารีแห่งแจกันสมบัติทวีป เฉาหย่งหลิน หลีป๋ อแห่งลาน้าใหญ่ที่มีตาแหน่งเทพเป็ นรองหยางฮวา
โหวและป๋ อของลาน้าใหญ่สองท่านนี้มาถึงแทบจะเวลาเดียวกัน กับจิ้นชิง จึงได้พูดคุยกันสองสามประโยคพอดี หลักๆ แล้วยังคงเป็ น เฉาหย่งที่มีชาติกาเนิดจากเจียวเฒ่าถ้าเฟิงสุ่ยแม่น้าเฉียนถังที่พูดคุย กับจิ้นซานชิงอย่างถูกคอ
เฉาหย่งรู ้จักกับจิ้นชิงแห่งภูเขาเช่อจื่อมานานหลายปี แล้ว ความสัมพันธ ์ไม่เลว เจียวเฒ่าที่เคยเป็ นอดีตเฉียนถังจ่างผู้นี้ ในอดีต มักจะไปท่องเที่ยวอยู่ในอาณาเขตของราชวงศ์จูยิ่งเก่าเป็ นประจา
ตอนที่จิ้นชิงยังมีชีวิตอยู่ไม่ได้เป็ นขุนนางปุ่นหรือแม่ทัพบู๊ของราชวงศ์ จูอิ๋ง แล้วก็ไม่ใช่ผู้ฝึกตนที่ฝึกตนประสบความสาเร็จ เป็ นแค่คนขุดหิน ยากจนเท่านั้น เขามักจะขุดหินอยู่ในภูเขาหินตลอดทั้งปี เอาเชือก ผูกเอวถือคบเพลิงไต่ไปตามภูเขา ทุกครั้งที่จะขุดหินจานฝนหมึกใน หลุมเก่าแก่ก็จะเป็ นจิ้นชิงที่รับผิดชอบจุดธูปหนึ่งดอกเพื่อคารวะเทพ ภูเขา ตามธรรมเนียมของคนขุดหินแล้ว หากธูปหนึ่งดอกเผาไหม้ หมดได้อย่างราบรื่นก็จะสามารถขึ้นเขาไปขุดหินได้ แต่มีอยู่ครั้งหนึ่ง ที่ธูปดับกลางคัน จิ้นชิงไม่อยากเสี่ยงอันตราย ผลคือถูกขุนนางคุม เหมืองใช ้แส้โบยจนตาย จากนั้นเอาศพของเขาไปโยนทิ้งน้า หลัง จากจิ้นชิงตายไป จิตวิญญาณที่แท้จริงก็ไม่ได้สลายหายไปไหน ได้รับความโปรดปรานจากซานจวินผู้เฒ่าของขุนเขากลางราชวงศ์
จูอิ๋งเก่า เขาช่วยทาให้จิตวิญญาณของจิ้นชิงมั่นคงก่อน จากนั้นค่อย สร ้างร่างทองไว้ให้เขาในศาลเทพแห่งผืนดิน จากนั้นก็ได้เลื่อนขั้นมา ตลอดทาง สุดท้ายจิ้นชิงก็เป็ นได้ถึงเทพภูเขาแห่งยอดเขาเตี๋ยจ้างซึ่ง ได้รับการแต่งตั้งจากราชสานักของราชวงศ์ตู๋กูจูอิ๋ง รอกระทั่งซานจ วินผู้เฒ่าเจอกับเหตุไม่คาดฝัน ร่างทองแหลกสลาย จิ้นชิงก็ได้มารับ ตาแหน่งซานจวินต่อจากเขา กลายเป็ นเจ้าของยอดเขาเช่อจื่ออย่าง ราบรื่น
พูดคุยเรื่องยิบย่อยกันไปแล้ว เฉาหย่งก็ยิ้มถามว่า “จิ้นซานจวิน ข้าได้ยินมาว่าดูเหมือนเว่ยซานจวินจะตั้งฉายาเทพให้ตัวเองว่าหลิง เจ๋อ?”
จิ้นชิงพยักหน้า “หากรู ้ว่าเป็ นอย่างนี้แต่แรก ข้าก็คงเสนอฉายา “ท่องราตรี” ไปกับกรมพิธีการแล้ว เว่ยซานจวินท าอะไรไร ้คุณธรรม นั่งยองอยู่ในส้วมไม่ยอมถ่าย”
เฉาหย่งกล่าว “งานเลี้ยงท่องราตรีหลายครั้งของภูเขาเซ่อซาน จัดได้ดีเยี่ยม มีชื่อเสียงบนภูเขาอย่างมาก”
จิ้นชิงอืมรับหนึ่งที “ก็เรียนรู ้มาจากเว่ยป้ อนั่นแหละ เรื่องที่ว่าควร จะจัดงานเลี้ยงท่องราตรีอย่างไร พวกเราล้วนเป็ นนักเรียนทั้งสิ้น”
เฉาหย่งหัวเราะเสียงดัง
หยางฮวาฉางชุนโหวแห่งลาน้าใหญ่เงียบงันไม่เอ่ยอะไร
นางหลับตาท าสมาธิ วางกระบี่พาดขวางไว้บนหัวเข่า ใช ้มือถูพู่สี ทองของกระบี่เบาๆ
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงที่ได้เข้าการประชุม ราชสานักต้าหลี่อนุญาต ให้พวกเขาสวมเสื้อเกราะ พกกระบี่มาได้
ในห้องตอนนี้ยังมีแค่พวกเขาสามคน
อันที่จริงไม่ว่าจะเป็ นจิ้นชิงหรือเฉาหย่ง ความรู ้สึกส่วนลึกในใจที่ พวกเขามีต่อหยางฮวาซึ่งระดับเทพสูงเป็ นอันดับสอง อันที่จริงก็มอง นางเป็ นแม่นางน้อยคนหนึ่งที่…ไม่เข้าใจเรื่องราวทางโลก
ก็จริง ประสบการณ์ของหยางฮวายังตื้นเขินเบาบางเกินไป อีกทั้ง ยัง…โชคดีเกินไป ปี นั้นก็เพียงแค่เพราะนางเป็ นสาวใช ้ข้างกายของ ไทเฮาหนันจาน ถึงได้กลายมาเป็ นเหนียงเนียงเทพวารีของแม่น้าเถี่ย ผู่ในอาณาเขตหลงโจวเก่าได้สาเร็จ รอกระทั่งสงครามปิดฉากลงก็ไป รับตาแหน่งที่ว่างอยู่ของลาน้าใหญ่ นางเคยทาอะไรเป็ นชิ้นเป็ นอัน เคยสร ้างคุณความชอบอะไรด้วยหรือ?
ย้อนกลับมามองจิ้นชิงที่ระดับขั้นเท่าเทียมกับฉางชุนโหวแห่งล า น้าใหญ่ก็ดี หรือจะเป็ นเฉาหย่งที่ระดับขั้นต่ากว่าหยางฮวาครึ่งขั้นก็ ช่าง หรือแม้กระทั่งเทพภูเขาของภูเขาทายาทห้ามหาบรรพต ไม่ว่าจะ เป็ นอายุหรือชื่อเสียง มีใครที่ไม่โดดเด่นกว่าหยางฮวาบ้าง? ดังนั้น ในทางส่วนตัว ทุกครั้งที่พวกเขาพูดถึงหยางฮวาจึงไม่เคยมีใครเห็น นางอยู่ในสายตา
ส่วนซานจวินหญิงฟ่ านจวิ้นเม่ากลับทั้งคล้ายคลึงแล้วก็ทั้งตรง ข้ามกับหยางฮวาพอดีส่วนที่ว่าคล้ายคลึงก็คือ “อายุขัยในการฝึก ตน” ของทั้งสองฝ่ ายเท่ากัน ต่างก็ถือเป็ นคนหน้าใหม่ในกลุ่มสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาสายน้าของหนึ่งทวีปเหมือนกัน แต่สิ่งที่แตกต่างก็ คือท่ามกลางสงครามครั้งนั้น ฟ่ านจวิ้นเม่าออกแรงไปมาก สร ้าง คุณูปการอย่างใหญ่หลวง หนึ่งในห้ามหาบรรพตหายไปสิ้นใน สงครามครานั้น! สูญเสียจวนซานจวิน ศาลและพื้นที่ประกอบ พิธีกรรมไปอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นฟ่ านจวิ้นเม่าที่อยู่บนภูเขาของแจกัน สมบัติทวีปในทุกวันนี้จึงมิอาจดูแคลนได้ ชื่อเสียงของขุนเขาทักษิณ ก็ไม่เลวเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้แล้วยังมี “ผู้ติดตาม” ของห้ามหาบรรพตที่ตาแหน่ง เทพสูงพออีกบางส่วนที่มีคุณสมบัติได้รับการยกเว้นให้เข้าประชุมใน วันนี้
ร่วมประชุมกับเข้าประชุม ต่างกันแค่ค าเดียว ความต่างกลับราว ฟ้ ากับดิน พูดง่ายๆ ก็คือฝ่ ายแรกสามารถเปิดปากพูดได้ ส่วนฝ่ าย หลังเข้าประชุมก็ได้แต่เข้าร่วมอย่างเดียวเท่านั้นจริงๆ แล้ว
จานวนมากที่สุดคือเทพภูเขาของภูเขาทายาทห้ามหาบรรพต แล้วก็ยังมีเทพวารีแม่น้ายงเจียงในอาณาเขตขุนเขากลาง ส่วนเทพ วารีของแม่น้าเถี่ยฝูซึ่งเดิมทีเป็ นของขุนเขาเหนือ รวมไปถึงแม่น้า เฉียนถังที่ถูกเรียกขานว่ากระแสน้าหมุนย้อนกลับในอาณาเขตของ
ขุนเขาตะวันออก ล้วนมีคุณสมบัติในการเข้าประชุม เพียงแต่ว่า ต าแหน่งเทพสองต าแหน่งยังว่างอยู่
เดาว่าตัวเลือกของเทพวารีแม่น้าเถี่ยฝูและเฉียนถังจ่างคนใหม่ วันนี้ก็น่าจะมีมติการประชุมไปพร ้อมกันด้วย?
ในห้องทรงพระอักษรมีขุนนางกองซื่อหลี่เจียนคอยรับผิดชอบนา ทางพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งขุนเขาสายน้าทั้งหลายที่สถานะโดดเด่นสูง ศักดิ์ไปนั่งประจาที่
เพราะฮ่องเต้ยังไม่มาถึง แต่ละคนที่เข้ามานั่งในห้องแล้วจึงพูดคุย สัพเพเหระกันไป รอกระทั่งเว่ยป้ อพาเทพภูเขาของภูเขาทายาทสาม ท่านเข้ามาในห้องทรงพระอักษรด้วยกันบรรยากาศก็คึกคักมาก กว่าเดิม หนึ่งเพราะอาณาเขตขุนเขาเหนือคือพื้นที่มังกรลุกผงาด ของสกุลซ่งต้าหลี ซานจวินเว่ยป้ อก็ถือเป็ นขุนนางใกล้ชิดโอรส สวรรค์อันดับหนึ่ง อีกทั้งทั่วทั้งใต้หล้าไพศาลในทุกวันนี้ ใครบ้างที่ไม่ รู ้ว่าภูเขาพีอวิ๋นกับภูเขาลั่วพั่วมีความสัมพันธ ์อันดีเยี่ยมเหมือนสวม กางเกงตัวเดียวกัน ดังนั้นเทพแห่งขุนเขาสายน้าบางส่วนที่ไม่เคยไป มาหาสู่กับอิ่นกวานหนุ่มจึงอยากจะตีสนิทกับเว่ยซานจวินเอาไว้ วัน หน้าเมื่อภูเขาบ้านตนมีงานพิธีไม่พูดว่าจะเชื้อเชิญให้เฉินผิงอันมา ร่วมงานด้วยตัวเอง แต่ให้เว่ยซานจวินช่วยพูดแทนให้ ขอแค่ได้รับ เทียบอวยพรที่เขียนด้วยลายมือของเฉินผิงอันสักฉบับ ถึงอย่างไรก็ เป็ นการปักบุปผาลงบนผ้าแพรที่ช่วยให้มีหน้ามีตาอย่างหนึ่ง
เรื่องที่คุยกันส่วนใหญ่เป็ นเรื่องราวน่าสนใจในภูเขาสายน้าและ เรื่องของผู้ฝึกลมปราณ
หากจะพูดถึงความคุ้นชินกับเรื่องเล่าต่างๆ ในทวีป ก็ไม่มีใครที่รู ้ ลึกเท่าพวกเขาอีกแล้ว
นอกจากนี้ก็เป็ นสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาสายน้าในอาณาเขตของ ห้าขุนเขาและพื้นที่ใต้อาณัติของแต่ละขุนเขาที่มักจะมีการ “ยืมน้า” หรือไม่ “ระบายน้าออก” กันเป็ นประจา โชคชะตาภูเขาสายน้า โชคชะตาปุ่ นบู๊ ล้วนมีการผลัดเปลี่ยนส่งถ่ายให้แก่กัน เอาข้อดีของ ผู้อื่นมาชดเชยข้อเสียของตัวเอง พยายามดูแลพื้นที่แร ้นแค้นที่ปราณ วิญญาณเบาบางและควันธูปไม่โชติช่วงให้ทั่วถึง เมื่อเจอกับภัยพิบัติ ทางธรรมชาติอย่างแล้งหนัก น้าท่วมหรือแผ่นดินไหว โดยเฉพาะ อย่างยิ่งเกี่ยวพันไปถึงวิธีการเทาๆ ของพวกผู้ฝึกลมปราณ จวนเซียน บนภูเขา ภายใต้กรอบหน้าที่ที่ไม่ล้าเส้นและไม่ผิดกฏ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั้งหลายต่างก็สามารถบอกข่าวให้แก่เพื่อนบ้านใกล้เคียง ช่วยเหลือ กันและกัน ยกตัวอย่างเช่นซานจวินกลัวว่าเส้นสายภูเขาจะมีมาแต่ไม่ มีไปมากที่สุด และการบุกเบิกพื้นที่ประกอบพิธีกรรมของผู้ฝึ ก ลมปราณหากไม่มีคุณธรรมใน “ยุทธภพ’ เอาแต่จะรวบรวมปราณ วิญญาณฟ้ าดินมาไว้ถ่ายเดียวโดยไม่ปล่อยให้ไหลออกไปข้างนอก แม้แต่นิด การสร ้างจวนเซียนประเภทนี้ก็แทบไม่ต่างจากการเจาะช่อง โพรงบนร่างที่ทอดยาวของซานจวิน หรือยกตัวอย่างเช่นเทพวารีกลัว ภัยแล้งใหญ่ที่ร ้อยปี พันปี ยากจะพานพบมากที่สุด ต้องเจอกับ
แสงแดดแรงจ้าแผดเผาอย่างยาวนาน น้าในท้องน้าแห้งขอด ก็ เหมือนผิวที่แห้งแตกยับของชาวบ้านทั่วไป ทรมานอย่างถึงที่สุด หาก ไม่ทันระวังร่างทองของเทพวารีในศาลก็จะเกิดรอยร ้าวที่มิอาจแก้ไข ได้
ในประวัติศาสตร ์เคยมีส านักจวนเซียนที่แตกหักกับหูจวิน ทะเลาะกันอย่างรุนแรงจนไม่มีพื้นที่ให้หวนกลับมาดีกันได้อีก ฝ่ าย แรกไม่ยอมเลิกรา ร่วมมือกับราชส านักของหลายแคว้นสร ้างเขื่อน กั้นน้าขึ้นมาด่านแล้วด่านเล่าทางตอนบนของช่องทางน้าที่เป็ นต้น กาเนิดน้าของทะเลสาบใหญ่ จากนั้นก็เปลี่ยนช่องทางน้าใหม่ เวลา สั้นๆ แค่ไม่กี่สิบปี ก็เป็ นเหตุให้ทะเลสาบใหญ่แห่งนั้นแห้งขอดจน มองเห็นก้นบึง เผ่าพันธุ์น้าจานวนมากล้มหายตายจากสุดท้ายร่าง ทองของหูจวินก็แตกสลาย แต่ว่าโศกนาฏกรรมที่ต้องพินาศวอดวาย กันไปทั้งสองฝ่ ายเช่นนี้ ถึงอย่างไรก็ยังเป็ นกรณีพิเศษ ส่วนใหญ่แล้ว ความสัมพันธ ์ระหว่างสิ่งศักดิ์สิทธิ์กับผู้ฝึกลมปราณ หากไม่ร่วมมือ กันอย่างจริงใจ ลงเรือล าเดียวกัน ก็ถูกผลประโยชน์จับมัดไว้ด้วยกัน ต่อให้แย่แค่ไหน อย่างน้อยภายนอกก็รักษาความปรองดองเอาไว้ได้
วันนี้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่สามารถมานั่งอยู่ที่นี่ได้ต่างก็เป็ นขุน นางใหญ่ในพื้นที่ศักดินาได้อย่างสมชื่อ แม้จะบอกว่าก็มีการแบ่ง ระดับขั้นที่ต่างคนต่างรู ้กันดีอยู่ในใจ แต่ไม่ว่าจะเป็ นสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่ง ภูเขาสายน้าองค์ใดก็ตาม ขอแค่รอให้การประชุมสิ้นสุดลง กลับไปยัง บ้านของตัวเอง พวกเขาต่างก็ถือเป็ น “ฮ่องเต้ในท้องถิ่น” ที่มีอานาจ
เบ็ดเสร็จในพื้นที่การปกครองของตัวเอง ดูแลองค์เทพแห่งแม่น้าลา คลอง เทพภูเขา เทพแห่งผืนดิน พ่อปู่แม่ย่าล าคลองและเทพอธิบาล เมืองในระดับต่างๆ จานวนมากมายดุจขนวัว โดยทั่วไปแล้วในอาณา เขตของภูเขาสายน้าแห่งหนึ่ง ขอแค่ไม่มีสานักอักษรจง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ชั้นสูงเหล่านี้ก็จะมีอิสระกันอย่างมาก
รอกระทั่งเว่ยป้ อเข้ามาในห้องทรงพระอักษร ในห้องก็ไม่พูดคุย เรื่องของการขุดเจาะลาน้าใหญ่ของใบถงทวีปที่อยู่ทางใต้อีกแล้ว ส่วนงานเลี้ยงท่องราตรีก็ยิ่งจงใจหลีกเลี่ยงไม่พูดถึง
ใครบ้างที่ไม่รู ้ว่าในอดีตเว่ยซานจวินเคยเดินทางไกลไปยังจุด เชื่อมต่อระหว่างขุนเขาเหนือและขุนเขากลาง ต่างคนต่างลงมือต่อย ตีกันอย่างหนักอยู่หน้าบ้านของตัวเอง
แต่หลายปีมานี้ความสัมพันธ ์ของซานจวินทั้งสองดีขึ้นมากแล้ว เล่าลือกันว่าเป็ นเจ้าขุนเขาเฉินที่ออกหน้าช่วยไกล่เกลี่ยให้ด้วย ตัวเอง ถึงกับเดินทางไปเยือนภูเขาเช่อจื่อด้วยตัวเองรอบหนึ่ง
จิ้นชิงถาม “ทาไมผู้ถวายงานหร่วนถึงยังไม่มาเสียที?”
ในฐานะผู้ถวายงานอันดับหนึ่งของราชสานักต้าหลี อดีตเจ้า สานักของสานักกระบี่หลงเฉวียน ตามหลักแล้วหร่วนฉงไม่มีทาง พลาดการประชุมที่สาคัญครั้งนี้
เว่ยป้ อกล่าว “ดูเหมือนว่าเจ้าส านักหลิวจะจัดงานแต่งงาน”
ในห้องทรงพระอักษรของต้าหลีมีกฎที่ไม่เป็ นลายลักษณ์อักษร อยู่ข้อหนึ่ง ผู้ฝึกลมปราณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาสายน้าต่างก็ห้าม ใช ้เสียงในใจ
ว่ากันว่าในอดีตราชครูชุยฉานเคยเตือนซานจวินเก่าของต้าหลี คนหนึ่ง ภายหลังนี่จึงกลายเป็ นธรรมเนียมไปโดยปริยาย
จิ้นชิงถาม “เรื่องน่ายินดีใหญ่ขนาดนี้ ภูเขาพีอวิ๋นของพวกเจ้า ไม่ต้องจัดงานเลี้ยงท่องราตรีเฉลิมฉลองให้ดีๆ สักครั้งหรือ?”
ไม่ว่าอย่างไรสานักกระบี่หลงเฉวียนก็เป็ นหนึ่งในสองสานักที่อยู่ ในอาณาเขตของขุนเขาเหนือ หลิวเสี้ยนหยางคือเพื่อนรักร่วมบ้าน เกิดของเฉินผิงอัน แล้วเฉินผิงอันยังเป็ นพี่น้องที่รักของเจ้าเว่ยซานจ วิน ก็น่าจะจัดงานเลี้ยงได้
เว่ยป้ อคร ้านจะเปลืองน้าลายพูดกับเขา
จิ้นชิงถาม “วันหน้าต้องเรียกเจ้าว่า “หลิงเจ๋อ’ เสินจวินแล้ว หรือไม่?”
เว่ยป้ อกล่าว “ฉายาที่พวกเราตั้งกันเองพวกนี้จะผ่านทางศาลบุ๋น ได้หรือไม่ก็ยังบอกได้ยาก”
จิ้นชิงนั่งยกขาไขว่ห้าง ตบรองเท้าหุ้มข้อเบาๆ หลุดหัวเราะพรืด “พวกเราน่ะบอกได้ยาก มีเพียงเจ้าเว่ยซานจวินเท่านั้น ศาลบุ๋นจะไม่ อนุญาตได้หรือ? ไม่ไว้หน้าเจ้าก็คือไม่ไว้หน้าเจ้าขุนเขาเฉิน ไม่ไว้
หน้าเจ้าขุนเขาเฉินก็คือไม่ไว้หน้านายท่านเหวินเซิ่ง ใช่เหตุผลข้อนี้
หรือไม่ล่ะ?” ใครบ้างที่ไม่รู ้ว่าทุกวันนี้บุคคลอันดับหนึ่งที่ดูแลกิจธุระในศาลบุ๋
นอย่างแท้จริงก็คือซิ่วไฉเฒ่า เว่ยป้ อยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “เดี๋ยวข้าจะเอาเหตุผลข้อนี้ของจิ้นซานจวิ
นไปบอกต่อให้เหวินเซิ่งฟังก็แล้วกัน”
ก่อนหน้านี้บัณฑิตอย่างพวกอาจารย์ใหญ่ออกไปจากภูเขาลั่ว พั่ว ดูเหมือนว่าตอนนี้จะยังไม่ได้ไปปรากฏตัวที่ภูเขาลูกอื่นๆ มีความ เป็ นไปได้อย่างมากว่าพวกเขาก าลังสังเกตการณ์ดูขนบธรรมเนียม และประเพณีของสถานที่ต่างๆ กันอยู่
จิ้นชิงสะอึกอึ้งพูดไม่ออก มองเว่ยป้ อด้วยอยากจะแน่ใจว่าอีก ฝ่ ายล้อเล่นหรือเอาจริงหากแพร่ไปถึงหูเหวินเซิ่งเข้าจริงๆ ถึงอย่างไร ก็ไม่เหมาะสม
เหมิงหรงช่วยพูดคลี่คลายสถานการณ์ให้ “ไม่ว่าศาลบุ๋นจะอ นุมัติฉายาที่พวกเราเลือกเองหรือไม่ ครั้งนี้ก็ต้องขอบคุณคาเตือน จากเว่ยซานจวินจริงๆ หาไม่แล้วพวกเราก็ไม่มีทางรู ้เลยว่ามีเรื่องแบบ นี้อยู่ด้วย”
หากไม่เป็ นเพราะเว่ยป้ อส่งข่าวไปตามจวนซานจวิน บอกว่าตาม กฎดั้งเดิมยุคบรรพกาลของศาลบุ๋นที่หลี่เซิ่งเป็ นผู้กาหนดด้วยตัวเอง
ซานจวินและกงโหวลาน้าใหญ่ของแต่ละทวีปสามารถตั้งฉายาเทพ ด้วยตัวเองได้ ไม่อย่างนั้นใครเล่าจะกล้าคาดคิด?
สิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาสายน้าทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ ใครบ้างไม่อิจฉาใน เครือข่ายผู้คนของเว่ยป้ อ หนึ่งเพราะขุนเขาเหนือดูแลอาณาเขตเก่า ของราชส านักต้าหลี สถานะของภูเขาพีอวิ๋นในวงการขุนนางจึง ค่อนข้างคล้ายคลึงกับเจ้าเมืองของเมืองหลวง เป็ นเหตุให้มีความ ใกล้ชิดกับสกุลซึ่งต้าหลีอย่างเป็ นธรรมชาติ นอกจากนี้ภูเขาพีอวิ๋น ยังเป็ นเพื่อนบ้านกับภูเขาลั่วพั่ว เดิมพันกับเฉินผิงอัน หมายความว่า อะไร เหล่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์และเซียนซือของทั้งทวีปต่างก็รู ้กันดีอยู่แก่ใจ
มีคากล่าวหนึ่งที่ไม่รู ้ว่าใครเป็ นคนพูดขึ้นมาก่อน มองภูเขาลั่ว พั่วเป็ นผู้ฝึกตนขอบเขตสิบสี่คนหนึ่งได้เลย
ดูเหมือนว่าคากล่าวนี้ ยิ่งใคร่ครวญก็ยิ่งน่าสนใจ มีความหมายที่ ลึกซึ้งยาวไกล
ประหนึ่งรัชทายาทที่เป็ นว่าที่ผู้ครองแคว้น ห้าขุนเขาเองก็มีภูเขา ทายาท เพียงแต่ว่าภูเขาทายาทที่อยู่ใต้อาณัติพวกนี้ส่วนใหญ่มักจะ อยู่ห่างไกลกับ “ภูเขาบรรพบุรุษ”
ภูเขาพีอวิ๋นขุนเขาเหนือมีภูเขาทายาทอยู่สามลูก ลูกที่ตั้งอยู่ทาง เหนือสุดของแจกันสมบัติทวีปมีชื่อว่าภูเขาเสินเซิ่น ในภูเขามีหิน ยักษ์ที่ทอดเรียงติดกันดุจกลอง และหินนั้นจะส่งเสียงดังขึ้น