กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1053.2 มีเก้าอี้ว่างอยู่หนึ่งตัว
ภูเขาเช่อจื่อขุนเขากลางมีเทือกเขาที่ทอดยาวติดต่อกันแปด ยอด ยอดเขาหลักมีชื่อว่ายอดเขาเฟิ งหลง ถูกขนานนามว่าเป็ น บรรพบุรุษแห่งหมื่นภูเขาในภาคกลางของแจกันสมบัติทวีป ยอดเขา แห่งนี้มีถ้าเหล่าจวินที่ถูกบันทึกไว้ในจารึกภูเขาและทะเล ยอดเขารอง คือยอดเขาเตี๋ยจ้าง เป็ นที่ก่อตั้งจวนพักผ่อนสาหรับเทพภูเขา หลังจากที่จิ้นชิงได้ดิบได้ดีแล้ว
ภูเขาทายาทมีภูเขาผูซานและภูเขาอวี่หลิน หลูป๋ ายเซี่ยงและลูก ศิษย์หยวนไหลหยวนเป่าของภูเขาลั่วพั่ว เมื่อหลายปีก่อนก็เคยไปพัก อยู่ที่ภูเขาผูชาน หลูป๋ ายเซี่ยงกับเทพของภูเขาผูซานแค่เจอหน้ากัน ก็เหมือนรู ้จักกันมานาน ได้รับคาเชื้อเชิญให้เป็ นผู้ถวายงาน ด้วยเหตุ นี้จึงถูกกรมพิธีการของต้าหลีบันทึกลงเอกสารว่าหลูป๋ ายเซี่ยงเท่ากับ มีต าแหน่งขุนนางแห่งภูเขาสายน้าครึ่งตัว มีความสัมพันธ ์ในขั้นนี้อยู่ ภูเขาผูซานกับภูเขาลั่วพั่วจึงถือว่ามีความสัมพันธ ์ควันธูปบนภูเขา ส่วนหนึ่ง
ภูเขาขี่ซานขุนเขาบูรพา เนื่องจากเหมิงหรงซานจวินของต้าหลี ได้เลื่อนตาแหน่ง ได้ครอบครองภูเขาทายาทสองลูก แบ่งออกเป็ น ภูเขาเอ้อโหย่วและภูเขาเยี่ยนตั้งที่ได้ครอบครองต้าเสี่ยวหลงชิว
ภูเขากานโจวขุนเขาประจิมอยู่ใกล้กับศาลลมหิมะ ภูเขาลูกนี้ไม่ สูง เป็ นเหตุให้ในประวัติศาสตร ์จึงไม่เคยได้รับความส าคัญจากราช สานักในท้องถิ่น ผลคือปี นั้นได้เลื่อนขั้นเป็ นมหาบรรพตประจิม ประจาทวีปด้วยน้ามือของราชครูชุยฉาน ทุกวันนี้ได้ครอบครองภูเขา ทายาทสองลูกอย่างภูเขาลู่เจี่ยวและภูเขาหลวนซานที่เล่าลือกันว่า เงินเหรินบรรพกาลเอายันต์วิเศษมาซ่อนไว้ที่นี่ ยอดเขาหลักถึงกับสูง กว่าภูเขากานโจวหลายเท่า ยามที่อากาศปลอดโปร่งก็มองเห็นไปได้ ไกลเป็ นร ้อยลี้
มีเพียงภูเขาจื่อถงของมหาบรรพตทักษิณเท่านั้นที่มีภูเขา ทายาทแค่ลูกเดียว มีชื่อว่าภูเขาไฉ่จือ
รอกระทั่งฟ่ านจวิ้นเม่าเดินเข้ามาในห้องทรงพระอักษร บรรยากาศในห้องก็พลันเงียบสงัด ทว่าผ่านไปครู่เดียวก็กลับมา ครึกครื้นอีกครั้ง
การหยุดชะงักอย่างลุ่มลึกนี้เหมือนการแสดงความเคารพไร ้เสียง อย่างหนึ่ง ประหนึ่งการเป็ นฝ่ายดื่มสุราคารวะก่อนบนโต๊ะเหล้า
สงครามครั้งนั้น พูดถึงแค่ห้าขุนเขา ก็เป็ นขุนเขาใต้ของฟ่ าน จวิ้นเม่าที่ออกแรงมากที่สุด สงครามในอาณาเขตก็ดุเดือดรุนแรงและ น่าอนาถที่สุด
ดังนั้นเป็ น “แม่นางน้อย” เหมือนกัน หยางฮวาแห่งลาน้าใหญ่ ไม่ได้ใจคน ผู้คนจึงอดดูแคลนนางไม่ได้ แต่เจอกับฟ่ านจวิ้นเม่าที่ร่าง
ทองแทบจะแตกสลายหมดสิ้นแล้วสร ้างขึ้นมาใหม่ให้สมบูรณ์ได้อีก ครั้ง ไม่ว่าใครก็ไม่กล้า แล้วก็ไม่เหมาะที่จะเพิกเฉยต่อนาง
ยกตัวอย่างเช่นถงเหวินช่างซานจวินแห่งขุนเขาตะวันตกที่ไม่ว่า เจอใครก็ไม่คิดจะเป็ นฝ่ ายทักทายก่อน วันนี้มีเพียงได้พบเจอฟ่ าน จวิ้นเม่าเท่านั้นถึงได้ยินดีผงกศีรษะทักทาย
แต่ฟ่ านจวิ้นเม่ากลับทาเป็ นมองไม่เห็นการแสดงความเป็ นมิตร ของถังซานจวิน ประเด็นส าคัญคือถงเหวินช่างเองก็ไม่โกรธ คงเป็ น เพราะน้าพะโล้เจอกับเต้าหู้ ของสิ่งหนึ่งมักจะการาบของสิ่งหนึ่งได้ เสมอกระมัง?
ข้างกายฟ่ านจวิ้นเม่ามีหวังเจวี่ยนเทพภูเขาไฉ่จือติดตามมาด้วย บุคลิกไม่ธรรมดาแต่งกายหรูหราสวมมงกุฎจักรพรรดิ สวมชุดสีม่วง ถืองาช ้าง เหนือมงกุฎประดับไข่มุกเม็ดหนึ่งที่ใหญ่ราวกับบ๊วยเขียว
ไม่ว่าจะมองอย่างไรหวังเจวี่ยนก็เหมือนซานจวินของมหาบรรพต แห่งหนึ่งมากกว่าส่วนฟ่ านจวิ้นเม่ากลับเหมือนสาวใช ้ในจวนซานจ วินมากกว่า
ห้ามหาบรรพตของแจกันสมบัติทวีปในทุกวันนี้มีเพียงขุนเขาใต้ ของฟ่ านจวิ้นเม่าเท่านั้นที่หลุดพ้นจากการควบคุมของราชสานักต้า หลีแล้ว เดิมที่ขุนเขาใต้ก็เป็ นมหาบรรพตพิเศษที่อาศัยกาลังคนของ คนคนเดียวเอาดินทับถมจนกลายมาเป็ นภูเขา เมื่อสงครามใหญ่ผ่าน พ้นไปก็ถูกทาลายจนสิ้นซาก ส่วนภูเขาไฉ่จือนั้นเนื่องจากปีนั้นถูก
กระโจมทัพของเผ่าปีศาจเปลี่ยนไปเป็ นท่าเรือตระกูลเซียนจึงรอดพ้น หายนะมาได้ บวกกับที่สกุลซ่งต้าหลีสูญเสียการควบคุมทางทิศใต้ ของแจกันสมบัติทวีปไป ภูเขาไฉ่จือจึงยิ่งมีฐานะโดดเด่น เรียกได้ว่า อยู่เบื้องล่างภูเขาลูกเดียว อยู่เหนือภูเขานับหมื่น
ตาแหน่งเก้าอี้ของฟ่ านจวิ้นเม่าอยู่ตรงข้ามกับเว่ยป้ อพอดี นาง นั่งเอียงกาย เท้าคางด้วยมือข้างเดียว จ้องเขม็งไปที่เว่ยป้ อ หัวเราะร่า ถามว่า “ทาไมวันนี้เขาไม่มาล่ะ?”
เว่ยป้ อยกขานั่งไขว่ห้าง บิดหมุนข้อมือเบาๆ ด้วยท่าทางผ่อน คลายสบายอารมณ์ ย้อนถามว่า “เขาจะมาได้อย่างไร จะใช ้สถานะ อะไร?”
เจ้าขุนเขาของภูเขาลั่วพั่ว ลูกศิษย์ปิดสานักของสายเหวินเซิ่ง? อิ่นกวานคนสุดท้ายของกาแพงเมืองปราณกระบี่? ล้วนไม่เหมาะสม
เจ้าฟ่ านจวิ้นเม่าเป็ นถึงซานจวินแล้ว ไฉนถึงยังคิดอะไรง่ายๆ ไม่ รู ้จักไตร่ตรองอยู่เหมือนเดิม
ฟ่ านจวิ้นเม่าแสร ้งทาเป็ นตกตะลึง “ไหนมีข่าวลือบอกว่าเขา ไม่ได้อยากจะเป็ นราชครูต้าหลี แต่จะมีต าแหน่งอยู่ในราชส านักต้า หลีของพวกเจ้าอย่างไรล่ะ?”
เว่ยป้ อถามอย่างสงสัย “ข่าวลือแพร่มาจากไหนกัน?”
ฟ่ านจวิ้นเม่าตอบอย่างไม่ใส่ใจ “เรื่องแบบนี้ข้าจะไปหาต้นตอได้ จากที่ไหนล่ะ”
แม้ว่าการคุยกันของซานจวินทั้งสองท่านจะใช ้คาว่า “เขา”
แต่ไม่ว่าใครก็รู ้ดีอยู่แก่ใจว่าพวกเขาก าลังพูดถึงเฉินผิงอัน
รอกระทั่งฟ่านจวิ้นเม่าเอ่ยคาว่า “ราชครู” ในห้องก็พลันเงียบสงัด ต่างก็หวังว่าซานจวินทั้งสองจะพูดคุยข้อมูลเกี่ยวกับเฉินผิงอันให้ มากกว่านี้
ฟ่ านจวิ้นเม่าเบ้ปาก หยุดพูดแต่เพียงเท่านี้ นางจะไม่ให้คนที่รอ ชมความครึกครื้นพวกนี้สมใจปรารถนาง่ายๆ หรอก
อันที่จริงเกี่ยวกับเรื่องตาแหน่งราชครูต้าหลีที่ปล่อยว่างมาโดย ตลอด สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในห้องนี้ต่างก็มีความคิดแตกต่างกันไป
หากชุยฉานยังอยู่ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องคิดอะไรมากแล้ว ซิ่วหูผู้ นั้นอยากจะเป็ นราชครูสักกี่ปีก็เป็ นไป หรือชุยฉานยินดีจะให้ใครมา รับช่วงต่อต าแหน่งราชครูก็ตามใจเขา
เอ่ยประโยคที่ไม่ผิดต่อมโนธรรมในใจสักคา สิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่ง ภูเขาสายน้าอย่างพวกเขา สามารถมีต าแหน่งสูงบนท าเนียบหยก ทองใหม่เอี่ยมของศาลบุ๋นอย่างในทุกวันนี้ได้ ล้วนเป็ นสิ่งที่ชุยฉาน มอบให้ทั้งสิ้น
ราชสานักต้าหลีไม่มีราชครูซิ่วหู แล้วจะเอาสถานการณ์ที่หนึ่ง แคว้นก็คือหนึ่งทวีปมาจากไหน? แจกันสมบัติทวีปไม่มีสกุลซ่งต้าหลี คาดว่าจุดจบก็คงไม่ได้ดีไปกว่าใบถงทวีปสักเท่าใด
แต่จะว่าไปแล้ว ในเมื่อทุกวันนี้ซุยฉานไม่ใช่ราชครูต้าหลีอีก ต่อไปแล้ว แล้วเขายังไม่ได้เลือกใครมาเป็ นราชครูโดยเฉพาะ ถ้า อย่างนั้นสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาสายน้าบางส่วนในห้องจึงรู ้สึกว่าราช ส านักต้าหลีไม่มีราชครูย่อมดีกว่า แต่บางคนกลับรู ้สึกว่าจะมีหรือไม่มี ราชครูก็ได้ ถึงอย่างไรไม่ว่าใครมาเป็ นก็ไม่ดีทั้งนั้น ขอแค่ เปรียบเทียบกับชุยฉานก็ล้วนเป็ นเรื่องตลกทั้งหมด ถือเป็ นพวกที่ไม่ เจียมตัว แม้กระทั่งเซียนกระบี่หนุ่มบางคน ต่อให้สถานะของเขาจะมี มากมายแค่ไหนก็ไม่อาจเป็ นข้อยกเว้นได้
สถานการณ์ที่กลัวที่สุดก็คือสกุลซ่งต้าหลีจะผลักราชครูคนใหม่ ที่สายตาสูงฝีมือต่าขึ้นเวที ความสามารถไม่มาก แต่ดันชอบก่อเรื่อง ก่อราว
หากการพูดเช่นนี้มาจากใจที่เห็นแก่ส่วนรวม ถ้าอย่างนั้นก็ยังมี ส่วนที่เห็นแก่ตัวอยู่ด้วย นั่นคือไม่ยินดีให้สกุลซ่งต้าหลีมีราชครูคน ใหม่ที่สามารถควบคุมโน่นนี้ได้
เป็ นเหตุให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาสายน้าที่ในใจหวังให้ตาแหน่ง ราชครูต้าหลีเว้นว่างตลอดไปมีจ านวนมากกว่า
ยกตัวอย่างเช่นมีคนอยากรู ้ท่าทีบางอย่างของฟ่ านจวิ้นเม่าอย่าง ยิ่ง
ในฐานะซานจวินหญิงที่หลุดพ้นจากพันธนาการของต้าหลีไป แล้ว นางมองเรื่องป้ ายศิลาที่ตั้งอยู่หน้าประตูศาลบรรพจารย์ของจวน เซียนมากมายในอาณาเขตของขุนเขาใต้อย่างไร?
ฟ่านจวิ้นเม่ายินดีช่วยพรรคบนภูเขาและแคว้นทั้งหลายล่างภูเขา ทวงคืน ความเป็ นธรรม” มาจากสกุลซ่งต้าหลีหรือไม่?
วันนี้มาเข้าร่วมการประชุมที่นี่เป็ นเพราะฟ่ านจวิ้นเม่าตัดสินใจได้ อย่างเด็ดขาดแล้วใช่หรือไม่?
ทางฝั่งของหน้าประตูมีขันทีผู้คุมตราประทับกองซือหลี่เจียนซึ่ง สวมชุดหม่างสีชาดเอ่ยเตือนเสียงเบาว่า “ฝ่ าบาทใกล้จะเสด็จมาถึง แล้ว ทุกท่านโปรดลุกขึ้นยืนรอต้อนรับ”
สิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาสายน้าแทบทั้งหมดในห้องต่างก็ทยอยกัน ลุกขึ้นยืน กลั้นหายใจท าสมาธิ รอคอยให้ฮ่องเต้ต้าหลีปรากฏตัว
มีแค่เว่ยป้ อ ฟ่ านจวิ้นเม่า ถงเหวินช่างที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ไม่มี ความเคลื่อนไหว
รอกระทั่งฮ่องเต้ซ่งเหอเดินเข้ามาในห้องทรงพระอักษร เว่ยป้ อถึง ได้ลุกขึ้นยืนช ้าๆ จากนั้นจึงเป็ นฟ่ านจวิ้นเม่า สุดท้ายถึงจะเป็ นถงเหวิ นช่างที่พกกระบอกยาสูบไว้ตรงเอว
ซ่งเหอกดมือลงบนความว่างเปล่าสองที “ไม่ต้องมากพิธี ทุกท่าน เชิญนั่งลงได้”
ทางฝั่งของราชสานักต้าหลีนี้ นอกจากฮ่องเต้ซ่งเหอแล้วก็มีใต้ เท้าเจ้ากรมของกรมพิธีการและกรมกลาโหมสองคนเท่านั้น
เจ้ากรมกลาโหมคือผู้เฒ่าวัยชราเรือนกายผ่ายผอม ในมือถือไม้ เท้า นั่งลงตัวสั่นงันงกพอนั่งลงแล้วก็เอาสองมือดันไว้ตรงหัวไม้เท้าหรี่ ตางีบหลับ
ผู้เฒ่าที่ชื่อว่าเสิ่นเฉินผู้นี้อยู่มาสามรัชสมัยแล้ว ตอนที่ยังหนุ่มก็ วนเวียนไปตามที่ว่าการของแต่ละฝ่ ายและที่ว่าการเก้ามนตรี นิสัย ของเขาดึงดันเป็ นที่เลื่องลือในราชสานักยกตัวอย่างเช่นตอนที่เขารับ หน้าที่เป็ นรองเจ้ากรมขุนนางก็เคยป่าวประกาศว่าบัณฑิตทุกคนที่ไม่ ศึกษาต่อในสานักศึกษาซานหยาบ้านตัวเอง แต่วิ่งโร่ไปขอศึกษาต่อ ที่สานักศึกษากวานหูว่าอย่าหวังว่าจะได้มีที่หยัดยืนในราชสานักต้า หลี บัณฑิตทุกคนที่ชอบร่ายกวีร่ายบทกลอนอยู่กับขุนนางของแคว้น เพื่อนบ้านอย่างราชสานักสกุลหลูหรือราชสานักต้าสุย ทางที่ดีที่สุด อย่าได้มาเป็ นขุนนาง จะสร ้างชื่อเสียงจอมปลอมอยู่ในวงการ ประพันธ ์ต่อไปก็เรื่องของพวกเจ้า แต่ขอแค่เป็ นขุนนางเมื่อไหร่ก็จง ระวังในค าประเมินของพวกเจ้าให้ดี….
ไม่ใช่การทิ้งถ้อยคาอาฆาตมาดร ้าย แต่เสิ่นเฉินพูดจริงทาจริง
และเพียงแค่เพราะการตัดสินใจและท าอะไรตามอ าเภอใจตัวเอง ไม่ฟังคนอื่นของเสิ่นเฉิน แม้กระทั่งนายท่านผู้เฒ่ากวนเจ้ากรมขุน นางเขาก็ยังไม่ไว้หน้า เป็ นเหตุให้ที่ว่าการกรมขุนนางที่เดิมทีในมือ
กุมอานาจใหญ่ถูกเหล่าปัญญาชนของในเมืองหลวงและในท้องถิ่น ด่าสาดเสียเทเสียแทบทุกวัน
ผลคือราชครูชุยฉานเคยมาพูดคุยกับเขาอย่างเปิดใจครั้งหนึ่ง ไม่รู ้ว่าทั้งสองคุยเรื่องอะไรกัน แต่สรุปก็คือเสิ่นเฉินลาออกตั้งแต่วัน นั้น มีคากล่าวในวงการขุนนางที่หาหลักฐานไม่ได้บอกว่า วันนั้นรอง เจ้ากรมเสิ่นที่ขว้างหมวกขุนนางลงพื้นอยู่ในที่ว่าการตรอกหนันซวิน ผรุสวาทเสียงดังลั่นว่าไอ้แม่….เจ้าชุยฉานคนต่างถิ่น
แต่ห้าตัวอักษรท้ายนี้ ภายหลังมีคนในวงการขุนนางพูดจา น่าเชื่อถือ แล้วก็มีคนเชื่ออย่างหมดใจ
เพียงแต่ว่าผ่านไปไม่ถึงสองปี เสิ่นเฉินก็กลับเข้ามาเป็ นขุน นางในราชสานักอีกครั้งขุนนางบุ๋นที่ไม่เคยจับดาบมาก่อนกลับต้อง ไปรับหน้าที่เป็ นรองเจ้ากรมกลาโหม
ส่วนเจ้ากรมพิธีการคือจ้าวตวนจิ่น มาจากสกุลจ้าวเทียนสุ่ยหนึ่ง ในแช่สกุลเสาค้ายันแคว้น
ซ่งเหอยิ้มเอ่ย “อีกเดี๋ยวระหว่างที่ประชุมกัน ถงซานจวินเชิญ ตามสบายได้เลย
ประโยคเปิดบทสนทนาที่ชวนตลกขบขันนี้ทาให้บรรยากาศที่ เดิมทีเคร่งเครียดผ่อนคลายลงได้หลายส่วน
ถงเหวินช่างพยักหน้า “จะไม่เกรงใจแน่ แต่หากมีใครไม่ชิน ข้า จะออกไปสูบยาที่ระเบียงด้านนอกแทน”
ฟ่ านจวิ้นเม่าเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “จะสูบก็ออกไปสูบข้างนอก ไม่อย่างนั้นหากทาให้ในห้องมีแต่ควันขโมง มันสมควรที่ไหน”
ถงซานจวินที่แต่งกายไม่ต่างจากชาวนาแก่ๆ ตลอดทั้งปีล้วนทา หน้าบูดบึง มองไม่ออกว่าอยู่ในอารมณ์ไหน
เว่ยป้ อยิ้มเอ่ย “แค่เปิดหน้าต่างก็ได้แล้ว”
ฟ่ านจวิ้นเม่ากล่าว “พวกเราสองคนมาเปลี่ยนที่นั่งกัน เจ้ามานั่ง อยู่ข้างถงเหวินช่างควันทุกคาที่เขาพ่นออกมา ซานจวินใหญ่เว่ยก็ ช่วยสูดเข้าไปหน่อย เป็ นอย่างไร?”
เว่ยป้ อเอ่ยอย่างอ่อนใจ “ถือเสียว่าข้าไม่ได้พูดแล้วกัน”
ใบหน้าของฮ่องเต้ซ่งเหอประดับยิ้ม เขาชอบที่จะเห็นและฟังการ พูดหยอกเย้าเหน็บแนมกันต่อหน้าแบบนี้มาก ทางที่ดีที่สุดขออย่ามี ใครต้องเก็บกลั้นคาพูดไว้ในท้อง
ซานจวินห้าท่านของแจกันสมบัติทวีปมารวมตัวกันครบถ้วนอยู่ ในห้องแห่งนี้ ต่างคนต่างก็มีเสน่ห์ของตัวเอง ขุนเขากลางมีกลิ่นอาย ของความเก่าแก่ ขุนเขาตะวันออกมีกลิ่นอายแห่งเซียน ขุนเขาใต้มี ความองอาจ ขุนเขาตะวันตกมีกลิ่นอายของจอมยุทธ ขุนเขาเหนือมี กลิ่นอายของเทพ
ซ่งเหอเปิดปากพูดตรงเข้าประเด็นหลักทันที “จะบอกข่าวดีแก่ ซานจวินทุกท่านก่อนก็แล้วกัน ฉายาเทพของห้ามหาบรรพตที่พวก เจ้าตั้งกันเอง หลังจากที่กรมพิธีการตัาหลีส่ง มอบให้กับศาลบุ๋นแล้ว
เมื่อครู่นี้ หรือจะพูดให้ถูกก็คือเมื่อคืนวานนี้ ในที่สุดก็มีคาตอบที่แน่ ชัดแล้ว ในเอกสารของศาลบุ๋นบอกไว้ประโยคเดียวว่า ‘อ่านแล้ว ไม่มี ความเห็นต่างสามารถนาไปใช ้ได้” ถึงแม้เนื้อหาจะน้อย ทว่าอริยะ ปราชญ์ศาลบุ๋นที่ลงนามไว้กลับมีเยอะมาก มีหลี่เซิ่ง หย่าเซิ่ง เหวิน เซิ่ง และยังมีเจ้าลัทธิหลักรองของศาลบุ๋นอีกสามคน รวมไปถึง ผู้อ านวยการ รองผู้อ านวยการสถานศึกษาอีกหกท่าน เท่ากับว่าพวก เขาต่างก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้อย่างเป็ นลายลักษณ์อักษรแล้ว”
ซ่งเหอกุมหมัดยิ้มเอ่ย “กว่าเหรินขอแสดงความยินดีกับซานจวิน ทั้งห้าท่านที่ต่างก็ได้สมใจปรารถนาด้วย”
ซานจวินทั้งห้าต่างก็ลุกขึ้นยืนคารวะกลับคืนต่อฮ่องเต้ต้าหลี แน่นอนว่าพวกเขายังต้องท าการคารวะไปยังศาลบุ๋นแผ่นดินกลางอยู่ ไกลๆ ต่างคนต่างใช ้เสียงในใจเอ่ยขอบคุณ
ในห้องมีเสียงแสดงความยินดีดังขึ้นๆ ลงๆ รอกระทั่งซานจวินทั้ง ห้านั่งลงอีกครั้ง ซ่งเหอก็ยิ้มเอ่ยว่า “เป็ นเรื่องที่น่ายินดีจริงๆ คือเรื่องดี ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”
ห้ามหาบรรพตต่างก็ตั้งฉายาเทพของตัวเอง ประเด็นส าคัญคือ ถึงกับผ่านความเห็นชอบจากศาลบุ๋นแผ่นดินกลางทั้งหมด ไม่มีคา โต้แย้งแม้แต่ชื่อเดียว
อันที่จริงกรมพิธีการต้าหลีก็รู ้สึกประหลาดใจมากเหมือนกัน
เพียงแค่เพราะสองฉายาเทพในนั้น ก่อนที่กรมพิธีการจะช่วย ส่งไปให้ศาลบุ๋นแผ่นดินกลางต่างก็รู ้สึกกันว่ามีโอกาสอย่างมากที่ จะต้องถูกตีตกให้กลับมาตั้งใหม่
ในความเป็ นจริงแล้วราชส านักต้าหลีก็เตรียมใจพร ้อมส าหรับ การที่ต้องติดต่อกับศาลบุ๋นซ้าในเรื่องนี้ไว้แล้ว รวมไปถึงได้กาหนด กลยุทธอย่างเป็ นรูปธรรมที่ว่าหากถูกศาลบุ๋นตีตกสกุลซ่งต้าหลีจะ พูดโน้มน้าวให้เหล่าซานจวิน “ลด” “ความหมาย” ของฉายาเทพที่ ตัวเองตั้งลงมาอีกสักเล็กน้อยได้อย่างไร
ด้วยเรื่องนี้ซ่งเหอยังเปิ ดการประชุมเล็กติดต่อกันถึงสามครั้ง ล้วนพูดคุยกันเรื่องที่ว่าควรจะช่วยให้ฉายาเทพของห้ามหาบรรพต ผ่านความเห็นชอบอย่างไร ระหว่างที่ประชุมก็ใช่ว่าจะไม่มีคนบอก ฮ่องเต้เป็ นนัยๆ ว่า ทุกวันนี้คนของต้าหลีที่สามารถพูดคุยกับศาลบุ๋น ได้ก็มีแค่ภูเขาลั่วพั่วเท่านั้น แต่ก็มีคนรู ้สึกว่าถึงแม้ทุกวันนี้เหวินเซิ่ง จะเป็ นผู้ดูแลกิจธุระของศาลบุ๋น และต่อให้เฉินผิงอันจะยอมช่วยใน เรื่องนี้ แต่จะได้ผลลัพธ ์ในทางตรงกันข้ามหรือไม่?
เพราะถึงอย่างไรลูกศิษย์ปิดสานักของเหวินเซิ่งคนนี้ จนถึงทุก วันนี้ก็ยังไม่มียศเป็ นกระทั่งนักปราชญ์ของสานักศึกษาเลย นี่ถือเป็ น การแสดงท่าทีอย่างหนึ่ง…ของศาลบุ๋นหรือไม่?
จิ้นชิงเปิดปากถาม “ฝ่ าบาท ฉายาเทพทั้งห้าล้วนผ่านหมดเลย หรือ?”
ซ่งเหอยิ้มบางๆ “ผ่านทั้งหมด ซานจวินทั้งห้าโปรดวางใจได้เลย เป็ นเรื่องที่แน่นอนแล้ว กว่าเหรินไม่กล้ารายงานเท็จในเรื่องแบบนี้แน่”
ฟ่ านจวิ้นเม่ายื่นมือมานวดปลายคาง ไม่พูดถึงหลิงเจ๋อของเว่ ยป้ อ พูดถึงแค่ฉายาเทพของตน ความหมายยิ่งใหญ่ถึงเพียงนั้นก็ยัง ผ่านได้ด้วยหรือ?
นางเลือกฉายาเทพเตรียมไว้ตั้งห้าหกฉายาเพื่อรอให้ศาลบุ๋นปฏิ เสธ จากนั้นกรมพิธีการต้าหลีก็บอกให้นางกลับมาตั้งใหม่อีกสอง สามครั้งเชียวนะ
เมื่อเป็ นเช่นนี้กลับทาให้นางรู ้สึกลาบากใจแทนแล้ว เพราะถึง อย่างไรที่เดินทางไกลมาครั้งนี้ รับปากว่าจะเข้าร่วมการประชุมใน เมืองหลวงของต้าหลี นางก็ตกเป็ นที่ต้องสงสัยว่าจะมาป่ วนงานอยู่ บ้าง
ซ่งเหอเอ่ยเสียงเข้มจริงจัง “ฉายาเทพ “อิงหลิง” ของเหมิงซานจ วินขุนเขาตะวันออก “ชุ่ยเวย” ของฟ่ านซานจวินขุนเขาใต้ “หมิงจู๋” ของจิ้นซานจวินขุนเขากลาง “ต้าเต้า” ของถงซานจวินขุนเขา ตะวันตก “เย่โหยว” ของเว่ยซานจวินขุนเขาเหนือ แค่รอให้จัดงาน พิธีแต่งตั้งอย่างเป็ นทางการก็จะสามารถป่าวประกาศให้เก้าทวีปของ ไพศาลรู ้ได้แล้ว”
พอประโยคนี้หลุดออกมาจากปากของฮ่องเต้
ในห้องก็เงียบสงัดทันใด ทว่ากลับมีคลื่นใต้น้าเกิดขึ้นแทน
ฉายาของเหมิงหรงแห่งภูเขาชี่ซานขุนเขาตะวันออกถึงกับเป็ น ค าว่า “อิงหลิง’ (วิญญาณวีรบุรุษ)?! แล้วศาลบุ๋นก็ดันพยักหน้าตอบ ตกลงเสียด้วย?
ส่วน “หมิงจู๋” (เทียนที่ใช ้ในงานพิธีบวงสรวงสมัยโบราณ เทียนที่ ส่องสว่าง) มีร่องรอยว่ายังคิดค านึงถึงราชวงศ์จูอิ๋งเก่าอย่างชัดเจน เกินไปหน่อยหรือไม่ สกุลซึ่งต้าหลีพวกเจ้าก็ไม่คิดอะไรเลยหรือ?
เมื่อเทียบกันแล้วฉายา “ต้าเต้า” (ธงผืนใหญ่ที่อยู่ในกองทัพหรือ งานพิธีส าคัญในสมัยโบราณ หากอยู่ในกองทัพก็จะเป็ นธงที่ระบุที่ตั้ง ของค่ายใหญ่ที่มีแม่ทัพบัญชาการณ์) ของถงเหวินช่างกลับดู ธรรมดากว่าหลายส่วน