กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1053.3 มีเก้าอี้ว่างอยู่หนึ่งตัว
“ชุ่ยเวย” ของฟ่ านจวิ้นเม่ามีความหมายว่า “ภูเขาเขียวแห่งใต้ หล้า” จะไม่มีความหมายยิ่งใหญ่กว่า “อิงหลิง” ของเหมิงหรงอีกหลาย เท่าหรอกหรือ? ห้าขุนเขาของแผ่นดินกลางมีฉายาเทพเช่นนี้ก็ยัง มากพอเหลือแหล่เลย!
แล้วเว่ยป้ อก็ไม่ได้บอกว่าตั้งฉายาให้ตัวเองว่า “หลิงเจ๋อ” หรอก หรือ? ไฉนถึงเปลี่ยน กลับมาเป็ น “เย่โหยว (ท่องราตรี) อีกแล้วเล่า?
ไม่เสียแรงที่เป็ นซานจวินของห้ามหาบรรพต พวกเจ้าแต่ละคน กล้าคิดกล้าท าไม่แพ้กันจนทาให้คนที่มองดูอยู่ข้างๆ พูดไม่ออกเลย
จริงๆ
ก่อนหน้านี้ระหว่างที่ซ่งเหอเดินมา ในมือก็ได้กาแผ่นไม้ไผ่ที่ทา ด้วยกรรมวิธีลับของบนภูเขาไว้กาหนึ่ง ทุกครั้งที่ฮ่องเต้อ่านเรื่องสอง สามเรื่องที่เขียนเป็ นเนื้อหาในแผ่นไม้ไผ่แผ่นหนึ่งเสร็จก็จะยื่นส่ง ให้กับขันทีข้างกาย
ก่อนจะเรียกประชุม กรมพิธีการต้าหลีได้แจ้งให้กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แห่งภูเขาสายน้ามากมายทราบแล้วว่าเข้าเมืองหลวงครั้งนี้ พวกเขา สามารถบอกกล่าวกับทางราชส านักได้ก่อนให้เตรียมแผ่นไม้ไผ่ไว้ แผ่นหนึ่ง เขียนเรื่องสาคัญที่ต้องการจะปรึกษากับฮ่องเต้ลงไปอย่าง กระชับเข้าใจง่าย อย่างมากสุดก็คือสามเรื่อง ทางที่ดีที่สุดเนื้อหาไม่
ควรเกินร ้อยตัวอักษร ซ่งเหออ่านแผ่นไม้ไผ่พวกนี้เสร็จนานแล้ว เพียงแต่ว่าหลังจากเลิกประชุมเช ้าก็ยังเอามาอ่านเร็วๆ ซ้าอีกรอบเพื่อ ป้ องกันการตกหล่น
ผลคือสุดท้ายมีเพียงถงซานจวินเท่านั้นที่ตอบกลับกรมพิธี การต้าหลีมาว่า ไม่มีเรื่องจะประชุม
นอกจากนี้อย่างเช่นเว่ยป้ อก็ได้เสนอไว้บนแผ่นไม้ไผ่ว่าให้เลือก เซียนกระบี่ป๋ ายเติงแห่งซากปรักวังมังกรในอาณาเขตของอวิ้นโจวมา เสริมตาแหน่งเทพวารีที่ว่างอยู่ของแม่น้าเถี่ยฝู
เฉาหย่งหลินหลีป๋ อแห่งลาน้าใหญ่เสนอตัวเลือกของคนที่จะมา รับเป็ นเฉียนถังจ่างคนใหม่ แต่ว่าเรื่องนี้เห็นได้ชัดว่าหยางฮวาฉางชุน โหวมีความเห็นต่าง คนที่ทั้งสองแนะนามาไม่เหมือนกัน
แต่เรื่องพวกนี้ไม่นับเป็ นอะไรได้ เรื่องที่ทาให้ฮ่องเต้ปวดหัวอย่าง แท้จริงยังคงเป็ นซานจวินหญิงแห่งขุนเขาใต้ผู้นั้น นางพูดแค่เรื่อง เดียวมาบนแผ่นไม้ไผ่ บอกว่าจักรพรรดิล่างภูเขาและเจ้าประมุขบน ภูเขาทั้งหลายในอาณาเขตของขุนเขาใต้ต่างก็คาดหวังให้ทางฝั่ง ของราชส านักต้าหลีช่วยพิจารณาดูว่า จะสามารถถอนป้ ายศิลานอก ศาลบรรพจารย์บางแห่งออกไปได้หรือไม่ ไม่ได้ถอนทั้งหมด แต่แค่ บางส่วนเท่านั้น
ตอนนั้นซ่งเหอเก็บแผ่นไม้ไผ่ไว้ในมือไม่ถึงสิบแผ่น ล้วนเตรียม จะเอามาพูดคุยกันในห้องทรงพระอักษรวันนี้
ไม่เรียกร ้องให้ฟ่ านจวิ้นเม่ามาอยู่ฝ่ ายเดียวกับราชสานักต้าหลี หวังเพียงว่าฟ่ านจวิ้นเม่าจะเห็นแก่เรื่องที่ฉายาเทพของตัวเองผ่านมติ ไม่อคติเอนเอียงเข้าข้างใด คงสถานะของคนกลางเอาไว้
หลังจากบอกข่าวดีแก่ซานจวินห้าขุนเขาแล้ว เรื่องแรกที่ฮ่องเต้ พูดก็คือตัวเลือกของเทพวารีคนใหม่ของแม่น้าเถี่ยผู่ในอาณาเขต
ขุนเขาเหนือ
จ้าวตวนจิ๋นเจ้ากรมพิธีการจึงลุกขึ้นยืน บอกเล่ารากฐานบนมหา มรรคา ชาติก าเนิดและประสบการณ์ของป๋ ายเติงให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่ง ภูเขาสายน้าทั้งหลายทราบ
รอกระทั่งจ้าวตวนจิ่นอธิบายเสร็จ ถงเหวินช่างก็ปลดกระบอก ยาสูบตรงเอวลง เอ่ยขึ้นก่อนว่า “ฝ่ าบาท เรื่องที่จะให้ป๋ ายเติงมาเป็ น เทพวารีแม่น้าเถี่ยฝู ข้าไม่มีความเห็นต่าง”
ซ่งเหอยิ้มพลางผายมือ “เชิญถุงซานจวินตามสบาย”
ถงเหวินช่างเดินออกไปจากห้องทรงพระอักษรแล้ว ซ่งเหอก็ เหลือบมองแผ่นไม้ไผ่บนโต๊ะ ก่อนจะหันไปมองเว่ยป้ อ ครู่หนึ่งต่อมา เว่ยป้ อก็พยักหน้าเบาๆ
ในห้องทรงพระอักษรมีเก้าอี้ตัวหนึ่งที่ว่างอยู่ตลอด
เทพภูเขาในท้องถิ่นอย่างเหมิงหรง บางครั้งยังเหลือบไปมอง เก้าอี้ที่ว่างอยู่ตัวนั้นอย่างอดไม่ได้
นอกห้อง ผู้เฒ่าสวมชุดผ้าป่านเนื้อหยาบเปลือยเท้ากาลังนั่งยอง สูบยาสูบอย่างสบายอารมณ์ กลุ่มควันลอยอ้อยอิ่ง
แอบอู้ก็เป็ นเช่นนี้เอง
ห้ามหาบรรพตในยุคบรรพกาลของใต้หล้าไพศาล หน้าที่ของ ภูเขาตะวันตกคือสร ้างและหล่อหลอมห้าทอง แล้วยังต้องดูแลพวก สัตว์ปีก
ปีนั้นห้าขุนเขาใหม่ของแจกันสมบัติทวีปที่อยู่ในมือของราชครู ชุยฉาน โดยภาพรวม แล้วก็มีหน้าที่เช่นนี้เหมือนกัน มีการแบ่งงาน กันอย่างชัดเจน ต่างคนต่างทาหน้าที่ของตัวเอง
แต่ภูเขากานโจวของถงเหวินช่างสามารถโดดเด่นขึ้นมา เปลี่ยน จากภูเขาลูกเล็กที่ไร ้ชื่อเสียงมาเป็ นมหาบรรพตประจิมของทวีปที่มี ฐานะสูงศักดิ์ได้อย่างไร ผู้คนพากันพูดไปหลากหลาย
บ้างก็เดาว่าถงเหวินช่างเข้าตาราชครูชุยฉาน บ้างก็พูดว่าเพราะ ภูเขากานโจวมีความสัมพันธ ์ที่ดีกับสกุลชุย สรุปก็คือหนีไม่พ้นอักษร ค าว่า ‘ซุย’
ถงเหวินช่างพลันเหลือบไปเห็นรองเท้าผ้าคู่หนึ่ง เขาจึงขยับ สายตามองตามไป เงยหน้าขึ้นก็เห็นบุรุษคนหนึ่งที่สวมชุดกว้าตัวยาว สีเขียว
ข้างกายคนผู้นี้ยังมีชายหญิงลักษณะคล้ายผู้ติดตามอีกสามคน บุรุษสวมชุดลัทธิขงจื๊อจอนผมสองข้างมีสีขาวแซม คนหนุ่มสวม หมวกเหลืองและเด็กสาวสวมหมวกขนเตียว
เฉินผิงอันกุมหมัดยิ้มเอ่ย “ถงซานจวิน”
ถงเหวินช่างพยักหน้า “เจ้าขุนเขาเฉิน”
พอเหลือบไปมองคนข้างกายเฉินผิงอัน ถงเหวินช่างก็เอ่ยเรียก สองคาว่า “เจ้าสานักเจียง สี่จู๋เซียนซือ”
ส่วนผู้ฝึกลมปราณที่มีรูปโฉมเป็ นเด็กสาว เขาไม่รู ้จัก ไม่แม้แต่ จะเคยได้ยินชื่อมาก่อน
เสียวโม่ประสานมือคารวะ “คารวะถงซานจวิน”
เซี่ยโก่วนิ่งเฉยไม่สะทกสะท้าน
เจียงซ่างเจินคลี่ยิ้ม “เรียกข้าว่าโจวเฝยก็พอ ฉายาเปิงเลอะเจิน จวิน”
ถงเหวินช่างไม่สนใจเรื่องพวกนี้แม้แต่น้อย ลังเลอยู่ชั่วขณะก็ยัง เปิ ดปากเอ่ยว่า “คราวก่อนเจ้าขุนเขาเฉินไปเยือนภูเขากานโจว ท าไมไม่พูดคุยให้มากอีกหน่อย? การขุดเจาะลาน้าใหญ่ที่ใบถงทวีป เป็ นงานที่ใหญ่มาก อย่างน้อยที่สุดคนที่รอดชีวิตได้ก็มีหลายแสน คน”
พูดถึงคราวก่อนที่อิ่นกวานหนุ่มพาสหายสวมหมวกคลุมหน้าคน หนึ่งไปท่องเยือน ภูเขาสายน้าของหลายทวีปในความฝัน เพื่อขอยืม ธูปหนึ่งดอกจากเทพภูเขาและเทพวารี
ที่แจกันสมบัติทวีปแห่งนี้ เฉินผิงอันต้องกินน้าแกงประตูปิดทั้งที่ ภูเขากานโจวของถงเหวินช่างและภูเขาขี่ซานของเหมิงหรง
สุดท้ายก็มิอาจสร ้างสถานการณ์ที่ซานจวินของห้ามหาบรรพต ในหนึ่งทวีปตอบตกลงพร ้อมกันได้ ประสิทธิภาพของธูปภูเขาจึงถูก ลดทอนให้หายไปเกินครึ่ง
ตอนนั้นเว่ยป้ ออยากจะช่วยส่งจดหมายไปที่มหาบรรพตทั้งสี่แทน เฉินผิงอัน แต่เฉินผิงอันคิดว่าไม่มีความจาเป็ นนี้ แล้วก็จริงดังคาด ในเมื่อเป็ นเรื่องที่เรียกร ้องอย่างไรก็ไม่ได้มาก็ไม่จาเป็ นต้องสิ้นเปลือง น้าใจของเว่ยซานจวินแล้ว
ที่ภูเขาเช่อจื่อขุนเขากลางและขุนเขาใต้ของฟ่ านจวิ้นเม่าต่างก็ ราบรื่นอย่างมาก ภายหลังเฉินผิงอันกับชิงถงไปเยือนขุนเขา ตะวันออกกับขุนเขาตะวันตกด้วยกัน เหมิงหรงนั้นเป็ นเพราะมีชาติ ก าเนิดจากซานจวินเก่าของต้าหลี ดังนั้นจึงถือว่าเป็ นการปฏิเสธเฉิน ผิงอันอย่างละมุนละม่อม สุดท้ายยังเอ่ยประโยคตามมารยาท ขออภัย ที่ให้เฉินอิ่นกวานต้องมาเสียเที่ยวแต่ค าพูดของถงเหวินช่างกลับไม่ ไว้ไมตรีกันอย่างมาก พูดตามตรงว่าเขารู ้สึกว่าใบถงทวีปก็คือโคลน เละๆ กองหนึ่ง เขาถงเหวินช่างจะเอาธูปดอกหนึ่งไปปักไว้ในโคลน เละๆ ท าไม? เขามีหรือจะยินดีเคารพใบถงทวีปที่ใจคนเหลวแหลก?
ทาไมต้องช่วยเพิ่มโชคชะตาภูเขาสายน้าให้กับพวกเขาแม้สักเศษ เสี้ยวด้วย?
ล้วนอยู่ในการคาดการณ์ เฉินผิงอันจึงไม่ได้รู ้สึกผิดหวังหรือไม่ ผิดหวังอะไร
และความหมายของถุงเหวินช่างในวันนี้ก็เรียบง่ายมาก หาก ต้องการให้ข้าเคารพใบถงทวีป ฝันไปเถอะ แต่หากตอนนั้นเจ้าพูดว่า จะมีการขุดเจาะลาน้าใหญ่ คนจะรอดชีวิตอีกนับไม่ถ้วน ย่อมเป็ น รูปธรรมยิ่งกว่าสิ่งที่ไร ้สาระไร ้แก่นสารใดๆ ทั้งหมด ตอนนั้นเขาถงเหวิ นช่างก็จะตอบตกลง
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “หนึ่งเพราะการขุดเจาะลาน้าใหญ่ ตอนนั้น ยังเป็ นแค่ความคิดคร่าวๆ เท่านั้น เป็ นคาพูดจากปากเปล่า ไม่อาจยก มากล่าวได้ อีกอย่างข้าเองก็ไม่ได้ยากจนถึงขนาดนั้น”
นี่ก็คือการเอ่ยถ้อยคาแข็งกระด้างด้วยน้าเสียงนุ่มนวลตามแบบ ฉบับแล้ว ทั้งยังเป็ นการไว้หน้าถงซานจวินผู้นี้ด้วย
ถงเหวินช่างพยักหน้า “หากไม่ต้องขอร ้องคนอื่นได้ก็อย่าขอร ้อง คนอื่น”
คาพูดสามารถพูดให้น้อยได้ แต่หัวเข่าของคนคนหนึ่งต้องแข็ง เอวต้องหยัดตรง หากจะบอกว่าเจอเรื่องอะไรก็ก้มหัวยอมให้ อันที่จริง ก็ไม่ได้มีอะไร การใช ้ชีวิตในแต่ละวัน มีใครบ้างที่ไม่เคยเจอเรื่อง ยากล าบากเสียเลย
สามารถผิดต่อศักดิ์ศรีของตัวเองได้ แต่อย่าได้ผิดต่อมโนธรรม ในใจของตัวเอง ชั่วชีวิตนี้ถงเหวินช่างเคยเห็นเหตุการณ์ที่คนอื่นต้อง ประจบและแอบอิงผู้มีอิทธิพลและคนที่ก้มหัวทาตัวต่าต้อยมามาก เหลือเกินแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประสบสอพลอ การพูดป้ อยอ กันและกันของพวกบัณฑิตที่เห็นแล้วเอียนที่สุด หรือว่าเรียนหนังสือ อ่านตารามาก็เพื่อประจบยกยอบนโต๊ะเหล้าหรือไม่ก็ในวงการขุนนาง โดยเฉพาะ? กินต าราอริยะปราชญ์ถ่ายออกมาเป็ นอาจมหรือไร โชค ดีที่พวกคนเป็ นขุนนาง พวกเทพเชียนบนภูเขาชอบเรื่องพวกนี้ ฟัง แล้วดูมีความสุขอย่างมาก
ภูเขาผูซานหนึ่งในภูเขาใต้อาณัติของขุนเขากลาง เทพภูเขา ฟู่เต๋อชง หลังจากที่เดินออกมาจากห้องทรงพระอักษร เขาเพิ่งจะหยิบ กระบอกยาสูบออกมาจากชายแขนเสื้อ หันมาเห็นภาพนี้ในระเบียงก็ อึ้งตะลึงไปทันที
ต่อให้เป็ นนายท่านเทพภูเขาอย่างพวกเขา เพราะวันเวลาใน ภูเขายาวนาน แต่ละคนจึงมีงานอดิเรกที่ตัวเองชื่นชอบ ยกตัวอย่าง เช่นเก็บสะสมหนังสือล้าค่าหายากหรืออักษรภาพโบราณ สร ้างหอ หนังสือขึ้นมา เชื้อเชิญให้นักประพันธ ์จรดพู่กันเขียนผลงาน เป็ นเหตุ ให้อักษรภาพที่เก็บสะสมไว้อย่างลับๆ ในจวนของเทพภูเขาและเขียน น้ามักจะยาวหลายจังหรืออาจหลายสิบจั้ง หรือไม่ก็สะสมเงินต้นแบบ ของแต่ละยุคแต่ละสมัยของแคว้นต่างๆ ล่างภูเขา และก็มีบางคนที่ ชอบปลูกต้นไม้กระถาง ส่วนการเก็บสะสมเงินร ้อนน้อยที่แกะสลัก
ตัวอักษรต่างๆ เอาไว้ก็แทบจะเป็ นความชื่นชอบที่มีร่วมกันของสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาสายน้า
ก็เหมือนอย่างฟู่ เต๋อชงแห่งภูเขาผูชานกับถงเหวินช่างที่ต่างก็ ชอบสูบยาสูบ ไม่ว่าจะท าอะไรหรืออยู่ว่างๆ ก็มักจะชอบสูบอีกสองอีก ไม่ได้เกี่ยวกับการสูบให้หายอยาก แต่เป็ นเพียงความเคยชินอย่าง
หนึ่ง
แต่เทพภูเขาฟูไม่ได้ติดงอมแงมเหมือนถงซานจวินก็เท่านั้น ทว่า การประชุมอย่างในวันนี้ แต่ไหนแต่ไรมาหากหลบเลี่ยงได้ฟู่ เต๋อชงก็ จะหลบเลี่ยงเสมอ หากหลบไม่พ้นจริงๆ ก็นั่งเป็ นรูปปั้นไม่กินควันธูป ในเมื่อถิงเหวินช่างช่วยเปิดทางให้แล้ว ฟู่เต๋อชงจึงมีโอกาสได้ออกมา สูดอากาศข้างนอก
ในเมืองหลวงต้าหลี สิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาสายน้าจะจงใจเก็บวิชา อภินิหารเอาไว้เพราะข้างๆ มีกองโหราศาสตร ์คอยจับตามองดูอยู่
เฉินผิงอันเป็ นคนเอ่ยทักทาย “เทพภูเขาฟู่ ”
ฟู่เต๋อชงกุมหมัดคารวะกลับคืน “เจ้าขุนเขาเฉิน”
ถงเหวินช่างเคาะกระบอกยาสูบสองสามทีก็ลุกขึ้นยืน กลับเข้าไป ฟังการประชุมในห้องทรงพระอักษรต่อ
ฟู่ เต๋อชงไม่มีความกล้ามากพอจะมานั่งสูบยาสูบคนเดียวด้าน นอก บังเอิญกับที่เฉินผิงอันก็จะไปห้องทรงพระอักษรพอดี เขาจึง ตามไปด้วย
เดินอยู่ในระเบียงของหอเรือนที่ไม่กว้างเส้นนั้น ถงเหวินช่างเดิน
น าอยู่หน้าสุด ก้าวข้ามธรณีประตูเข้าไปในห้องทรงพระอักษร ฟู่ เต๋อชงลังเลเล็กน้อย แต่กระนั้นก็ยังเพิ่มฝีเท้าก้าวเร็วๆ ชิงเดิน
น าเข้าไปในห้องก่อน ในห้อง ถงเหวินช่างเดินไปที่เก้าอี้แล้ว แต่กลับไม่ได้นั่งลง
ฟู่เต๋อชงก็เช่นเดียวกัน
ขุนนางคุมตราประทับกองซือหลี่เจียนที่ยืนอยู่หน้าประตูก้มหัว ค้อมเอวกล่าว “ฝ่าบาทเจ้าขุนเขาเฉินมาถึงแล้ว”
แทบจะเวลาเดียวกันนั้นก็มีขันทีถือพู่กันย้ายเก้าอี้ตัวหนึ่งมาให้ ด้วยตัวเอง
เสี่ยวโม่และเซี่ยโก่วรออยู่ในระเบียง
มีเพียงเจียงซ่างเงินที่เดินตามเฉินผิงอันเข้ามาในห้อง
เพราะถึงอย่างไรก็เป็ นผู้ถวายงานอันดับหนึ่งของภูเขาลั่วพั่ว หมวกขุนนางใหญ่กว่าผู้ถวายงานที่ได้รับการบันทึกชื่อทั่วไปอยู่มาก
เสี่ยวโม่ใช ้เสียงในใจยิ้มเอ่ยว่า “พวกเราเป็ นแค่ผู้ถวายงานทั่วไป ไม่เหมาะจะตามชายเข้าไปนั่งข้างใน”
เซี่ยโก๋วยืนผิงพนังของระเบียง เอ่ยอย่างขุ่นเคืองว่า “คราวหน้า ข้าจะต้องขอต าแหน่งผู้ถวายงานระดับรองมาจากเจ้าขุนเขาให้ได้ เสี่ยวโม่ เจ้าจาไว้ว่าต้องช่วยพูดถึงข้าดีๆ ด้วยนะ”
เสี่ยวโม่พยักหน้า “จะสาเร็จหรือไม่ไม่กล้ารับประกัน แต่ให้ช่วย พูดถึงเจ้าต่อหน้าคุณชาย ไม่มีปัญหา”
หากไม่พูดแบบนี้ เสี่ยวโม่ก็กังวลว่าเซี่ยโกวที่ไม่มีเก้าอี้ให้นั่งใน ห้องจะวิ่งไปนั่งอยู่บนหลังคาโดยตรงเลย
เซี่ยโก่วยิ้มกว้าง
เจียงซ่างเจินเป็ นฝ่ ายรับเก้าอี้ตัวนั้นมาแล้ววางไว้ใกล้ประตูง่ายๆ ยิ้มเอ่ยว่า “ข้านั่งตรงนี้แล้วกัน”
ในห้อง ฮ่องเต้ลุกขึ้นยืนแล้ว
เจ้ากรมกลาโหมผู้เฒ่าที่ดูเหมือนงีบหลับอยู่ตลอดลืมตาขึ้น ลุก ขึ้นยืนช ้าๆ หันไปมองทางหน้าประตู
จ้าวตวนจิ่นเจ้ากรมพิธีการลุกขึ้นยืน กลั้นหายใจทาสมาธิ สี หน้าเคร่งขรึม
เว่ยป้ อแห่งขุนเขาเหนือ จิ้นชิงแห่งขุนเขากลางลุกขึ้นตามฮ่องเต้ อยู่นานแล้ว หยางฮวาฉางชุนโหว เฉาหย่งหลินหลีป๋ อ ฯลฯ ก็พากัน ลุกขึ้นตาม
ฟ่ านจวิ้นเม่ามีสีหน้าปั้นยาก สอดส่ายสายตาล่อกแล่ก คล้าย ลังเลว่าควรจะเผ่นหนีดีหรือไม่
คนทั้งห้องพากันลุกขึ้นยืน
ดวงตาซ่งเหอเป็ นประกายเจิดจ้า ผายมือข้างหนึ่งออกมา ชี้ไปที่ เก้าอี้บางตัว เอ่ยเสียงดังกังวานว่า “อาจารย์เฉิน เชิญนั่ง”
นั่นคือเก้าอี้ตัวเดียวในห้องทรงพระอักษรที่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ “วางให้ตรง
เฉินผิงอันเดินไปที่ข้างเก้าอี้ตัวนั้น หมุนตัวกลับมา ใช ้สองมือยก
ชุดตัวยาวสีเขียวขึ้นเล็กน้อยแล้วนั่งลงช ้าๆ
ซ่งเหอกลับมานั่งที่ จากนั้นสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาสายน้าทั้งห้อง ก็พากันนั่งลงอย่างเป็ นระเบียบ เงียบสนิทจนเข็มหล่นก็คงได้ยินกัน ทั่ว
เทพแห่งภูเขาสายน้าบางส่วนที่เดิมทีคิดว่าต่อให้เฉินผิงอันยอม เข้ามายุ่งด้วย แล้วจะอย่างไร แล้วจะท าอะไรได้ แต่พอได้เห็นคนชุด เขียวกับตาตัวเองจริงๆ นาทีนี้ทุกคนต่างก็รู ้สึกว่าดูเหมือนเรื่องราวจะ ไม่ได้เป็ นอย่างที่คิดไว้เสียแล้ว
นี่ก็เหมือนผู้ฝึกลมปราณมากมายของใต้หล้าไพศาลที่หลังจาก เอาชนะสงครามครั้งนั้นมาได้ เพียงแค่เพราะไม่เคยลง แค่เพราะไม่ เคยลงสนามรบกับตัวเองมาก่อนก็จะรู ้สึกว่าปี ศาจใหญ่บนบัลลังก ์ ของเปลี่ยวร ้างก็มีดีแค่นั้นเอง
ฮ่องเต้หันไปยิ้มมองซานจวินหญิงท่านนั้น
ฟ่ านจวิ้นเม่าทาหน้าไร ้เดียงสา ฮ่องเต้เจ้ามองข้าทาไม เรื่องนั้น ข้าก็พูดไปแล้ว ข้าก็แค่นาความมาบอกต่อเท่านั้นเอง
เฉินผิงอันถาม “คุยกันไปถึงไหนแล้ว?”
ซ่งเหอยิ้มกล่าว “เมื่อครู่นี้ฟ่ านซานจวินก าลังพูดถึงอาณาเขต ทางทิศใต้ของลาน้าฉีตู้ว่ามีคนไม่น้อยที่อยากจะให้ถอนป้ ายศิลาบน ภูเขาออก”
ฟ่ านจวิ้นเม่าถอนหายใจเบาๆ หากรู ้แต่แรกว่าจะเป็ นเช่นนี้นางก็ คงไม่มาแล้ว รอฟังข่าวดีอยู่ในจวนซานจวินของตัวเองดีๆ ก็ไม่ดีมาก หรอกหรือ?
เฉินผิงอันยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “รบกวนฟ่ านซานจวินช่วยเขียนใบ รายชื่อให้ข้าตอนนี้เลย”
ฟ่านจวิ้นเม่าทาหน้าเหลอหรา “หา?”
“รอให้ฟ่านซานจวินเขียนรายชื่อเสร็จแล้ว”
เฉินผิงอันยื่นมือข้างหนึ่งออกมา ถูฝ่ามือกับที่เท้าแขนเก้าอี้ “เจ้า กรมเสิ่น เจ้ากรมจ้าวเอารายชื่อมาเทียบกัน ต้าหลีของพวกเราจะใช ้ นามของกรมกลาโหมและกรมพิธีการร่วมกันออกเอกสารฉบับหนึ่ง ให้พวกเขามาเยือนเมืองหลวงต้าหลีรอบหนึ่ง ให้แต่ละฝ่ ายที่กอบกู้ แคว้นและก่อตั้งแคว้น จวนเซียนเก่าและพรรคใหม่ส่งคนมาพูดคุย เรื่องนี้ ปรึกษากันให้ดีๆ สักครั้ง”
จ้าวตวนจิ่นเจ้ากรมพิธีการอิงตามกฎระเบียบเก่า ไม่ต้องลุกขึ้น ตอบรับ แค่กุมหมัดเท่านั้น ถือว่าไม่มีความเห็นต่างต่อเรื่องนี้แล้ว
เสิ่นเฉินเจ้ากรมผู้เฒ่าของกรมอาญาเปิ ดปากถามกลั้วเสียง หัวเราะว่า “ข้าฟังผิดไปหรือไม่ นอกจากกรมพิธีการแล้วก็จะยัง ประสมประเสกับที่ว่าการอีกหลายแห่งให้ครบจ านวน ไม่ควรใช ้นาม ของกรมพิธีการกับศาลหงหลูในการออกสาส์นของแคว้นหรือ?”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ศาลหงหลูร่วมกันเขียนสาส์นแคว้นไม่ สอดคล้องกับกฎระเบียบของราชสานัก ดังนั้นจึงมีหน้าที่รับผิดชอบ แค่งานในส่วนหลังเท่านั้น”
เปลี่ยนศาลหงหลูเป็ นกรมกลาโหมของแคว้นเหมาะสมกับ กฎระเบียบแล้วหรือ?
ฟ่านจวิ้นเม่าจนคาพูด ทั้งเสียใจภายหลังที่ตัวเองรับปากเจ้าพวก นั้นว่าจะมาคุยเรื่องนี้กับราชสานักต้าหลี แล้วก็โมโหที่เฉินผิงอันใช ้ อานาจบีบคั้นผู้อื่น ไม่เห็นแก่มิตรภาพเลยสักนิด คุณชายเฉินช่างมี บารมีของคนเป็ นขุนนางยิ่งนัก!
ผู้เฒ่ายิ้มกล่าว “ราชครูเฉิน ถ้าอย่างนั้นกรมกลาโหมของพวก เราก็ไม่มีความเห็นต่างแล้ว”