กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1054.2 เคยมีคนพูด
ช่วงท้ายของสมุดเล่มนี้นาบตราประทับเป็ นคาว่า เฉินผิงอันแห่ง ภูเขาลั่วพั่ว
เชื่อว่าอีกไม่นานสกุลซ่งต้าหลีก็จะต้องแกะสลักตราประทับ ทางการให้เฉินผิงอัน ตัวอักษรของตราประทับย่อมต้องค าว่า “ราชครูต้าหลี
ต้องให้กรมพิธีการและกองโหราศาสตร ์ช่วยกันเลือกวันฤกษ์งาม ยามดี เลือกช่วงเวลาที่ฮ่องเต้จะจรดพู่กัน วัสดุที่นามาใช ้ทาตรา ประทับ ให้ห้าขุนเขา แม่น้าลาคลอง ศาลอภิบาลในเมืองหลวงและ ศาลบุ๋นบู๊ช่วยกันปลุกเสก ล้วนมีข้อพิถีพิถัน
เจ้ากรมผู้เฒ่าเสิ่นเฉินอ่านเนื้อหาในสมุดแล้วจุ๊ปากประหลาดใจ
อันที่จริงสมุดเล่มเล็กมีแค่สองหน้าเท่านั้น หน้าแรกเขียนชื่อ สมาชิกบนท าเนียบของภูเขาลั่วพั่ว ไม่มีชื่อของเค่อชิงที่ยิ่งแสดงให้ เห็นถึงความสัมพันธ ์ควันธูปบนภูเขา
หน้าที่สองเขียนสภาพการณ์ในการทาการค้า อันที่จริงนี่ ค่อนข้างคล้ายกับเป็ นการเสริมในส่วนของหน้า “เค่อชิง” ล าพังแค่ อุตรกุรุทวีปที่เดียว แค่สานักอักษรจงที่ร่วมงานกันก็มีสานักพี่หมา ชายหาดโครงกระดูก ทะเลสาบกระบี่ฝูผิงของเซียนกระบี่หญิงลี่ไฉ่ สานักกระบี่ไท่ฮุยของหลิวจิ่งหลง นอกจากนี้ยังมีพันธมิตรด้าน
การค้าบนภูเขาอีกกลุ่มใหญ่ซึ่งมีสานักมังกรน้าและหน่วยฉงเสวียน ราชสานักต้าหยวนเป็ นหนึ่งในนั้น ส่วนแจกันสมบัติทวีปบ้านตนก็มี ชื่ออยู่หลายชื่อที่มีนัยชวนให้ขบคิดอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่นภูเขา เช่อจื่อขุนเขากลาง ภูเขาผูซานของจิ้นชิง แม่น้ายงเจียง ยอดเขาเสิน เชิ่นภูเขาทายาทขุนเขาเหนือและภูเขาไฉ่จือภูเขาทายาทขุนเขาใต้
นี่ต้องยกคุณความชอบให้การ ‘ระมัดระวังและมีจิตใจที่ รับผิดชอบสูง” และ “จับเล็กปล่อยใหญ่” ของเฉาเกิงซินขุนนาง ผู้ตรวจการงานเตาเผาหลงเฉวียนคนก่อน
แน่นอนว่ายังมีการไม่รายงานข่าวของภูเขาพีออิ๋นด้วย ดู เหมือนว่าเว่ยซานจวินจะใจตรงกันกับผู้ตรวจการเฉาอย่างมาก สอง ฝ่ ายร่วมมือกัน เป็ นเหตุให้ภูเขาลั่วพั่วที่เหมือนมีเมฆหมอกล้อมวนมี รากฐานเช่นไร โลกภายนอกก็ได้แต่อาศัยการเดาเท่านั้น
มีเพียงครั้งเดียวที่เป็ นข้อยกเว้นก็คือการเข้าร่วมงานพิธีที่ภูเขา ตะวันเที่ยงซึ่งตระการตายิ่ง แต่น่าเสียดายที่การถามกระบี่ครั้งนั้น นอกจากเจ้าขุนเขาเฉินผิงอันแล้ว สมาชิกคนอื่นของศาลบรรพจารย์ ยอดเขาจี๋หลิงต่างก็ไม่ได้ลงมือกันอย่างแท้จริง
อันที่จริงเรื่องที่เกี่ยวกับรากฐานที่แท้จริงของภูเขาลั่วพั่ว การที่ ราชส านักตัาหลีจะพูดว่า “รู ้น้อยมาก” ก็ฟังไม่เหมาะเท่าไร ถ้าอย่าง นั้นก็เปลี่ยนมาใช ้ภาษาทางการที่อ้อมค้อมสักเล็กน้อย เป็ นค าว่า ‘เข้าใจไม่เยอะ” แทน
เว่ยป้ ออ่านอย่างละเอียดเป็ นพิเศษ เปิดผ่านไปหน้าหนึ่งแล้วยัง ย้อนกลับไปอ่านเนื้อหาใหม่อีกรอบ
เสินจวินเย่โหยวอย่างเจ้าจะเสแสร ้งไปไย อย่าว่าแต่ภูเขาลั่วพั่วมี สมาชิกบนทาเนียบกี่คนเลย บนภูเขามีต้นไม้กี่ต้น เว่ยซานจวินก็ น่าจะรู ้ชัดเจนดีกระมัง
นี่คือสิ่งที่โลกภายนอกเข้าใจเว่ยซานจวินผิดไป ในความเป็ นจริง แล้วควรเป็ นภูเขาลั่วพั่วที่รู ้ว่าป่าไผ่ผืนเล็กบนภูเขาพีอวิ๋นมีต้นไผ่อยู่ กี่ต้นถึงจะถูก
สมุดเล่มเล็กถูกเปลี่ยนมือไปตลอดทาง ระหว่างนั้นถงเหวินช่าง แค่กวาดตามองไม่กี่ทีเท่านั้น สิ่งศักดิ์สิทธิ์บางท่านอ่านอย่างตั้งใจ เป็ นพิเศษ ไม่ยอมให้คลาดสายตาไปแม้แต่ตัวอักษรเดียว
พูดถึงแค่เสี่ยวโม่กับเซี่ยโก่ว ผู้ฝึกกระบี่สองคนของเปลี่ยวร ้าง คนหนึ่งได้รับการบันทึกชื่อ คนหนึ่งคือตัวสารอง ต่างก็ไม่ได้พูดถึง ขอบเขตของพวกเขา
แต่ลาพังดูแค่จากซากปรักพื้นที่ประกอบพิธีกรรมเก่าของพวก เขาแต่ละคนก็พอจะชั่งน้าหนักออกแล้วว่าเสี่ยวโม่กับเซี่ยโก่วจะต้อง เป็ นขอบเขตบินทะยานอย่างไม่ต้องสงสัยแน่นอน!
สิ่งศักดิ์สิทธิ์แทบทุกคนอ่านมาถึงตรงนี้ ต่างก็รู ้สึกอึดอัดอย่าง ห้ามไม่ได้
ในสถานที่ที่อยู่ใกล้ในระยะประชิด ในระเบียงด้านนอกนั้นก็มี ขอบเขตบินทะยานที่อายุขัยการฝึกตนยาวนานนับหมื่นปีสองคนยืน อยู่ อีกทั้งยังเป็ นผู้ฝึกกระบี่บรรพกาลที่มาจากเปลี่ยวร ้างด้วย
ก่อนหน้านี้เจียงซ่างเจินยกเก้าอี้มานั่งหน้าประตู มองดูเหมือน ชวนให้ขบขัน ทว่าเวลานี้พอหันไปเห็นว่าโจวอันดับหนึ่งนั่งขวางอยู่ หน้าประตู คล้ายกับกั้นขวางในห้องกับนอกห้องออกจากกัน กลับ รู ้สึกสบายตาขึ้นหลายส่วนแล้ว
ผู้ฝึกกระบี่เปลี่ยวร ้างสองคนด้านนอกที่มีคุณสมบัติมากพอจะได้ ครอบครอง “บัลลังก ์ราชาเก่า” มีเจียงซ่างเจินขวางเอาไว้ อย่างน้อย ก็คงไม่ถึงขั้นไม่พูดพร่าทาเพลงก็เข้ามาตวัดกระบี่ฟันส่งเดชหรอก กระมัง?
อันที่จริงเจียงซ่างเจินก็เคยถามเฉินผิงอันแล้วว่า แม่นางเซี่ยที่ บุกเบิกต าหนักฮว่อจิงเป็ นจวนที่พักอยู่ในดวงตะวันผู้นี้คงไม่ได้เป็ น ร่างจาแลงของแก่นแห่งไฟซึ่งเป็ นสายหนึ่งที่มหัศจรรย์ยิ่งของสรวง สวรรค์บรรพกาลหรอกกระมัง?
เหมือนกับการคาดเดาแรกเริ่มของเฉินผิงอันอย่างไม่มีผิดเพี้ยน
แต่ชิงถงเคยให้คาตอบที่นางแอบเลียบๆ เคียงๆ ถามมาจากหย่า งจื่อ ป๋ ายจิ่งมีชาติกาเนิดจากเผ่าปีศาจอย่างแท้จริง ไม่ใช่องค์เทพที่ กลับชาติมาเกิดในโลกมนุษย์
อีกทั้งหย่างจื่อยังแพร่งพรายข้อมูลอย่างหนึ่งบอกว่า เฟยเฟยที่ รับช่วงต่อดูแลล าคลองเย่ลั่ว หากอิงตามการแบ่งสายสืบทอดก็มี โอกาสสูงมากที่จะเป็ นลูกศิษย์ของลูกศิษย์ของป๋ ายจิ่ง
ซึ่งเหอคือคนสุดท้ายที่อ่านสมุดเล่มนั้น หลังจากอ่านแล้วก็ปิดลง เบาๆ วางฝ่ามือทับลงบนสมุด ยิ้มถามว่า “ราชครูเฉิน ทางฝั่งของกรม พิธีการมีความคิดว่าส านักศึกษาชุนซานของพวกเราจะขอเป็ นตัว ส ารองของเจ็ดสิบสองส านักศึกษาของศาลบุ๋นได้หรือไม่?”
ในการประชุมคราวก่อนเพิ่งจะมีการกาหนดเจ็ดสิบสองสานัก ศึกษาใหม่ไป ค าว่าตัวส ารองก็คือสามารถเข้าไปอยู่ในการพิจารณา ของศาลบุ๋น แต่จะได้เสริมตาแหน่งที่ว่างเมื่อไหร่กลับไม่มีกาหนดที่ แน่ชัด อีกทั้งการแข่งขันยังดุเดือดมากเป็ นพิเศษ ราชส านักใหญ่สิบ แห่งที่มีต้าหลีเป็ นหนึ่งในนั้นล้วนมีสานักศึกษาของทางการหลายแห่ง ที่เลื่อนไปอยู่ในอันดับของตัวสารองมานานแล้ว หากมีตาแหน่งว่าง ของส านักศึกษาแห่งใด ก็เท่ากับว่าส านักศึกษาสามสิบกว่าแห่งของ แต่ละราชส านักจะต้องเดินไปบนสะพานไม้ท่อนเดียวนี้ในเวลา เดียวกัน นอกจากนี้สานักศึกษาชุนซานยังมีปัญหาอีกข้อหนึ่ง เนื่องจากอยู่ใกล้กับสานักศึกษาหลินลู่มากเกินไป อีกทั้งจานวนผู้ รอบรู ้ที่สามารถสร ้างชื่อเสียงให้เลื่องลือไปทั้งใต้หล้าในส านักศึกษา ชุนซานก็มีน้อยเกินไป ประเด็นสาคัญคือทุกวันนี้ทางฝั่งสานักศึกษา ยังไม่มีเจ้าขุนเขา ผู้สอนหลักและผู้บรรยายที่มียศวิญญูชนเลยสักคน เดียว
จ้าวตวนจิ่นเจ้ากรมพิธีการเปิดปากเอ่ยว่า “เรื่องนี้มีความยากไม่ น้อยเลยจริงๆ”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “สานักศึกษาชุนซานจะเลื่อนเป็ นตัวสารอง ได้หรือไม่ ข้าไม่มีสิทธิ์พูดบางทีอาจต้องให้เว่ยซานจวินออกหน้า ดู ว่าจะสามารถเชิญให้อาจารย์ใหญ่ที่รับผิดชอบเป็ นผู้ด าเนินงานใน พิธีแต่งตั้งภูเขาพีอวิ๋นให้ไปช่วยสอนที่สานักศึกษาสักครั้งในช่วงเวลา อันใกล้นี้ได้หรือไม่”
เว่ยป้ อกล่าว “พูดได้แค่ว่าจะบากหน้าเอาเรื่องนี้ไปบอกต่อ อาจารย์ใหญ่ อาจารย์ใหญ่จะยินดีไปสอนที่สานักศึกษาชุนซาน หรือไม่ ข้าไม่กล้ารับประกันอะไร”
จิ้นชิง ฟ่านจวิ้นเม่าและเหมิงหรงหันมาสบตากัน แม้กระทั่งถงเหวิ นช่างก็ยังเงยหน้าขึ้นมามองเว่ยซานจวิน
เจ้าตัวดี ซานจวินอย่างพวกเรา ก่อนจะประชุมในวันนี้ แม้กระทั่ง เรื่องที่ฉายาเทพของตัวเองจะผ่านมติไปได้หรือไม่ก็ยังไม่รู ้ ในใจยัง เป็ นกังวลกันไม่คลาย
เจ้าเวยป้ อกลับดีนัก แม้กระทั่งอาจารย์ใหญ่ท่านนั้นก็ยังเคยเจอ กันมาก่อนแล้ว? โดยเฉพาะอย่างยิ่งแม้แต่เรื่องที่อาจารย์ใหญ่จะเป็ น ผู้ดาเนินงานพิธีแต่งตั้งภูเขาพีอวิ๋นก็รู ้มาก่อนล่วงหน้าแล้ว?
มีความสามารถมากขนาดนี้ ทาไมเจ้าเว่ยป้ อไม่ไปนั่งประชุมที่ ศาลบุ๋นแผ่นดินกลางโดยตรงเลยเล่า
ในใจของซานจวินทั้งหลายเปรี้ยวฝาด ในเรื่องนี้อันที่จริงเฉินผิง อันก็อัดอั้นอยู่มากเหมือนกัน
ข้าผู้อาวุโสอุตส่าห์โน้มน้าวปากเปียกปากแฉะด้วยความหวังดีว่า ให้เจ้าใช ้ฉายา “เย่โหยว” ถึงขั้นที่ว่ายังยกอาจารย์ของตนและเจ้า ลัทธิลู่มาพูดด้วย ตอนนั้นเจ้าเว่ยป้ อไม่เพียงแต่ไม่รับน้าใจ ยังโมโห
ใส่ข้าด้วย
ผลคือรอกระทั่งตอนเจออาจารย์ใหญ่ครั้งแรกแล้วเขาบอกว่า ฉายาเทพเย่โหยวดี เจ้าก็เปลี่ยนสีหน้าใหม่ทันที นี่คือเหตุผลที่คน กันเองพูดไม่ถือว่าเป็ นเหตุผลใช่ไหม?
เหอะ สืบสาวราวเรื่องกันแล้วก็ยังคงเป็ นเพราะข้าเฉินผิงอันต่า ต้อยคาพูดจึงไม่มีน้าหนักสินะ
เว่ยป้ อทาหน้านิ่งเฉย แสร ้งทาเป็ นไม่รับรู ้ว่าตัวเองเป็ นจุดรวม สายตาของคนในห้อง
เฉินผิงอันเอ่ยต่ออีกว่า “ข้าจะรับหน้าที่สอนหนังสือที่สานัก ศึกษาชุนซานชั่วคราว จะสอนวิชาการโจมตีและป้ องกันในสงคราม ตามประวัติศาสตร ์ของกาแพงเมืองปราณกระบี่โดยเฉพาะ แน่นอนว่า เรื่องนี้ยังต้องให้ทั้งฝ่ าบาท กรมพิธีการและสานักศึกษาชุนซาน ร่วมกันพิจารณาจนผ่านมติถึงจะได้”
เว่ยป้ อกล่าว “ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ภูเขาลั่วพั่ว อาจารย์ใหญ่ แนะน าด้วยตัวเองให้ราชครูเฉินรับต าแหน่งวิญญูชนของส านัก ศึกษา”
จ้าวตวนจิ่นยิ้มเอ่ย “เรื่องดีมาเป็ นคู่”
เสิ่นเฉิ นพลันเปิ ดปากเอ่ยว่า “ในเมื่อจะสอนเรื่องพิชัย ยุทธและการต่อสู้ การที่อาจารย์เฉินจะไปบรรยายที่สานักศึกษาชุน ซาน ย่อมเป็ นเรื่องดี แต่หากไปสอนที่ห้องเรียนซงเซวี่ยที่เพิ่งก่อตั้งได้ ใหม่ไม่กี่ปีของเหมี่ยนโจวเรากลับจะดูถูกต้องชอบธรรมมากกว่า อีก ทั้งไม่ต้องรอผลการประชุมอะไรด้วย เดิมที่ข้าก็เป็ นหัวหน้าโรงเรียนที่ แขวนชื่อไว้อยู่แล้ว ห้องเรียนซงเซวี่ยยังเป็ นองค์กรที่อยู่ใต้การ ปกครองของกรมกลาโหมโดยตรง สามารถตัดสินเรื่องนี้กันตอนนี้ได้ เลย รอให้การประชุมสิ้นสุด ข้าจะพาราชครูเฉินไปที่ระเบียงพันก้าว ตรอกหนันซวิน ไปถึงที่ว่าการกรมกลาโหมก็จะเขียนเอกสารรับ ต าแหน่งของราชครูเฉินให้ทันที ก็ไม่ต้องเป็ น “ผู้บรรยายชั่วคราว” ที่ ไม่มีต าแหน่งไม่มีหน้าตาอะไรแล้ว จะเป็ นรองหรือเป็ นหัวหน้า ห้องเรียนซงเซวี่ย ราชครูเฉินก็สามารถเลือกได้ตามสบาย”
เฉินผิงอันส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม “เรื่องนี้ไว้ค่อยประชุมกันอีกที”
เจ้ากรมผู้เฒ่าถามอย่างสงสัย “ไว้ค่อยประชุมอะไร หากไม่ตอบ ตกลงก็แค่ปฏิเสธ ราชครูเฉินจะต้องถ่วงเวลาให้อึดอาดล่าช ้าไปไย”
เฉินผิงอันกล่าว “ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะพูดอย่างชัดเจนเลยแล้วกัน ช่วงนี้ข้าจะรับหน้าที่ไปบรรยายชั่วคราวแค่ที่สานักศึกษาชุนซาน เท่านั้น”
ผู้เฒ่าอึ้งตะลึง ทาท่าจะพูดไม่พูด
จ้าวตวนจิ่นกลั้นขา ใครใช ้ให้เจ้าวางมาดผู้อาวุโสมาแย่งคนกับ
กรมพิธีการของข้าเล่า
เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “เจ้ากรมผู้เฒ่าอย่าด่าว่าข้าเป็ นคนต่างถิ่นนะ ข้าจาได้ว่าถ้าสวรรค์หลีจูถือว่าอยู่ในพื้นที่ของต้าหลีเก่ามาโดย ตลอด”
เจ้ากรมผู้เฒ่าสะอึกอึ้งพูดไม่ออก
ปีนั้นตัวชุยฉานเองยังไม่ถือสาอะไรเลย เจ้าที่เป็ นศิษย์น้องเล็ก ของซิ่วหูจะมาเปิดบัญชีเก่าทาไม แล้วยังเจ้าคิดเจ้าแค้นถึงเพียงนี้?
แต่เฉินผิงอันกลับเปลี่ยนหัวข้อพูดคุยแล้ว เขาเอ่ยว่า “ภูเขา เมฆาเรื่อง ตาหนักฉางชุนพรรคกระบี่หวงจู๋ นครมังกรเฒ่า ตัวส ารอง สานักเหล่านี้ พวกเราจะต้องให้ความช่วยเหลือภายใต้เงื่อนไขที่ สอดคล้องกับกฎระเบียบของศาลบุ๋น พยายามผลักดันให้พวกเขาได้ เลื่อนเป็ นสานักอย่างเป็ นทางการให้ได้มากที่สุด แน่นอนว่าคิดจะตี เหล็กตัวคนตีก็ต้องแข็งแรงก่อน พวกเขาเองก็ต้องมีคุณภาพมากพอ เหมือนกัน พวกเราถึงจะเพิ่มบุปผาลงบนผ้าแพรได้ขุนเขาสายน้า ของหนึ่งทวีป ยิ่งมีจานวนสานักมากเท่าไร และแต่ละแห่งอยู่ร่วมกัน
ได้อย่างปรองดอง โชคชะตาภูเขาสายน้าก็จะยิ่งมั่นคงมากเท่านั้น แผนการบนภูเขาเหล่านี้ก็คือวัตถุประสงค์อย่างหนึ่ง ควรเตรียมการ อย่างรอบคอบในเรื่องของกลศึก เตรียมการให้พร ้อมทุกด้านตั้งแต่ เนิ่นๆ ต้องตั้งสมมติฐานที่เลวร ้ายที่สุดในเรื่องยุทธศาสตร ์สมมติว่าจะ ยังมีสงครามใหญ่ครั้งที่สองเกิดขึ้นอีก”
ประโยคสุดท้ายนี้คนทั่วทั้งใต้หล้าไพศาล มีคนที่กล้าพูดอยู่แค่ ไม่กี่คนเท่านั้น
แค่พูดถึง “สงครามใหญ่” ครั้งนั้น ทุกคนก็หวาดผวากันไม่คลาย แล้ว
แต่ในรายชื่อนี้ของเฉินผิงอันกลับยังมีพรรคกระบี่หวงจู๋อยู่ด้วย นี่ ทาให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงจ านวนไม่น้อยประหลาดใจกันเป็ นทบทวี
ก่อนหน้านี้เห็นเฉินผิงอันมานั่งลง ความคิดแรกของพวกเขาก็ คือภูเขาตะวันเที่ยงต้องแบกรับผลลัพธ ์ที่ตามมาแล้ว
หรือว่าเมื่อได้เป็ นราชครูคนใหม่ก็เลยต้องเห็นแก่สถานการณ์ ใหญ่ ใช ้คุณธรรมตอบแทนความแค้น?
พอได้ยินเรื่องนี้ ไฟโทสะของฟ่านจวิ้นเม่าก็ยิ่งลุกโชนสามจั้ง เจ้า กับภูเขาตะวันเที่ยงยังพูดง่ายขนาดนี้ แต่กับข้ากลับจับผิดแม้แต่เรื่อง เล็กๆ น้อยๆ?
มีเพียงเว่ยป้ อเท่านั้นที่ยังคงมีสีหน้านิ่งสงบดังเดิม
ในห้องมีฉากบังลมขนาดใหญ่ยักษ์ชิ้นหนึ่งที่วาดเป็ นภาพของ ภูเขาสายน้าในทวีป ใช ้พู่กันสีชาดระบุชื่อของแคว้นทั้งหมดเอาไว้ และใช ้สีดาเขียนชื่อพรรค ชื่อสานัก
ทางทิศใต้ของฉีตู้แจกันสมบัติทวีป ส านักโองการเทพ ภูเขาเจิน อู่ สกุลเจียงอวิ๋นหลินล้วนเป็ นกองกาลังเก่าแก่ที่มีควันธูปสืบทอด
ต่อเนื่องยาวนาน
และยังมีหนึ่งวัดพุทธหนึ่งอารามเต๋าที่ต่างก็ถือเป็ นสานักเลื่อนขั้น ใหม่ของแจกันสมบัติทวีป บวกกับส านักศึกษาซานหยาในอาณา เขตต้าสุย รวมไปถึงสานักศึกษาหลินลู่ที่สร ้างอยู่บนภูเขาพีอวิ๋น ต่าง ก็เลื่อนติดอันดับเจ็ดสิบสองสานักศึกษาลัทธิขงจื๊อแล้ว ร่วมกันสร ้าง ความมั่นคงให้กับโชคชะตาของทวีป
ในบรรดานั้นก็มีวัดฉานก่วงฝูที่ก่อนหน้านี้จัดงานพิธีเลื่อนขั้นไป ครั้งหนึ่ง ทางฝั่งของภูเขาลั่วพั่วยังมอบกลอนคู่ให้ไปคู่หนึ่ง
ส่วนอารามเซี่ยนหลิงที่พื้นที่ประกอบพิธีกรรมตั้งอยู่ในภูเขาอวี้ เหล่ย แต่ไหนแต่ไรมาชื่อเสียงไม่เคยโดดเด่น นอกจากชาวบ้านใน พื้นที่ที่ไปกราบไหว้บูชาแล้ว ราชสานักของหลายแคว้นที่อยู่ใกล้เคียง ก็ไม่ค่อยให้ความสาคัญนัก สภาพการณ์ของอารามเต๋แห่งนี้ไม่ต่าง จากภูเขากานโจวก่อนจะเลื่อนเป็ นมหาบรรพตของทวีปสักเท่าไร ไม่ โดดเด่นสะดุดตากระทั่งถูกสกุลซ่งต้าหลีรับเข้ามาอยู่ในรายชื่อของ อารามที่ได้รับการบูชาอย่างถูกต้องตามธรรมเนียม โลกภายนอกถึง ได้รู ้จัก ดังนั้นรอกระทั่งอารามเซี่ยนหลิงเลื่อนเป็ นสานักอักษรจงคน
ทั้งบนและล่างภูเขาต่างก็มึนงง ไม่รู ้เลยว่าแจกันสมบัติทวีปมีเงินจวิน ลัทธิเต๋าโผล่มาตั้งแต่เมื่อไหร่
เจินจวินลัทธิเต๋าที่ศาลตั้งอยู่ตรงจุดเชื่อมต่อระหว่างภูเขาแม่น้า ท่านนี้มีฉายาสองอย่างซึ่งค่อนข้างพบเจอได้ยาก ได้แก่ ‘ชิงหยวน” และ “โซวซาน
เล่าลือกันว่าวันที่ท่านผู้นี้บรรลุมรรคาคือวันที่ยี่สิบสี่เดือนหก
เมื่อผู้ฝึกลมปราณต่างถิ่นที่ไปท่องเที่ยวที่นั่นมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ต่างก็พูดกันว่าเคยพบเห็นองค์เทพสวมเกราะทองใบหน้างดงาม ประหนึ่งหยกเหนือแม่น้าใหญ่ตรงตีนเขาที่มักจะมีควันสีเขียวลอยแผ่ ปกคลุมอยู่ตลอดทั้งปี เขาขี่ม้าขาว ถือดาบยาว นาขบวนเหล่านักล่า กลับขึ้นเขา ฟาดแส้พาดผ่านผิวน้า ขบวนรถยิ่งใหญ่เอิกเกริก มาก ด้วยอ านาจบารมี
หากจะพูดถึงรูปโฉมและกลิ่นอายความเป็ นเทพก็ไม่แพ้ให้กับเว่ย ซานจวินแห่งภูเขาพีอวิ๋นเลย
สิ่งที่ดึงดูดสายตาของผู้คนมากที่สุดก็คือท่านผู้นี้กุมอานาจ กว้างขวาง อีกทั้งยังไม่ถูกพันธนาการอยู่ใต้อาณัติของซานจวินแห่ง มหาบรรพตด้วย
นอกจากนี้ในอาณาเขตของราชวงศ์ป๋ ายซวงเก่า อารามหลิง เฟยพื้นที่ประกอบพิธีกรรมของเฉาหรงเทียนจวินลัทธิเต๋าก็ได้อาศัย
คุณความชอบเลื่อนจากอารามเป็ นตาหนักเลื่อนเป็ นสานักอักษรจง เจ้าต าหนักคนแรกของต าหนักหลิงเฟยคือเซียงจวิน ฉายาตั้งถิง
จานวนสานักในแจกันสมบัติทวีปทุกวันนี้เมื่อเปรียบเทียบกับ ทวีปใหญ่ทั้งหลาย ก็ไม่ถือว่ามีน้อยแล้ว
เฉินผิงอันยิ้มบางๆ “ข้ายังมีคาแนะนาที่อาจจะยังไม่สุกงอมดีนัก พูดถึงแค่ในอาณาเขตแคว้นต้าหลีของพวกเรา ทั่วทั้งอาณาเขตทาง ทิศเหนือของแจกันสมบัติทวีป การเลื่อนขั้นการลดขั้นของสานักจวน เซียนและสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาสายน้าให้ใช ้หลักการเดียวกันทั้งสอง ฝ่ าย ไม่ใช่ว่าได้เป็ นสานักอักษรจงแล้วก็จะเหนื่อยครั้งเดียวสบายไป ได้ตลอด หากท าความผิดร ้ายแรงก็อาจถูกถอดถอนยศส านักได้ เช่นกัน”
“ยกตัวอย่างเช่นต้าหลีสามารถช่วยให้พรรคกระบี่หวงจู๋ซึ่งเป็ น ภูเขาเบื้องล่างของภูเขาตะวันเที่ยงเลื่อนขั้นเป็ นสานักได้ เงื่อนไขก็ คือพวกเขาต้องสร ้างคุณความชอบไว้มากพอที่จะถูกบันทึกลงบน สมุดคุณูปการของศาลบุ๋น”
“ขณะเดียวกันก็สามารถถอดสถานะสานักของภูเขาตะวันเที่ยงที่ เป็ นสานักเบื้องบนได้”
ในห้องทรงพระอักษรตกสู่ความเงียบงันอีกครั้ง ราชครูเฉินช่างยกตัวอย่างได้ดีเหลือเกิน…
โชคดีที่วันนี้ไม่มีผู้ฝึกกระบี่ของภูเขาตะวันเที่ยงมาเข้าร่วมการ ประชุม
“นี่เป็ นเรื่องสาคัญ ถึงเวลานั้นกว่าเหรินกับราชครูเฉิน พร ้อมกับ ขุนนางหลักของหกกรมและเก้ามนตรีน้อยใหญ่จะปรึกษาความ เป็ นไปได้ของเรื่องนี้โดยเฉพาะอีกครั้ง บางทีสุดท้ายแล้วอาจยังต้อง เชิญให้ส านักศึกษาหลินลู่และส านักศึกษากวานหูมาร่วมหารือด้วย”
ซ่งเหอยิ้มเอ่ย “ต่อจากนี้พวกเรามาพูดถึงเรื่องตาแหน่งของเฉียน ถังจ่างที่ว่างอยู่กันก่อนเถอะ นอกจากตัวเลือกที่กรมพิธีการต้าหลี เสนอมาแล้ว ฉางชุนโหวกับหลินหลีป๋ อต่างก็มีตัวเลือกที่ตัวเองถูกใจ เจ้ากรมจ้าว เจ้ามอบเอกสารสามฉบับให้ทุกคนอ่าน พวกเรามาดูกัน ว่าใครที่เหมาะจะเป็ นเฉียนถังจ่างมากกว่า อ่านเอกสารกันไปแล้วก็ ให้เจ้ากรมจ้าวและโหวป๋ อสองท่านช่วยแนะน าให้ทุกคนฟังอีกรอบ จากนั้นทุกท่านอยากจะพูดอะไรก็เชิญตามสบาย คนที่รู ้จักสนิทสนม กันมาก่อนก็สามารถแนะน าคนรู ้จักของตัวเองได้”
เจ้ากรมพิธีการหยิบเอกสารออกมาสามฉบับ หนึ่งในนั้นก็มี ประวัติของเฉินเหวินเชี่ยนที่คนในห้องค่อนข้างให้ความสนใจอ่าน นานหน่อย เพราะต าแหน่งเทพร่างทองในศาลต่าที่สุด ชื่อเสียงก็น้อย ที่สุด เป็ นเหตุให้องค์เทพบางท่านรู ้จักแต่ลาคลองเที่ยวโป แต่ไม่รู ้จัก ว่าพ่อปู่ลาคลองก็คือเฉินเหวินเชี่ยน