กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1054.3 เคยมีคนพูด
ตัวเลือกที่จวนฉางชุนโหวเป็ นผู้เสนอในครั้งนี้คือเฉินเหวินเชี่ยน หากส าเร็จได้จริงก็เท่ากับว่าได้สร ้างวีรกรรมใหญ่ที่ก้าวกระโดดใน วงการขุนนางภูเขาสายน้าทีเดียวถึงสามขั้นบันได
ดังนั้นหยางฮวาจึงไม่มีความหวังใดๆ ในเรื่องนี้
ย้อนกลับมามองชื่อที่เฉาหย่งหลินหลีป๋ อเป็ นผู้เสนอ เห็นได้ชัด ว่ามีหวังจะผ่านมติการประชุมของราชส านักต้าหลีมากกว่า อย่าง น้อยที่สุดก็สามารถแข่งขันกับตัวเลือกที่กรมพิธีการต้าหลีเป็ นผู้ เสนอมาได้
หนึ่งเพราะเดิมทีเฉาหย่งก็เคยเป็ นเฉียนถังจ่างมาก่อน ราช ส านักต้าหลีต้องมีการพิจารณาในข้อนี้
นอกจากนี้การเลื่อนขั้นที่เป็ นไปตามลาดับขั้นตอนฝ่ ายใน ประเภทนี้ก็สอดคล้องกับกรณีทั่วไปของวงการขุนนางภูเขาสายน้า มากกว่า
จากเอกสารที่ระบุไว้ เฉินเหวินเชี่ยนคือหูจวินคนแรกของ ทะเลสาบเหล่าอวี๋ ตอนมีชีวิตอยู่เคยเป็ นเซวี่ยเจิ้งในหลายจังหวัดของ แคว้นใต้อาณัติต้าหลี ภายหลังเนื่องจากเชี่ยวชาญเรื่องเศรษฐกิจและ การปกครองจึงหันไปรับหน้าที่เป็ นขุนนางด้านการขนส่ง เคยดูแลขุด ลอกและเปิ ดเส้นทางขนส่งทางน้าและการสร ้างคลังเก็บเสบียง
ภายหลังก็กุมอานาจเต็มที่ในเรื่องของการปลดขุนนางชั้นผู้น้อยและ เจ้าหน้าที่ที่เป็ นส่วนเกิน เปลี่ยนจากรองเจ้ากรมโยธาไปเป็ นรอง เจ้ากรมขุนนาง สุดท้ายรับต าแหน่งเป็ นเจ้ากรมพิธีการ เพียงแต่ว่า เป็ นอยู่ได้ไม่กี่วันก็ลาออกจากต าแหน่งกลับบ้านเกิด หลังจากเฉินเห วินเชี่ยนตายไปก็ถูกราชสานักแต่งตั้งสมัญญานามย้อนหลังให้เป็ น ราชครูของรัชทายาท ชื่อยศว่าเหวินตวน เรียกได้ว่ามีเกียรติอย่างถึง ที่สุด แต่รอกระทั่งเฉินเหวินเชี่ยนที่ได้รับความรักความเคารพจาก ชาวบ้านอย่างลึกซึ้งตายไป ชาวบ้านของที่บ้านเกิดก็ระดมเงินทุน สร ้างศาลบูชา เฉินเหวินเชี่ยนที่ได้รับควันธูปจึงกลายมาเป็ น วิญญาณวีรบุรุษที่ปกปักษ์พิทักษ์พื้นที่แห่งหนึ่ง ตามหลักแล้วก็ควร จะได้เลื่อนขั้นเป็ นเทพอภิบาลเมืองของจังหวัดหรือแม้กระทั่งเป็ นเทพ อภิบาลเมืองประจ าเมืองหลวงถึงจะถูก แต่เฉินเหวินเชี่ยนกลับถูก หยวนไหว้หลางของกรมพิธีการคนหนึ่งที่ราชสานักส่งตัวมา มา แต่งตั้งให้เป็ นพ่อปู่ลาคลองเล็กๆ ของลาคลองเที่ยวโป หลังจากนั้นก็ ไม่เคยได้เลื่อนขั้นอีกเลย
อ่านมาถึงตรงนี้ ในใจของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในห้องก็เข้าใจแจ่ม แจ้งแล้ว
อันที่จริงการเลื่อนขั้นในวงการขุนนางของเฉินเหวินเชี่ยนนั้น ชัดเจนมาก จักรพรรดิแคว้นเล็กแห่งนั้นจงใจผลักให้เฉินเหวินเชี่ยน เป็ น “คนชั่ว” พูดถึงแค่เรื่องของการปลดเสมียนผู้น้อยก็เท่ากับว่า เฉินเหวินเชี่ยนสร ้างความขุ่นเคืองให้กับคนมากมายในวงการขุนนาง
ฮ่องเต้ก็ย่อม “คล้อยตามความต้องการของปวงประชา” ข้ามแม่น้ารื้อ สะพาน ปลดโม่ฆ่าลาต่อเฉินเหวินเชี่ยน ให้เฉินเหวินเชี่ยนเป็ น เจ้ากรมพิธีการอยู่แค่ไม่กี่วัน ถือเป็ นการยกระดับสิทธิพิเศษในวงการ ขุนนางหลังจากเกษียณให้สูงขึ้นหนึ่งชั้น เมื่อเป็ นเช่นนี้ก็ถือว่ามี ค าอธิบายต่อเฉินเหวินเชี่ยนที่ต่อให้ไม่มีคุณความชอบก็มีคุณความ เหนื่อยยากแล้ว สาหรับศัตรูทางการเมืองในราชส านักของตัวเฉินเห วินเชี่ยนเองก็ยิ่งเป็ นคาอธิบายที่ทุกคนพอใจ
เรื่องไม่คาดฝันเพียงหนึ่งเดียว บางทีอาจเป็ นเรื่องที่เฉินเหวิน เชี่ยนกลายเป็ นวิญญาณวีรบุรุษของศาลเถื่อนในท้องถิ่นได้ ราช ส านักยังมีขุนนางผู้มีคุณูปการรุ่นเดียวกันที่ยังมีชีวิตอยู่ หรือไม่ก็ พวกขุนนางชั้นผู้น้อยที่จะมาแทนที่ตาแหน่งสาคัญในวงการขุนนาง ของพวกเขาแน่นอนว่าย่อมไม่ต้องการให้เฉินเหวินเชี่ยนก้าวหน้าใน วงการขุนนางภูเขาสายน้าได้ พ่อปู่ ล าคลองเฉินจึงเป็ นได้แค่พ่อปู่ล า คลองเฉินไปตลอดกาล
แจกันสมบัติทวีปที่นอกเหนือจากราชสานักต้าหลี บวกกับแปด ทวีปแห่งไพศาลนอกจากแจกันสมบัติทวีป วิธีการเช่นนี้ในวงการขุน นางมีมากมายนับไม่ถ้วน
ประสบการณ์ชีวิตหลังจากนั้น เฉินเหวินเชี่ยนก็ค่อนข้างจะมี โชคในหน้าที่การงานแล้วลาคลองเที่ยวโปเป็ นเพื่อนบ้านกับสันเขา เตี๋ยอวิ๋น ก่อนหน้านี้ต่างก็อยู่ในเขตการปกครองของฉางชุนโหวแห่ง นี้ตู้ เนื่องจากลาคลองเที่ยวโปมีการเปลี่ยนเส้นทาง เปลี่ยนไปเป็ น
ทะเลสาบเหล่าอวี๋ เฉินเหวินเชี่ยนก็ได้กลายไปเป็ นหูจวิน เท่ากับว่า เลื่อนขั้นติดกันสองขั้นเปลี่ยนจากพ่อปู่ ลาคลองไปเป็ นเทพขั้นเจ็ด ชั้นโท ต่อจากนั้นเฉินเหวินเชี่ยนก็ได้รับคาแนะนาจากหยางฮวาฉาง ชุนโหวให้ไปรับหน้าที่ในกรมโยธาเมืองหลวงสารองต้าหลี สุดท้ายใช ้ สถานะของหูจวินควบต าแหน่งหยวนไหว้หลางแห่งกรมวารีเมืองหลวง ส ารอง เพียงแต่ว่าทุกเดือนเฉินเหวินเชี่ยนจะต้องไปขานชื่อในที่ว่า การกรมโยธาของเมืองลั่วจิง จะได้กลับไปยังจวนหูจวินเมื่อไหร่ก็ต้อง ดูที่กระบวนการส่งมอบงานที่เป็ นรูปธรรมของกรมโยธา
เป็ นแค่หูจวินขั้นเจ็ดชั้นเอกที่ถือว่าได้เลื่อนขั้นเป็ นกรณียกเว้น ทั้งยังเป็ นหูจวินได้แค่ไม่กี่วัน ก็คิดอยากจะรับตาแหน่งเฉียนถังจ่าง ขั้นสามชั้นเอก นี่จะเป็ นการเพ้อฝันของคนปัญญาอ่อนเกินไปหน่อย
หรือไม่?
ไม่ว่าจะอย่างไร สามารถถูกยกมาประชุมในห้องทรงพระอักษร ของต้าหลีได้ ก็ถือว่าเฉินเหวินเชี่ยนได้ถูกจดจาไว้ในใจฮ่องเต้แล้ว
ดูท่าหยางฮวาฉางชุนโหวจะให้ความส าคัญกับลูกน้องใต้อาณัติ ผู้นี้อย่างไม่ธรรมดาเสียแล้ว
นี่เรียกว่าขุนนางใหญ่หนึ่งขั้นกดทับคนตาย มีเส้นสายในราช ส านักก็เป็ นขุนนางได้ง่าย
หลังจากนั้นจ้าวตวนจิ่น หยางฮวาและเฉาหย่งต่างก็แยกกัน แนะนาตัวเลือกทั้งสามซึ่งเป็ นคนของตัวเองเพิ่มเติม
ระหว่างนี้ฉางชุนโหวพูดน้อยที่สุด นางเอ่ยแค่สองสามประโยคก็ บอกเล่าสถานการณ์ของเฉินเหวินเชี่ยนจบแล้ว
เหมิงหรงพูดขึ้นก่อนว่า “เฉียนถังจ่างเป็ นตาแหน่งสาคัญ คือ ตาแหน่งเทพขั้นสามชั้นเอก มีจ านวนน้อยมากในแต่ละอาณาเขต ของหนึ่งทวีป สองฝากฝั่งของแม่น้าเจ๋อสุ่ย (อีกชื่อหนึ่งของแม่น้า เฉียนถัง) เป็ นแหล่งก าเนิดวัฒนธรรม นับแต่โบราณมาก็คือสถานที่ที่ เป็ นถิ่นก าเนิดของอัจฉริยะบุคคล โชคชะตาบุ๋นเข้มข้น อู่อวิ๋นเทพ วารีแม่น้าเจ้อเจียงคนปัจจุบัน ทุกวันนี้เขาเป็ นขั้นสี่ชั้นเอกในทาเนียบ หยกทองของศาลบุ๋น ข้ามไปขั้นสามชั้นโท รับหน้าที่เป็ นเฉียนถังจ่าง ก็ไม่ถือว่าเกินกว่าเหตุ”
ถงเหวินช่างเปิดปากเอ่ยว่า “ข้าคิดต่างจากเหมิงซานจวิน ขอ แนะนาเฉินเหวินเชี่ยน”
เว่ยป้ อยิ้มกล่าว “ไม่สนิทกับใครทั้งนั้น ดูแค่จากหน้ากระดาษก็ แยกสูงต่าไม่ออก ต่างคนต่างก็มีข้อดี”
พูดก็เหมือนไม่ได้พูด
ฟ่ านจวิ้นเม่ากล่าว “แม้แต่เว่ยซานจวินยังไม่สนิท ข้าก็ยิ่งไม่รู ้ อะไรเลย”
จิ้นชิงเอ่ย “อู่อวิ๋นเทพวารีแม่น้าเจ๋อเจียงมีนิสัยแข็งกร ้าว แล้วยัง เป็ นขุนนางผู้ช่วยเฉียนถังจ่างมานาน แม่น้าสองสายเดิมทีก็มีต้น
กาเนิดเดียวกัน ธาตุน้าเชื่อมโยงกันได้อย่างเป็ นธรรมชาติ ค่อนข้าง
เหมาะกับการมารับตาแหน่งที่ว่างอยู่นี้” เจ้ากรมผู้เฒ่ากรมกลาโหมยิ้มเอ่ย “ดังนั้นในประวัติศาสตร ์ถึงได้
ต้องสร ้างเจดีย์สูงไว้สยบน้าขึ้นอย่างไรเล่า” เฉาหย่งมีสีหน้ากระอักกระอ่วน เฉินผิงอันถาม “เจ้ากรมจ้าว ทางฝั่งของกรมโยธาต้าหลีมีประวัติ
และค าประเมินในกรมโยธาเมืองหลวงสารองของเฉินเหวินเชี่ยนอยู่
หรือไม่ หากว่ามี วันนี้ก็สามารถเอาออกมาอ้างอิงได้” จ้าวตวนจิ่นยิ้มเอ่ย “มี จะเอามาให้เดี๋ยวนี้” เฉินผิงอันพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนเจ้ากรมจ้าวสั่งให้คน
เอามาดูเดี๋ยวนี้เลย”
ฟ่านจวิ้นเม่าเอนหลังพิงเก้าอี้ เป่าลมออกจากปากเบาๆ เทียบกับ การพ่นเสียงหัวเราะอย่างไม่ปิดบังอาการแล้วก็ดีกว่าแค่เล็กน้อย
ราชครูเฉินอย่างเจ้าพูดถึงขนาดนี้แล้ว ทุกคนที่นั่งอยู่ก็ไม่ใช่คน โง่เสียหน่อย จะยังต้องหารืออะไรกันอีกเล่า จะเปลืองน้าลายไปไย ให้ เฉินเหวินเชี่ยนเป็ นเฉียนถังจ่างโดยตรงไปเลยสิ
หากไม่เป็ นเพราะสถานที่ไม่เหมาะสม เจียงซ่างเจินที่นั่งอยู่ ตรงหน้าประตูก็อยากจะยกนิ้วโป้ งให้ซานจวินหญิงท่านนี้จริงๆ
จ้าวตวนจิ่นลูบป้ ายหยกตรงเอว จากนั้นสะบัดชายแขนเสื้อหนึ่งที เบื้องหน้าก็มีที่ว่าการมากมายที่อยู่ในตรอกเคอเจี่ย ตรอกหนันซวิน ซึ่งตั้งอยู่สองฝากฝั่งของระเบียงพันก้าวปรากฏขึ้นใน “รูปแบบจาลอง ไม้ขนาดเล็ก’ เห็นเพียงว่าเจ้ากรมพิธีการที่ไม่ใช่ผู้ฝึกลมปราณท่าน นี้เคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว ภาพเหตุการณ์ก็เปลี่ยนไปอย่าง ต่อเนื่อง เพียงไม่นานเขาก็ท าเหมือนหยิบเอาของผ่านอากาศมาจาก ห้องเก็บเอกสารของ “ที่ว่าการกรมพิธีการ” บ้านตน หยิบเอาบันทึกที่ เก็บเข้ารูปเล่มของกรมโยธาในเมืองหลวงสารองที่เกี่ยวกับเฉินเหวิน เชี่ยนออกมา จากนั้นจ้าวตวนจีนก็ใช ้นิ้วเคาะแผ่นหยกหนึ่งที ภาพ เหตุการณ์นี้ก็สลายหายไป มีเพียงเอกสารฉบับนั้นที่ยังเหลืออยู่บน มือของเจ้ากรมพิธีการ
เฉินผิงอันถึงได้รู ้ว่าที่แท้การประชุมเล็กในห้องทรงพระอักษรยัง สามารถทาแบบนี้ได้ด้วย ประหยัดแรงและประหยัดเวลาได้อย่าง แท้จริง
ในห้องส่งต่อบันทึกฉบับนี้เวียนกันอ่านอีกครั้ง ก่อนหน้านี้เหล่า องค์เทพที่นั่งอยู่รู ้แค่ว่าเฉินเหวินเชี่ยนทาเรื่องที่เป็ นรูปธรรมในกรม โยธาเมืองหลวงสารอง แต่มีคุณความชอบที่เป็ นรายละเอียดอย่างไร บ้าง รวมไปถึงท าส าเร็จได้อย่างไร พวกเขากลับไม่รู้เลย แต่พออ่าน เอกสารที่จ้าวตวนจิ่นเพิ่งจะ “ย้ายมา” ฉบับนี้ ทุกอย่างกลับกระจ่าง แจ้ง มีการบันทึกถึงค าแนะนาทุกข้อที่เฉินเหวินเชี่ยนเสนอในฐานะ ของหยวนไหว้หลางแห่งกรมวารี ควรจะขยับขยายเส้นทางน้าอย่างไร
บุกเบิกน่านน้าสาขาแยกให้กว้างขวางและเปลี่ยนเส้นทางแม่น้าล า คลองอย่างไร ควรจะท าการ “ผสานมังกร’ อย่างไร…บวกกับผลการ ตรวจสอบและผลการประเมินจากขุนนางทั้งหลายในกองงานต่างๆ ของกรมโยธา
เฉินผิงอันเอ่ยเนิบช ้าว่า “วันหน้าวิญญาณวีรบุรุษ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ของศาลบุ๋นบู๊และศาลเทพอภิบาลเมืองในวงการขุนนางภูเขาสายน้า ของต้าหลีที่เป็ นขั้นห้าและขั้นห้าลงมา ยังคงใช ้กฎระเบียบในการ เลื่อนขั้นตามเดิมไม่เปลี่ยน เคารพในหลักการดั้งเดิม แต่การเลื่อน ขั้น ขององค์เทพที่เป็ นขั้นห้าขึ้นไป นอกจากกรณีพิเศษบางอย่าง แล้ว โดยทั่วไปจะเป็ นการคัดเลือกคนจากนอกฝ่ ายให้มารับต าแหน่ง แทน นอกจากข้อห้ามที่ขัดแย้งกันระหว่างภูเขากับสายน้าซึ่งเทพวารี กับเทพภูเขามิอาจแลกเปลี่ยนสถานะกันแล้ว ศาลเทพอภิบาลเมือง ทุกระดับซึ่งรวมทั้งในเมืองหลวง ในจังหวัด ในเขตการปกครองและ อ าเภอ บวกกับศาลบุ๋นบู๊ล้วนสามารถหมุนเวียนกับเทพภูเขาเทพวารี ของที่อื่นได้ หลักการเดียวกัน ฝ่ ายหลังก็สามารถเข้ามาแทนที่ ตาแหน่งที่ว่างอยู่ของฝ่ายแรกได้”
“นี่ก็เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดสถานการณ์สุดโต่งสองอย่าง หาก ไม่เกาะกลุ่มสามัคคีต่างคนต่างก่อตั้งภูเขาของตัวเอง รายงานแต่เรื่อง ดีไม่รายงานเรื่องร ้าย ที่ว่าการแต่ละแห่งเอาแต่จับจ้องผลประโยชน์ ของตัวเอง ไม่อย่างนั้นก็เป็ นการขัดแย้งกันภายในเป็ นระยะเวลา ยาวนาน เอาความคิดจิตใจทั้งหมดไปทุ่มเทอยู่กับการแย่งชิง
ผลประโยชน์ ระหว่างเพื่อนร่วมงานมีการปัดแข้งปัดขากันเอง เป็ น เหตุให้ใครที่ทามากก็ผิดมาก มีการเปิดโปงความลับระหว่างกรมขุน นางของราชส านักกับจวนซานจวินห้ามหาบรรพต ฟ้ องร ้องกันจน กลายเป็ นธรรมเนียม”
“น้าไหลย่อมไม่เน่าเสีย บานประตูที่ยังพับได้ย่อมไม่ผุพัง ใน วงการขุนนางภูเขาสายน้า ผู้ที่มีระดับขั้นเหนือขั้นห้าขึ้นไปก็ต้อง เคารพกฏที่ขุนนางในราชสานักมิอาจรับต าแหน่งอยู่ในมาตุภูมิเดิม ทุกครั้งที่มีกรณียกเว้นจะต้องมีการจดลงบันทึกของกรมพิธีการและ กรมขุนนางต้าหลี ผู้ที่เป็ นคนแนะนา ผู้ที่เห็นพ้อง ผู้ที่เห็นต่าง ล้วน ต้องเขียนระบุไว้ให้ชัดเจน เพื่อสะดวกให้ตรวจสอบในวันหลัง”
“หากหลังจบเรื่องพิสูจน์ให้เห็นว่าผู้ที่แนะนามีคุณความชอบ จะ ไม่มีรางวัลให้ เพราะนี่ถือเป็ นการทาตามหน้าที่ที่พึงกระทาเท่านั้น แต่ หากการแนะน าผิดพลาด ต้องลงโทษเพราะถือว่าเป็ นความบกพร่อง ต่อหน้าที่ มีคนบอกว่าเรื่องที่ง่ายดายที่สุดในใต้หล้าแห่งนี้ก็คือการ เป็ นขุนนาง คนนอกไม่เห็นเป็ นส าคัญ สามารถเข้าใจประโยคนี้ได้ ง่ายๆ แต่ในเมื่อต่างก็พูดกันว่าทุกสิ่งอย่างล้วนต่าต้อย มีเพียง การศึกษาเล่าเรียนที่สูงส่ง อีกทั้งนับแต่โบราณมาคนที่ผลการเรียนดี ก็มักจะได้เป็ นขุนนาง ข้าก็อยากจะเห็นนักว่าการเป็ นขุนนางนั้นง่าย แค่ไหนกันแน่ ยกตัวอย่างเช่นวันนี้ฉางชุนโหวแนะนาให้เฉินเหวิน เชี่ยนมารับหน้าที่เป็ นเฉียนถังจ่าง สมมติว่าผ่านมติประชุมได้รับ หน้าที่นี้ ใครก็ตามที่วันนี้เห็นพ้องด้วย แม้แต่ตัวข้าเฉินผิงอันเอง วัน
หน้าหากเฉินเหวินเชี่ยนทุจริตในหน้าที่ เพิกเฉยไม่ทางาน เบียดบัง ผลประโยชน์ส่วนรวมมาใช ้เป็ นผลประโยชน์ส่วนตน ฯลฯ พวกเราทุก คนล้วนต้องมีส่วนรับผิดชอบ จะต้องอิงตามธรรมเนียมเดิมที่ราชครู ชุยฉานก าหนดไว้ ต้องมาค านวณบวกลบกันให้ดีๆ”
“นอกจากนี้เรื่องของการฟ้ องร ้องในวงการขุนนางภูเขาสายน้า จะต้องแจ้งชื่อจริง แต่ในขณะเดียวกันจวนซานจวินห้ามหาบรรพต และจวนโหวป๋ อของลาน้าใหญ่ รวมไปถึงศาลเทพอภิบาลเมืองใน ระดับจังหวัดที่เป็ นผู้จัดการคดีความ ที่ว่าการที่มีหน้าที่ตรวจสอบ ผลงานและข้อผิดพลาดจะต้องมีการสืบสวนให้ถึงที่สุด ไม่กลัวว่า จะต้องพลิกเปิดบัญชีเก่าสามารถตรวจสอบย้อนไปได้ไกลถึงหนึ่งพัน ปีก่อน ถึงขั้นที่ว่าขอแค่ตรวจสอบเจอเอกสารคดีของเมื่อหลายร ้อยปี ก่อน ก็ต้องตรวจสอบไปให้ถึงเมื่อหลายร ้อยปีก่อน ดังนั้นนับแต่วันนี้ ไปจะไม่มีข้อพิถีพิถันในวงการขุนนางที่บอกว่าไม่เอาโทษกับการ กระท าความผิดในอดีตอีกต่อไป และหลังจากเกิดเหตุก็ยังต้องจับตา มองไปอีกอย่างน้อยหนึ่งร ้อยปี สิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาสายน้าบางท่าน ที่ถูกลูกน้องหรือเพื่อนร่วมงานฟ้ องร ้อง หากกล้าข่มขู่ใช ้อ านาจ ส่วนตัวแก้แค้น หรือเปลี่ยนวิธีการมาสร ้างปัญหาให้กับใคร หากถูก จับได้ อีกทั้งพวกเขายังมิอาจพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง ถ้าอย่าง นั้นก็จะเพิ่มโทษทัณฑ์ไปอีก ให้ลงโทษสถานหนักทุกกรณีกรมพิธี การ กรมขุนนางและกรมอาญาของราชส านักต้าหลีจะร่วมมือกัน ก่อตั้งองค์กรใหม่แห่งหนึ่งขึ้นมา อย่างน้อยที่สุดที่ว่าการทั้งสามกรม
จะต้องส่งรองเจ้ากรมคนหนึ่งให้ออกหน้ามาดูแลเรื่องนี้ควบคู่ไปด้วย ห้ามหาบรรพต ลาน้าใหญ่และศาลเทพอภิบาลเมืองในเมืองหลวง จะต้องให้ขุนนางหลักของหนึ่งกองงานมาขานชื่อและเข้าประชุมใน ที่ว่าการของเมืองหลวงตามเวลาที่กาหนด ร่วมกันรับผิดชอบ ตรวจสอบเอกสารที่เกี่ยวข้อง”
เฉาหย่งลังเลเอยู่เล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เสนอความเห็นต่าง ใดๆ ในเมื่อเป็ นการทาเรื่องส่วนรวม เขาก็ไม่สะดวกที่จะพูดแทน สหายรักอู่อวิ๋นมากนัก
อีกทั้งวันนี้เฉินผิงอันใช ้สถานะของราชครูต้าหลีมาเข้าร่วมการ ประชุมเป็ นครั้งแรก เฉาหย่งคุ้นเคยกับวิธีการในวงการขุนนางเป็ น อย่างดี จึงไม่สะดวกที่จะเปิดปากโต้แย้งจริงๆ
แล้วนับประสาอะไรกับที่เฉินผิงอันเองก็ว่าไปตามเรื่อง ไม่เพียงแต่ จัดการเรื่องตาแหน่งที่ว่างอยู่ของเฉียนถังจ่างเท่านั้น ยังเกี่ยวพันไป ถึงกฎใหม่ในวงการขุนนางของภูเขาสายน้าต้าหลีด้วย
วันนี้ลาพังแค่ประโยคเรียบง่ายที่ว่า “น้าไหลย่อมไม่เน่าเสีย บาน ประตูที่ยังพับได้ย่อมไม่ผุพัง” ก็สามารถสร ้างความสุขและความทุกข์ ให้กับวงการขุนนางภูเขาสายน้าของต้าหลีไปได้อีกนานร ้อยปีพันปี แล้ว
ส่วนหัวข้ออภิปรายอีกหัวข้อนั้น เฉาหย่งก็ยิ่งไม่กล้ามีเอี่ยวด้วย แล้ว
นอกจากเฉาหย่ง อันที่จริงองค์เทพแทบทุกองค์ที่นั่งอยู่ที่นี่ต่างก็ รู ้สึกปวดหัวกันมาก
หากราชสานักต้าหลีมีที่ว่าการใหม่เอี่ยมที่ยังไม่ได้ตั้งชื่อแห่งนั้น เพิ่มมาจริงๆ ก็หมายความว่ามือที่ยื่นออกไปของราชสานักจะยาวยิ่ง กว่าเดิมแล้ว
แต่ขณะเดียวกันเฉินผิงอันก็เสนอเรื่องของการโยกย้าย หมุนเวียนของสิ่งศักดิ์สิทธิ์แต่ละฝ่ าย ส าหรับวงการขุนนางภูเขา สายน้าแล้วก็ถือว่าเป็ นข่าวดีที่ไม่เล็กอีกข่าวหนึ่ง
ถงเหวินช่างพลันถามค าถาม “ราชครูเฉิน หากเป็ นการมองคน ไม่ออก ใช ้งานคนผิดพวกเราทุกคนที่นั่งอยู่ล้วนต้องรับผิดชอบ ถ้า อย่างนั้นฮ่องเต้ล่ะ? จะวางตัวอยู่นอกสถานการณ์ตลอดได้หรือ?”
ฟ่านจวิ้นเม่าหัวเราะดังหึ
ชาวนาเฒ่าที่ใบหน้าอมทุกข์ผู้นี้พูดจาน่าฟังนัก ไม่เหมือน บัณฑิตชุดเขียวที่ปักปิ่นหยกบางคน
เฉินผิงอันเอ่ยด้วยน้าเสียงเรียบเฉย “ราชสานักก็มีกฎให้ปฏิบัติ ตามเช่นเดียวกัน”
ซ่งเหอยิ้มกล่าว “ขอแค่ความผิดสะสมมีมากเข้าก็ไม่มีการท า ความดีชดใช ้ความผิดให้กล่าวถึง กว่าเหรินต้องออกพระราชโองการ ต าหนิตัวเอง”
ถุงเหวินช่างพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นข้าก็ไม่มีคาถามแล้ว”
ถงซานจวินลูบคล ากระบอกยาสูบตรงเอวตามจิตใต้ส านึก
เมื่อหนึ่งร ้อยปี ก่อน กิจธุระทุกอย่างบนภูเขาล้วนอิงตาม กฎเกณฑ์ทั่วไปของห้องทรงพระอักษรต้าหลี แทบจะเป็ นราชครูชุย ฉานที่มีสิทธิ์ขาดคนเดียว
พูดถึงแค่อดีตฮ่องเต้ต้าหลีจนมาถึงซ่งเหอฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน แม้ว่าพวกเขาจะรู ้ก่อนใคร แต่ก็แค่รู ้ก่อนเท่านั้น
ยกตัวอย่างเช่นหัวข้อการประชุมที่ยกมาพูดทั้งหมดในวันนี้ อันที่ จริงเฉินผิงอันได้บอกกล่าวให้กับฮ่องเต้ซ่งเหอรู ้ตั้งแต่ตอนที่อยู่ใน โรงเรียนอ าเภอสุ้ยอันแล้ว ทั้งสองฝ่ ายพูดคุยกันอย่างละเอียดพลาง เดินเล่นกันไปด้วย เฉินผิงอันอธิบายว่าทาไมต้องทาแบบนี้ ข้อดี ข้อเสียมีอะไรบ้าง ผลประโยชน์ในระยะสั้นและความน่ากังวลในระยาว รวมไปถึงวิธีรับมือภายหลังที่สอดคล้องต้องกัน ควรจะตรวจสอบ ชดเชยช่องโหว่ในแต่ละขั้นตอนที่แตกต่างกันอย่างไรควรจะเปลี่ยน กลยุทธอย่างไร เฉินผิงอันล้วนอธิบายไปแล้วทั้งหมด
เฉินผิงอันไม่รู ้ว่าศิษย์พี่ชุยฉานเป็ นราชครูอย่างไรกันแน่ แล้ว ตอนที่อยู่ร่วมกับฮ่องเต้ต้าหลีในยุคต่างๆ เขาวางตัวอย่างไร
เขาแค่ปฏิบัติต่อคนอื่นด้วยความจริงใจเท่านั้น
“ยากก็ยากตรงที่ความสาเร็จและความล้มเหลวมีสาเหตุที่ สัมพันธ ์กัน ไม่มีหลักการเหตุผลที่มั่นคงแน่นอน แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีวิธี
แก้ปัญหา จะบอกว่าง่ายก็ง่าย นั่นคือคอยแก้ไขความผิดพลาดอย่าง ต่อเนื่อง จะบอกว่ายากก็ยากราวเดินขึ้นสวรรค์ หากปัญหาใดๆ ก็ ตามที่เกิดต่อแคว้น ราชส านักและระหว่างเจ้าเหนือหัวกับขุนนาง ล้วนเป็ นปัญหาที่สามารถคลี่คลายได้ คาว่าชะตาแคว้นขาดสะบั้นจะ มาจากไหน จะมีการผลัดเปลี่ยนราชวงศ์ได้อย่างไร ดังนั้นไม่ใช่ว่าพอ เป็ นกฎที่ศิษย์พี่ชุยตั้งเอาไว้แล้วจะต้องไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ไป”
“หากกลยุทธข้อหนึ่งไม่เหมาะสมที่จะนามาใช ้อีกต่อไป ถึงขั้น ที่ว่าปรับแก้ในรายละเอียดและแก้ไขในโครงสร ้างแล้วก็ยังมิอาจแก้ จุดสาคัญซึ่งเป็ นปมของปัญหาบางอย่างได้ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยไม่ได้ ได้แต่ผลักให้ล้มแล้วสร ้างขึ้นใหม่ เป็ นการแก้ไขความผิดเหมือนกัน ก็หนีไม่พ้นว่าต้องทุ่มแรงมากกว่าเดิมก็เท่านั้น