กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1055.2 ก็คือมาตุภูมิ
ฟู่ เต๋อชงถามอย่างระมัดระวังว่า “ได้ยินว่าราชครูเฉินรู ้จักกับเจ้า ลัทธิลู่มานานแล้ว?”
เฉิ นผิงอันยิ้มเอ่ย “แบ่งแยกบุญคุณความแค้นชัดเจน ความสัมพันธ ์นับว่าไม่เลว”
ฟู่เต๋อชงรู ้สึกอิจฉายิ่งนัก
ถงเหวินช่างเปิ ดปากถามอย่างที่หาได้ยาก “เทพภูเขาฟู่ ต้น จันทน์โบราณบนภูเขาผูซานของพวกเจ้า ตอนนี้ยังมีไม้เหลือบ้าง หรือไม่? ช่วงนี้ภูเขาสู่เจี่ยวและภูเขาหลวนซานต่างก็ต้องบุกเบิกจวน รีบใช ้ไม้เซียนอย่างเร่งด่วน ขาดอีกประมาณเกือบหมื่นจิน ทางฝั่ง ของเขตอจี้จางหงโจว ทุกวันนี้ศูนย์ตัดต้นไม้ควบคุมอย่างเข้มงวด คาดหวังอะไรไม่ได้ ก่อนจะมา เทพภูเขาสองท่านต่างก็ขอให้ข้าช่วย ถาม ดูว่าจะได้ราคาที่เป็ นธรรมจากเจ้าหรือไม่”
ฟู่เต๋อชงมีสีหน้าปั้นยาก
ถงซานจวินหนอถงซานจวิน ก่อนหน้านี้ในสมุดของราชครูเฉิน เนื้อหาบนกระดาษบางๆ แค่สองหน้า เจ้าไม่ได้อ่านเลยหรือ?
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “เทพภูเขาฟู่ ท าการค้าต้องอิงตามกฏใครมา ก่อนก็ได้ก่อนนะ”
ถงเหวินช่างเพิ่งจะเข้าใจ “ท าไม ไม้จันทน์ของผูซานถูกภูเขาลั่ว พั่วเหมาไปแล้วหหรือมิน่าเล่าตอนที่ข้าเดินออกมาจากห้อง พวกเขา สองคนถึงได้ส่งสายตาให้ข้า”
ตอนแรกยังนึกว่าต้องการจะเตือนตนว่าอย่าลืมมาพูดกับฟู่ เต๋ อชง ที่แท้ก็บอกเป็ นนัยกับตนว่าอย่าแย่งการค้ากับราชครูเฉินอย่าง
นั้นหรือ?
คราวก่อนพาชิงถงไปเป็ นแขกที่ภูเขาเช่อจื่อด้วยกัน เฉินผิงอันก็ ถือโอกาสพูดเรื่องการค้าบนภูเขาสามเรื่องกับจิ้นชิงไปด้วย เรื่องหนึ่ง ในนั้นก็คือไม้จันทน์ตระกูลเซียนของผูซาน
ราชวงศ์จูอิ๋งเก่ามีสี่สุดยอดที่ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั้งทวีป ผู้ฝึ ก กระบี่ สาวงาม จานฝนหมึกและไม้จันทน์โบราณ
ไม้จันทน์โบราณของผูซานแทบจะเรียกได้ว่ามีชื่อเสียงทัดเทียม กับไม้ยักษ์ของเขตอวี้จางหงโจวต้าหลี ตาหนักในพระราชวังและไม้ที่ ใช ้สร ้างสุสานจักรพรรดิในแคว้นต่างๆ ของภาคกลางแจกันสมบัติ ทวีป ล้วนเอาไม้มาจากผูซานทั้งสิ้น และไม้จันทน์หอมหลายชนิดที่ผู ซานสร ้างขึ้นด้วยกรรมวิธีลับซึ่งมีความต่างกันในเรื่องของสีอย่างสี เหลือง สีขาว สีเขียวและสีม่วง ก็ยิ่งเป็ นที่ชื่นชอบของผู้ฝึกลมปราณ และเหล่าขุนนางชั้นสูงของแจกันสมบัติทวีป
นอกจากนี้ก็คือเหมืองขุดหินแห่งหนึ่งที่สร ้างขึ้นในอาณาเขต การดูแลของภูเขาเช่อจื่อและยังมีกรวดแม่น้าพิเศษที่ซื้อมาใน
ปริมาณมากจากน่านน้าแม่น้ายงเจียง ตามทาเนียบหยกทองของสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาสายน้าในใต้หล้าที่ศาลบุ๋นเรียบเรียงขึ้นใหม่ ระดับ เทพของเทพวารีแม่น้ายงเจียงกับแม่น้าเถี่ยฝูเท่าเทียมกับภูเขา ทายาทของห้ามหาบรรพตและศาลเทพอภิบาลเมืองในเมืองหลวงต้า หลี ล้วนเป็ นขั้นสามชั้นเอก
คราวก่อนในศาลบุ๋นแผ่นดินกลาง เฉินผิงอันเคยเจอกับเทพ เซียนผู้เฒ่าลี่ที่เดินทางไป ทั่วเก้าทวีปของไพศาล ได้เห็นสายน้าใน ใต้หล้ามาจนถ้วนทั่ว จากนั้นก็เรียบเรียง “คัมภีร ์น้าขึ้นมาเล่มหนึ่ง ไม่ เพียงแต่ได้พบเจอเท่านั้น ยังได้พูดคุยกันด้วย มาดของบัณฑิตรุ่น อาวุโสส่วนใหญ่ยิ่งเป็ นคนที่มีความรู ้สูงเท่าไร จิตใจก็ยิ่งนิ่งสงบ กว้างขวางมากเท่านั้น
แม่น้ายงเจียงตั้งอยู่ในอาณาเขตของราชวงศ์จูยิ่งเก่า ใน “คัมภีร ์ น้า” ซึ่งเป็ นตาราโบราณกล่าวไว้ว่า สถานที่ที่สี่ทิศมีน้าล้อมรอบ เรียกว่ายง
ในสมุดที่เฉินผิงอันยื่นส่งมาให้ยังมีดิน โยวหร่าง” ที่มีเฉพาะบน ภูเขาไฉ่จือด้วย
เซียงจวินแห่งตาหนักหลิงเฟยฉายาต้งถิง ก่อนหน้านี้นางได้ บุกเบิกพื้นที่ประกอบพิธีกรรมในซากปรักของสนามรบ ก็ได้เปิ ด ราคาสูงให้กับหวังเจวี้ยนเทพภูเขาของภูเขาไฉ่จือเพื่อซื้อดินโยวห ร่างมาในจ านวนมากน่าดูชม
และตอนนั้นราคาที่เฉินผิงอันตกลงกับหวังเจวี้ยนก็น่าจะยังไม่ถึง ครึ่งหนึ่งของเซียงจวินด้วยซ้า
ดังนั้นคู่ค้าของภูเขาลั่วพั่วที่ถูกเฉินผิงอันเขียนลงไปในสมุด ล าพังเพียงแค่คนในวงการภูเขาสายน้าที่มาเข้าประชุมในวันนี้ก็มี ภูเขาเช่อจื่อ ภูเขาจื่อถง ภูเขาไฉ่จือ ภูเขาผูซานและแม่น้ายงเจียง
แล้ว
ส่วนภูเขาพีอวิ๋นและเว่ยซานจวิน นั่นเรียกว่าคู่ค้าได้ด้วยหรือ?
ถงเหวินช่างถาม “ราชครูเฉิน การขุดเจาะลาน้าใหญ่ที่ใบถงทวีป ยังขาดเงินอีกหรือไม่?”
เฉินผิงอันกล่าว “เงินเทพเซียนสองก้อนที่ต้องใช ้ในช่วงเริ่มต้น ตอนนี้มีอยู่ในบัญชีแล้วอย่างน้อยภายในเวลาสามสิบปีก็ไม่ต้องกลัด กลุ้มเรื่องเงิน”
ถงเหวินช่างถามอีก “จะต้องรวบรวมเงินฝนธัญพืชประมาณสอง หมื่นเหรียญหรือ?”
เกี่ยวกับเรื่องใหญ่เรื่องนี้ แจกันสมบัติทวีปพากันวิจารณ์ไป หลากหลาย และยังแพร่ไปบนภูเขาอยู่นานแล้ว ต่างก็คาดเดากันว่า “ศาลบรรพจารย์” ที่สร ้างขึ้นกะทันหันในเมืองหลวงแคว้นอวิ๋นเหยียน แห่งนั้น ทุกวันนี้ในหน้าบัญชีมีเงินฝนธัญพืชกี่มากน้อยนอนอยู่กัน แน่
ยกตัวอย่างเช่นก่อนหน้านี้เฉินผิงอันไปเป็ นแขกดื่มเหล้าที่ยอด เขาเตี๋ยอวิ๋น เทพภูเขาโต้วแยนก็เคยพูดถึงเรื่องการขุดเจาะลาน้า ใหญ่ของใบถงทวีป ถามเฉินผิงอันว่าเหมาะจะทุ่มเงินเข้าไปหรือไม่ ไม่ใช่ว่าสุดท้ายเงินไหลหายไปตามกระแสน้านะ เฉินผิงอันจึงแนะนา โต้วแยนกับเฉินเหวินเชี่ยนว่าหากในมือยังมีเงินเหลือก็ไม่สู้ลองดู เขา จะใช ้วิธีการให้สานักกระบี่ชิงผิงเป็ นผู้ถือครองในนาม ให้ยอดเขา เตี๋ยอวิ๋นและทะเลสาบเหล่าอวี่ได้ถือหุ้นด้วย
สุดท้ายโต้วแยนก็ตัดสินใจเด็ดขาด จับเอาทางโน้นมาผสมทางนี้ พร ้อมกับไปกู้ยืมมาจากสหายรักที่เป็ นเทพภูเขาหลายคน เอาเงินฝน ธัญพืชออกมาได้สี่ร ้อยเหรียญแล้วส่งมอบไปที่ภูเขาลั่วพั่ว
แต่เฉินเหวินเชี่ยนยังไม่ได้เข้าร่วมกับเรื่องนี้ เหตุผลเรียบง่าย มาก แค่ค าเดียว จน หากพูดให้น่าฟังหน่อยก็คือสองค า ยากจน
เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “มากกว่านั้น”
ฟู่เต๋อชงถามอย่างใคร่รู ้ “สามารถบอกตัวเลขคร่าวๆ ได้หรือไม่?”
เฉินผิงอันกล่าว “ไม่นับเงินเทพเซียนที่ต้องใช ้ในช่วงระยะกลาง พูดถึงแค่เงินฝนธัญพืชก้อนแรกที่เข้ามาอยู่ในบัญชีแล้วก็มีสามหมื่น เหรียญ”
ผู้ฝึกลมปราณบนภูเขาล้วนเป็ นคนฉลาดกันทั้งนั้น เชื่อว่าอีกไม่ นานก็จะมีคนมีใจคานวณตัวเลขนี้ออกมาได้ ดังนั้นจึงไม่มีอะไรให้ ต้องปิดบัง
สานักกระบี่ชิงผิงสามพัน สานักกุยหยกห้าพัน สกุลเหยาต้า เฉวียนสองพัน สกุลหลิวธวัลทวีปหนึ่งหมื่น สกุลอวี่ราชวงศ์เสวียนมี่ สองพัน
จากนั้นก็เป็ นร ้านผ้าห่อบุญของจางจื๋อที่มาหาถึงที่ เพิ่มเงินฝน ธัญพืชมาให้อีกสี่พันเหรียญ
นอกจากนี้ยังมีเงินฝนธัญพืชที่เข้าบัญชีมาอย่างกระจัดกระจาย อีกบางส่วน ส่วนใหญ่เป็ นราชส านักของแคว้นต่างๆ และพรรคบน ภูเขาของใบถงทวีปที่ยังพอจะมีทรัพย์สินหลงเหลืออยู่บ้าง ใช ้คาพูดที่ ไพเราะบอกว่าร่วมกันสร ้างวีรกรรมอันยิ่งใหญ่
ส่วนจวนสุ่ยจวินทะเลบูรพาของหวังจูก็ให้เงินฝนธัญพืชมารวด เดียวถึงหนึ่งหมื่นสี่พันเหรียญ เงินเทพเซียนก้อนใหญ่นี้จะเก็บไว้ ส าหรับการด าเนินงานช่วงกลาง จะยังไม่ถูกเอามาใช ้
ฟู่เต๋อชงเดาะลิ้น
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ไม่เหมือนการขุดเจาะฉีตู้ของพวกเราที่ ต้นทุนต่า การขุดเจาะที่ใบถงทวีปมีค่าใช ้จ่ายเยอะกว่ามากนัก ต้อง ใช ้เงินในจุดใดบ้าง การเบิกจ่ายในแต่ละรายการการแบ่งรายละเอียด ทั้งหลายก็มีมากถึงหนึ่งร ้อยยี่สิบกว่ารายการแล้ว”
เอาเป็ นว่าหลังจากนี้ก็มีเรื่องให้ชุยตงซานต้องยุ่งวุ่นวายแล้ว ลูก ศิษย์ผู้เป็ นที่ภาคภูมิใจจะเอาแต่พูดปากเปล่าอย่างเดียวไม่ได้
ถงเหวินช่างพยักหน้า “เป็ นเรื่องดี”
เงียบไปพักหนึ่ง ถงเหวินช่างก็เอ่ยว่า “หากเงินไม่พอ ราชครูเฉิน ก็บอกกับข้าสักค า”
ฟู่ เต๋อชงรู ้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง ยิ้มถามว่า “ถงซานจวินมีเงิน ก้อนใหญ่หรือ?”
ถงเหวินช่างส่ายหน้า “เงินก้อนใหญ่อะไรกัน ก็แค่เงินเก็บเล็กๆ น้อยๆ ประมาณสามสี่ร ้อยเหรียญเงินฝนธัญพืชเท่านั้น เงินไม่มาก ได้แต่ถือว่าเป็ นน้าใจเล็กน้อย ภูเขากานโจวไม่มีช่องทางหาเงินอะไร ข้าเองก็ไม่เชี่ยวชาญด้านการทาการค้า หากจะพูดถึงทรัพย์สมบัติก็ อยู่ไกลเกินกว่าจะเทียบภูเขาลู่เจี่ยวและภูเขาหลวนซานได้ติด”
ฟู่เต๋อชงหลุดหัวเราะอย่างอดไม่ไหว “ถงซานจวิน แต่น้าเสียงเมื่อ ครู่นี้ของท่านกลับไม่เหมือนว่ามีเงินแค่สามสี่ร ้อยเหรียญเลยนะ”
เฉินผิงอันพยักหน้าเอ่ยคล้อยตาม “ต่อให้วันใดขาดเงินจริงๆ ข้า ก็ตัดใจเปิดปากพูดเรื่องนี้กับถงซานจวินไม่ได้หรอก เงินไม่มาก ติด ค้างน้าใจคนอื่นกลับไม่น้อย”
ถงเหวินช่างเบ้ปาก ใบหน้ามีรอยยิ้มอย่างที่หาได้ยาก
ไม่เสียแรงที่เป็ นศิษย์น้องเล็กของซิ่วหู คิดดูแล้วมาเป็ นราชครูก็ คงไม่เลอะเลือนกระมัง?
ฟู่ เต๋อชงนึกเรื่องหนึ่งขึ้นได้จึงถามว่า “ราชครูเฉิน เคยคิดถึงทาง ฝั่งของต้าหลีบ้างไหม?”
เฉินผิงอันส่ายหน้า “ไว้ค่อยว่ากันวันหน้าเถอะ”
เขาลังเลอยู่มากจริงๆ ว่าจะให้ราชสานักต้าหลีเข้าร่วมเรื่องการ ขุดเจาะลาน้าใหญ่ของใบถงทวีปดีหรือไม่
ตอนนั้นชุยตงซานทาท่ากระเหี้ยนกระหือรือ หมายมั่นปั้นมือ บอกว่าให้เขาที่เป็ นลูกศิษย์จัดการเองเถอะ
เวลาพักหนึ่งเค่อผ่านไปอย่างว่องไว กลับเข้าไปประชุมในห้อง ทรงพระอักษรกันอีกครั้ง
แม้ว่าถงเหวินช่างจะไม่ได้อ่านหน้าที่สองของสมุดเล่มนั้นสัก เท่าไร แต่เนื้อหาในหน้าแรก เขากลับอ่านอย่างละเอียด ถึงขั้นที่ว่าถง ซานจวินยังเคยคิดคานวณว่าสานักวิถีกระบี่ในใต้หล้าไพศาล มีใคร บ้างที่จะได้ครอบครองผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตบินทะยานสองคน คาตอบ ง่ายมาก ไม่มีเลยสักคน ในความเป็ นจริงแล้วหลังจากที่โจวเสินจือรบ ตายไป สานักที่มีบรรพจารย์ผู้ฝึ กกระบี่ขอบเขตบินทะยานเป็ นผู้ พิทักษ์ภูเขาก็ไม่มีอีกเลย
แน่นอนว่าทางฝั่งของทักษินาตยทวีป สานักกระบี่หลงเซี่ยงของ ฉีถิงจี้คือข้อยกเว้น
เดิมที่ฟู่ เต๋อชงอยากทาหน้าหนาขอร ้องเฉินผิงอันเรื่องหนึ่งว่าวัน หน้าหากได้เจอกับลู่เฉินจะช่วยน าความไปบอกแทนเขาได้หรือไม่ เพียงแต่ว่าความคิดนี้เพิ่งผุดขึ้นมาก็ถูกเทพภูเขาผูซานท่านนี้กดข่ม ลงไป
เพียงแค่เพราะก่อนหน้าที่เฉินผิงอันจะบอกว่าความสัมพันธ ์ ระหว่างตัวเองกับลู่เฉินไม่เลว เขาได้เอ่ยสี่คาว่า แบ่งแยกบุญคุณ ความแค้นชัดเจน
……
หลังจากที่เฉินจิ๋วจือเค่อฝ่ ายนอกถูกพรรคกิ่งไผ่ ไล่ออกไป” อัน ที่จริงก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรมากนัก อย่างมากก็แค่ริมล าธารไม่มี เงาร่างของคนที่ไปนั่งตกปลาอีก
ต่อจากนี้ก็คือการที่เมืองหลวงแคว้นชิงหลิงเริ่มทาการ ปรึกษาหารือเรื่องการเช่าต่อและประมูลราคาภูเขาไฉอวี้อย่างเป็ น ทางการ แรกเริ่มรองเจ้ากรมสองท่านของกรมพิธีการและกรมคลัง แคว้นชิงหลิงต่างก็ปรากฏตัวพร ้อมกัน ฝั่งของพรรคกิ่งไผ่ก็ให้บรรพ จารย์ผู้คุมกฎหลิงเซี่ยลงจากภูเขาไปด้วยตัวเอง มาท าการประมูล ราคาที่นี่ นอกจากนี้พรรคที่สนใจภูเขาไฉอวี้ก็ยังมีพรรคเล็กอีกสอง แห่ง เพียงแต่ว่ารากฐานสู้พรรคกิ่งไผ่ไม่ได้ ทางฝั่งของภูเขาตะวัน เที่ยงกลับไม่ใช่เซี่ยโหวจ้านแห่งยอดเขาสุ่ยหลงอย่างที่แคว้นชิงหลิง คาดการณ์ไว้ แต่เป็ นอวี่หลิ่นเจ้าแห่งยอดเขาอวี่เจี่ยว ดังนั้นฮ่องเต้ที่ ก่อนหน้านี้เจ้ากรมพิธีการบอกว่ายุ่งกับกิจธุระของแว่นแคว้น คราวนี้ กลับกลายเป็ นว่าไม่ได้มีกิจธุระรัดตัวถึงเพียงนั้นแล้ว รีบตามมาถึง ทันที
แต่ฮ่องเต้ก็ต้องรู ้สึกเสียใจภายหลังอย่างรวดเร็ว เขาไม่ควรมา เลย
เพราะจวนเซียนพรรคเล็กสองแห่งที่มาประสมประเสให้ครบ จานวน ซึ่งความตั้งใจที่มากกว่านั้นคืออยากจะลองมาเสี่ยงดวงดู ได้ ถอยออกไปจากการประมูลราคาของภูเขาไฉอวี้อย่างว่องไว ถือว่า เป็ นการไว้หน้าพรรคกิ่งไผ่
มีแค่หลิงเซี่ยแห่งพรรคกิ่งไผ่กับอวี่หลิ่นของภูเขาตะวันเที่ยง เท่านั้น สถานะของทั้งสองฝ่ ายแตกต่างกัน ขอบเขตก็ยิ่งต่างกันราว ก้อนเมฆกับดินโคลน แต่กลับแข่งกันประมูลราคาไปสูงถึงแปดสิบ เหรียญเงินฝนธัญพืช!
อวี่หลิ่นมีสีหน้าเรียบเฉย หยิบถ้วยชาขึ้นมา เป่ าน้าชาให้คลาย ร ้อน เอ่ยประโยคหนึ่งกับบรรพจารย์พรรคกิ่งไผ่ว่า ก็แค่การค้าขาย เท่านั้น ไยสหายอวี่ชีต้องใช ้อารมณ์ขนาดนี้ด้วย
หลิงเซี่ยจึงเถียงกลับไปว่า ภูเขาไฉอวี้คือรากฐานในการหยัดยืน ของพรรคกิ่งไผ่พวกเรา คือกิจการที่บรรพจารย์ผู้บุกเบิกภูเขาทิ้งไว้ ให้ ไม่มีภูเขาไฉอวี้ พวกเราจะมีหน้าไปจุดธูปในศาลบรรพจารย์ได้ อย่างไร?!
อวี่หลิ่นหัวเราะ
ในสายตาของฮ่องเต้ที่รู ้สึกเหมือนนั่งอยู่บนพรมเข็ม หากยุติกัน แต่เพียงเท่านั้น เซียนกระบี่โอสถทองของยอดเขาอวี่เจี่ยวท่านนี้ก็ อาจจะยอมหยุดมือ
คิดไม่ถึงว่าหลิงเซี่ยจะดันปากมากเอ่ยว่า อย่าว่าแต่แปดสิบ เหรียญเลย ต่อให้เป็ นเงินฝนธัญพืชหนึ่งร ้อยสองร ้อยเหรียญ พรรค กิ่งไผ่ของพวกเราก็ต้องรักษากิจการนี้ไว้ให้จงได้!
อวี่หลิ่นวางถ้วยชาลง ยิ้มเอ่ยประโยคหนึ่งว่า ถ้าอย่างนั้นข้าก็ให้ ราคาหนึ่งร ้อยเก้าสิบเก้าเหรียญเงินฝนธัญพืชก็แล้วกัน สหายอวี่ชี เจ้าแค่เพิ่มเงินไปอีกหนึ่งเหรียญ ไม่ต้องเป็ นเงินฝนธัญพืชอะไรด้วย ซ้า เงินเกล็ดหิมะก็ได้ ข้าก็จะยอมถอยออกจากการประมูล
ผลคือเป็ นอวี่หลิ่นที่เพิ่มราคาให้สูงถึงหนึ่งร ้อยเก้าสิบเก้าเหรียญ เงินฝนธัญพืช ซื้อภูเขาไฉอวี้ของพรรคกิ่งไผ่ไปให้กับภูเขาตะวัน เที่ยง
เมื่อเป็ นเช่นนี้ พรรคกิ่งไผ่ก็เหลือภูจีจู๋ที่เป็ นภูเขาสืบทอดจาก บรรพบุรุษแค่ลูกเดียวเท่านั้น แต่ปัญหานั้นอยู่ที่ศาลบรรพจารย์ของ พรรคสร ้างไว้บนภูเขาไฉอวี้
รอกระทั่งข่าวนี้แพร่ไปถึงภูเขาไฉอวี้พรรคกิ่งไผ่ กวอฮุ่ยเฟิงก็อึ้ง ไปทันที ผู้ฝึกลมปราณสิบกว่าคนที่ประชุมกันอยู่ในศาลบรรพจารย์ก็ หันมามองหน้ากันตาปริบๆ
อารมณ์ของกวอฮุ่ยเฟิงซับซ ้อนอย่างถึงที่สุด อันที่จริงนางตกลง กับผู้คุมกฎหลิงเซี่ยไว้แล้วว่า ครั้งนี้ฝ่ ายหลังเดินทางไปเยือนแคว้น ชิงหลิง หากได้เช่าต่อด้วยราคาสามสิบเหรียญย่อมดีที่สุด อย่างมาก