กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1056.1 บัณฑิตที่เป็ นเช่นนี้ก็คือวีรบุรุษ
เฉินผิงอันถามอย่างประหลาดใจ “เจ้าจะจัดงานเลี้ยงท่องราตรี สองรอบจริงๆ หรือ?”
จัดแค่ครั้งเดียวก็พอสมควรแล้ว แม้แต่เกาเนี่ยงเทพวารีลาคลอง ซี่เหมยที่ไม่ขาดเงินคราวก่อนที่ไปดื่มเหล้าในโรงเรียน พอเมาก็พูด ความในใจออกมาบอกว่าวันนี้จัดงานเลี้ยงท่องราตรี จากนั้นก็พัก หนึ่งวัน ถือว่าให้ได้พักหายใจหายคอ รอกระทั่งทุกคนสะสมเงินกันได้ ใหม่อย่างไม่ง่าย วันมะรืนก็จะจัดอีกแล้ว เงินของทุกคนไม่ได้หล่นลง มาจากฟ้ านะ รับไม่ไหวแล้วจริงๆ
เว่ยป้ อหันมามองเขา
เฉินผิงอันเอ่ยอย่างรู ้กาลเทศะ “ถือว่าข้าไม่ได้ถามแล้วกัน” เว่ยป้ อกล่าว “ข้ากับเหมิงหรงนัดกันว่าจะไปดื่มเหล้าที่ลาคลอง ชางผู” เฉินผิงอันพยักหน้า “ควรต้องฉลองกันหน่อย” เว่ยป้ อมองเขาอีกรอบ
เฉินผิงอันเอ่ยอย่างอ่อนใจ “เจ้าพูดมาตรงๆ เลยเถอะว่าต้องการ ให้ข้าท าอะไรกันแน่ต้องการให้ข้าไปเป็ นเจ้าภาพที่นั่น เอาเหล้าดีๆ ไปหลายกา หรือจะให้ไปช่วยดื่มแทนเจ้าหรือว่าพวกเจ้าจะดื่มเหล้า
เคล้านารีกันให้สาแก่ใจ แค่ให้ข้าออกหน้าช่วยไปแอบจ่ายเงินแทน เจ้าในตอนสุดท้าย?”
เว่ยป้ อกล่าว “แค่มีใจก็พอ เหมิงหรงอยากนัดเจ้าไปดื่มเหล้าเพื่อ ขอบคุณเจ้าก็จริง แต่ข้าช่วยปฏิเสธไปให้แทนแล้ว”
เฉินผิงอันรีบกุมมือคารวะขอบคุณ
เว่ยป้ อจากไปทันที
เฉินผิงอันถอนหายใจ มารดามันเถอะ พอๆ กับหลินหยกดิบเลย พอจะได้เป็ นเสินจวินก็เจ้าอารมณ์ขึ้นมาทันทีเชียวนะ
ท าไมเจ้าไม่ไปอวดเก่งต่อหน้าอาจารย์ใหญ่บ้างเล่า
พวกเขาต้องไปที่ว่าการกรมกลาโหมซึ่งตั้งอยู่ในตรอกเคอเจี่ย ของระเบียงพันก้าว เดิมทีเจียงซ่างเจินอยากจะประคองเจ้ากรมผู้เฒ่า คิดไม่ถึงว่าพอผู้เฒ่าออกมาจากวังหลวง ก็ก้าวเดินอย่าง กระฉับกระเฉงว่องไวยิ่ง
เฉินผิงอันคิดว่าจะมอบต าราพิชัยสงครามห้าร ้อยเล่มให้กับ ห้องเรียนซงเซวี่ยซึ่งอยู่ในการปกครองของกรมกลาโหมโดยตรง เพราะถึงอย่างไรก็เป็ นแค่ฉบับสาเนาสาเร็จรูปเท่านั้น
เพราะก่อนหน้านี้เคยมาเยือนเมืองหลวงแล้ว เฉินผิงอันกับเสี่ยว โม่ต่างก็ร่ายเวทอ าพรางตา เจียงซ่างเจินกับเซี่ยโก่ว ผู้ถวายงานหนึ่ง หลักหนึ่งรองของภูเขาลั่วพั่วกลับท าตัวตามสบายได้
ไปถึงที่ว่าการกรมกลาโหมที่มีการป้ องกันเข้มงวด เจ้ากรมผู้เฒ่า ก็พาพวกเขาเดินลอดไปตามระเบียง ระหว่างทางเจอขุนนางของกรม กลาโหมอยู่ไม่น้อย แต่กลับไม่มีใครเป็ นฝ่ ายหยุดทักทายเจ้ากรมผู้ เฒ่า ดูเหมือนว่าจะแค่ชะลอฝีเท้า ก้มหัวตอนที่เดินผ่านเท่านั้น
เจียงซ่างเจินถอนหายใจอย่างปลงอนิจจัง “เจ้ากรมผู้เฒ่าอยู่ใน ที่ว่าการบ้านตัวเองมีบารมีล้าลึกไม่ธรรมดาเลย”
ก็เหมือนตน ทุกครั้งที่ขึ้นยอดเขาเสินจ้วนไปเข้าร่วมการประชุม ศาลบรรพจารย์ก็ไม่มีใครกล้าทักทายตนเช่นกัน
เสิ่นเฉินยิ้มเอ่ย “บารมีไม่บารมีอะไรกันเล่า ก็แค่ไม่สนใจการก้ม หัวค้อมเอวเท่านั้น ไม่เพียงแต่กรมกลาโหมของพวกเรา กิจธุระน้อย ใหญ่ในที่ว่าการทุกแห่งของเมืองหลวงล้วนเน้นให้รบเร็วจบเร็ว มีธุระ อะไรก็พูดมาตามตรง ไม่มีธุระก็พูดให้น้อยหน่อย อืม เว้นจากกรมพิธี การของจ้าวตวนจิ่นน่ะนะ พิธีการยิบย่อยมากมาย บางครั้งที่ข้าแวะ ไปหาเขา ทุกครั้งเดินออกไปได้แค่ไม่กี่ก้าวก็จะต้องผงกศีรษะให้กับ คนที่ไม่รู ้จักจนปวดคอ กลับมาแล้วยังต้องแปะแผ่นแก้ปวด”
เจียงซ่างเจินมองข้ามคาพูดเหน็บแนมที่ผู้เฒ่ามีต่อที่ว่าการกรม พิธีการไปโดยอัตโนมัติ ยิ้มเอ่ยว่า “ถ้าอย่างนั้นการเป็ นขุนนางก็ น่าสนใจจริงๆ”
กรมพิธีการและสานักบัณฑิตฮั่นหลินมีข้อพิถีพิถันเยอะมาก จริงๆ ยกตัวอย่างเช่นมีกฎกาหนดไว้ว่าเมื่อแสงแดดสาดส่องลงไปบน
ก้อนอิฐก้อนที่ห้าบนเส้นทางหลัก ขุนนางจะต้องมาขานชื่อในที่ว่า การแล้ว
เฉาเกงซินรองเจ้ากรมขุนนางที่เป็ นคนเอ้อระเหยลอยชาย ถือ เป็ นกรณียกเว้นที่พิเศษมากในวงการขุนนางต้าหลี ลูกหลานสกุล เฉาเสาค้ายันแคว้นที่เลื่อนขั้นมาจากขุนนางผู้ตรวจการเตาเผาหลง เฉวียนผู้นี้ เนื่องจากมักจะมาขานชื่อสายเป็ นประจา เงินเดือนจึงถูก หักจนไม่พอให้หักอีกแล้ว
เสิ่นเฉินกล่าว “ไปอยู่นอกที่ว่าการก็ยังมีหน้ามีตาอย่างมาก พูด ถึงแค่ไปดื่มเหล้าที่ลาคลองชางผู ทุกครั้งที่จ่ายเงินก็ได้ส่วนลดเยอะ มาก ทาเอาข้าไม่กล้าไปบ่อยๆ กลัวว่าจะดื่มเหล้าจนเหลาสุราพังถล่ม ลงมา”
ในห้องกว้างมาก เทียบเท่ากับห้องสามห้องที่ทะลุเชื่อมโยงถึงกัน นอกจากจะอ่านเอกสารราชการอยู่ที่นี่แล้ว เจ้ากรมผู้เฒ่ายังสามารถ เปิดการประชุมขนาดเล็กที่นี่ได้ด้วย
ชั้นวางหนังสือวางเรียงรายเป็ นแถวติดผนังแถบหนึ่ง อีกสองด้าน ที่เหลือวางตู้ที่สูงถึงเพดาน ล้วนมีแต่ต าราและเอกสาร มองไปละลาน ตา หากบรรยายว่าม้วนต ารามากมายมหาศาลก็ไม่เกินจริงแม้แต่ น้อย
หาได้ยากนักที่เจ้ากรมผู้เฒ่าจะรับรองแขกที่นี่ อีกทั้งแต่ละคนยัง ไม่สวมชุดขุนนางเพียงไม่นานก็มีเลขาฝ่ ายบุ๋นที่ทางานในห้อง เจ้ากรมคนหนึ่งยกน้าชามาวางให้
เสิ่นเฉินนั่งอยู่บนเก้าอี้ไท่ซือตัวเก่าที่ถูกเสียดสีจนเงาวับ เอาสอง มือวางค้าไว้บนหัวไม้เท้าด้วยความเคยชิน วางคางลงบนหลังมือ พูด กลั้วหัวเราะว่า “ราชครูเฉิน มาเร็วไม่สู้มาได้จังหวะบังเอิญ ข้าจะให้ เวินเอ่อกรมโยธาและมู่เหยียนกรมคลังแวะมาที่นี่ ให้พวกเขากับ ราชครูเฉินคุ้นหน้าคุ้นตากันแล้วก็ถือโอกาสนี้คุยธุระกันสักเล็กน้อย ดีไหม?”
แม้ว่าจะเป็ นขุนนางสาคัญในรัชสมัยเดียวกันซึ่งตาแหน่งขุนนาง เท่าเทียมกัน แต่เสิ่นเฉินอายุมาก อีกทั้งยังแวะเวียนไปทางานในกรม ต่างๆ มาไม่น้อย เป็ นเหตุให้ที่ว่าการหลายแห่งถือเป็ น “บ้านเดิม” ของเจ้ากรมผู้เฒ่า บวกกับที่เสิ่นเฉินมีตาแหน่งเยอะ ให้เจ้ากรมสอง ท่านมาเยือนที่ว่าการกรมกลาโหมจึงไม่นับเป็ นอะไรได้แล้วนับประสา อะไรกับที่เสิ่นเฉินยังเป็ นอาจารย์ผู้คุมสอบของเวินเอ่อ เจอกันใน ตรอกอี้ฉือ เวินเอ่อเรียกเสิ่นเฉินว่าอาจารย์ แต่เสิ่นเฉินจะตอบรับ หรือไม่ก็ต้องดูว่าอารมณ์ของเขาดีหรือไม่ อ้อ ไม่ถูกสิ ต้องดูว่าตอน นั้นหูดีหรือไม่ดี วงการขุนนางต้าหลีต่างก็รู ้กันว่าหูของเจ้ากรมผู้เฒ่า เสิ่นเดี๋ยวก็ดีเดี๋ยวก็ไม่ดีมาตั้งแต่ตอนเป็ นหนุ่มแล้ว
เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “ไม่มีความจาเป็ นนี้หรอก”
ก่อนหน้านี้เจียงซ่างเจินนั่งเฝ้ าประตูอยู่ในห้องทรงพระอักษรด้วย ความเบื่อหน่ายสุดขีดก็เลยสังเกตดูรายละเอียดการแต่งกายของสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาสายน้าในห้อง เจ้ากรมทั้งสองท่านต่างก็สวมชุด ขุนนาง ความต่างมีไม่มาก ยกตัวอย่างเช่นรองเท้าที่สวมไม่ เหมือนกัน รองเท้าของเสิ่นเฉินใหม่เอี่ยมแต่กลับเปื้อนดิน รองเท้า ของจ้าวตวนจิ่นเก่าแต่กลับสะอาดสะอ้าน ตอนนั้นเจียงซ่างเจินก็ สงสัยยิ่งนักว่ารองเท้าของเสิ่นเฉินเปื้อนดินได้อย่างไร เมืองหลวงต้า หลีมีร ้านเก่าแก่ที่ขายรองเท้าขุนนางโดยเฉพาะ มีหนังสือ “บันทึก เกี่ยวกับรองเท้า” ที่ได้รับความนิยมแพร่หลาย ชาวบ้านในเมืองหลวง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่รุ่นบรรพบุรุษอาศัยอยู่ใกล้ตรอกอี้ฉือและ ตรอกฉือเอ๋อร ์ต่างก็ฝึกปรือดวงตาไฟดวงตาทองกันมาจนช านาญ จะ เรียกว่านายท่านหรือไม่ก็ต้องดูที่รองเท้าก่อน
เสี่ยวโม่นั่งตัวตรงอย่างสารวม
เซี่ยโก่วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างเกียจคร ้าน ดึงหมวกขนเตียว ลงมาปิดบังใบหน้า ก็ไม่รู ้ว่านอนหลับหรือท าสมาธิกันแน่
เสิ่นเฉินถาม “ราชครูเฉินสนิทกับศาลซานหลางของอุตรกุรุทวีป หรือไม่?”
เฉินผิงอันเงียบไปพักหนึ่งเพื่อใช ้ความคิด ก่อนจะส่ายหน้า “ข้า เคยไปเยือนอุตรกุรุทวีปอยู่หลายครั้งก็จริง แต่เหนือลาน้าขึ้นไปก็ แทบจะไม่เคยเหยียบย่างไปเยือนมาก่อน ย่อมไม่สนิทกับศาลซาน หลาง”
เจียงซ่างเจินมองเจ้าขุนเขาแวบหนึ่ง
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “แต่ข้ามีสหายที่เป็ นเซียนกระบี่อยู่คนหนึ่ง ความสัมพันธ ์ระหว่างเขากับศาลซานหลางไม่เลวเลย”
ผู้เฒ่าพยักหน้า “ทางฝั่งของกรมอาญาคิดว่าจะหาผลประโยชน์ ให้กับผู้ถวายงานระดับต่างๆ ของต้าหลีให้มากหน่อย แน่นอนว่า ไม่ใช่การติดสินบนอะไร ทางฝั่งของกรมคลังก็อนุมัติแล้ว แต่ก็มี ข้อเสนอหลายข้อที่ถูกตีตกมา รังเกียจที่กรมอาญาของพวกเขาเป็ น เจ้าบ้านแต่ไม่รู ้ว่าข้าวและฟื นแพง (เปรียบเปรยถึงคนที่เป็ นผู้นา แต่ ไม่ได้ลงมาจัดการเรื่องต่างๆ อย่างแท้จริง) ใช ้เงินส่งเดช สุดท้ายจึงใช ้ วิธีการที่พบกันครึ่งทาง อิงตามความหมายของกรมคลัง อย่างหนึ่งก็ คือเหล้าเซียนของต าหนักฉางชุน ถึงอย่างไรก็ไม่ต้องให้กรมคลัง จ่ายเงิน เหล้าประเภทนี้ บนภูเขาของแจกันสมบัติทวีปในทุกวันนี้มี ราคายิ่งกว่าเงินเทพเซียนเสียอีก นอกจากนี้ก็เตรียมจะซื้อเบาะนั่ง ของศาลซานหลางที่เป็ นของดีราคาถูกมาอีกชุดหนึ่ง ผลคือทางฝั่ง ของกรมอาญาก็ได้ยินเรื่องนี้มาเหมือนกัน จึงมีความคิดบางอย่าง ถึง อย่างไรก็ล้วนต้องจ่ายเงินซื้อมา ซื้อมาเยอะหน่อย ไม่แน่ว่าอาจจะยัง ได้ส่วนลด ก็เลยอยากจะจัดหาเบาะนั่งใบหนึ่งให้กับผู้ฝึกตนติดตาม กองทัพทุกคนของต้าหลีด้วย เพียงแต่ว่าเมื่อเป็ นเช่นนี้ค่าใช ้จ่ายของ กรมคลังก็จะเพิ่มมากขึ้น มู่เหยียนขาดก็แค่ไม่ได้ยกม้านั่งไปนั่งด่าที่ หน้าประตูกรมอาญาเท่านั้น”
เฉินผิงอันพยักหน้า “เบาะนั่งของศาลซานหลางเป็ นของดีจริงๆ ต่างก็พูดกันว่าเงินร ้อนน้อยหนึ่งเหรียญสามารถเอามาใช ้เป็ นสอง เหรียญได้”
ปีนั้นครั้งแรกที่ไปเยือนอุตรกุรุทวีป เฉินผิงอันก็มีภาพจาที่ลึกซึ้ง ต่อเบาะรองนั่งบนภูเขาประเภทนี้มาก ตอนที่อยู่ชายหาดโครงกระดูก เนื่องจากปราณหยินในหุบเขาผีร ้ายเอ่อล้นออกไปด้านนอก ใน ตลาดเล็กที่ชาวบ้านในพื้นที่เรียกว่าด่านไน่เหอแห่งนั้น ต่อให้เป็ น เวลากลางวันที่ดวงอาทิตย์สาดส่องแรงจ้าก็ยังรู ้สึกเย็นเยือกจับใจ บน เส้นชายแดนที่ฟ้ าดินใหญ่เล็กสองแห่งเชื่อมโยงถึงกัน สานักพีหมา ได้สร ้างกระท่อมพื้นที่ประกอบพิธีกรรมยาวเรียงรายติดกันเหนือตา น้าพุที่มีปราณหยินเข้มข้นทั้งยังบริสุทธิ์อย่างมาก ในกระท่อมทุกหลัง จะต้องวางเบาะรองนั่งที่ศาลซานหลางเป็ นผู้ผลิตเอาไว้ ช่วยผู้ฝึ ก ลมปราณในการท าสมาธิ ช่วยให้ดึงดูดปราณวิญญาณฟ้ าดินมาได้ เร็วยิ่งกว่าเดิม
ศาลซานหลางคือร ้านอาวุธที่ใหญ่ที่สุดของอุตรกุรุทวีป อีกทั้งสิ่ง ที่ทาให้ผู้ฝึกตนท าเนียบของศาลซานหลางมีชื่อเสียงเลื่องลือพอๆ กับ ความเชี่ยวชาญในหล่อหลอมและสร ้างอาวุธของพวกเขาก็คือ พวก เขาไม่ชอบต่อสู้ แต่ขณะเดียวกันกลับต่อสู้ได้เก่งมาก วลีติดปาก ผู้คนของศาลซานหลางก็คือ “อย่าได้รังแกคนชื่อ
เกราะวิเศษปกป้ องกายที่ศาลซานหลางสร ้างขึ้นถือว่ามีชื่อเสียง เลื่องลือไปใต้หล้าพอๆ กับกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตของเซียนกระบี่ของ
ภูเขาชังกระบี่ จีวรสามสีของวัดฝอกวงและเสื้อคลุมขนนกกระสาของ ต าหนักนภากาศหน่วยฉงเสวียนราชส านักต้าหยวน
เก้าทวีปในไพศาล ในด้านของการหลอมวัตถุและหลอมอาวุธ นอกจากทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางแล้วก็มีแค่หลิวเสียทวีปที่ ทรัพยากรอุดมสมบูรณ์เท่านั้นที่สามารถทัดเทียมกับอุตรกุรุทวีปได้ ก็เหมือนอย่างหันไหวจื่ออดีตเจ้าสานักของสานักกระบี่ไท่ฮุยที่มีเวท กระบี่ขึ้นชื่อบทหนึ่งชื่อว่า “ต้ากงพิฆาตหยก’ นี่มีความเกี่ยวข้องกับที่ อดีตเจ้าส านักหันมีความเชี่ยวชาญในวิชาแห่งการ ‘เจียระไน’ ต่อ ค่ายกล ยันต์และการหลอมอาวุธ เป็ นต้น
เป็ นเรื่องที่ช่วยไม่ได้จริงๆ ผู้ฝึ กกระบี่ในทวีปมีเยอะ ผู้ฝึ ก ลมปราณทั่วไปเวลาออกจากบ้านก็ไม่ควรต้องสวมชุดคลุมอาคม สวมเสื้อเกราะกันหลายๆ ชั้นหรอกหรือ? สามารถทนรับกระบี่ได้ หลายทีหน่อยก็เท่ากับว่ามีชีวิตเพิ่มมาอีกหลายชีวิต
ขณะเดียวกันผู้ฝึกยุทธเต็มตัวก็ต้องมีอาวุธเหมาะมือสักสองสาม ชิ้นเพื่อให้สะดวกต่อการประมือกับผู้ฝึกลมปราณ คนที่เรียนวรยุทธ ฝึ กหมัดจะไม่สามารถประลองฝี มือกับผู้ฝึ กเซียนบนภูเขาเลยได้ อย่างไร?
เจ้าซื้อชุดคลุมอาคม ซื้อเสื้อเกราะ ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะเลือก สมบัติอาคมในการโจมตีมาหลายๆ ชิ้น เจ้าซื้อสมบัติอาคมในการ ป้ องกันตัว ข้าก็หาซื้อสมบัติที่ใช ้ในการป้ องกันและยันต์คุ้มกันกาย มาให้มากยิ่งกว่า ขณะเดียวกันก็ต้องทาให้พลังพิฆาตไม่ลดต่าด้วย…
สุดท้ายจึงเป็ นเหตุให้ทั้งบนและล่างภูเขาของอุตรกุรุทวีปมี ขนบธรรมเนียมที่เรียบง่ายมากเป็ นพิเศษ นิสัยก็ตรงไปตรงมาอย่าง ยิ่ง หากไม่มี วิถีแห่งการรับรองแขก” เสียเลย ออกจากบ้านก็ไม่มี หน้าไป “ทักทาย” คนอื่นแล้ว
เฉินผิงอันเคยมอบเงินฝนธัญพืชหนึ่งร ้อยเหรียญให้กับหลิวจิ่ง หลง ให้เขาช่วยซื้อกระบี่จาลองของภูเขาชังกระบี่และเสื้อเกราะของ ศาลซานหลางมาให้ได้มากที่สุด หากยังมีเงินเหลือก็ช่วยดูให้หน่อย ว่าจะซื้อของวิเศษทั่วไปมาเพิ่มได้หรือไม่ สรุปก็คืออย่าช่วยข้า ประหยัดเงินเด็ดขาด!
ความนัยนอกเหนือจากประโยคนี้ก็คือ เจ้าขุนเขาเฉินของพวก เราต้องการทั้งคุณภาพแล้วก็ต้องการปริมาณด้วย
เพราะถึงอย่างไรหน้าตาของเซียนกระบี่หลิวก็มีราคาอย่างมาก
สุดท้ายหลิวจิ่งหลงก็ไปเยือนศาลซานหลางด้วยตัวเองมาครั้ง หนึ่งเพื่อช่วยซื้อกระบี่จาลองของภูเขาชังกระบี่หนึ่งเล่มและเสื้อเกราะ อีกสองชิ้น
มีการลงชื่อของอาจารย์หล่อหลอมที่มีชื่อเสียงสองคน โดยทั่วไป แล้วหากบนเสื้อเกราะวิเศษมีชื่อก็ล้วนเป็ นฝีมือของผู้ถวายงานศาล บรรพจารย์ศาลซานหลาง มีราคาแต่ไร ้ตลาด ราคาสามารถเพิ่มขึ้น จากเดิมได้หลายเท่าตัว
ภายหลังถูกเฉินผิงอันน าไปมอบให้กับลูกศิษย์ผู้สืบทอดสองคน ของหลป๋ ายเซี่ยง พี่สาวน้องชายสองคน หยวนไหลหยวนเป่ าได้เสื้อ เกราะไปคนละตัวพอดี
ทาไมผู้ฝึ กยุทธเต็มตัวจะสวมเสื้อเกราะไม่ได้เล่า ยุทธภพ อันตราย ใจที่ป้ องกันคนอื่นไม่ควรขาด ของป้ องกันกายก็ยิ่ง จ าเป็ นต้องมี
ภายหลังได้ยินป๋ ายโส่วเล่าว่า ตอนที่เจ้าคนแซ่หลิวอยู่ที่ศาลซาน หลางก็ได้เจอกับคนรู ้ใจอีกคน ดังนั้นเรื่องของราคาถึงได้ตกลงกัน ง่ายขนาดนั้น หากเปลี่ยนเป็ นคนอื่นก็ได้แต่กินผายลมแล้ว
นับกันตามลาดับอาวุโส ผู้ฝึ กตนหญิงที่ในนามคือผู้ดูแลร ้าน อาวุธครึ่งหนึ่งของศาลซานหลางก็คืออาหญิงของหยวนเซวียน นาง กับหลูลุ้ยเทพธิดาแห่งภูเขาสุ่ยจิง ซุนชิงเจ้าจวนไฉ่เชวี่ย ต่างก็เป็ น สาวงามที่ติดอันดับสิบเทพธิดาของอุตรกุรุทวีป ตอนที่หลิวจิ่งหลงยัง เป็ นเจ้าแห่งยอดเขาเพียนหราน พวกนางต่างก็มีใจให้กับหลิวจิ่งหลง เอาเป็ นว่านี่เป็ นเรื่องที่คนทั้งอุตรกุรุทวีปรู ้ก็แล้วกัน
นี่ต้องยกคุณความชอบให้กับงานเลี้ยงท่องราตรีครั้งแล้วครั้งเล่า ในคลังของหน่วยสมบัติและกองเครื่องพิธีการของภูเขาพีอวิ๋นมี สมบัติกองกันเป็ นภูเขา ล าพังแค่สมุดรายการที่บันทึกข้อมูลของพวก มันก็มีเป็ นปึกใหญ่แล้ว
อีกทั้งเฉินผิงอันยังได้ยินหมี่ลี่น้อยเล่าว่า ที่ว่าการสองแห่งนี้ของ บ้านเว่ยซานจวินกินอาณาบริเวณใหญ่มาก มีการขยับขยายพื้นที่ ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว
ในบรรดาของขวัญร่วมแสดงความยินดีที่มีจานวนนับไม่ถ้วนก็มี เบาะนั่งที่ทาด้วยกรรมวิธีลับของศาลซานหลางรวมอยู่ด้วย ภายหลัง เสี่ยวโม่ก็จ่ายเงินซื้อเบาะใบหนึ่งมาจากจวนชานจวิน นากลับมาที่ ภูเขาลั่วพั่วและทาการรื้อถอน สาวเส้นไหม
ข้อสรุปที่ได้ก็คือเลียนแบบได้ไม่ยาก ก็แค่ว่าต้นทุนค่อนข้างสูง หนึ่งเพราะมีขีดจากัดอยู่ที่วัตถุดิบที่เป็ นกุญแจสาคัญหลายชนิด ทาง ฝั่งของแจกันสมบัติทวีปไม่มีของที่จะเอามาใช ้แทนที่กันได้ อีกอย่างก็ คือจะสามารถผลิตในจ านวนมากได้หรือไม่ ความแตกต่างของ ต้นทุนก็จะมีเยอะมาก
ในเมื่อเสี่ยวโม่ยังพูดขนาดนี้ ก็หมายความว่าเบาะของศาลซาน หลางแทบจะเป็ นขีดสุดอย่างหนึ่ง
นอกจากนี้อุตรกุรุทวีปยังมีภูเขาอีกสี่ลูกที่ต่างก็มีการค้าซึ่งเป็ น สมบัติกันกรุ ยกตัวอย่างเช่นชุดคลุมอาคมของตรอกเหล่าจวินก็เคย ส่งไปขายไกลถึงหกทวีปเว้นจากแจกันสมบัติทวีปและใบถงทวีป ตอน นั้นแจกันสมบัติทวีปยากจนมากจริงๆ ส่วนใบถงทวีปก็เพราะปิดกั้น ตัวเองเกินไป แต่ชุดคลุมอาคมของตรอกเหล่าจวินกลับถูกส านักฉง หลินผูกขาดไปนานแล้ว เล่าลือกันว่าซ่งอวี๋บรรพจารย์บุกเบิกภูเขา ของตรอกเหล่าจวินที่มีฉายาว่า “เหลยถง” มีพรสวรรค์ล้าเลิศในด้าน
การหลอมวัตถุ ไม่เพียงแต่เชี่ยวชาญการทาการค้า ตอนที่อายุยัง น้อยก็มีวิสัยทัศน์สูงส่งยาวไกล คิดแค่ว่าอยากจะสร ้างชุดคลุมอาคม บนภูเขาที่ดีที่สุดขึ้นมาโดยไม่สนใจต้นทุน ผลคือต้องมีชีวิตที่อด อยากยากจน ภายหลังก็เป็ นส านักฉงหลินที่มาหาถึงที่ มาพูดคุยเรื่อง การค้ากับนาง นับแต่นั้นมานางก็ร่ารวย ชุดคลุมอาคมชิงเฮ้อของ ตรอกเหล่าจวินก็ท าให้ส านักฉงหลินได้ก าไรเป็ นกอบเป็ นก า
และในที่สุดนางก็สามารถสร ้างชุดคลุมอาคมขึ้นชื่อที่สามารถทิ้ง ชื่อเสียงไว้ในประวัติศาสตร ์ได้ดั่งที่ใจตัวเองต้องการ มีชื่อว่า “ชุดอิ๋ง หราน” เพียงแต่ว่าราคาสูงลิบลิ่ว เป็ นตัวเลือกอันดับแรกของผู้ฝึก ลมปราณห้าขอบเขตบนของอุตรกุรุทวีปเว้นจากผู้ฝึ กกระบี่ น่า เสียดายที่ทุกๆ หกสิบปีตรอกเหล่าจวินถึงจะทอขึ้นมาชิ้นหนึ่ง
นี่ค่อนข้างคล้ายคลึงกับยาจาแลงขนนกของตาหนักพยัคฆ์เขียว ใบถงทวีปแล้ว สิ่งที่ขายไม่ใช่เงินเทพเซียน แต่เป็ นน้าใจที่ใหญ่เทียม ฟ้ า
ส่วนการร่วมมือกันระหว่างซ่งอวี๋และส านักฉงหลิน สรุปแล้วนาง เจอผู้สูงศักดิ์ที่มาให้ความช่วยเหลือหรือเจอกับคนไม่ดีกันแน่ ทางฝั่ง ของอุตรกุรุทวีปก็มีความคิดแบ่งเป็ นสองทาง
ภายหลังตรอกเหล่าจวินก็มี “อ่างรวมสมบัติ” ปรากฏเพิ่มอีก หลายใบ ยกตัวอย่างเช่น ช่วยสร ้างเสื้อเกราะต้าเยว่ให้กับจักรพรรดิ และเชื้อพระวงศ์ชนชั้นสูงในทวีปโดยเฉพาะสวยงามแต่ไม่มี ประสิทธิภาพสักเท่าไร แต่ก็เหนือกว่าตรงที่ “สวยงาม” อย่างไม่
ธรรมดาจริงๆ ลายเมฆซับซ ้อนวิจิตร ลายยันต์งดงามหรูหรา ล้าค่า และมีชื่อเสียงเลื่องลืออย่างถึงที่สุด
ผู้ฝึ กตนขอบเขตหยกดิบและเซียนดิน ผู้ฝึ กลมปราณห้า ขอบเขตล่าง เท่ากับว่าถูกตรอกเหล่าจวินเหมารวบมาหมด บวกกับ เชื้อพระวงศ์ชนชั้นสูงของแต่ละแคว้นที่เรียงแถวกันมาให้หลอกเอา เงิน
เมื่อคว้าลูกค้าสามประเภทนี้ไว้ได้ในเวลาเดียวกัน ตรอกเหล่าจ วินและส านักฉงหลินก็ย่อมมีเงินทองไหลมาเทมา