กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1056.2 บัณฑิตที่เป็ นเช่นนี้ก็คือวีรบุรุษ
ผู้เฒ่าพลันตบที่พักแขน “เกือบจะลืมไปเลยว่าอดีตเจ้าสานัก เจียงต่างหากที่เป็ นคนที่รู ้จักอุตรกุรุทวีปดีที่สุด!”
เซี่ยโก่วดึงหมวกขนเตียวขึ้นสูงเพื่อมองโจวอันดับหนึ่ง ตอนนั้น นางได้รับอนุญาตจากป๋ ายเจ๋อจึงมาหาเสี่ยวโม่ที่นี่ แรกเริ่มเซี่ยโก่ว เผยตัวที่อุตรกุรุทวีป ดังนั้นเกี่ยวกับเรื่องราวชื่อเสียงของโจวอันดับ หนึ่งที่อยู่ที่นั่น นางจึงค่อนข้างรู ้ชัดเจนดี เวลาผ่านไปนานหลายปี ขนาดนี้แล้ว ทุกครั้งที่พูดถึงเจียงซ่างเจิน ผู้ฝึกลมปราณของที่นั่นก็ ยังเช่นเขี้ยวเคี้ยวฟันกันไม่เลิกแต่ละคนท าท่าเหมือนอยากจะฆ่าแกง กันให้ได้ ปีนั้นเจียงซ่างเจินต้องก่อกรรมทาเข็ญไว้ที่อุตรกุรุทวีปมาก ถึงเพียงใดกันนะ
หนังหน้าของเจียงซ่างเจินยังคงหนาเหมือนเดิม เขายิ้มเอ่ยว่า “ซื้อของจากอุตรกุรุทวีป แค่บอกชื่อของข้าไปก็พอ แต่ที่นั่นจะลด ราคาครึ่งต่อครึ่งหรือลดสิบห้าส่วน ข้าก็ไม่รับประกันแล้ว”
คาดว่าหากทางฝั่งนั้นได้ยินว่าเจียงซ่างเจินจะเข้าร่วมการ ค้าขายด้วย พรรคสิบแห่งคงมีถึงเก้าแห่งที่จะทิ้งประโยคหนึ่งไว้ให้กับ ราชสานักต้าหลีว่า ขอแค่ตัดขาที่สามของเจ้าโจรเจียงให้ขาดได้ก็จะ ไม่คิดเงิน มอบให้เปล่าๆ เลย!
ก็เหมือนอย่างศาลซานหลางที่เจียงซ่างเจินคุ้นเคยมากจริงๆ คุ้นเคยจนถึงขั้นที่ว่าขอแค่เขาโผล่หน้าไปที่นั่นก็จะมีคนมารับรอง เจียงซ่างเจินที่ปีนั้นเกือบจะได้เป็ นเขยของที่นั่นเป็ นอย่างดี
ใช ้นามแฝงอะไรนั่น เดิมทีก็ไม่ได้เป็ นปัญหาอะไร ปัญหานั้นอยู่ ที่ว่าปีนั้นเจียงซ่างเจินไปสานสัมพันธ ์กับผู้ฝึ กตนหญิงทายาทสาย ตรงของสกุลหยวนพร ้อมกันสองคน พูดถึงเรื่องการแต่งงานจนพวก นางอยากจะผูกสมัครเป็ นคู่บ าเพ็ญเพียรกับเขา
ส่วนตรอกเหล่าจวินแห่งนั้น แน่นอนว่าเจียงซ่างเจินก็ไม่ได้ละเว้น เคยไปเยือนอยู่หลายครั้ง ลาพังแค่ที่นั่นมีผู้ฝึกตนหญิงซ่งอวี๋อยู่ ก็ไม่ มีเหตุผลให้เจียงซ่างเจินไม่ไปเยือนหลายๆ ครั้ง
แต่ทั้งสองฝ่ ายไม่ได้มีเรื่องราวแต่หนหลังอะไรกัน ซ่งอวี๋นิสัยเย็น ชา ชอบเก็บตัวเงียบไม่ออกไปไหน คือสตรีที่หลงใหลอยู่กับการ หลอมวัตถุ มองเจียงซ่างเจินไม่ต่างจากมองคนตาย
แต่เจียงซ่างเจินมองนางกลับรู ้สึกว่า…งามชวนตะลึงอย่างยิ่ง
สตรีบางคน ล าพังแค่แผ่นหลังก็ฆ่าคนได้แล้ว
สตรีที่มีเสน่ห์เช่นนี้ ชั่วชีวิตนี้เจียงซ่างเจินเคยเห็นมาแค่สามคน เท่านั้น นอกจากซ่งอวี๋แล้วก็ยังมีอีกคน ทุกวันนี้อยู่บนภูเขาลั่วพั่ว
แต่เจียงซ่างเจินไม่กล้ามีความคิดไม่ซื่อใดๆ กระต่ายไม่กินหญ้า ข้างรังตัวเอง แล้วนับประสาอะไรกับที่อีกฝ่ ายยังเป็ นถึงผู้คุมกฏของ ภูเขาลั่วพั่วบ้านตนเชียวนะ!
ผู้เฒ่าโพล่งถามขึ้นมาว่า “เล่าลือกันว่าภูเขาชังกระบี่ได้ ครอบครองสมบัติพิทักษ์เรือนหกชิ้น คือกระบี่จาลองของกระบี่บิน แห่งชะตาชีวิตเชียนกระบี่หกเล่มที่ถูกขนานนามว่าเป็ นผลงานที่ แท้จริงอันดับหนึ่ง ส่วนที่โลกภายนอกรู ้ชื่อมีแค่สี่เล่ม แบ่งออกเป็ น “ชื่อจั่ว” “ซือจั้ย “เสินคาน” “ซวีหมีซาน’ อดีตเจ้าส านักเจียงรู ้หรือไม่ ว่ากระบี่จาลองอีกสองเล่มชื่อว่าอะไร?”
เจียงซ่างเจินรู ้จริงๆ เขารู ้เรื่องข่าวลับเรื่องวงในของในทวีป ชัดเจนดียิ่งกว่าใคร จึงตอบว่า “คือ “ทงโยว’ กับ ‘อิงสงจ่ง”
เจียงซ่างเจินถามอย่างใคร่รู ้ “เจ้ากรมผู้เฒ่าถามเรื่องนี้ไปทาไม? บนภูเขามีสหายทีการเงินติดขัดหรือ? แต่ว่ากระบี่จาลองพวกนี้ โดยทั่วไปแล้วมีแค่เงินก็หาซื้อไม่ได้หรอกนะ”
การค้าขายของภูเขาชังกระบี่ แต่ไหนแต่ไรมาก็คบค้ากับราช ส านักล่างภูเขาของอุตรกุรุทวีปไม่มาก หลักๆ แล้วเป็ นเพราะธรณี ประตูสูงเกินไป หากใช ้ค ากล่าวของเจียงซ่างเจินก็คือแค่เชือดหมูตัว อ้วน หลอกคนมีเงินเท่านั้น
ยกตัวอย่างเช่นตัวเจียงซ่างเจินเอง
ปีนั้นอีกแค่นิดเดียว อีกแค่นิดเดียวจริงๆ เขาก็จะซื้อสมบัติพิทักษ์ ภูเขาที่มีอีกชื่อว่า “เวินโหรวเซียง” (บ้านเกิดแห่งความอบอุ่น) เล่ม นั้นมาจากแม่นางคนหนึ่งที่แค่เห็นหน้าก็ถูกชะตากันมาได้แล้ว ภายหลังยังเป็ นเจียงซ่างเจินที่เกิดมีจิตสานึกขึ้นมาจึงเปลี่ยนใจ
กะทันหันไม่อย่างนั้นป่ านนี้ก็คงเก็บกระบี่จาลอง ‘อิงสงจ่ง” (สุสาน วีรบุรุษ) มาไว้ในกระเป๋ าได้นานแล้วกระบี่จาลองเล่มนี้สามารถใช ้ บารุงหล่อเลี้ยงแม่ทัพผีกองทัพหยินได้หลายหมื่นตน หากผู้ฝึ ก ลมปราณเรียกมันออกมาใช ้ก็เหมาะกับการต่อสู้แบบตะลุมบอนมาก ที่สุด
เสิ่นเฉินยิ้มเอ่ย “เมื่อหลายปีก่อน เดิมที่ราชครูชุยอยากจะสร ้าง สานักวิถีกระบี่ซึ่งเป็ นของทางการแห่งหนึ่งขึ้นมาในอาณาเขตของต้า หลี ข้าบังเอิญเป็ นหนึ่งในขุนนางที่ดูแลเรื่องนี้พอดี น่าเสียดายที่ทา ไม่ส าเร็จ”
อันที่จริงหากอิงตามสมมติฐานแรกเริ่มสุดของชุยฉาน หร่วนฉง คือตัวเลือกเจ้าสานักที่ดีที่สุดของสานักวิถีกระบี่แห่งนั้นจริงๆ หนึ่งคือ เดิมทีหร่วนฉงเองก็เป็ นช่างหลอมกระบี่อันดับหนึ่งของแจกันสมบัติ ทวีปอยู่แล้ว นอกจากนี้ภูเขาหลงจี๋ในกลุ่มของภูเขาใหญ่ทิศตะวันตก มีหน้าผาสังหารมังกรอยู่แถบใหญ่ขนาดนั้น สามารถนามาทาเป็ น ต้นทุนในการหยัดยืนของสานักวิถีกระบี่ได้ ส่วนตัวอ่อนผู้ฝึกกระบี่ที่ จาเป็ นสาหรับการแตกกิ่งก้านสาขา ผู้ถวายงานจานกานของต้าหลีก ลุ่มใหญ่ที่กระจายตัวกันไปอยู่ตามขุนเขาสายน้าของในทวีปตลอดทั้ง ปี พวกเขาก็ไม่ได้กินข้าวกันเปล่าๆ บวกกับผู้ฝึ กตนแผนภูมิดิน ของต้าหลี หยวนฮว่าจิ้งและซ่งซวี่ที่ต่างก็เป็ นผู้ฝึกกระบี่ ถ้าอย่างนั้น ต้นแบบและโครงสร ้างของสานักทั้งแห่งก็ได้ถูกวางมาไว้นานแล้ว
ภูเขาชังกระบี่ของอุตรกุรุทวีปจะเป็ นพันธมิตรของสานักกระบี่ แห่งนี้ ฟังจากน้าเสียงแล้วราชครูชุยน่าจะเตรียมลงมือกระตุ้นเรื่องนี้ ให้ส าเร็จด้วยตัวเอง
ไม่ไปแตะต้องสวนลมฟ้ า แต่ภูเขาตะวันเที่ยงจะต้องกลายเป็ น “ภูเขาเบื้องล่าง” ของสานักใหม่เอี่ยมแห่งนี้แน่นอน นอกจากนี้ใน อาณาเขตของราชวงศ์จูอิ๋งเก่าจะยังมีการสร ้างภูเขาเบื้องล่างแห่งที่ สองที่ผู้ฝึกตนในทาเนียบล้วนมีแต่ผู้ฝึกกระบี่ขึ้นมาด้วย หนึ่งสานัก สองภูเขาเบื้องล่างจะอยู่ในสถานการณ์ที่ถ่วงดุลกันและกัน สร ้างค่าย กลกระบี่สามแห่งขึ้นมาอย่างลับๆ สุดท้ายจะใช ้ป๋ ายอวี้จิงจาลองเป็ น ใจกลางค่ายกล ร่วมกับวิธีการมองลมปราณของกองโหราศาสตร ์ต้า หลี ราชสานักต้าหลีก็จะสามารถอาศัยสิ่งนี้ทั้งป้ องกันทั้งโจมตี เอาไว้ ใช ้เล่นงานผู้ฝึกตนขอบเขตบินทะยานโดยเฉพาะ
ส่วนภายหลังที่หร่วนฉงมารับหน้าที่เป็ นผู้ถวายงานอันดับหนึ่ง ของต้าหลี สร ้างส านักกระบี่หลงเฉวียนขึ้นมาบนชากปรักเก่าของถ้า สวรรค์หลีจู กลับอยู่ห่างจากสานักกระบี่ในความคิดของชุยฉานอยู่ มาก
เจ้ากรมผู้เฒ่ามองราชครูคนใหม่ของต้าหลีแวบหนึ่ง
หากพูดถึงการก่อร่างสร ้างตัวด้วยมือเปล่า เฉินผิงอันที่มาจาก ตรอกเก่าโทรม แน่นอนว่าถือเป็ นคนที่โดดเด่นมากพอแล้ว แต่หาก จะเทียบกับชุยฉาน ดูเหมือนจะยังขาดความหมายบางอย่างไป
เพียงแต่ว่าพอคิดแบบนี้ ผู้เฒ่าก็รู ้สึกทันทีว่าตัวเองช่างไร ้เหตุผล เฉินผิงอันถาม “ทางฝั่งของส านักโม่?”
เสิ่นเฉินกล่าว “เมื่อหลายปีก่อนก็เริ่มถอยออกไปจากต้าหลีแล้ว ส านักโม่ท าอะไรมีคุณธรรมอย่างมาก ไม่เพียงแต่ช่วยต้าหลีของพวก เราอบรมบ่มเพาะช่างบนภูเขากลุ่มใหญ่ยังทิ้งแผนที่ปึกใหญ่ไว้ที่กรม โยธาด้วย”
เฉินผิงอันหัวเราะ ดูท่าก่อนหน้านี้ฮ่องเต้จะเอ่ยไปตามมารยาท ซึ่งเป็ นคาพูดที่ได้ประโยชน์โดยไม่ต้องเปลืองแรง
เสิ่นเฉินกล่าว “ชุดคลุมอาคมของจวนไฉ่เชวี่ยยังมิอาจติด รายชื่อที่ศาลบุ๋นก าหนดไว้ได้ ค่อนข้างน่าเสียดาย”
เฉินผิงอันพยักหน้า “ย่อมต้องน่าเสียดายอยู่แล้ว แต่อันที่จริง กลับไม่ถือว่าอยู่เหนือการคาดการณ์สักเท่าไร”
การประชุมในศาลบุ๋นแผ่นดินกลางคราวก่อน ล าพังแค่เรือข้าม ฟากตระกูลเซียนก็มีการสั่งจองจากทวีปต่างๆ ถึงเจ็ดชนิดแล้ว ใน บรรดานั้นก็มีเรือขุนเขาและเรือกระบี่ที่สกุลซ่งต้าหลีร่วมมือกับส านัก โม่สร ้างขึ้นมา
อุตรกุรุทวีปมีวัตถุที่ผ่านการหล่อหลอมของบนภูเขาเกือบยี่สิบ ชนิดที่ถูกเลือก ชุดคลุมอาคมซึ่งเป็ นหนึ่งในนั้นก็มีแค่เสื้อเกราะวิเศษ ที่อ่อนเบาเหมือนเส้นด้ายของศาลซานหลางและชุดคลุมชิงเฮ้อของ
ตรอกเหล่าจวิน อย่างแรกมีไว้ให้กับผู้ฝึกลมปราณห้าขอบเขตกลาง อย่างหลังเอาไว้แจกจ่ายให้กับผู้ฝึกตนห้าขอบเขตล่าง
อันที่จริงชุดคลุมอาคมที่จวนไฉ่เขวี่ยเป็ นผู้ถักทอ หลังจากที่ได้ เวทลับในการหล่อหลอมบทหนึ่งของชุดคลุมอาคมนครจินชุ่ยมาก็ ก้าวข้ามบันไดไปขั้นใหญ่ อีกทั้งจวนไฉ่เชวี่ยยังยินดีที่จะไม่ให้ตัวเอง ได้ก าไร แต่ก็ต้องสร ้างชุดคลุมอย่างน้อยสองพันชุดให้กับศาลบุ๋นบ วกกับที่ระหว่างการประชุมของศาลบุ๋น ซ่งจ่างจิ้งแห่งต้าหลีได้แนะนา ชุดคลุมอาคมของจวนไฉ่เชวี่ยด้วยตัวเอง แต่ตอนนั้นก็ยังแค่ถูก ศาลบุ๋นเลือกไว้ในรายชื่อของตัวสารองเท่านั้นผลคือสุดท้ายก็ยัง ไม่ได้ติด “ต าแหน่งเสริม” ถูกปัดหล่นไป
ศาลบุ๋นให้เหตุผลที่ปัดตกไว้ว่า ต้นทุนชุดคลุมอาคมของจวนไฉ่ เชวี่ยสูงเกินไปปริมาณผลิตมีน้อยเกินไป
เพียงแค่เพราะจวนไฉ่เชวี่ยคือพรรคเล็ก ผู้ฝึกตนหญิงทาเนียบที่ ถูกเรียกขานว่า “สาวทอผ้า ก็มีกันอยู่แค่นั้น มิอาจผ่านมาตรฐาน “ปริมาณการผลิต” ที่ศาลบุ๋นต้องการได้จริงๆ
พอได้รับคาอธิบายเช่นนี้ ผู้ฝึกตนหญิงของจวนไฉ่เชวี่ยต่างก็ รู ้สึกผิดหวังกันมาก
ฉินผิงอันกลับคิดว่าไยจะไม่ใช่การปกป้ องอย่างหนึ่งที่ศาลบุ๋นมี ต่อจวนไฉ่เชวี่ยเล่า
หาไม่แล้วหากถูกเลือกขึ้นมา ศาลบุ๋นต้องสั่งซื้อชุดคลุมอาคม อย่างน้อยสองพันชิ้น ในเวลาหลายสิบปี ผู้ฝึ กตนหญิงของจวนไฉ่ เชวี่ยก็ไม่ต้องฝึกตนกันแล้ว ได้แต่ง่วนอยู่กับการทอชุดคลุมอย่างไม่ หยุดพักทั้งวันทั้งคืน
แน่นอนว่าหากอิงตามแผนการแรกเริ่มสุดที่เฉินผิงอันบอกกับ อู่ชวินผู้คุมกฏของจวนไฉ่เชวี่ยก็คือการวางแผนในระยะยาวอย่าง หนึ่ง ใช ้ความยากลาบากอีกทั้งยังไม่ได้กาไรมาแลกเปลี่ยนเป็ น รากฐานกิจการที่มั่นคงนานพันปีให้กับจวนไฉ่เชวี่ย
เสิ่นเฉินถามอีกว่า “ได้ยินมาว่าราชครูเฉินเป็ นสหายกับผู้ฝึ ก กระบี่หลิ่วซวี่หรือ?”
เฉินผิงอันพยักหน้า “มีมิตรภาพส่วนตัวต่อกันอยู่”
สกุลหลิ่วลาคลองหลัวหม่าคือเศรษฐีในท้องถิ่นที่มีน้อยจนนับนิ้ว ได้ของอุตรกุรุทวีปบรรพบุรุษแต่ละรุ่นล้วนท าการค้าออกเรือท่องทะเล ขึ้นเขาลงห้วย เท่ากับว่าเป็ นหน่วยคุ้มกันบนภูเขาที่ใหญ่ที่สุดของ อุตรกุรุทวีป เงิน ไม่แน่เสมอไปว่าจะมีมากเท่าส านักฉงหลิน แต่หาก จะพูดถึงชื่อเสียงบนภูเขาแล้วล่ะก็ สานักฉงหลินไม่คู่ควรที่จะถือ รองเท้าให้กับสกุลหลิ่วลาคลองหลัวหม่าด้วยซ้า
เจ้าประมุขผู้เฒ่าของสกุลหลิ่วคนปัจจุบันเป็ นสหายรักของบรรพ จารย์สกุลหยวนแห่งศาลซานหลาง ขนบธรรมเนียมประจ าตระกูล หลิ่วลาคลองหลัวหม่าเรียบง่ายชื่อสัตย์ อีกทั้งยังมีฐานะดีมาก แต่
กลับไม่เคยขอยศส านักจากศาลบุ๋น คือการร่ารวยเงียบๆ ตามแบบ ฉบับไม่เคยหวังในชื่อเสียงที่แท้จริง แต่คราวก่อนที่ศาลบุ๋นโยกย้าย เรือข้ามทวีปมาจากราชส านักและจวนเซียน สกุลหลิ่วลาคลองหลัว หม่ากลับเอาเรือออกมาทีเดียวสองลา ลาหนึ่งถือเป็ นการถูกเกณฑ์ ไปใช ้จาเป็ นต้องมอบให้ ส่วนลาที่สองเป็ นสกุลหลิ่วที่เป็ นฝ่ายมอบให้ เอง
เกี่ยวกับตระกูลนี้มีอยู่สองเรื่องที่คู่ควรแก่การพูดถึง
ครั้งหนึ่งคือผู้ฝึ กกระบี่ของอุตรกุรุทวีปจับมือกันเดินทางไกล ข้ามทวีปไปตาม “นัดหมายต่อสู้” ไปแย่งอักษรค าว่า ‘อุตร” มา จากธวัลทวีป
เพราะมีผู้ฝึกกระบี่หลายคนที่ขอบเขตไม่สูงมากพอ มหาสมุทร กว้างใหญ่ไร ้ที่สิ้นสุดการขี่กระบี่ข้ามมหาสมุทรเป็ นเรื่องที่เปลืองพลัง อย่างมาก ตอนนั้นเรือข้ามฟากของบนภูเขาทุกล าก็เป็ นสกุลหลิ่วที่ เอาออกมาเอง เหมาค่าใช ้จ่ายทั้งหมดในการเดินทางไกลครั้งนั้น
ฮว่อหลงเจินเหรินแห่งยอดเขาพาตี้ เทียนซือใหญ่ต่างแช่ของ จวนเทียนซือภูเขามังกรพยัคฆ์ ไม่ใช่ผู้ฝึกกระบี่ แต่กลับเป็ นผู้นาของ ผู้ฝึกกระบี่ทั้งทวีป ตอนนั้นเงินเหรินผู้เฒ่าก็นั่งอยู่บนหัวเรือของเรือล า หน้าสุด มักจะเอาโต๊ะสุรามาตั้งวางแล้วลากเจ้าประมุขสกุลหลิ่วมา “พูดคุยแย้มยิ้ม” กันเป็ นประจา คนหนึ่งบอกว่าตัวเองจน อีกคนก็บอก ว่าอันที่จริงข้าเองก็ไม่มีเงินเหมือนกัน
การข้ามทวีปครั้งนั้น หากการถามกระบี่ต่อทั้งทวีปไปชนกาแพง อยู่ที่ธวัลทวีป เรือข้ามฟากทุกลาของสกุลหลิ่วลาคลองหลัวหม่าก็จะ เท่ากับว่าถูกท าลายภายในวันเดียว คาดว่าแม้แต่เรือสักล าก็อย่าได้ หวังจะกลับอุตรกุรุทวีปไปได้
ดังนั้นภายหลังตลอดทั้งอุตรกุรุทวีป โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ฝึ ก กระบี่ต่างก็ต้องยอมรับน้าใจในครั้งนั้น และทุกคนก็ยินดีจะรับน้าใจ ครั้งนั้น
เรื่องที่สองก็คือเรื่องที่คนใต้หล้าในทุกวันนี้ต่างก็รับรู ้ สกุลหลิ่ว ลาคลองหลัวหม่าที่มีเงินเยอะแต่กลับบ้านนอกบ้านนา ในที่สุดก็มีผู้มี พรสวรรค์ใหญ่ที่เปี่ ยมล้นไปด้วยความ สามารถมีเสน่ห์ล้นเหลือ ปรากฏตัวเสียที
แน่นอนว่าคนผู้นี้ก็คือหลิ่วซวี่นายน้อยที่ไปอาศัยอยู่ที่กาแพง เมืองปราณกระบี่มานานยี่สิบกว่าปี
ที่แท้อุตรกุรุทวีปของพวกเรา นอกจากจะมีแสงกระบี่ตัดสลับ ฉวัดเฉวียนเหนือเก้าทวีปอยู่ที่กาแพงเมืองปราณกระบี่แล้ว ก็ยังมี กลิ่นอายแห่งบัณฑิตมีทักษะทางวรรณกรรมเปี่ยมล้นไปด้วยเสน่ห์ เช่นนี้ด้วย
หลังจากที่หลิ่วซวี่กลับบ้านเกิดก็ไปที่สานักกระบี่ไท่ฮุย ไปดื่ม เหล้ากับหลิวจึงหลงสองครั้ง น่าเสียดายที่ดื่มได้ไม่สาแก่ใจเท่าใดนัก
ผู้เฒ่าพูดเข้าประเด็นอย่างตรงไปตรงมาว่า “การที่พูดเรื่องนี้กับ ราชครูเฉินก็เพราะหลิ่วซวี่นายน้อยแห่งลาคลองหลัวหม่ากับหยวนเซ วียนแห่งศาลซานหลาง ตอนนี้ต่างก็มาเที่ยวเล่นกันอยู่ที่เมือง หลวงต้าหลี”
หยวนเซวียนแห่งศาลซานหลาง ถึงอย่างไรก็ยังอายุน้อยเกินไป โอกาสที่จะได้เป็ นเจ้าประมุขคนถัดไปมีไม่มาก ต้องอบรมปลูกฝังให้ เป็ นเจ้าประมุขรุ่นถัดจากนี้ไปอีก
แต่จากรายงานของทางสายลับ หลิ่วซวี่ได้เป็ นเจ้าประมุขของ สกุลหลิ่วลาคลองหลัวหม่าแล้ว เพียงแต่ว่าตอนนี้เขายังไม่ได้ดูแลกิจ ธุระต่างๆ บอกว่ารอให้เขาเลื่อนเป็ นขอบเขตหยกดิบเสียก่อน
เฉินผิงอันพยักหน้า “ออกจากที่ว่าการแล้ว ข้าจะไปพูดคุยราลึก ความหลังกับพวกเขาเสียหน่อย แสดงมิตรภาพของเจ้าบ้านให้เต็มที่”
นอกจากจะรู ้จักกันที่กาแพงเมืองปราณกระบี่แล้ว ผู้ฝึกกระบี่ที่มี “มิตรภาพส่วนตัว” กับเฉินผิงอัน อันที่จริงยังมีตอนที่เฉินผิงอันอยู่ อุตรกุรุทวีปด้วย เขามีสหายเยอะมากจริงๆ พูดถึงแค่คราวก่อนที่ ภูเขาลั่วพั่วจัดงานพิธีเฉลิมฉลองเลื่อนขั้นเป็ นสานัก ของขวัญที่ส่ง มาร่วมแสดงความยินดี หลิงหยวนกงเสิ่นหลินก็มอบหอเรือนและ ต าหนักแถบใหญ่ของต าหนักวารีหนันซวินเก่าให้ ส่วนหลี่หยวน หลงถิงโหวแห่งลาน้าใหญ่มอบน้าของลาคลองสีเขียวมรกตที่มี โชคชะตาน้าเข้มข้นมาให้หนึ่งสาย และยังมีหยวนหลิงเตี้ยนแห่งยอด
เขาจือเฟิงหลิวจื้อชิง ฯลฯ ชื่อของพวกเขาต่างก็ไม่ได้ถูกระบุในสมุด ที่เฉินผิงอันนามาเปิดเผยก่อนหน้านี้
ผู้เฒ่าพลันถามว่า “เฉียนถังจ่างคือเทพวารีระดับสูงที่มีน้อยจน นับนิ้วได้ ทางฝั่งศาลบุ๋นต้องมีการประชุมอย่างจริงจัง เขาเฉินเหวิน เชี่ยนก่อนหน้านี้เป็ นพ่อปู่ลาคลองที่กระโดดข้ามขั้นไปเป็ นหูจวินขั้น เจ็ดของทะเลสาบเหล่าอวี๋ แล้วจะให้มารับหน้าที่เป็ นเฉียนถังจ่าง โดยตรง จะผ่านมติของที่ประชุมศาลบุ๋นได้หรือ?”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “เกินครึ่งน่าจะผ่าน หากมีการตีตก ก็หนีไม่ พ้นว่าราชส านักจะต้องเลือกใครคนใดคนหนึ่งจากอู่อวิ๋นแห่งเจ๋อเจียง หรือไม่ก็เทพวารีลาคลองซู่เหอที่กรมพิธีการเป็ นผู้เสนอให้มารับ ตาแหน่งแทน ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอะไรหรอก”
เสี่ยวโม่รู ้สาเหตุของเรื่องนี้ดี
คุณชายของตนยังพูดให้ฟังดูคลุมเครืออยู่บ้าง เฉินเหวินเชี่ยน ไม่ได้ “เกินครึ่ง” จะผ่านแต่ต้องผ่านได้อย่างแน่นอน
ช่วงสุดท้ายของการปล่อยความคิดข้ามผ่านลาน้ามหาสมุทร สร ้างขุนเขาขึ้นมาของคุณชายครั้งนั้น เสี่ยวโม่กับปรมาจารย์มหา ปราชญ์และยังมีฉุนหยางหลวี่เหยียนเคยยืนอยู่ตรงจุดที่สูงที่สุดของ หอสยบปีศาจ ตอนนั้นปรมาจารย์มหาปราชญ์เอ่ยประโยคหนึ่งบอก ว่าจะให้ศาลบุ๋นจดชื่อเหล่านั้นลงบันทึก
รายชื่อฉบับนี้ หนึ่งในนั้นก็มีเงินจวินแห่งมหาบรรพตอย่างโจว โหยวแห่งภูเขาลุ้ยซานแผ่นดินกลาง แล้วก็มีโต้วแยนแห่งยอดเขา เตี๋ยอวิ๋น กงซินโจวแห่งภูเขาเซี่ยงเฝ่ย และเทพภูเขาน้อยๆ อย่างเหวย เว่ยแห่งสันเขาเฟินสุย
แน่นอนว่ายังมีเฉินเหวินเซี่ยนแห่งทะเลสาบเหล่าอวี๋ด้วย
เสิ่นเฉินลุกขึ้นยืน ยิ้มเอ่ยว่า “มีแขกมาเยือน เป็ นแขกที่หาได้ ยาก ดูจากท่าทางพวกเขาคงจะมาหาราชครูเฉิน ข้าจะให้คนไป จัดเตรียมห้องห้องหนึ่ง ปิ ดประตูลงแล้วก็สามารถดื่มเหล้าได้ตาม สบาย?”
เฉินผิงอันลุกขึ้นตาม “ไม่ต้องยุ่งยากขนาดนี้หรอก ข้าเจอพวก เขาแล้วเดินไปคุยกันไปก็ได้ เจ้ากรมผู้เฒ่าไม่ต้องส่งแขก”
ผู้เฒ่ายิ้มเอ่ย “ส่งแขก ต้องไปส่งแขกสิ ต่อให้ไม่นับสถานะเพื่อน ร่วมงานในวงการขุนนางก็ยังมีมิตรภาพของคนบ้านเกิดเดียวกันอยู่ นะ”
เฉินผิงอันยิ้มรับ
เซี่ยโก่วสวมหมวกขนเตียวกลับไปบนศีรษะดังเดิม ตาเฒ่าผู้นี้ พูดจาตลกขบขันไม่น้อย
ผู้เฒ่าบอกว่าส่งแขก อันที่จริงก็คือไปส่งที่หน้าประตูเท่านั้น
เจียงซ่างเจินเดินอยู่รั้งท้ายสุด เขาคุยเล่นกับผู้เฒ่าไปอีกหลาย ประโยค
คนที่มาหาเฉินผิงอันที่ที่ว่าการกรมกลาโหมล้วนเป็ นสมาชิกของ สายแผนภูมิดินต้าหลีพวกเขาสิบสองคนสามารถเข้าออกที่ว่าการ ต่างๆ ในเมืองหลวงได้อย่างอิสระ ไม่ต้องบอกกล่าวกับใครไว้ก่อน
วันนี้มากันสี่คน ไม่รู ้ว่าทาไมถึงมีแต่สตรี
เด็กสาวอวี๋อวี๋ หันโจ้วจิ่นอาจารย์ค่ายกล ก่ายเยี่ยนผีสาวที่เป็ น นักวาดขนคิ้วบนภูเขาโจวไห่จิ้งที่เพิ่งเข้ามารวมกลุ่มเมื่อไม่นานมานี้ นางคือผู้ฝึ กยุทธเต็มตัวเพียงหนึ่งเดียว ไม่พูดถึงรูปโฉม พูดถึงแค่ การแต่งกาย ปรมาจารย์ใหญ่หญิงผู้นี้ก็ยังคงสวมเครื่องประดับอัญ มณีละลานตาอยู่เหมือนเดิม
ของชิ้นเดียวบนร่างของโจวไห่จิ้งที่ไม่มีราคาค่างวดก็น่าจะเป็ น ถุงหอมที่ปักเป็ นลายนกนางแอ่นซึ่งห้อยไว้ตรงเอวแล้วกระมัง
อวี๋อวี๋รู ้สึกอยุติธรรมอยู่บ้าง นางคือคนที่ไม่อยากมาที่นี่ที่สุด แต่ ดันถู