กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1056.3 บัณฑิตที่เป็ นเช่นนี้ก็คือวีรบุรุษ
นางยิ้มเอ่ย “อีกอย่างก็คือเฟิงอี๋อยากถามอาจารย์เฉินว่าจะไป เยือนพื้นที่มงคลร ้อยบุปผาเมื่อไหร่”
เฉินผิงอันกล่าว “คนที่ต้องรีบร ้อนไม่ควรเป็ นพื้นที่มงคลร ้อยบุป ผาหรอกหรือ เฟิงอี๋รีบร ้อนอะไร”
อวี๋อวี๋กล่าว “ข้าแค่น าความมาบอก เฟิงอี๋คิดอย่างไร ข้าไม่รู ้ด้วย หรอก”
เฉินผิงอันพยักหน้า “รู ้แล้ว เดี๋ยวข้าจะไปคุยกับเฟิงอี๋เรื่องนี้เอง”
หันโจ้วจิ่นกุมหมัดเอ่ยขอบคุณ “คราวก่อนเจ้าส านักหลิวเดิน ทางผ่านเมืองหลวงได้ช่วยชี้แนะข้าไว้มาก ต้องขอขอบคุณอาจารย์ เฉินอีกครั้ง”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ไม่ต้องเกรงใจ “เซียนกระบี่หลิวของพวกเรา ชอบช่วยเหลือคนอื่นมาโดยตลอดอยู่แล้ว เขาไม่วางมาดหรอก”
หันโจ้วจิ่นท าท่าจะพูดแต่ไม่พูด คิดดูแล้วก็รู ้สึกว่าไม่ต้องพูด ดีกว่า
เจ้าสานักหลิวเป็ นคนเข้ากับคนอื่นได้ง่ายจริงๆ มีเสน่ห์อย่างมาก เป็ นเซียนกระบี่ แต่พอพูดถึงเรื่องค่ายกลกลับพูดด้วยถ้อยคากระชับ
เข้าใจง่าย ถ้อยคาบางเบาความหมายยิ่ง ใหญ่ทาให้หันโจ้วจิ่นได้รับ ผลประโยชน์มากมาย
แต่ดูเหมือนว่าความสามารถในการดื่มเหล้าของเจ้าส านักหลิวจะ ธรรมดา แค่ดื่มก็หน้าแดง อีกทั้งยังไม่ได้ติดเหล้าเป็ นชีวิตอย่างที่โลก ภายนอกเล่าลือกันด้วย
โจวไห่จิ้งกุมหมัดเขย่าแรงๆ คลี่ยิ้มสดใสเต็มใบหน้า เอ่ยว่า “ได้ ยินมาว่าวันหน้าพวกเราจะอยู่ในการดูแลของอาจารย์เฉินแล้ว โปรด ช่วยดูแลกันให้มากหน่อย ข้าน้อยจะซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง”
เฉินผิงอันยิ้มบางๆ “ได้เลย”
เซี่ยโก่วเหล่ตามองผู้ฝึกยุทธหญิงที่อายุไม่น้อยแล้วผู้นี้ นางรู ้สึก ไม่ถูกชะตากับอีกฝ่ ายเท่าใดนัก เหมือนกวนอี่อย่างไรอย่างนั้น เดิน ก้าวหนึ่งก็ต้องส่ายหน้าอกตามหลายที พวกเจ้าไม่รังเกียจว่าเป็ น ภาระบ้างหรือ
เห็นได้ชัดว่าก่ายเยี่ยนคือคนที่รู ้สึกขอบคุณอาจารย์เฉินที่เคย ถ่ายทอดวิชาความรู ้ด้านการค้าให้ตนอย่างจริงใจที่สุด ทาการค้า ยังคงเป็ นอาจารย์เฉินที่พึ่งพาได้มากกว่าใคร วันนี้ต้องขอความรู ้จาก เขาให้ดีๆ อีกครั้ง
แต่นางก็ยังบอกเล่าข่าวใหม่ล่าสุดที่เพิ่งออกจากเตาสองข่าวให้ เขาฟังก่อน ก็เหมือนอย่างที่โจวไห่จิ้งกล่าว เฉินผิงอันที่เป็ นราชครู
วันหน้าก็คือหัวหน้าเบื้องบนของพวกเขาสิบสองคนแห่งแผนภูมิดิน แล้ว ทั้งยังเป็ นหัวหน้าเพียงหนึ่งเดียวอีกด้วย
ราชสานักต้าหลีเพิ่งจะได้ข่าวมาว่าบุคคลอันดับหนึ่งของอุตรกุรุ ทวีปอย่างผู้ฝึกกระบี่ป๋ ายฉางได้ออกจากด่านมาแล้ว ฝ่ าทะลุขอบเขต ส าเร็จ ทุกวันนี้คือผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตบินทะยานแล้ว
นอกจากนี้ก็คือทางฝั่งของภูเขาตะวันเที่ยง เจ้าสานักจู๋หวงไป เยือนยอดเขาหม่านเยว่มารอบหนึ่ง ลงมือสังหารอาจารย์อาเซี่ยหย่วน ชุ่ยด้วยตัวเอง จากนั้นก็เปิดการประชุมศาลบรรพจารย์ที่ไม่อนุญาต ให้คนอื่นพูดขึ้นมา
เชื่อว่ายอดขายของรายงานขุนเขาสายน้าฉบับใหม่ล่าสุดของ จวนเซียนใหญ่ทั้งหลายในแจกันสมบัติทวีปจะต้องดีมากแน่ๆ
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า”
ส่วนทางฝั่งของป๋ ายฉาง การต่อสู้ครั้งนั้นเสร็จสิ้นไปนานแล้ว ก็ แค่ว่าข่าวบนภูเขาล่าช ้ากว่าเท่านั้น
พวกโจวไห่จิ้งทาสีหน้ามีเลศนัย
ยิ่งปกปิดยิ่งมีพิรุธนะนี่
ก็เหมือนอย่างรายงานภูเขาสายน้าของศาลลมหิมะที่บอกว่า ภูเขาตะวันเที่ยงกับภูเขาลั่วพั่วมีความสัมพันธ ์ดีเยี่ยมต่อกัน
ไม่อย่างนั้นเจ้าขุนเขาเฉินจะขึ้นเขาไปร่วมงานพิธีแสดงความยินดี ด้วยตัวเองเชียวหรือ?
จากนั้นเฉินผิงอันก็สอบถามถึงสถานการณ์การฝึกตนของผู้ฝึก ตนแผนภูมิดินคนที่เหลือ แน่นอนว่าล้วนได้ในค าตอบในทุกค าถาม รู ้ อะไรพวกนางก็บอกหมดอย่างไม่มีปิดบัง
ผู้ฝึ กตนบนภูเขาทั่วทั้งแจกันสมบัติทวีป บางทีอาจมีแค่ พวกอวี๋อวี๋เท่านั้นที่กลัวอิ่นกวานหนุ่มซึ่งมองดูเหมือนเป็ นคนอบอุ่น อ่อนโยนมากที่สุด ถึงขั้นที่ว่าผู้ฝึ กกระบี่ของภูเขาตะวันเที่ยงก็ยัง เทียบกับพวกเขาไม่ได้
สุดท้ายก่ายเยี่ยนรีบหาโอกาสใช ้เสียงในใจพูดคุยเรื่องส่วนตัว กับอาจารย์เฉินสอบถามว่าจะทาอย่างไรให้กิจการของโรงเตี๊ยมดียิ่งๆ ขึ้นไปอีก!
เฉินผิงอันหัวเราะไม่ได้ร ้องไห้ไม่ออก ได้แต่ฝืนมโนธรรมในใจ บอกไปว่าดีมากแล้วไม่มีค าแนะน าอะไรอีกแล้ว
ชื่อเสียงโรงเตี๊ยมแห่งนั้นของนาง ทุกวันนี้แทบจะฉาวโฉ่ไปทั่วหัว ถนนบนภูเขาต้าหลีอยู่แล้ว ขึ้นชื่อว่าหาเงินอย่างใจดาที่สุด
แต่ก็จ าต้องยอมรับว่าผู้ฝึ กตนหญิงแทบไม่มีใครยินดีเข้าพัก โรงเตี๊ยมแห่งนั้น แต่ผู้ฝึกลมปราณชายกลับเป็ นลูกค้าที่แวะเวียนมา เป็ นประจ า เพราะถึงอย่างไรก็สบายหูสบายตา
เห็นว่าก่ายเยี่ยนมีสีหน้าจริงใจ คิดว่าหากยังไม่พูดให้ ตรงไปตรงมาอีก นางก็คงจะเสนอเรื่องที่ให้พวกเขาร่วมมือกันหาเงิน แล้วค่อยแบ่งส่วนแบ่งกัน เฉินผิงอันจึงได้แต่เอ่ยว่า “ก่ายเยี่ยน ตอน นั้นข้าก็แค่ให้เจ้าระวังข้อพิถีพิถันในเรื่องหน้าตาของโรงเตี๊ยมเท่านั้น ไม่ให้ถึงขั้นที่ว่าแขกมาเข้าพักแล้วรู ้สึกเหมือนเข้าไปในเรือนผี ไม่ได้ บอกให้เจ้า…สุดโต่งขนาดนี้เจ้าคิดอย่างไรของเจ้า จัดหาสตรี มากมายขนาดนั้นมารออยู่หน้าประตู ไม่รู ้สึกว่ากลิ่นอายเครื่อง ประทินโฉมเข้มข้นเกินไปสักหน่อยหรือ?”
ก่ายเยี่ยนมีสีหน้าหม่นหมอง พลันหมดความกระตือรือร ้นที่จะหา เงิน
เฉินผิงอันสอดสองมือไว้ในชายแขนเสื้อ เดินเคียงบ่าไปกับก่าย เยี่ยนในระเบียง เอ่ยต่อว่า “แน่นอนว่าข้ารู ้ว่าหญิงสาวที่อยู่หน้าประตู โรงเตี๊ยมพวกนั้นล้วนเป็ นคนที่พลัดที่นาคาที่อยู่สูญเสียสถานะบน ทาเนียบไป พวกนางขอบเขตไม่สูง ชาติกาเนิดสะอาดบริสุทธิ์ เจ้าจะ ให้เงินเดือนที่มากพอให้กับพวกนางทุกคน และพวกนางก็ยินดีที่จะ ต้อนรับแขกอยู่ที่นั่น อืมนอกจากสตรีส่วนใหญ่ที่มีใจอยากจะตอบ แทนบุญคุณของเจ้าแล้ว เอ่ยประโยคที่ไม่น่าฟังสักค า ในบรรดาคน เหล่านี้ก็ไม่ขาดคนที่คิดอยากจะได้สามีที่มีฐานะร่ารวยบนภูเขา อันที่ จริงก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะถือว่าเป็ นความรู ้สึกทั่วไปของมนุษย์”
สีหน้าของก่ายเยี่ยนดีขึ้นเล็กน้อย
เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “ข้าจะให้คาแนะนาเล็กๆ น้อยๆ อย่างง่ายๆ สอง สามข้อก็แล้วกันตรงหน้าประตูให้เหลือผู้ฝึกตนหญิงไว้ต้อนรับแขก แค่สองคน คนอื่นๆ ที่เหลือให้กระจายกันไปอยู่ตามเรือนพักส่วนตัว แห่งต่างๆ หนึ่งคนต่อหนึ่งหลัง รับผิดชอบดูแลพวกแขกที่มาเข้าพัก ตัวต่อตัว ขอแค่เป็ นเซียนซือที่มาเข้าพักในโรงเตี๊ยม เรื่องอย่างการ ท่องเที่ยวหรือไปเยี่ยมเยือนใครในเมืองหลวง พวกเจ้าสามารถ ช่วยเหลือได้ จะนาทางให้หรือจะไปเป็ นเพื่อน ล้วนไม่ต้องเสีย ค่า ใ ช ้จ่า ย ดัง นั้ น เ จ้า ต้อ ง ใ ห้พ ว ก น า ง ท า ค ว า ม เ ข้า ใ จกับ ขนบธรรมเนียม สถานที่ท่องเที่ยวและอาหารอร่อยในเมืองหลวงให้ มาก ท่องจาให้ขึ้นใจเหมือนนับสมบัติในบ้านตัวเอง นอกจากนี้ก็ไป พูดคุยเรื่องการแบ่งส่วนแบ่งกับเหลาสุราขนาดใหญ่ไว้ก่อน ค่าใช ้จ่ายทั้งหมดของแขกที่โรงเตี๊ยมพวกเจ้าพาไป โรงเตี๊ยมจะต้อง ได้ส่วนแบ่งด้วย และเงินก้อนนี้พอถึงเวลาโรงเตี๊ยมค่อยแบ่งให้พวก นางอีกที ทางที่ดีที่สุดคือคิดบัญชีกันเดือนละครั้ง วันใดที่ส่วนแบ่งได้ มากกว่าเงินเดือน พวกนางย่อมใส่ใจมากยิ่งขึ้น อีกทั้งพวกนางก็ สามารถอาศัยโอกาสที่หาได้ยากยิ่งนี้ทาความรู ้จักคุ้นเคยกับพรรค บนภูเขาและผู้ฝึกตนบนท าเนียบของฝ่ ายต่างๆ ให้มากขึ้น เพื่อที่พวก นางจะได้มีเส้นสายเป็ นของตัวเอง ในบ้านพักทุกหลัง เจ้าต้องใส่ใจให้ มากหน่อย ต้องมีความพิเศษเป็ นของตัวเอง เครื่องประดับในห้อง หนังสือ อักษรภาพของโบราณ วัตถุที่สามารถใช ้ดูบุปผาในคันฉ่อง จันทราในสายน้าได้ ของพวกนี้ยิ่งมีมากเท่าไรก็ยิ่งดี เอาไปจัดวางไว้ ในห้องทุกห้อง แน่นอนว่าอย่าให้ธรรมดาและเยอะเกินไป หาไม่แล้ว
อะไรที่มากเกินไปก็ไม่ดี กลับกันยังจะได้ผลลัพธ ์ในทางตรงกันข้าม อีกทั้งบนโต๊ะให้วางสมุดเล่มเล็กไว้เล่มหนึ่ง มีการระบุถึงราคาข้าว ของเครื่องใช ้ทุกชิ้นในห้องอย่างชัดเจน ขอแค่แขกที่มาเข้าพักชอบ ของชิ้นใดก็สามารถซื้อกลับไปได้ วันหน้ารอให้แขกที่กลับมาเยือนมี เพิ่มมากเข้า ทุกครั้งทางโรงเตี๊ยมก็จะต้องจดบันทึกความชื่นชอบ ของแขกแต่ละคนไว้อย่างละเอียด หลังจากนั้นก็จะจัดหาสิ่งของให้ เหมาะกับคน คราวหน้าที่มาเยือนก็พาพวกเขาเข้าไปในเรือนพัก ส่วนตัวที่อิงตามความชื่นชอบของพวกเขาเอง ยิ่งเป็ นพวกลูกค้าราย ใหญ่ที่ไม่เห็นเงินเป็ นเงิน เจ้าก็ยิ่งต้องลดราคาให้ ลดจนพวกเขารู ้สึก เกรงใจ นอกจากนี้ก็แนะนาให้ลูกค้าสะสมเงินไว้ที่ห้องบัญชีของ โรงเตี๊ยม ไม่ว่าจะเป็ นตัวลูกค้าเองหรือสหายบนภูเขาของพวกเขา ใครที่มาเข้าพักที่โรงเตี๊ยมก็แค่บอกชื่อแก่พวกเจ้าก็พอ พวกเขาไม่ ต้องควักเงินเทพเซียนออกมาจากกระเป๋ าแม้แต่เหรียญเดียว ถือเป็ น การให้หน้าพวกเขาไม่มากก็น้อย อีกอย่างพวกเจ้าก็ยอมจ่ายเงินสัก หน่อย หาพรรคที่มีรายงานภูเขาสายน้ามาสักสองสามแห่งให้ช่วย เขียนบทความดีๆ ถึงพวกเจ้า แล้วก็ให้คนไปติดต่อกับท่าเรือที่อยู่ ใกล้เคียงและเรือข้ามฟากบนภูเขาบางลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งทาง โรงเตี๊ยมควรต้องสานสัมพันธ ์กับต าหนักฉางชุนให้ดี ให้ในบ้านพักที่ ราคาแพงที่สุดต้องมีเหล้าเซียนฉางชุนกาหนึ่งวางไว้บนโต๊ะ นอกจากนี้ก็ต้องให้ความสาคัญกับผู้ฝึกตนหญิงที่มาเยือนให้ดี จะ ปล่อยให้ชื่อเสียงบนภูเขาเสียหายไม่ได้เด็ดขาด หาเงิน หาเงิน หาก เอาเงินมาจากสตรีไม่ได้จะหาเงินก้อนใหญ่ได้อย่างไร ถ้าอย่างนั้น
โรงเตี๊ยมก็ต้องมีบุปผาในคันฉ่องจันทราในสายน้าเป็ นของตัวเองแล้ว เจ้าสามารถเป็ นฝ่ ายไปแจ้งกับที่ว่าการกรมอาญาได้ บอกไปว่า สามารถร่วมมือกันได้ ค่าตอบแทนก็คือให้โรงเตี๊ยมได้ยืมใช ้พื้นที่ ประกอบพิธีกรรมเปลือกหอยที่ทัศนียภาพงดงามโดยไม่ต้องเสีย ค่าใช ้จ่าย เจ้าไม่ต้องพูดอะไรมาก พวกเขาย่อมเข้าใจได้เอง อาศัย การรวบรวมข่าวบนภูเขาของโรงเตี๊ยม ทางฝั่งของกรมอาญามี ผู้เชี่ยวชาญอยู่แล้ว พวกเขาย่อมจัดการได้ดี ไม่ถึงขั้นที่ทาให้ ชื่อเสียงของโรงเตี๊ยมเสียหาย เมื่อเป็ นเช่นนี้ ทั้งเรื่องการกินการอยู่ โรงเตี๊ยมก็จะมีเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเองในทุกด้านแล้ว”
ดวงตาก่ายเยี่ยนเป็ นประกาย ว้าว ค าพูด ‘อย่างง่ายๆ ของ อาจารย์เฉินกลับไม่ธรรมดาเลยนะ
สมกับคากล่าวที่ว่าเพียงผู้เชี่ยวชาญลงมือก็รู ้แล้วว่ามีฝีมือจริง หรือไม่!
เซี่ยโก่วพูดด้วยเสียงในใจ “เสี่ยวโม่ เสี่ยวโม่ เจ้าขุนเขาของพวก เราท าการค้าเก่งมากเลยนะ”
เสี่ยวโม่ยิ้มกล่าว “เจ้าเพิ่งรู ้หรือ”
เซี่ยโก่วสงสัย “มีติดตัวมาตั้งแต่เกิดหรือ?”
เสี่ยวโม่ตอบ “แน่นอนว่าไม่ใช่ ต้องออกเดินทางไกลหมื่นลี้ อ่าน ตาราหมื่นเล่ม เห็นคนมาสารพัดรูปแบบ”
เฉินผิงอันผงกปลายคาง ใช ้เสียงในใจพูดคุยต่อ “อันที่จริงยอด ฝีมือด้านการท าการค้าอย่างแท้จริง ข้างหน้าก็มีอยู่คนหนึ่ง ไฉนเจ้า ถึงต้องสละใกล้เพื่อแสวงหาคนไกลตัวด้วยเล่า”
ก่ายเยี่ยนมองโจวไห่จิ้งที่เดินอยู่เบื้องหน้า เอ่ยอย่างไม่สบ อารมณ์ว่า “ไม่ค่อยถูกชะตากับนางนัก สตรีพูดนี้พูดจาระคายหูที่สุด น่าร าคาญจะตาย”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ไม่ถูกชะตากับนาง แล้วไม่ถูกชะตากับเงิน ด้วยหรือ? ขอแค่เป็ นสหายคู่ค้า ให้นางหาเงินได้ทุกวัน ดูสิว่านางจะ ยังลับฝีปากพูดจาเหน็บแนมเจ้าอีกหรือไม่”
ก่ายเยี่ยนถามหยั่งเชิง “ถ้าอย่างนั้นข้าจะลองดูนะ?” เฉินผิงอันพยักหน้า “ต้องลองดู” ก่ายเยี่ยนมีสีหน้าสดชื่นแจ่มใส
เฉินผิงอันกล่าว “ก่ายเยี่ยน สุดท้ายนี้ข้าจะเตือนเจ้าสักคา หา เงินอย่างจริงจังเป็ นเรื่องดี แต่อย่าลืมงานหลักของตัวเอง ตั้งใจฝึกตน ให้ดี”
ก่ายเยี่ยนพยักหน้ารับแรงๆ นางเอ่ยอย่างระมัดระวังว่า “อาจารย์ เฉิน กาไรที่ได้จากโรงเตี๊ยม ไม่ต้องเอามาแบ่งกันจริงๆ หรือ ข้ารู ้สึก เกรงใจมากเลยนะ”
เฉินผิงอันเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ตั้งใจฝึ กตนให้ดี ฝ่ าทะลุ ขอบเขตให้เร็วหน่อยย่อมดีกว่าอะไรทั้งหมด!”
ออกมาจากประตูใหญ่ของที่ว่าการกรมกลาโหม ฝั่งตรงข้าม ถนนก็คือศาลหงหลู
พวกอวี๋อวี๋ต่างก็เอ่ยขอตัวลากลับไป
แสงแดดค่อนข้างแยงตา เจียงซ่างเจินยื่นมือมาบังตรงหว่างคิ้ว ยิ้มถามว่า “แม่นางเซี่ย ได้ยินมาว่าเฟยเฟยถือเป็ นลูกศิษย์ของลูก ศิษย์เจ้าหรือ?”
เซี่ยโก่วเบ้ปาก “แม่นางน้อยผู้นั้นไม่ใช่แม้กระทั่งผู้ฝึกกระบี่ด้วย ซ้า ข้าไม่ยอมรับว่านางเป็ นลูกศิษย์ของลูกศิษย์อะไรหรอก แล้ว นับประสาอะไรกับที่นางเองก็ไม่รับบรรพบุรุษอย่างข้า ในเมื่อต่างก็ไม่ ยอมรับกันจะมานับเป็ นอะไรกันได้ ดังนั้นก่อนหน้านี้ตอนที่เจอกันที่ ล าคลองเย่ลั่ว พวกเราต่างก็แสร ้งท าเป็ นว่าไม่รู ้จักอีกฝ่ าย ขอให้ข้า เดาก่อนนะ เป็ นหย่างจื่อที่ปากมากบอกต้นอู๋ถงแห่งใบถงทวีปต้นนั้น ใช่ไหม? เหอะ แต่ละคนวอนโดนฟันกันจริงๆ”
เจียงซ่างเจินหันหน้าไปมองเสี่ยวโม่
เสี่ยวโม่ประหลาดใจ เกี่ยวกับข้าด้วยหรือ?
เซี่ยโก่วลูบหมวกขนเตียว ถามว่า “เจ้าขุนเขา ข้าสามารถไป ร าลึกความหลังกับเฟิงอี๋ได้หรือไม่”
เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “ตามสบาย จะได้ช่วยนาความของข้าไปบอก กับเฟิงอี๋ด้วย การเดินทางไปเยือนพื้นที่มงคลร ้อยบุปผา ให้เร็วหน่อย ก็ดี ส่วนเจ้าเดินทางไปกลับก็อย่าให้เกิดความเคลื่อนไหวอะไร เพราะ ถึงอย่างไรที่แห่งนี้ก็เป็ นสถานที่สาคัญของแคว้น ไม่ควรโอ้อวดตัวเอง มากเกินไป”
เซี่ยโก่วหัวเราะฮ่าๆ “เจ้าขุนเขาคิดมากเกินไปแล้ว ข้าคนนี้ไม่ เคยสนใจเรื่องหน้าตาหรอกนะ”
เสี่ยวโม่กล่าว “ข้าไม่ตามไปแล้ว ไม่สนิทกัน ไม่มีอะไรจะคุยกับ นาง”
ร่างของเซี่ยโก่วเปล่งวูบหายไปอย่างไร ้เสียง
แต่ข้างกายเฉินผิงอันกลับยังมีเด็กสาวสวมหมวกขนเตียวอยู่
เซี่ยโก่วมาถึงบริเวณใกล้เคียงกับซุ้มบุปผาในศาลเทพอัคคีใน ชั่วพริบตา เห็นว่าสตรีวัยกลางคนงดงามที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์กาลัง อ่านหนังสืออยู่ใต้ซุ้มองุ่นที่เถาวัลย์พันเกี่ยวกันดุจมังกร
ยามอ่านต ารา รอบกายเขียวขจี ตัวอักษรก็สะท้อนเป็ นสีเขียว สายลมเย็นพัดโชย สงบสุขรื่นรมย์
เซี่ยโก่วกวาดตามองไปรอบด้าน พูดด้วยภาษาถิ่นของเมืองเล็ก ที่สาเนียงถูกต้องดั้งเดิม “โอ้โห ใช ้ได้เลยนี่นา หาความสงบท่ามกลาง ความวุ่นวาย เข้าใจเลือกสถานที่จริงๆ”
เฟิงอี๋ปิดหน้าต าราลง เงยหน้ามองป๋ ายจิ่งที่อยู่ในรูปลักษณ์ของ เด็กสาว เอ่ยด้วยน้าเสียงนุ่มนวล “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
เซี่ยโก่วใช ้นิ้วโป้ งปาดจมูก “ไม่ต้องมัวเก็บงาแล้ว ข้าได้กลิ่น หอมของสุรา ที่มาก็เพราะเจ้านี่นี่แหละ”
เฟิงอี๋ไม่ขยับเขยื้อน มีหรือไม่มีสุรา เกี่ยวอะไรกับเจ้าป๋ ายจิ่งด้วย
ผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตบินทะยาน ใช่ว่านางจะไม่เคยเจอมาก่อนเสีย หน่อย ในความเป็ นจริงแล้วยังเคยเจอมาหลายคน
เซี่ยโก่วคลี่ยิ้มกว้าง สองมือกุมเป็ นหมัดวางไว้เบื้องหน้าแล้วเขย่า ใบหน้าเต็มไปด้วยแววประจบเอาใจ “เฟิงอี๋ ขอเหล้าให้ดื่มหน่อยเถอะ คอแห้งเหลือเกินแล้ว”
เฟิงอี๋ตั้งตัวไม่ทัน “ป๋ ายจิ่ง” ตรงหน้าผู้นี้ไม่ค่อยเหมือนป้ ายจึงสัก เท่าใดเลย
หรือว่าใช ้วิชาอภินิหารของยุคบรรพกาลบางอย่างมาดึงเอานิสัย ใจคอส่วนหนึ่งออกไปเหมือนเสี่ยวโม่?
เขี่ยโก่วนั่งลงบนเก้าอี้หินที่อยู่ด้านข้าง มือข้างหนึ่งกดลงบนโต๊ะ นิ้วมือห้าทั้งสลับกันเคาะหน้าโต๊ะ รอให้เฟิงอี๋เอาสุราดีออกมารับรอง แขก
เฟิงอี๋ลุกขึ้นมาที่โต๊ะ ถามว่า “เฉินผิงอันว่าอย่างไร?”
เซี่ยโก่วยิ้มกว้าง ทาท่าเงี่ยหูตั้งใจฟัง “ว่าไงนะ?!”
นางยกแขนข้างหนึ่งขึ้น ส่วนอีกข้างเอามือสอดเข้าไปในชาย แขนเสื้อ
กล่องกระบี่จิ๋วใบหนึ่งซ่อนอยู่ในชายแขนเสื้อ
ในกล่องมีกระบี่โบราณชื่อว่าชิงชาง (สีเขียวเข้ม)
ในยุคบรรพกาล กระบี่สั้นเล่มนี้มีอีกชื่อหนึ่งว่า “ชิงฉาง (ไส้ เขียว) สามารถท าให้เหล่าผู้ฝึกตนบนโลกมนุษย์ที่ได้เห็นแสงกระบี่ ของกระบี่เล่มนี้เสียใจจนไส้เขียว
คือกระบี่คือมังกรไม่มีอะไรต่าง ออกจากกล่องมาล้วนเป็ น เส้นตรง
เล่าลือกันว่ากระบี่เล็กอีกเล่มหนึ่งของป๋ ายจิ่งอยู่ในหน้าอก ถูก เก็บเป็ นความลับไม่แพร่งพรายให้ใครรู ้
เฟิงอี๋ยิ้มบางๆ “ขู่ข้าหรือ?”
เซี่ยโก่วสะบัดชายแขนเสื้อ หัวเราะฮ่าๆ “มิกล้า มิกล้า ถึงอย่างไร ก็ฆ่าเจ้าไม่ได้”
เฟิงอี๋ถอนหายใจเบาๆ
จากลากันหนึ่งหมื่นปี ได้กลับมาพบเจอกับคนรู ้จักเก่าอีกครั้ง ส่วนจะเป็ นศัตรูหรือเป็ นสหาย ดูเหมือนว่าจะไม่ส าคัญอีกแล้ว
เซี่ยโก่วโน้มตัวมาข้างหน้า นอนหมอบอยู่กับโต๊ะ กางสองมือ ออก “ตื่นมาครั้งนี้ ดูเหมือนว่านอกจากเสียวโม่แล้ว ทุกคนก็ล้วน แปลกหน้าไปหมด”
เฟิงอี๋ยิ้มกล่าว “นอนกับเขาแล้วหรือ?” เซี่ยโก่วเพียงแค่หัวเราะหึหึ
……
อาณาเขตทางเหนือของด้ค้าหลี ขุนเขาสูงตระหง่านลูกหนึ่งมีชื่อ เก่าว่าขุนเขาป๋ ายเยว่
ข้างกายกู้ช่านพามาแค่สาวใช ้ที่มีฉายาว่าซุนเซียวเพียงคนเดียว อาจารย์อาหญิงหันเชี่ยวเซ่อกลับนครจักรพรรดิขาวที่อยู่แผ่นดิน กลางไปแล้ว
ในศาลาข้างทางหลังหนึ่งของทางหลวง หลิวเสี้ยนหยางกับหญิง สาวสวมชุดผ้าฝ้ ายใบหน้ากลมยืนเคียงไหล่กัน รอคอยกู้ช่าน
หลิวเสี้ยนหยางมองกู้ช่านกับสตรีคนนั้น เขาเองก็ไม่เอ่ยอะไร เพียงแค่จุ๊ปากรัวๆ
เจ้าขี้มูกยึดน้อยใช ้ได้เลยนี่นา พอบุรุษมีเงินก็กลายเป็ นคนเลว จริงเสียด้วย ทุกวันนี้ออกจากบ้านมาก็รู ้จักพาสาวงามมาด้วยแล้ว จะ ช่วยอุ่นผ้าห่มให้ด้วยหรือไม่นะ?
ต้องรู ้ว่าอิงตามขนบธรรมเนียมของบ้านเกิดพวกเขา ต้องรอให้ พี่ชายแต่งงานเสียก่อนน้องชายถึงจะแต่งภรรยาได้
กู้ช่านคร ้านจะพูดอะไรกับหลิวเสี้ยนหยาง เพียงแค่มองไปยังเชอ เยว่ที่มาจากดวงจันทร ์เฮ่าไฉ่ของใต้หล้าเปลี่ยวร ้าง กุมหมัดยิ้มเอ่ย “กู้ช่านแห่งตรอกหนีผิงคารวะว่าที่พี่สะใภ้”