กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1057.2 มิอาจต้านทานฤทธิ์สุรา
เฉาเกิงซินเอ่ยค าพูดใหญ่โตอย่างไม่ละอายใจ “เจ้าขุนเขาเฉิน กับสหายดื่มเหล้าก็ส่วนดื่มเหล้า จดลงบัญชีของเหลาสุราก็ส่วนจด ลงบัญชี รองเจ้ากรมเฉาแห่งกรมขุนนางติดหนี้ก็ส่วนติดหนี้ เฉาเกิง ซินที่ยากจนต้องใช ้เงินคืนก็ส่วนใช ้เงินคืน”
หลิ่วซวี่ได้ยินแล้วก็รู ้สึกเลื่อมใสอย่างมาก ตนกับเฉาเกิงซินไม่ใช่ คนบนเส้นทางเดียวกัน ไม่อาจเข้าพวกกันได้ ไม่ต้องคุยมากก็รู ้แล้ว ว่ามิอาจเป็ นสหายกันได้ แต่เฉาเกิงซินกับเถ้าแก่รองต้องคุยกันอย่าง ถูกคอแน่นอน
เฉินผิงอันกุมหมัดยิ้มเอ่ย “ได้รับความกรุณาแล้ว ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้”
หลังจากนั้นเฉินผิงอันก็พาพวกหลิ่วซวี่ไปจากลานหลิวหลี ถาม หลิ่วซวี่ว่าเลือกโรงเตี้ยมไว้เรียบร ้อยแล้วหรือยัง หลิ่วซวี่บอกว่าตอนนี้ ยังไม่มีที่พัก เฉินผิงอันจึงแนะนาสถานที่แห่งหนึ่งให้ ทั้งยังบอกว่าอัน ที่จริงตัวเองก็ไม่คุ้นเคยกับโรงเตี๊ยมตระกูลเซียนแห่งนั้นสักเท่าไร เพียงแต่ว่าทุกวันนี้ที่นั่นมีชื่อเสียงอย่างมากบนภูเขาของแจกันสมบัติ ทวีป
หลิ่วซวี่ไม่คิดอะไรมากอยู่แล้ว ถึงอย่างไรคนที่จ่ายเงินก็คือหยวน เซวียน หยวนเซวียนเองก็ยิ่งไม่คิดมาก เดินทางมาที่ลานหลิวหลียัง
ไม่ได้จ่ายเงินเทพเซียนเลยสักเหรียญ ก าลังกลุ้มอยู่พอดีว่าไม่มีที่ให้ ใช ้เงิน
รอเจ้ากรมเฉาคืนม้านั่งตัวเล็กให้กับทางร ้าน ในที่สุดก็ได้ซื้อ ตาราหลายเล่มที่หมายตามานานสมดังใจปรารถนา
เถ้าแก่เบี้ยร ้านข้างกันที่เอาตาราออกมากางตากแดดเห็นภาพนี้ ก็ถามอย่างประหลาดใจ “ท าไมถึงท าให้ไก่ขนเหล็ก (เปรียบเปรยถึง คนขี้เหนียว) ยอมถอนขนตัวเองได้ กรอกยาลวงวิญญาณอะไรให้ เขาหรือ?”
เฉาเกิงซินยิ้มเอ่ย “ข้าบอกกับเหล่าหงไปว่า เมื่อครู่นี้คนที่ยืนคุย กับข้าหน้าประตูร ้าน ขอบขาก็คือเจ้าขุมเขาเฉินแห่งเขาภูเขาลั่วพั่ว เหล่าหงมีความสุขมากจึงมอนให้ข้าโดยไม่คิดเงิน
“ไม่ได้หลอกกันจริงหรือ?”
สตรีหันไปมองแผ่นหลังคนชุดเขียวที่เดินห่างไปไกลด้วยสายตา กึ่งเชื่อกึ่งกังขา พึมพัมว่า “รูปโฉมก็ไม่ได้หล่อเหลาสักเท่าไรเลยนี่นา ดูแล้วยังสู้เจ้าไม่ได้ด้วยซ้า”
จ าได้ว่าคราวก่อนร ้านหนังสือของลานหลิวหลีต้องมีบันทึก ขุนเขาสายน้าเล่มหนึ่งว่าขาย ยอดจาหน่ายไม่เลว พระเอกในเรื่อง ถูกบรรยายว่าเป็ นเด็กหนุ่มผู้มีมาดองอาจ ใบหน้างดงามราวกับหยก เจ้าชู้เปี่ยมเสน่ห์ คนชุดเขียวสะพายกระบี่ควบม้าออกท่องยุทธภพ
สาวงามล้วนดาหน้าเข้าหาโดยไม่ต้องเชื้อเชิญ จะขวางโชคด้าน ความรักอย่างไรก็ขวางไม่อยู่…
เฉาเกิงซินสอดตาราไว้ในสาบเสื้อตรงหน้าอก ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “เป็ นคนชื่อสัตย์ที่เหยียบพื้นเต็มเท้า ก็คือคนมีความสุขที่จิตใจ กว้างขวางร่างกายอุดมสมบูรณ์ กินก็อิ่มนอนก็หลับ”
เดินออกมาจากอาณาเขตของลานหลิวหลีที่ผู้คนจอแจแล้ว หลิ่วซวี่ก็ถามว่า “พวกเราจะไปดื่มเหล้าที่ลาคลองชางผูกันจริงๆ หรือ?”
เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “คิดอะไรอยู่น่ะ ขนาดใช ้หัวเข่าคิดยังรู ้เลยหาก ไปที่นั่นแล้วบอกชื่อเฉาเกิงซินไปจริงๆ จะมีประโยชน์กะผายลมอะไร เข้าร ้านเหล้าสิบร ้านต้องโดนไล่ออกมาเก้าร ้านแน่”
แล้วนับประสาอะไรกับที่กลิ่นอายเครื่องประทินโฉมในเหลาสุรา ของลาคลองชางผูค่อนข้างแรง สถานที่ที่ดื่มเหล้าอย่างเดียวมีไม่มาก เห็นได้ชัดว่ารองเจ้ากรมเฉามั่นใจว่าเจ้าขุนเขาเฉินไม่มีทางกล้าไป แน่
หยวนเซวียนปลุกความกล้าถามอย่างเขินอายว่า “เจ้าขุนเขา เฉินยังจ าข้าได้หรือไม่? คราวก่อนตกปลาที่แพของลาคลองถงหลวี่ ข้าเคยแนะนาตัวเองไปแล้ว ชื่อหยวนเซวียน มาจากศาลซานหลาง”
เฉินผิงอันพยักหน้ายิ้มเอ่ย “ต้องจาได้อยู่แล้ว จาได้อย่างชัดเจน เลย ตอนนั้นคุณชายหยวนอายุน้อยๆ ก็เป็ นคนมีประสบการณ์ใน ยุทธภพแล้ว มีน้าใจมีเมตตา ทาอะไรมีคุณธรรม”
สีหน้าของหยวนเซวียนสดใสขึ้นมาโดยพลัน หันไปมองคน ทั้งหลายที่อยู่ข้างกาย
เป็ นอย่างไรเล่า?!
นี่ยังใช่ประโยคเกรงใจตามมารยาทอีกหรือไม่?!
ผู้ฝึกกระบี่เฒ่าแสร ้งทาเป็ นตกตะลึง ฝานอวี้พยักหน้าเบาๆ ให้ การสนับสนุนดีมาก
หลิ่วซวี่รู ้สึกจนคาพูดอยู่บ้าง เจ้าหนูเจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่านี่ ไม่ใช่ค าพูดเกรงใจตามมารยาท?
เจ้าโง่น้อยอย่างหยวนเซวียนผู้นี้ ไปอยู่กาแพงเมืองปราณกระบี่ ต่อให้ในกระเป๋ ามีเงินเยอะแค่ไหนก็ไร ้ประโยชน์ เทียบกับเซียนกระบี่ เว่ยแห่งศาลลมหิมะแล้วก็คงไม่ได้ดีไปกว่ากันยังไง ล้วนจะต้องกลาย ไปเป็ นตัวเลขก้อนหนึ่งบนหน้าสมุดบัญชีของเถ้าแก่รองอย่างแน่นอน
ทั้งสองฝ่ ายพบกันครั้งแรกที่ทะเลสาบถงหลวี่ในหุบเขาผีร ้าย ตามบันทึกของ “รวมเล่ม วางใจ” ในท้องถิ่นมีปลาหลั่วที่พิเศษชนิด หนึ่ง ทั่วร่างมีแต่สมบัติเต็มไปหมด บนภูเขามีข่าวลือบอกว่าความลี้ ลับมหัศจรรย์ที่สุดของมันก็คือผู้ฝึกลมปราณกินปลานี้เข้าไปแล้วจะ ไม่ถูกฝันร ้ายใดๆ บนโลกมากวนใจ
ยิ่งผู้ฝึกตนขอบเขตสูงมากเท่าไรก็ยิ่งไร ้ความฝัน หากผู้ฝึกตน ไปถึงขอบเขตเซียนดินแล้วแต่ยังมีความฝันมาก แน่นอนว่าเป็ น เพราะการฝึกตนเกิดทางแยก ง่ายมากที่จะธาตุไฟเข้าแทรก จิตแห่ง มรรคาเสียการควบคุม
ตอนนั้นเฉินผิงอันไปเสี่ยงดวงที่ทะเลสาบหลวี่ถง หากตกปลาได้ ย่อมดีที่สุด ตกไม่ได้ก็ ไม่เป็ นไร
คราวก่อนหยวนเซวียนไปเที่ยวเยือนหุบเขาผีร ้ายก็ไปเสี่ยงดวง เช่นเดียวกัน แต่ไม่ได้สบายๆ เหมือนอย่างเฉินผิงอัน
เพราะอาหญิงของเขา หยวนอี้จื้อ นางได้ถูกฝันร ้ายรบกวนมา ยาวนานนับร ้อยปี ถึงได้ท าให้นางมิอาจฝ่ าทะลุคอขวดขอบเขต ก่อก าเนิดได้เสียที
แม้จะบอกว่าคนทั่วไปมองความผิดปกติของนางไม่ออกแม้แต่ น้อย แต่หยวนอี้จื้อกลับรูปโฉมโรยรามานานแล้ว หากยอดฝี มือ สามารถมองไปเห็นความจริงก็จะเห็นว่านางอยู่ในสภาพหนังหุ้ม กระดูกที่น่าอนาถอย่างยิ่ง
เพียงแต่ว่าสตรีรักความสวยงาม นางใช ้วิธีการจากยันต์ประเภท หนึ่ง แต่ถึงอย่างไรก็เป็ น “ภาพลวงตา” ที่เป็ นการหลอกลวงตัวเองทั้ง ยังหลอกลวงผู้อื่น ดังนั้นภายในเวลาร ้อยปีที่ผ่านมานางจึงปรากฏตัว แค่บางครั้งเท่านั้น ต่อให้เป็ นการประชุมในศาลบรรพจารย์ก็ยังไม่ไป เข้าร่วม คราวก่อนที่นางปรากฏตัวก็คือครั้งที่หลิวจึงหลงมาเยี่ยม
เยือนศาลซานหลางหยวนอี้จื้อถึงได้ฝืนทาตัวให้กระฉับกระเฉง ต่อให้ จะไม่ยินดีให้เขาเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงซึ่งจะเหมือนคนก็ไม่ใช่เหมือน ผีก็ไม่เชิง นางก็ยังหวังว่าสุดท้ายแล้วจะได้มองเขานานอีกหน่อย
นับตั้งแต่ที่เกาเฉิงวิญญาณวีรบุรุษของหุบเขาผีร ้ายหายตัวไป อย่างไร ้ร่องรอย เป็ นฝ่ ายละทิ้งนครจิงกวนไปด้วยตัวเอง หุบเขาผีร ้าย ที่เป็ นดั่งฝูงมังกรไร ้ผู้นาก็ไม่เหลือเรี่ยวแรงให้ต่อต้านภูเขามู่อีอีก สานักพีหมาจึงรับดูแลฟ้ าดินเล็กทั้งแห่งอย่างสมบูรณ์ และ ความสัมพันธ ์ระหว่างศาลซานหลางกับสานักพี่หมาก็ดีเยี่ยมอย่าง มาก ในเมื่อไม่มีเจ้าเกาเฉิงผู้นั้นคอยก่อกวนแล้ว ตอนนั้นจู๋เฉวียนที่ ยังไม่ออกจากตาแหน่งเจ้าสานักได้ยินเรื่องนี้ก็ทาการวิดน้าให้แห้ง เพื่อจับปลาเสียเลย บอกให้ผู้ฝึกตนกลุ่มหนึ่งร่ายเวทย้ายน้า รวบแห จับปลา ผลคือสามารถจับปลาหลีสีเงินที่ถูกเรียกขานว่า “เจียวแห่ง ทะเลสาบน้อย” ได้ไม่น้อย เนื้อค่อนข้างหยาบ ไม่เข้าตาพวกคนหิว โหย สิ่งเดียวที่มีค่าก็คือหนวดสองข้างของปลาหลีสีเงินที่มีอายุอยู่มา เกินร ้อยปีสามารถน ามาหลอมเป็ นเชือกพันธนาการปีศาจ เชือกกัก เขียนหรือไม่ก็พวกแล้ปัดฝุ่นได้
ปลาหลีสีเงินหลายตัวในบรรดานั้นมีเรือนกายใหญ่โต น้าหนัก ห้าร ้อยจินขึ้นไป เพียงแต่ว่าเมื่อเปรียบเทียบกับปลาหลั่วที่มีเฉพาะใน ทะเลสาบถงหลวี่แล้ว ปลาหลีสีเงินที่มีอยู่ในทะเลสาบใหญ่มากมาย ของอุตรกุรุทวีปก็ถือว่าเป็ นแค่ของธรรมดาทั่วไปเท่านั้น ส่วน ปลาหลั่วก็ถูกจับขึ้นมาพร ้อมกันได้คู่หนึ่ง แต่ว่าอายุต่างก็ไม่มากพอ
ถูกผู้ฝึ กตนสกุลหยวนนากลับไปที่ตระกูลหยวนอย่างระมัดระวัง หยวนอี้จื้อมองปลาหลั่วสองตัวนั้นแวบหนึ่งก็พูดแค่ว่าไม่มีประโยชน์
หยวนอี้จื้อเพียงแค่เอาปลาสองตัวไปเลี้ยงไว้ในอ่างน้าในลาน บ้าน เวลาว่างก็มักจะไปหยอกพวกมันเล่น ก็ไม่รู ้ว่าไร ้ประโยชน์จริงๆ หรือว่าไม่ยินดีจะแยกพวกมันออกจากกันกันแน่
หยวนเซวียนมีสีหน้าล าบากใจ “เจ้าขุนเขาเฉิน ข้าเดินทางมา เยือนแจกันสมบัติทวีปครั้งนี้ อันที่จริงก็เพื่อมา…หาท่าน ตั้งใจจะแวะ ไปดูซากปรักถ้าสวรรค์หลีจูต้าหลี แล้วค่อยไปที่ภูเขาลั่วพั่ว….”
หลิ่วซวี่เห็นว่าหยวนเซวียนค่อนข้างอึดอัด ผายลมตั้งนานยังไม่ เสร็จสักที ก็เลยช่วยเปิดปากพูดแทนว่า “ที่ศาลซานหลางของเขามีผู้ อาวุโสคนหนึ่งที่คุณสมบัติการฝึกตนดีเยี่ยม ชื่อว่าหยวนอี้จื้อ คือผู้ ฝึกตนหญิงที่คุณสมบัติยอดเยี่ยมมากคนหนึ่ง น่าจะเป็ นเมื่อหนึ่งร ้อย กว่าปีก่อน จิตแห่งมรรคาของนางถูกวัตถุประหลาดบางอย่างในซาก ปรักพื้นที่ลับแห่งหนึ่งแทรกซอน หลังจากนั้นขอแค่นอนหลับหรือ รวบรวมสมาธิหลอมลมปราณก็จะต้องถูกฝันร ้ายรุกราน เป็ นเหตุให้ หยุดรั้งอยู่ที่ขอบเขตก่อกาเนิดมานานมากแล้ว ดูจากสถานการณ์ ในตอนนี้ หยวนอี้จื้อคงอยู่ได้อีกแค่ไม่กี่ปี จิตวิญญาณก็จะแหลกเลว เหมือนโคลนเละๆ กองหนึ่ง แม้แต่เทพเซียนก็ยากจะช่วยได้ ดังนั้นจึง ต้องการปลาหลั่วตัวหนึ่งที่มีอายุขัยยืนยาวมากพอ ส่วนปลานี้จะ สามารถขับไล่ฝันร ้ายไปได้หรือไม่ เรื่องเล่าเป็ นจริงหรือเท็จสรุปแล้ว ก็คือเป็ นการรักษาม้าตายดั่งม้าเป็ นก็เท่านั้น”
เฉินผิงอันถามอย่างกังขา “ไม่เคยไปขอให้ยอดฝีมือช่วยหรือ?”
ชื่อเสียงของสกุลหยวนบนภูเขาดีขนาดนั้น ตามหลักแล้วด่านใน การฝึ กตนของผู้ฝึ กตนขอบเขตก่อกาเนิดคนหนึ่ง เชิญผู้ฝึ กตน ขอบเขตบินทะยานให้ช่วยเหลือก็น่าจะได้แล้ว
หลิ่วซวี่ส่ายหน้า “ถึงอย่างไรหยวนอี้จื้อก็เป็ นสตรีในห้องหอ (เปรียบเปรยถึงสตรีที่ยังไม่ได้แต่งงาน สตรีที่ต้องรอคนมาสู่ขออยู่ใน ห้องนอน) นางคงมีความลาบากใจบางอย่างที่ยากจะเอื้อนเอ่ยก็เลย ไม่ยินดีไปหาฮว่อหลงเจินเหรินที่ยอดเขาพาตี้ ศาลซานหลางเองก็ ไม่ได้บอกกล่าวกับเทียนจวินสกุลหยางหน่วยฉงเสวียน แรกเริ่มบรรพ จารย์ศาลซานหลางอยากจะแอบไปปรึกษาเรื่องนี้ลับหลังหยวนอี้จื้อ แต่หยวนอี้จื้อที่คาดการณ์ได้นานแล้วกลับทิ้งประโยคเด็ดขาดเอาไว้ บรรพจารย์สกุลหยวนจึงได้แต่ล้มเลิกความคิด นางมีนิสัยดื้อรั้น ไม่ ว่าใครก็ทัดทานไม่ได้”
เฉินผิงอันยิ่งมึนงงหนักเข้าไปใหญ่ ถามว่า “ถ้าอย่างนั้นทาไมถึง อยากจะมาหาข้าล่ะ?”
ฮว่อหลงเจินเหรินกับหยางเทียนจวินแห่งหน่วยฉงเสวียนคือบุรุษ แล้วข้าเป็ นสตรีหรือไร?
แม้จะบอกว่าตอนอยู่บนสนามรบของกาแพงเมืองปราณกระบี่ อิ่ นกวานหนุ่มเคยแต่งกายเป็ นผู้ฝึ กกระบี่หญิงมาก่อน เดิมทีเขาอา พรางตัวเองได้ดีมาก ภายหลังก็ไม่รู ้ว่าเรื่องนี้แพร่ออกไปได้อย่างไร
หากจะบอกว่าถูกความฝันประหลาดก่อกวนท าให้หลงงมงาย รู ้สึกเสียใจ ความคิดแรกของเฉินผิงอันก็คือลู่เฉินสามารถช่วย “คลี่คลายความฝันได้” เชื่อว่าจะต้องทาได้ง่ายแหมือนกวักมือเรียก มาแน่นอน
น่าเสียดายที่เวลานี้เจ้าลัทธิลู่กลับไปยังใต้หล้ามืดสลัวแล้ว
นอกจากนี้ก็คือลูกศิษย์ชุยตงชาน เขามีพรสวรรค์อย่างมากใน เรื่องของจิตวิญญาณแต่หากหยวนอี้จื้อไม่ยินดีให้ผู้ฝึกลมปราณชาย ลงมือช่วยเหลือก็จะยุ่งยากมากแล้ว
หาไม่แล้วการ “สาวเส้นไหม” ของเสี่ยวโม่ก็คือสุดยอดฝีมือเลย ทีเดียว
หลิ่วซวี่กล่าว “ตะพาบเฒ่าที่แต่งตั้งตัวเองเป็ นเฮยเหอต้าหวัง ใช ้ รังมังกรเก่าเป็ นพื้นที่ประกอบพิธีกรรม มันเลี้ยงปลาหลั่วสีทองที่มีอายุ ยาวนานมากพอไว้คู่หนึ่ง บอกว่าเป็ นสินเดิมของลูกสาว ลาพังแค่ใน ถ้ามังกรเก่า ตะพาบเฒ่าก็เลี้ยงมานานถึงแปดร ้อยปีแล้ว คาดว่าพวก มันน่าจะเป็ นบรรพบุรุษของปลาหลั่วแล้ว แต่จากข่าวลือเล็กๆ บางอย่าง โลกภายนอกเล่าลือกันว่าปีนั้นเจ้าไปเยือนหุบเขาผีร ้าย ตะพาบเฒ่าก็กลับไปฝึกตนในวัดอีกครั้งบรรพจารย์สกุลหยวนศาล ซานหลางเคยไปหาด้วยตัวเอง พอถามถึงได้รู ้ว่ามันพ่ายแพ้ต้องเสีย ทั้งโถใส่น้ากระเบื้องเคลือบและปลาหลั่ว ตะพาบเฒ่าเองก็จนปัญญา ได้แต่พูดว่าไม่อาจช่วยเหลืออะไรได้”
“ส่วนตะพาบน้อยที่เรียกตัวเองว่าฟูไห่หยวนจวิน และยังมีเหรียญ ทองแดงที่เป็ นต้นแบบเหรียญซึ่งยิ่งล้าค่ามากในถ้ามังกรเก่า ปีนั้นได้ หายไปอย่างลึกลับพร ้อมกันด้วย ทุกวันนี้ไปอยู่ที่ไหน ตะพาบเฒ่ายัง เคยขอร ้องบรรพจารย์หยวนว่าให้ช่วยตามหาที่อยู่ของลูกสาวมัน”
“เดิมก็เป็ นสินเดิมที่ตะพาบเฒ่าเตรียมไว้ให้นางอยู่แล้ว คงไม่ถึง ขั้นที่ว่าคนในบ้านจะเป็ นขโมยเสียเอง หากจะบอกว่านางหนีตามใคร ไป ด้วยรูปร่างของตะพาบน้อยหลังจากที่กลายร่างเป็ นคนได้แล้ว ใคร ที่กินได้ลงก็ถือว่าเป็ นวีรบุรุษคนหนึ่ง ข้ายังอยากจะรู ้จักเขาสักครั้ง ด้วยซ้า”
ฟังมาถึงตรงนี้ เฉินผิงอันก็กระจ่างแจ้งทันที สีหน้าจึงออกจะ กระอักกระอ่วนอยู่บ้าง
เจ้าขุนเขาเฉินที่ยึดมั่นในความเที่ยงตรง เปิดเผยผึ่งผาย มีอยู่แค่ ไม่กี่เรื่องเท่านั้นที่ไม่ค่อยอยากจะพูดถึง นอกจากเรื่องที่สวมรอยเป็ น ผู้ฝึกตนหญิงอยู่ในกาแพงเมืองปราณกระบี่แล้ว เรื่องเล่ามากมายที่ เกิดขึ้นในอุตรกุรุทวีป นอกจากการเดินทางไปเยือนหุบเขาผีร ้าย ยัง มีเรื่องที่ถูกภูตในภูเขาเชื้อเชิญให้มาประลองบทกวีกัน นอกจากนี้ก็ เป็ นการร่วมมือท าการค้ากับนักพรตซุนในซากปรักจวนเซียน…ถึง อย่างไรตอนนั้นก็อายุยังน้อย มักรู ้สึกว่าฟ้ าดินกว้างใหญ่ อีกทั้งยัง ไม่ได้อยู่บ้านเกิด ใครเล่าจะรู ้หรือจะจ าได้ว่าตัวเองท าอะไรไปบ้าง
ปีนั้นข้าผู้อาวุโสท่องเที่ยวอยู่ในอุตรกุรุทวีปก็เป็ นแค่ร ้านผ้าห่อ บุญที่ไม่รังแกเด็กและคนอ่อนแอ มีบ้างบางครั้งที่เก็บของผุพังมาได้
จะเหมือนกับบัณฑิตชุดดาที่เป็ นขโมยไม่เคยกลับไปมือเปล่า ผ่านไป ที่ใดหญ้าสักต้นก็ไม่เหลือได้หรือ?
การเดินทางไปเยือนหุบเขาผีร ้ายครั้งนั้น ต้องคอยปัดแข้งปัดขา กับ “ผู้ฝึ กตนอิสระ” หยางหนิงซิ่งเทียนจวินน้อยที่เรียกตัวเองว่าห ยางมู่เม่าซึ่งสังหารสามอสุภะได้สาเร็จอยู่ตลอด ทั้งร่วมมือกันหาเงิน ทั้งคอยเปลี่ยนมาใช ้สารพัดวิธีเพื่อเล่นงานอีกฝ่าย
คนหนึ่งคือหยางมู่เม่าที่เห็นความอยุติธรรมไม่ได้ คนหนึ่งคือเฉิน คนดีที่แค่เห็นเลือดก็เวียนหัว
ส่วนการกลับมาพบกันอีกครั้งเมื่อคราวก่อนของทั้งสองฝ่ าย ก็ เป็ นเมื่อครั้งที่อยู่ในนครบินทะยานของใต้หล้าห้าสีแล้ว
เฉินผิงอันกล่าว “หยวนเซวียน ปลาหลั่วสองตัวนั้นไปอยู่ที่ไหน ที่ข้ามีเบาะแสแค่ข้อเดียว แต่ตอนนี้ยังมิอาจยืนยันอะไรได้ ข้า สามารถช่วยเจ้าถามในทันที ช่วงนี้รอฟังข่าวจากข้าก็พอ”
กระจกสามภูเขา ปลาหลั่วสีทองของถ้ามังกรเฒ่าหนึ่งคู่ และยังมี เงินต้นแบบที่มีมูลควรเมืองเหรียญนั้น เซียนสันโดษบางคนของส านัก ชิงเต๋อเคยเป็ นผู้หลอมด้วยตัวเองนอกจากนี้ยังได้รับผลเก็บเกี่ยวไม่ น้อย ล้วนเป็ นบัณฑิตชุดดา “หยางมู่เม่า” ที่ไปปล้นสะดมได้มาจาก ในหุบเขาผีร ้าย ได้เงินมาอย่างสบายยิ่ง
เมื่อเทียบกับการเก็บตกของผุพังเล็กๆ น้อยๆ ที่ต้องเดินๆ หยุดๆ ไปตลอดทางของคนดี เอาโน้นมาผสมนี่ หาเงินอย่างยากลาบากแล้ว ก็ไม่อาจเทียบกันได้เลย
แม้ว่าตอนนี้เฉินผิงอันจะไม่รู ้ที่อยู่ของตะพาบน้อยและปลาหลั่วคู่ นั้น แต่ก็เดาได้ว่าตาหนักนภากาศจะต้องสลัดความเกี่ยวข้องไม่พ้น แน่นอน
อีกทั้งทุกวันนี้ในนามเขายังเป็ นอาจารย์สอนหมัดให้กับฮ่องเต้ บางคนของราชวงศ์ต้าหยวนด้วย
ในความเป็ นจริงแล้ว หลังจากที่ตะพาบน้อยตัวนั้นสวามิภักดิ์ ต่อหยางมู่เม่าแล้วก็ได้รับโชควาสนาแห่งภูเขาสายน้าครั้งหนึ่งจริงๆ ก็ เหมือนอย่างที่ตอนนั้นบัณฑิตชุดดาพูดอยู่ข้างลาคลอง ในบ้านของ เขามีหนังสือพระราชโองการแต่งตั้งที่ประทับตราลัญจกรของราช ส านักเรียบร ้อยแล้วอยู่มากมาย สะสมกันเป็ นกองใหญ่ แค่ต้องเขียน ชื่อลงไปก็สามารถไปดารงตาแหน่งเป็ นเทพแห่งภูเขาสายน้าได้แล้ว ตามข้อตกลง หรือควรจะพูดให้ถูกก็คือถูกหยางมู่เม่าที่ใจดาอามหิต ผู้นั้นข่มขู่ หลังจากตะพาบน้อยออกไปจากหุบเขาผีร ้ายก็ไม่กล้า แพร่งพรายร่องรอยของตัวเองเลยแม้แต่น้อย ส่วนปลาหลั่วสองตัวที่ เป็ น ‘สินเดิม” ก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับนางแม้แต่เหรียญ ทองแดงเดียวแล้ว ทุกวันนี้ถูกเลี้ยงอยู่ในสระน้าแห่งหนึ่งของหน่วยฉง เสวียน
เรื่องราวทางโลกและใจคนกี่มากน้อยที่หมุนเวียนเป็ นวงใหญ่ สุดท้ายแล้วก็ยังอยู่ที่เดิม
หยวนเซวียนกุมหมัดขอบคุณ
ระหว่างที่เดินทางมา ท่านลุงหลิ่วบอกแล้วว่าหากเถ้าแก่รองไม่ พยักหน้าตอบตกลงก็คงเป็ นว่า ขอแค่ตอบตกลง เรื่องนี้ก็ถือว่ามั่นคง ได้แล้ว