กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1061.2 ในดวงจันทร ์ สุราพอใช ้ได้
เฟยเฟยผู้ครองลาคลองเย่ถั่วคนใหม่ที่ป๋ ายเจ๋อชี้แนะมหามรรคา เส้นหนึ่งให้ เท่ากับเป็ นการบุกเบิกโฉมหน้าใหม่นอกเหนือจากเวทน้า
บวกกับปีศาจใหญ่บรรพจารย์กลุ่มของอู๋หมิงซื่อ กวนอี่ที่หวน กลับมายังโลกมนุษย์อีก ครั้งซึ่งแต่ละคนจะต้องมีการรับลูกศิษย์ เชื่อ ว่าตัวเลือกลูกศิษย์ พวกเขาคงไม่มีอิสระที่จะเลือกได้เองแล้ว โจวมี่ ต้องมีการจัดการไว้ตั้งแต่แรกแล้วแน่นอน อาจารย์และลูกศิษย์ทุกคู่ ในช่วงเวลาบางอย่างที่ถูกกาหนดไว้ ฝ่ ายหนึ่งพยายามถ่ายทอดวิชา ความรู ้ให้หมดหน้าตักขุนลูกศิษย์ให้อ้วนพี อาจารย์ถึงจะกินอิ่ม อีก คนหนึ่งก็ต้องตั้งใจฝึกตนสุดชีวิตเพื่อให้ตัวเองได้มีชีวิตรอด สองฝ่ าย เป็ นหินลับมีดบนมหามรรคาให้แก่กันและกัน สุดท้ายใครได้กินใครก็ ต้องอาศัยความสามารถของใครของมันแล้ว
แต่ไม่ว่าจะเป็ นใครที่รอดชีวิตมาได้ เปลี่ยวร ้างก็จะมีปีศาจใหญ่ ต าแหน่งสูงบนบนบัลลังก ์ราชาที่พลังพิฆาตโดดเด่นเพิ่มมาคนหนึ่ง ถึงขั้นที่ว่าอาจเป็ นผู้ฝึกตนขอบเขตสิบสี่เลยก็ได้
ข้าโจวมี่เคยกินขอบเขตสิบสี่และขอบเขตบินทะยานในเปลี่ยว ร ้างไปมากเท่าไร ภายในร ้อยปีจะต้องชดใช ้คืนให้กับเปลี่ยวร ้างเป็ น เท่าตัวแน่นอน
หากมองแค่ภายนอก
บัณฑิตโจวมี่ที่เปลี่ยนจากเจี่ยเซิงแห่งไพศาลไปเป็ นมหาสมุทร ความรู ้แห่งเปลี่ยวร ้างคือผู้ทาลายและผู้สร ้างกฎเกณฑ์ที่ถูกกาหนด ไว้ทั้งหมด
ถ้าอย่างนั้นย้อนกลับมามองอิ่นกวานหนุ่มที่เกิดการช่วงชิงบน มหามรรคากับอีกฝ่ ายเฉินผิงอันเพียงแค่ท าไปตามกฎเกณฑ์ก็จะเป็ น
ผู้ที่ได้ผลประโยชน์มากที่สุดท่ามกลางกฎเกณฑ์
ถ้าอย่างนั้นผู้ที่ได้ผลประโยชน์จากการได้รับการปกป้ องจาก กฎเกณฑ์ส่วนใหญ่ ก็จะต้องคอยรักษากฎเกณฑ์เดิมเอาไว้อย่างไม่ รู ้จักเหน็ดเหนื่อย สิ่งที่แสวงหาก็คือความมั่นคงของกรอบโครงสร ้าง ใหญ่ที่อนุญาตให้สถานการณ์มีการสั่นคลอนได้
เจ้าอารามผู้เฒ่ายื่นนิ้วโป้ งไปลูบชามเหล้า ชามขาวบนโต๊ะก็ หมุนติ้วเบาๆ เหล้าในชามกระเพื่อมเป็ นระลอกตามมา ยิ้มเอ่ยว่า “วิถี แห่งฟ้ าพังถล่ม แปดทิศเริ่มพลิกหมุน คือโอกาสคือชะตากรรม? นับ แต่โบราณจวบจนปัจจุบัน ในสถานการณ์เช่นนี้ พวกเราควรจะทา อย่างไร? หวนกลับคืนมาเป็ นหนึ่ง คือโอกาสคือชะตากรรม”
หวังหยวนลู่ยื่นคอยาวมองไปบนชามเหล้าบนโต๊ะ ทาท่าจะพูดไม่ พูด
เสี่ยวโม่พยักหน้าเบาๆ สหายปี้เซียวรับลูกศิษย์ที่ดี
เพราะนักพรตหนุ่มคนนั้นรู ้สึกว่าคากล่าวที่ว่า ‘หวนกลับคืนมา เป็ นหนึ่ง” ของอาจารย์บางทีอาจจะไม่แม่นย านัก
เสี่ยวโม่ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ในตาราบอกไว้แล้วว่า หากมนุษย์เรา สามารถอดทนต่อความอัปยศทั้งยังแบกรับภาระหน้าที่สาคัญได้ ลูกหลานในตระกูลจะต้องร่ารวยในภายหลังได้แน่นอน ก าแพงเมือง ปราณกระบี่กับคุณชายต่างก็ถือว่าสร ้างความสาเร็จให้แก่กันและ กัน”
เจ้าอารามผู้เฒ่าหัวเราะหึหึ “เมื่อก่อนจูเหลี่ยนเรียกนายท่าน ทุก วันนี้สหายเรียกคุณชาย เถ้าแก่รองของกาแพงเมืองปราณกระบี่ เฉินสืออีของหลายใต้หล้า ใต้โช่วเฉินเหนืออิ่นกวาน ฉายามี มากมายก่ายกอง คิดไม่ถึงว่าเด็กบ้านนอกขาเปื้อนโคลนที่เดิน เหยียบย่าขี้หมาขี้ไก่อยู่ในตรอกเก่าโทรมทุกวันจะกลายมาเป็ น คุณชายเฉินได้”
เสี่ยวโม่กล่าว “วิถีฟ้ าดาเนินอย่างแข็งขัน พลังแห่งดินรองรับ หมื่นสรรพสิ่ง วิญญูชนควรแสวงหาความก้าวหน้าให้ตัวเองอย่าง ต่อเนื่อง ปฏิบัติตามปณิธานไม่มีที่สิ้นสุด มีพื้นที่แห่งหนึ่งอยู่ในโลก มนุษย์ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร”
ปี นั้นนักพรตคนแรกที่เป็ นผู้นาเดินไปบนเส้นทางก็เคยสร ้าง ศาลาไว้ริมทางนับไม่ถ้วนแม้จะเรียบง่าย แต่กลับช่วยให้หลบลมหลบ ฝนได้
แล้วนับประสาอะไรกับที่ทุกครั้งที่นักพรตปักปิ่นไม้ถ่ายทอดเส้น สายแห่งมรรคาหรือวิชาคาถาบทหนึ่งก็ถือเป็ นศาลาริมทางที่มองไม่ เห็นหลังหนึ่ง
เจ้าอารามผู้เฒ่ายิ้มรับ เปลี่ยนเรื่องคุย “เสี่ยวโม่ เดิมทีข้าเตรียม ของขวัญแสดงความยินดีไว้สองชิ้นแล้ว อย่างทะเลเพลิงกับ ตาหนักไท่หยางที่ด้านในยังคงเหลือหอหลอมกระบี่อยู่แห่งนั้น แรกเริ่มข้าก็อยากจะมอบให้กับสหายป๋ ายจิ่งที่วันใดอาจได้ผูกสมัคร เป็ นคู่บาเพ็ญเพียรกับเจ้า ตอนนี้น่ะหรือ ขอโทษด้วย กลายเป็ นของ
หวังหยวนลู่ไปแล้ว”
นักพรตร่างผอมแห้งที่ยืนสอดมือไว้ในชายแขนเสื้ออยู่ใต้ชายคา ได้ยินเข้า หัวใจพลันบีบรัดตัว สมบัติชิ้นนั้นกลายเป็ นของในกระเป๋ า แล้ว อาจารย์ท่านผู้อาวุโสห้ามเปลี่ยนใจเด็ดขาดเลยนะ
เสี่ยวโม่ยิ้มเอ่ย “ไม่เป็ นไร ล้วนเป็ นของนอกกายทั้งนั้น”
ตอนนั้นในฐานะของขวัญรับลูกศิษย์ ได้มอบตาหนักจิ๋วขนาด เท่าฝ่ ามือให้กับหวังหยวนลู่ หรือก็คือตาหนักไท่หยางในตานานที่ถูก ท าลายพังภินท์ไปนานแล้ว
ทาเอานักพรตแซ่สวินที่มีฉายาว่า ‘จินจิ่ง” รู ้สึกอิจฉาตาร ้อนอยู่ ไม่น้อย
หลุมน้าลู่คือพื้นที่ประกอบพิธีกรรมของต้นต้นฮูหยินผู้ครอบ ครองชะตาน้าบนพื้นปฐพีของไพศาล เคยเป็ นหนึ่งในคฤหาสน์หลบ ร ้อนของเทพวารีหนึ่งในห้าเทพสูงสุดยุคบรรพกาล
แต่ระดับขั้นของตาหนักไท่หยางจะเหนือกว่าหลุมน้าสู่ระดับใหญ่ เล่าลือกันว่าสถานที่แห่งนี้นอกจากจะเป็ นพื้นที่ประกอบพิธีกรรมหลัก
ของเทพอัคคีแล้ว ยังเคยเป็ นหนึ่งในสถานที่หลอมกระบี่ของผู้ถือ กระบี่ด้วย
ตามคากล่าวของเด็กหนุ่ม ตาหนักไท่หยางแห่งนี้คือสมบัติที่อยู่ ในห้าอันดับแรกในบรรดาสมบัติมากมายของนายท่านบ้านตน
ขอแค่มีชีวิตอยู่มานานพอ ตบะสูงมากพอ ทรัพย์สมบัติก็จะ มากมายจนน่ากลัว
เสี่ยวโม่เป็ นเช่นนี้ เจ้าอารามผู้เฒ่าก็ยิ่งเป็ นเช่นนี้
ทรัพย์สินของป๋ ายจิ่งมิอาจเทียบกับสหายปี้เซียวได้ แต่เมื่อเทียบ กับเสี่ยวโม่แล้วก็ต้องเยอะกว่ามาก
หวังหยวนลู่ได้ยินคาพูดของผู้อาวุโสท่านนั้นก็พลันโล่งใจ ผู้ อาวุโสก็คือผู้อาวุโส มีมาดแห่งเซียนจริงๆ!
ไฉนอาจารย์ถึงมีสหายเช่นนี้ได้ หรือว่าเป็ นการเสริมนิสัยในส่วน ที่อีกคนขาดไป?
อันที่จริงยังคงเป็ นเพราะหวังหยวนลู่ไม่รู ้อดีตของเสี่ยวโม่ นึกว่าผู้ อาวุโสท่านนี้เกรงใจมีมารยาท ไม่ว่ากับใครก็ล้วน “พูดง่าย” แล้วจะ เป็ นคนที่พูดง่ายจริงๆ
ปีศาจใหญ่หย่างจื่อและจูเยี่ยนกลับไม่แน่เสมอไปว่าจะรู ้สึกว่า เสี่ยวโม่เป็ นคนพูดง่ายแล้ว
การที่เจ้าอารามผู้เฒ่าเป็ นสหายรักกับเสี่ยวโม่ได้ ข้อหนึ่งที่ ส าคัญมากก็คือ ในยุคบรรพกาลเสี่ยวโม่ชอบถามกระบี่กับคนอื่น มาก นี่ถูกกับนิสัยใจคอของเขาอย่างยิ่ง
ตอนนั้นเพื่อหลบเลี่ยงป๋ ายจิ่ง เสี่ยวโม่จาต้องมาเยือนชายหาดลั่ว เป่า ถามกระบี่กันไปกี่ครั้ง เจ้าแห่งถ้าปี้เซียวก็มอบเหล้าให้กี่ไห เรียก
ได้ว่าสองฝ่ายดื่มกันอย่างเต็มคราบ
เจ้าแห่งถ้าปี้เซียวที่ “พอออกจากถ้ามาก็ไร ้ศัตรูทัดทาน จุดที่ละ เว้นคนอื่นได้ไม่เคยละเว้นใคร” จะปล่อยให้เสียชื่อได้อย่างไร
และล าพังแค่กับป๋ ายเจ๋อที่เผ่าปีศาจแทบทุกคนต่างก็ต้องเรียก ขานด้วยความเคารพว่า “นายท่านป๋ าย” เสี่ยวโม่ก็เคยตีกับเขาถึง สองครั้ง
ครั้งหนึ่งรู ้สึกว่าป๋ ายเจ๋อที่ชอบคลุกคลีอยู่กับจอมปราชญ์น้อย ตลอดเวลาท าอะไรไม่เข้าท่า ขอบเขตไม่ได้เรื่อง ต้องฟันเขาสัก หน่อย
และยังมีอีกครั้งหนึ่งที่รู ้ทั้งรู ้ว่าเป็ นไปไม่ได้ แต่ก็ยังจะทาอยู่ดี
แต่ว่าการถามกระบี่ครั้งนี้เป็ นเรื่องใหม่ที่เกิดขึ้นหลังจากได้หมัก เหล้ากับสหายปี้เซียวแล้ว
เพียงแค่เพราะเสี่ยวโม่ไม่เข้าใจว่าในเมื่อป๋ ายเจ๋อเป็ นเผ่าปีศาจที่ อยู่บนเส้นทางเดียวกัน ไฉนถึงต้องช่วยจอมปราชญ์น้อยที่เป็ นเผ่า มนุษย์สร ้างติ่ง (ภาชนะลักษณะคล้ายกระถางมีหูมีขาตั้ง) เก้าใบไว้บน
ยอดเขาของไพศาล แล้วสลักชื่อจริงของเผ่าปีศาจนับไม่ถ้วนลงไป ด้วย
ตอนนั้นสรวงสวรรค์ได้ ไปสู่ปรโลก” แล้ว โลกมนุษย์ถูกแบ่งให้ อยู่ใต้ฟ้ า ตั้งอยู่บนพื้นดิน ตอนนั้นป๋ ายเจ๋อได้อาศัยเวทคาถาสูงต่า พิสูจน์ตัวเองจากศึกเดินขึ้นฟ้ าไปแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิชา อภินิหารแห่งชะตาชีวิตที่สามารถมอบชื่อได้ที่ทาให้ผู้ฝึ กตนเผ่า ปีศาจปวดหัวกันอย่างมาก เคยมีปีศาจบรรพกาลกลุ่มหนึ่งที่รู ้สึกว่า ไม่ควรอนุญาตให้ “นักพรต” ที่เป็ นเช่นนี้มีชีวิตอยู่รอด เป็ นเหตุให้ บางครั้งที่ป๋ ายเจ๋อออกเดินทางท่องไปในใต้หล้าเพียงล าพังก็เคยถูก ซุ่มโจมตีซึ่งผ่านการวางแผนมาแล้วอย่างรอบคอบ
ส่วนผลลัพธ ์ ยกตัวอย่างเช่นกวนอื่ที่นอนหลับไปหมื่นปีก็เพื่อไป รักษาบาดแผล คนอื่นๆ ที่ไม่ได้ไปรักษาบาดแผล แน่นอนว่าจุดจบ ย่อมอเนจอนาถมากยิ่งกว่า ชื่อจริงถูกป๋ ายเจ๋อดึงออกไปแล้วกาจัดทิ้ง ทั้งหมด แต่ละคนต่างก็ถูกบีบให้ต้องสละร่างไปจากโลกนี้
ปี ศาจที่ล้อมโจมตีป๋ ายเจ๋อก็ไม่ต่างจากมังกรแท้จริงแห่ง มหาสมุทรและลาน้าที่ล้อมสังหารเฉินชิงตู
ยิ่งจานวนมาก ผลงานทางการสู้รบของฝ่ายหลังก็ยิ่งมีมาก
เจ้าอารามผู้เฒ่าร ้องเอ๊ะ “ของสิ่งนี้มอบให้กับป๋ ายจิ่ง ไม่ได้มอบ ให้เจ้าเสียหน่อย หรือจะบอกว่าทุกวันนี้ความสัมพันธ ์ของพวกเจ้าไม่ เหมือนวันวานก็เลยทาตัวไม่ห่างเหินเช่นนี้แล้ว”
เสี่ยวโม่ยิ้มเจื่อน “หัวข้อสนทนานี้ สหายปี้เซียวจะไม่ยอมอ้อม ผ่านไปเลยสินะ”
เจ้าอารามผู้เฒ่าใช ้นิ้วเคาะผิวโต๊ะเบาๆ น้าในถ้วยก็เริ่มกระฉอก ไปมา อาศัยสิ่งนี้มาปิดบังความลับแห่งสวรรค์ จากนั้นใช ้เสียงในใจ พูดกลั้วหัวเราะเบาๆ ว่า “ผินเต้าก็แค่ร ้อนใจแทนเจ้าตาหนักอู๋เท่านั้น”
เฉินผิงอันกับหนิงเหยา หลิวเสี้ยนหยางกับเซอเยว่ หรือเสี่ยวโม่ กับป๋ ายจิ่ง และยังมีเจ้าคนโชคดีสวีเจวี้ยนกับเจาเกอฉายาฟู่ คาน…
ทุกครั้งที่โลกมนุษย์มีคู่รักเทพเซียนที่เป็ นคู่สร ้างคู่สมเช่นนี้เพิ่ม เข้ามา ถ้าอย่างนั้นตบะขอบเขตสิบสี่ของอู๋ซ่วงเจี้ยง จุ๊ๆๆ นั่งเสวยสุข ประหนึ่งเรือลอยสูงขึ้นตามน้า!
พูดถึงแค่สวีเจวี้ยนผู้ฝึกตนผีหนุ่มที่มาจากสานักต้าเฉา ไฉนถึง ได้โดดเด่นขึ้นมาภายในเวลาเพียงหกสิบปี คิดจริงๆ หรือว่าเป็ น เพราะฐานกระดูกของเขายอดเยี่ยมคุณสมบัติเลิศล้า อีกทั้งยังมีโชค ดีมหาศาลค้าฟ้ า?
ต้องรู ้ว่าสวีเจวี้ยนไม่ใช่ผู้ฝึกลมปราณที่มีกลอุบายลึกล้า คิดอ่าน รอบคอบ บนเส้นทางของการฝึกตน เขามักจะลงมือทาเรื่องต่างๆ ไป ด้วยความเลือดร ้อน บุกรุดหน้าอย่างไม่หวั่นไหว
แน่นอนว่าจิตแห่งมรรคาที่หนักแน่นมั่นคง พฤติกรรมที่เที่ยงตรง ชื่อสัตย์ การลงมือทาเรื่องต่างๆ โดยแบ่งแยกถูกผิดชัดเจนของตัวสวี เจวี้ยนเองก็ท าให้คนต้องหันมามองเขาเสียใหม่จริงๆ
แต่คนประเภทนี้หากเป็ นเต้ากวานของป๋ ายอวี้จิงยังพูดได้ง่าย หรือหากเป็ นลูกศิษย์ผู้สืบทอดของศาลบรรพจารย์สานักชั้นสูงบาง แห่งก็ยังพูดได้ง่ายเหมือนกัน แต่จุดเริ่มต้นในการฝึ กตนของสวี เจวี้ยนกลับต่ามาก สถานะต่าต้อย แล้วนับประสาอะไรกับที่กว่า สติปัญญาจะเปิดออกก็สายมากแล้ว ในส านักต้าเฉา การฝึกตนใน ช่วงแรกของสวีเจวี้ยนเรียกได้ว่าแม้แต่จะก้าวเดินก็ยังยากล าบาก อย่าว่าแต่ผู้มีพรวรรค์ เมล็ดพันธ ์แห่งมรรคาอะไรเลย ปี นั้นเมื่อเทียบ กับศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมสานักที่พากันฝ่ าทะลุขอบเขตแล้ว คุณสมบัติ ในการฝึกตนของเขาไม่ถึงระดับกลางค่อนไปทางล่างด้วยซ้า ได้แต่ อยู่รั้งท้ายเท่านั้น
นี่จึงเป็ นเหตุให้ทุกย่างก้าวในการเดินขึ้นสู่ที่สูงของสวีเจวี้ยนจึง เป็ นแผนการอยู่เบื้องหลังและการปกป้ องมรรคาอย่างลับๆ จากอู๋ซว งเจี้ยง อันตรายในแต่ละครั้งที่สวีเจวี้ยนต้องเผชิญถึงได้คลี่คลายไป ได้
ระหว่างที่อู๋ซวงเจี้ยงปิดด่านผสานขอบเขตสิบสี่ อู๋ซวงเจี้ยงอาจจะ เป็ นอู๋ซวงเจี้ยงที่เป็ นจิตหยินออกเดินทางไกลที่คอยแอบสร ้างสะพาน ปูเส้นทางให้กับคนหนุ่มของพรรคต้าเฉาผู้นี้อยู่ตลอด
แน่นอนว่าสิ่งที่อู๋ซวงเจี้ยงมอบให้ สวีเจวี้ยนก็สามารถรับไว้ได้ใน ทุกครั้งด้วย และนี่ก็คือการพิสูจน์ให้เห็นถึงความไม่ธรรมดาของสวีเจ จี้ยน
ปีนั้นพรรคต้าเฉาและภูเขาเหลี่ยงจิงที่เป็ นคู่แค้นกันมาหลายยุค หลายสมัยแต่งงานเชื่อมสัมพันธ ์กัน สวีเจวียนแต่งงานเป็ นคู่ครองกับ บรรพจารย์หญิงผู้บุกเบิกภูเขาของภูเขาเหลี่ยงจิง อายุขัยในการฝึก ตนของสองฝ่ายต่างกัน ขอบเขตต่างกัน ใครเล่าจะกล้าเชื่อ?
แล้วนับประสาอะไรกับที่สานักชั้นสูงสองแห่งนี้ พูดถึงแค่สานัก เบื้องล่างของแต่ละฝ่ ายล้วนถูกอีกฝ่ ายทาลายทิ้งไปหมดแล้ว ยิ่งไม่ ต้องพูดถึงต้นกล้าในการฝึ กตนที่เดิมที่ควรมีอนาคตรุ่งโรจน์ไร ้ ขีดจากัดในประวัติศาสตร ์ที่พบเจอกับเรื่องไม่คาดฝันมากมายจน ตายไปก่อนวัยอันควรพวกนั้น
ตอนนั้นผู้ฝึกตนใหญ่ที่นั่งอยู่บนโต๊ะประธานงานแต่ง ลาพังแค่ สิบคนในใต้หล้าของมืดสลัวในเวลานั้นก็มีถึงสี่คน อวี้โต้ว ลู่เฉิน อู๋ โจว ซุนไหวจง
อันที่จริงยังมีสหายต่างวัยของสวีเจวี้ยนอีกคนหนึ่งซึ่งเป็ นผู้ฝึ ก ยุทธเต็มตัว บุคคลอันดับหนึ่งบนวิถีวรยุทธที่ถูกเรียกขานว่า “หลิน ซือ’ หลินเจียงเซียนแห่งยาซาน เพียงแต่ว่าตอนนั้นหลินเจียงเซียน ไม่ได้เปิดเผยตัวตน แค่เลือกที่นั่งในมุมดื่มเหล้าไปง่ายๆ เท่านั้น
อู๋โจวกับเจาเกอ นักพรตหญิงสองคนคือสหายรักที่รู ้จักกันมา นานแล้ว
หนึ่งในของขวัญร่วมแสดงความยินดี นอกจากอู๋โจวจะมอบ คาถาในการหลอมวัตถุบทหนึ่งให้กับสวีเจวี้ยนที่เป็ นผู้นาของทั้งสอง
สานักแล้ว ยังมอบคาถาผู้ฝึกตนผีชั้นสูงอีกบทหนึ่งให้กับสวีเจจี้ยนที่ กลายเป็ นผีด้วย
สวีเจวี้ยนที่มีบุญบารมีลึกล้า อีกทั้งโชคด้านความรักยังไม่เลวผู้ นี้มีประโยคติดปากว่า “นี่ก็ดีมากแล้ว
และยังมีแขกผู้สูงศักดิ์อีกส่วนหนึ่งที่แม้จะไม่ได้มาร่วมงานแต่ง ด้วยตัวเองแต่กลับส่งของขวัญมาตามเทียบเชิญ ยกตัวอย่างเช่นเกา กูแห่งต าหนักหัวหยาง เหยาชิงเสนาบดีรูปงามของราชส านักชิงเสิน ป๋ ายโอ่วผู้เป็ นราชครู เป็ นต้น
สานักและเต้ากวานที่มีหน้ามีตาแทบทั้งหมดในใต้หล้าแห่งหนึ่ง ต่างก็พากันมอบของขวัญและเอ่ยถ้อยค าแสดงความยินดีต่อพวกเขา อย่างไม่ขี้เหนียว
การแสดงความยินดีและการนั่งลงของผู้บรรลุมรรคาทุกคน เป็ น ทั้งหน้าตาให้กับคู่สามีภรรยาที่แต่งงานใหม่อย่างสวีเจจี้ยนและเจา เกอ ยิ่งเป็ นผลประโยชน์บมหามรรคาให้กับอู๋ซวงเจี้ยน
วันหน้ารอให้เฉินผิงอันกับหนิงเหยาบุคคลอันดับหนึ่งของใต้หล้า ห้าสีแต่งงานกัน ก็จะเป็ นหลักการเดียวกันนี้
การที่หนึ่งในร่างแยกของอู๋ซวงเจี้ยงอยู่ที่นครบินทะยาน แน่นอน ว่าเพราะมีสิ่งที่เขาต้องการ
เกี่ยวกับเรื่องนี้ มรรคาจารย์เต๋าย่อมเห็นทุกอย่างชัดกระจ่างแจ้ง
แต่ป๋ ายอวี้จิงที่นอกเหนือจากมรรคาจารย์เต๋ากลับไม่แน่เสมอไป ว่าจะมีคนเข้าใจในเรื่องนี้
เพียงแค่เพราะว่าสถานะผู้ฝึกตนส านักการทหารของอู๋ซวงเจี้ยง สะดุดตามากเกินไปถึงขั้นที่ว่าไม่ใช่เวทอาพรางตาอะไรด้วยซ้า อู๋ซว งเจี้ยงแสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการอาศัยเส้นทางเก่านี้ผสาน
มรรคาขอบเขตสิบสี่
แต่อย่าลืมล่ะว่า ทุกวันนี้ในศาลบู๊ของไพศาลยังมี “เทพสังหาร อีกสององค์ที่เพียงแค่เพราะคุณูปการมีจุดด่างพร ้อยถึงได้ท าให้ อันดับของตาแหน่งเทพที่ตั้งวางเทวรูปถูกลดระดับลง แบ่งออกเป็ น แซ่อู๋และแซ่ป๋ าย
เทวบุตรมารนอกโลกตนนั้น ตอนนั้นแอบหนีรอดมาถึงไพศาลได้ อย่างเงียบเชียบ ระหกระเหเร่ร่อนตลอดทางจนไปถึงคุกแห่งนั้นของ กาแพงเมืองปราณกระบี่ สุดท้ายก็ปักหลักอยู่ที่นี่
ขอถามหน่อยเถิดว่าหมื่นปีที่ผ่านมา สถานที่แห่งใดมีสงคราม เกิดขึ้นบ่อยครั้งที่สุด?
การที่เจ้าอารามผู้เฒ่ามี “ข้อสรุป” เช่นนี้เพราะอาศัยการคาด เดา อีกทั้งยังเป็ นความหมายตามตัวอักษรด้วย
เพราะถึงอย่างไรการที่ทดลองจะใช ้มหามรรคาอนุมานเส้นทาง ของการผสานมรรคาของผู้ฝึกตนขอบเขตสิบสี่คนหนึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่ เป็ นที่ชื่นชอบของใครเลย
ส่วนมรรคาจารย์เต๋าจะแพร่งพรายเรื่องนี้ให้ใครรู ้หรือไม่ ยกตัวอย่างเช่นอวี้โต้วลูกศิษย์คนรอง? คงไม่ถึงขั้นนั้น
นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ เจ้าอารามผู้เฒ่าก็เอ่ยว่า “เจ้าคนที่มีฉายา ว่า “โส่วหลิง” ผู้นั้นเขาไม่ได้รับหวังหยวนลู่ไปเป็ นลูกน้องใต้อาณัติ แต่เนิ่นๆ ปากบอกว่าหยกงามไม่ต้องเจียระไน แต่อันที่จริงก็คือ ต้องการไว้หน้าข้า ถือว่าติดค้างน้าใจไม่ใหญ่ไม่เล็กกับเขาแล้ว”
เจ้าอารามผู้เฒ่ายิ้มบางๆ “ผู้ฝึกกระบี่เด็กหนุ่มของราชวงศ์ชิง เสินมีคุณสมบัติดีเยี่ยมมาก เพียงแต่ว่าน่าเสียดายที่ไม่มีอาจารย์คอย ช่วยชี้แนะ”
เสี่ยวโม่กล่าว “ฉวยโอกาสตอนที่อาจารย์ป๋ ายเหย่ยังไม่กลับไปที่ อารามเสวียนตู วันนี้ดื่มเหล้ากันไปแล้ว ข้าจะรีบไปที่ราชวงศ์ชิงเสิน สักรอบ ไปชี้แนะเวทกระบี่ให้กับอีกฝ่าย คิดเสียว่าเขาคือลูกศิษย์ผู้สืบ ทอด สอนได้เท่าไรก็เท่านั้น”
เจ้าอารามผู้เฒ่าส่ายหน้า “ไม่ต้องคิดเป็ นจริงเป็ นจังขนาดนั้น หรอก เจ้าแค่สอนเวทกระบี่ที่พอถูไถให้เขาสักสองสามบทก็เป็ น ประโยชน์ต่อเจ้าเด็กนั่นไปตลอดชีวิตแล้ว”
เสี่ยวโม่กล่าว “ในเมื่อสอนแล้วก็ควรต้องเอาจริงเอาจัง”
เจ้าอารามผู้เฒ่าพยักหน้า แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรมากอีก ในเมื่อ เป็ นสหายบนเส้นทางของการฝึกตนก็ไม่จ าเป็ นต้องเกรงใจกัน
เจ้าอารามผู้เฒ่ากระทืบเท้าเบาๆ จากนั้นประกบสองนิ้วปาดไป ง่ายๆ หนึ่งที บนโต๊ะก็มีไอน้าลอยขึ้นมากลายเป็ นภาพขุนเขาสายน้า แห่งหนึ่ง
เจ้าอารามผู้เฒ่ายิ้มถาม “พอจะมองเห็นเส้นสนกลในบ้าง หรือไม่?”
เสี่ยวโม่เพียงแค่กวาดตามองไปแวบหนึ่งก็พยักหน้า “ท้องฟ้ า ปรากฏภาพดวงดาราเทพเซียนวางหมาก เห็นได้ชัดว่ามียอดฝีมือที่ อายุขัยในการฝึกตนสูงมากพอคอยให้การชี้แนะ”
แม้ว่าเสี่ยวโม่จะไม่รู ้ว่าภาพที่อยู่บนโต๊ะคือภาพของการกระจาย ตัวของส านักต้าเฉาภูเขาเหลี่ยงจิง รวมไปถึงภูเขาใต้อาณัติทุกแห่ง แต่อายุขัยในการฝึกตนและสายตาของเสี่ยวโม่ล้วนวางอยู่ตรงนั้น
ดังนั้นพอเสี่ยวโม่ยกมือขึ้น บนโต๊ะก็มีภาพดวงดาวที่สอดคล้อง กันภาพหนึ่งผุดขึ้นมาเป็ นเครื่องจาลองดวงดาวของกลุ่มดวงดาวเป่ย โต้ว คือกลุ่มดาวจื่อเวยที่ดับแสงไปนานหมื่นปีแล้ว
ไม่ได้เป็ นเพราะการเดินขึ้นฟ้ าของโจวมี่ พอเขาเข้าไปอยู่ใน สรวงสวรรค์เก่าแล้วดวงดาวจึงกลับมาส่องแสงอีกครั้ง
ขอแค่ไม่ใช่หนึ่ง อย่าว่าแต่ครึ่งของหนึ่งเลย เกินครึ่งของหนึ่ง หรือต่อให้จะห่างจากหนึ่งนั้นเพียงแค่เสี้ยวเดียว ต่อให้ตบะของโจ วมี่จะเทียบเท่าได้กับผู้ฝึ กลมปราณขอบเขตสิบห้าแล้ว สามารถ ควบคุมการชดเชยตาแหน่งที่ว่างอยู่และการผลัดเปลี่ยนตาแหน่งของ
ตาแหน่งเทพมากมายในสรวงสวรรค์เก่าได้ แต่กระนั้นก็ยังไม่อาจ กลายไปเป็ นเจ้าของ “จี่อกง” ที่อยู่ใจกลางของสวรรค์แห่งนี้ได้
นี่จึงเป็ นเหตุให้โจวมี่ยังคงไม่อาจกลายเป็ น….ขอบเขตสิบหกได้!
เจ้าอารามผู้เฒ่าเปิดเผยความลับสวรรค์บางส่วนว่า “บรรพจารย์ บุกเบิกภูเขาของภูเขาเหลี่ยงจิงก็คือนังหนูเจาเกอผู้นั้น นางเคยมี ชาติก าเนิดจาก “สตรีสักการะสวรรค์ เพียงแต่ว่าใต้หล้ามืดสลัวใน ทุกวันนี้ แม้กระทั่งผู้ฝึกตนบนทาเนียบของภูเขาเหลี่ยงจิง คนที่รู ้เรื่อง เก่าเก็บเรื่องนี้ก็ยังมีน้อยจนนับนิ้วได้”
“ดังนั้นสวีเจวี้ยนจึงต้องตายไปก่อนครั้งหนึ่ง หากไม่ตายจะ สามารถอาศัยตัวตนของวิญญาณวีรบุรุษมาเดินไปบนเส้นทางเทพสู่ สวรรค์ที่เป็ นดั่งมายาล่องลอยได้อย่างไร”