กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1064.1 ที่เกินมาก็คือความอ่อนโยน
เฉินผิงอันพากวอจู๋จิ่ว เซี่ยโก่วและผู้คุมกฏฉางมิ่งเข้าไปที่พื้นที่ มงคลรากบัวด้วยกันต้องการไปเยือนแคว้นหูที่ยังอยู่ในสภาวะปิ ด ภูเขาก่อนรอบหนึ่ง
โดยสารเรือยันต์ลอดทะลุผ่านทะเลเมฆมากมายหลายชั้น เซี่ยโก๋วเบื่อมากจริงๆ จึงไปยืนอยู่ตรงหัวเรือ ปล่อยฝ่ ามือออกไปครั้ง แล้วครั้งเล่าพร ้อมส่งเสียงร ้องสื่อฮ่าไปด้วย ทะเลเมฆสองด้านถูกนาง ขับไล่ให้สลายหายไป บ้างก็ต่อยกลุ่มก้อนเมฆให้ทะลุเป็ นรู
เสี่ยวโม่ไปดื่มเหล้าที่ใต้หล้ามืดสลัว นางจึงอารมณ์ไม่ค่อยดี
เท่าไร
เฉินผิงอันเอาขนมมาจากร ้านยาสุ้ยบ้านตัวเอง เขาเปิดกล่อง อาหารออก ยื่นขนมซิ่งเหรินชิ้นหนึ่งให้กวอจู๋จิ่ว กวอจู๋จิ่วใช ้สองมือ รับมา ชูขึ้นสูงเหนือหัว ขอบคุณอาจารย์พ่อที่มอบให้ แล้วถึงได้สวา ปามกลืนลงไป เฉินผิงอันจึงยื่นส่งขนมดอกท้อให้กับนางและฉางมิ่ง อีกคนละชิ้น ยิ้มบอกกวอจู๋จิ่วว่าให้กินช ้าๆ หน่อย ฉางมิ่งที่นั่งอยู่ข้าง กายเจ้าขุนเขายิ้มจนตาหยี
ทัศนียภาพในโลกมนุษย์ ขุนเขาสายน้าประหนึ่งภาพวาดที่ งดงามจับตา
งามนักหนา ภาพนี้หนอ
เซี่ยโก่วเก็บวิชาหมัดกลับมา ทามือเป็ นท่ากดลมปราณลงสู่จุด ตันเถียน นั่งอยู่ข้างกายเจ้าประมุขภูเขาลูกเล็กบ้านตน ถามว่า “กวอ จู๋จิ่ว เฉาสือผู้นั้นมีวิชาหมัดไร ้เทียมทานจริงหรือ? แม้กระทั่งเจ้า ขุนเขาของพวกเราก็ยังเอาชนะเขาไม่ได้?”
อยู่กับเจ้าขุนเขาเฉิน เซี่ยโก่วไม่สะดวกจะเรียกกวอจู๋จิ่วว่าท่าน
ประมุข
อันที่จริงเฉินผิงอันก็รู ้ดี แต่สาหรับภูเขาลูกเล็กทั้งหลายที่เกิด จากการดึงกันมาเป็ นพรรคเป็ นพวกประเภทนี้ แต่ไหนแต่ไรมาใต้เท้า เจ้าขุนเขาก็หลับตาข้างหนึ่งลืมตาข้างหนึ่งแสร ้งท าเป็ นไม่รู ้มาโดย ตลอด
กวอจู๋จิ่วพยักหน้า “ต้องร ้ายกาจมากแน่ๆ เอาชนะอาจารย์พ่อได้ จะไม่ร ้ายกาจได้อย่างไร เฉาสือนั้นเรียกได้ว่าร ้ายกาจแบบสุดๆ ไป เลย ต้องไร ้ศัตรูเทียมทานบนวิถีวรยุทธแน่แต่สืบสาวราวเรื่องกันแล้ว เฉาสือก็ยังได้เปรียบเพราะอายุมากกว่าอาจารย์พ่อของข้า หากเขา เกิดช ้ากว่านี้อีกสักไม่กี่วันไม่กี่เดือน ไม่แน่ว่าอาจต้องเดินตามหลัง กันอาจารย์พ่อข้าคอยกินฝุ่นอยู่ก็ได้นะ”
หากวิชาหมัดของเฉาสือไม่ร ้ายกาจ อาจารย์พ่อที่แพ้วิชาหมัดจะ เอาหน้าไปไว้ที่ไหนล่ะ?
เซี่ยโก่วพยักหน้ารับอย่างแรง เห็นด้วยเป็ นอย่างยิ่ง
ฉางมิ่งใช ้เสียงในใจถามว่า “คุณชาย ในพื้นที่มงคลยังไม่มีผู้ฝึก กระบี่ของท้องถิ่นปรากฏตัว”
ในฐานะ “ขุนนางประวัติศาสตร ์” ซึ่งเป็ นสถานะที่ถูกอาพรางไว้ ของพื้นที่มงคลรากบัวแห่งนี้ หลายปีมานี้ผู้คุมกฏฉางมิ่งก็คอยจับ ตามองสถานการณ์ของใต้หล้าอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด
เฉินผิงอันก็ใช ้เสียงในใจตอบเช่นกัน “บางทีอาจเป็ นการผลักไส ของมหามรรคาอย่างหนึ่งที่มีต่อข้าก็ได้ เมื่อการประชุมสิ้นสุด ข้าจะ เก็บร่างแยกที่เอาไปใช ้พิศมรรคาร่างนั้นมา”
ผู้คุมกฏฉางมิ่งที่ในที่สุดก็ได้คาตอบยืนยันที่แน่ชัดเอ่ยแนะนา อย่างระมัดระวังว่า “คุณชาย ไม่รออีกหน่อยหรือ?”
เฉินผิงอันส่ายหน้า “หากในชะตาไม่มีก็อย่าไปฝืนดึงดัน ข้าไม่ ควรถ่วงรั้งเวลาถือกาเนิดของผู้ฝึกกระบี่คนแรกของพื้นที่มงคลอีก เมื่อใจคนโลภมากอย่างไร ้ขีดจากัด จะต้องถูกลงโทษจากผลกรรม”
ฉางมิ่งยังคงทนเห็นคุณชายของตนสละโชควาสนาใหญ่เทียม ฟ้ าเช่นนี้ทิ้งไปไม่ได้ จึงพูดโน้มน้าวต่อว่า “จะบอกว่าคุณชายโลภได้ อย่างไร สวรรค์มอบให้ไม่ยอมรับไว้กลับจะโดนลงทัณฑ์ ต่อให้ผู้ฝึก กระบี่จะปรากฏตัวช ้าไปอีกแค่ไม่กี่ปีจะเป็ นไรไป ข้าไม่เชื่อหรอกว่า ฟ้ าดินแห่งนี้จะสัมผัสไม่ได้ถึงความจริงใจของคุณชาย ไม่แน่ว่าอีก ฝ่ ายอาจจะรอให้พรุ่งนี้มีกลิ่นอายแห่งสารทฤดูพัดโชยมาเหนือ ทะเลสาบ…รอผลจากการประชุมครั้งนั้น?”
เฉินผิงอันพยักหน้า “มีความเป็ นไปได้นี้อยู่”
ยามที่เขาพิศมรรคาอยู่ในฟ้ าดินของพื้นที่มงคลดอกบัว เชื่อว่า ฟ้ าดินแห่งนี้ก็กาลังสังเกตการณ์ตัวเขาอยู่เช่นกัน
ตอนเป็ นเด็กหนุ่มสะพายกระบี่เคยจับผลัดจับผลูหลงเข้าไปใน จุดลึกของดอกบัว ไปพานักอยู่ที่เมืองหลวงแคว้นหนันเยวี่ยน เคยได้ เจอกับเจ้าอาวาสของวัดชินเชียงที่ปฏิบัติธรรมอยู่กับเรื่องธรรมดาใน ชีวิตประจาวัน ภิกษุเฒ่าก็เคยเอ่ยประโยคที่คล้ายคลึงกันนี้
ก็น่าจะเป็ นเหมือนอย่างที่ฉางมิ่งกล่าว เฉินผิงอันก าลังรอคอย การปรากฏตัวของผู้ฝึกกระบี่คนนั้น มหามรรคาที่เป็ นมายาจับต้อง ไม่ได้ของฟ้ าดินแห่งนี้ก็กาลังรอดูคาพูดและการกระท าของเจ้า ขุนเขาแห่งภูเขาลั่วพั่ว เจ้าของพื้นที่มงคลในนามอย่างเขาเช่นกัน จ าได้ว่าเจี่ยเซิงแห่งไพศาลผู้นั้นเคยเอ่ยประโยคหนึ่งไว้ในบทต้าเจิ้งว่า วิญญูชนจะพูดก็ต่อเมื่อทาเรื่องนั้นได้ และจะลงมือทาก็ต่อเมื่อ สามารถพูดได้โดยไม่ละอาย
เฉินผิงอันยิ้มอธิบายว่า “คิดอยากจะประคับประคองคาพูดการ กระท า ความคิดและการออกหาประสบการณ์ของยันต์ร่างแยกทั้งเก้า ให้อยู่ในสภาวะปกติก็ต้องกินเงินเยอะมากทุกๆ การกระท า ทุกค าพูด หรือแม้กระทั่งทุกความคิดล้วนต้องเบิกจ่ายปราณวิญญาณฟ้ าดิน จากร่างจริงของข้าที่อยู่ที่โรงเรียน ปราณวิญญาณที่เผาผลาญไปก็ คือเงินเทพเซียนเหรียญแล้วเหรียญเล่าไม่ใช่หรือ รอให้เทศกาลชิงห มิงผ่านไป เรื่องส่วนตัวที่แคว้นอวี้เซวียนจัดการเสร็จแล้ว ข้าจะเก็บ
กลับมาทั้งหมด จากนั้นจะปิดด่าน พยายามฟื้นคืนตบะห้าขอบเขต บนให้ได้โดยเร็ว”
เจ็ดส าแดงสองอ าพราง การสร ้างค่ายกลก็มีข้อดีของการสร ้าง ค่ายกล สามารถป้ องกันเรื่องไม่คาดฝันไม่ให้เกิดขึ้นต่อดวงจิตดวงใด ก็ตาม ป้ องกันไม่ให้เก็บดวงจิตดวงใดกลับมาไม่ได้ แต่ก็ต้อง สิ้นเปลืองปราณวิญญาณที่สะสมอยู่ในร่างจริงของเฉินผิงอันอยู่ ตลอด หากเป็ นแค่การใช ้ยันต์ร่างแยกออกไปท่องภูเขาสายน้าอย่าง เดียว เหมือนว่าวสายป่านขาดที่ลอยล่องอยู่ระหว่างฟ้ าดิน อันที่จริงก็ ไม่ต้องมีค่าใช ้จ่ายส่วนเกินนี้ ร่างแยกสามารถอยู่ข้างนอกได้นาน เท่าไรก็ขึ้นอยู่กับว่าวัตถุดิบในการสร ้างยันต์ดีหรือเลว
ฉางมิ่งเอ่ยอย่างอ่อนใจ “ข้ออ้างนี้ของคุณชายฟังไม่ค่อยขึ้น เท่าไรเลยนะ”
เก็บยันต์ร่างแยกทั้งหมดมาก็เป็ นแค่การสิ้นสุดของเรื่องบางเรื่อง เท่านั้น ด้วยพรสวรรค์ด้านยันต์ที่ใกล้เคียงกับผู้เชี่ยวชาญอย่างมาก แล้วของคุณชาย จะไม่สามารถเรียกร่างแยกอีกร่างออกมาแล้วปล่อย ดวงจิตไปไว้ข้างในได้เลยหรือ?
ฉางมิ่งเห็นว่าคุณชายไม่พูดอะไรอีก นางก็ได้แต่ใช ้ท่าไม้ตาย แล้ว “คุณชาย ในฐานะผู้ฝึ กกระบี่บริสุทธิ์คนหนึ่ง มีหรือไม่มีใจมุ่ง แสวงหาความก้าวหน้า ความสูงต่าของผลสาเร็จก็ต่างกันราวฟ้ ากับ เหวเลยนะ”
เฉินผิงอันหลุดหัวเราะพรืด คีบขนมชิ้นหนึ่งขึ้นมาเคี้ยวอย่าง ละเอียด เอ่ยสัพยอกว่า “เป็ นแผนการอันแยบยลที่โจวอันดับหนึ่ง ถ่ายทอดให้กับผู้คุมกฏสินะ ดีเลย พวกเจ้าเป็ นครอบครัวเดียวกันที่ รักกันดีเหลือเกิน วันหน้าลากเอาพ่อครัวเฒ่ากับนักบัญชีเหวยมา เป็ นพวกด้วย สร ้างภูเขาขึ้นมาอีกสักลูก จะไม่ทาให้เจ้าขุนเขาที่เป็ น เถ้าแก่สะบัดมือทิ้งร ้านอย่างข้ามีแต่มาดว่างเปล่าหรอกหรือ?”
ฉางมิ่งก็รู ้สึกว่าคากล่าวนี้น่าสนใจ นางจึงหัวเราะด้วยสีหน้า อ่อนหวาน
ในเมื่อคุณชายตัดสินใจแล้ว หากนางยังพูดไม่เลิกก็จะน่าเบื่อ มากแล้ว
เซี่ยโก่วทาท่าเหมือนเห็นผี ผู้คุมกฏฉางมิ่งของภูเขาลั่วพั่วพวก เราหัวเราะได้ด้วยหรือ? น่ากลัวเกินไปแล้ว
อันที่จริงเฉินผิงอันค่อนข้างลาบากใจ ตนต้องปิดด่านอยู่ที่ยอด เขาจี้เซ่อ ต้องฝ่ าทะลุขอบเขตหวนกลับสู่ขอบเขตหยกดิบ ถ้าอย่าง นั้นก็จาเป็ นต้องเก็บดวงจิตเมล็ดงาทั้งหมดมา
ผลประโยชน์บนมหามรรคาในการพิศมรรคาจาก “ผู้ฝึกกระบี่ คนแรกของฟ้ าดินที่ถือกาเนิดขึ้นมาตามชะตาพร ้อมฟ้ าอานวยดิน อวยพรคนสามัคคี” ครั้งนี้ แน่นอนว่าเฉินผิงอันไม่อยากจะปล่อยไป ง่ายๆ เช่นนี้
แต่รอกระทั่งเฉินผิงอันปิดด่าน ขั้นตอนการพิศมรรคาก็จะเกิด ช่องโหว่ หากในช่วงเวลานี้มีผู้ฝึกกระบี่คนแรกถือกาเนิดขึ้นในพื้นที่ มงคลพอดี ถ้าอย่างนั้นเรื่องราวก็ไม่ได้เรียบง่ายแค่ว่าเฉินผิงอันต้อง กระอักกระอ่วนเท่านั้นแล้ว เพราะนี่หมายความว่ามหามรรคาของฟ้ า ดินในสถานที่แห่งนี้ไม่ยอมรับเจ้าขุนเขาแห่งภูเขาลั่วพั่วที่ตอนเป็ น เด็กหนุ่มเคยสะพายกระบี่เข้าไปในพื้นที่มงคล และทุกวันนี้ก็ยิ่ง กลายเป็ น “สวรรค์” ของที่แห่งนั้น
ค าโบราณบอกไว้ว่าชะตาชีวิตมีแปดฉื่อ ยากจะแสวงหาหนึ่งจั้ง หากเป็ นผู้ฝึกกระบี่บริสุทธิ์ที่มุ่งมั่นไม่วอกแวกจริงๆ แน่นอนว่าอาจจะ ดึงดันบังคับขอสองชื่อที่เหลือนั้นมาได้ จะช่วงชิงกับฟ้ าดินบน เส้นทางให้จงได้
ดังนั้นนี่ก็เป็ นสาเหตุที่ทาไมก่อนหน้านี้ตอนที่เฉินผิงอันพาเสี่ยว โม่เดินอยู่ในเมืองหลวงต้าหลี ระหว่างเดินเล่นแล้วเงยหน้าไปเห็นว่าว ที่พวกเด็กๆ เล่นกันถึงได้เอ่ยประโยคว่า “ผู้ฝึกกระบี่บริสุทธิ์อย่างพวก เจ้า” ไม่ใช่ “พวกเรา”
หากไม่นับ “กระบี่บิน” คาพูดเหน็บแนมที่หยิบออกมาจากกระบุง บางใบ เวลาปกติที่เฉินผิงอันพูดคุยกับคนอื่นก็มักจะค่อนข้าง ระมัดระวังเสมอ
หากการฝืนดึงดันจะเอาชะตาสองจื่อเพิ่มมาจากบนมหามรรคา ของพื้นที่มงคลดอกบัวนี้สามารถทาได้สาเร็จ ได้เห็นการถือกาเนิด ของผู้ฝึ กกระบี่คนแรกกับตาตัวเองแน่นอนว่าต้องเป็ นผลลัพธ ์ที่ดี
ที่สุด เพราะขณะเดียวกันนี่ก็หมายความว่าฟ้ าดินแห่งนี้ยอมรับว่าเฉิน ผิงอันและภูเขาลั่วพั่วมีสถานะเป็ นเจ้าของพื้นที่มงคล แต่หากก่อนจะ ปิดด่านยังคงทาได้ไม่สาเร็จ ก็จะมีผลลัพธ ์แค่สามอย่างเท่านั้นที่รอ คอยเฉินผิงอันอยู่ อย่างแรกระหว่างที่เฉินผิงอันปิดด่าน ผู้ฝึกกระบี่ ถือก าเนิด ก็เหมือนว่ามหามรรคาของพื้นที่มงคลได้แสดงท่าทีด้วย การเอ่ยกับภูเขาลั่วพั่วว่า “ทั้งสองฝ่ ายเป็ นน้าบ่อที่ไม่ยุ่งกับน้าคลอง” อย่างที่สอง เฉินผิงอันปิดด่านไปแล้วผู้ฝึกกระบี่ยังไม่เผยตัว เลือกที่ จะพิศมรรคาต่อไป ฟ้ าดินแห่งนี้เห็นความจริงใจของเขาจึงท าให้เฉิน ผิงอันได้สมใจปรารถนา อันที่จริงผลลัพธ ์เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน เรื่องดี ไม่ต้องกลัวว่าจะมาถึงช ้า นี่ก็สามารถทาให้สถานะเจ้าบ้านของเฉิน ผิงอันมีครบทั้ง ในนามและในทางปฏิบัติ”
อย่างที่สาม นิสัยดื้อดึงของเฉินผิงอันบังเกิดขึ้นมา พื้นที่มงคล แห่งนี้ไม่มอบโชคตระกูลเซียนให้เฉินผิงอันหนึ่งวัน เฉินผิงอันก็จะพิศ มรรคาเพิ่มไปอีกหนึ่งวัน ถ้าอย่างนั้นโลกมนุษย์แห่งนี้ก็อย่าหวังว่าจะ ได้ครอบครองผู้ฝึกกระบี่ในท้องถิ่นไปอีกหนึ่งวัน ทั้งสองฝ่ ายถ่วงรั้ง กันเอง ดูว่าใครจะเป็ นฝ่ายทนได้นานกว่ากัน
เหมือนเพื่อนบ้านสองคนที่ความสัมพันธ ์เลวร ้ายอย่างสิ้นเชิง ใครก็ไม่อยากจะเป็ นฝ่ ายยอมถอยให้ก่อนหนึ่งก้าว เกิดการชักคะเย่อ ที่ทาไปตามอารมณ์เกิดขึ้น ไม่ว่าใครก็อย่าหวังว่าจะมีชีวิตที่ดีได้
เมื่อเป็ นเช่นนี้ บุญคุณความแค้นของคนรุ่นก่อนก็จะสืบทอดไป ถึงคนรุ่นหลัง ผู้ฝึกลมปราณและผู้ฝึกยุทธเต็มตัวของภูเขาลั่วพั่ว ขอ
แค่เข้าไปในพื้นที่มงคล ไม่ว่าจะเป็ นการฝึ กประสบการณ์หรือการ เที่ยวเล่นระหว่างภูเขาสายน้าก็จะถูกฟ้ าดินสยบการาบ จะเจอกับ อุปสรรคอยู่ตลอด ในนามและในทางปฏิบัติ ภูเขาลั่วพั่วกับมหา มรรคาของพื้นที่มงคลเท่ากับว่าต่างฝ่ ายต่างได้ยึดครองกันไปคนละ อย่าง ไม่ว่าใครก็ท าอะไรใครไม่ได้ แต่ต่างก็สามารถท าให้อีกฝ่ าย
โมโหสะอิดสะเอียนได้
“ใจคนของผู้ที่ฝึกบาเพ็ญตนมิอาจต้านทานใจแห่งสวรรค์ คน ค านวณมิอาจสู้ฟ้ าลิขิต”
เฉินผิงอันใช ้เสียงในใจพูดกลั้วหัวเราะกับฉางมิ่งเบาๆ “หากรู ้แต่ แรกว่าจะพัวพันใจคนเช่นนี้ ยามนั้นไฉนต้องเอาแต่ลุ่มหลงหมกมุ่น นี่ ไม่ใช่แค่เรื่องความรักชายหญิงอย่างเดียวเท่านั้นนะ”
ฉางมิ่งถามอย่างกังขา “คุณชายเสียใจภายหลังที่พื้นที่มงคล เลื่อนขั้นเป็ นระดับบนเร็วขนาดนี้หรือ?”
ก็เหมือนการช่วยดึงหญ้าให้เติบโตอย่างหนึ่ง เพียงแค่เพราะรัก และเอ็นดูใครบางคนมากเกินไป คนผู้นี้ที่ได้รับความรักอย่างล้นเหลือ จึงกลายเป็ นคนเย่อหยิ่ง ยากจะพันธนาการมีที่พึ่งเลยไม่เกรงกลัวใคร ด่าไม่จ าตีไม่เข็ดหลาบ จะใช ้วิธีไหนก็ล้วนไม่ได้ผล
เฉินผิงอันส่ายหน้ายิ้มเอ่ย “ไม่ได้รู ้สึกเสียใจอะไร ก็แค่ว่าไปตาม สถานการณ์เท่านั้น”
ฉางมิ่งเอ่ยหยอกเย้าอย่างที่หาได้ยาก “เวลาที่คุณชายพูด ประโยคนี้ เสียงบดฟันดังกรอดๆ เลยนะ”
เฉินผิงอันยกรองเท้าผ้าข้างหนึ่งขึ้น ยิ้มกล่าว “สหายฉางมิ่ง เจ้า อย่าล้อเล่นแบบนี้เลยข้ากระอักกระอ่วนจนเกือบจะยกเท้าขึ้นมาแคะ แล้วนะ”
ผู้คุมกฏฉางมิ่งยื่นมือมาปิดปาก สายตาอ่อนโยน รอยยิ้มอบอุ่น
หญิงสาวผู้งามสง่า ศีรษะได้รูป คิ้วโก่งดุจปีกผีเสื้อ มืออ่อนนุ่มดุจ ยอดอ่อนต้นไม้ คลี่ยิ้มยามใดกระตุกใจคน
บทความนี้ช่างงดงามจริงหนอ คนคนนี้ช่างงดงามจริงหนอ
เซี่ยโก่วมองผู้คุมกฏฉางมิ่งที่ท่วงท่างดงามเปี่ยมเสน่ห์ หมกมุ่น กับยศถาบรรดาศักดิ์! พออยู่กับเจ้าขุนเขาที่หมวกขุนนางใหญ่ที่สุด ก็ถึงกับคลี่ยิ้มได้เหมือนสุนัขรับใช ้ถึงเพียงนี้!
ดูท่าป๋ ายจิ่งไม่ได้นอนกับเสี่ยวโม่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผลเสียแล้ว
โชคดีที่ได้เจอจูเหลี่ยนบนภูเขาลั่วพั่ว นางถึงได้พอจะฉลาด ขึ้นมาบ้าง
แต่เฉินผิงอันกลับใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ครุ่นคิดเรื่องในใจของ ตัวเอง
เขาก็เคยคิดเหมือนกันว่า สมมตว่าตนมิอาจได้เห็นขั้นตอนการ พิศมรรคานั้นกับตาตัวเอง ถ้าเช่นนั้นก็ไม่ให้น้าดีไหลเข้านาคนนอก
เปลี่ยนเป็ นผู้ฝึ กกระบี่คนอื่นให้มาลองเสี่ยงดวงดู ยกตัวอย่างเช่น
เสี่ยวโม่ เสี่ยวโม่คือผู้ฝึกกระบี่ตัวเลือกแรกสาหรับในใจของเฉินผิงอัน เพราะถึงอย่างไรเสี่ยวโม่ก็เกือบจะเลื่อนเป็ นขอบเขตสิบสี่ได้ตอน
อยู่หอสยบปีศาจแล้วตัวเสี่ยวโม่เองไม่คิดอะไรมาก แต่เฉินผิงอันกลับ
เสียดายอย่างมาก
ทว่าตอนที่เฉินผิงอันปรึกษาเรื่องนี้กับเสี่ยวโม่ เสี่ยวโม่บอกว่า ตัวเองไม่มีความคิดใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ แล้วนับประสาอะไรกับที่ คุณสมบัติในการฝึกกระบี่ของเขาก็ไม่เคยได้รับผลประโยชน์เพิ่มเติม จากเรื่องทานองนี้ หากว่ามีประโยชน์จริงๆ เมื่อหมื่นปีก่อนตนก็ไม่มี ทางเดินคลาดสวนกับโชควาสนาไปมากมายขนาดนั้น คงเป็ นผู้ฝึก กระบี่บริสุทธิ์ขอบเขตสิบสี่ไปนานแล้ว
ตอนนั้นเฉินผิงอันไม่อยากจะล้มเลิกความคิดไปทั้งอย่างนี้ จึง ถึงกับยกเอาเหตุผลข้อหนึ่งที่พูดได้ว่าหน้าหนาไร ้ยางอายมากพอมา เอ่ย “เสี่ยวโม่อ่า แล้วถ้าหากมันสาเร็จได้หากว่าต้องรอหนึ่งหมื่นปีเล่า วันหน้าข้าออกจากบ้านเมื่อไหร่ ข้างกายมีเสี่ยวโม่ที่เป็ นผู้ติดตาม ผู้ ฝึกกระบี่ขอบเขตบินทะยานกับผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตสิบสี่จะเหมือนกัน ได้หรือ?”
ดังนั้นเสี่ยวโม่จึงแนะนาตัวเลือกที่ดีที่สุดในใจของเขาเองต่อ คุณชาย โจวอันดับหนึ่งป๋ ายจิ่ง
บอกว่าโจวอันดับหนึ่งก็เป็ นคนเก่าแก่ของพื้นที่มงคลเช่นกัน อีก ทั้งขอบเขตยังไม่ต่าในเมื่อแค่ไปเสี่ยงดวงก็ไม่สู้ให้โจวอันดับหนึ่งไป ลองดู
ส่วนป๋ ายจิ่งนั้นเป็ นเพราะคุณสมบัติในการฝึ กกระบี่ดีมากพอ ขอบเขตสูงมากพอ เป็ นขอบเขตบินทะยานขั้นสมบูรณ์แบบเต็มตัว มานานแล้ว ไม่แน่ว่าฟ้ าดินแห่งนี้อาจจะกาลังรอผู้ฝึ กกระบี่ที่เป็ น เช่นนี้อยู่ก็ได้ มอบมหามรรคาส่วนหนึ่งให้แก่ป๋ ายจิ่ง ทั้งสามารถช่วย ให้นางได้เลื่อนเป็ นขอบเขตสิบสี่ ทั้งยังจะได้รับค่าตอบแทนในระดับที่ เท่าเทียมกันกลับมา ป๋ ายจิ่งที่เลื่อนเป็ นขอบเขตสิบสี่ย่อมต้องกลาย ไปเป็ นผู้ปกป้ องมรรคาที่ใหญ่ที่สุดของพื้นที่มงคลรากบัว
หลังจากนั้นเสี่ยวโม่ก็ยังเสนอ ‘ตัวสารอง” ที่จะให้มาพิศมรรคา ที่นี่อีกสองคน เฉาฉิงหล่างผู้ฝึกลมปราณในท้องถิ่นของพื้นที่มงคล ซึ่ง “สมชื่ออย่างแท้จริง” และกวอจู๋จิ่วที่บ้านเกิดคือก าแพงเมืองปราณ กระบี่
ขอบเขตของพวกเขายังคงต่าเกินไป ดังนั้นจึงต้องการให้ภูเขา ลั่วพั่วช่วย “เปิดดวงตาสวรรค์” แก่พวกเขา ถึงจะสามารถพิศมรรคา ได้
ตอนที่เอ่ยคาว่า “สมชื่ออย่างแท้จริง” เสี่ยวโม่เพิ่มน้าหนักเสียง เน้นย้ามากเป็ นพิเศษ
ในบ้านมีคนแก่คนหนึ่งก็เหมือนมีสมบัติหนึ่งชิ้น แล้วนับประสา อะไรกับที่ยังเป็ นเสี่ยวโม่ที่มีอายุขัยการฝึกตนนานหมื่นปี
ไม่เสียแรงที่เป็ นเสี่ยวโม่ซึ่งสามารถหมักเหล้าร่วมกับเจ้าแห่งถ้าปี้ เซียวได้ประสบการณ์และวิสัยทัศน์ ความรู ้ด้านเวทกระบี่ล้วนสูงอย่าง มาก
บางทีนอกจากเอาชนะป๋ ายจิ่งไม่ได้แล้ว ก็ดูเหมือนว่าเสี่ยวโม่จะ ไม่ได้มีข้อบกพร่องอะไรเลย?
ดังนั้นเฉินผิงอันจึงมีการตัดสินใจใหม่ ตนจะพิศมรรคาไปก่อน ไม่ให้ขาดช่วง รอกระทั่งปิดด่านเมื่อไหร่ค่อยให้เฉาฉิงหล่างมาเสริม ช่วงพิศมรรคาต่อ
แต่ระหว่างนี้เฉินผิงอันจงใจพาป๋ ายจิ่งกับกวอจู๋จิ่วเข้ามาในพื้นที่ มงคลด้วยกัน ก็ถือว่าเป็ นการ…ทาให้พื้นที่มงคลรากบัวคุ้นหน้าคุ้น ตาพวกนาง
และนี่ยังเป็ นครั้งแรกที่กวอจู๋จิ่วได้เข้ามาเดินเล่นใน “พื้นที่มงคล” ของโลกมนุษย์ตามความหมายที่แท้จริง
เมื่อหลายปีก่อนใต้หล้าห้าสีมีพื้นที่ลับแห่งภูเขาสายน้าผุดขึ้นมา เป็ นพรวน หลายแห่งในนั้นที่อันที่จริงก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าสามสิบหก ถ้าสวรรค์เล็กและเจ็ดสิบสองพื้นที่มงคลเลยทว่าต่างก็ไม่เคยได้รับ การ “แต่งตั้งที่ถูกต้อง” ชื่อบางอย่างที่ตั้งขึ้นมาก็ยังไม่ได้แพร่หลาย ไปทั่วทั้งบนและล่างภูเขา อย่าดูแคลนการพูดกันปากต่อปากเช่นนี้
เชียว คาพูดที่เอ่ยจากปากในโลกมนุษย์ทั้งสามารถเป็ นเสียงของคน จานวนมากพูดไปพูดก็มาทาให้เรื่องผิดกลายเป็ นถูก เรื่องถูก กลายเป็ นผิดได้ แล้วก็ทั้งสามารถเป็ นที่กล่าวขวัญไปทั่ว นี่ก็คือการ แต่งตั้งอย่างเป็ นทางการอีกประเภทหนึ่งซึ่งมองไม่เห็น
เซี่ยโก่วเอ่ยเสียงเบา “กวอจู๋จิ่ว ได้ยินมาว่าศิษย์พี่หญิงเผยคน นั้นของเจ้ามีกระบวนท่าวิชาหมัดที่คิดค้นขึ้นเองอยู่หลายท่าซึ่งมีพลัง อานาจอย่างล้นเหลือ ข้าได้ยินข่าวลือเล็กๆ ที่แพร่มาจากเมืองหลวง ส ารองต้าหลีและสนามรบของเกราะทองทวีป บอกว่าปณิธานหมัด ของเผยเฉียนมีพลังอานาจถึงขั้นที่ว่าขอแค่นางปล่อยหมัดออกไป ผู้ ฝึกยุทธที่อยู่ใกล้เคียงเห็นเข้าก็ล้วนนึกอยากจะโขกหัวดังตึงๆ เพื่อ แสดงถึงความเคารพย าเกรงแก่นาง?”
กวอจู๋จิ่วหัวเราะหึหึ
เซี่ยโก่วถาม “แล้วถ้านางถามหมัดกับเฉาสือหรือประลองฝี มือ กับเจ้าขุนเขา ก็จะไม่…?”
กวอจู๋จิ่วแสร ้งท าท่าสูดลมหายใจดังเฮือก