กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1067.4 ยุทธภพเงียบเหงาหนึ่งร ้อยปี
เกาจวินมีสีหน้าซับซ ้อน เอ่ยว่า “ผู้ฝึกลมปราณของภูเขาลั่วพั่ว มีไม่มาก ไม่ถึงครึ่งร ้อยส่วนแจกันสมบัติทวีป ในอดีตถูกเรียกขานว่า ทวีปร ้อยแคว้น แต่กลับเป็ นทวีปที่มีขนาดเล็กที่สุดในบรรดาเก้าทวีป ของใต้หล้าไพศาล”
อวี้เตี๋ยซ่างเหรินเกือบจะอดไม่ไหวผรุสวาทออกไป เป็ นแค่ทวีปที่ เล็กที่สุดเท่านั้น แต่กลับมีร ้อยแคว้นตั้งเรียงรายดุจต้นไม้ในผืนป่ า? ถ้าอย่างนั้นใต้หล้าไพศาลที่ได้ครอบครองตั้งเก้าทวีปเล่า?!
บ้านเกิดแห่งนี้ยังมีแค่สี่แคว้นเท่านั้นเอง
เกาจวินอธิบายว่า “บนภูเขาด้านนอกมีค ากล่าวว่า ในบรรดาห้า ขอบเขตกลาง หกสิบเป็ นถ้าสถิตเฒ่า ร ้อยปีเป็ นเซียนกระบี่น้อย”
“ความหมายก็คือใต้หล้าไพศาลแห่งนั้น สามลัทธิเก้าสาขาเมธี ร ้อยส านัก นับแต่โบราณมาก็มีเส้นสายระบบสืบทอดมากมาย ผู้ฝึก ลมปราณขอบเขตถ้าสถิตที่อายุหกสิบปีก็ถือว่ามีคุณสมบัติธรรมดา อย่างมากแล้ว แต่มีเพียงผู้ฝึกกระบี่เท่านั้นที่พิเศษที่สุด เพราะผู้ฝึก กระบี่ไม่เหมือนกับผู้ฝึกลมปราณประเภทอื่นๆ ต่อให้อายุหนึ่งร ้อยเพิ่ง จะเลื่อนเป็ นห้าขอบเขตกลางก็ยังถือว่าเป็ นผู้มีพรสวรรค์ด้านการฝึก ตน ทุกวันนี้สุยโย่วเปียนก็คือผู้ฝึกกระบี่บริสุทธิ์ประเภทนี้”
“อยู่ที่นั่น ผู้ฝึกกระบี่ถูกขนานนามว่าหนึ่งกระบี่สามารถทาลาย หมื่นอาคม เป็ นผู้ที่ผู้ ฝึกลมปราณกริ่งเกรงมากที่สุด น่าเสียดายที่ เท่าที่ข้ารู ้มา ดูเหมือนว่าที่นี่ของพวกเรา จนถึง ทุกวันนี้ก็ยังไม่มีผู้ฝึก กระบี่ในท้องถิ่นคนแรกถือกาเนิดเลย”
ฟังมาถึงตรงนี้ เจิ้งเฟิ่งโจวก็ยิ้มถามว่า “ในเมื่อชื่อว่าภูเขาลั่วพั่วก็ ต้องมีเจ้าขุนเขาสินะ?”
เกาจวินพยักหน้าด้วยสีหน้าซับซ ้อน “เจ้าขุนเขาชื่อว่าเฉินผิง อัน”
ไหวเซี่ยถามอย่างสงสัย “ใช่เซียนกระบี่เด็กหนุ่มที่เคยปรากฏตัว ในเมืองหลวงแคว้นหนันเยวี่ยนหรือไม่?”
เกาจวินพยักหน้า “ก็คือเขา”
คนทั้งหลายที่อยู่ในห้องมีสีหน้าหลากหลาย บ้างก็กึ่งเชื่อกึ่ง กังขา บ้างก็โล่งใจ
คนที่รู ้สึกว่าน่าสนใจก็เพราะเจ้าของที่อยู่เบื้องหลังใต้หล้าบ้าน ตนในทุกวันนี้ ถึงกับเป็ นเจ้าเด็กน้อยขนยังขึ้นไม่ครบในปีนั้น อีกทั้ง อีกไม่นานทั้งสองฝ่ ายก็จะได้พบหน้ากันแล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาณาเขตขุนเขาตะวันออกของซ่งไหวเป้ าที่มีดินแดนเชื่อมต่อกับ แคว้นหนันเยวี่ยนมากที่สุด คนที่รู ้สึกไม่กล้าเชื่อก็เพราะนี่เพิ่งผ่านไป แค่ไม่กี่ปีเอง เด็กหนุ่มสะพายกระบี่ที่ปีนั้นเคยประมือกับทั้งจ้งชิว อวี๋ เจิ้นอี้และติงอิง ไม่ต้องสนว่าอายุที่แท้จริงของเขาคือเท่าไร อย่างน้อย
อยู่ในเมืองหลวงแคว้นหนันเยวี่ยนก็ไม่เคยแสดงออกถึงการถูกบดขยี้ ที่สถานการณ์เอนไปฝ่ ายเดียว ถึงขั้นสามารถพูดได้ว่าสุดท้ายศึกบน หัวก าแพงเมืองระหว่างเด็กหนุ่มและมารร ้ายติงอิง แพ้ชนะระหว่างคน ทั้งสองมีแค่เส้นบางๆ กั้นขวางเท่านั้น
ส่วนคนที่เผยสีหน้าโล่งใจออกมาก็ยิ่งเข้าใจได้ง่ายแล้ว เพราะ หากอิงตามวิธีนับค านวณของบนภูเขาในทุกวันนี้ ผู้ฝึ กลมปราณ ต้องนับกันตามอายุขัยด้านการฝึกตน
หากเฉินผิงอันคือผู้ฝึกลมปราณประเภทที่หวนกลับสู่ความจริง “เด็กหนุ่มเจ๋อเซียน” ที่ปี นั้นเผยกายในแคว้นหนันเยวี่ยน อายุที่ แท้จริงต้องไม่ได้เป็ นแค่เด็กหนุ่ มเท่านั้น นั่นก็หมายความว่า คุณสมบัติในการฝึกตนของเขาไม่ถือว่าดีสักเท่าไร?
แต่หากอายุขัยการฝึกตนและรูปโฉมของเฉินผิงอันสอดคล้อง กัน เพียงแค่เพราะโชควาสนาอานวย ในเวลาสั้นๆ ไม่ถึงสามสิบปีก็ สามารถบุกรุดหน้าไปอย่างห้าวหาญบนเส้นทางของการเดินขึ้นเขา ได้ นี่ก็สามารถอธิบายเรื่องหนึ่งได้หรือไม่ว่า บางทีผู้ฝึกลมปราณใน ใต้หล้าแห่งนี้ของพวกเรา ไม่ได้มีพรสวรรค์และฐานกระดูกที่แย่ แต่ก็ แค่เพราะขาดต าราลับของดินแดนเบื้องบนไปไม่กี่เล่มเท่านั้น?
ซานจวินขุนเขาตะวันออกที่ไม่เคยเปิดปากพูดถามด้วยน้าเสียง เรียบเฉยว่า “ขอถามเจ้าประมุขเกาสักเรื่อง ข้าสามารถเข้าใจได้ หรือไม่ว่า ในนามคนที่เรียกพวกเรามาประชุมคือกาจวินแห่งพรรคหู
ซาน แต่ผู้ที่ชักนาเรื่องนี้อยู่เบื้องหลังกลับเป็ นเฉินผิงอันแห่งภูเขาลั่ว พั่ว?”
เกาจวินพยักหน้าตอบอย่างจริงใจ “สามารถเข้าใจเช่นนี้ได้”
จ้าวจวี้หรานพยักหน้ารับด้วยสีหน้าเป็ นปกติ ก่อนจะถามอีกว่า “ในเมื่อเป็ นการประชุมก็ต้องมีหัวข้อการประชุม เจ้าประมุขเการู ้ เนื้อหาคร่าวๆ มาก่อนแล้วล่วงหน้าใช่หรือไม่ เพียงแต่ไม่สะดวกจะ อธิบายไว้ในจดหมาย?”
เกาจวินกล่าว “เป็ นเช่นนี้จริง หรือจะพูดให้ถูกก็คือข้าไม่รู ้ แต่แค่ พอจะเดาเนื้อหาได้ ภูเขาลั่วพั่วต้องการตั้งกฎบางอย่างต่อใต้หล้า แห่งนี้ของพวกเรา”
จ้าวจวี้หรานมองผู้ฝึกลมปราณโอสถทองเพียงหนึ่งเดียวของใต้ หล้าบ้านเกิดตัวเองแล้วถามว่า “ค าถามข้อสุดท้าย เจ้าประมุขเกาถูก สถานการณ์บังคับจึงจ าต้องเอนเอียงเข้าหาภูเขาลั่วพั่ว หรือยังคงมี ใจเอนเอียงเข้าหาบ้านเกิด”
เกาจวินสีหน้าสดใส ยกสองมือขึ้นกุมหมัด เอ่ยเสียงจริงจังว่า “พูดถึงแค่เรื่องนี้ เกาจวินก็ขอให้ซานจวินทุกท่านวางใจได้เลย!”
จ้าวจวี้หรานหัวเราะ พยักหน้าเอ่ย “ถ้าอย่างนั้นก็วางใจแค่ใน เรื่องนี้แล้ว”
อันที่จริงซานจวินขุนเขาตะวันออกที่มีชาติกาเนิดมาจาก วิญญาณวีรบุรุษผู้นี้คือคนที่ไม่เห็นดีต่อผลลัพธ ์การประชุมในครั้งนี้
มากที่สุด กลัวก็แต่ว่าจะต้องสิ้นเปลืองความคิดจิตใจ คุยกันไปคุยกัน มา กลายเป็ นว่าคืนนี้ต้องเสียเวลาเปล่า
เคยทาสงคราม เคยลงสนามรบ อยู่บนหลังม้ามาทั้งชีวิต แม้ว่า ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ได้พยายามอยู่ให้ห่างจากความขัดแย้งในราช ส านัก แต่สาหรับหลุมบ่อหรือความวกวนทั้งหลาย อันที่จริงไม่ใช่เรื่อง แปลกใหม่ส าหรับจ้าวจวี้หราน วิธีการของตัวเขาเองก็ยิ่งไม่แย่ ถึงได้ มีคุณูปการเหนือเจ้านาย แต่ฮ่องเต้กลับไม่เคยกริ่งเกรงเขา ทั้งเจ้า เหนือหัวและขุนนางอยู่ร่วมกันอย่างปรองดอง กลายมาเป็ นเรื่องเล่า ขานที่งดงาม ตอนมีชีวิตอยู่คุณูปการด้านการสู้รบเกริกก้อง หลัง ตายไปก็ได้รับเกียรติยศอย่างสูงสุด ไม่ว่าจะเป็ นราชสานักในเวลานั้น หรือในต าราประวัติศาสตร ์ของโลกยุคหลังก็ล้วนถูกมองเป็ นบุคคล สมบูรณ์แบบตลอดกาล
จ้งชิวราชครูแคว้นหนันเยวี่ยนในโลกยุคหลังก็มองจ้าวจวี้หราน เป็ นต้นแบบที่ดีที่สุดในหมู่ขุนนางปุ่นแม่ทัพบู
และเวลานี้เอง ซ่งไหวเป้ าก็พลันเก็บสีหน้าเกียจคร ้านผ่อนคลาย สายตาของเขาก็ไม่สอดส่ายไปบนร่างของสตรีทั้งสองอย่างส่งเดชอีก แล้ว แต่ใบหน้าแผ่กลิ่นอายเข้มงวดดุดันฝ่ ามือสองข้างวางไว้บนหัว เข่า ใช ้เสียงในใจเอ่ยว่า “กษัตริย์ไม่รักษาความลับ ย่อมเสียแผ่นดิน คนไม่ปิ ดความลับ ย่อมเสียชีวิต เจ้าประมุขเกา สหายร่วมงาน ทั้งหลาย ในเมื่อเป็ นเช่นนี้พวกเราก็สามารถปิดประตูคุยธุระกันอย่าง จริงจังได้แล้ว”
เกาจวินตกใจเล็กน้อย แต่นางก็ยังพยักหน้ารับ เลือกจะใช ้เสียง ในใจพูดว่า “เนื้อหาที่จะพูดต่อจากนี้ ข้าหวังว่าทุกท่านจะเก็บไว้เป็ น ความลับ ไม่แพร่งพรายออกไปข้างนอกแม้แต่คาเดียว นอกจากนี้ แล้วข้ายังจะร่ายค่ายกลชั้นหนึ่งเพื่อป้ องกันกาแพงมีหู เพื่อความ ปลอดภัยไว้ก่อน และจะต้องขอให้กงหูจวินช่วยร่ายวิชาอภินิหารแห่ง ชะตาชีวิต สร ้างไอน้าขึ้นมาปะปนกับโชคชะตาน้าและปราณ วิญญาณที่อยู่รอบๆ เกาะด้วย”
กงฮวาพยักหน้า “ไม่ยาก บนเกาะและในอาณาเขตน่านน้าของ ทะเลสาบชิวชี่รอบเกาะ เดิมทีก็มีหมอกหนาตอนกลางคืนอยู่แล้ว”
เกาจวินหยิบกล่องไม้สีเหลืองใบหนึ่งที่ลักษณะโบราณเรียบง่าย ออกมาจากชายแขนเสื้อ ใช ้นิ้วปาดไปบนแผ่นไม้ของกล่องใบเล็ก เบาๆ หนึ่งทีก็มีแสงสว่างเป็ นกลุ่มๆ ที่สีสันแตกต่างกันทยอยลอยตัว ขึ้นกลางอากาศ ส่องแสงกระพริบวูบหนึ่งทีก็หายวับไป พอออกไป จากห้องก็หลอมรวมเข้ากับม่านราตรี อ้อมวนไปรอบเรือนลั่วฮวาของ ในอาราม
“อันดับแรกข้าจ าเป็ นต้องพูดจาเป็ นกลางแทนภูเขาลั่วพั่ว เจ้า ขุนเขาภูเขาลั่วพั่วเฉินผิงอัน คนผู้นี้ไม่ใช่คนที่มีเวทคาถาสูงแต่ไร ้ คุณธรรม เขาคือคนที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวอย่างโดดเด่นแท้จริง”
จาต้องยอมรับว่าเมื่อเกาจวินได้พบเจอกับมือกระบี่ชุดเขียวที่ ไม่ได้มีรูปโฉมเป็ นเด็กหนุ่มดังเดิมผู้นั้นอีกครั้ง นางก็รู ้สึกว่าเขามี เอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใครจริงๆ
“หากอยู่ในยุทธภพที่พวกเราค่อนข้างคุ้นเคยก็สามารถเรียกเขา เป็ นปรมาจารย์ใหญ่อย่างสมชื่อได้เลย มีครบทั้งฝีมือและคุณธรรม น้าใจ มีมาดของปรมาจารย์และเสน่ห์ของเซียนกระบี่อย่างยิ่ง”
“ก่อนหน้านี้เขาเคยแฝงตัวเข้ามาในพรรคหูซานของพวกเรา อย่างลับๆ โดยไม่ได้รับเชิญ มาเชิญให้ข้าไปเป็ นแขกที่ภูเขาลั่วพั่ว ด้วยตัวเอง ข้าติดตามเฉินผิงอันไปถึงที่นั่นก็เคยได้เห็นทุกการกระท า ทุ ก ค า พู ด ข อ ง เ ข า ต อ น ที่อ ยู่ บ น ภู เ ข า บ้า น ตัว เ อ ง ม า ก่ อ น ขนบธรรมเนียมประจาภูเขา ภาพบรรยากาศของพื้นที่ประกอบ พิธีกรรม ล้วนสอดคล้องกับภาพลักษณ์จวนเซียนในใจของข้าเมื่อ ครั้งอดีตอย่างมาก”
การที่พูดว่า “เมื่อครั้งอดีต” ก็เพราะหลังจากที่เดินทางท่องเที่ยว ไปในใต้หล้ามาแล้วเกาจวินก็ได้เห็นความประหลาดความมหัศจรรย์ มากมาย รู ้สึกว่าค าว่าจวนเซียนจะต้องมีกลิ่นอายเขียนล่องลอยที่อยู่ ไกลจากโลกมนุษย์อย่างแน่นอน
เจ้าของขุนเขาสายน้าที่แท้จริงสามารถนาตะวันจันทรามาเป็ น พื้นที่ประกอบพิธีกรรมภูเขาสายน้าอยู่ในเรือนพัก ห้ามหาบรรพต กลุ่มภูเขาก็คือหินฮวงจุ้ยในบ้านของตัวเอง เบื้องใต้สะพานแห่งความ เป็ นอมตะที่ผู้ฝึกลมปราณพิสูจน์มหามรรคาไม่เสื่อมสลายมีสายน้า นับพันนับหมื่นสายซึ่งรวมแม่น้าลาคลองทะเลสาบเป็ นหนึ่งในนั้นไหล รินผ่าน
ซ่งไหวเป้ าเอ่ยด้วยสีหน้าอ่อนใจ “แม่นางเกา เจ้าประมุขใหญ่เกา ของข้า พวกเราเพิ่งจะเริ่มคุยเรื่องเป็ นการเป็ นงาน เจ้าก็เพิ่มปณิธาน ฮึกเหิมให้คนอื่น ดับบารมีอานาจของตัวเองเสียแล้วหรือ?”
เจิ้งเฟิ่งโจวยิ้มบางๆ “ต่อให้จะเป็ นการช่วงชิงกันของวิญญูชนก็ ไม่ขัดต่อการที่ทั้งสองฝ่ ายจะแสดงความถนัดของตัวเองเพื่อประชัน สูงต่า ถึงขั้นที่ว่าอาจน้าหั่นกันอย่างเอาเป็ นเอาตาย”
อวี้เตี๋ยซ่างเหรินที่ก่อนหน้านี้พลังอานาจดุดันที่สุด คงเป็ นเพราะ ดีดลูกคิดค านวณศักยภาพของทั้งสองฝ่ ายมาคร่าวๆ แล้ว ในมือถือ แก้วกระเบื้องที่ถูกเกาจวินใช ้วิชาอันลี้ลับประกอบกลับคืนมาดังเดิม กลับกลายเป็ นว่าเวลานี้ผู้เฒ่าตกเป็ นที่ต้องสงสัยว่าต้องการยอมอ่อน ข้อให้ “หากเขาสามารถนั่งลงเจรจากันดีๆ ได้จริง ก็ไม่จาเป็ นที่ทั้ง สองฝ่ ายจะต้องฉีกหน้าแตกหักกันจนถึงขั้นไม่ตายไม่ยอมเลิกราต่อ กัน”
หูจวินหญิงกระตุกมุมปาก
ถึงอย่างไรตาแก่นี่ก็อายุมากแล้ว ไร ้ประโยชน์ ก่อนหน้านี้ยัง พูดจาแข็งกระด้างอยู่เลยทีนี้กลับอ่อนให้เสียแล้ว?
เกาจวินกล่าว “ในที่แห่งนี้ของพวกเรามีแคว้นหูที่ย้ายจากภูเขา ถั่วพัวเข้ามาอยู่ที่นี่นานแล้ว ตามค ากล่าวของโลกภายนอกคือถือว่า อยู่ในสภาวะปิดภูชั่วคราว ผู้ฝึกตนท าเนียบมิอาจออกไปข้างนอกได้ เจ้าแห่งแคว้นหูมีนามว่าเพ่ยเซียง นางคือหนึ่งในผู้ฝึกตนท าเนียบของ
ภูเขาลั่วพั่ว ตบะสูงส่งลึกล้า คือเทพเชียนขอบเขตก่อกาเนิดคนหนึ่ง เช่นกัน แม้จะไม่เชี่ยวชาญการเข่นฆ่า แต่การบรรลุมรรคาของเผ่า จิ้งจอก ส่วนใหญ่ก็มักจะมีวิชาอภินิหารที่พิเศษไม่เหมือนใคร สามารถมอมเมาใจคนได้เป็ นอย่างดี นอกจากนี้หากไม่นับสุยโย่ วเปียนที่เป็ นเซียนกระบี่พสุธาไปแล้ว จังชิวแห่งแคว้นหนันเยวี่ยน เขา เองก็กลายมาเป็ นสมาชิกท าเนียบของภูเขาลั่วพั่วแล้วเช่นกัน นอกจากนี้ก็ยังมีหลูป่ ายเซี่ยงเจ้าแห่งลัทธิมารในประวัติศาสตร ์ แต่ ระหว่างที่ข้าไปอยู่บนภูเขาลั่วพั่วกลับไม่ได้พบปรมาจารย์วิถีวรยุทธ ทั้งสองท่านนี้กับตาตัวเอง”
ส าหรับเพ่ยเซียง เกาจวินคุ้นเคยดี เพราะแทบจะทุกครั้งที่อยู่ใน บ้านของพ่อครัวเฒ่าแซ่จู นางก็จะได้เห็นเจ้าแห่งแคว้นหูที่มีเสน่ห์เย้า ยวนอย่างถึงที่สุดมองอีกฝ่ ายด้วยดวงตาหวานเยิ้ม ราวกับว่าใน สายตาของนางมีแต่ “ผู้เฒ่าหลังค่อมที่มีแค่โฉมหน้าเท่านั้นที่ แปรเปลี่ยนไป” เท่านั้น
เกี่ยวกับเรื่องที่ทุกวันนี้จูเหลี่ยนก็อยู่บนภูเขาลั่วพั่วด้วย เกาจ วินเคยสองจิตสองใจมาก่อน แต่สุดท้ายนางก็ไม่คิดจะเอาเรื่องนี้ ขึ้นมาพูด
หลักๆ แล้วมีความกังวลใจอยู่สองข้อ หนึ่งคือกังวลเกี่ยวกับสุ่ย จวินที่อยู่ตรงหน้าซึ่งมีความแค้นเป็ นการส่วนตัว พอได้ยินชื่อของจู เหลี่ยนจะตาแดงก่าแล้วไม่สนใจสถานการณ์โดยรวมอีก อีกอย่างคือ กังวลคนอย่างอวี้เตี๋ยซ่างเหรินที่หากได้ยินว่ามีบุคคลที่คลั่งวรยุทธ
ซึงชอบฆ่าคนอย่างอ ามหิต เอะอะก็ใช ้ก าลังของคนคนเดียวสังหาร คนเก้าคนอย่างจูเหลี่ยนอยู่ อีกทั้งทุกวันนี้คนผู้นี้ยังกุมอานาจใหญ่ อยู่บนภูเขาลั่วพั่ว ถ้าอย่างนั้นนิสัยการกระทาของภูเขาลั่วพั่วจะเป็ น เช่นไร แค่คิดก็พอจะรู ้ได้ คืนนี้เนื้อหาการประชุมหลังจากนี้ของพวก เขา คาดว่าคงยากที่จะไม่แพร่งพรายไปภายนอกได้อีก ไม่แน่ว่าพอ ออกไปจากทะเลสาบชิวชี่ ซานจวินท่านนี้ก็คงเป็ นเริ่มเป็ นหญ้ายอด ก าแพง เป็ นฝ่ ายติดต่อไปหาเพ่ยเซียงแห่งแคว้นหูด้วยตัวเองเลย กระมัง?
ซ่งไหวเป้ ายิ้มเอ่ย “ใจคนมีหนังหน้าท้องกั้นขวาง แค่ปากพูด อย่างเดียวไร ้หลักฐานแม้แต่ตัวข้าเองยังไม่เชื่อ แล้วนับประสาอะไรกับ ทุกท่านที่นั่งอยู่ ดังนั้นนอกจากเกาจวินแล้วแม้กระทั่งหูจวินกงฮวาเอง และยังมีเทพภูเขาอย่างพวกเราห้าคนต่างก็ต้องเอ่ยค าสาบานต่อห้าม หาบรรพตหรือไม่ก็ต่อสี่ขุนเขาหนึ่งทะเลสาบ ใครกล้าละเมิดคา สาบาน ข้าก็จะรอให้ใครบางคนมาช่วยพิสูจน์ว่าเรื่องอย่างการ “ถูก สวรรค์ลงทัณฑ์” เป็ นจริงหรือเท็จและพลังอานาจนั้นจะมากหรือน้อย ก็แล้วกัน”
จ้าวจจี้หรานมองซานจวินขุนเขาตะวันตกผู้นี้แวบหนึ่ง คล้ายจะ รู ้สึกว่าตัวเองต้องมองซ่งไหวเป้ าเสียใหม่ เขาเป็ นคนที่พยักหน้าก่อน ใคร “ทาแบบนี้ได้”
ตะขอหยกบนขอบฟ้ าโน้มเอียงลงมา ค่าคืนแสนเงียบงันทอดยาว อย่างละเมียดละไม
แม้ว่าหูจวินหญิงจะใช ้หูฟังเรื่องใหญ่ที่พวกเกาจวินปรึกษากันอยู่ ตลอดเวลา แต่ถึงอย่างไรนางก็ยังใจลอยอยู่บ้าง นางเงยหน้ามองไป ยังลานบ้านที่ว่างเปล่าด้านนอก
ร ้อยปีผ่านพ้นอย่างเดียวดาย น่าสงสารเสียงสายขลุ่ยยังคงอยู่ เสียงกงชางเจี่ยวฮุยอวี่ (เสียงโน้ตดนตรีเทียบได้กับเสียงโดเรมีฟา ซอลลา) แว่วสาเนียง ล้วนเป็ นเสียงที่ดังจากกาลก่อน
จูหลางอยู่ที่ใด?
คนผู้นี้ช่างทาให้คนคิดถึงคานึงหาไม่เว้นวาย
ในเมื่อตายไปแล้ว ทาไมไม่ฟื้นคืนชีพกลับมาอีกครั้ง? แล้วค่อย ตายไปอีกครั้ง!
ส่งหลิวเสี้ยนหยางและกู้ช่านมาที่เมืองต้าเหลียงแคว้นหนันเยวี่ยน แล้ว พ่อครัวเฒ่าแห่งภูเขาลั่วพั่วก็ขอตัวลาจากไป บับคับเรือยันต์มุ่ง หน้าไปยังที่ตั้งเก่าของคฤหาสน์แห่งหนึ่งในยุทธภพ
อาศัยความทรงจ าของตัวเองหาจนเจอ ผู้เฒ่าหลังค่อมเก็บเรือ ยันต์ เอาสองมือไพล่หลัง ยืนอยู่หน้าเรือนผุพังที่ตั้งอยู่ในป่ าลึก อาณาเขตไม่กว้างใหญ่ จุดที่ประณีตงดงามซึ่งปีนั้นเจ้าของต้องทุ่มเท ความคิดจิตใจไปไม่น้อยล้วนถูกหญ้ารกร ้างปกคลุมทาลายสิ้นแล้ว จู เหลี่ยนมองไปยังเส้นทางที่ตัวเองผ่านมา ถอนสายตากลับคืน ถอน หายใจ ตลอดทางที่เดินมานี้มีแต่หญ้ารกชัฏ จุดที่สายตามองเห็นก็มี
แต่ผนังกาแพงแตกหักผุพัง ข้างเท้าของจูเหลี่ยนคือกองฟืนที่เก็บมา ระหว่างทาง พ่อครัวเฒ่านั่งยอง จุดไฟกองหนึ่งขึ้นมา
หนึ่งร ้อยปีผ่านพ้น ภูเขาสายน้ายังไม่แปรเปลี่ยน ทว่าวัตถุยังคง เดิม แต่คนกลับไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว บ้านเกิดในวันวานก็ได้กลายเป็ น มาตุภูมิไปแล้ว
ห่างจากคราวก่อนที่จูเหลี่ยนอยู่ที่บ้านเกิด ตอนที่เขาใช ้รูปโฉมที่ แท้จริงสวมชุดเขียวพกกระบี่ท่องอยู่ในยุทธภพ อันที่จริงก็เป็ นเรื่อง เก่านานนมที่เกิดขึ้นเมื่อหนึ่งร ้อยปีก่อนแล้ว
ศึกที่เมืองหลวงแคว้นหนันเยวี่ยน จูเหลี่ยนที่บาดเจ็บสาหัสยังคง เดินไปบนสนามรบได้ด้วยสีหน้าเยือกเย็นผ่อนคลาย เพียงแต่ว่าอยู่ๆ ก็รู ้สึกเบื่อหน่าย และบังเอิญกับที่หันไปเห็นผู้ฝึกยุทธหนุ่มที่ทาตัวลับๆ ล่อๆ บนศีรษะท่วมไปด้วยเหงื่อคนนั้นพอดี อีกฝ่ ายอายุไม่มาก แต่ ผลสาเร็จด้านวรยุทธกลับไม่ต่า อีกทั้งยังใจกล้าละเอียดรอบคอบ น่าจะพอถือว่าเป็ นผู้พิชิตในหนึ่งดินแดนที่กล้าคิดกล้าทา แต่กลับยัง ไม่เป็ นโล้เป็ นพายได้กระมัง? เอาเป็ นว่าถือเป็ นคนหนุ่มที่หากไม่ตาย ก็มักจะต้องได้ดิบได้ดีแล้วกัน
ผู้เฒ่ากับคนหนุ่ม ผู้อาวุโสในยุทธภพที่มีชื่อเสียงเลื่องลือที่สุดใน ใต้หล้ากับผู้เยาว์คนหนึ่งที่เดินบนทางเสี่ยงอันตายแต่กลับยอมเดิม พันด้วยชีวิตอย่างไม่เสียดาย สองคนสบตากัน
อย่าว่าแต่จูเหลี่ยนยังเดินได้เป็ นปกติเลย ขอแค่คนคลั่งวรยุทธผู้ นี้ยังคงยืนได้ ทหารสวมเสื้อเกราะหลายพันนายของราชสานัก แคว้นหนันเยวี่ยนก็ไม่มีใครกล้าขยับเข้ามาใกล้เขาแล้ว
ตอนนั้นอันที่จริงคนคลั่งวรยุทธก็มีอายุมากแล้ว แต่ใบหน้ากลับ ดูไม่แก่ ไม่มีกลิ่นอายของความเสื่อมโทรมและรูปโฉมของคนแก่ชรา แม้แต่น้อย
คนบนโลกมนุษย์ที่พบเห็นเขาล้วนต้องละอายใจที่ตัวเองสู้ไม่ได้
ผู้เฒ่าที่บนศีรษะสวมกวานเต๋าดอกบัวสีเงินยิ้มตาหยีมองไปยัง คนหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่หลบซ่อนตัวมานาน ถามว่า กลัวอะไร?
ตลอดทางที่ผู้เฒ่าเดินมานี้ฝีเท้าของเขาก้าวย่างอย่างผ่อนคลาย เท้าของเขาเหยียบลงบนหิมะที่ทับถมหนาชั้นอยู่บนเส้นทางของเมือง หลวงสายนี้ พอขยับเท้าก้าวต่อเบาๆ ก็มีเสียงแสกสากดังตามมา
คนหนุ่มตอบว่ากลัวตาย
ผู้เฒ่าถามอีกว่าในเมื่อกลัวตาย ไยจึงต้องรนหาที่ตาย?
คนหนุ่มตอบว่าแม้จะกลัวตาย แต่ข้ากลัวว่าจะมีชีวิตอย่างเสีย เปล่า ตายไปอย่างไร ้ชื่อเสียงมากกว่า
ดังนั้นผู้เฒ่าจึงพยักหน้า ยิ้มตาหยีเอ่ยว่า คนหนุ่มมีปณิธานไม่ เล็ก ดีมาก ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะให้โอกาสสร ้างชื่อเสียงระบือไกลแก่เจ้า หากต่อจากนี้เจ้าเดาคาพูดบางประโยคที่ข้าจะพูดได้ ตัวอักษรมี
ความต่างกันได้ ขอแค่ความหมายถูกต้องก็พอ ถ้าอย่างนั้นศีรษะที่ ถือว่าไม่เลวนี้ของข้าจูเหลี่ยน เจ้าก็สามารถเอาไปได้เลย หากเดาไม่ ถูก ข้าก็ไม่ถือสาหากจะบิดหัวของคนไม่สาคัญไร ้ชื่อเสียงคนหนึ่ง ฆ่า ใครก็ไม่ได้แตกต่าง แล้วนับประสาอะไรกับที่ยังเป็ นคนไม่ส าคัญไร ้ ชื่อเสียงที่รนหาที่ตายเอง ให้เวลาเจ้าหนึ่งก้านธูป หมดเวลาก็หมด โอกาส