กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1068.2 มีสักกี่คนที่แลเห็นชุดเขียว
ภายหลังมีครั้งหนึ่งที่โจวเม่ยเจินไปยังชั้นบนพื้นที่ต้องห้ามของ หอจิ้งหย่างเพื่อจัดระเบียบตาราฉบับสมบูรณ์แบบ ตาราที่มีเล่มเดียว ผลคือเห็นคนหนุ่มชุดขาวที่รูปโฉมงดงามผิดสามัญผู้นั้นนั่งลอยตัว อยู่กลางอากาศเหนือเบาะรองนั่งใบหนึ่ง เหนือศีรษะของเขาคือไข่มุก แสงจันทร ์ในตานาน สองมือทาท่าว่ายน้า “ว่าย” ลอยไปลอยมาอยู่ ระหว่างชั้นหนังสือสองแถว รอกระทั่งหันมาเห็นโจวเม่ยเจินที่มีสีหน้า อึ้งค้าง อีกฝ่ ายก็ยื่นมือไปหยิบไข่มุกเม็ดนั้นลงมา เอ่ยชื่นชมว่าพี่สาว มีศาสตร ์คงความเยาว์ ดูแลตัวเองได้ดีจริงๆ ไม่เปลี่ยนไปจากคราว ก่อนที่เจอกันเลยแม้แต่น้อย หากว่าหันไปฝึกวิชาคาถาตระกูลเซียนก็ จะต้องมีชีวิตอยู่ได้ยาวนานมากแน่ๆ…ระหว่างที่พูดก็โยนไข่มุก ให้กับโจวเม่ยเจิน ครั้นจึงยกชายแขนเสื้อขึ้นบอกว่าเขาเพิ่งเลือก หนังสือไปสองสามเล่ม ถือเสียว่าเป็ นเงินจ่ายค่าหนังสือให้กับทาง หอจิ้งหย่างก็แล้วกัน
ตอนนั้นโจวเม่ยเจินฝืนทาอารมณ์ให้สงบนิ่ง บากหน้าถามอีก ฝ่ ายไปประโยคหนึ่งว่า “เจ้าลัทธิลู่ ข้าสามารถฝึกวิชาเซียนได้จริง หรือ?”
คนหนุ่มรูปงามสวมชุดสีขาวที่ขาวยิ่งกว่าหิมะยิ้มพยักหน้า “ด้วย คุณสมบัติและความสามารถในการท าความเข้าใจของเจ้า แน่นอน
ว่าย่อมได้แค่อดทนรอไปก็พอ เป็ นถึงผู้ที่ได้ ครอบครองนครแห่ง ต าราภูเขาสมบัติ ก็แค่ว่าฟ้ าอ านวยและคนสามัคคีด้อยกว่าเกาจวิน เล็กน้อย แต่เรื่องของดินอวยพร เจ้าสามารถเหนือกว่าแม่นางน้อยผู้ นั้นได้ระดับใหญ่ ยังจะต้องกลัวว่าจะไม่ได้เป็ นเทพเซียนอีกหรือ?”
ชายหนุ่มชุดขาวลุกขึ้นยืน ภูษาปลิวไสว ในมือมีแส้ปัดฝุ่ นหาง กวางสีขาวหิมะที่ตัวด้ามเป็ นสีทองเพิ่มมาชิ้นหนึ่ง เมื่อรวมเข้ากับรูป โฉมของเขาแล้วก็มีมาดสูงส่งหลุดพ้นจากโลกีย์ สมกับค าเรียกขาน ว่าคนในกลุ่มเทพเซียนอย่างในตาราเรื่องเล่าประหลาดอย่างแท้จริง
“ข้าชื่อลู่ไถ หอจิ้งหย่างของพวกเจ้าข่าวสารว่องไวถึงเพียงนี้ พี่ หญิงโจวน่าจะรู ้จักข้ากระมัง?”
โจวเม่ยเจินพยักหน้ารับอย่างทึ่มที่อ
คราวก่อนอีกฝ่ ายเคยแนะน าตัวเองไปแล้ว มาเป็ นแขกถึงบ้านจึง แสดงท่าทีจริงใจเต็มที่ โจวเม่ยเจินยังไม่ได้ขี้หลงขี้ลืมขนาดนั้น
“แล้วหมาตัวหนึ่งที่ข้าเลี้ยงไว้ชื่อว่าลู่เฉิน พี่หญิงโจวรู ้เรื่องนี้ด้วย หรือไม่?”
โจวเม่ยเจินส่ายหน้าอย่างเลื่อนลอย
ลู่ไถพลันถลึงตาใส่ เป็ นบ้าหรือไร รีบวางมีดลงเดี๋ยวนี้ อย่าทาให้ พี่หญิงโจวของพวกเราต้องตกใจ!!
ลูกศิษย์คนดี ชื่อนี้ที่เจ้าตั้ง อาจารย์ล่ะยอมใจเจ้าจริงๆ เถาเสีย หยาง ออกดาบทีไรไม่เคยเป็ นเรื่องจริงจังทุกที บอกไว้ตั้งแต่แรกแล้ว ว่าอย่าเล่นดาบ เจ้าดันไม่เชื่อ เจ้านี่มันดื้อจริงๆ
พี่หญิงโจว เจ้าหมอนี่คงไม่ต้องให้ข้าแนะนาแล้ว คือมือรองของ ลัทธิมารพวกเรา ชื่อเสียงเลื่องลือ คนที่ซื่อสัตย์เที่ยงตรงได้ยินชื่อแล้ว ต้องขนลุกขนชัน เถาเสียหยางผู้นี้ยังเอาแต่คิดอยากจะเก็บตกของดี ชิ้นใหญ่จากมืออาจารย์ อยากจะเอาอย่างดึงอิงที่สังหารจูเหลี่ยนในปี นั้น ขอแค่เขาสังหารอวี๋เจินอี้กับมือตัวเองได้ก็จะได้ฉวยโอกาสนี้ช่วง ชิงโชคชะตาบู๊บนร่างของอวี๋เจินอี้ไปได้ อีกไม่นานเถาเสียหยางก็จะ ได้เป็ นผู้ฝึกยุทธขอบเขตเดินทางไกลแล้วไม่เคยได้ยินคากล่าวนี้มา ก่อนหรือ? ก็คือคนฝึกยุทธที่บินได้ ร ้ายกาจไหมล่ะ? คือเรื่องงดงามที่ คนฝึ กวรยุทธอย่างพวกเจ้าจะกล้าคิดถึงก็ต่อเมื่ออยู่ในความฝัน เท่านั้นใช่ไหม? ดังนั้นอยู่ข้างนอก ขอบเขตเดินทางไกลจึงเรียกอีก อย่างหนึ่งว่าขอบเขตพลิกดิน บรรยายได้เห็นภาพเลยใช่ไหมล่ะ หาก จะถามว่าพอเลื่อนเป็ นขอบเขตนี้แล้วก็จะเรียกได้ว่าเป็ นปรมาจารย์ ใหญ่วิถีวรยุทธที่แท้จริงได้แล้วหรือไม่? หึ ยังห่างชั้นอยู่อีกไกลนัก แมวสามขาอย่างเถาเสียหยางพอไปถึงข้างนอก บางทีแค่ถลึงตาใส่ คนที่เดินอยู่บนถนนก็อาจจะถูกอีกฝ่ ายตบให้ตายด้วยฝ่ ามือเดียวได้ ง่ายๆ แล้ว
โจวเม่ยเจินสัมผัสได้ถึงความเยียบเย็นตรงหลังต้นคอ
เรือนกายของนางเกร็งค้าง เหงื่อหลั่งมาตามสันหลัง นางถึงขั้น ไม่กล้าหันกลับไปมองรอกระทั่งคมดาบค่อยๆ ผละห่างจากล าคอของ นางไปไกล โจวเม่ยเจินก็ยังขนลุกชันไม่หายเหมือนเพิ่งไปเดินผ่าน ด่านประตูผีมารอบหนึ่ง
ลู่ไถยิ้มเอ่ย “พี่หญิงโจวทาใจให้กล้าสักหน่อย ลองหันไปมองให้ พวกเขาให้คุ้นหน้าคุ้นตากันก่อน เพราะถึงอย่างไรก็มีข้าที่เป็ น อาจารย์อยู่ด้วย พวกเขาไม่กล้าท าตัวเหลวไหลหรอก
โจวเม่ยเจินจึงได้แต่ค่อยๆ หันหน้ากลับไป
บุรุษคนหนึ่งยืนกอดฝักดาบเอนพิงชั้นวางหนังสือแถวหนึ่ง เขา โบกมือ ยิ้มกว้างเอ่ยว่า “เถาเสียหยาง เพราะคุณสมบัติแย่เกินไป จิตใจไม่เที่ยงตรง เป็ นลูกศิษย์ที่อาจารย์ไม่ภาคภูมิใจ
ห่างไปไกลอีกเล็กน้อยคือคนหนุ่มที่ในมือถือตารา เขาเงยหน้า ขึ้น ใบหน้าประดับยิ้มน้อยๆ แนะน าตัวเองว่า “หวนอิน ผู้ฝึ กยุทธ ขอบเขตเจ็ด ผู้ฝึกลมปราณห้าขอบเขตกลาง แต่เป็ นผู้ฝึกกระบี่ น่า เสียดายที่อาจารย์ไม่ชื่นชอบเหมือนกัน
ห่างไปไกลอีก ตรงตาแหน่งที่อยู่ติดกับหน้าต่างของชั้นนี้ มีบุรุษ คนหนึ่งที่สวมชุดเต๋าสีม่วง สองมือสอดกันไว้ในชายแขนเสื้อ เขาหัน ตัวมา สะบัดชุดแล้วคารวะโจวเม่ยเจินตามขนบลัทธิเต๋า “หวงซ่าง นักพรตแห่งแคว้นหนันเยวี่ยนคารวะเจ้าหอโจว”
ลู่ไถพาทั้งเท้าและเบาะรองนั่งเหยียบลงบนพื้นด้วยกัน หัวเราะร่า เอ่ยว่า “หวงซ่างเจิน เหรินผู้พิทักษ์แคว้นหนันเยวี่ยน อันที่จริงก็เป็ น ลูกศิษย์ผู้สืบทอดของข้าเหมือนกัน พอจะเป็ นวิชายันต์อยู่สองสาม ชนิด นี่คือเรื่องวงในที่แม้กระทั่งหอจิ้งหย่างของพวกเจ้าก็ยังไม่รู ้ใช่ ไหมล่ะ หึ โอสถทอง อยู่ข้างนอกถือเป็ นเทพเซียนพสุธาเชียวนะ น่า เสียดายที่เขาคือคนต่างถิ่นไม่มีประโยชน์อะไร
“พวกเขาสามคนต่างก็เป็ นศิษย์เลว มองแล้วขัดหูขัดตา ใน สถานการณ์ทั่วไปข้าไม่ยินดีจะพาพวกเขามาอยู่ข้างกายนัก แต่ละ คนคุณสมบัติด้านการฝึกตนวรยุทธและฝึกตนล้วนธรรมดาอย่างมาก จิตใจก็ไม่เที่ยงตรงเสียด้วย ยังดีที่ฝี มือต่าแต่สายตาสูง ล้วนมี จุดมุ่งหมายอยู่ที่อวี๋เจินอี้ แต่ละคนฉกฉวยในสิ่งที่ตัวเองต้องการ แบ่ง โชคชะตาบู๊ กระบี่โบราณและกวานเต๋ากัน น่าเสียดาย น่าเสียดาย หมดหวังเสียแล้ว
ไหนๆ ก็มาแล้ว ผู้ที่มาเยือนล้วนเป็ นแขก มาเยือนถึงบ้านก็ต้องมี ของขวัญมาให้ หวงซ่างเจ้าทิ้งยันต์ไว้สองแผ่น เอาเป็ นยันต์มังกร เลือกฝนและยันต์เลิกคิ้วก็แล้วกัน เถาเสียหยางเจ้าไปสังหารสายลับ ทั้งหลายที่ซ่อนตัวอยู่ในหอจิ้งหย่าง ส่วนหวนอิน ใช ้เสียงในใจ ถ่ายทอดคาถาหลอมลมปราณบทหนึ่งให้กับเจ้าหอโจวก็แล้วกัน วัน หน้านางจะได้เอาไปใช ้หลีกเลี่ยงไม่ให้ต้องคอยเป็ นกังวล ทั้งๆ ที่ได้ ครอบครองนครแห่งต ารา แต่กลับไม่รู ้ว่าควรจะจัดการอย่างไรดี
“ส่วนข้าน่ะ เบาะรองนั่งที่มีระดับขั้นเป็ นสมบัติอาคมชิ้นนี้ ก็ขอ มอบให้พี่หญิงโจวก็แล้วกัน ถือเสียว่าเป็ นของขวัญแสดงความยินดี ล่วงหน้าที่วันหน้าท่านจะได้เลื่อนเป็ นขอบเขตถ้าสถิต
ลู่ไถพูดมาถึงตรงนี้ก็คลี่ยิ้มสดใส ยื่นมือไปคว้าแขนของโจวเม่ย เจินเอาไว้ “ถ้าอย่างนั้นเพื่อให้เป็ นของขวัญตอบแทน พี่หญิงโจว ไป ไปยังที่พักของท่าน สตรีโตเต็มวัยที่ทั้งอวบอิ่มทั้งงดงามทั้งเย็นชา อย่างพี่หญิงโจวยอดเยี่ยมจะตายไป อะไรที่ควรเป็ นก็เป็ นหมดแล้ว ไม่ เป็ นแค่สอนก็ต้องเป็ นแน่!”
โจวเม่ยเจินหรือจะยอมถูกหมิ่นเกียรติเช่นนี้ได้ นางกัดฟันแล้ว ใช ้มือต่างมีดฟันสับลงไปอย่างดุร ้าย ตัดไปที่หัวของคนหนุ่มชุดขาวผู้ นั้น…สัมผัสที่มือสมจริงอย่างมาก นางทาได้ส าเร็จจริงๆ!
คิดไม่ถึงว่าจะมีคนหนุ่มชุดขาวอีกคนเดินสวนไหล่กับนางไป เขาก้มหน้าค้อมเอวยืนมือมาตบตรงจุดที่กลมเด้งของนางเสียง ดังเพี้ยะอย่างแรง ลู่ไถสะบัดมือแล้วพูดกลั้วหัวเราะ ดังๆ จากไป โอ้โห สัมผัสที่มือช่างดีจริงๆ แรงดีดแบบนี้ไม่เสียแรงที่พี่หญิงโจวฝึกวรยุทธ มาก่อน เฮ้อ น่าเสียดายที่ยังคงไม่ใช่ผู้ฝึกลมปราณที่ดื่มน้าค้างกิน แลงอรุโณทัย แล้วก็ยังต้องไปถ่ายในห้องส้วม พอคิดถึงเรื่องนี้ก็ทาให้ คนหมดอาลัยตายอยากแล้ว…ใช่แล้ว โจวเม่ยเจินในฐานะของขวัญ ตอบแทนที่แท้จริงจากหอจิ้งหย่าง ข้าจะให้เจ้าทาเรื่องนี้…เนื้อหาที่ พูดคุยกันนี้ อีกเดี๋ยวเจ้าก็จะลืมไปแล้ว แต่เมื่อไหร่ที่ควรนึกออกเจ้าก็ จะนึกได้
รอกระทั่งโจวเม่ยเจินที่อับอายเจ็บแค้นสุดขีดระงับอารมณ์ได้ อย่างไม่ง่าย พอหันไปมองอีกครั้ง ลู่ไถก็พาลูกศิษย์ทั้งหลายจากไป อย่างเงียบเชียบแล้ว
โจวเม่ยเจินถอนหายใจเบาๆ เรื่องในอดีตไม่อยากย้อนนึกถึงเลย จริงๆ ทุกครั้งที่คิดถึงเมื่อไหร่ก็ต้องกลุ้มใจเมื่อนั้น
เก็บอารมณ์ความรู ้สึกที่วุ่นวายกลับมาได้แล้ว โจวเม่ยเจินก็ใช ้ เสียงในใจถามหยั่งเชิงว่า “ถังเถี่ยอี้ เมื่อคืนวานเจ้าประมุขเกาเชิญ พวกเจ้าไปคุยกันหรือ? ท าไม นางวางมาดของบุคคลอันดับหนึ่งใน ใต้หล้า โน้มน้าวพวกเจ้าว่าอย่าได้ต่อสู้กันไปมา อย่าได้ใช ้ก าลัง ทหารอย่างสิ้นเปลืองไม่ยั้งคิด จนเดือดร ้อนชาวบ้านทรัพย์สิน เสียหายหรือ?”
ถังเถี่ยอี้ยกจอกเหล้าขึ้น ยิ้มเอ่ย “ไม่คุยเรื่องนี้ ดื่มเหล้าเถอะ”
โจวเม่ยเจินหลุบตาลงต่า มองเหล้าในจอก
ต่อให้นางจะเพิ่งฝึกตนได้แค่ไม่กี่ปี ต่อให้ตบะจะตื้นเขินจนไม่มี ค่าพอให้พูดถึง
แต่ว่า
หากมีวันนั้นจริงๆ
นางก็ยอมตายเพื่อสังหารโจรจากภายนอกผู้นั้นให้จงได้
โลกมนุษย์คือโลกมนุษย์ของพวกเรา
จาเป็ นต้องเป็ นเช่นนี้!
โจวเม่ยเจินกระดกดื่มเหล้าในจอกจนหมด กวาดตามองไปรอบ ด้าน ฉวยโอกาสตอนที่ตัวเองยังมีชีวิตอยู่มองบ้านเกิดของตัวเองให้ มากอีกหน่อย
ทางฝั่งของเกาะหลัวได้ที่อยู่ติดกัน เวลานี้ยังมีผู้เยาว์ในยุทธภพ กลุ่มหนึ่ง หรือควรจะเรียกว่า “คนหน้าใหม่” ของบนภูเขา พวกเขา กับผู้อาวุโสในยุทธภพที่มีชื่อเสียงมานานแล้วอย่างถังเถี่ยอี้วางท่า เหมือนน้าบ่อที่ไม่ยุ่งกับน้าคลองต่อกัน
ใครก็อย่ามาหาเรื่องใคร สองฝ่ ายต่างเกลียดขี้หน้ากัน
เจียงเสินจื่อที่สวมชุดกว้าผ้าฝ้ ายตัวยาวสวมหน้ากากไว้บน ใบหน้า เวลานี้บนหลังสะพายห่อสัมภาระทรงยาวไว้ชิ้นหนึ่ง
ในฐานะบุคคลผู้โดดเด่นในรุ่นหลังของยุทธภพ ครั้งนี้เขาไม่ได้ อยู่ในรายชื่อที่เกาจวินแห่งพรรคหูซานเชิญตัวมา ถือว่าเป็ นการมา เองโดยไม่ได้รับเชิญ แต่ทะเลสาบชิวชี่ก็ยังคงจัดหาที่พักให้เขาไว้ที่ เกาะหลัวไต้
เพียงแต่ว่าที่พักของเขาอยู่กลางภูเขา ในจุดที่สูงยิ่งกว่าบนภูเขา เวลานี้ก็มีงานเลี้ยงสุราเหมือนกัน มีเพียงคนบนเส้นทางเดียวกัน เท่านั้นถึงจะเข้าร่วมงานเลี้ยงได้ เป็ นเหตุให้ต่อให้เจ้าจะเป็ นผู้ฝึกยุทธ ในยุทธภพทีมีชื่อเสียงโด่งดังมากแค่ไหน มีฝีมือสูงเท่าไรก็ล้วนถูก ผลักไสไว้ภายนอก
เจ้าภาพงานเลี้ยงสุราที่นัดหมายทุกคนมาบนเกาะแห่งนี้คือผู้ฝึก ลมปราณที่มีรูปโฉมเป็ นเด็กสาว ภาพบรรยากาศรอบกายนางปกติ ธรรมดา หน้าผากมีเขาอ่อนของกวางสองข้างนูนขึ้นมาเล็กน้อย นาง สวมมงกฎทงเทียนของจักรพรรดิ สวมชุดคลุมมังกรเก่าแก่ตัวหนึ่ง ลักษณะเหมือนชุดกุ่นฝู (ฉลองพระองค์อย่างเป็ นทางการของ จักรพรรดิ) ปักลายมังกรสิบสองตัว เพียงแต่ว่ามังกรสีทองทุกตัวล้วน หลับตา มีเพียงหนวดมังกรที่พลิ้วสะบัดเล็กน้อย มังกรตัวหลักท าท่า เหมือนพร ้อมจะขยับ
เด็กสาวที่สวมชุดคลุมมังกรรัดเข็มขัดหยกขาวไว้ตรงเอว สองมือ กดอยู่บนเข็มขัด หรี่ดวงตาหงส์คู่นั้นลง หันไปมองทางเกาะอวี้จาน เหอะ ที่นั่นมีกลิ่นอายมังกรไม่น้อยเลยนะ
มีหญิงชราแก่หง่อมงุ่มง่ามคนหนึ่ง สองมือของนางถือจอก คลี่ ยิ้มอย่างสารวม สีหน้าค่อนข้างระมัดระวัง เหมือนหญิงแก่บ้านนอกที่ ไม่เคยพบเจอโลกกว้างมาก่อนที่ได้เข้าเมืองมาจับจ่ายซื้อของใน ตลาดอย่างหาได้ยาก
นางคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ศาลเถื่อนที่สร ้างเทวรูปลงสีไว้ในศาลซึ่ง ตั้งอยู่อาณาเขตห่างไกลของแคว้นเป่ยจิ้น
บนพื้นปูเสื่อไม้ไผ่ขนาดใหญ่ยักษ์ไว้ผืนหนึ่ง สี่มุมมีที่ทับของซึ่ง ทาจากวัสดุที่แตกต่างกันวางทับไว้สี่ชิ้น สามชิ้นในนั้นคือของตกแต่ง ที่เจ้าของงานเตรียมมาเอง มีเพียงตรงเท้าของผู้เฒ่าที่มีฉายาว่า “เถา เจ่อ” เท่านั้นที่วางที่ทับของเครื่องปั้นดินเผาที่มีกลิ่นอายวังเวง
ปัญญาชนคนหนึ่งที่ตรงเอวเหน็บฮู้หยก ในมือถือแส้ปัดฝุ่ นสีด า สนิท สวมชุดราชการคือเทพอภิบาลเมืองประจ าเมืองหลวงของ อาณาเขตแคว้นหนันเยวี่ยนซึ่งเพิ่งจะได้รับแต่งตั้งเมื่อไม่นานมานี้
และยังมีผู้ฝึกลมปราณอีกหลายคนที่ไม่ว่าจะเป็ นรูปโฉม เครื่อง แต่งกายหรือสมบัติติดกายล้วนมีจุดที่สะดุดตา พวกเขาต่างก็มาดื่ม
เหล้าอยู่ที่นี่
นอกเสื้อไม้ไผ่ ด้านข้างมีเด็กคอยต้มเหล้าและยังมีดรุณีน้อยที่ แต่งกายเหมือนนางก านัลในวัง ทว่าทุกคนกลับถืออาวุธอยู่ในมือ
บนเสื้อไม้ไผ่มีคนอยู่สองคนที่ได้รับเทียบเชิญจากพรรคหูซาน แต่คนมากกว่านั้นมาที่นี่ก็เพื่อ “ร่วมวงความครึกครื้นให้ทันตลาดเช ้า
นักพรตวัยกลางคนผู้หนึ่งที่ใบหน้าประดับรอยยิ้มอยู่เสมอมาถึง งานอย่างเชื่องช ้า เขาคารวะตามขนบลัทธิเต๋ามาทางเสื่อไม้ไผ่ บอก ว่ามีธุระรั้งตัวเขาไว้ ผินเต้าเพิ่งออกจากอารามต้ามู่กลับมาถึงที่พัก แห่งนี้ ต้องดื่มลงโทษตัวเองสามจอก หลังจากนั่งลงแล้วเขาก็ดื่มเหล้า ติดต่อกันสามจอกจริงๆ ผลคือแม้กระทั่งเด็กสาวที่เป็ นเจ้าภาพก็ยังไม่ รู ้ว่าคนผู้นี้คือใคร รอกระทั่งนางเอ่ยถามอีกทีก็พบว่าไม่ว่าใครก็ล้วน ไม่รู ้จักเจ้าหมอนี่ และนักพรตผู้นี้ก็ถึงกับยังมีหน้ามาดื่มคารวะทุกคน ไม่หยุด เด็กสาวสวมชุดคลุมมังกรหัวเราะหยัน ยกมือขึ้นเตรียมจะ ประทานวิชาเซียนให้กับเจ้าคนที่มาตีเนียนดื่มเหล้าผู้นี้เป็ นการสั่ง สอนเสียหน่อยสุราที่นางหมักเอง ไม่ใช่ว่าใครก็จะมาดื่มได้
นักพรตที่ดื่มจนหน้าแดงก่าส่งเสียงเรอไม่หยุดรีบหัวเราะเสียงดัง พลางลุกขึ้นยืน เอ่ยขออภัยแล้วขอตัวลากลับ ระหว่างที่พูดฝีเท้าก็ ก้าวถอยหลังออกไปไม่หยุด
ห่างจากเสื่อไม้ไผ่ผืนนั้นมาไกลแล้ว นักพรตที่ทาตัวไร ้ยางอาย ถึงได้กล้าหมุนตัวกลับเดินลงจากภูเขาไปด้วยฝีเท้ารีบร ้อน คงเป็ น เพราะอาศัยฤทธิ์สุราจึงใจกล้ามากขึ้น นักพรตจึงเริ่มพูดจาห้าวหาญ หากไร ้อดีตก็ไม่มีปัจจุบัน ค้นพบเจินเหรินท่ามกลางหมู่มวลบุปผาก ระเป๋ าฝืดเคืองเหลือแค่เงินสามห้าเหวิน ไม่มีวันนี้ก็ไม่มีอดีต ทัดบุปผา จิบสุราอมตะ ถึงได้รู ้ว่าบ้านเกิดแห่งความเมามายก็คือบ้านเกิดแห่ง เซียน เฝ้ ายามกาหนดวันสลักยันต์ไม้ท้อ ดื่มสุราชมบุปผากี่พันปี คน ต่าต้อยในชนบท มีหรือจะรู ้จักกลยุทธทางสงคราม? ช่างเซียนเจินเห รินก็เป็ นแค่คาพูดเลื่อนลอย มีเพียงข้าที่แม้จะดื่มมากมายแต่ไม่เมา ตะวันลอยโด่งตื่นสายรีบตื่นขึ้นมาท่ามกลางดงบุปผา เมามายผ่านไป วันพรุ่งนี้ก็ได้เจอสายลมเย็น….
หญิงชราถามเสียงเบา “คือคนมหัศจรรย์ที่มาจากต่างถิ่นหรือ?”
เด็กสาวสวมชุดคลุมมังกรหัวเราะหยัน “ชั้นวางดอกไม้ที่แสร ้งทา เป็ นเร ้นลับซับซ ้อน”
ผู้เฒ่าที่มีฉายาว่าเถาเจ่อลังเลเล็กน้อย ใช ้นิ้วหัวแม่มือถูกับนิ้วชี้ ตามความเคยชิน ใช ้เสียงในใจแพร่งพรายความลับให้แก่สหายทุก คนที่นั่งอยู่ตรงนี้ “คนผู้นี้ตบะสูงหรือต่า โปรดอภัยที่ข้าตาไม่ดี มอง ไม่ออก แต่อายุลวงของเขาต้องมีพันปีขึ้นไป”
“อายุลวง” คือคากล่าวที่ทุกวันนี้ใช ้พูดถึงพวกผีและวิญญาณ วีรบุรุษ ความหมายก็คือตอนที่ภูตผียังมีชีวิตอยู่เคยอยู่ในสมัยใด ราชวงศ์ใด
เพียงแต่ว่าอายุลวงมากหรือน้อยเป็ นสิ่งที่เลื่อนลอยเกินไป ไม่มี ความเกี่ยวข้องกับตบะตื้นลึกของตัวภูตผีเลยสักนิด ไม่อาจอธิบาย
อะไรได้
ก็เหมือนผู้เฒ่าที่มีฉายาว่าเถาเจ่อ ในฐานะ “ตัวต้นเหตุ” อย่าง จริงแท้แน่นอน เขาก็แทบจะเป็ นคนที่อายุมากที่สุดในโลกมนุษย์ของ ฟ้ าดินแห่งนี้แล้ว แต่ตบะและมรรคกถาของเขา อันที่จริงกลับไม่สูง
เด็กสาวสวมชุดคลุมมังกรลังเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะเสียงดังลั่น “สหายที่ลงภูเขาไปผู้นั้น ผู้ที่อายุมากควรได้รับความเคารพ กลับมา ดื่มเหล้าเถิด!”
นักพรตที่มีรูปโฉมเป็ นบุรุษวัยกลางคนจากไปอย่างรีบร ้อน แต่ ย้อนกลับมาเร็วยิ่งกว่าวิ่งตุปัดตุเป๋ ขึ้นเขามา กลับมานั่งลงที่เดิมอีก ครั้ง กุมหมัดยิ้มเอ่ย “ผินเต้าลืมชื่อตัวเองไปแล้วทุกวันนี้จึงได้แต่ตั้ง ฉายาให้ตัวเองว่า “เถี่ยจุ่ย” (ปากเหล็ก) บอกตามตรง ผินเต้าไม่ได้ เรื่องด้านการประลองเวทคาถากับผู้อื่น แต่เชี่ยวชาญนรลักษณ์ ศาสตร ์ พอจะมีความรู ้ความเข้าใจอยู่บ้าง กล้าพูดว่าไม่ด้อยไปกว่า เทพเซียนคนใดบนโลกที่เชี่ยวชาญเรื่องนับแต่อดีตตราบจนปัจจุบัน ท านายทายทักได้ล่วงหน้าเลย”
ไม่บอกชื่อตัวเองยังดี พอได้ยินฉายาว่า “เถี่ยจุ่ย” นี้ ผู้ฝึ กตน หญิงที่ค่อนข้างเงียบขรึมพูดน้อยก็อดไม่ไหวหลุดเสียงหัวเราะออกมา ก่อนใคร นางยื่นมือมาปิ ดปากเอาไว้ ก่อนจะเอ่ยอย่างอดไม่ได้ว่า “เจ้าก็คือนักต้มตุ๋นที่ถูกอูเจียงต่อยจนฟันร่วงน่ะหรือ? แล้วยังเคยท า ให้จงเชี่ยนป่ าวประกาศว่าวันหน้าหากเจอกันอีกจะต้องต่อยให้เจ้า
ร่อแร่ปางตายให้จงได้?”
อันที่จริงคากล่าวพวกนี้ของนางนับว่าเกรงใจกันแล้ว ในยุทธภพ มีข่าวลือพูดถึงนักพรตพเนจรคนหนึ่งที่ชอบทาเป็ นเร ้นลับซับซ ้อน ทั่วร่างของเขานอกจากปากแข็งแล้วก็ไม่มีความสามารถที่แท้จริงอื่น ใดอีก
นักพรตยิ้มบางๆ “แสร ้งทาเป็ นนักต้มตุ๋นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ”
ทุกคนได้ยินประโยคนี้ก็สะอึกอึ้งพูดไม่ออกกันไปทันที
เด็กสาวที่สวมชุดคลุมมังกรทาท่าจะยกมือขึ้น จริงหรือเท็จ ตบะ ตื้นหรือลึก แค่ทดสอบก็รู ้ได้แล้ว
นักพรตที่ท่องไปทั่วยุทธภพย่อมตาดี รีบเปิดปากพูดแก้ตัวทันที ว่า “เซียนซือทุกท่านผินเต้าบอกว่าไม่เก่งเรื่องการประลองเวทคาถา ท าไมจะไม่ใช่ความจริงเล่า”