กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1069.7 ศิษย์พี่ใหญ่กับศิษย์น้องเล็ก
เฉินฉงฟุบตัวนอนคว่ำบนโต๊ะด้วยควำมเคยชิน เอ่ยว่ำ “ท่ำนลุง ฉำง ค ำพูดพูดกันเช่นนี้ เหตุผลก็เป็ นเหตุผลนี้ แต่ไม่ควรยื่นมือไปตบ หน้ำคนที่ยิ้มให้ มำกมำรยำทใครก็ไม่ตำหนิหลักกำรเหตุผลข้อนี้ไม่ ว่ำจะเอำไปใช ้ที่ไหนก็น่ำจะได้ผลหมดกระมัง? พวกเรำต้องกำร หรือไม่? อืม ก็คือแสดงควำมกตัญญู ท ำให้พอเป็ นพิธี แสดงออกให้ เห็นสักหน่อย?”
ลุงฉำงร ้องเหอะ “ข้ำผู้อำวุไม่มีเงินเหลือหรอกนะ”
เฉินฉงเงยหน้ำขึ้น เอำคำงวำงกลับลงไปบนโต๊ะ “กำรมอบ ของขวัญคือควำมรู ้อย่ำงหนึ่งจริงๆ นะ!”
ผู้เฒ่ำยิ้มเอ่ย “เวลำปกติก็ฉลำดหัวไวดีไม่ใช่หรือ ตอนนี้ทำไมถึง สมองไม่พอใช ้แล้วล่ะ? เจ้ำชอบแกะสลักตรำประทับไม่ใช่หรือไร? ไป งมหำก้อนหินดีๆ รูปร่ำงไม่เหมือนกันในลำคลองมำก็ถือเป็ นน้ำใจ อย่ำงหนึ่งไม่ใช่หรือ?”
ดวงตำเด็กหนุ่มเป็ นประกำยวำบ ยกนิ้วโป้ งให้ เอ่ยชื่นชมจำกใจ จริงว่ำ “ท่ำนลุงฉำงใช ้ได้ ใช ้ได้”
ผู้เฒ่ำหัวเรำะ เจ้ำเด็กหน้ำเหม็นพูดชมเช่นนี้ อำรมณ์ของเขำ…ก็ พอใช ้ได้เลยจริงๆ
ถึงอย่ำงไรก็ดีกว่ำให้เจ้ำเด็กนี่เอ่ยชมว่ำ “เอำชนะชุยฉำนไม่ได้ แต่จะยังเอำชนะหม่ำจำนไม่ได้อีกหรือ กระมัง
คำพูดทุเรศที่ต้องเอ่ยออกมำอย่ำงแน่นอนประเภทนี้ ให้เดำผู้ เฒ่ำยังเดำออกเลย
เด็กหนุ่มคิดไปคิดมำก็พึมพ ำเบำๆ ว่ำ “ตรำประทับจะเขียนเป็ น ค ำว่ำอะไรดีล่ะ?”
“ข้ำว่ำไฉเซียนจ่ำงผู้นั้นคล้ำยจะเป็ นคู่รักของเจ้ำอำรำมพวกเรำ ไหม? ไม่อย่ำงนั้นเขำจะเดินทำงจำกเมืองหลวงมำยังยิ่งชวนทำไม ระยะทำงยำวไกลเป็ นพันลี้ หำกเป็ นข้ำก็คงไม่เต็มใจจะมำ แม้จะบอก ว่ำขี่ม้ำมำ แต่โยกคลอนกระเด้งกระดอนมำตลอดทำง ก้นไม่ถูกเสียด สีจนแสบแย่หรือ? แต่หำกว่ำไฉเซียนจ่ำงแอบรักเขำข้ำงเดียวก็ไม่ เหมำะเท่ำไร ไม่ใช่ว่ำอยำกจะประจบเอำใจกลำยเป็ นด่ำคนเขำแทน ล่ะ”
“เขียนคำจำพวกว่ำเรียกลมเรียกฝน ขี่เมฆทะยำนหมอกดีไหม? ฟังแล้วดำษดื่นไปหน่อยหรือไม่?”
“หรือไม่ก็เขียนว่ำให้ก ำเนิดบุตรในเร็ววัน? ถึงอย่ำงไรวันหน้ำเจ้ำ อำรำมเจียนก็ต้องมีคู่บ ำเพ็ญเพียร มีคู่บ ำเพ็ญเพียรแล้วก็ต้องมีลูก…”
เด็กหนุ่มพูดมำถึงตรงนี้ก็หัวเรำะเสียงดังลั่นอยู่กับตัวเอง
ผู้เฒ่ำเหล่ตำมองเด็กหนุ่ม เฉินฉงกลอกตำมองบน “ก็แค่ล้อเล่น เท่ำนั้นเอง ดูท่ำนทำท่ำตื่นเต้นเข้ำสิ บอกแล้วว่ำทุกครั้งที่เจอเรื่อง
ใหญ่ต้องสงบสติอำรมณ์ให้ดี หลักกำรเหตุผลมีแต่ท่ำนเท่ำนั้นที่พูด ได้หรือ? ท่ำนลุงฉำงอ่ำ ไม่ใช่ว่ำเด็กรุ่นเยำว์อย่ำงข้ำต ำหนิท่ำนจริงๆ นะ นิสัยที่เข้มงวดกับคนอื่น ใจกว้ำงกับตัวเองนี้ของท่ำนต้องเปลี่ยน ได้แล้ว”
ผู้เฒ่ำยิ้มเอ่ย “ควบคุมเจ้ำได้ ข้ำก็ควรต้องจุดธูปขอบคุณพระ
ขอบคุณเจ้ำแล้ว”
เด็กหนุ่มกุมสองมือเป็ นหมัด ยิ้มหน้ำทะเล้น “รับคำชี้แนะ รับคำ ชี้แนะ ได้เลย ได้เลย
ลุงฉำงเอ่ยเตือน “คิดได้หรือยังว่ำจะใช ้ตัวอักษรตรำประทับว่ำ อะไร?”
เฉินฉงเริ่มพึมพำกับตัวเอง “ทุกวันนี้เจ้ำอำรำมเจี่ยนคือผู้ ถ่ำยทอดวิชำให้กับพวกเรำแล้ว ในตำรำบอกว่ำผู้ที่มีคุณธรรมสูงส่ง เป็ นอำจำรย์ ผู้ที่วำงตัวเที่ยงตรงคือผู้ที่เป็ นแบบอย่ำง และในต ำรำก็ บอกไว้อีกว่ำขยับและนิ่งมีจังหวะ บุกและถอยมีกำรหมุนเวียน ล้วน เป็ นกฎเกณฑ์ นิ่งคืออริยะขยับคือรำชำ ในตำรำยังบอกด้วยว่ำรักษำ จิตใจที่บริสุทธิ์ดีงำมเอำไว้ได้ ในใต้หล้ำนี้ก็ไม่มีสิ่งใดเทียบเคียงได้อีก ใช่แล้ว เรียบๆ ง่ำยๆ ไม่มีกำรตกแต่งเพิ่มเติมอะไร…อืม ชื่อของเจ้ำ อำรำมเจี่ยนตั้งได้ไม่เลว ไม่เลวเลยจริงๆ!”
ลุงฉำงยิ้มเอ่ย “เนื้อหำพวกนี้ ดีก็ดีอยู่หรอก แต่เจ้ำคิดว่ำนักพรต ประจ ำกำรอย่ำงเจ้ำมอบตรำประทับที่เป็ นเช่นนี้ให้กับนักพรตผู้ดูแล อำรำมคนใหม่ เหมำะสมแล้วหรือ?”
เฉินฉงพยักหน้ำ “ก็จริงนะ ควำมหมำยยิ่งใหญ่เกินไป เหมือนกับ กำรที่ผู้อำวุโสในตระกูลมอบค ำฝำกฝังให้กับคนรุ่นเยำว์ ไม่เหมำะสม เลยจริงๆ ตรงไปตรงมำอ่อนโยน เรียบง่ำยซื่อสัตย์ กำรกระทำเรียบ ง่ำย จิตใจบริสุทธิ์สงบและรูปลักษณ์งดงำม อันที่จริงก็ไม่เลว เหมือนกัน เพียงแต่ว่ำเลี่ยนเกินไป ไม่เคำรพนอบน้อมมำกพอ เกรง ว่ำต้องเปลี่ยนให้ไฉ่เซียนจ่ำงเป็ นคนมอบให้ถึงจะเหมำะสม? รู ้แล้ว ใน ตำรำมีประโยคที่ว่ำ เมื่อเริ่มต้นนั้นเรียบง่ำยเมื่อสำเร็จกลับยิ่งใหญ่ ไม่ใช่หรือ? ฮ่ำๆ นี่ทำให้ข้ำนึกถึงนิยำยเรื่องหนึ่งที่พวกหม่ำฉงไม่ได้ เก็บซ่อนไว้ให้ดี บอกว่ำมีแม่ทัพผู้กล้ำคนหนึ่งพุ่งออกมำจำกกองทัพ ที่มีคนนับหมื่น ทุกท่ำนโปรดจงดูให้ดี ชุดสีแดงเส้นผมสีชำด ม้ำแดง บุกตะลุยเดี่ยว ตรงเอวห้อยพกกังหันน้ำคู่หนึ่ง…”
“หยุดเลย หยุดเลย”
ลุงฉำงได้ยินแล้วปวดหัวแปลบ งอนิ้วเคำะลงไปบนหน้ำโต๊ะเบำๆ “อันที่จริงก็ง่ำยมำกแค่แกะสลักอักษรค ำว่ำ ‘เจี่ยน” ลงไปก็พอแล้ว หำกอีกฝ่ ำยไม่ชอบก็ไม่ถือว่ำเจ้ำเสียมำรยำท หำกว่ำชอบก็สำมำรถ เอำไปทำเป็ นตรำประทับตำรำชิ้นหนึ่งของเจ้ำอำรำมเจี่ยนได้”
เฉินฉงเอ่ยอย่ำงอ่อนใจ “ท่ำนลุงฉำง ง่ำยก็ง่ำยจริงๆ เลยนะ ท่ำน ก็อุตส่ำห์คิดได้!”
ผู้เฒ่ำยิ้มเอ่ย “จะสอนให้เจ้ำเขียนอักษร “เจียน” แบบโบรำณก็ แล้วกัน จะได้ไม่ง่ำยอีกดูให้ดีล่ะ ก่อนจะเป็ นช่วงแดดส่องสำมล ำไม้ไผ่ ก็คือสองล ำไม้ไผ่ (แดดส่องสำมล ำไม้ไผ่หมำยถึงตอนสำยมำกแล้ว แดดส่องสูงแล้ว) นักพรตต้องรู ้จักทะนุถนอมเห็นค่ำเวลำซุกซ่อน ควำมคิดจิตใจไว้ส่วนหนึ่ง”
เฉินฉงเงยหน้ำขึ้น ลุงฉำงก็ยกนิ้วขึ้นเขียนตัวอักษรกลำงอำกำศ ด้ำนล่ำงเป็ นอักษร “เหมิน” ต่ำ รื่อ’ สูง
เฉินฉงถำมอย่ำงสงสัย “แบบนี้ก็ได้หรือ?”
ลุงฉำงตอบ “ได้หรือไม่ได้ก็แล้วแต่เจ้ำ”
กล่ำวมำถึงตรงนี้ ผู้เฒ่ำก็หัวเรำะอยู่กับตัวเอง ส่ำยหน้ำ เฉินฉง จึงถำมอย่ำงสงสัยว่ำหัวเรำะอะไร ลุงฉำงเพียงแค่ส่ำยหน้ำ เด็กหนุ่ม จึงยิ่งสงสัยรบเร ้ำถำมหำสำเหตุ
ลุงฉำงเอ่ย “เจ้ำคิดว่ำประโยคว่ำ “ข้ำเดินอยู่ในป่ำ’ ดีหรือไม่ดี?”
เด็กหนุ่มเพิ่งเคยได้ยินคำกล่ำวนี้เป็ นครั้งแรก ควำมหมำยก็คือ หมำยถึงว่ำอยู่ให้ห่ำงจำกวงกำรขุนนำง เดินอยู่ในป่ ำ? ดูเหมือนว่ำ หำกเอำมำใช ้กับเจ้ำอำรำมเจี่ยนก็ไม่แย่เหมือนกัน? นำงเองก็ย้ำย จำกเมืองหลวงมำอยู่ที่อำเภอฉำงเส้อนี่นะ
ลุงฉำงกลั้นขำ “แนะนำเจ้ำว่ำอย่ำเอำไปมอบให้นำง ควรเปลี่ยน เนื้อหำดีกว่ำ แกะสลักตัวอักษร ‘เจี่ยน แบบโบรำณนั่นแหละ”
ไม่อย่ำงนั้นจะต้องถูกเจ้ำอำรำมเจี่ยนปัดกวำดออกจำกประตูไป แน่
เฉินฉงถำม “ท ำไมล่ะ?”
ลุงฉำงยิ้มเอ่ย “เพรำะควำมหมำยเดิมก็คือกำรบรรยำยถึงควำม เศร ้ำโศกทุกข์ตรมของหญิงที่ถูกทิ้งร ้ำงอยู่ในชนบท”
เฉินฉงนั่งตัวตรงทันใด ถลึงตำกล่ำว “ท่ำนลุงฉำง ท่ำนอยำกให้ พวกเรำสองคนต้องม้วนเสื่อออกไปจำกที่นี่ขนำดนี้เลยหรือ! ด้ำน นอกอำกำศแบบนี้ ฟ้ ำดินหนำวเหน็บ ทำให้คนหนำวตำยได้จริงๆ นะ! ข้ำน่ะยังไม่เท่ำไร แต่สภำพร่ำงกำยของท่ำน…”
กล่ำวมำถึงตรงนี้ เด็กหนุ่มก็กลับไปฟุบตัวบนโต๊ะอีกครั้ง เอ่ยต่อ ว่ำ “อันที่จริงร่ำงกำยของท่ำนลุงฉำงก็ไม่เลวหรอก ยังแข็งแรงอยู่มำก ข้ำยังจำได้อย่ำงชัดเจนเลยว่ำเมื่อสองปี ก่อนถำมถึงอำยุของท่ำน ท่ำนบอกว่ำหกสิบสอง เมื่อปีก่อนถำม ท่ำนบอกว่ำหกสิบเอ็ดแล้ว ส่วนปีนี้ก็ไม่ใช่หกสิบหรอกหรือ ยิ่งมีชีวิตอยู่ก็ยิ่งอ่อนเยำว์ ดีมำก ดี มำก! ฮ่ำๆ!
ผู้เฒ่ำพยักหน้ำรับด้วยรอยยิ้ม
ตรำประทับคำว่ำ “ข้ำเดินอยู่ในป่ำ” นี้ วันหน้ำหำกมีโอกำส เจ้ำ หนูเจ้ำกลับสำมำรถน ำมำเป็ นของขวัญตอบแทนกลับคืน มอบ ให้กับโจวมี่มหำสมุทรควำมรู ้ที่จำกไพศำลไปยังเปลี่ยวร ้ำงผู้นั้น
“ท่ำนลุงฉำง ไม่สู้ให้ท่ำนมำเป็ นคนแกะสลักตรำประทับดีกว่ำ ไหม”
“กังวลว่ำจะแสดงฝีมืออัปลักษณ์ ขี้ขลำดเสียแล้ว? กลัวว่ำจะถูก คนเขำโยนทิ้งไปในถังขยะหรือ?”
เฉินฉงยิ้มกว้ำง อันที่จริงกลัวว่ำอยำกแสดงฝีมือแต่กลับเป็ นกำร
ปล่อยไก่ นั่นจะกลำยเป็ นว่ำไม่ดี
ลุงฉำงเอ่ยว่ำ “กำรมอบของขวัญให้ผู้อื่นคุณค่ำนั้นอยู่ที่ควำม จริงใจ ให้ข้ำท ำแทนจะได้อย่ำงไร ไม่ช ้ำก็เร็วย่อมต้องเผยพิรุธให้ เห็น”
ทำไมถึงเริ่มร่ำยเหตุผลหลักกำรอีกแล้วเล่ำ เด็กหนุ่มโบกมือ “เอำเถอะๆ ข้ำแกะสลักข้ำแกะสลักเองก็ได้ ตัวอักษรของข้ำก็ไม่ได้แย่ สักหน่อย เมื่อเทียบกับท่ำนลุงฉำงแล้ว ระดับควำมห่ำงชั้นอย่ำงมำกก็ แค่เสี้ยวเดียวเท่ำนั้น!”
ผู้เฒ่ำด่ำขำๆ ไปหนึ่งประโยค “เจ้ำเด็กหน้ำเหม็นคุยโวไม่ต้อง ร่ำงค ำพูด”
ปรมำจำรย์และผู้เชี่ยวชำญด้ำนกำรเขียนพู่กันจีนบำงส่วนใช ้ ลำยมือปิดบังตัวตน
แต่ซิ่วหูแห่งไพศำลกลับใช ้ตัวคนปิดบังลำยมืออย่ำงแท้จริง
ในใต้หล้ำไพศำลแห่งนั้น คนทั้งโลกต่ำงก็รู ้กันดีว่ำซุยฉำนลูก ศิษย์คนแรกของสำยเหวินเซิ่งดูแคลนนักเขียนพู่กันจีนเป็ นที่สุด เคย ป่ ำวประกำศออกมำว่ำนักเขียนพู่กันจีนมีนิสัยเหมือนเด็กมำกที่สุด เทียบกับนักวำดภำพไม่ได้ด้วยซ้ำ
นี่จึงเป็ นเหตุให้ในบรรดำเมธีร ้อยสำนัก เดิมทีก็ไม่ควรมีพื้นที่
ส ำหรับนักเขียนพู่กันจีนอยู่แล้ว ด่ำทีหนึ่งด่ำถึงสอง
พวกจิตรกรที่ถูกเรียกขำนว่ำมือเทพหรือพวกไต้จ้ำว (หมำยถึง ศิลปินหรือช่ำงฝีมือ) ของแต่ละแคว้นยังไม่เท่ำไร รู ้สึกว่ำเทียบกับบน ไม่พอ เทียบกับล่ำงมำกพอเหลือแหล่
แต่พวกผู้ฝึกลมปรำณที่ศึกษำเรื่องกำรเขียนพู่กันจีนโดยเฉพำะ กลับต้องอัดอั้นตันใจกันอย่ำงมำก
เป็ นเหตุให้ผู้รอบรู ้หรือไม่ก็ปัญญำชนของทวีปแดนเทพแผ่นดิน กลำงที่พอจะมีควำมรู ้อยู่บ้ำงต่ำงก็เริ่มรู ้สึกว่ำกำรถูกเรียกขำนว่ำ ผู้เชี่ยวชำญด้ำนกำรเขียนพู่กันจีนไม่ค่อยน่ำฟังเท่ำไรจริงๆ ถึงขั้นที่ บำงคนคิดว่ำเป็ นค ำด่ำด้วย
ในเมื่อใช ้ตัวอักษรรองรับมรรคำ ถ้ำอย่ำงนั้นตัวอักษรที่เป็ น สื่อกลำงจะใช่สิ่งที่เจ้ำชุยฉำนมองมันเป็ นแค่ฝีมือระดับจิ๊บจ๊อยได้อ ย่ำงไร?!
ผลคือชุยฉำนเอ่ยประโยคหนึ่งมำโดยตรงว่ำ เจ้ำคิดว่ำตัวเอง คือหลี่เซิ่งหรือ?
ด้วยเรื่องนี้ยังมีกำรฟ้ องร ้องไปถึงศำลบุ๋น แน่นอนว่ำซิ่วไฉเฒ่ำที่ เป็ นเหวินเซิ่งต้องออกหน้ำมำช่วยไกล่เกลี่ย ช่วยขออภัยทุกท่ำนแทน ลูกศิษย์ที่พูดจำเหลวไหลคนนั้น
แต่ว่ำกันว่ำ แค่ว่ำกันว่ำนะ พอซิ่วไฉเฒ่ำเดินออกมำจำกศำลบุ๋น ไปถึงสวนกงเต๋อก็ตบไหล่ของลูกศิษย์คนแรกอย่ำงแรง บอกว่ำพูดได้ ดี ค ำพูดหยำบแต่หลักกำรเหตุผลไม่หยำบเลย
และหลำยปีต่อมำก็ “ว่ำกันว่ำ” อีกว่ำ ในกำรประชุมที่ศำลปุ่นปิด ประตูพูดคุยกัน ครำวซิ่วไฉเฒ่ำมีไฟโทสะสูงสำมจั๋งแล้วจริงๆ ตบอก พูดว่ำข้ำไม่เคยรู ้สึกว่ำลูกศิษย์ของข้ำผิดตรงไหนเลยจริงๆ เป็ นเพรำะ ข้ำคือเหวินเซิ่ง ใช่แล้ว ไม่เคยเลยสักครั้ง ลูกศิษย์ของข้ำไม่เคยพูด ผิด ท ำผิด!
เหวินเซิ่งผู้ยิ่งใหญ่เอ่ยคัมภีร ์สำมอักษรใส่เหล่ำเจ้ำลัทธิแห่ง ศำลปุ่น ผู้อ ำนวยกำร รอผู้อ ำนวยกำรของสถำนศึกษำรวมไปถึงเจ้ำ ขุนเขำส ำนักศึกษำอีกกลุ่มใหญ่แบบรัวๆ
ข้ำดึงตัวพวกเขำมำขออภัยทั้งยังยอมรับผิด นั่นเป็ นเพรำะพวก เขำโชคไม่ดีที่มำเจออำจำรย์ชอบที่ประนีประนอมอย่ำงไร ้หลักกำร กินหัวหมูเย็นๆ แล้วดันเขียนบทควำมไม่อออย่ำงข้ำ
แต่หำกพวกเขำท ำผิดแม้เพียงครั้งเดียว ข้ำที่เป็ นอำจำรย์ก็ จะต้องให้พวกเขำออกมำขอโทษด้วยตัวเอง!
ครั้งนั้น คนหนุ่มสวมชุดลัทธิขงจื๊อที่ปักปิ่นหยกบนมวยผมนั่งอยู่ บนขั้นบันไดเงียบๆ
หลังเลิกประชุม ซิ่วไฉเฒ่ำก็มำนั่งลงข้ำงกำยเขำ
คนหนุ่มยิ้มถำมว่ำอำจำรย์ เถียงแพ้หรือ?
ซิ่วไฉเฒ่ำสะบัดชำยแขนเสื้อ หันหน้ำไปอีกด้ำนถ่มน้ำลำยลงบน พื้น แต่คล้ำยจะรู ้สึกว่ำท ำไม่ถูกจึงรีบยึดคอยำวมองไปรอบด้ำน ถึง อย่ำงไรก็ยังใจฝ่อ จึงยื่นเท้ำข้ำงหนึ่งออกมำใช ้ปลำยรองเท้ำขยี้
แล้วถึงได้เอ่ยว่ำแค่ประโยคเดียวยังไม่พอ!
เงียบไปครู่หนึ่ง ซิ่วไฉเฒ่ำก็ทอดถอนใจอย่ำงปลงอนิจจังว่ำ อันที่ จริงกำรโต้เถียงไม่มีแพ้มีชนะ หรือควรจะพูดว่ำล้วนแพ้ทุกครั้ง
คนหนุ่มพยักหน้ำ
ซิ่วไฉเฒ่ำตบแขนของลูกศิษย์คนแรก ลุกขึ้นยืน หัวเรำะเสียงดัง พลำงก้ำวเดินจำกไป ไปที่สวนกงเต๋อ ชง…ชำโก่วนี่ ชุยฉำนหนอ ชำโก่วนี่นี้ทั้งวิเศษทั้งดีอย่ำงที่เจ้ำพูดจริงๆ หรือ? ท ำไมอำจำรย์ถึงได้ สังเกตเห็นว่ำสำยตำของอำจำรย์ซีผิงไม่ปกติล่ะ?
ชุยฉำนยิ้มเอ่ยว่ำถึงอย่ำงไรในตำรำยำก็บอกไว้เช่นนี้ คิดดูแล้ว อำจำรย์ชีผิงคงอยำกจะกินด้วยกระมัง?
ซิ่วไฉเฒ่ำหัวเรำะฮ่ำๆ เอ่ยว่ำนั่นมันแน่อยู่แล้ว ชำโก่วนี่ก็ดื่ม ไม่ได้ จะไปหำลูกศิษย์อย่ำงเจ้ำมำจำกที่ไหนได้อีก?
เฉินฉงร ้องเรียกอยู่หลำยที ทั้งยังโบกมือ “ท่ำนลุงฉำง คิดอะไร อยู่น่ะ?”
ลุงฉำงยิ้มบำงๆ “ไม่มีอะไรหรอก คิดเรื่องเก่ำแก่ที่ไม่มีค่ำพอให้
พูดถึง”
อันที่จริงผู้เฒ่ำเก็บสมบัติกันกรุเล็กน้อยไว้ให้เด็กหนุ่มจริงๆ หนึ่ง ในนั้นก็มีตรำประทับอยู่สองชิ้นที่แกะสลักเป็ นคำว่ำ “อำกำศแห้งแล้ง ระวังฟืนไฟ” กับ “หลิงเจ๋อ”
ปีนั้นซุยฉำนเคยไปเยือนภูเขำลั่วพั่วมำรอบหนึ่ง และตอนนั้นก็ ถือโอกำสไปที่สำนักศึกษำหลินลู่ภูเขำพีอวิ๋นซึ่งเป็ นทำงผ่ำนด้วย แน่นอนว่ำชำนจวินเว่ยป้ อต้องรีบไปที่สำนักศึกษำเพื่อเข้ำพบรำชครู
ชุยฉำนเคยกำชับเว่ยป้ อเรื่องหนึ่งว่ำ วันหน้ำเว่ยซำนจวินอย่ำง เจ้ำต้องใช ้สองค ำว่ำ ‘หลิงเจ๋อ’ แต่หำกมีใครพูดโน้มน้ำวเจ้ำบอกว่ำ อย่ำใช ้ ก็ให้ฟังค ำโน้มน้ำว ไม่ต้องใช ้สองค ำว่ำหลิงเจ๋ออีก แต่ห้ำมฟัง คำโน้มน้ำวจำกเพื่อนบ้ำนคนนั้นของเจ้ำเท่ำนั้น ส่วนทำไมและเป็ น เรื่องอะไร แล้วยังเป็ นใคร แค่อดทนรอคอยไปก็พอ วันหน้ำจะเป็ นดั่ง น้ำลดหินผุด เจ้ำเว่ยป้ อจะรู ้ค ำตอบเอง
ตอนนั้นเว่ยป้ อเหมือนตกอยู่ในเมฆหมอก แต่ในใจกลับสะท้ำน สะเทือนอย่ำงอดไม่ไหว ท่ำมกลำงควำมมืดมิดที่มองไม่เห็น เขำกลับ รู ้สึกว่ำนี่คือเรื่องใหญ่ที่มีควำมสำคัญกับตนอย่ำงมำก
รำชครูชุยรู ้อนำคตล่วงหน้ำอย่ำงนั้นหรือ? หรือนี่จะเป็ นผลลัพธ ์ จำกกำรอนุมำนบนมหำมรรคำ?
รำชครูชุยที่คล้ำยว่ำจะเดำควำมคิดของเว่ยป้ อออก ใบหน้ำเผยสี หน้ำดูแคลนอยู่หลำยส่วน ยิ้มเอ่ยประโยคหนึ่งว่ำ จำต้องยอมรับว่ำใน บำงครั้งโชคดีกว่ำสมองดีก็คือเรื่องดี
เว่ยซำนจวินยังจะพูดอะไรได้อีกเล่ำ ได้แต่คิดว่ำเป็ นประโยคน่ำ ฟังก็เท่ำนั้น ถึงอย่ำงไรถูกซิ่วหูบอกว่ำสมองไม่ดีก็ไม่ใช่คำพูดที่
ระคำยหูอะไร
เฉินฉงเอ่ยเสียงเบำว่ำ “ท่ำนลุงฉำง ท่ำนบอกว่ำวันเกิดของ ตัวเองคือวันที่ห้ำเดือนห้ำเมื่อก่อนยังไม่เคยฉลองวันเกิดให้ท่ำนมำ ก่อนเลยนะ อันที่จริงหลำยปีมำนี้ข้ำเก็บสะสมเงินมำได้บ้ำง จะไปเลี้ยง เหล้ำดีๆ ท่ำนที่ตัวอำเภอก็แล้วกัน?”
ลุงฉำงยิ้มบำงๆ “ไม่ต้อง ข้ำไม่ได้ชอบดื่มเหล้ำเสียหน่อย น้ำใจ ครั้งนี้รับไว้แล้ว”
เด็กหนุ่มร ้องอืมหนึ่งที แต่ท่ำทำงดูผิดหวังอย่ำงเห็นได้ชัด
ผู้เฒ่ำเอ่ยว่ำ “จะพูดหลักกำรเหตุผลบนต ำรำกับเจ้ำอีกสักหน่อย ดีไหม?”
เฉินฉงสำยหน้ำ “ง่วงแล้ว”
ลุงฉำงกลับพูดพึมพำขึ้นมำว่ำ “กลอนห้ำแบบโบรำณ ส่วนใหญ่ แล้วตัวอักษรตัวที่ลงจะเป็ นจุดพลิกส ำคัญ กลอนเจ็ดและกลอนเพลง เป็ นอักษรตัวที่ห้ำที่เป็ นจุดพลิกส ำคัญ ถ้ำอย่ำงนั้นจุดพลิกสำคัญ ของคนเรำก็อยู่ที่กำรตั้งปณิธำนตอนอำยุยังน้อย”
“มองคนเหมือนเปิดหนังสือ ดูต ำรำก็คืออ่ำนคน รอให้เจ้ำเติบ ใหญ่เมื่อไหร่ ต้องไปจำกอำรำมแห่งนี้ สะพำยหีบตำรำออกทัศนำจร ไปขอศึกษำต่อข้ำงนอก”
“บรรดำผู้ที่สร ้ำงผลงำนยิ่งใหญ่ในอดีตกำลและมีชื่อเสียงยืนยง ไปชั่วนิรันดร ์ ไม่เพียงแต่ต้องมีพรสวรรค์อันโดดเด่นเท่ำนั้น ยัง จำเป็ นต้องมีปณิธำนที่ยิ่งใหญ่เหนือสำมัญด้วยสวรรค์ด ำเนินไปอย่ำง มั่นคงเข้มแข็ง วิญญูชนพึงพำกเพียรพัฒนำตนไม่หยุดยั้ง บรรดำ นักพรต บัณฑิตและอริยะปรำชญ์ในอดีต ล้วนเริ่มต้นจำกกำรตั้ง ปณิธำนตั้งแต่เยำว์วัย เรียนรู ้หลักกำรเหตุผลสี่ห้ำข้อในตำรำ ไม่ต้อง มำก ต้องออกจำกบ้ำนเดินทำงไกล พลัดที่นำคำที่อยู่ เดินทำงหมื่นลี้ ไปพิสูจน์ว่ำหลักกำรเหตุผลพวกนี้ถูกหรือผิดกันแน่ หรือไม่ก็แก้ไข ให้ถูกต้อง ปรับแก้ให้สมบูรณ์แบบ ถึงขั้นที่ว่ำโค่นล้มหลักกำรเหตุผล ที่ตอนอำยุยังน้อยคิดว่ำสมเหตุสมผลตำมหลักฟ้ ำดินพวกนี้…”
ผู้เฒ่ำเอ่ยมำถึงตรงนี้ เด็กหนุ่มฟังมำถึงตรงนี้ก็พึมพำเสียงเบำว่ำ “ท่ำนลุงฉำง แต่ข้ำไม่อยำกเดินทำงไกลเลย ท่ำนก็แก่พอดี”
ในต ำรำบอกไว้ว่ำ บิดำมำรดำอยู่ไม่ควรออกเดินทำงไกล จะไป ไหนต้องบอกกล่ำว
ทว่ำฟ้ ำดินกว้ำงใหญ่ เขำกลับมีญำติคือท่ำนลุงฉำงแค่คนเดียว ต่อให้จะไปไหนต้องบอกกล่ำวอย่ำงที่ว่ำไว้ในตำรำได้จริง แต่หำกต้อง เดินทำงไกลขนำดนั้น พอกลับมำอีกครั้งท่ำนลุงฉำงจะยังก่อไฟ ท ำกับข้ำว เคำะระฆังตีกลอง ปัดกวำดลำนเรือนอยู่ในอำรำมอยู่ทุก วันอีกไหม?
อันที่จริงเด็กหนุ่มลืมไปนำนแล้วว่ำระหว่ำงศิษย์พี่ใหญ่กับศิษย์ น้องเล็ก กำรจำกลำในควำมหมำยที่แท้จริงระหว่ำงพวกเขำ ไม่ได้อยู่ ที่อนำคต แต่อยู่ในอดีต อยู่เมื่อครั้งที่พวกเขำได้พบเจอกันเป็ นครั้ง แรก
ตอนนั้นผู้เฒ่ำทรุดตัวลงนั่งยอง ลูบหัวของเด็กน้อยที่เกิดขึ้นมำ จำกกำร “ประกอบเศษกระเบื้องแห่งชะตำชีวิตชิ้นหนึ่ง คลี่ยิ้ม อ่อนโยนเอ่ยว่ำ “สวัสดี หลำยปีมำนี้ลืมแนะนำตัวเองไปเลย อันที่จริง ข้ำไม่ได้ชื่อฉำงเกิง แล้วก็ไม่ใช่ท่ำนลุงฉำงอะไรของเจ้ำด้วย กำร ปกป้ องมรรคำครั้งนี้คงต้องหยุดแต่เพียงเท่ำนี้แล้ว เจ้ำฟังเรื่องพวกนี้ ไม่เข้ำใจก็ไม่เป็ นไร แล้วก็ไม่ต้องจดจำวันนี้ ไม่ต้องกลัวนะ เพรำะชื่อ เดิมของข้ำคือชุยฉำน คือศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้ำ”
เพียงแค่เพรำะชุยฉำนมำจำกหลังกำรสลำยมรรคำของบรรพ จำรย์สำมลัทธิ