กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1070.1 คลื่นมรกตหมื่นลี้งามจับตา
ริมชายฝั่งของทะเลสาบชิวชี่ ชายฉกรรจ์ร่างเล็กเตี๋ยวสวมชุดผ้า ฝ้ ายรองเท้าสานไม่ชอบพกดาบไว้ข้างเอว แต่เคยชินที่จะกอดฝัก ดาบไว้ในอ้อมอก ชายฉกรรจ์ขยับสายตามองขึ้นไปด้านบนเล็กน้อย ก็เห็นบุรุษชุดเขียวที่ปักปิ่นหยกบนศีรษะคนหนึ่งเดินมา
ลมหายใจช ้าเร็ว ฝี เท้าหนักเบาของอีกฝ่ าย รวมไปถึงบุคลิก ท่าทาง มองดูคล้ายคนฝึกวรยุทธที่ฝีมือไม่สูงไม่ต่า แต่ก็เป็ นเรื่องปกติ คนที่เข้ามาในอาณาเขตของทะเลสาบชิวชี่ได้ก็ไม่มีใครที่เป็ นคน ธรรมดาอยู่แล้ว
ใบหน้าของบุรุษประดับรอยยิ้มน้อยๆ สอดสองมือไว้ในชายแขน เสื้อ ถามว่า “เจ้าชื่ออูเจียงหรือ?”
เป็ นคนมีความสามารถโดดเด่นในยุทธภพที่อายุน้อย แม้ว่าจะ ไม่ได้ถูกเกาจวินเชิญมาเข้าประชุม แต่อูเจียงเผยกายอยู่ที่นี่ก็ไม่ใช่ เรื่องแปลกเลยแม้แต่น้อย
อูเจียงพยักหน้า
ชื่อเสียงในยุทธภพโด่งดังเกินไปก็น่าราคาญเหมือนกัน
มักจะต้องมีคนมาตีสนิทด้วยเสมอ แต่กลับไม่มีใครที่ยอมให้ผล ประโยชน์ที่แท้จริงเลยสักครั้ง เลี้ยงเหล้าเลี้ยงข้าวสักมื้อก็ยังทาไม่เป็ น หรือ?”
ยามที่เจ้าคนตรงหน้าผู้นี้ก้าวเดินได้สอดสองมือซ่อนไว้ในชาย แขนเสื้อตลอดเวลา คงไม่ใช่ยอดฝีมือนอกกระแสที่เชี่ยวชาญด้าน
อาวุธลับหรอกกระมัง?
คนผู้นั้นยิ้มถาม “คนที่สอนวิชาดาบให้กับเจ้าชื่อลู่ไถใช่ไหม?”
อูเจียงขมวดคิ้วแน่น ลังเลอยู่เล็กน้อยก่อนเอ่ยว่า “คนในที่แจ้งไม่ พูดจาลับๆ ล่อๆ เขาถือว่าเป็ นอาจารย์ของอาจารย์ข้าครึ่งตัว”
นับตั้งแต่อาจารย์จนมาถึงพวกอาจารย์ลุงอาจารย์อาทั้งหลาย รวมถึงเจ้าลัทธิมารที่ถือว่าเป็ นอาจารย์ของอาจารย์ครึ่งตัวผู้นั้น ดู เหมือนว่าจะหายตัวไปภายในค่าคืนเดียว
เขาใช ้เวลาหลายปี เดินท่องไปทั่วยุทธภพของสี่แคว้นก็ยังหา เบาะแสของพวกเขาคนใดไม่เจอ
แต่เจ้าคนที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้กลับใจกล้าไม่น้อย ถึงกับกล้าเรียกชื่อ ของเจ้าลัทธิมารตรงๆ แม้จะบอกว่าลู่ไถหายตัวไปนานหลายปีแล้ว ทว่าก็ยังมีบารมีที่ลึกล้าไม่ธรรมดาอยู่ในยุทธภพ ต่อให้ทุกวันนี้โลก จะเปลี่ยนไปเป็ นแปลกประหลาดมากแล้ว ไม่ว่าจะเป็ นใคร ขอแค่พูด ถึงลู่ไถก็ยังไม่กล้าเรียกแม้แต่ชื่อ หากไม่เรียกว่า “คนผู้นั้น” ก็มักจะ เรียกด้วยความเคารพว่าเจ้าลัทธิลู่
ส่วนลัทธิมารที่ในอดีตมีหน้ามีตาอย่างถึงที่สุด เนื่องจากเป็ นฝูง มังกรที่ไร ้ผู้นาจึงแตกแยกกันไปนานแล้ว อูเจียงเองก็เพราะมีความ แข็งแกร่งอยู่ก่อนแล้ว ออกจากบ้านถึงได้กล้าไม่ปิดบังความสัมพันธ ์ ที่ตัวเองมีต่อลัทธิมาร
คนผู้นั้นพูดพึมพากับตัวเองว่า “หวงช่างที่เป็ นเงินเหรินผู้พิทักษ์ แคว้นของแคว้นหนันเยวี่ยนเป็ นนักพรตมาโดยตลอด ส่วนนิสัยของ หวนอินก็ไม่ค่อยเหมือนคนที่จะยอมรับลูกศิษย์ เมื่อเป็ นเช่นนี้ อาจารย์ครึ่งตัวของเจ้าก็คงจะเป็ นเถาเสียหยางสินะ?”
อูเจียงพยักหน้า เจ้าหมอนี่รู ้จักสายสืบทอดของตนดีเลยนี่นา
หรือว่าจะเป็ นผู้หลอมลมปราณที่เหยียบโชคขี้หมาได้ฝึ กวิชา เขียนท าให้รูปโฉมไม่แกร่ชรา? เป็ นผู้อาวุโสในยุทธภพที่เป็ นคนรุ่น เดียวกันกับอาจารย์ปู่ของตน? เคยเสียเปรียบมาก่อนแล้ว เอาชนะคน แก่ไม่ได้ กว่าจะรอจนคนแก่ผู้นั้นหายไปได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ก็เลยมา รังแกเด็กรุ่นเล็กอย่างตน? ไม่เป็ นไร หากอิงตามค ากล่าวของอาจารย์ ก็คือ พวกเศษสวะที่มีนิสัยเช่นนี้ ฝึกวรยุทธฝึกวิชาเซียนล้วนไม่เป็ น โล้เป็ นพาย
บุรุษชุดเขียวยิ้มถาม “ได้ยินว่าลู่ไถรับลูกศิษย์ปิดสานักมาคน หนึ่ง อายุพอๆ กับเจ้า? ดูเหมือนว่าเขาไม่มีแม้กระทั่งแซ่ ชื่อว่า “จิ้ นจือ” ใช ้กระบี่ไม้ไผ่เล่มหนึ่ง คือมือกระบี่คนหนึ่ง?”
อูเจียงหน้าด าทะมึน
ไอ้หมอนี่คิดว่าตัวเองคืออาจารย์ในโรงเรียน เห็นข้าผู้อาวุโสเป็ น เด็กนักเรียนประถมอย่างนั้นหรือ?
บุรุษบิดหมุนข้อมือก็มีเหล้ากาหนึ่งโผล่มาจากความว่างเปล่า ก็ ไม่รู ้ว่าเป็ นมายากลของในยุทธภพหรือเป็ นวิธีการเทพเซียนบนภูเขา เขาโยนกาเหล้าให้อูเจียงเบาๆ
อูเจียงไม่ได้ยื่นมือไปรับ เพียงแค่ใช ้ฝ่ ามือผลักออกไป ใช ้พายุ ลมกรดของผู้ฝึกยุทธที่หนาขันส่งกาเหล้ากลับคืนไป
วิธีการต่าช ้าในยุทธภพมีมากมาย ยอดฝี มือที่ใช ้ยาพิษก็มี วิธีการนับไม่ถ้วน มีครั้งหนึ่งอูเจียงหลงกลสตรีคนหนึ่งจนเกือบจะ รักษาร่างกายอันบริสุทธิ์ผุดผ่องเอาไว้ไม่ได้
บุรุษยื่นมือออกมาจากชายแขนเสื้อ รับกาเหล้าที่ย้อนกลับมา ทางเดิมใบนั้นมา พริบตานั้นอูเจียงก็ขยับประชิดร่างของเขา ในมือ ถือฝักดาบเอาวางลงบนไหล่ของอีกฝ่ ายแล้วตบเบาๆ ถามอย่างสงสัย ว่า “พี่ชาย ฝีมือน้อยนิดแค่นี้ก็กล้าออกมาท่องยุทธภพด้วยหรือ?”
บุรุษยังคงไม่สะทกสะท้าน ยิ้มถามว่า “ก่อนที่ลู่ไถจะหายตัวไป จากที่นี่ได้เลื่อนเป็ นขอบเขตก่อก าเนิดหรือไม่?”
อูเจียงท าหน้าเหลอหรา “อะไรนะ?”
ระหว่างที่พูด มือดาบร่างเล็กเตี้ยก็ถอยกรูดไปด้านหลัง กลับไป อยู่ในท่ากอดดาบอีกครั้ง
หากไม่เป็ นเพราะอีกฝ่ ายพูดคุยเรื่องที่เกี่ยวกับอาจารย์ปู่ของตน อยู่ตลอด อูเจียงก็ไม่มีความสนใจจะคุยเรื่อยเปื่อยกับอีกฝ่ ายมาถึง ตอนนี้
อูเจียงกับเจ้าคนที่หากอิงตามลาดับอาวุโสแล้วเขาต้องเรียกอีก ฝ่ ายว่าอาจารย์อาน้อยแค่เคยเจอหน้ากันครั้งเดียวเท่านั้น อีกฝ่ ายคือ
พวกที่ดวงตาไปงอกอยู่บนหน้าผาก
แต่เคยได้ยินอาจารย์เล่าว่า อาจารย์ปู่ รักและเอ็นดูลูกศิษย์ปิด สานักคนนี้อย่างเกินกว่าเหตุไปสักหน่อย ไม่เพียงแต่ถ่ายทอดวิชา เซียนให้ด้วยตัวเอง ยังสอนหมัด ล าพังแค่ตาราวิชากระบี่ก็มอบให้ไป กองใหญ่
อาจารย์ปู่ ยังมอบกระบี่ไม้ไผ่เล่มหนึ่งให้กับคนวัยเดียวกันผู้นั้น ได้ยินอาจารย์เล่าตอนที่เมามาย บอกว่าบนกระบี่ไม้ไผ่แกะสลักสอง ค าว่า “เซี่ยตุย” เอาไว้ด้วย
บุรุษยิ้มเอ่ย “ใช่แล้ว ขอแนะนาตัวสักหน่อย ข้าชื่อเฉินผิงอัน คือ สหายของอาจารย์ปู่ครึ่งตัวของเจ้า คือสหายรักเลยล่ะ”
อูเจียงกระตุกมุมปาก “ข้าบอกว่าตัวข้าคือติงอิง เจ้าจะเชื่อไหม ล่ะ?”
นักต้มตุ๋นในยุทธภพทุกวันนี้มีลูกเล่นแปลกใหม่กันไม่น้อยเลย
เฉินผิงอันยกกาเหล้าในมือขึ้นแกว่ง เอ่ยว่า “เชื่อหรือไม่เชื่อว่า ข้าคือเฉินผิงอัน ไม่สาคัญ แค่เหล้าหมักตระกูลเซียนกานี้เป็ นของ จริงก็พอ กล้าดื่มหรือไม่ล่ะ?”
จงเชี่ยน เจียงเสินจื่อที่สถานะไม่แน่ชัด และอูเจียง ‘กากเดนที่ เหลืออยู่” ของลัทธิมารตรงหน้าผู้นี้ รวมไปถึงปรมาจารย์วิถีวรยุทธ อายุน้อยอีกกลุ่มใหญ่ที่เป็ นดั่งหน่อไม้ผุดหลังฝนฤดูใบไม้ผลิ แม้ว่า ตอนนี้ผู้ฝึกยุทธร่างทองจะมีแค่จงเชี่ยนคนเดียว แต่จานวนของผู้ฝึก ยุทธขอบเขตหกกลับมากกว่าตอนแรกที่เฉินผิงอันเข้ามาในพื้นที่ มงคลดอกบัวเกือบเท่าตัวแล้วประเด็นส าคัญคือจ านวนผู้ฝึ กยุทธ ขอบเขตหกยังจะเพิ่มมากขึ้นอีกในระยะเวลายี่สิบสามสิบปีต่อจากนี้ คาดว่าสามสิบปีให้หลัง แนวโน้มของสถานการณ์ถึงจะมั่นคง
ลูกศิษย์ใหญ่เปิดขุนเขาจงใจมาฝ่ าทะลุขอบเขตอยู่ที่นี่ การมอบ โชคชะตาบู๊ส่วนนั้นของเผยเฉียน แน่นอนว่าเป็ นสิ่งที่สาคัญอย่างถึง ที่สุด แต่หากคิดย้อนขึ้นไปอีกสองสามก้าวสืบสาวกันไปถึงต้นตอ แล้ว ดูเหมือนว่าในผืนนาเล็กๆ แห่งนี้ เจ้าอารามผู้เฒ่าได้เพาะปลูก ต้นกล้าที่ดีกลุ่มใหญ่ไว้นานแล้ว?
หาไม่แล้วต่อให้โชคชะตาบู๊ของพื้นที่มงคลรากบัวจะเข้มข้นแค่ ไหน ก็ยังต้องค่อยๆ ไปรวมตัวกันอยู่บนร่างของผู้ฝึกยุทธเต็มตัวส่วน น้อย ไม่ใช่ ปีที่ดีงามแห่งยุทธภพ” ที่ร ้อยบุปผาประชันกันเบ่งบาน อย่างในตอนนี้
อูเจียงจ้องบุรุษที่ทาท่าลับๆ ล่อๆ ผู้นี้เขม็ง เงียบคิดไปพักหนึ่งก็ เอ่ยว่า “ไม่มีผลงานมิกล้ารับเงินเดือน ว่ามาเถอะ ศัตรูของเจ้าคือใคร ต้องการให้ข้าไปฟันใคร บอกไว้ก่อนนะว่าฟันคนน่ะได้ แต่ฆ่าคน ไม่ได้ ทุกวันนี้ราชสานักทั้งหลายควบคุมอย่างเข้มงวด สถานการณ์ เคร่งเครียด ในเมื่อเจ้าเป็ นผู้หลอมลมปราณบนภูเขา ศัตรูของเจ้าก็ ต้องมีสถานะที่ไม่แย่เหมือนกัน แอบไปฟันเขาสองสามที่ไม่ยาก แต่ หากมีคนตายจริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องเล็กอะไรแล้วไม่มีความจาเป็ นที่ข้า จะต้องกลายเป็ นนักโทษประกาศจับที่ต้องหนีหัวซุกหัวซุนเพียงแค่ เพราะเหล้าหมักตระกูลเซียนกาเดียว”
เฉินผิงอันหลุดหัวเราะพรีด ไม่เสียแรงที่เป็ นลูกศิษย์ที่เถาเสีย หยางสอนมาด้วยตัวเองแล้วก็โชคดีที่เถาเสียหยางไม่ได้ตั้งใจ ถ่ายทอดวิชาให้เขาเท่าใดนัก เฉินผิงอันยกมือขึ้น “แค่เจอหน้าก็ถูก ชะตา มอบให้เจ้า ไม่ต้องมีค่าตอบแทน”
ไม่ว่าอย่างไรอูเจียงก็ถือเป็ นเด็กรุ่นหลานของลู่ไถ ตนที่เป็ นผู้ อาวุโสเพราะอาศัยน้าขึ้นเรือจึงลอยสูงตามก็ควรต้องมอบของขวัญ พบหน้าให้กันบ้าง
อูเจียงหัวเราะหยัน “คิดจะตกปลาใหญ่เลยปล่อยสายเบ็ดยาว หรือคิดจะกราบไหว้ฟ้ าดินเป็ นพี่น้องกับข้า ไปๆ มาๆ พอสนิทสนม คุ้นเคยกันแล้วก็จะได้ช่วยขายชีวิตให้เจ้า?”
นิยายในยุทธภพและนิยายคดีความไม่น้อยต่างก็เขียนกันไว้แบบ นี้ มองดูเหมือนเป็ นวิญญูชนผู้เที่ยงตรง แสร ้งวางมาดอย่างภูมิฐาน แต่แท้จริงแล้วใจดาอย่างยิ่ง ฆ่าคนโดยที่สองมือไม่เปื้อนเลือด
โชคดีที่ตอนนี้ตนยังไม่ได้แต่งภรรยาที่หน้าตางดงามราวบุปผา ไม่อย่างนั้นก็ต้องระวังไว้สักหน่อย พออูเจียงคิดมาถึงตรงนี้ก็เหลือบ ตามองประเมินอีกฝ่ ายอีกรอบ ลักษณะเหมือนคนที่ดูดีแต่เปลือกนอก อยู่จริงๆ ควรต้องอยู่ให้ห่างๆ หน่อยแล้ว
อาจารย์พูดถูกแล้ว ยุทธภพอันตราย ไอ้ที่บินไปบินมาบนจุดสูงก็ ไม่มีนกสักตัวที่ดี
คนที่ปลูกพืชก็พูดว่าปลูกพืชลาบาก คนที่อ่านตาราก็บอกว่า อ่านต าราล าบาก ลองสลับกันดู แล้วมาดูอีกครั้งสิว่าจะเป็ นอย่างไร
คนฝึกวรยุทธบอกว่าฝึกวรยุทธดี คนที่ฝึกบาเพ็ญตนบอกว่าฝึก บ าเพ็ญตนดี ลองต่อสู้กันสักครั้งก็แบ่งสูงต่าได้แล้ว
ริมทะเลสาบมีหนึ่งชายหนึ่งหญิงกาลังนั่งตกปลา
ไม่ว่าจะตกได้หรือไม่ได้ก็วางข้องจับปลาเอาไว้ก่อน
ปลาหลูของทะเลสาบชิวชี่มีชื่อเสียงอย่างมาก คือของรักของ ชอบของพวกนักกินทั้งหลายแห่งแคว้นเป่ยจิ้นและแคว้นซงไล่
คนที่ชอบตกปลาอย่างแท้จริง ส่วนใหญ่แล้วก็มักจะชอบดูคนอื่น ตกปลาด้วย
กิ่งต้นหลิวห้อยระดุจสายม่าน นั่งอยู่ท่ามกลางร่มเงาต้นไม้ เห็น เพียงว่าผู้ฝึกลมปราณที่มีรูปโฉมเป็ นเด็กหนุ่มคนนั้นพลันยกคันเบ็ด ตกปลาขึ้น ปลาหลูตัวยาวหนึ่งฉื่อถูกตกขึ้นมาเด็กหนุ่มปลดปลา หลออกจากตะขอแล้วโยนใส่ไปไว้ในข้องตกปลา
สตรีที่อยู่ด้านข้าง ทั้งๆ ที่มีรูปร่างอวบอิ่ม แต่กลับมีบุคลิกสุภาพ เรียบร ้อย ใบหน้างามเย้ายวน แต่หว่างคิ้วกลับมีกลิ่นอายของความ เคร่งขรึม
นางมีชาติก าเนิดมาจากภูตแห่งป่ าเขา แต่หล่อหลอมเรือนกาย ได้ส าเร็จแล้ว ดูจากกลิ่นอายของนาง เกินครึ่งก็น่าจะเป็ นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ของศาลเถื่อนบางแห่ง ยังไม่ได้รับการแต่งตั้งอย่างถูกต้องจากทาง ราชส านัก เป็ นเหตุให้ร่างทองในศาลของนางยังไม่มั่นคงมากพอ รูป โฉมยังกวัดแกว่งเหมือนร่มเงาต้นไม้หลังจากสายลมพัดผ่าน
เฉินผิงอันนั่งอยู่ริมฝั่ง แกะผนึกดินบนกาเหล้าออก อูเจียงลังเล อยู่เล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ยังมานั่งลงข้างกายคนผู้นี้
อูเจียงไม่กังวลว่าอีกฝ่ ายจะลุกขึ้นมาก่อเหตุรุนแรงอย่าง เฉียบพลัน แล้วนับประสาอะไรกับที่อีกฝ่ ายเองก็ไม่เหมือนคนที่จะร ้าย กาจสักเท่าไร หากใช ้คากล่าวที่ลี้ลับมหัศจรรย์ของต าราดาบบางเล่ม นี่เรียกว่า ‘ปราณเบา
ข้อยกเว้นเพียงหนึ่งเดียวก็คือปรมาจารย์วิถีวรยุทธที่หวนคืนสู่ ธรรมชาติความเป็ นจริงอย่างเช่นลู่ไถผู้เป็ นอาจารย์ปู่
ทุกวันนี้อาณาเขตของทะเลสาบชิวชี่สั่งห้ามการต่อสู้เป็ นการ ส่วนตัวอย่างเข้มงวด หากจับได้จะไม่ถามถึงสาเหตุ สองฝ่ ายที่ต่อสู้ กัน ไม่ต้องสนว่าจะเป็ นการถามหมัดหรือประลองเวทก็ล้วนจะถูกจับ ตัวทั้งหมด
หลายวันมานี้ก็มีคนหลายคนที่ถูกจับให้ไปกินอาหารเจที่อาราม
ต้ามู่แล้ว
เฉินผิงอันใช ้เสียงในใจถาม “จอมยุทธใหญ่อู เจ้ารู ้หรือไม่ว่า พวกเขาคือใคร?”
อูเจียงพยักหน้า “พวกเขาต่างก็มาจากดินแดนป่ าเถื่อนทางทิศ ใต้สุดของแคว้นซงไล่บุรุษชื่อว่าหยวนหวง คือผู้มีพรสวรรค์ด้านการ ฝึกบาเพ็ญตนที่พวกนักหลอมลมปราณบนภูเขาอย่างพวกเจ้าเรียก ขานกัน แต่เชี่ยวชาญวิชาหอก ดูเหมือนว่าจะเป็ นวิชาที่สืบทอดมา จากตระกูล ฝีมือการต่อสู้ไม่เลว ต่างก็พูดกันว่าวิชาหอกของเขาไล่ ตามปี้เซิงเฉิงหยวนซานไปติดๆ เมื่อหลายปีก่อนปฏิเสธการเรียกตัว ของพรรคหูชาน สตรีคือเหนียงเนียงเทพภูเขาของศาลเทพภูเขาเตี๋ย เย่ ชื่อจริงไม่แน่ชัด ชาวบ้านในท้องถิ่นต่างก็เรียกนางว่าลวี่เยาเหนียง เนียง ชื่อของศาลก็สุภาพไพเราะเหมือนกัน ชื่อว่าลานฉี่ฮวาอะไรสัก อย่างนี่แหละ”
หยวนหวงคือจอมยุทธเด็กหนุ่ม ตระกูลล่มสลายคนในครอบครัว ตายหมด เคยสังหารศัตรูกับมือตัวเอง กลางดึกที่หิมะใหญ่เท่าฝ่ ามือ ตกหนัก เด็กหนุ่มลากหอกแฝงตัวเข้าไปลอบโจมตีตอนกลางคืน เขา
เข้าไปในเรือนของศัตรูซึ่งเป็ นขุนนางทหารรักษาการณ์ ใช ้หอกแทง หัวศัตรูแล้วกระทืบ สุดท้ายหยวนหวงหาเชือกเส้นหนึ่งที่ยาวหลายจั้ง เจอ ด้านหนึ่งของเชือกร ้อยหัวของศัตรู อีกด้านหนึ่งผูกเชือกกับมวย ผม ลากหอกวิ่งตะบึงไปท่ามกลางราตรีหิมะ เรือนกายพุ่งไวราวลูกธนู ฝีเท้าม้าก็ควบตามไม่ทัน
สมกับคากล่าวที่ว่าตัดหัวคนแก้แค้นล้างความอัปยศจริงๆ
อูเจียงเอ่ยต่ออีกว่า “หยวนหวงมีสหายคนหนึ่งที่ชื่อเสียงโด่งดัง ยิ่งกว่า ตัวเตี้ย ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านมากที่สุด คอยไปยุ่งกับเรื่องอ ยุติธรรมที่ไม่เกี่ยวกับตัวเขา และทุกครั้งก็จะลงมืออย่างอ ามหิต หาก ไม่ตัดเอวขาดก็ตัดขาทั้งสองข้าง อู๋แชว่ เจ้ารู ้จักกระมัง ใช ้ดาบ เหมือนข้านี่แหละ ศิษย์ลูกศิษย์หลานหลายคนของเขาล้วนถูกคนผู้นี้ สังหาร แต่อู๋แชว่กลับไม่กล้าแม้แต่จะผายลม ใช่ว่าสู้ไม่ได้ คงเป็ น เพราะไม่อยากจะหาเรื่องพวกบ้าดีเดือดที่ไม่มีอะไรจะเสียแล้วประเภท นี้มากกว่า อาจารย์เคยบอกว่าผู้อาวุโสในยุทธภพที่มีชื่อเสียงและมี พรรคเป็ นของตัวเอง ส่วนใหญ่ล้วนเป็ นเช่นนี้ ยิ่งอายุมากก็ยิ่งขี้ขลาด คนรุ่นเยาว์ในทุกวันนี้หากวันหน้ากลายเป็ นคนดังในยุทธภพก็จะเป็ น เหมือนกัน อาจารย์สอนวิชาดาบให้แก่ข้าก็ไม่มีข้อเรียกร ้องอะไร ยิ่ง ไม่ต้องการสิ่งตอบแทน เพียงแค่บอกข้าว่าวันหน้าอย่าได้กลายไป เป็ นคนเช่นนี้ ข้ารู ้สึกว่ามีเหตุผลอย่างมาก ดังนั้นจึงไม่เคยคิด อยากจะเปิดศูนย์ฝึกยุทธหรือไปสวามิภักดิ์กับราชสานักแห่งใด ไม่
ต้องการอานาจ เงินทอง พื้นที่อิทธิพลหรือสตรีจากใครฟ้ าไม่สน ดิน ไม่สน มีอิสระมากยิ่งกว่า”
อูเจียงที่พูดไปมากมายหันหน้ามาถามว่า “พี่ชาย พวกเราต่างก็ เป็ นคนในยุทธภพเหมือนกัน ออกจากบ้านมาอยู่ข้างนอก เป้ าหมาย อันดับหนึ่งคืออะไร?”
ข้าจริงใจขนาดนี้แล้ว เจ้าจะไม่ยอมเปิดเผยความจริงเลยหรือ? บอกกันมาตามตรงแล้วค่อยเลี้ยงเหล้าดีกว่าไหม?
เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “ปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความจริงใจ”
อูเจียงเงียบงัน
ยอดฝี มือหนุ่มที่ใช ้ดาบผู้นี้มีเหงื่อเม็ดเล็กบางๆ ผุดขึ้นมาบน หน้าผากทันที
เพียงแค่เพราะครั้งเดียวที่ติดตามอาจารย์ไปเข้าพบอาจารย์ปู่ ที่ เป็ นเจ้าลัทธิผู้นั้น
ได้ทิ้งภาพจาที่ลึกล้าอย่างมากไว้ให้แก่เขา
ในพื้นที่ศูนย์กลางของลัทธิมารที่วกวนลดเลี้ยวแห่งนั้น ไม่ได้มี ความเกี่ยวข้องอะไรกับภาพจาที่ว่า…การป้ องกันต้องแน่นหนา กระดูกขาวโพลนกลาดเกลื่อนพื้น เสียงร ้องโหยหวนดังระงมเลยสัก นิด ตลอดเส้นทางมีแต่ภูเขาเขียวน้าใส ศาลาหอเรือนตั้งเรียงราย มี แต่สตรีหน้าตางดงามดุจสกุณารวมกลุ่ม ตอนนั้นเด็กหนุ่มเข้าใจผิด
คิดว่าตัวเองหลงเข้าไปในดินแดนเซียนที่มีแต่สตรีด้วยซ้า รอกระทั่ง เด็กหนุ่มได้พบเจอกับ “อาจารย์ของอาจารย์” ท่านนั้นก็ยิ่งกระอัก กระอ่วน อีกฝ่ ายไม่ใช่ทั้งผู้เฒ่าที่เส้นผมขาวใบหน้าเด็ก แล้วก็ไม่ใช่ ชายร่างก าย าบึกบึน เขาเหมือนลูกหลานชนชั้นสูงที่ชาติตระกูลดี มากกว่า อีกทั้งยังงดงามน่ามอง…ยิ่งกว่าสตรีที่เขาพบเห็นระหว่างทาง ก่อนหน้านี้เสียอีก
ชายหนุ่มปักปิ่นสีทอง สวมชุดยาวสีขาวหิมะตัวหลวมโพรก เขา ถอดรองเท้านั่งขัดสมาธิอยู่บนเก้าอี้มังกรที่ไม่รู ้ว่าไปยกมาจากไหน
มองเด็กหนุ่มที่คุกเข่าโขกหัวอยู่หน้าประตูอย่างนอบน้อม
ลู่ไถก็ยิ้มตาหยีถามว่า “หนุ่มน้อย หน้าตารูปร่างอย่างกับถ่านด า ก้อนหนึ่ง ไม่เลวๆ เป็ นที่ชื่นชอบของผู้คนอย่างมาก จะถามเจ้า คาถามหนึ่ง หากตอบผิด ข้าก็จะให้เถาเสียหยางบิดหัวเจ้าลงมา หาก ตอบพอใช ้ได้ก็ไม่ต้องเรียกว่าอาจารย์ปู่ แล้ว แต่จะดีจะชั่วก็ยังมีหัวมี หางครบถ้วน มาทางไหนก็กลับไปทางนั้น ตอบได้ดี ข้าก็จะถ่ายทอด สุดยอดเคล็ดวิชาที่ขนาดอาจารย์ของเจ้าก็ยังน้าลายสอให้เจ้าสี่ห้า บท ผู้ฝึกยุทธขอบเขตเจ็ดก็แค่นับวันรอได้เลย”
“เจ้าคิดว่าคนผู้หนึ่งออกท่องยุทธภพ จะต้องยึดเป้ าหมายหลัก เป็ นอะไร?”
เด็กหนุ่มตกใจจนอึ้งค้างไปนานแล้ว
เถาเสียหยางส่งเสียงกระแอม เตือนเด็กหนุ่มที่คุกเข่าอยู่กับพื้น ว่าเจ้าลัทธิถามค าถามเจ้าอยู่
เด็กหนุ่มถึงได้คืนสติ เอ่ยเสียงสั่นว่า “มีชีวิตอยู่ต่อไป
ลู่ไถลูบคาง “ถูๆไถๆ แค่พอใช ้ได้
“จาไว้นะว่า ท่องอยู่ในยุทธภพต้องปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความ จริงใจ
“จ าได้แล้วหรือยัง?”
เด็กหนุ่มผิวด าเกรียมฟันกระทบกันดังกึกๆ “ตอบใต้เท้าเจ้าลัทธิ จ าได้แล้วขอรับ”
เขาผงกปลายคาง สาวใช ้ที่กอดกล่องคนหนึ่งก็หยิบตาราลับใน การเรียนวรยุทธเล่มหนึ่งออกมาจากชายแขนเสื้อ โยนส่งให้เด็กหนุ่ม ที่อยู่หน้าประตู
แล้วก็เพราะตาราดาบเล่มนี้ ฝีมือของอูเจียงถึงได้มีการพัฒนา พลังเพิ่มพูนพรวดพราด แน่นอนว่าอาจารย์ก็เอาไปคัดลอกเป็ น สาเนาเล่มหนึ่งด้วย