กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1071.3 เมฆสีครามเกาะกลุ่มลอยล่องเหนือวังอวี้ชิง
- Home
- กระบี่จงมา! Sword of Coming
- บทที่ 1071.3 เมฆสีครามเกาะกลุ่มลอยล่องเหนือวังอวี้ชิง
สุดท้ายก็คือจางเฟิงไห่แห่งนครอวี้ซู่ วันที่เขาออกไปจากถ้าแยน เสียตาหนักเจิ้นเยว่นั้นก็ได้ทรยศออกจากป๋ ายอวี้จิง เลือกที่จะก่อตั้ง พรรคเป็ นของตัวเอง ไปหาซินขู่แห่งยอดเขารุ่นเยว่ ป่ าวประกาศแก่ ภายนอกว่าจะก่อตั้งพรรคอย่างเป็ นทางการ จางเฟิงไห่รับหน้าที่เป็ น เจ้าส านักคนแรก รองเจ้าสานักคือผู้ฝึกลมปราณที่ไร ้ชื่อเสียคนหนึ่ง นามว่าลู่ไถ
สานักใหม่เอี่ยมที่อยู่ดีๆ ก็ผุดขึ้นมาบนโลกแห่งนี้มีสมาชิกอยู่ น้อยนิด มีแค่หกคนเท่านั้น นี่ก็มากพอจะให้สิบสี่มณฑลของใต้หล้า มืดสลัวต้องหันมามองพวกเขาเสียใหม่แล้ว
เพียงแค่เพราะในบรรดาผู้ฝึกตนท าเนียบ นอกจากผู้ฝึกยุทธซิน ขู่ที่เป็ นหนึ่งในสิบคนล่าสุดแล้วยังมีลวี่ปี้เสียเซียนอิสระที่เป็ นหนึ่งใน ตัวส ารองอยู่ด้วย
และยังมีปรมาจารย์หญิงพรรคเซียนจิ้งหย่งโจวที่ว่ากันว่าได้สละ ร่างไปจากโลกนี้นานแล้วอย่างสือสิงหยวนที่มีฉายาว่า “เส้ออวิ๋น
หยวนอิ๋งอดีตหนึ่งในสิบตัวสารองรุ่นเยาว์ของหลายใต้หล้า นาง มีผู้สืบทอดมรรคาสองคนอย่างหลิ่วชีและเฉาจู่แห่งพื้นที่มงคลซืออวี๋
ดังนั้นลู่ไถรับหน้าที่เป็ นรองเจ้าสานัก อีกทั้งเขายังได้ควบ ต าแหน่งผู้ถวายงานอันดับหนึ่งด้วย นี่ถึงได้ทาให้ดูแปลกประหลาด อย่างมาก
เต้ากวานภายนอกน้อยคนนักที่จะมีใครทาให้ป๋ ายอวี่จิง วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างเผ็ดร ้อนเช่นนี้ได้ จางเฟิงไห่คือข้อยกเว้นที่มี
จ านวนไม่มาก
ทุกครั้งที่พูดถึงจางเฟิงไห่ ไม่ว่าขอบเขตของเต้ากวานจะสูงหรือ ต่า สายสืบทอดที่อยู่จะเป็ นเช่นไร พวกเขาล้วนรู ้สึกเสียดายกันอย่าง มาก เพราะถึงอย่างไรคุณสมบัติในการฝึ กตนของจางเฟิ งไห่ก็ดู เหมือนว่าหากกลายไปเป็ นลูกศิษย์ผู้สืบทอดของมรรคาจารย์เต๋าก็ไม่ มีปัญหาใดๆ เลย
ประเด็นสาคัญคือหนึ่งเข้าหนึ่งออกนี้ก็เท่ากับว่าป๋ ายอวี้จิงได้ “สูญเสีย” จางเฟิงไห่ไปสองคน
เจ้านครหลิงเป่าอย่างผังติ่งที่มีฉายาว่า “ซวีซิน” เปิดปากถามว่า “ลู่ไถผู้นั้นคือเทพเซียนจากที่ใดกัน? ไฉนถึงได้ไปอยู่กับคนทรยศ จางเฟิงไห่ได้?”
นักพรตเฒ่าพูดเน้นอักษรค าว่า “ลู่” เป็ นพิเศษ
ลู่เฉินเริ่มตามองจมูกจมูกมองใจ จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ความคิดล่องลอยไปไกลหมื่นลี้
หรือว่าคนแซ่ลู่ในใต้หล้าจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับผินเต้าไป ทั้งหมดด้วย?
รองเจ้านครสองท่านของนครอวี้ซู่อย่างกวอเจี่ยและเส้าเซี่ยง คน หนึ่งแค่นเสียงหยันอีกคนก็เปิดปากโต้กลับไปโดยตรงว่า “ขอถามเจ้า นครผังหน่อยเถิดว่าศิษย์น้องจางเฟิงไห่ของข้ากลายเป็ นคนทรยไป
ได้อย่างไร?”
ผังติ่งยิ้มตาหยี “ศิษย์น้อง? หรือข้าจ าผิดไป จางเฟิงไห่แค่หลุด พ้นจากท าเนียบเต๋าของป๋ ายอวี้จิง แต่ยังสืบทอดทาเนียบเต๋ของนค รอวี้ซู่ต่ออย่างนั้นหรือ?”
สวี่จู่จิ้งนักพรตเฒ่าที่ก่อนหน้านี้ไม่นานยังได้ดื่มเหล้าหมื่นกาล กาหนึ่งอยู่ในดวงจันทร ์เฮ่าไฉ่ถือแส้ปัดฝุ่ นไว้ในมือ ผู้คุมกฎนครอวี้ซู่ ที่เป็ นที่ยอมรับว่าใจอ่อนมีเมตตา นิสัยดีผู้นี้หัวเราะหยันเอ่ยว่า “จาง เฟิงไห่มีท าเนียบเต๋าของนครอวี้ซู่หรือไม่ เกี่ยวผายลมอะไรกับนครห ลิงเป่าของเจ้าด้วย”
ลูกศิษย์ปิดส านักของอาจารย์ ศิษย์น้องเล็กจางเฟิงไห่คือปมใน ใจที่ใหญ่ที่สุดของศิษย์พี่อย่างพวกเขา ไม่มีหนึ่งใน
หวงเจี้ยโส่วนักพรตเฒ่าที่มีฉายาว่า “เฉวียนเหิง” อดีตเจ้าหอคน ก่อนของหอปี้อวิ๋นท่านนี้ ก่อนหน้านี้ไม่นานก็เพิ่งปลดประจาการออก จากตาแหน่งเจ้าตาหนักเจิ้นเยว่ ดังนั้นทุกวันนี้ตรงเอวของผู้เฒ่าถึง ได้ไม่มีกุญแจพวงใหญ่ที่เป็ นเหมือนป้ ายประกาศตัวตนอยู่อีกต่อไป
หวงเจี้ยโส่วเอ่ย “มีอะไรก็ว่ากันไปตามนั้น จางเฟิงไห่ไม่ถือว่า เป็ นคนทรยศ มรรคาจารย์เต๋าเป็ นผู้ส่งตัวเขาออกจากถ้าแยนเสีย ด้วยตัวเอง”
ผังติ่งสะอึกอึ้งไปทันใด ไม่ทันระวังไปชนตะปูแข็งเข้าให้แล้ว ลู่เฉินปรบมือเบาๆ แต่กลับไร ้เสียง
ใครใช ้ให้เจ้ามาหาเรื่องผินเต้า ซวยเลยเป็ นไงล่ะ?
นักพรตซานชิงที่เป็ นลูกศิษย์ของมรรคาจารย์เต๋าเช่นเดียวกัน เพียงแค่เพราะอยู่ไกลถึงใต้หล้าห้าสีจึงไม่ได้เข้าร่วมการประชุมใน ครั้งนี้
อันที่จริงในทางส่วนตัวแล้วคาประเมินที่ป๋ ายอวี้จิงมีต่อลูกศิษย์ ปิดส านักของมรรคาจารย์เต๋าท่านนี้ไม่ได้สูงนัก
ถึงกับถูกหนิงเหยามาถามกระบี่ถึงที่ พ่ายแพ้ยับเยิน เรียกได้ว่า ขายหน้าจนหมดสิ้น
ต่อให้อีกฝ่ ายจะเป็ นบุคคลอันดับหนึ่งของใต้หล้าห้าสี คือหนิง เหยาผู้นั้น แล้วก็ไม่คาดหวังให้เจ้าเป็ นครามที่เกิดจากต้นคราม แต่สี เข้มกว่าคราม แต่จะดีจะชั่วก็ช่วยแพ้ให้สมเกียรติหน่อยได้หรือไม่ ผล คือเจ้ากลับไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะเอาคืนเลยแม้แต่น้อย
ในฐานะลูกศิษย์ของมรรคาจารย์เต๋า ฝีมือไม่ได้เรื่องถึงเพียงนี้ ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? จะสามารถกลายเป็ นเจ้าลัทธิคนที่สี่ของป๋ ายอวี้จิ งในอนาคตได้จริงๆ หรือ?
นอกจากนี้ยังมีเจียงอวิ๋นเซิงเจ้านครคนใหม่ของนครชิงชุ่ยที่วันนี้ ก็ไม่ได้มาเข้าร่วมการประชุม
หลังจากนั้นในวังอวี้ชิงแห่งนี้ เหล่าเต้ากวานที่มีอานาจสูง ทั้งหลายต่างก็พากันโยนคาถามให้กับเจ้าลัทธิทั้งสองท่าน
หญิงชรารองเจ้าหอของหอจื่อชี่ นางเปิ ดปากถามขึ้นก่อนว่า “ต้องการให้หยุดงานพิธีใหญ่ผู้เทียนของราชวงศ์อวี๋ฝูยงโจวกลางคัน หรือไม่ หรือว่าหลังจบเรื่องค่อยสั่งปิดผลลัพธ ์ที่ได้จากการท านาย ครั้งนั้น?”
แม้ว่ายงโจวจะมีอาณาเขตเล็กที่สุดในสิบสี่มณฑล แต่ “ยอด เขา” ที่อยู่ใต้ลาน้าใหญ่สายหนึ่งของชายแดนได้สร ้างศาลเทพโอ่ว เสินเอาไว้ นอกศาลมีต้นการบูรเก่าแก่อายุเป็ นหมื่นปีอยู่ต้นหนึ่ง
หากราชส านักที่ได้ครอบครองศาลเทพภูเขาใต้น้าแห่งนี้คิดจะ สร ้างแท่นพิธีใหญ่ที่มีมาตรฐานสูงสุดขึ้นมา แค่ต้องตัดกิ่งก้านของ ต้นการบูรก็จะสามารถอาศัยสิ่งนี้มาประเมินชะตาดีร ้ายของสี่มณฑล ได้แล้ว
ก่อนหน้านี้ไม่นานฮ่องเต้หญิงจูเสวียนได้จัดงานพิธีใหญ่ผู่เทียน ที่ตั้งบูชาองค์เทพมากถึงสามพันหกร ้อยองค์ขึ้นมา และนางก็รับ หน้าที่เป็ นผู้ประกอบพิธีด้วยตัวเอง
กิ่งก้านที่แตกออกไปสี่ทิศตามธรรมชาติของต้นการบูรบังเอิญชี้ ไปยังทิศทางของสี่มณฑลซึ่งมียงโจว เพ่ยโจวเป็ นหนึ่งในนั้นพอดี แต่ ละกิ่งแสดงถึงโชคชะตาที่รุ่งเรืองหรือเสื่อมโทรมของแต่ละมณฑล นี่ ไม่ใช่คากล่าวที่ไม่แน่นอนอะไร แต่เป็ นข้อสรุปที่ใต้หล้าให้การ ยอมรับ
ในศาลเทพโอ่วเสินตั้งบูชาศาสตราวุธเทพพิทักษ์แคว้นชิ้นหนึ่ง ของราชวงศ์อวี๋ฝูเอาไว้หอกเล่มนั้นมีชื่อว่า โพ่เจิ้น
การที่ราชสานักอวี๋ฝูสามารถหยัดยืนอยู่ในยงโจวได้อย่าง ยาวนาน ในระดับใหญ่แล้วก็ต้องยกคุณความชอบให้กับศาสตราวุธ เทพที่ถูกบันทึกลงในเอกสารของป๋ ายอวี้จิงชิ้นนี้เพราะมันคือของ แทนใจที่อู๋โจวมอบให้กับฮ่องเต้ผู้บุกเบิกแคว้นสกุลจูอวี๋ฝู
ดังนั้นใครเล่าจะกล้าละโมบอยากครอบครองของชิ้นนี้?
หากว่าลู่เฉินเป็ นผู้ดูแลป๋ ายอวี้จิง จะอาละวาดเอาแต่ใจก็ดี จะท า ตัวป่ าเถื่อนไร ้เหตุผลก็ช่าง ถึงอย่างไรเขาก็จะต้อง โน้มน้าว ฮ่องเต้ หญิงผู้นั้นว่าอย่าได้ทาอะไรบุ่มบ่ามเช่นนี้
แต่ปัญหานั้นอยู่ที่ว่าทุกวันนี้ศิษย์พี่อวี๋โต้วเป็ นผู้ดูแลกิจธุระในใต้ หล้า
ดังนั้นกิจการภายในราชสานักอวี๋ฝูประเภทนี้ ลู่เฉินได้แต่ให้ ค าแนะน า แต่ไม่อาจลงมือขัดขวาง ดังนั้นคราวก่อนที่วิ่งไปยังศาล เทพโอ่วเสิน ถือเป็ นการยกทัพออกศึกโดยไร ้เหตุผลอันชอบธรรม จึง ได้แต่กลับมามือเปล่า
ประเด็นสาคัญคือในศาลเทพโอ่วเสินแห่งนั้นยังซุกซ่อนความลับ ที่ใหญ่เทียมฟ้ าไว้อีกข้อหนึ่ง แน่นอนว่าป๋ ายอวี้จิงย่อมต้องรู ้เรื่องนี้ เพราะนี่เป็ นฝีมือของมรรคาจารย์เต๋า
การที่สร ้างศาลเทพภูเขาไว้ใต้น้า กระแสน้าไหลเชี่ยวกราก กระเพื่อมไหวหมื่นปีชะล้างศาลแห่งนั้นอย่างต่อเนื่อง ถือเป็ นการใช ้ โชคชะตาน้าของลาน้าใหญ่มากดข่ม…โชคชะตาบู๊
เพียงแค่เพราะว่าในศาลเทพโอ่วเสินแห่งนั้นนอกจากจะตั้งบูชา หอก โพ่เจิ้น แล้วยิ่ง สยบการาบหนึ่งในอดีตผู้ “ร่วมสังหาร” เอาไว้ ด้วย
หมื่นปีที่ผ่านมา สะบั้นบัวยังเหลือใย ประหนึ่งเทพใหญ่ยักษ์เป็ นผู้ ถือครอง กักกันศาสตราวุธเทพที่พยศยากจะการาบชิ้นนั้นไว้อย่าง ยาวนาน
เจ้าลัทธิอวี๋โต้วกล่าวด้วยน้าเสียงเรียบเฉยว่า “สกุลจูอวี๋ฝูท าพิธี ใหญ่ผู่เทียนได้ถูกต้องตามกฎ ป๋ ายอวี่จิงไม่ต้องไปสนใจ”
ในเมื่อเจ้าลัทธิพูดถึงขนาดนี้แล้ว เต้ากวานทั้งหลายก็ไม่มี ความเห็นต่างใดๆ อีกแล้ว
คาถามที่สองของการประชุมในวังอวี้ชิง “ในเมื่อสหาย ไท่อิน” ผู้ นั้นผสานมรรคาอยู่กับศาสตราวุธเทพที่เป็ นของตกทอดจากบรรพ กาลห่างไกล นางสามารถหลอมวัตถุชิ้นนี้ เพื่อยกตบะของตัวเองให้ สูงขึ้นได้ หอปี้อวิ๋นจะสามารถมอบเสื้อเกราะที่เก็บไว้มานานหลายปี ตัวนั้นให้นางได้หรือไม่? เพื่อใช ้สิ่งนี้มาดึงตัวนางให้มาเป็ นเค่อชิง อันดับหนึ่งของหอปี้อวิ๋น? เมื่อเป็ นเช่นนั้นครเสินเชียวมีเค่อชิงหาวซู่ ที่เป็ นผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตบินทะยาน หอปี้อวิ๋นก็มีอู๋โจวขอบเขตสิบสี่ รับหน้าที่เป็ นเค่อชิงอันดับหนึ่ง…”
ไม่รอให้เต้ากวานที่สุขุมรอบคอบและมีประสบการณ์ผู้นั้นพูด เรื่องนี้จนจบ อวี๋โต้วก็ชิงเปิดปากเอ่ยก่อนแล้วว่า “ก่อนหน้านี้อู๋โจว เป็ นคนเสนอเรื่องนี้ด้วยตัวเอง นางยินดีรับหน้าที่เป็ นรองเจ้าหอของ หอปี๋อวิ๋นโดยมีเสื้อเกราะตัวนี้ของหอปี้อวิ๋นเป็ นข้อแลกเปลี่ยน ข้าได้ ปฏิเสธไปแล้ว เรื่องนี้ไม่ต้องยกมาพูดกันอีก”
ในห้องประชุมวังอวี้ชิงพลันเงียบสงัดทันที
ลู่เฉินถอนหายใจเบาๆ ว่าแล้วเชียว
นักพรตอู๋โจวคนนั้น ไม่ต้องใช ้คาว่าผู้มีพรสวรรค์ในกลุ่มผู้มี พรสวรรค์อะไรมาบรรยายนางแล้ว แต่ต้องบอกว่าการด ารงอยู่ของ นางทาให้เต้ากวานในใต้หล้าที่อยู่ในยุคสมัยเดียวกันหม่นหมองไป ทั้งหมด
ไม่ว่าจะคุณสมบัติ พรสวรรค์ โชควาสนา จิตใจ ผลส าเร็จ…อู๋ โจวในปีนั้นล้วนเป็ นเอก ในใต้หล้า
นางมาจากอารามเต๋าเล็กๆ แห่งหนึ่ง อาศัยคาถาทางใจไม่กี่บทที่ สืบทอดจากอาจารย์และตาราเต๋ที่ธรรมดาที่สุดไม่กี่เล่ม ตอนที่นาง เป็ นเด็กสาวก็เป็ นขอบเขตหยกดิบแล้ว อีกทั้งระหว่างที่ออกเดินทาง หาประสบการณ์นางยังได้รับการสืบทอดที่สาคัญส่วนหนึ่งจาก “ผู้ หล่อหลอม” หนึ่งในสิบสองสิ่งศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงของยุคบรรพกาล หลังจากนั้นมาอู๋โจวก็ก้าวทะยานรุดหน้าไปบนเส้นทางของการฝึก ตน เนื่องจากมีวิชาอภินิหารนี้ ไม่ว่าจะเป็ นการหลอมวัตถุหรือการฝ่า ทะลุขอบเขตของนางก็ล้วนไม่ล่าช ้า สุดท้ายนางก็ก้าวกระโดดเป็ น อาจารย์หล่อหลอมอันดับหนึ่งของหลายใต้หล้า
ภายในเวลาหกร ้อยปี อู๋โจวได้หลอมอาวุธหนักกึ่งเซียนกับมือ ตัวเอง เพียงแค่ส่วนที่ถูกนางมองเป็ นของ “ระดับรอง” และน าไปมอบ ให้กับคนอื่นหรือไม่ก็ขายออกไปในราคาต่า ถึงขั้นที่ว่าเอาไปวางไว้ที่ ไหนสักที่ ส่วนที่ถูกป๋ ายอวี้จิงจดลงบันทึกก็มีมากถึงสิบหกชิ้นแล้ว
ป๋ ายอวี้จิงทั้งไม่สอดมือเข้าแทรกกิจธุระของราชวงศ์อวี๋ฝู แล้วก็ ไม่รับตัวอู๋โจวที่พื้นที่ประกอบพิธีกรรมอยู่ในยงโจวมา นี่หมายความ ว่าเรื่องการตัดกิ่งต้นการบูรเพื่อทานายดีร ้ายของสี่มณฑลของจู เสวียนได้กลายเป็ นสถานการณ์ที่แน่นอนแล้ว
บรรยากาศในวังอวี้ชิงมีความตึงเครียดอยู่บ้าง
ลู่เฉินกล่าว “ถ้าอย่างนั้นก็ประชุมกันต่อ”
“ควรจะจัดการยอดเขารุ่นเยว่อย่างไร?”
“ซุนไหวจงแห่งอารามเสวียนตู เกากูแห่งยอดเขาตี้เฝ่ ย เหยาชิง แห่งราชวงศ์ชิงเสินพวกเขาสามคนสรุปว่าจะมีใครได้เลื่อนเป็ น ขอบเขตสิบสี่หรือไม่?”
“สานักต้าเฉากับภูเขาเลี่ยงจิงได้สร ้างค่ายกลใหญ่จื่อเวยหยวน ขึ้นมาในอาณาเขตของแยนโจวโดยพลการ ทาการเปลี่ยนแปลงลม และดินของมณฑลแห่งหนึ่ง นี่ถือว่าสอดคล้องกับกฎเกณฑ์หรือไม่?”
“ครั้งนี้ผลการประเมินสิบคนในใต้หล้าและตัวสารองสิบคนแปลก ประหลาดยิ่งนักหลงชินผู่ของภูเขาปิงเจี่ยกาลังกวนน้าให้ขุ่นหรือไม่? สกุลหยางหงหนงแห่งโยวโจวได้เข้าร่วมเรื่องนี้หรือไม่?”
“เมื่อปลายปีก่อนมีคนของสกุลหยางหงหนงไปตั้งธงผืนหนึ่งไว้ บนยอดเขาของซากปรักสนามรบโบราณในโยวโจว ป่าวประกาศว่า จะกาจัดมารร ้ายให้กับใต้หล้า มารร ้ายที่ว่านี้คือใคร?”
“เกาผิงแห่งต าหนักสุ่ยฉูถึงกับยอมเป็ นพวกเดียวกับป๋ ายถั่วคน เฝ้ าปีที่ชาติก่อนทาลายล้างแผ่นดินไปแล้วจึงฆ่าตัวตาย นี่ใช่เรื่อง ประหลาดใหญ่อันดับหนึ่งในใต้หล้าหรอกหรือ? ต าหนักสุ้ยฉูยังมี บุคคลอย่าง “หวนจิ่ง” ที่มีฉายาว่า ‘อู๋ย่าง” คอยช่วยเหลือ นี่ไม่ใช่เสือ ติดปีกแล้วจะเป็ นอะไร สิ่งที่อู๋ซวงเจี้ยงคิดอยู่ในใจ เขาวางแผนจะทา เรื่องใด ผู้คนเขารับรู ้กันหมดแล้ว! ป๋ ายอวี้จิงไม่ควรเลี้ยงเสือไว้เป็ น
ภัย ปล่อยให้อีกฝ่ ายเป็ นใหญ่ขึ้นมาได้ ควรจะต้องกาจัดภัยแฝงนี่เสีย แต่เนิ่นๆ”
“ภิกษุเจียงซิวมีเวทกระบี่สูงมาก ทุกวันนี้อยู่ในโยวโจว จะปล่อย ปละละเลยไม่ได้เด็ดขาด ปล่อยให้เขาก่อคลื่นลมมรสุมอยู่ในอาณา เขตของปิ้งโจวและโยวโจวไม่ได้ ควรจะเชิญเขาให้มาเป็ นแขกที่ป๋ า
ยอวี้จิงดีหรือไม่?”
“ขอถามเจ้าลัทธิลู่ ทุกวันนี้ขอบเขตที่แท้จริงของเฉินผิงอันคือ อะไร? จะเลื่อนเป็ นขั้นเทพมาเยือนของขอบเขตปลายทางเมื่อไหร่? จะเป็ นผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตบินทะยานได้หรือไม่? ในอนาคตคนผู้นี้จะ มาถามกระบี่ต่อป๋ ายอวี้จิงหรือไม่?”