กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1074.1 ไม่ดื่มสุราคารวะจะดื่มสุราลงทัณฑ์
ผู้ฝึกตนบางคนก็ชอบหลบไปหาความสงบเงียบๆ บางคนก็ชอบ ความครึกครื้น
หลิ่วเต้าชุนแห่งนครจักรพรรดิขาวถือเป็ นอย่างหลัง
แล้วนับประสาอะไรกับที่ตัวของหลิ่วเต้าฉุนเองก็คือความ ครึกครื้นอย่างหนึ่ง
เพราะถึงอย่างไรผู้ฝึกลมปราณของใต้หล้าไพศาลที่สามารถมี ชื่อเสียงทัดเทียมกับกู้ชิงซงได้ก็มีไม่มาก
เคยถูกเทียนซือใหญ่แห่งภูเขามังกรพยัคฆ์ลงจากภูเขาไปสยบ ก าราบด้วยตัวเอง กว่าจะอยู่อย่างสงบไปเป็ นเวลาพันกว่าปีได้ไม่ใช่ เรื่องง่าย หลังจากหลิ่วเต้าฉุน “ออกจากด่าน” มาก็เปลี่ยนชื่อเป็ น หลิ่วชื่อเฉิง และดูเหมือนว่าจะมีพัฒนาไม่น้อย แต่ก็แค่ดูเหมือน เท่านั้น
ครั้งนี้หลิ่วชื่อเฉิงโดยสารเรือข้ามทวีปลาหนึ่งมาถึงทางเหนือสุด ของแจกันสมบัติทวีป จากนั้นเปลี่ยนมาโดยสารเรือข้ามฟากของ ตาหนักฉางชุนเดินทางลงใต้ เขาจะลงเรือที่ท่าเรือหนิวเจี่ยว จะไป เยือนภูเขาลั่วพั่ว
วันนี้หลิ่วชื่อเฉิงออกจากห้องมาที่หัวเรือ ยืนพิงราวรั้ว แสร ้งทา เป็ นไม่ได้ยินค าซุบซิบนินทาทั้งหลาย บนเรือมีร ้านเหล้าร ้านอาหาร หลิ่วชื่อเฉิงปรากฏตัวบ่อย พวกเขาจึงคุ้นเคยกันเสียแล้ว
ในฐานะเจ้าของหอแก้วใส ศิษย์น้องเล็กของเจ้านครจักรพรรดิ ขาว ก่อนหน้านี้หลิ่วชื่อเฉิงน้อมรับคาสั่งจากศิษย์พี่ พยายาม ช่วยเหลือประคับประคองศิษย์หลานฟู่ จิ้นอย่างเต็มที่เลือกที่ตั้งไป สร ้างสานักเบื้องล่างด้วยกัน เนื่องจากนครจักรพรรดิขาวทั้งแห่งล้วน ถูกศิษย์พี่ “แบ่งหนึ่งออกเป็ นสอง” แล้ว กิจการที่แบ่งให้กับลูกศิษย์ คนเล็กอย่างกู้ช่าน เห็นได้ชัดว่าน้อยกว่าฟู่ จิ้นลูกศิษย์ใหญ่มากนัก แน่นอนว่าหลิ่วชื่อเฉิงย่อมยินดีที่ได้เห็น เขาไม่รังเกียจที่ “สานักเบื้อง บน” ของบ้านตนจะมีกองก าลังแข็งแกร่ง มีก าลังทรัพย์แน่นหนา ส านักของกู้ช่านนั้นก็ได้แต่ถือว่าเป็ น “สานักเบื้องล่าง” ของนคร จักรพรรดิขาวที่เป็ น “สานักดั้งเดิม” เท่านั้นดังนั้นไม่ว่าจะภายในหรือ ภายนอกก็ด้อยกว่าสานักเบื้องบนของเขากับศิษย์หลานฟู่ จิ้น
ครั้งนี้เขาแอบปลีกตัวจากงานที่วุ่นวายหวนกลับมายังแจกัน สมบัติทวีปอีกครั้ง ได้กลับมาเยือนสถานที่ที่เคยมา ความคิดนับร ้อย นับพันก็ประดังประเดเข้าใส่
ในวัดร ้างแห่งหนึ่ง เคยรับกระบี่ของคนผู้หนึ่ง
ภายหลังตอนอยู่ในอาณาเขตของแคว้นหูซึ่งเป็ นของสกุลสวี่ นครลมเย็นก็ได้เกิดข้อพิพาทเล็กๆ กับบัณฑิตแซ่หลี่คนหนึ่งที่มา จากถ้าสวรรค์หลีจู
ไม่มีอะไร ล้วนถือว่าหากไม่ตีกันก็ไม่ได้รู ้จักกัน
ศิษย์พี่ยังดูแลตนเป็ นอย่างดี เลือกที่จะให้ศิษย์พี่หญิงหันเชี่ยว เชื่อไปช่วยเหลือกู้ช่าน หากให้เขาติดตามอยู่ข้างกายกู้ช่าน หลิ่วชื่อ เฉิงจะต้องแกล้งตายเป็ นแน่
ศิษย์พี่เชิญท่านทาความสะอาดนครจักรพรรดิขาวให้เกลี้ยง เกลาได้ตามสบาย ขับไล่ผู้ฝึกตนท าเนียบและคนไม่เกี่ยวข้องทั้งหมด ออกไป แต่ขอแค่หอแก้วใสยังอยู่ที่นครจักรพรรดิขาว ศิษย์น้องอย่าง ข้าก็ยังอยู่ จะฝึกตนอยู่เป็ นเพื่อนศิษย์พี่ต่อไปอย่างว่าง่ายก็แล้วกัน
หลิ่วชื่อเฉิงที่ทุกวันนี้สวมชุดเต๋าสีชมพูก็ถือเป็ นการโอ้อวด ตัวอย่างหนึ่ง เขาไม่ถือสาเลยสักนิดหากจะมีใครจ าเขาได้
เพราะก่อนหน้านี้ไม่นานศิษย์พี่หญิงหันเชี่ยวเซ่อได้แพร่งพราย เรื่องวงในที่ใหญ่เทียมฟ้ าให้เขารู ้ คือจดหมายลับฉบับหนึ่ง มีสาม ตัวอักษร
ศิษย์พี่ สาม
ตอนนั้นหลิ่วชื่อเฉิงถือจดหมายลับตัวสั่นเทิ้ม น้าตาร ้อนๆ เอ่อ คลอกลบดวงตา ดีใจยิ่งกว่าตัวเองฝ่ าทะลุขอบเขตติดต่อกันเป็ น ขอบเขตบินทะยานเสียอีก
หลิ่วชื่อเฉิงที่เดิมทีคิดว่าขอบเขตของตัวเองในทุกวันนี้ใช ้ไม่ได้ จึงรู ้สึกอีกว่าข้าใช ้ได้ ใช ้ได้มากๆ
ฟ้ าดินกว้างใหญ่ จะมีที่แห่งใดที่ไปเยือนไม่ได้อีกเล่า? อย่าว่าแต่ เก้าทวีปของไพศาลเลย ดินแดนพุทธะสุขาวดี สิบสี่มณฑลของใต้ หล้ามืดสลัวก็ยังไปได้!
แจกันสมบัติทวีปเล็กๆ จะท าอะไรข้าได้?
ปี นั้นเคยรับลูกศิษย์สองคนอยู่ที่นี่ หลายปี มานี้หลิ่วชื่อเฉิง
เกือบจะลืมไปแล้ว
เดินทางไปเที่ยวเยือนแจกันสมบัติทวีปครั้งนี้ หลักๆ แล้วหลิ่วชื่อ เฉิงต้องการจะไปราลึกความหลังกับเฉินผิงอันพี่น้องของตน
คราวก่อนตอนอยู่ในร ้านผ้าห่อบุญที่จางจื๋อเป็ นเจ้าของบนเกาะ นกแก้ว เจ้าขุนเขาเฉินไม่มีเงินสดในมือก็ได้ยืมเงินเทพเซียนไปจาก เขาและถัวเหยียนฮูหยินเล็กน้อย เงินไม่มาก แต่พี่น้องแท้ๆ ยังต้องคิด บัญชีกันอย่างชัดเจน ดังนั้นไปเที่ยวหาครั้งนี้ หากเจ้าหนูเจ้าเข้าใจ ผิดคิดว่าข้าไปทวงหนี้ ก็แล้วแต่เจ้าเถอะ
ก่อนหน้านี้อยู่บนเรือข้ามทวีป หลิ่วชื่อเฉิงได้รู ้จักสหายใหม่ที่ เป็ นนักพรตอยู่หลายคน พวกเขานัดหมายกันแล้วว่าจะเปลี่ยนเรือลง ใต้ไปเยือนที่ตั้งเก่าของถ้าสวรรค์หลีจูด้วยกัน
การที่หลิ่วชื่อเฉิงออกมาจากห้องก็เพราะหากอิงตามบันทึกที่มี ในสมุด เบื้องหน้าจะมีทะเลเมฆผืนหนึ่งที่ก้อนเมฆมักจะมารวมตัวกัน ไม่แยกไปไหนตลอดทั้งปี เรือข้ามฟากของบนภูเขาสามารถขับเข้า ไปในนั้นเพื่อขอให้เป็ นนิมิตหมายที่ดี มีคาเรียกขานที่ไพเราะว่าการ
“เสี่ยงดวง” (คาว่าดวงอ่านว่าอวิ้น ออกเสียงคล้ายคาว่าอวิ๋นที่แปลว่า เมฆ)
ผู้ฝึกตนชายหญิงกลุ่มหนึ่งทยอยกันมาหาเจ้าหอหลิ่วประหนึ่ง ดาวห้อมล้อมเดือนยินดีช่วยขับดันให้หลิ่วชื่อเฉิงโดดเด่น ขอบเขต หยกดิบคนหนึ่งกับเซียนดินอีกหลายคน พวกเขาต่างก็เป็ นผู้ฝึ ก ลมปราณที่พอจะมีชื่อเสียงอยู่ในบ้านเกิดของตัวเองซึ่งอยู่ตาม สถานที่ต่างๆ ของทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง สอดส่ายสายตาอย่าง มั่นใจ พูดคุยหัวเราะสนุกสนาน
ในกลุ่มคน แน่นอนว่าต้องเป็ นหลิ่วชื่อเฉิงที่สวมชุดสีชมพูที่ สะดุดตาที่สุด
คุยกันไปคุยกันมานอกจากเรื่องของศาลบุ๋นจะแต่งตั้งซานจวิ นห้ามหาบรรพตอย่างเป็ นทางการแล้วก็ต้องหนีไม่พ้นเรื่องของอิ่นก วานหนุ่มและภูเขาลั่วพั่ว
ทุกครั้งที่หลิ่วชื่อเฉิงพูดถึงเฉินผิงอันจะต้องทาสีหน้าผ่อนคลาย สบายอารมณ์ ใช ้น้าเสียงเหมือนพูดคุยเรื่องสัพเพเหระทั่วไป พร่าพูด ว่าข้ากับเจ้าขุนเขาเฉินคือสหายรักที่รู ้จักกันมานานมากแล้ว
จาได้ว่าตอนที่พวกเราเพิ่งรู ้จักกัน เจ้าขุนเขาเฉินเพิ่งออกจาก บ้านเกิด แม้ว่าจะสะพายกระบี่ แต่แท้จริงแล้วตอนนั้นยังไม่ได้ฝึกกระบี่ แล้วก็เพิ่งเรียนหมัดในช่วงพื้นฐาน เขาจึงเคยชี้แนะอีกฝ่ ายเรื่องวิชา หมัดและกระบวนท่าต่างๆ ไปบ้าง…
ตอนนั้นเฉินผิงอันยังพูดไม่เก่ง ค่อนข้างเงียบขรึม แต่ข้าผู้แช่ หลิ่วกลับมองออกตั้งแต่แรกแล้วว่าวันหน้าเขาต้องประสบผลส าเร็จไม่ ธรรมดาอย่างแน่นอน จึงมักจะเลี้ยงเหล้าเขาเป็ นประจ า…
ตอนนั้นเฉินผิงอันที่ยังเป็ นเด็กหนุ่มสวมรองเท้าสานมักจะดื่ม เหล้าหมักบนภูเขาของข้าพลางฟังข้าเล่าเรื่องบนภูเขาอย่างตั้งใจไป
ด้วย
เขาพูดจนผู้ฝึกตนจากแผ่นดินกลางกลุ่มนั้นรู ้สึกเหมือนกาลัง อ่านต าราสวรรค์อย่างไรอย่างนั้น
เพราะพวกเขามิอาจจินตนาการได้เลยว่าอิ่นกวานคนสุดท้าย ของก าแพงเมืองปราณกระบี่ ลูกศิษย์ปิดสานักของสายเหวินเซิ่งจะมี วันเวลาอันน่าสังเวชที่คล้ายกับต้องเป็ นลูกสมุนของผู้อื่นเพื่อขอเหล้า ดื่มด้วย?
บนเรือข้ามฟากลานี้มีชายวัยกลางคนผู้หนึ่งที่สวมชุดผ้าฝ้ ายบุ นวม สวมหมวกขนเตียวใบเก่า เรือนกายสูงใหญ่ สีหน้าเฉยเมย หาก อยู่ในตลาดคงไม่สะดุดตา แต่อยู่ที่นี่กลับไม่ต่างจากหลิ่วชื่อเฉิงสัก เท่าไร
แต่เมื่อเทียบกับท่าเรือตระกูลเซียนที่มีคนดีคนเลวปะปนกัน มากมายแล้ว เรือข้ามฟากบนภูเขากลับเหมือนตะแกรงร่อนที่ร่อนเอา นักต้มตุ๋นในยุทธภพหลายคนที่หวังจะมา “เสี่ยงดวง” อยู่ในกลุ่มของ เทพเซียนออกไป เพราะถึงอย่างไรหากคิดจะนั่งเรือข้ามฟากก็ต้องมี
เงินเทพเซียนของแท้หลายเหรียญ เหมือนอย่างนักพรตเซียนเว่ยที่ เป็ นคนเฝ้ าประตูภูเขาของภูเขาลั่วพั่วคนปัจจุบันก็คือถูกร่อนทิ้งไป แล้ว บางครั้งที่เดินทางผ่านท่าเรือก็ได้แต่มองเรือข้ามฟากพวกนั้น ลอยขึ้นลอยลงเปิดประสบการณ์ให้ตัวเองเท่านั้น ดังนั้นชายฉกรรจ์ที่ นั่งโดยสารเรือข้ามฟากของตาหนักฉางชุนผู้นี้ ต่อให้แต่งกาย ยากจน แต่กลับไม่มีพวกตาไร ้แววคนใดกล้าไปหาเรื่อง
เขาก็คือหลิ่วซวี่ เจ้าประมุขคนปัจจุบันของลาคลองหลัวหม่า ผู้ ฝึกกระบี่ขอบเขตก่อกาเนิด
คราวก่อนดื่มเหล้ากับเฉินผิงอันในเมืองหลวง พวกหยวนเซวียน ได้กลับอุตรกุรุทวีปกัน ไปแล้ว หลิ่วซวี่จะไปเยือนตระกูลฝูที่นครมังกร เฒ่าก่อน จึงเดินทางลงใต้ต่อเพียงล าพัง
เดิมทีไม่คิดจะไปภูเขาลั่วพั่ว แต่ระหว่างที่เดินทางกลับหยวนเช วียนได้ส่งจดหมายลับฉบับหนึ่งมาให้หลิ่วซวี่ บอกว่าทางตระกูลเพิ่ง จะยืนยันเรื่องหนึ่งได้ เป็ นเรื่องน่ายินดีที่ใหญ่เทียมฟ้ า!
ภายใต้สถานการณ์ที่ไร ้ลางบอกเหตุ และหยวนอี้จื้อเองก็ไม่ได้ ท าอะไรสักอย่าง แต่นางกลับหลุดพ้นจากการโจมตีของผีร ้ายในฝัน ภายในค่าคืนเดียวได้แล้ว!
ฝันร ้ายที่ตามพัวพันนางมานานเป็ นร ้อยปี ราวกับว่าได้หายวับไป ภายในเสี้ยววินาที
ไม่ต้องให้สกุลหยวนเชิญยอดฝีมือมาตรวจสอบเรื่องนี้ เนื่องจาก หลังจากที่หยวนอีจื้อนอนหลับ ไร ้ฝัน” อย่างเต็มอิ่ม คอขวดขอบเขต ก่อกาเนิดก็คลายตัวออก นางจึงเริ่มปิดด่านอย่างเป็ นทางการแล้ว
ในจดหมายหยวนเซวียนบอกให้หลิ่วซวี่น าความไปบอกต่อเจ้า ขุนเขาเฉิน ไม่ว่าครั้งนี้หยวนอีจื้อจะปิดด่านได้สาเร็จหรือไม่ ช่วงนี้ ศาลซานหลางก็ต้องแสดงการขอบคุณอย่างหนัก!
ดังนั้นหลิ่วซวี่จึงคิดว่าจะไปที่ภูเขาลั่วพั่วรอบหนึ่งเพื่อนาความไป บอก
ส่วนเจ้าคนที่สวมชุดเต๋าสีชมพูฉูดฉาดดึงดูดสายตาผู้อื่นคนนั้น หลิ่วซวี่จ าอีกฝ่ ายได้ในทันที บวกกับที่รอบกายฝ่ ายหลังมีพวก ประคองเท้าเหม็น (เปรียบเปรยถึงพวกชอบประจบสอพลอ) ห้อมล้อม อยู่กลุ่มใหญ่ พูดจาไม่มีความยาเกรงใดๆ หลิ่วซวี่จึงรู ้สึกว่าพวกเขา ไม่ใช่คนบนเส้นทางเดียวกัน อีกทั้งหลิ่วซวี่เองก็ไม่แน่ใจว่าเรื่องที่หลิ่ว ชื่อเฉิงพูดเป็ นจริงหรือเท็จประการใด จึงคิดว่ารอให้ได้เจอกับเฉินผิง อันก่อนแล้วค่อยถามเอาจากอีกฝ่ าย บอกตามตรง หลิ่วซวี่รู ้สึกว่า หากเฉินผิงอันมีสหายที่เป็ นแบบนี้จริงๆ อีกทั้งยังเป็ นเพื่อนรักกันด้วย ถ้าอย่างนั้นก็น่าอายมากจริงๆ
เรือข้ามฟากขับเข้าไปในกลุ่มเมฆขาว
ผีขี้เหล้าจิบเหล้าสองคา ทัศนียภาพตระกูลเซียนที่ผู้คนกล่าวถึง กันก็ผ่านไปแล้ว
ภายหลังกลุ่มของหลิ่วชื่อเฉิงก็ได้เจอกับชายฉกรรจ์สวมชุดผ้า ฝ้ ายบุนวมคนนั้นที่ร ้านเหล้าอีก อีกฝ่ ายยังคงนั่งดื่มเหล้าเงียบๆ เพียง ลาพัง มีคนมาขอนั่งร่วมโต๊ะด้วยเขาก็ไม่ว่าอะไร มีผู้ฝึ กตนหญิง ท่าทางกรีดกรายที่สายตาเฉียบแหลม นางรู ้สึกว่าไม่แน่ชายฉกรรจ์ผู้ นี้อาจจะเป็ นปลาตัวใหญ่ตัวหนึ่ง จึงหิ้วกาเหล้ามานั่งข้างโต๊ะ เป็ นฝ่าย ชวนคุยก่อน หลิ่วซวี่ดื่มเหล้าไปหนึ่งชามแล้วก็หยิบเงินเหรียญเกล็ด หิมะสองเหรียญออกมาจากชายแขนเสื้อ บอกชื่อป้ ายไม้ที่แขวนไว้ หน้าห้องของตัวเองบนเรือ บอกว่าตนมีเงินเหลือน้อยนิดแค่นี้ ผู้ฝึก ตนหญิงได้ยินก็อึ้งตะลึง อับอายจนพานเป็ นความโกรธ ยกชามเหล้า สาดออกไป หลิ่วซวี่เพียงแค่ก้มหัวหลบสุรา นางเองก็ลุกขึ้นเดินจาก ไปแล้ว
อันที่จริงหากจะคิดกันจริงๆ ก็จะโทษที่หลิ่วซวี่ไม่เข้าใจเรื่องรัก ใคร่ ล่วงเกินคนงามไม่ได้ จะโทษก็โทษที่ห้องที่เขาพักคือห้องที่ถูก ที่สุดของเรือข้ามฟากลานี้ อีกทั้งยังมีคนพักอยู่รวมกันหลายคน
หลิ่วชื่อเฉิงรู ้สึกว่าน่าสนใจจึงยกชามเหล้าให้ไกลๆ แสดงความ เป็ นมิตร
หลิ่วซวี่ไม่แม้แต่จะเหลือบตามองเขา เพียงดื่มเหล้าของตัวเองไป เท่านั้น
หลิ่วชื่อเฉิงเองก็ไม่ถือสา ความใจกว้างน้อยนิดแค่นี้เขายังพอมี อยู่บ้าง
กลางวันของวันนี้ ในที่สุดเรือข้ามฟากก็ขยับเข้าใกล้ภูเขาพีอวิ๋น
คราวก่อนติดตามกู้ช่านไปที่อาเภอไหวหวงด้วยกัน รู ้สึกว่าน้า ลึก หลิ่วชื่อเฉิงจึงไม่กล้าเดินเที่ยวเล่นมากนัก
วันนี้มองเค้าโครงของเมืองเล็กที่มีเมฆหมอกบดบังอีกครั้ง รู ้สึก ว่าก็ไม่ได้ใหญ่เท่าไรเป็ นพื้นที่ที่มีขนาดเท่าฝ่ามือเท่านั้นเอง
เรือข้ามฟากจอดเทียบท่าที่ท่าเรือหนิวเจี่ยวช ้าๆ โยกคลอนเบาๆ อยู่สองสามทีก็จอดนิ่งสนิทอย่างมั่นคง
หลิ่วชื่อเฉิงเดินมาที่ดาดฟ้ าเรือ ยืดแขนบิดขี้เกียจ
ท่ามกลางกระแสผู้คน หลิ่วซวี่ขยับหมวกขนเดียวใบเก่า สองมือ สอดกันไว้ในชายแขนเสื้อ เบี่ยงไหล่เดินแนบไปกับราวรั้วเพื่อหลีก ทางให้ผู้อื่น
และเวลานี้เอง ผู้คนตลอดทั้งท่าเรือหนิวเจี่ยวที่เพิ่งจะลงเรือและ เพิ่งจะขึ้นเรือ ต่างก็พากันหันไปมองยังจุดหนึ่ง
เรือข้ามทวีปลาหนึ่งที่เรียกได้ว่าใหญ่โตมโหฬารถึงขีดสุดพุ่ง มาถึงอย่างรวดเร็วราวสายฟ้ าแลบ เปลี่ยนจากเท่าเมล็ดงามาเป็ น ใหญ่เท่าชาม จากนั้นในเสี้ยววินาทีที่ขยับเข้าใกล้อาณาเขตเหนือ น่านฟ้ าของถ้าสวรรค์หลีจูเก่า เพียงชั่วพริบตาก็ต้องให้ทุกคนเงย หน้ามองเรือข้ามทวีปที่มีชื่อว่า “เฟิงยวน” ลานี้ ท่าเรือหนิวเจี่ยวทั้ง แห่งถูกเรือข้ามทวีปขนาดใหญ่ยักษ์หอบหุ้มจนเมฆหมอกซัดตลบ
ปั่นป่ วน ลมภูเขากระโชกแรงเป็ นระลอก ปราณวิญญาณฟ้ าดิน กระเพื่อมไหวไม่หยุด
บนราวรั้วตรงหัวเรือของเรือเพิ่งยวนมีเด็กหนุ่มชุดขาวที่มีไฝแดง กลางหว่างคิ้วคนหนึ่งยืนอยู่ สองมือของเขาสอดรองไว้ใต้ท้ายทอย ชายแขนเสื้อสองข้างห้อยตกลงมาตามธรรมชาติ
หลิ่วซวี่หรี่ตาลง แต่กลับมองไปยังจุดที่อยู่สูงยิ่งกว่าบนเรือเฟิ ง ยวน
เด็กหนุ่มชุดขาวสะบัดชายแขนเสื้อ ดีดนิ้วหนึ่งที
นาทีถัดมาท่าเรือทั้งแห่งที่เดิมทีแสงแดดส่องสว่างก็พลันตกอยู่ ในความมืดมิดเหมือนราตรีมาเยือน “เรือข้ามฟาก” ลาหนึ่งที่มีขนาด ใหญ่โตยิ่งกว่าเรือเฟิ งยวนถูกถอนเวทอ าพรางตาออกไปจึงปาน ประหนึ่งมหาบรรพตที่กดทับลงมาเหนือศีรษะ เผยกายอยู่บนท่าเรือห นิวเจี่ยว
“เรือข้ามฟาก” ลานี้มีธงผืนใหญ่ตั้งสูงตระหง่าน ด้านหน้าเขียน คาว่า “สานักกระบี่ชิงผิง” ด้านหลังเขียนค าว่า ปิ่ งติง” (ล าดับใน แผนภูมิสวรรค์ของจีน หมายถึงธาตุไฟ) ลมบนฟ้ าพัดผ่าน ส่งเสียง สะบัดดั่งพึ่บพั่บ
เรือกระบี่!
ถึงกับเป็ นเรือกระบี่ของต้าหลีในตานาน!
ราชส านักต้าหลีเคยร่วมมือกับส านักโม่สร ้างศาสตราวุธบน สนามรบสองประเภทที่เรียกได้ว่าเป็ นสมบัติประจ าแคว้น ประเภทแรก คือเรือข้ามฟากขุนเขาที่สามารถบรรทุกกองทัพม้าเหล็กต้าหลีได้ หลายหมื่นนาย ประเภทที่สองก็คือเรือกระบี่ต้าหลีที่ว่ากันว่าสร ้างไว้ ทั้งหมดหกสิบลา แต่กระทั่งสงครามปิดฉากลงก็ยังปรากฏให้เห็นแค่สี่ สิบหกลาเท่านั้น! เรือกระบี่ทุกลาจะต้องตั้งชื่อจาก ‘รอบหกสิบปี ” (ปฏิทินสิบล าดับและสิบสองราศีซึ่งแบ่งออกเป็ นแผนภูมิสวรรค์กับ แผนภูมิดิน)
หลังจากศึกที่นครมังกรเฒ่าปิดฉากลง ทางเหนือของนครมังกร เฒ่ายาวไปถึงเมืองหลวงสารองต้าหลีไปจนถึงสนามรบลาน้าใหญ่ โลกภายนอกลองค านวณกันคร่าวๆ เรือกระบี่ที่ทยอยกันร่วงลงมา และถูกทาลายมีสามสิบกว่าลา แต่ความน่ ากลัวที่สุดของราช ส านักต้าหลีนั้นอยู่ที่ว่าในสงครามขนาดใหญ่ครั้งสุดท้ายที่เกิดขึ้นใน อาณาเขตของเมืองหลวงสารองต้าหลี เรือกระบี่ได้ปรากฏตัวพร ้อม กันห้าสิบกว่าล า!
ส่วนมูลค่าการสร ้างของเรือแต่ละลาที่แพงหูฉี่ โลกภายนอกก็มิ อาจประมาณการณ์กันได้เลย พูดถึงแค่เรื่องเดียวก็จะรู ้แล้วว่าราคา ของเรือกระบี่ต้าหลีสูงเทียมฟ้ าถึงเพียงใด เม็ดเสื้อเกราะของสานัก การทหารทุกเม็ดบนโลกล้วนเป็ นสมบัติหนักบนภูเขาที่ราคาไม่ ธรรมดา ส่วนเรือกระบี่นั้นก็เหมือนผู้ฝึ กลมปราณที่สวมชุดคลุม อาคมซึ่งมาจากเม็ดเสื้อเกราะของส านักการทหารไว้บนร่าง
ส่วนเงินนั้นได้มาอย่างไร ล้วนมาจากแจกันสมบัติทวีป