กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1075.3 ถามหมัด ถามมรรคา ถามกระบี่ มาพร ้อม กั
- Home
- กระบี่จงมา! Sword of Coming
- บทที่ 1075.3 ถามหมัด ถามมรรคา ถามกระบี่ มาพร ้อม กั
แต่เฉินผิงอันกลับเดินไปทางเก้าอี้ที่หันหน้าเข้าหาตาหนักใหญ่ ยื่นมือไปจับที่วางแขนยิ้มเอ่ยว่า “ข้าเป็ นแขก นั่งตรงนี้แล้วกัน”
เห็นได้ชัดว่าการกระทานี้อยู่เหนือการคาดการณ์ของกงฮวา นางจึงไม่รู ้ว่าควรจะตอบอย่างไรดี
เมื่อคืนวานคนที่มีคุณสมบัติได้นั่งดื่มชาในเรือลั่วฮวา มีทั้งสิ้น เจ็ดคนซึ่งรวมถึงตัวกงฮวาที่เป็ นเจ้าอารามต้ามู่แล้ว
อันที่จริงหลังจากนั้นยังมีการประชุมครั้งที่สอง แต่เพิ่มคนมาแค่สี่ คนเท่านั้น ล้วนเป็ นแขกสูงศักดิ์ที่เข้ามาพักในอารามต้ามู่โดยตรง ก็ คือจักรพรรดิสี่แคว้นของทุกวันนี้ ได้แก่ถังเถี่ยอี้แห่งแคว้นเป่ ยจิ้นที่ ยึดอานาจครองบัลลังก ์ เว่ยแย่นฮ่องเต้แคว้นหนันเยวี่ยนที่ได้สืบทอด บัลลังก ์เพราะฮ่องเต้องค์ก่อนยอมถอยจากต าแหน่ง หวงเหมี่ยน จักรพรรดิหนุ่มแห่งแคว้นซงไล่ที่เพิ่งจะครองราชย์ได้แค่ไม่กี่ปี และยัง มีผู้ครองแคว้นคนปัจจุบันของสกุลท่าป๋ ากระโจมทองผู้ครองที่ราบ กว้างทุ่งหญ้าทางตอนเหนืออย่างท่าป๋ าต้าเจ๋อ
เรื่องที่พวกเขาสนใจเกี่ยวกับภูเขาลั่วพั่วและเฉินผิงอันมากที่สุด ก็หนีไม่พ้นสามเรื่องรากฐานของภูเขาลั่วพั่วเป็ นอย่างไร เฉินผิงอันผู้ นี้มีขอบเขตเป็ นอย่างไร นิสัยใจคอเป็ นอย่างไร
อันที่จริงตอนที่เว่ยแย่นยังเป็ นองค์ชายก็เคยได้รู ้จักพูดคุย กับเฉินผิงอันมาก่อนแล้วแต่ระหว่างที่มีการประชุม ฮ่องเต้แห่ง แคว้นหนันเยวี่ยนท่านนี้กลับทาราวกับฝึ กคาถาปิ ดวาจาอย่างไร อย่างนั้น ไม่เคยพูดถึงเรื่องราวในอดีตที่เคยได้ดื่มเหล้าร่วมโต๊ะกับ เซียนกระบี่เด็กหนุ่มสักคา เนื่องจากเว่ยแย่นไม่มีคุณสมบัติและฐาน กระดูกในการฝึกวิชาตระกูลเซียนหลายปีมานี้บางครั้งที่ได้พบเจอ กับเว่ยเหลียงไท่ซ่างหวงที่ราวกับว่ายิ่งมีชีวิตอยู่ก็ยิ่งหนุ่มลง อารมณ์ ของเว่ยแย่นจะรู ้สึกซับซ ้อนสุดขีด ต่อให้จะเป็ นผู้ฝึกยุทธขอบเขตหก คนหนึ่งแล้ว อีกทั้งยังเป็ นผู้ครองแคว้น แต่พอได้เจอกับบิดาที่สูงส่ง ลึกล้าเกินจะคาดเดา ยิ่งนานวันเว่ยแย่นก็ยิ่งรู ้สึกหวาดกลัว คนที่ไม่รู ้ สถานะของพวกเขาเจอกับพ่อลูกคู่นี้ เกรงว่าคงเข้าใจผิดคิดว่าพวก
เขาคือพี่น้องกัน
จงเชี่ยนเหยียบมาบนพื้นผิวทะเลสาบเหมือนกบกระโดดไปบนผิว น้า ทะยานร่างไปยังอารามต้ามู่ที่อยู่บนเกาะกลางทะเลสาบ
เว่ยเหลียงอุ้มเด็กสาวสวมชุดคลุมมังกรที่หมดสติผู้นั้นขึ้นมา ดู จากท่าทางก็น่าจะออกไปจากทะเลสาบชิวชี่ตามคาสั่ง ถอนตัวออก จากการประชุมจริงๆ
เฉินผิงอันนึกเรื่องหนึ่งขึ้นได้จึงเอ่ยว่า “สองที่นั่งของพวกเว่ยเหลี ยงที่จะว่างลง รบกวนเจ้าต าหนักกงไปปรึกษากับเจ้าประมุขเกาสักค า หาคนสองคนมาเสริมที่ว่างนั้นก็แล้วกัน”
กงฮวาพยักหน้า “เป็ นแบบนี้ย่อมดีที่สุด”
แม้จะไม่รู ้ว่าเมื่อครู่ที่ริมทะเลสาบเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ถึงเป็ นเหตุ ให้เฉินผิงอันกับเว่ยเหลียงเกิดความขัดแย้งที่คนนอกได้แต่มึนงง แต่ กงฮวากลับไม่รู ้สึกว่านี่เป็ นเรื่องร ้ายอะไรเพราะถึงอย่างไรคนทั้งโลก ต่างก็รู ้ว่าความสัมพันธ ์ระหว่างสกุลเว่ยแคว้นหนันเยวียนกับเฉินผิง อันไม่ธรรมดา แล้วก็เพราะมีความสัมพันธ ์ในชั้นนี้อยู่ การประชุมครั้ง ที่สองในเรือนลั่วฮวาที่ดึงเอาจักรพรรดิทั้งสี่ท่านมาร่วมด้วย ทุกคนถึง ได้ปล่อยให้เว่ยแย่นทาตัวเป็ นคนใบ้ตั้งแต่ต้นจนจบ โดยที่พวกเขา บ้างก็รวมเสียงให้เป็ นเส้น บ้างก็ใช ้เสียงในใจพูดคุยกันไปไม่น้อย นี่ เท่ากับว่าพวกเขาตัดขาดความสัมพันธ ์กับแคว้นหนันเยวี่ยนอย่าง สมบูรณ์แล้ว ส่วนเว่ยแย่นก็ถือว่าเก็บอารมณ์ได้ดีมาก ในการประชุม ที่ยาวนานเกือบหนึ่งชั่วยาม ถึงกับมองไม่เห็นความผิดปกติใดๆ จาก บนใบหน้าของฮ่องเต้แคว้นหนันเยวี่ยนผู้นี้เลย
หาไม่แล้ววันนี้เฉินผิงอันที่มาที่นี่ ภายนอกจะมีพันธมิตรอยู่ไม่ น้อย ฮ่องเต้เว่ยแย่น ไท่ซ่างหวงเว่ยเหลียง เด็กสาวชุดคลุมมังกรที่มี ฉายาว่า “เจี่ยเจี่ยว” โจวซูเจินอดีตเจ้าของหอจิ้งหย่าง เพ่ยเซียงแห่ง แคว้นหู และจงเชี่ยน!
นี่ก็มีตั้งหกคนแล้ว
หากยังรวมปรมาจารย์วิถีวรยุทธที่อยู่ในอาณาเขตของ แคว้นหนันเยวี่ยนคนหนึ่งและเทพวารีองค์หนึ่ง บวกกับผู้ฝึกลมปราณ อีกสองคนที่เปิดภูเขาก่อตั้งพรรค สร ้างพื้นที่ประกอบพิธีกรรมเข้าไป ด้วยล่ะ?
ต้องรู ้ว่าคนที่มาเข้าร่วมการประชุมในวันนี้ จานวนรวมแล้วมีไม่ เกินสามสิบสองคนเท่านั้น
กงฮวาไม่มีความลังเลใดๆ นางก้มหัวคารวะตามขนบลัทธิเต๋า แล้วถอยออกไป ไปปรึกษาเกาจวินที่เรือนลั่วฮวา ในเมื่อเฉินผิงอัน เป็ นฝ่ ายลดทอนกาลังฝั่งตัวเองไปเอง ไม่ต้องสนหรอกว่าเขาจะมีที่พึ่ง จึงไม่หวาดกลัวสิ่งใด หรือในสายตาจะไม่เห็นหัวใคร ถึงอย่างไร สถานการณ์ที่ฝ่ ายหนึ่งเพิ่มฝ่ ายหนึ่งลดเช่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่องร ้ายสาหรับ พวกเขาอย่างแน่นอน
จงเชี่ยนเข้ามาในอารามแล้วก็เดินตรงดิ่งมาอยู่ข้างกายเฉินผิง อัน กวาดตามองไปรอบด้าน เขาคร ้านจะสนใจค าวิพากษ์วิจารณ์ ของคนภายนอก เขาเป็ นคนตรงไปตรงมาปากไวไม่ต้องใช ้วิธีการ รวมเสียงให้เป็ นเส้นของผู้ฝึกยุทธก็เปิดปากถามด้วยสีหน้าที่เต็มไป ด้วยแววสงสัยว่า “เจ้าประมุขเกาเสียสติไปแล้วหรือไร? ทาไมถึงจัดที่ นั่งแบบนี้? นี่คือต้องการแสดงออกอย่างชัดเจนว่าจะต่อสู้กันสักรอบ ใครยืนอยู่ถึงคนสุดท้ายคนนั้นก็มีสิทธิ์พูดอย่างนั้นหรือ?”
กงฮวาได้ยินก็หันหน้ากลับมามอง แม้ว่าเกาจวินจะเคยเตือน พวกเขาแล้ว และกงฮวาเองก็รู ้ดีว่ามีโอกาสมากที่จงเชี่ยนบุคคล อันดับหนึ่งบนวิถีวรยุทธในใต้หล้าจะสวามิภักดิ์ต่อภูเขาลั่วพั่วแล้ว แต่พอได้เห็นภาพนี้กับตาตัวเอง นางก็ยังอดรู ้สึกหนักใจไม่ได้
เฉินผิงอันเดินอ้อมไปด้านหลังเก้าอี้ เอาสองมือวางทับซ ้อนกัน นอนฟุบตัวคว่าอยู่บนพนักพิงเก้าอี้อย่างเกียจคร ้าน ผงกปลายคางไป
ทางเก้าอี้ฝั่งทางเหนือ ยิ้มอธิบายว่า “เดิมทีต้องนั่งตรงนั้น แต่ข้าเลือก มานั่งตรงนี้เองโดยพลการ”
จงเชี่ยนพยักหน้า “แบบนี้ค่อยฟังขึ้นหน่อย ทาเอาข้าตกใจ หมด”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “อีกเดี๋ยวพอการประชุมเริ่มต้น เจ้าอย่าได้ เปิดปากพูดอะไรล่ะ แค่นั่งเหม่อไปอย่างเดียวก็พอ”
จงเชี่ยนยังคงพยักหน้า “ข้าไม่ได้โง่เสียหน่อย ต้องแกล้งโง่ไม่ ช่วยใครสักคนแน่นอนหลีกเลี่ยงไม่ให้วางตัวไม่ถูก วันหน้าถึงอย่างไร ก็ยังต้องแวะมาที่นี่บ่อยๆ รสชาติของการเป็ นหนูวิ่งผ่านถนนผู้คนพา กันไล่ตีนั้นไม่ดีเลย เว้นเสียจากว่า…”
กล่าวมาถึงตรงนี้ จงเชี่ยนก็ยิ้มกว้างหัวเราะอย่างโง่งม
เฉินผิงอันรับคาต่อว่า “เว้นเสียจากว่าเรียนวรยุทธชั้นเลิศได้ สาเร็จ บุคคลอันดับหนึ่งในใต้หล้าสามารถทิ้งระยะห่างกับบุคคล อันดับสองในใต้หล้าได้ระยะใหญ่ อย่างน้อยก็คือไม่กล้าแทงข้างหลัง เจ้าต่อหน้า หรือหากจะนินทาเจ้าลับหลังก็ยังต้องชั่งน้าหนักถึง ผลลัพธ ์ที่จะตามมาจากการพูดมากก็ผิดมาก”
จงเชี่ยนถาม “บนภูเขาของพวกเรามีตาราลับวิชาหมัดประเภทนี้ ไหม?”
เฉินผิงอันยิ้มตาหยี “เจ้าลองไปถามลูกศิษย์ใหญ่เปิดภูเขาของ ข้าดูได้ ตอนเด็กนางก็มีความคิดเหมือนเจ้า เจอใครก็ชอบถามเขา
ว่ามีคนใจดีที่สามารถถ่ายทอดกาลังภายในหกสิบปี ร ้อยปี ให้นาง หรือไม่ มีตาราลับในยุทธภพที่สามารถทาให้นางไร ้คู่ต่อสู้ภายในค่า คืนเดียวหรือไม่”
จงเชี่ยนหัวเราะหึ การเรียนวรยุทธฝึกหมัดล้วนเป็ นการตรากตรา ฝึกฝนอย่างยากล าบาก ใต้หล้านี้ไหนเลยจะมีเรื่องดีที่ได้ผลประโยชน์ มาง่ายๆ เช่นนี้ อยู่บนภูเขาลั่วพั่วนานวันเข้าก็รู ้ว่าหากไม่พูดถึงมรรค กถาตระกูลเซียนที่มีเส้นทางลัดนับร ้อยนับพันเส้นให้เดินพูดถึงแค่ วิถีวรยุทธ ระหว่างใต้หล้าไพศาลกับพื้นที่มงคลบ้านเกิดก็ไม่ได้ ต่างกันสักเท่าไร ได้แต่ค่อยๆ ขัดเกลาเรือนกายไปทีละนิด ความต่าง เพียงหนึ่งเดียวของสองสถานที่นี้บางทีอาจอยู่ที่ว่ามีอาจารย์คอยช่วย ชี้แนะและป้ อนหมัดให้หรือไม่ ส่วนตาราหมัดและกระบวนท่าทั้งหลาย แม้จะมีข้อพิถีพิถันอยู่ก็จริง แต่พ่อครัวเฒ่าก็พูดได้ดี หากจิตใจยังไป ไม่ถึงขั้นปณิธานหมัดก็ไม่มีทางบริสุทธิ์ไปได้ ความนัยในประโยคนี้ก็ คือด่าเขาจงเชี่ยนว่าเป็ นเศษสวะที่ดีแต่กินดื่มรอความตายไปวันๆ นี่ ไม่ใช่เรื่องสาคัญอะไรเลย ขอแค่พ่อครัวเฒ่าอย่างเจ้าท ากับข้าวอร่อย ข้าก็จะอยู่รอกินให้เจ้าดู
สมาชิกที่จะเข้าร่วมการประชุมทยอยกันมาถึงสถานที่แห่งนี้
หนึ่งในนั้นก็คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งศาลเถื่อนทางชายแดนแคว้นเป่ย จิ้นที่มีรูปลักษณ์เป็ นหญิงชราเดินเหินไม่สะดวก นางมักจะเดินขา กะเผลกตามความเคยชิน พอเห็นจงเชี่ยนและมือกระบี่ชุดเขียว หญิง ชราก็มีสีหน้านอบน้อมสารวม คลี่ยิ้มประจบ เป็ นฝ่ ายเอ่ยทักทายจง
เชี่ยนก่อน จงเชี่ยนขมวดคิ้วน้อยๆ ไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ เพียงแค่รวม เสียงให้เป็ นเส้นอธิบายเรื่องเล่าบางอย่างเกี่ยวกับหญิงชราผู้นี้ให้เจ้า ขุนเขาบ้านตนฟัง อย่าเห็นว่านางมีรูปโฉมเป็ นหญิงชราหน้าตา เมตตาปราณี แต่แท้จริงแล้วอยู่ที่ภูเขาบ้านตัวเอง นางมีบารมีแผ่ไป แปดทิศ ละเมิดข้อต้องห้ามของศาลเทพภูเขาแทบทุกเรื่อง พูดถึงแค่ ระดับความสูงของเทวรูปร่างทองลงสีของนางก็สูงที่สุดในใต้หล้านี้ แล้ว ถึงขั้นที่ว่าใหญ่โตยิ่งกว่าซานจวินห้ามหาบรรพตและเทพวารี ประจาแม่น้าลาคลองของแต่ละแคว้นด้วย ยึดครองสายแร่ทองคาสาย หนึ่งที่ยังไม่ถูกขุดพบ เป็ นเหตุให้ “ร่างทอง อย่างสมชื่อร่างหนึ่งต้อง สิ้นเปลืองทองคาไปเป็ นจ านวนนับไม่ถ้วน หญิงชราควบคุมลูกน้อง ใต้อาณัติอย่างเข้มงวดทารุณ เลี้ยงผีร ้ายกลุ่มใหญ่ไว้เป็ นเสมียนใน จวน แม้กระทั่งถังเถี่ยอี้ก็ยังต้องเคารพนางอยู่หลายส่วน เล่าลือกันว่า ในอดีตมีท่านเทพอภิบาลเมืองที่อยู่ในจังหวัดใกล้เคียงได้นาพาขุน นางของศาลเทพอภิบาลเมืองกลุ่มใหญ่ซึ่งมีเทพท่องราตรีเป็ นหนึ่งใน นั้นไปเอาเรื่องนางถึงศาลเทพภูเขา ผลคือเพียงไม่นานก็ต้องเปลี่ยน เทพอภิบาลเมืองคนใหม่มารับตาแหน่งที่ว่างอยู่ เห็นได้ชัดว่ามีจุดจบ ที่ได้แต่ไปไม่ได้กลับมา หากไม่เป็ นเพราะชื่อเสียงของหญิงชราบน ภูเขาเลวร ้ายเกินไป ค าวิพากษ์วิจารณ์ในราชส านักแคว้นเป่ยจิ้นมีอ ยู่ไม่น้อย ป่ านนี้ถังเถี่ยอี้ก็คงแต่งตั้งนางให้เป็ นหนึ่งในซานจวินห้าม หาบรรพตประจ าแคว้นไปแล้ว
หญิงชราเดินไปทางนอกอาราม ออกจากประตูใหญ่ไปแล้วก็ ทะยานลมไปที่เกาะอวี้จานและเกาะหลัวไต้ ไปเรียกหาเทพภูเขาคน หนึ่งที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างถูกต้องของแคว้นซงไล่และผู้ฝึ ก ลมปราณผีตนหนึ่งที่สนิทสนมคุ้นเคยกัน ฝ่ ายหลังมีฉายาว่า “เถา เจ่อ” ก่อนหน้านี้เคยเข้าร่วมงานเลี้ยงสุราบนเสื่อไม้ไผ่ของ “เจี่ยเจี่ยว’ เด็กสาวสวมชุดคลุมมังกรพร ้อมกับหญิงชรา ส่วนเทพภูเขาแคว้นซง ไล่ก็เป็ นเกาจวินที่กลับพรรคหูซานมาในครั้งนี้ได้เสนอแนะต่อฮ่องเต้ หนุ่ม ให้เลือกภูเขาทายาทลูกหนึ่งให้กับซานจวินห้ามหาบรรพต เขา จึงได้เลื่อนขั้นกลายเป็ นเทพภูเขาของภูเขาทายาทคนแรกใน ประวัติศาสตร ์ของพื้นที่มงคลเหตุการณ์ฉุกละหุก อยู่ดีๆ ก็ได้เลื่อน ตาแหน่งเทพในวงการขุนนางภูเขาสายน้า และการประชุมที่ทะเลสาบ ชิวชี่ในครั้งนี้ เนื่องจากซานจวินของห้ามหาบรรพตเล็กในแคว้น ต่างๆ ล้วนถูกผลักให้อยู่นอกวง จึงไม่มีซานจวินคนใดมาหาเรื่องใส่ ตัวที่ทะเลสาบชิวซี่ กลายเป็ นว่าทาให้เขาได้เก็บตกของดีครั้งใหญ่ ได้มาเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย
แต่นอกจากสมาชิกสองคนที่มาทดแทนตาแหน่งว่างซึ่งหญิงชรา เรียกตัวมาแล้ว คนที่มายังอารามต้ามู่ด้วยกันยังมีผู้ฝึกตนหญิงเพียง หนึ่งเดียวที่เฉินผิงอันเคยเห็นผ่านตาจากใน “บทสาวงามบนโลก มนุษย์” ซุนหว่านแย่น ฉายา “หลิงฝู” นางสวมกระโปรงผ้าแพรต่วน ตัวยาวสีเดียว บนนิ้วก้อยสวมปลอกนิ้วยาว นางกวาดตามองไปทั่ว ลานกว้างแวบหนึ่งก็เดินตรงดิ่งไปยังเก้าอี้ที่แกะสลักเป็ นรูปดอกไม้
และนก และนางเองก็ไม่รีบร ้อนนั่งลง สตรีที่เดิมทีก็เรือนกายอรชร อ้อนแอ้นพอก้มหัวค้อมเอว ส่วนเว้าส่วนโค้งก็พลันปรากฏเด่นชัด บุรุษหลายคนฝังตรงข้ามอดไม่ไหวเหลือบมองแผ่นหลังของนางอยู่ หลายที ผ้าแพรต่วนลื่นนุ่ม ใส่ก็เหมือนไม่ได้ใส่ กลับยิ่งแสดงถึงความ กลมกลึงให้เห็นอย่างชัดเจน
นางไม่รู ้ตัวเลยสักนิด ยังคงค้างอยู่ในท่าที่ยั่วยวนใจคนเช่นนี้ ตวัดนิ้วใช ้ปลอกเล็บกรีดผ่านลายดอกไม้และนกไปเบาๆ ประหนึ่งการ ใช ้นิ้วแต้มนัยน์ตามังกรเหมือนอย่างที่กล่าวไว้ในตาราเรื่องเล่า ประหลาด พริบตานั้นก็มีนกตัวหนึ่งบินพุ่งออกมาจากแผ่นไม้ ส่งเสียง ร ้องจิ๊บๆ ใสกังวานเสนาะหู นางหมุนตัวกลับ นั่งลงบนเก้าอี้ นกตัวนั้น ก็มาเกาะอยู่เหนือเนินอกของนาง นางยื่นมือไปลูบขนของมันเบาๆ
เฉินผิงอันยังคงนอนฟุบตัวอยู่บนพนักพิงเก้าอี้ เพียงแค่ยิ้มเตือน จงเชี่ยนที่ตามองไม่กะพริบว่า “โชคดีที่เจ้าไม่ใช่ผู้หลอมลมปราณ ไม่อย่างนั้นเพียงแค่มองครั้งนี้ก็ถูกช่วงชิงจิตวิญญาณส่วนหนึ่งไปได้ แล้ว นี่คือข้อห้ามใหญ่หลวงของการฝึกตน”
จงเชี่ยนกิ่งเชื่อกึ่งกังขา “ประหลาดขนาดนี้เชียว? คือเวทคาถา อะไร?”
เฉินผิงอันส่ายหน้า “คือวิธีตรงกันข้ามกับวิชาเฝ้ าหนึ่งของการ เดินขึ้นเขา”
ดวงตาคลอประกายน้าของนางมองมาทางมือกระบี่ชุดเขียว “สหายมีความรู ้กว้างขวาง ไม่ทราบว่ามาจากส านักใด มีฉายาว่า อะไร”
สายเซียนกระบี่ของพรรคหูซาน? ดูเหมือนว่านอกจากนี้แล้วบน โลกมนุษย์ก็ไม่มีผู้ฝึกลมปราณที่กล้าเรียกตัวเองว่าเซียนกระบี่พสุธา
อย่างภาคภูมิใจอีก เฉินผิงอันแสร ้งท าเป็ นไม่ได้ยิน |
ซุนหว่านแย่นผู้นี้ ไม่แน่ว่าอาจเป็ นผู้ฝึกลมปราณสายยันต์คน แรกของพื้นที่มงคล แต่ตอนนี้นางยังขาด “คัมภีร ์ตระกูลเซียน” ไป เล่มหนึ่ง
เฉินผิงอันเพียงแค่สังเกตปัญญาชนวัยกลางคนคนหนึ่งที่ที่นั่ง ค่อนข้างอยู่ใกล้กับตนอย่างละเอียด ร่างทองบริสุทธิ์ แต่ตาแหน่งเทพ ไม่สูง การที่เฉินผิงอันใส่ใจถึงเพียงนี้เพราะอีกฝ่ ายมีสถานะที่ถูกอา พรางไว้ซึ่งมิอาจดูแคลนได้
เกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ร่างทององค์แรกบนโลกมนุษย์ของที่แห่งนี้ ซึ่งไม่ได้รับการแต่งตั้งอย่างถูกต้องจากทางราชส านัก แต่กลับเปิด เนตรสวรรค์ได้ด้วยตัวเอง ใช่คนในท้องถิ่นของพื้นที่มงคลรากบัว หรือไม่ หลายปี มานี้เป็ นที่ถกเถียงกันไม่น้อย ยังไม่ได้ข้อสรุป ถึง อย่างไรราชส านักของแต่ละแคว้นต่างก็พูดกันว่าเป็ นการเผยตัวของ สิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาสลายน้าบางองค์หรือไม่ก็เป็ นเทพอภิบาลเมือง
บางท่านของบ้านตัวเอง ทว่าต่อให้เป็ นเกาจวินก็ยังไม่กล้ายืนยันว่า สรุปแล้วเป็ นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของศาลเถื่อนองค์ใดกันแน่ที่ได้รับการบูชา จากควันธูป เมื่อควันธูปอาบย้อมร่างทองจึงแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ ออกมาให้เห็น