กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1076.1 รู ้แต่แรกแล้วว่าพวกเจ้าเข้าใจผิดเพราะค าว่า เซียน
- Home
- กระบี่จงมา! Sword of Coming
- บทที่ 1076.1 รู ้แต่แรกแล้วว่าพวกเจ้าเข้าใจผิดเพราะค าว่า เซียน
ถูกห้อมล้อมไปด้วยเหล่าผู้กล้า ตัวเองมีแค่ตัวคนเดียวเพียง ล าพัง แต่กลับยังเป็ นฝ่ ายเชื้อเชิญให้ทุกคนดาหน้าเข้ามาพร ้อมกัน? จะถามมรรคา ถามกระบี่ล้วนตามแต่ใจ
เฉินผิงอันเอ่ยประโยคนี้ออกมา ทั่วทั้งอารามต้ามู่ก็สัมผัสได้ถึง ปราณสังหารดุดันเข้มขันทันที
เจ๋อเซียนเด็กหนุ่มที่สวมชุดขาวในอดีต ทุกวันนี้อยู่ในรูปโฉม ของมือกระบี่ชุดเขียววัยกลางคนคลี่ยิ้มบางๆ ประดับใบหน้า น้าเสียง เนิบช ้า บนใบหน้าไม่มีสีหน้าดุร ้ายเลยแม้แต่น้อย กลับกันยังเยือก เย็นไม่สะทกสะท้าน…เหมือนอาจารย์ในโรงเรียนที่กาลังอบรมสั่งสอน เด็กน้อยเกเรซุกซนว่า อีกเดี๋ยวจะต้องตั้งใจท่องตารา ไม่อย่างนั้น จะต้องลุกขึ้นมาโดนตีแล้ว
สีหน้าของโจวซูเจินแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย นางแค่หวังว่าจะ อาศัยโอกาสที่เจียงเฉวียนมาแก้แค้นถึงที่แสดงอานาจข่มขวัญเฉิน ผิงอันสักหน่อย เพื่อให้เป็ นนิมิตหมายที่ดีสาหรับการประชุมในวันนี้ แน่นอนว่าราคาที่พวกเขาต้องจ่ายย่อมต้องสูงมาก
เจี่ยงเฉวียนที่มาแก้แค้นที่นี่ต้องตายอย่างมิต้องสงสัย
โจวซูเจินเองก็คิดว่าตัวเองต้องตายเช่นเดียวกัน ส่วนจะกายดับ มรรคาสลาย จิตวิญญาณแหลกลาญไปนับแต่นี้หรือไม่ ก็ต้องดูว่าอีก ฝ่ ายจะลงมือหนักหรือเบา จะฆ่าคนหรือไม่ จะยินดีให้นางตายหรือไม่ แล้ว
โชคชะตาของนาง ไยจะไม่ใช่โชคชะตาของใต้หล้าเล่า? คนเขา เป็ นมีดและเขียง ตัวข้าเป็ นเพียงเนื้อปลา วิถีทางโลกดีหรือร ้าย โชค และเคราะห์ คุณูปการและโทษทัณฑ์ ล้วนขึ้นอยู่กับมือคนอื่นเขา ทั้งสิ้น!
แต่นางไม่ต้องการให้การประชุมที่มีนางเป็ นตัวเปิดที่ดี ช่วยให้ พวกเกาจวินได้ช่วงชิงความได้เปรียบมาไว้ในมือกลายมาเป็ นการรุม ต่อสู้คล้ายกับพวกนักเลงในหมู่ชาวบ้านที่ตะลุมบอนกัน นี่ไม่มี ประโยชน์ใดๆ ต่ออนาคตของใต้หล้าแห่งนี้ ได้แต่บีบให้ภูเขาลั่วพั่ว ลงมืออามหิตเท่านั้น ไม่เหลือพื้นที่ให้ถอยหลังกลับอีกแม้แต่น้อย หากกลายเป็ นสถานการณ์เช่นนี้เมื่อไหร่ เฉินผิงอันกับภูเขาลั่วพั่วก็ จะมีเหตุผลให้เปิ ดฉากสังหารครั้งใหญ่ และนางก็จะกลายมาเป็ น ตัวการร ้ายที่ทาให้เลือดไหลนองแผ่นดิน สถานการณ์เช่นนี้ไม่ใช่สิ่ง ที่นางต้องการเลย!
เฉานี่ยิ้มเอ่ย “ข้าแค่ชินกับการประลองฝี มือกับผู้อื่นตัวต่อตัว เท่านั้น ไม่ชินกับการร่วมมือกับใคร อีกเดี๋ยวหากเป็ นการตะลุมบอน ข้าก็คงไม่ลุกขึ้นยืนแล้ว”
เฉินผิงอันผายฝ่ ามือข้างหนึ่งไปทางหน้าประตูของอาราม ยิ้ม บางๆ เอ่ยว่า “เจียงเฉวียน เจ้าไม่อยากถ่วงรั้งเวลาการประชุมให้นาน เกินไปนัก ข้าเองก็เช่นกัน รีบคุยให้เสร็จรีบกลับบ้าน รีบชักดาบออก จากฝักเถอะ”
ภายใต้สายตาจับจ้องมองมาของคนมากมาย เจียงเสินจื่อที่ถูก คนทั้งใต้หล้ามองว่าวิชาดาบอยู่ในสามอันดับแรกได้อย่างมั่นคง มือ ข้างที่ชักดาบเกร็งจนเส้นเอ็นปูดโปนตาแหน่งที่ปรมาจารย์หนุ่มยืน อยู่ถูกลมพายุที่ไหลกรากออกมาจากร่างของเขาชัดให้กระเพื่อมไหว ชายแขนเสื้อสองข้างส่งเสียงสะบัดดัง ฝุ่ นบนพื้นประหนึ่งริ้วน้าที่แผ่ กระเพื่อมออกไปข้างนอกเป็ นชั้นๆ
พลังอ านาจของปรมาจารย์ไม่อ่อนด้อยจริงๆ
เพียงแต่ว่าไม่นานก็มีคนมองเบาะแสออก เจ้าเจียงเสินจื่อใช ้เวลา ตั้งท่า ใช ้เวลาเรียกกระบวนท่าไม้ตายวิชาดาบนานขนาดนี้? เป็ น เพราะเกิดใจขลาดกลัว นึกอยากจะถอยหนีแล้ว?
หรือจะบอกว่าวิชาดาบที่เป็ นท่าไม้ตายเป็ นกระบวนท่าที่ โหดเหี้ยมอามหิต หากลงมือก็จะสามารถตัดสินแพ้ชนะหรือไม่ก็ ตัดสินเป็ นตายได้ทันที? ดังนั้นจึงอยากจะหาช่องโหว่ของปณิธาน หมัดของเซียนกระบี่เฉินให้เจอ?
เฉินผิงอันพูดกับเจี่ยงเฉวียนจบก็หันหน้าไปมองเฉานี่ พูดด้วยสี หน้าปราณีว่า “ในเมื่อลุกขึ้นยืนแล้ว ไฉนยังต้องเกรงใจกันอีก เจ้าว่า อย่างไร เฉานี่?”
เฉานี่ยิ้มรับ เพียงแต่ว่าเมื่อเฉานี่คิดอยากจะนั่งกลับลงไปอีกครั้ง กลับค้นพบด้วยความตะลึงพรึงเพริดว่าตนท าไม่ได้แม้แต่จะงอเข่า!
ลมปราณแท้จริงที่บริสุทธิ์ในร่างกายโคจรได้อย่างไร ้อุปสรรค สองมือก็สามารถขยับเคลื่อนได้ตามใจ มีเพียงสองขาที่…ขยับเขยื้อน ไม่ได้!
ฉวยโอกาสช่วงที่เฉินผิงอัน “คุยเล่น” อยู่กับคนอื่น ไหวเซี่ยก็หัน ไปมองทางเกาจวินที่นั่งอยู่ในต าแหน่งประธานด้วยสายตาสอบถาม เจียงเสินจื่อที่จะมาแก้แค้นเฉินผิงอันหรือควรจะพูดว่าผีเจี่ยงเฉวียนผู้ นี้ เป็ นเงื่อนงาที่พรรคหูซานของพวกเจ้าปูเอาไว้ใช่หรือไม่
เกาจวินส่ายหน้า ครั้งนี้เจี่ยงเฉวียนเผยกายที่ทะเลสาบชิวชี่ ตน ไม่รู ้เรื่องมาก่อน แม้กระทั่งชื่อว่าเจี่ยงเฉวียนนี้นางก็เพิ่งเคยจะได้ยิน เป็ นครั้งแรก
กลับเป็ นชื่อกู้หลิงนี้ที่เกาจวินพอจะมีความทรงจาอยู่บ้าง ตอน นั้นในศึกล้อมสังหารเจ๋อเซียนที่เมืองหลวงแคว้นหนันเยวี่ยน ดู เหมือนนางอยากจะชิงความมีหน้ามีตาจึงมาขวางทางเฉินผิงอัน
ถังเถี่ยอี้ตกใจไม่น้อย ผู้ฝึกยุทธที่แย่งชิงบัลลังก ์วางดาบพาดไว้ บนหัวเข่าผู้นี้ยื่นมือไปลูบคล าฝักดาบตามจิตใต้ส านึก หันหน้าไป
มองอดีตเจ้าหอจิ้งหย่างที่ยังมีสถานะเป็ นผู้ฝึกยุทธคนนั้น โจวซูเจิน กินยาผิดสาแดงหรือไร ไฉนนางถึงได้ทาอะไรโดยใช ้อารมณ์เช่นนี้ เจี่ยงเฉวียนมาท้าทายเฉินผิงอันอย่างเปิ ดเผย ถึงอย่างไรก็เพื่อ ต้องการแก้แค้น ยังพอจะมีเหตุผลอยู่บ้างหลายส่วน เขาบุกเดี่ยวมา อย่างนี้ ตายแล้วก็หมดเรื่องกันไป ทว่าแคว้นหนันเยวี่ยนกับหอจิ้ง หย่างไม่มีขา เดินไปไหนไม่ได้ ไม่กลัวว่าจะเดือดร ้อนไปถึงชะตา แคว้นและกิจการบ้านเรือนท าให้โดนภูเขาลั่วพั่วคิดบัญชีย้อนหลังไป พร ้อมกันหรือไร?
ถังเถี่ยอี้เบนสายตาไปมองตาแหน่งเก้าอี้ของเว่ยเหลียงและเด็ก สาวเจียวทะเลสาบที่มีฉายาว่า “เจี่ยเจี่ยว” ซึ่งขาดการประชุม กะทันหัน เก้าอี้สองตัวที่อยู่ติดกันเปลี่ยนคนนั่งไปแล้ว นี่เป็ นเพราะ เฉินผิงอันกับภูเขาลั่วพั่วสัมผัสได้ถึงความผิดปกติมาก่อนล่วงหน้าก็ เลยชิงลงมือก่อนใช่หรือไม่?
การประชุมในเรือนลั่วฮวาเมื่อคืน ฮ่องเต้อย่างพวกเขากับซานจ วินห้ามหาบรรพตใหญ่ได้ข้อสรุปคร่าวๆ ถือว่าเป็ นความเห็นพ้อง ต้องกันอย่างหนึ่ง
ภูเขาลั่วพั่วที่มีฐานะเป็ น “ดินแดนเบื้องบน” ซึ่งเป็ นเจ้าของพื้นที่ มงคล เฉินผิงอันจ าเป็ นต้องยอมรับในการตัดสินใจเองของใต้หล้า แห่งนี้ ยินดีลงนามในสัญญาภูเขาสายน้าบนหน้ากระดาษกับพวก เขา อีกทั้งระยะเวลาที่กาหนดไว้อย่างน้อยที่สุดก็ต้องสามร ้อยปี มี สัญญาที่เขียนด้วยอักษรดาบนกระดาษขาว วันนี้ทั้งสองฝ่ ายถึงจะ
เจรจากันได้ ตามมติที่ประชุมของเรือนลั่วฮวาเมื่อคืนวานนี้ วันนี้ก็จะ ให้เกาจวินแห่งพรรคหูซานบุคคลอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าในนามเป็ น คนเสนอเรื่องนี้ “สร ้างความลาบากใจ” ให้กับภูเขาลั่วพั่วของเฉินผิง อัน
เฉิงหยวนซานทั้งตกตะลึงทั้งนับถือคาพูดของเฉานี่ที่อยู่ข้างกาย คิดไม่ถึงว่ามือกระบี่ที่พูดไม่เก่งผู้นี้จะมีความห้าวหาญหยิ่งทระนงได้ ถึงเพียงนี้ ไม่ใช่คาพูดห้าวเหิมที่ออกมาจากปากง่ายๆ แต่เป็ นการ เดิมพันวรยุทธและชื่อเสียงในยุทธภพไปอย่างไม่เสียดาย ดูสิดู จนถึง ตอนนี้เฉานี่ก็ยังไม่นั่งลง ยังยืนนิ่งอยู่อย่างนี้ ช่างสมกับเป็ นวีรบุรุษ จริงๆ!
เฉานี่ที่อยู่ในยุทธภพมีชื่อเสียงเรื่องความรักสันโดษมาโดย ตลอด ทั้งไม่เปิดขุนเขาก่อตั้งพรรครับลูกศิษย์ แล้วก็ไม่ชอบประลอง วรยุทธกับใคร ยิ่งชอบที่จะอยู่ตามลาพังมากกว่าปิดบังชื่อแซ่ท่องอยู่ ในยุทธภพ ขึ้นเขาท่องไปตามลาน้า ไม่เหมือนกับยอดฝีมือที่เลื่อน เป็ นหนึ่งในสี่ปรมาจารย์ใหญ่เลยสักนิด แต่กลับเหมือนลูกศิษย์ลัทธิ ขงจื๊อที่ไม่มีใจแสวงหาชื่อเสียงและลาภยศมากกว่า บวกกับที่เฉานี่ ถือว่าประสบผลสาเร็จด้านวรยุทธในตอนที่อายุมากแล้ว ดังนั้นเมื่อ ตัวเลือกปรมาจารย์ที่หอจิ้งหย่างเลือกออกมามีเฉานี่ติดหนึ่งในนั้น คนในยุทธภพจึงสับสนมึนงงกันค่อนข้างมาก
“อวี๋เซียน” แห่งพรรคหูซานที่ฝึกวิชาแห่งการหล่อหลอม เปลี่ยน จากคนแก่ไปเป็ นเด็กผู้นั้นได้บรรลุมรรคาบินทะยานออกไปจากโลก
มนุษย์แล้ว เจ้าลัทธิมารอย่างลู่ไถที่เป็ นไม้เบื่อไม้เมากับเขาก็หายไป อย่างไร ้ร่องรอยเช่นเดียวกัน
เมื่อเป็ นเช่นนี้ หากต้องการถามมรรคา ยืนยันให้แน่ชัดว่าตบะ ของเซียนในภูเขาสูงหรือต่า วิชาอภินิหารเป็ นเช่นไร ก็ท าได้เพียง ต้องไปงัดข้อกับเกาจวินแห่งพรรคหูซานเท่านั้น
ในเมื่อเฉานี่เรียกตัวเองว่ามือกระบี่ด้วยความภาคภูมิใจ อยากจะ รู ้ว่าเชียนกระบี่พสุธาเป็ นอย่างไรกันแน่ บังเอิญกับที่มีการประชุมครั้ง นี้เกิดขึ้นพอดี ตามหาใครก็ไม่สู้มาหาเซียนกระบี่เฉินที่เคยสังหารติง อิงเองกับมือผู้นี้ นี่เป็ นเรื่องที่สมเหตุสมผลอย่างถึงที่สุดแล้ว
เฉิงหยวนซานถึงขั้นสงสัยว่าหากเฉินผิงอันไม่ปรากฏตัวเสียที อย่างมากผ่านไปอีกแค่ไม่กี่ปี เฉานี่ก็จะไปเยือนพรรคหูซานแน่นอน
ยุทธภพร ้อยปี ผู้ฝึกยุทธสามคนที่พอจะถือว่าเป็ นคนรุ่นเดียวกัน ได้ เล่าลือว่าโจวซูเจินแห่งหอจิ้งหย่างที่มีอายุสูงถึงร ้อยปี เฉานี่ที่อายุ น้อยกว่าจังชิว แต่อายุใกล้เคียงกับถังเถี่ยอี้ เจียงเสินจื่อที่ลุกผงาด ขึ้นมาในภายหลัง ต่างก็ไม่ลงรอยกับเซียนกระบี่เฉินทั้งสิ้น
นี่จะหมายความว่า “ล่างภูเขา” ที่โลกมนุษย์ถูกเปลี่ยนใหม่ ยุทธ ภพของผู้ฝึ กยุทธไม่มีโอกาสที่จะร่วมมือกับภูเขาลั่วพั่วได้เลยใช่ หรือไม่?
บวกกับการโต้กลับอย่างไม่มีใครยอมใครของเซียนกระบี่เฉิน ไม่ ยอมถอยให้แม้แต่ก้าวเดียว เป็ นเหตุให้วันนี้ยังไม่มีการประชุม บรรยากาศก็ตึงเครียดมากพอจะท าให้คนหายใจไม่ออกแล้ว
บรรยากาศในอารามต้ามู่พลันเปลี่ยนมาเป็ นแปลกประหลาด คลื่นใต้น้าก่อตัว
จ้าวจวี้หรานซานจวินแห่งขุนเขาตะวันออกที่สวมชุดสีเขียวสวม เสื้อเกราะสีทองมีบารมีน่าเกรงขามทั้งที่ไม่แสดงความโกรธ “การ ประชุมได้เริ่มขึ้นแล้ว มติการประชุมในวันนี้ได้มีข้อสรุปมานานแล้ว เจี่ยงเฉวียนอยากจะแก้แค้นก็ควรต้องรอให้การประชุมจบก่อน”
เจิ้งเฟิ่งโจวซานจวินแห่งขุนเขากลางพยักหน้า “กฎระเบียบที่ สมควรมีก็ยังต้องมี”
โจวซูเจินแสร ้งทาเป็ นตกตะลึง “เพิ่งจะเริ่มการประชุมเองไม่ใช่ หรือ? ท าไมมติการประชุมในวันนี้ถึงได้ข้อสรุปแล้วล่ะ? หรือว่าเป็ น เนื้อหาที่ซานจวินทั้งห้าท่านปิดประตูตกลงกันเรียบร ้อยแล้ว?”
อู๋แชว่หลุดหัวเราะพรีด ผู้เฒ่าผมขาวนั่งด้วยท่าเอาสองมือค้ายัน ดาบ “ก็ไม่รู ้ว่าคนบุ่มบ่ามในยุทธภพอย่างพวกเรามานั่งทาอะไรที่นี่ แค่มาร่วมวงให้ครบจานวนเท่านั้นหรือ?”
ซานจวินแห่งขุนเขาเหนือที่สวมชุดคลุมขนนกกระเรียนในมือถือ แส้หยกอย่างอวี้เตี๋ยซ่างเหรินเปลี่ยนมือที่ถือแล้ปัดฝุ่ น กลางอากาศมี ประกายแสงไหลริน ร่องรอยการขยับเคลื่อนของแส้ปัดฝุ่ นค้างอยู่เนิ่น
นานไม่สลายหายไป เขายิ้มบางๆ เอ่ยว่า “จะร ้อนใจไปไย หากไม่มี เจียงเสินจื่อมาก่อกวน สอดเท้าเข้ามาแทรก เวลานี้เจ้าประมุขเกาก็ ควรจะประกาศก าหนดการการประชุมแล้ว จะปล่อยให้เจ้าขุนเขาเฉิน เข้าใจผิดว่าพวกเรามีแต่พวกมุทะลุไม่รู ้มารยาทไม่ได้นะ”
พวกคนบุ่มบ่ามชั้นล่างที่พอจะเป็ นวิชาการต่อสู้นิดหน่อยก็ใช ้ ฝีมือละเมิดกฎกลุ่มนี้ช่างหยาบช ้ากันจริงๆ ดีแต่จะเข่นฆ่ากัน สมควร เสียที่ไหน
ซานจวินขุนเขาตะวันตกที่มีรูปโฉมเป็ นบัณฑิตยิ้มตาหยี “อวี้เตี้ย ซ่างเหรินพูดแบบนี้ไม่เหมาะสมเลยนะ ง่ายที่จะทาให้คนกันเองเข้าใจ ผิดคิดว่าขุนเขาตะวันออกแอบไปสวามิภักดิ์ต่อเจ้าขุนเขาเฉินลับ หลังพวกเรา จะท าให้คนเสียขวัญก าลังใจเอาได้”
อวี้เตี้ยซ่างเหรินแค่นเสียงหยัน ก็มีแต่เจ้าซ่งไหวเป้ านี่แหละที่รู ้จัก วางตัวเป็ นคน ข้าอยากจะรู ้นักว่าเมื่อภูเขาลั่วพั่ว “ยกทัพใหญ่มา ประชิดชายแดน” ใต้หล้าของตัวเองต้องเจ็บปวด ขุนเขาตะวันตกจะ ยังมีความหยิ่งทระนงเช่นนี้อยู่อีกหรือไม่
หลังจากที่วันนี้ซ่งไหวเป้ านั่งลง ความสนใจของเขาก็ไปอยู่ที่ตัว ของสาวงามโฉมสะคราญอย่างเพ่ยเซียงและซุนหว่านแย่นอยู่ตลอด มีโชคด้านสาวงามไม่น้อยจริงๆ ไม่เสียแรงที่เดินทางมาในครั้งนี้
ปีนั้นตอนที่ได้พบกับเกาจวิน ใจเขาก็มีเจ้าของแล้ว รู ้สึกว่านางก็ คือคู่บาเพ็ญเพียรที่ตัวเองเลือกไว้แล้ว แต่ว่าการเดินทางมาเยือน
ทะเลสาบชิวชี่ครั้งนี้ ตัวเลือกคู่บาเพ็ญเพียรในใจของเขากลับมีเพิ่ม ค่อนข้างเยอะแล้ว
เพียงแต่ว่าลูกผู้ชายจะได้ใหม่แล้วลืมเก่าได้อย่างไร!
ซ่งไหวเป้ าค่อนข้างจะเสียดายที่สุยโย่วเปี ยนซึ่งว่ากันว่า เปลี่ยนไปฝึกตนเป็ นเซียนกระบี่อยู่ที่ภูเขาลั่วพั่วผู้นั้นไม่ได้มาเข้าร่วม การประชุมในครั้งนี้อยู่บ้าง
เพ่ยเซียงที่เป็ นเจ้าแห่งแคว้นหูหน้าเขียวคล้า นางเดือดดาลไม่ เบา ยื่นมือไปกาที่วางแขนเก้าอี้แน่น จ้องเขม็งไปยังอดีตเจ้าหอจิ้ง หย่างที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
นังโจวซูเจินผู้นี้ทาตัวเป็ นกบฏอย่างไร ้ลางบอกเหตุ เลือกที่จะ เป็ นคนทรยศ เพ่ยเซียงรู ้สึกเหมือนกินแมลงวันตอมอาจมเข้าไป สะ อิดสะเอียด อันอั้นตันใจถึงขีดสุด
หลายปีมานี้แคว้นหูมีความสัมพันธ ์ที่ไม่เลวกับหอจิ้งหยางที่ดูแล รายงานข่าวประเภทต่างๆ และเรื่องวงในของขุนเขาสายน้ามาโดย ตลอด สมุดเล่มที่มอบให้เจ้าขุนเขาเฉินเมื่อคืนวานล้วนเป็ นผลลัพธ ์ จากการที่ทั้งสองฝ่ ายร่วมมือกันเขียนขึ้นมา ถ้าอย่างนั้นเวลานี้เพ่ ยเซียงจะรู ้สึกย่าแย่เพียงใด แค่คิดก็พอจะรู ้ได้ แล้วนับประสาอะไรกับ ที่เพ่ยเซียงยังรู ้สึกเหมือนวัวสันหลังหวะด้วย เพียงแค่เพราะปีนั้นที่ แคว้นหูเป็ นฝ่ ายติดต่อไปหาหอจิ้งหย่างก่อน หลัวฟู่ เม่ยลูกศิษย์ที่นาง ฝากความหวังและให้ความสาคัญมากที่สุดเคยเตือนอาจารย์อย่าง
นางเป็ นการส่วนตัว บอกว่าการร่วมมือกับหอจิ้งหย่าง ทางที่ดีที่สุด ควรให้หมดจดตรงไปตรงมา ยกตัวอย่างเช่นว่าแคว้นหูจ่ายเงินเกล็ด หิมะซื้อรายงานข่าว เจรจากันเรื่องราคาสาเร็จ ทุกครั้งเงินมาของไป ถือว่าจบกัน อย่าได้พัวพันกันลึกล้าเกินไปนัก แล้วก็อย่าคิดว่าวัน หน้าเมื่อแคว้นหูคลายคาสั่งห้ามเปิ ดประตูแล้วจะสามารถใช ้หอจิ้ง หย่างมาสร ้างความสะดวกสบาย ให้กับตัวเอง ยิ่งอย่าได้คิดจะเก็บ หอจิ้งหย่างมาไว้ในกระเป๋ า ให้กลายมาเป็ น “ภูเขาเบื้องล่าง” ที่พึ่งพา แคว้นหู โดยเฉพาะอย่างยิ่งจาเป็ นต้องสั่งห้ามอย่างเด็ดขาดไม่ให้ผู้ ฝึกตนขอบเขตถ้าสถิตที่ออกไปหาประสบการณ์นอกแคว้นหูและผู้ ปกป้ องมรรคามีการติดต่อใดๆ กับหอจิ้งหย่าง…
พูดไม่ได้ว่าเพ่ยเซียงไม่ฟังค าแนะน าของหลัวฟู่ เม่ยเลย ในการ ประชุมที่ศาลบรรพจารย์ซึ่งแขวนกรอบป้ ายคาว่า ‘โถงชิงชิว’ เอาไว้ เพ่ยเซียงได้เอ่ยมาสองสามประโยค นางพูดประโยคที่ไม่หนักไม่เบา ให้พอเป็ นพิธีไม่กี่คาก็หักลบคาแนะนาของหลัวฟู่ เม่ยไปได้แล้ว ตาม “คาสั่ง” ของเพ่ยเซียงก็คือยามที่ทาการค้าเรื่องรายงานข่าวกับหอจิ้ง หย่าง แคว้นหูของพวเราต้องพิถีพิถันในเรื่องราคาที่เป็ นธรรม พวก เจ้าไม่อาจอาศัยขอบเขตของผู้ฝึกตนวางตัวไร ้มารยาทเมินเฉยต่อ อีกฝ่ าย ต้องระวังเรื่องที่พูดและน้าเสียงที่พูด ผู้ฝึ กตนที่ออกไปหา ประสบการณ์ข้างนอกก็พยายามอย่าได้ติดต่อกับสมาชิกของหอจิ้ง หย่างถี่เกินไปนัก อย่าแพร่งพรายข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับแคว้นหู โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลของใต้หล้าไพศาลที่อยู่ข้างนอก
ส่วนเรื่องที่คิดจะทาให้หอจึงหย่างกลายมาเป็ นภูเขาใต้อาณัติ ของแคว้นหู เพ่ยเซียงมีใจเห็นแก่ตัวอยู่จริงๆ นางรู ้สึกว่าหลังจากเป็ น ผู้ถวายงานศาลบรรพจารย์ของยอดเขาจี้เซ่อแล้วก็ไม่เคยสร ้างคุณ ความชอบใดๆ รู ้สึกไม่สบายใจนัก จึงนึกอยากจะเพิ่มคุณความชอบ นี้ลงไปบนสมุดคุณูปการ เท่ากับว่าช่วยเปิดทางให้กับภูเขาลั่วพั่วใน พื้นที่มงคล เพื่อที่จะให้นางได้นั่งอยู่บนตาแหน่งของเจ้าประมุขแคว้น หูได้อย่างมั่นคง
เพ่ยเซียงไม่ได้โง่
แล้วก็เคยคิดว่าภูตจิ้งจอกที่คุ้นเคยกับขนบธรรมเนียมเดิม พอไป อยู่นอกแคว้นหูก็รู ้สึกแค่ว่าฟ้ าสูงแผ่นดินกว้างใหญ่ไร ้พันธนาการอีก ต่อไป ค าพูดค าจาไร ้ความย าเกรง บางทีอาจท าให้ผู้ฝึกตนในท้องถิ่น ของหอจิ้งหย่างรู ้สึกอคติ ทว่าเจ้าแห่งแคว้นหูที่เคยชั่งน้าหนักผลได้ ผลเสียมาก่อน ไม่ว่าอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าโจวซูเจินจะมีนิสัยแข็งกร ้าว เช่นนี้ และหอจิ้งหย่างเองก็ท าอะไรมุทะลุดันทุรังไม่ฟังใคร
ในความเป็ นจริงแล้วหากจะคิดเล็กคิดน้อยกับการ “หันหอกใส่ พวกเดียวกัน” ของหอจิ้งหย่าง ผู้ฝึกตนแคว้นหูที่เคยชินกับการใช ้ สายตาท่าทางยั่วยวนผู้อื่น คาพูดคาจาไร ้ความย าเกรงต้อง รับผิดชอบแค่ครึ่งหนึ่งเท่านั้น ยังมีอีกครึ่งหนึ่งที่หล่นลงบนหัวของลู่ ไถเจ้าแห่งลัทธิมาร ปีนั้นลู่ไถนาพาพวกลูกศิษย์ไปที่ชั้นบนของหอจิ้ง หย่าง ท่าทางที่ไม่ยี่หระสิ่งใดสูงส่งลึกล้าเกินจะคาดเดา นิสัยแปลก แยกผิดสามัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งลู่ไถที่มองดูเหมือนมีรอยยิ้มสดใส
เต็มใบหน้าแต่แท้จริงแล้วสายตากลับเยียบเย็นดุจน้าแข็ง สายตาที่ มองสรรพสิ่งในโลกเป็ นดั่งมดในรัง ดั่งหุ่นที่ตัวเองชักเชิดไย…ก็ได้ทิ้ง เงามืดไม่น้อยไว้ในใจของโจวซูเจินจริงๆ
ทว่าในบางความหมายแล้ว หากลากเวลาออกไปเป็ นเส้นยาว ถ้า อย่างนั้นแคว้นหูบวกกับลู่ไถ ก็ยังแค่ต้องรับผิดชอบในส่วนเล็กๆ เกือบครึ่งเดียวเท่านั้น
ต้องรู ้ว่าในห้องเก็บตาราของหอจิ้งหย่างมีชั้นหนึ่งที่สมุดแต่ละ เล่มต าราแต่ละเล่มล้วนเอาไว้บันทึกถึงผลงานอันเกริกก้องของ “เจ๋อ เซียนเหริน” จากต่างถิ่นทุกคนในประวัติศาสตร ์โดยเฉพาะ