กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1076.2 รู ้แต่แรกแล้วว่าพวกเจ้าเข้าใจผิดเพราะค าว่า เซียน
- Home
- กระบี่จงมา! Sword of Coming
- บทที่ 1076.2 รู ้แต่แรกแล้วว่าพวกเจ้าเข้าใจผิดเพราะค าว่า เซียน
เป็ นเหตุให้ที่เหลืออีกเกินครึ่งต้องยกให้เป็ นความรับผิดชอบของ เจ๋อเซียนทุกคนที่เคยมาเยือนพื้นที่มงคลดอกบัว เผิงชิงป๋ ายจอมยุทธ พเนจรที่ถูกถังเถี่ยอี้ใช ้ดาบฟันร่างผ่าออกเป็ นสองท่อน ใช่ โจวเฝ ยแห่งตาหนักคลื่นวสันต์ที่รวบรวมสาวงามกลุ่มใหญ่ในโลกมนุษย์มา เลี้ยงดูไว้ดุจนกในกรงทอง ใช่ ลู่ฝ่ างแห่งยอดเขาเหนี่ยวค่าน ใช่ หรือ นานยิ่งกว่านั้น คนที่ปีนั้นถูกอวี๋เจินอี้กับจ้งชิวสองสหายรักร่วมมือกัน สังหาร ทิ้งกระบี่เซียนเล่มหนึ่งเอาไว้ก็ใช่เช่นเดียวกัน ภายในร ้อยปี เป็ นเช่นนี้ เมื่อร ้อยปีก่อน พันปีก่อนก็ยังคงเป็ นเช่นนี้ เจ๋อเซียนทุกคน ที่มองพื้นที่มงคลเป็ นสถานที่ท่องเที่ยว เป็ นสถานที่ที่เอาไว้ขัดเกลา จิตแห่งมรรคา ต่างก็ทิ้งเรื่องราวที่บ้างก็ชั่วร ้ายอื้อฉาว บ้างก็เต็มไป ด้วยสีสันแปลกประหลาดของพวกเขาเอาไว้ในใต้หล้าแห่งนี้ ไฟ สงครามและควันดินปืนที่ลุกลามอย่างไร ้สาเหตุ การแทรกแซงอานาจ ปกครองอย่างกาเริบเสิบสาน มีทั้งเจินเหรินผู้พิทักษ์แคว้นที่ใช ้กอง ก าลังทหารได้อย่างเชี่ยวชาญทั้งยังเรียกลมเรียกฝนได้ มีทั้งสตรีที่มี ชาติกาเนิดจากบ้านป่ าที่เป็ นภัยร ้ายต่อแคว้น ช่วงชิงอานาจตั้งตัว เป็ นราชา เรื่องราวเทพเซียนและตานานในยุทธภพที่มีมากมายนับไม่ ถ้วน….
จงเชี่ยนถอนหายใจเบาๆ อันที่จริงอารมณ์ของเขาไม่ได้ผ่อน คลายนัก
ใต้หล้าบ้านเกิดปะทะกับภูเขาลั่วพั่วที่อยู่เบื้องบน จะต่างอะไรกับ เด็กน้อยตัวผอมแห้งแขนขาเล็กบ้างพุ่งชนกับผู้ใหญ่ที่เรือนกาย แข็งแกร่งก าย า
เพียงแต่ว่าฝ่ ายแรกโชคดีได้มาเจอกับฝ่ ายหลังที่ชอบใช ้เหตุผล ก็เท่านั้น
จงเชี่ยนเคยออกไปข้างนอก อีกทั้งยังอยู่บนภูเขามานานขนาด นั้น ผู้ฝึกยุทธขอบเขตร่างทองที่ทุกวันมองดูเหมือน “ให้ข้าได้นอน เสวยสุข ขอพวกเจ้าอย่าได้มาประคอง” ผู้นี้แท้จริงแล้วกลับคอยฟัง คอยมองและคอยคิดอยู่ตลอด
บางทีคงเป็ นเพราะพ่อครัวเฒ่าเห็นว่าเขารู ้อะไรควรไม่ควร ไม่ได้ โง่จนไร ้ทางเยียวยา มีครั้งหนึ่งที่รับลมชมจันทร ์อยู่ในลานบ้าน ด้วยกัน พ่อครัวเฒ่าก็ให้จงเชี่ยนใคร่ครวญคาถามข้อหนึ่งว่าบ้าน เกิดจะเกิดเหตุพลิกผันได้อย่างไร
จงเชี่ยนเพียงแค่ส่ายหน้าบอกว่าไม่รู ้ขอให้พ่อครัวเฒ่าช่วยบอก ให้ฟังหน่อย จูเหลี่ยนจึงยิ้มเอ่ยว่าระหว่างฟ้ าดินมีปราณวิญญาณ ไหลริน ถึงได้มีผู้หลอมลมปราณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาสายน้า โลกมนุษย์มีโชคชะตาบู๊เพิ่มมา ยุทธภพมีปรมาจารย์วิถีวรยุทธเพิ่ม มากกว่าเดิม และการประทานสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็ นภูเขาลั่วพั่วของพวก
เราที่มอบให้ ไม่ได้บอกว่าไร ้ใจเห็นแก่ตัวอย่างสิ้นเชิง หรือแค่เป็ น กุมารแจกทรัพย์เท่านั้น แต่หากคิดจะทวงหนี้จากพวกเจ้าจริงๆ ถ้า อย่างนั้นมากสุดก็เป็ นการค้าขายที่ “ให้ไปสิบเอาคืนหนึ่ง คืนให้แล้ว ก็มอบให้อีก” แล้วนับประสาอะไรกับที่การ “เอาคืนหนึ่ง” นี้ ส่วนมาก ก็เป็ นวัตถุดิบแห่งฟ้ าดินที่ไร ้เจ้าของ หรือไม่ก็ตัวอ่อนด้านการฝึกตน บางคนที่ยินดีออกจากพื้นที่มงคลแสวงหามรรคาซึ่งถูกเรียกว่า “ต้น กล้าเซียน” และ “วัตถุดิบดิน” เท่านั้น
ตรงหน้าประตูอารามเต๋า เจียงเสินจื่อยังคงค้างอยู่ในท่วงท่า ประหลาดที่จะชักดาบแต่กลับไม่ชักออกจากฝักเสียทีอยู่ตลอด
คนที่ได้รับคาเชิญให้มาเข้าร่วมการประชุมในอารามต้ามู่แห่งนี้ ล้วนเป็ นคนฉลาดและเป็ นคนเก่าแก่ในยุทธภพทั้งสิ้น ในที่สุดพวก เขาก็ทยอยเดาความจริงออก
เจียงเสินจื่อเช่นเขี้ยวเคี้ยวฟันเอ่ย “เซียนกระบี่เฉิน แม้แต่จะให้ ข้าชักดาบ ท่านก็ยังไม่ยอมอย่างนั้นหรือ?”
เฉินผิงอันยิ้มย้อนถาม “ฝีมือไม่เก่งพอ สู้คนอื่นไม่ได้ ยังมีเหตุผล อีกหรือ?”
เฉานี่เอ่ยเสียงเคร่งเครียด “ไฉนเซียนกระบี่เฉินถึงต้องหมิ่น เกียรติผู้อื่นถึงขนาดนี้?!”
“ข้าทั้งไม่ได้ให้เจ้าลุกขึ้นยืน แล้วก็ไม่ให้เจ้านั่งกลับไป เจ้าทาให้ ข้าประหลาดใจก่อน ข้าก็เลยทาให้เจ้าต้องตกตะลึงเล็กๆ น้อยๆ นี่
เรียกว่าการตอบแทนไมตรีให้แก่กัน ไม่ถือว่าเป็ นการหมิ่นเกียรติ อะไร”
เฉินผิงอันไม่ได้หันหน้ากลับไป เขาเพียงแค่เอาสองมือไพล่หลัง มองไปยังเจี่ยงเฉวียน ที่อยู่ตรงหน้าประตู “แน่นอนว่าหากเจ้ารู ้สึกว่า นี่เป็ นการหมิ่นเกียรติ ข้าเองก็ห้ามไม่ได้ ขอแค่เจ้ายอมเปลี่ยนใจ อีก เดี๋ยวหากมีการรุมต่อสู้เกิดขึ้นแล้วเจ้าเฉานี่เข้าร่วมด้วย ข้าก็จะ เปลี่ยนใจให้เจ้าได้ลงนั่งทันทีเหมือนกัน”
หากไม่เป็ นเพราะเจี่ยงเฉวียนมาแก้แค้นถึงที่ ส่วนโจวซูเจินก็ ยอมตายอย่างไม่เสียดายเพื่อชิงความได้เปรียบให้กับใต้หล้าบ้านเกิด ของตัวเอง
เฉินผิงอันก็คิดมาไว้เรียบร ้อยแล้วว่าจะพูดคุยกันให้ชัดเจน จะ อธิบายถึงปัญหาที่ในประวัติศาสตร ์ทิ้งไว้ให้พวกเขาฟังเสียก่อน เพราะถึงอย่างไรการอธิบายหลักการเหตุ “ข้อหนึ่ง” ก็ไม่ได้มีแค่ หลักการเหตุผล “ข้อนี้” เท่านั้น
พื้น ที่ม งคล ดอ กบัวเกลีย ดแค้นพวกเจ๋อเซีย น ที่ม าหา ประสบการณ์ มาเที่ยวเล่น หรือไม่ก็มาก่อกวนสร ้างความวุ่นวาย ให้กับกฎระเบียบของใต้หล้าในประวัติศาสตร ์อย่างลึกล้าเรียกได้ว่า แค้นเข้ากระดูกด า
คนรุ่นก่อนปลูกต้นไม้คนรุ่นหลังได้อาศัยร่มเงา หลักการ เดียวกัน หากคนรุ่นก่อนทิ้งเรื่องเละเทะเอาไว้ คนรุ่นหลังก็ต้องช่วย เช็ดกัน เว้นเสียจากว่าจะไม่รับช่วงต่อมาดูแล
เฉินผิงอันเองก็อนุญาตให้พวกเกาจวินแสดงอ านาจข่มขวัญ ตัวเองได้เต็มที่ ยกตัวอย่างเช่นวางท่าว่าจะซักไซ ้เอาเรื่อง พลิกเปิด บัญชีเก่า เอาเจ๋อเซียนทุกคนที่เคยเป็ นตะพาบชั่วมาเกี่ยวข้องกับ ภูเขาลั่วพั่วบ้านตนก็ไม่เป็ นไร ก็การค้าที่ต้องเจรจากันเรื่องราคานี่นะ ไม่ใช่เรื่องน่าอาย นั่งลงเสนอราคาสูงเทียมฟ้ าต่อรองราคากัน ล้วน เป็ นเรื่องที่สมเหตุสมผลอยู่แล้ว
และเขาเองก็เข้าใจถึงความไม่ยินยอมของโจวซูเจินและหอจิ้ง หย่าง ไม่ยอมที่จะให้สรรพชีวิตของใต้หล้าแห่งนี้เป็ นเหมือนกับ… สินค้าที่บนร่างแปะราคาที่แน่ชัดเอาไว้!
แต่นั่งลงพูดคุยกันดีๆ สองฝ่ ายมีเรื่องอะไรก็ปรึกษากันได้ เรื่อง หนึ่งเจรจากันสาเร็จก็ให้ข้อสรุปอย่างรวดเร็ว เจรจากันไม่ส าเร็จก็วาง ไว้ก่อนชั่วคราว นี่จึงจะเรียกว่าการประชุม
ไม่อย่างนั้นทาไมเขาต้องเดินทางมาที่อารามต้ามู่เพียงลาพัง ให้ จูเหลี่ยนกับโจวอันดับหนึ่งมานั่ง แล้วให้เสี่ยวโม่หรือไม่ก็เซี่ยโก่วนั่ง ลง หลังจากนั้นพวกเจ้าจะอาละวาดโวยวายอย่างไรก็ตามสบาย
อันดับแรกก็หาหน้าม้ามาสักสองสามคน ยกตัวอย่างเช่นเว่ยเหลี ยงไท่ซ่างหวงหรือไม่ก็ใครสักคน ในการประชุมที่พูดไม่เข้าหูกันคา
เดียวก็ลงมือต่อสู้กันอย่างดุเดือด นี่ไม่เรียกว่าตกปลาอะไรแล้ว แต่ เรียกว่ารวบแหมาหมดทีเดียว
ฮ่องเต้สี่คนถูกจับขังรวมกัน ผู้ฝึ กยุทธเต็มตัวถูกจับขังสักสิบ ยี่สิบปี ผู้ฝึกลมปราณและสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาสายน้าก็ถูกจับขังสัก ร ้อยปีหรือหลายร ้อยปี
ขาดพวกเจ้าแค่สามสิบกว่าคนไปเท่านั้น พื้นที่มงคลรากบัวยังคง เป็ นพื้นที่มงคล โลกมนุษย์ก็ยังคงเป็ นโลกมนุษย์อยู่เหมือนเดิมไม่ใช่ หรือ?
ซ่งไหวเป้ าเตะรองเท้าออก ยกขาขึ้นนั่งขัดสมาธิ เขาคือคนที่ไม่ เอาจริงเอาจังที่สุดในบรรดาซานจวินห้ามหาบรรพต
ซานจวินขุนเขาตะวันตกที่เมื่อคืนวานเคยเอ่ยประโยคว่า “กษัตริย์ไม่รักษาความลับย่อมเสียแผ่นดิน คนไม่ปิดความลับ ย่อม เสียชีวิต” ผู้นี้ วันนี้กลายมาเป็ นคุณชายเจ้าสาราญที่มีท่วงท่าเกียจ คร ้านอีกครั้งแล้ว
ไม่เหมือนกับคนอื่นๆ ที่ง่วนอยู่กับการใช ้ความคิด สังเกตการณ์ เพื่อประเมินสถานการณ์ แม้ว่าซ่งไหวเป้ าเองก็ไม่ได้อยู่ว่าง แต่เขา กลับมองตรงนั้นที มองตรงนี้ที รู ้สึกเป็ นบุญตาอย่างยิ่ง
สตรีที่มาเข้าร่วมการประชุมในวันนี้ นอกจากหวังจีเทพภูเขาที่ เป็ นหญิงชราของชายแดนแคว้นเป่ ยจิ้นแล้ว คนอื่นๆ ที่เหลือล้วน
หน้าตางดงาม บ้างก็ผอมบาง บ้างก็อวบอิ่มแต่ละคนมีเสน่ห์เฉพาะตัว ต่างกันออกไป
ในอาณาเขตการปกครองของขุนเขาตะวันตกเขา มีอาณาเขต ที่ทับซ ้อนกับขุนเขาสายน้าของแคว้นหนันเยวี่ยนอยู่ไม่น้อย เว่ยเหลี ยงกับเด็กสาวสวมชุดคลุมมังกรเคยขึ้นเขาไปอย่างลับๆ แต่กลับต้อง กินน้าแกงประตูปิด
ทว่าหลังจากที่ซ่งไหวเป้ ารวบรวมเอาภูตผีและวิญญาณหยิน กลุ่มหนึ่งมาแล้วก็เคยเป็ นฝ่ ายเข้าไปในเมืองหลวงและตัวเมืองต่างๆ ของแคว้นหนันเยวี่ยนและแคว้นซ่งไล่อยู่หลายครั้งเพื่อตรวจสอบดู ขนบธรรมเนียมและผู้คนในทุกวันนี้
ในความเป็ นจริงแล้วต่อให้เป็ นสมาชิกที่มีคุณสมบัติจะเข้าร่วม การประชุมของอารามต้ามู่ ต่างก็เพิ่งได้พบกับซานจวินทั้งห้าท่านที่ ไม่ว่าจะเป็ นตบะขอบเขตหรืออาณาเขตในการปกครองก็ล้วนถือเป็ น ปริศนากับตาตัวเองเป็ นครั้งแรก
ไม่ใช่แค่ได้เห็นรูปโฉมจาก “เทวรูปร่างทอง” ที่วาดลงบน ภาพวาดซึ่งได้นากลับมาหลังจากที่ไปจุดธูปในตาหนักหลักของศาล ห้ามหาบรรพตเท่านั้น
คราวก่อนเกาจวินกลับมายังพื้นที่มงคลก็ได้ชี้แนะเส้นทางแห่ง มหามรรคาเส้นหนึ่งให้กับซานจวินห้ามหาบรรพต อธิบายอย่าง
ละเอียดถึงความลี้ลับมากมายในการรับควันธูปจากชาวบ้านและ วิธีการหล่อหลอมร่างทอง
นางเป็ นตัวน าในการแบ่งแยกดินแดนของห้ามหาบรรพต มีการ ขีดเส้นแบ่งกันอย่างชัดเจนโดยใช ้ภูเขาลูกใดลูกหนึ่งหรือสายน้าสาย ใดสายหนึ่งเป็ นขอบเขต จากนั้นเกาจวินก็อิงตามต าราว่าด้วยวิธีการ ของลัทธิขงจื๊อแห่งใต้หล้าไพศาลที่นางคัดลอกมากับมือตัวเอง อธิบายว่าทาไมห้าคุณธรรมถึงหมุนวนอย่างเป็ นวัฏจักรไม่จบสิ้น อธิบายว่าท าไมห้ามหาบรรพตถึงชื่อว่าบรรพตไม่ใช่ภูเขา กษัตริย์ ของแคว้นเล็กในเก้าทวีปสามารถแต่งตั้งอ๋องให้กับห้ามหาบรรพต ของแคว้นตัวเองได้ ราชสานักใหญ่สามารถแต่งตั้งตี้ มีเพียงศาลบุ๋น แผ่นดินกลางเท่านั้นที่สามารถแต่งตั้งห้ามหาบรรพตเป็ น “เสินจวิน” เกาจวินยังช่วยก าหนดระเบียบพิธีการและเวลาสถานที่ในการบวง สรวงให้กับห้ามหาบรรพตด้วย…ส่วนใหญ่ล้วนเป็ นเรื่องที่เกาจวินยก มาจากตาราโบราณ มีเพียงส่วนน้อยที่นามาดัดแปลง
ดังนั้นซานจวินห้ามหาบรรพตถึงได้เห็นแก่น้าใจของเกาจวินและ พรรคหูซาน
เกาจวินต่างหากถึงจะเป็ นคนผู้นั้นที่ยินดีอีกทั้งยังสามารถ วางแผนเพื่อกิจการใหญ่ยาวนานนับหมื่นปีให้กับใต้หล้าแห่งนี้อย่าง แท้จริง
ไหวเซี่ยที่อยู่ในรูปโฉมของเด็กน้อยคือคนที่มีรูปโฉมและการแต่ง กายประหลาดที่สุดสวมชุดผ้าป่ าน สวมรองเท้าสาน เหน็บหญ้าไว้ ตรงเอว
มีฐานะสูงศักดิ์เป็ นถึงซานจวินแห่งขุนเขาใหญ่ แค่เพราะตัวเล็ก เกินไป ดังนั้นพอนั่งอยู่ตรงนั้น สองเท้าจึงไม่สัมผัสพื้น ที่นั่งอยู่ทางใต้ สุดในบรรดาเพื่อนร่วมงานห้ามหาบรรพต จึงนั่งอยู่ติดกับกงฮวาแห่ง อารามต้ามู่
ซุนหว่านแย่นคอขวดขอบเขตชมมหาสมุทรที่อยู่ข้างกายกงฮวา กระดกสองนิ้วขึ้นเป่ าปาก หยอกเย้านกน้อยว่าง่ายที่เพียงแค่กระพือ ปีกแต่ไม่บินขึ้นสูงตัวนั้น
ผู้หลอมลมปราณหญิงที่ก่อนหน้านี้ไม่นานเพิ่งจะเปิดภูเขาก่อตั้ง พรรคชูธงต่อภายนอกผู้นี้มีอารมณ์สุนทรีอย่างมาก เรื่องไม่เกี่ยวข้อง กับตนก็วางตนอยู่นอกเรื่องราว พวกเจ้าทะเลาะของพวกเจ้ากันไป หากจะตีกันขึ้นมาจริงๆ ข้าก็จะหลบไปให้ไกล
หวังจีเหนียงเนียงเทพภูเขาที่ศาลตั้งอยู่บนภูเขาฝู่ เจิ้งตรงจุด เชื่อมต่อระหว่างชายแดนของสองแคว้น หญิงชราที่นั่งอยู่ก็ยังคงหลัง ค่อม สายตาของนางสอดส่ายไปมาไม่หยุดนิ่งมองปราดๆ ให้ ความรู ้สึกแก่ผู้คนว่านางเป็ นคนขี้ขลาดกลัวเกิดเรื่อง
เมื่อครู่นี้เฉิงหยวนซานยังนับถือในความกล้าของเฉานี่จากใจ จริง เวลานี้กลับเริ่มสงสารเฉานี่ที่อยากนั่งแต่ก็นั่งไม่ได้แล้ว ในใจแอบ
คิดว่ายังคงเป็ นตนที่ประสบการณ์โชกโชนจึงไม่ต้องเสียเปรียบ ให้ ตายอย่างไรก็จะไม่ออกหน้าเด็ดขาด หาไม่แล้วถ้อยคาห้าวเหิมพวกเจ้าก็พูดไปแล้ว คาอาฆาตก็ทิ้ง เอาไว้แล้ว ผลลัพธ ์ล่ะเป็ นอย่างไร เวลานี้กระอักกระอ่วนหรือไม่เล่า? โจวซูเจินรู ้สึกไร ้เรี่ยวแรงเป็ นทบทวี ทดลองดูเล็กน้อย ดูท่าเซียน กระบี่เฉินไม่ได้ขัดขวางการนั่งลงอีกครั้งของตน
เกาจวินที่นั่งอยู่ตรงตาแหน่งประธานพยายามที่จะเปิดปากอยู่ หลายครั้ง แต่ก็หยุดไปทุกครั้ง กลัวก็แต่ว่าไกล่เกลี่ยไม่สาเร็จ กลับกันจะยังกลายเป็ นการราดน้ามันลงบนกองเพลิง
เดิมทีเนื้อหาในการประชุมวันนี้ควรจะเริ่มต้นอย่างไร นางก็ได้มี การร่างถ้อยค าฝึกพูดอยู่ในใจซ้าไปซ้ามาหลายครั้งแล้ว การเลือก ถ้อยคามาใช ้ การฝึกพูดในครั้งนี้นางตั้งใจและระมัดระวังยิ่งกว่าการ หลอมลมปราณเสียอีก
เกาจวินรู ้ดีอยู่แก่ใจว่า ไม่ว่าโจวซูเจินแห่งหอจิ้งหย่างและผู้ฝึก ยุทธเฉานี่จะพูดอะไรทาอะไร อันที่จริงด้วยความเข้าใจที่นางมีต่อเฉิน ผิงอัน พวกเขาคงไม่ถึงขั้นฉีกหน้าแตกหักกันอย่างสิ้นเชิง แต่หากว่า นางพูดอะไรผิดไปก็ยากที่จะเก็บกวาดแล้ว ถึงขั้นที่ว่ามีโอกาสที่พอ เปิดฉากก็ต้องปิดฉากลงทันที ไม่มีอะไรให้ต้องเจรจากันอีก
……
เกาะหลัวไต้ที่อยู่ใกล้เคียง เรือนกู่เยว่เซวียนเรือนพักส่วนตัวที่ อารามต้ามู่มอบให้แคว้นหูโดยเฉพาะ พอเพ่ยเซียงจากไปก็เหลือแค่ “ผู้ฝึ กตนทาเนียบของแคว้นหู” อย่างฉางมิ่งเซี่ยโก่วและกวอจู๋จิ่ว เท่านั้น
เด็กสาวสวมหมวกขนเตียวนั่งอยู่บนราวรั้วของดาดฟ้ า มองผีที่ ไม่กล้าเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงที่ขึ้นเกาะไปผู้นั้น ท่าทางยามเดิน ขึ้นบันไดไป มีปราณสังหารไม่น้อยเลย
เซียโก๋วยิ้มเอ่ย “กู่เยว่เซวียน กู่เยว่หู คาว่าหูแปลว่าทะเลสาบที่ ออกเสียงเหมือนคาว่า หูที่แปลว่าจิ้งจอก กงฮวาเจ้าแห่งทะเลสาบผู้นี้ ก็ช่างคิดได้จริงๆ นี่ไม่เท่ากับว่าทะเลสาบชิวชื่ด่าแคว้นหูต่อหน้าว่า เป็ นนั่งจิ้งจอกแพศยาหรอกหรือ”
ฉางมิ่งยิ้มบางๆ “คงเป็ นเพราะกงฮวารู ้สึกว่าในเมื่อภูเขาของเพ่ ยเซียงชื่อว่าแคว้นหูคิดดูแล้วก็คงไม่ถือสาในเรื่องนี้ อีกอย่างโลก ภายนอกต่างก็ไม่เข้าใจว่าแคว้นหูเป็ นเช่นไร”
กวอจู๋จิ่วพลันเอ่ยว่า “นับตั้งแต่เพ่ยเซียงเจ้าแห่งแคว้นหูไปจนถึง หลัวฟู่ เม่ ชิวชิง จากนั้นลองอนุ มานไปอีกเล็กน้อย ไปจนถึง ขนบธรรมเนียมประเพณีของแคว้นหู พวกเขายิงปิดบังอาจารย์พ่อลึก ล้าเท่าไร ยิ่งเสแสร ้งได้ดีเท่าไร ก็ยิ่งระมัดระวังรอบคอบมากเท่านั้น กลัวว่าพูดผิดไปคาหนึ่ง ฝ่ ายในและฝ่ ายนอกของแคว้นหูพวกเขาก็ จะยิ่งเจอแรงสะท้อนกลับรุนแรงมากเท่านั้น”
เดิมทีเซี่ยโก่วอยากจะพูดประจบเจ้าประมุขของตนสักค า เพียงแต่พอคิดถึงจุดจบน่าสงสารของเด็กชายผมขาวที่ทุกวันนี้ก็ยัง ไม่รู ้ว่าตัวเองถูกตัดชื่อออกจาก “ทาเนียบส่วนตัวไปแล้ว เด็กสาวสวม หมวกขนเตียวก็ได้แต่ปิดปากเงียบไม่พูดอะไร ขออย่าให้ภูเขาบ้าน ตนเหลือแค่เจ้าประมุขกวอคนเดียว มีแม่ทัพใหญ่นั่งบัญชาการณ์ กระโจมทัพแต่ไม่มีพลทหารที่คอยติดตามรับใช ้อย่างใกล้ชิดเลยนะ
ฉางมิ่งพยักหน้า “คือเหตุผลข้อนี้”
กวอจู๋จิ่วหันหน้าไปมองทางผู้คุมกฏแห่งภูเขาลั่วพั่วผู้นี้ ใบหน้า เด็กสาวฉายแววสงสัย
ฉางมิ่งยกมือข้างหนึ่งขึ้น กางนิ้วทั้งห้าออกแล้วโบกเบาๆ ยิ้ม อธิบายว่า “เจ้าขุนเขาเคยเตือน ข้าก็แค่ทาตามเท่านั้น”
กวอจู๋จิ่วพยักหน้า “เป็ นแนวทางการกระท าของอาจารย์พ่อข้า”
พูดง่ายๆ ก็คือให้อิสระส่วนหนึ่งในการทาสิ่งที่คิดว่าถูกต้องแก่ แคว้นหู เหตุผลก็เรียบง่ายมาก แคว้นหูยังคงเป็ นแคว้นหู
หวังว่าสักวันหนึ่งเส้นทางใต้ฝ่ าเท้าของผู้ฝึกตนแคว้นหูจะเดินขึ้น สู่ด้านบน ไม่ใช่เส้นทางเดินลงเนินที่ใจคนไม่เหมือนแต่ก่อน สายน้า ไหลลงสู่ที่ต่าทุกวัน
แต่ว่าก็มีหลักการเหตุผลบางอย่างที่คนนอกพร่าพูดนับร ้อยนับ พันรอบด้วยความหวังดี แต่คนฟังกลับไร ้ใจ หรือไม่ก็ไม่เชื่อจึงแกล้ง โง่ จึงไม่ได้ผลเท่ารอให้เกิดเรื่องก่อนแล้วค่อยแก้ไขความผิดพลาด
เซี่ยโก่วแสร ้งท าเป็ นกระจ่างแจ้ง “เจ้าขุนเขาของพวกเรามี สายตาเฉียบแหลม คิดการณ์ไกลวางแผนลึกซึ้ง มีวิธีการแยบยล ขนาดนี้ ไม่ไปเป็ นรองเจ้าลัทธิของศาลบุ๋นก็ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย คราวหน้าไปที่ยอดเขาเถียนจินภูเขาเถาฝูของตาเฒ่าอวี๋จะต้องอ้อม เส้นทางไปเยือนศาลบุ๋นแผ่นดินกลางสักรอบ หากไม่ได้เจอกับ ปรมาจารย์มหาปราชญ์และจอมปราชญ์น้อยก็ต้องได้พูดเรื่องนี้กับ นายท่านเหวินเซิ่งและจิงเชิงซีผิง ให้เสนอเรื่องนี้เข้ามติที่ประชุม ไม่ได้จะเป็ นเจ้าลัทธิศาลบุ๋นเสียหน่อย ก็แค่เพิ่มตาแหน่งรองเจ้าลัทธิ ไปอีกคนเดียวเท่านั้น เจ้าประมุขกวอ ข้าน้อยพูดเช่นนี้นับว่า เหมาะสมหรือไม่ คงไม่ถูกจดลงบัญชีหรอกกระมัง?”
กวอจู๋จิ่วกล่าว “อย่าสร ้างความวุ่นวายเลย การเดินทางไปเยือน แผ่นดินกลางคือการทางานส่วนรวมตามหน้าที่ เจ้าแค่เอาเงินเหรียญ ทองแดงแก่นทองพวกนั้นไปที่ภูเขาเถาฝูทาธุระเรื่องนี้เสร็จก็กลับมาที่ ภูเขาลั่วพั่ว อาจารย์พ่อบอกแล้วว่าภูเขาลูกใหญ่แห่งหนึ่งก็ดี หรือจะ ที่ว่าการของราชสานักก็ช่าง กลัวที่สุดว่าพวกผู้ฝึกตนทาเนียบและ พวกคนที่เป็ นขุนนางซึ่งเป็ นกาลังสาคัญจะหาเรื่องใส่ตัว จงใจทาดี เพื่อขอผลงาน หรือไม่ก็จงใจบิดเบือนความหมายของเบื้องบนเพื่อ ผลประโยชน์ในฝ่ ายของตน หรือไม่เพื่อรับรองว่าตัวเองจะไม่เกิดเรื่อง จึงท างานให้เสร็จอย่างขอไปที เป็ นเหตุให้เกิดปัญหาแทรกซ ้อน ขึ้นมา ผิดจากความตั้งใจเดิมของเบื้องบน ผลลัพธ ์ในท้ายที่สุดก็มีแต่ ความเละเทะ คนที่อยู่เบื้องบนถูกปิดหูปิดตา คนที่อยู่เบื้องล่างก็มีแต่
เสียงบ่นความไม่พอใจ ส่วนคนที่เอาแต่มุงดูเรื่องสนุกก็คิดแต่จะอยาก ให้เกิดเรื่องใหญ่โตยิ่งกว่าเดิม เอาแต่พูดเหน็บแนมประชดประชัน คน ที่มีปัญญาก็ย่อมเดือดดาลตามไปด้วย”