กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1076.4 รู ้แต่แรกแล้วว่าพวกเจ้าเข้าใจผิดเพราะค า ว่าเซียน
- Home
- กระบี่จงมา! Sword of Coming
- บทที่ 1076.4 รู ้แต่แรกแล้วว่าพวกเจ้าเข้าใจผิดเพราะค า ว่าเซียน
ในนามนั้นทั้งสองฝ่ ายคือคู่บาเพ็ญเพียร แต่แท้จริงแล้วกลับ เหมือนสหายที่มีปณิธานและผลประโยชน์สอดคล้องตรงกันมากกว่า พวกเขาตกลงกันว่าในอนาคตเมื่อทั้งสองต่างก็มีขอบเขตเท่าเทียม กับเกาจวินแห่งพรรคหูซานในทุกวันนี้แล้วก็จะไปหาศาสตร ์แห่งการ ประกอบกามกิจในห้องหอของลัทธิเต๋าที่หยินหยางช่วยส่งเสริมกัน และกันมาเพิ่มสักสองสามบทแล้วกลายเป็ นคู่บ าเพ็ญเพียรกันอย่าง แท้จริง จัดงานเลี้ยงฉลองสมรสแล้วเปิดส านักก่อตั้งพรรค อันที่จริง ตอนนั้นเด็กสาวสวมชุดคลุมมังกรที่ตั้งชื่อให้ตัวเองว่าหูเจียวก็รู ้สึก ประหลาดใจแล้ว นางจึงถามเว่ยเหลียงว่าเจ้าพูดว่าเปิดสานักก่อตั้ง พรรคหรือ? มีความแตกต่างจากการเปิดภูเขาก่อตั้งพรรคหรือไม่?
เว่ยเหลียงเงียบงันไปนานกว่าจะบอกว่าฟ้ าดินของโลกภายนอก แห่งนั้น จวนเซียนบนภูเขา อักษรค าว่าส านักใหญ่มาก แต่อักษรค า ว่าลัทธิกลับใหญ่ที่สุด ไม่อาจนามาเปรียบเทียบกับส านักหรือลัทธิ อะไรของพรรคในยุทธภพพวกเราได้
เด็กสาวคนหนึ่งถามขึ้นอย่างเป็ นกังวลว่า “ท่านพ่อ เกิดเรื่อง อะไรขึ้นหรือ?”
เว่ยเหลียงยิ้มเอ่ย “ไม่มีอะไร หูเจียวแค่บาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น”
วันนี้คนที่อยู่ในกระท่อมหลังนี้ยังมีเว่ยเจินผู้หลอมลมปราณที่ อายุแท้จริงไม่น้อย แต่กลับมีรูปโฉมเป็ นเด็กสาวอยู่ด้วย นางก็คือลูก สาวของเว่ยเหลียง
เว่ยเจินที่มีฐานะเป็ นองค์หญิงแคว้นหนันเยวี่ยนไม่เหมือนกับเว่ย แย่นพี่ชายที่ขึ้นครองราชย์ตั้งตัวเป็ นราชานานแล้ว นางมีคุณสมบัติ ในการฝึกตน อีกทั้งคุณสมบัติยังค่อนข้างไม่เลว ตามการประมาณ การณ์ล่วงหน้าของเว่ยเหลียง อาศัยตาราลับทั้งหลายที่ราชสานัก แคว้นหนันเยวี่ยนรวบรวมมา ในอนาคตเว่ยเจินจะเปิ ดถ้าสถิตรับ ปราณวิญญาณฟ้ าดินเข้ามาก็ไม่ใช่ความเพ้อฝันอะไรเลย หากโชค ดีกว่านั้นอีกสักหน่อย ยกตัวอย่างเช่นได้รับความโปรดปรานจากเจ้า ขุนเขาของภูเขาลูกใดลูกหนึ่ง เป็ นขอบเขตประตูมังกรที่อยู่ห่างจาก การสร ้างโอสถทองแค่เสี้ยวเดียวได้อย่างเขาก็พอจะมีความมั่นใจอยู่ เหมือนกัน
เว่ยเจินยื่นมือไปจับชีพจรให้กับหูเจียวตามความเคยชิน พยัก หน้าเอ่ย “ลมปราณมั่นคง ไม่ได้เป็ นอะไรมากจริงๆ”
เพียงแต่ว่าเมื่อเว่ยเจินโคจรปราณวิญญาณในร่างมาใช ้มาก กว่าเดิม พยายามที่จะตรวจโรคให้เด็กสาวสวมชุดคลุมมังกรตาม “ศาสตร ์แห่งการรักษาโรคโดยใช ้คาถา” อย่างที่เขียนไว้ในต าราลับ บางเล่ม พริบตานั้นปลายนิ้วของเว่ยเจินก็รู ้สึกร ้อนแผดเผาปวด ปลาบขึ้นมา นางต้องสะบัดมือแรงๆ กว่าจะขับไล่ความเจ็บเสียดที่ เหมือนปลายนิ้วสัมผัสกับถ่านร ้อนๆ นั้นไปอย่างไม่ง่ายนัก เว่ยเจิน
ถามเสียงหนักจริงจังอย่างเป็ นกังวลว่า “เสด็จพ่อ นางไปมีเรื่องกับ ใครมากันแน่ ภัยแฝงถึงได้รุนแรงขนาดนี้!”
เว่ยเหลียงลังเลเล็กน้อย ก่อนจะใช ้เสียงในใจตอบว่า “คือเฉินผิง อัน”
เว่ยเจินอึ้งตะลึง พลันปิดปากหัวเราะคิก “ยังดีๆ โชคดีมาก โชคดี มาก!”
เว่ยเหลียงยิ้มเอ่ยด้วยอารมณ์ซับซ ้อนว่า “หากมีโอกาสจะพาเจ้า ไปเลี้ยงเหล้าเลี้ยงข้าวเซียนกระบี่เฉินสักมื้อ”
อุบายเล็กๆ น้อยๆ ส่วนนั้นของตนต้องไม่มีทางปิดบังเฉินผิงอันที่ มองการณ์ไกลมีแผนการลึกล้า สามารถพลิกวิกฤตให้กลายเป็ น โอกาสได้ตั้งแต่อายุยังน้อยได้แน่นอน ถ้าอย่างนั้นคนที่สามารถเอา มาใช ้รับมือกับเฉินผิงอันได้อย่างแท้จริงกลับมีเพียงแค่คนที่มี ความคิดจิตใจซื่อบริสุทธิ์อย่างเว่ยเจินเท่านั้น
เว่ยเหลียงไม่เหมือนผู้หลอมลมปราณในท้องถิ่นคนใด เนื่องจาก ปีนั้นเขาเคยรับผิดชอบเรื่องของการนาทัพทหารฝีมือดีแคว้นหนัน เยวี่ยนให้ช่วยเปิดเส้นทางอย่างลับๆ จึงเคยดื่มเหล้าพูดคุยกับเซียน กระบี่คนหนึ่งที่ชื่อว่าเฉาจวิ้นบ่อยๆ ทาให้เขาหลอกถามเรื่องวงใน ของฟ้ าดินด้านนอกจากเซียนกระบี่หนุ่ มเฉาที่นิสัยเอ้อระเหย ลอยชาย แต่กลับติดสุรายิ่งกว่าชีวิตมาได้ไม่น้อย กลับเป็ นลูกหลาน สกุลเจียงที่มาจากพื้นที่มงคลถ้าเมฆาเสียอีกที่แต่ละคน ปิดปากแน่น
สนิท ไม่ว่าจะมอบค่าน้าร ้อนน้าชาอะไรให้ก็ไม่รับ พูดคุยสื่อสารด้วย ยากมากแต่นอกจากเฉาจวิ้นที่บอกว่าตัวเองมาจากภูมิลาเนา เดียวกับเฉินผิงอัน ทว่ากลับเติบโตมาในสถานที่ที่ชื่อว่าทักษิณาตย ทวีปแล้ว ตอนนั้นยังมียาเอ๋อร ์ที่ไม่ใช่คนแปลกหน้าสาหรับเว่ยเหลียง อยู่ด้วย นางเป็ นคนของลัทธิมาร เคยติดตามติงอิงเข้ามาในเมือง หลวงแคว้นหนันเยวี่ยน สุดท้ายดูเหมือนว่าจะถูกโจวเฝยแห่งตาหนัก คลื่นวสันต์ที่เดินขึ้นหัวกาแพงเมืองพาตัวจากไป
นอกจากนี้แล้วเว่ยเหลียงยังได้เจอกับคนมหัศจรรย์ของบ้านเกิด อีกคนหนึ่ง นั่นคือสุยโย่วเปียนที่ตายไปแล้วฟื้นคืนชีพกลับมา!
ส่วนเฉาจวิ้นเซียนกระบี่ที่บางครั้งก็จะออกกระบี่ฟันเปิดรากภูเขา เปิดเส้นทางผู้นั้นกลับชอบพูดว่าตัวเองอยู่ที่บ้านเกิดก็คือเศษสวะที่ เดินอยู่ข้างทางหมายังเห่าใส่ไม่กี่ที
ชั่วชีวิตนี้เว่ยเหลียงเพิ่งจะเคยเห็นเป็ นครั้งแรกว่าถึงกับมีคนผู้ หนึ่งที่สามารถใช ้กาลังของตัวเองคนเดียว ฟันเปิดขุนเขาใหญ่สูง ตระหง่านให้เป็ นรูโหว่ขนาดใหญ่ยักษ์ได้….
และคนคนนี้กลับพูดด้วยหน้าตาจริงจังว่าตัวเองคือคนไร ้ ประโยชน์ที่หมาข้างทางไม่คิดจะกัด ไม่ถือว่าเป็ นผู้มีพรสวรรค์ด้าน การฝึกตนครึ่งตัวด้วยซ้า เป็ นแค่คนที่หาได้เกร่อตามท้องถนนทั่วไป
เว่ยเหลียงวางหูเจียวลงบนเตียงในห้องอย่างระมัดระวัง เดิน ออกมาจากห้องแล้ว เขากับเว่ยเจินก็มานั่งลงบนม้านั่งยาวที่ทามา จากไม้ท่อนหนาใหญ่ซึ่งวางไว้ใต้ชายคาด้วยกัน
เว่ยเจินถามเสียงเบา “ไม่ไปประชุมที่อารามต้ามู่แล้วหรือ?” เว่ยเหลียงยิ้มเงื่อนเอ่ยว่า “เซียนกระบี่เฉินออกคาสั่งแล้วว่าข้ากับ หูเจียวมาจากทางไหนก็ให้กลับไปทางนั้น”
เว่ยเจินยิ้มเอ่ย “ไม่ลงไปลุยน้าขุ่นก็ดีเหมือนกัน เซียนกระบี่เฉิน ไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้นนี่ก็ไม่เห็นจะเป็ นไร คราวหน้าที่ดื่มเหล้ากันก็ อธิบายเรื่องความเข้าใจผิดบางอย่างให้ชัดเจนก็พอแล้ว”
เว่ยเหลียงพยักหน้า คากล่าวที่ว่าเมื่อความโชคดีมาเยือน สติปัญญาก็พลันบังเกิดที่เขียนไว้ในต าราหลายๆ เล่มก็น่าจะพูดถึง คนอย่างบุตรสาวของเขากระมัง คนฉลาดหลายคนที่วางแผนทุกย่าง ก้าว รอบคอบและมีเจตนากับทุกเรื่อง เสี่ยงอันตรายทาเรื่องต่างๆ เหมือนเดินอยู่บนน้าแข็งแผ่นบางอย่างเขา ดูเหมือนว่าจะไม่เป็ น ธรรมชาติ ปล่อยให้ความคิดและการกระท าเป็ นไปตามความรู ้สึกหรือ อารมณ์ได้ดีเท่าคนที่จับผลัดจับผลูอย่างนาง
เด็กสาวสวมชุดคลุมมังกรในห้องที่ชื่อจริงคือหูเจียว ฉายาคือเจี่ย เจียว อันที่จริงได้นอนขดตัวอยู่ในสุสานหลวงของแคว้นหนันเยวี่ยน มานานแล้ว รอกระทั่งเกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ นางที่มี ชาติก าเนิดมาจากงูภูเขาก็แค่เงยหน้ากราบไหว้ดวงจันทร ์ ไม่รู ้ว่า
สามารถดึงดูดเอาปราณมังกรจานวนไม่น้อยที่ซุกซ่อนอยู่ในสุสาน หลวงมาส าเร็จได้อย่างไร นี่ทาให้เว่ยเหลียงที่รู ้ความจริงทั้งตกตะลึง ทั้งเดือดดาล เดิมคิดอยากจะตบนางให้ตายด้วยฝ่ ามือเดียว ทว่าพอ ไท่ซ่างหวงท่านนี้นึกถึงเรื่องเล่าจากชาวบ้านร ้านตลาดที่เคยได้ยินได้ ฟังมาตอนเด็กๆ กลับเป็ นกังวลขึ้นมา หากในบ้านมีงูเลื้อยเข้ามาคือ เรื่องดี ไม่ควรฆ่ามันทิ้ง แค่ปล่อยให้มันเลื้อยไปมาก็พอ ไม่จาเป็ นต้อง เชิญแล้วก็ไม่จ าเป็ นต้องส่ง…ดังนั้นเว่ยเหลียงจึงเก็บจิตสังหารส่วนนั้น มา ทั้งยังยังมอบตาราตระกูลเขียนเล่มหนึ่งที่บันทึกเกี่ยวกับเรื่องที่ว่า ภูตผีควรจะบรรลุมรรคาอย่างไรไว้โดยเฉพาะไปให้มัน จากนั้นหากิ่ง ไม้มาทาแทนพู่กัน เขียนและวาดลงบนพื้น อธิบายความหมายของ ตัวอักษรที่อยู่บนพื้นให้มันฟังอย่างอดทน กาลเวลาในภูเขาผันผ่าน ไปอย่างเชื่องช ้า ไม่รู ้ถึงอากาศร ้อนหนาวของโลกมนุษย์ด้านนอก เว่ยเหลียงเลื่อนเป็ นขอบเขตประตูมังกรโดยที่ตัวเองก็ไม่รู ้ตัว เพียงแต่ ว่าหลังจากนั้นเว่ยเหลียงก็มาหยุดชะงักอยู่ที่ขอบเขตนี้ ปิดด่านสร ้าง โอสถหลายครั้งก็ยังไม่สาเร็จ เขาจึงเริ่มหงุดหงิดจิตใจว้าวุ่น หรือว่า ผลส าเร็จบนมหามรรคาในชีวิตจะต้องหยุดอยู่แค่ที่คอขวดขอบเขต ประตูมังกรเท่านั้นจริงๆ มิอาจสร ้างโอสถทองกลายเป็ นเซียนดินได้ เลย?!
ในช่วงเวลาที่หัวใจรุ่มร ้อนเหมือนถูกไฟเผา จิตแห่งมรรคาไม่ มั่นคง ช่วงเวลาระหว่างที่เว่ยเหลียงสอนให้ “แมลงตัวยาวในภูเขา” รู ้จักตัวอักษร บางครั้งยามมองไปที่มันที่ชอบขดตัวนอนนิ่งอยู่ข้างฝ่ า
เท้า เขาก็มักจะอดมีสายตาที่เยียบเย็น เกิดจิตสังหารในใจไม่ได้ คิด ไปว่าหรือเป็ นเพราะการปรากฏตัวของมันที่มาช่วงชิงปราณมังกร ส่วนหนึ่งไปจากสุสานหลวง ขณะเดียวกันก็แย่งชิงโชคชะตาที่เดิมที ควรเป็ นของตนไปด้วย?! เว่ยเหลียงคิดไปคิดมาก็ตัดสินใจว่าการปิด ด่านในครั้งสุดท้าย หากยังคงไม่อาจเป็ น “ผู้ที่สร ้างโอสถทองได้ ส าเร็จก็คือคนรุ่นเดียวกับข้า” ได้เสียที ถ้าอย่างนั้นก็จะโทษที่ตน จิตใจอ ามหิต สังหารงูสลายปราณมังกร จากนั้นตัวเองค่อยดูดดึง ปราณมังกรมาหล่อหลอมเป็ นโชคชะตาของตนไม่ได้แล้ว!
การปิดด่านครั้งสุดท้ายยังคงไม่อาจฝ่ าทะลุขอบเขตสร ้างโอสถ ทองได้ เพียงแต่ว่าเมื่อเว่ยเหลียงได้เจอกับงูภูเขาตัวนั้นอีกครั้ง เขาก็ ต้องตกตะลึงอย่างหนัก ที่แท้มันก็ถึงกับหลอมเรือนกายได้สาเร็จ กลายเป็ นเด็กสาวบ้านป่าที่เปลือยกายไปทั้งตัว พอเจอกับเว่ยเหลียง นางก็ชี้ไปยังเนื้อหาบทหนึ่งในตาราที่ตัวเองเขียนไว้แล้วร ้องอ้อแอ้ ยังคงพูดได้ไม่ชัด เว่ยเหลียงจึงยิ้มพลางก้มศีรษะคารวะนาง เรียกนาง ว่าสหาย
4
แม้ว่าท่ามกลางความมืดมิดที่มองไม่เห็น เว่ยเหลียงจะสัมผัสได้ ว่าเกาจวินเจ้าประมุขพรรคหูซานคนปัจจุบันได้ชิงสร ้างโอสถน าหน้า ตนไปแล้ว เพียงแต่พอเว่ยเหลียงได้เห็นมันหรือควรจะเรียกว่านางที่ หลอมร่างเป็ นมนุษย์ได้ส าเร็จ เว่ยเหลียงกลับไม่มีจิตสังหารอีกแล้ว
เขาได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าผู้ฝึกตนอย่างเราๆ ย่อมต้องมีบัญชาจาก สวรรค์คอยลิขิตชะตากรรม
ภายหลังภายใต้การปกป้ องของเว่ยเหลียงและราชส านัก แคว้นหนันเยวี่ยน หูเจียวได้เผยร่างจริงของภูตงภูเขาในสถานที่แห่ง หนึ่งที่ภูเขาและสายน้าเคียงคู่กัน เดินลงแม่น้าใหญ่ได้ส าเร็จ สุดท้าย ก็เคลื่อนตัวลงสู่ทะเลสาบกลายเป็ นเจียว
เว่ยเหลียงคิดไปว่าเป็ นพลังของดินอวยพรและคนสามัคคี แต่ แท้จริงแล้วกลับเป็ นเพราะมหามรรคาของฟ้ าดินแห่งนี้ได้แสดงความ เมตตาต่อนางเป็ นพิเศษ
แล้วก็เพราะเป็ น “การเดินลงน้ากลายเป็ นเจียว” ครั้งแรกในโลก มนุษย์ หูเจียวถึงได้มีโชควาสนาที่ครบทั้งฟ้ าอานวย ดินอวยพรและ คนสามัคคี
หาไม่แล้วอยู่ในใต้หล้าไพศาล เป็ นเจียวภูเขาตัวหนึ่ง ต่อให้ดูด ซับปราณมังกรเข้าไปคิดอยากจะเดินลงน้ากลายเป็ นเจียว โชค วาสนาที่มีก่อนหน้านี้ก็จะกลายไปเป็ นเภทภัยในระดับที่เท่าเทียมกัน หรืออาจถึงขั้นรุนแรงยิ่งกว่าระหว่างที่เดินลงน้า หากไม่มีปณิธานอัน แข็งแกร่ง ไม่ได้ผ่านการขัดเกลาอย่างลาบากตรากตราก็ยากที่จะทา ส าเร็จได้
เป็ นเหตุให้ตามหลังนางยังมีภูตภูเขาเซียนน้าอีกหลายตนที่ อยากจะเอาอย่าง อาศัยการเดินลงน้าสร ้างร่างเป็ นฉิวหรือไม่ก็เป็ นงู
ขดตัวยึดครองแม่น้าลาคลองหรือไม่ก็ทะเลสาบใหญ่สักแห่งแล้ว บุกเบิกจวนน้าสร ้างพื้นที่ประกอบพิธีกรรมเป็ นของตัวเอง
แต่ทุกตนล้วนพบเจอกับอุปสรรคอีกทั้งยังต้องล้มเหลวเหมือนกัน หมดโดยไม่มีข้อยกเว้น พูดถึงแค่งูเหลือมยักษ์ตัวหนึ่งที่หัวใหญ่เท่า เสาคาน ในช่วงท้ายของการเดินลงน้าที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรครั้งนั้น เจอบรรยากาศที่ฝนฝ้ าคะนองฟ้ าร ้องฟ้ าแลบรุนแรง ถึงกับมีภูเขาสูง ชันลูกหนึ่งร่วงลงมากระแทกริมน้าโดยตรง ประหนึ่งไม้ท่อนใหญ่ที่ หล่นกระแทกลงไปในแม่น้า ไม่เพียงแต่ขัดขวางทางไป ยอดเขายัง กระแทกลงบนร่างของงูเหลือมยักษ์ที่เริ่มลอกคราบ อีกทั้งบน หน้าผากก็มองเห็นได้ราไรว่าจะมีเขางอกออกมาแล้วด้วย บังเอิญยิ่ง กว่าคือกระแทกลงบนจุดเจ็ดชุ่นนซึ่งเป็ นจุดตายพอดี ตีงูให้ตีตรงจุด เจ็ดชุ่นน งูเหลือมยักษ์ที่การเดินลงน้าชักนาให้เกิดน้าท่วมใหญ่จึง ตายคาที่ไปทันที ศพลอยเท้งเต้ง ล่องไปตามลาน้า แล้วจึงถูกพวกผู้ หลอมลมปราณที่หลบรอดูอยู่ข้างๆ แบ่งเรือนกายใหญ่ยักษ์กันไป
พวกผู้ฝึกตนที่อยู่ในภูเขาต่างก็เงยหน้ามองฟ้ า ในใจเกิดความ เคารพและหวาดกลัวกันอย่างห้ามไม่ได้ วิถีสวรรค์ช่างแปรปรวนจริงๆ มิน่าเล่าในต าราตระกูลเซียนถึงได้บอกไว้ว่าพวกภูตแห่งภูเขาสายน้า ต้องเจอกับสามภัยเจ็ดหายนะถึงจะข้ามผ่านด่านเคราะห์กรรมไปได้
เว่ยเหลียงหันหน้าไปมอง หูเจียวที่อยู่ในห้องตื่นแล้ว
เด็กสาวสวมชุดคลุมมังกรลงจากเตียง เดินออกมาจากในห้อง สี หน้าของนางอัดอั้นไม่พอใจ หว่างคิ้วเต็มไปด้วยความเดือดดาลเจ็บ
แค้น แต่แน่นอนว่าอารมณ์ที่มากกว่านั้นคือความหวาดผวาที่ยังไม่ จางหาย
เว่ยเหลียงพูดด้วยสีหน้าเป็ นปกติว่า “จะฟังหรือไม่ฟังก็แล้วแต่ เจ้า ข้าแค่จะเอ่ยประโยคเดียวว่า อย่าได้มีความคิดจะพยายามกอบกู้ ศักดิ์ศรีอะไรกลับคืนมาเลย”
เดิมทีหูเจียวก็อารมณ์ย่าแย่อยู่แล้ว พอได้ยินประโยคนี้ก็ยิ่งโมโห หนักกว่าเก่า นางกรีดร ้องเสียงแหลม “เว่ยเหลียง ในชื่อเจ้ามีคาว่าเห ลียง (ดีงาม) อยู่ได้อย่างไรกัน เจ้าเฒ่าที่ไร ้มโนธรรมในใจอย่างเจ้า ไม่คิดจะช่วยข้าแต่จะช่วยคนนอกอย่างนั้นหรือ?!”
เว่ยเจินเคยชินเสียแล้ว นางยกสองมืออุดหู พวกเจ้าทะเลาะกันไป เถอะ ถึงอย่างไร “เด็กสาว” สวมชุดคลุมมังกรผู้นี้ก็คือคนรักของบิดา ในอนาคต คือแม่เลี้ยงของตน
เว่ยเหลียงเอ่ยด้วยน้าเสียงเฉยเมย “หูเจียว ข้าคอยมองการ เปลี่ยนแปลงทางสภาพจิตใจของเจ้ามานานหลายปี หากเจ้ายังจะท า ตัวแบบเดิม ไม่เพียงแต่ข้าต้องตัดขาดความสัมพันธ ์กับเจ้าอย่าง สิ้นเชิงเท่านั้น เจ้ากับแคว้นหนันเยวี่ยนก็ต้องขีดเส้นแบ่ง ความสัมพันธ ์กันด้วย หลังจากนั้นเจ้าก็สามารถเป็ นราชาบนภูเขาอยู่ ในทะเลสาบ สวมชุดคลุมมังกรนั่งบนบัลลังก ์มังกร แต่งตั้งร ้อยขุนนาง ดั่งตัวเองเป็ นฮ่องเต้หญิงได้ตามใจ จะสร ้างคลื่นลมมรสุมต่ออย่างไร จะทาตามใจปรารถนาโดยไม่สนผลลัพธ ์ที่ตามมาก็แล้วแต่เจ้า แต่วัน หน้าหากเจ้าเกิดข้อพิพาทกับชานจวินหรือผู้ฝึ กลมปราณที่เดิน
ทางผ่าน หรือเกิดความขัดแย้งบนมหามรรคากับใคร ก็อย่าหวังว่า ราชส านักตระกูลเว่ยของข้าจะช่วยเหลือ เจ้าก็รู ้นิสัยข้าดี พูดได้ก็ ต้องท าได้”
หูเจียวสัมผัสได้ถึงความเดือดดาลที่ถูกกดข่มอยู่ภายใต้สีหน้าที่ นิ่งเฉยของเว่ยเหลียง ความกรุ่นโกรธของนางก็หายวับไปไม่เหลือ ทันที นั่งลงข้างกายเว่ยเหลียง ไม่พูดไม่จาเอาแต่เอียงศีรษะพิงไหล่ ของเขา
เว่ยเจินถอนหายใจ มิน่าเล่าท่านแม่ถึงไม่เคยย่างกรายเข้ามาใน แคว้นหนันเยวียนนานหลายปี คงจะทุกข์ใจมากสินะ
เวียเหลียงตบศีรษะของนางเบาๆ แล้วก็เริ่มเหม่อลอย
ตอนอายุน้อยไม่รู ้ความ เป็ นหนุ่มอารมณ์พลุ่งพล่าน รู ้สึกว่า อาศัยแค่สองมือของตัวเองก็สามารถบุกยึดฟ้ าดินแห่งหนึ่งมาได้ แผ่นดินคนงามอะไร แค่ก้มลงเก็บก็พบเจอ
พวกคนแก่อย่างอู่แชว่จะทาเรื่องใหญ่อะไรได้สาเร็จ หลายสิบปี ให้หลังก็กลายเป็ นดินเหลืองกองหนึ่งกันไปหมดแล้ว ส่วนถังเถี่ยอี้ ฮ่องเต้แคว้นเป่ ยจิ้น มีกองทัพชายแดนฝีมือดีอยู่ใต้อาณัติเกือบหนึ่ง แสนคน ไม่ด้อยไปกว่ากองทัพของแคว้นหนันเยวี่ยนเลย ทว่าตอนที่ อยู่ในศาลชายแดนบนภูเขาฝู่ เจิ้งก็ยังต้องเสียเปรียบอย่างหนักอยู่ดี ไม่ใช่หรือ? เป็ นทั้งปรมาจารย์วิถีวรยุทธ แล้วก็เป็ นทั้งจักรพรรดิผู้นา แคว้นของผู้หลอมลมปราณ ก็ยังต้องแอบออกเดินทางไปยังศาลเทพ
ภูเขาเพียงลาพังตอนกลางคืน ขณะเดียวกันก็ต้องสวมเสื้อเกราะ ตระกูลเซียนที่มิอาจบอกกล่าวแก่ใครได้ ทั้งยังต้องพกดาบ ‘เลี่ยน ซือ” เพื่อไปพบเหนียงเนียงเทพภูเขาที่มีชื่อเดิมว่าหวังโป่ จีผู้นั้นด้วย ตัวเองไม่ใช่หรือ
สายแร่ทองคาจานวนมากที่ซ่อนอยู่ในรากภูเขา ทองคาคืออะไร เรียบง่ายยิ่งนัก ก็คือม้าศึก คือเสื้อเกราะ คืออาวุธ คือกองกาลังของ แคว้น
นี่ต่างหากจึงจะเป็ นรากฐานที่ทาให้คนพยศยากจะการาบอย่าง ถังเถี่ยอี้ยอมกล้ากลืนฝืนทนอย่างว่าง่าย เทพอภิบาลเมืองของแคว้น องค์หนึ่ง สั่งให้ไปก็ต้องไปทั้งอย่างนั้น แล้วอย่างไร? เชื่อหรือไม่ว่า หากการไปเยือนภูเขาฝู่ เจิ้งของถังเถี่ยอี้ช ้าไปกว่านั้นอีกสักหน่อย ท่าป๋ าต้าเจ๋อที่อยู่ทางเหนือก็จะยกทัพลงใต้มาเคาะประตูหน้าด่านของ แคว้นเป่ยจิ้นด้วยตัวเองจากนั้นประสานในนอกกับหญิงชราหวังโปจี แห่งศาลเทพภูเขา เฉือนเอาเนื้ออ้วนพี่ก้อนใหญ่ไปจากชายแดน แคว้นเป่ ยจิ้น? เดิมทีถังเถี่ยอี้ก็ได้ครองบัลลังก ์อย่างไม่ชอบธรรมอยู่ แล้ว พวกกากเดนของราชวงศ์ก่อนที่อายุมากแล้ว รวมถึงเชื้อพระ วงศ์กลุ่มเก่าก็ยังไม่ได้ตายกันไปหมดอย่างสิ้นซาก ขอแค่ชายแดนไม่ มั่นคง เป็ นเหตุให้ฮ่องเต้ต้องกรีฑาทัพด้วยตัวเองก็รอดูกันไปเถอะ เมืองหลวงแคว้นเป่ยจิ้นก็จะครึกครื้นแล้ว ด้วยฝีมือของลูกชายถังเถี่ย อี้ที่มีความทะเยอทะยานสูงแต่ความสามารถมีขีดจากัดผู้นั้นจะ สามารถรักษาการณ์แทนได้จริงหรือ? ภายนอกไม่มีเขาที่เป็ นรัช
ทายาทคอยดูแลแคว้นไม่ได้ แต่ในความเป็ นจริงแล้วมีเขากลับท าให้ สถานการณ์ย่าแย่ยิ่งกว่าเดิม รอกระทั่งถังเถี่ยอี้กลับคืนสู่ราชสานัก ไม่แน่ว่าขุนนางที่อยู่ใจกลางราชสานักในเมืองหลวงก็อาจตายกันไป ครึ่งหนึ่ง ทุกคนล้วนถูกรัชทายาทที่สูงศักดิ์เป็ นดั่งมังกรผู้ซ่อนกายทา ร ้ายจนย่อยยับไปหมดแล้วก็เป็ นได้