กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1077.5 ท่านอาจารย์ถามใจตัวเองแล้วไม่ละอาย
นี่ก็คือโชควาสนาที่สวรรค์ประทานมาให้โดยเฉพาะแล้ว ชื่อจริง ของนางคือหูเจียวมหามรรคาสูงส่งยาวไกล ทั้งยังเป็ นเผ่าพันธุ์ภูตตน แรกที่เดินลงน้า ได้รับความโปรดปรานจากฟ้ าดินแห่งนี้ ถือเป็ นการ ประทานความเมตตาให้นางเป็ นพิเศษ
นี่ถึงได้ทาให้การลุยน้าของงูภูเขาที่สติปัญญาเปิดออกตัวหนึ่ง ซึ่งใจคิดว่า “จะใช ้คาถาเปลวเพลิงมาต้มแม่น้าลาคลองให้เดือด” แม้ จะน่าตกใจแต่ไร ้อันตรายส าเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
หากตอนนี้เว่ยเหลียงยังไม่ควบคุมนาง หรือจะรอให้ขอบเขตของ นางแซงหน้าเว่ยเหลียงไปแล้วยังคงพยศยากก าราบ โอหังก าแหง แล้วค่อยให้ภูเขาลั่วพั่วมาเป็ นคนควบคุม?
ในบรรดาผู้ฝึกยุทธเต็มตัว อีกไม่นานเฉานี่จะได้เป็ นขอบเขตร่าง ทองแล้ว
จงเชี่ยนที่ตอนนี้ยังเป็ นบุคคลอันดับหนึ่งของใต้หล้า ขอแค่ไม่เอา แต่ไปอยู่บนภูเขาลั่วพั่วตลอดทั้งปี สนแต่จะขอกินขอดื่มอย่างเดียว แต่หันไป “ขอความรู ้วิชาหมัด” จากพ่อครัวเฒ่าให้มากหน่อย คิดจะ พัฒนารุดหน้าไปอีกขั้น กลายเป็ นผู้ฝึกยุทธขอบเขตเดินทางไกลก็ ไม่ใช่เรื่องที่ต้องลุ้นอะไรมาก
ปัญหาเพียงหนึ่งเดียวก็คือหลังจากที่จงเชี่ยนเลื่อนเป็ นขอบเขต เดินทางไกลแล้ว หากถูกผู้ฝึกยุทธเต็มตัวคนอื่นๆ ไล่ตามมาทันอีกทั้ง ยังแซงหน้าไปได้ ยกตัวอย่างเช่นเฉานี่ ก็ยากมากที่จงเชี่ยนจะเดิน ขึ้นสูงไปอีกขั้น ถือโอกาสเลื่อนเป็ นขอบเขตยอดเขาได้
ในใต้หล้าแห่งนี้มีโชคชะตาบู๊อุดมสมบูรณ์ก็จริง แต่การไหลริน ของโชคชะตาบู๊กลับไม่ได้มีข้อพิถีพิถันเรื่องความยุติธรรมอะไร
พูดถึงแค่เจียงเสินจื่อหรือผีเจี่ยงเฉวียนผู้นั้น พรสวรรค์ในการ เรียนวรยุทธก็ไม่เป็ นรองให้จงเชี่ยนเลย เค่อชิงแห่งทะเลสาบเจี่ยวเยว่ ที่อยู่ข้างกายหลี่เย่โหวอย่างผู้ฝึกยุทธชาชิง อันที่จริงก็สามารถถูก เจี่ยงเฉวียนนามาเป็ น “ผลงานจริง” ที่คัดลอกไปใช ้งานต่อได้
แน่นอนว่ายังมีหยวนหวงที่คาดว่าผลสาเร็จในการเรียนวรยุทธ วันหน้าก็ต้องไม่ต่า
ส่วนอูเจียง เมื่อเทียบกับเจียงเสินจื่อและหยวนหวงแล้ว ไม่ว่าจะ เป็ นเรือนกายผู้ฝึกยุทธที่ขัดเกลามาได้ในตอนนี้หรือจะเป็ นพรสวรรค์ รวมไปถึงระดับการฝึกฝนปณิธานหมัด ก็ยังด้อยกว่าระดับหนึ่งอย่าง เห็นได้ชัด
เรื่องของการเรียนหมัด เรือนกายแข็งแกร่งและปณิธานหมัด เข้มข้นต่างหากจึงจะเป็ นรากฐานในการหยัดยืนที่ต่อให้มีทองพันชั่ง ก็แลกเปลี่ยนไม่ได้ การหลอมเรือนกายหลอมลมปราณมีทั้งสิ้นหก
ขอบเขต ทุกขั้นบันไดล้วนต้องเดินเหยียบลงบนพื้นไปทีละก้าวอย่าง มั่นคง
เถาเสียหยางที่เคยเป็ นอาจารย์ของอูเจียง วรยุทธของตัวเขาเอง ธรรมดามาก สอนลูกศิษย์ก็ยิ่งสอนอย่างสะเพร่าเลอะเทอะ
หากเปลี่ยนเป็ นข้าเฉินผิงอันที่สอนหมัดให้ ให้เวลาเขาสักสิบปี อูเจียงในเวลานี้อย่างน้อยก็จะไม่เป็ นขอบเขตเดินทางไกลแล้วหรอก หรือ?
เฉินผิงอันกล่าว “ในเมื่อคุยเล่นกันเสร็จแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ควรจะ ก าหนดกฎระเบียบกันได้แล้ว หากมีความเห็นต่างก็สามารถปรึกษา กันได้”
หญิงชราเทพภูเขาฝู่ เจิ้งยิ้มประจบ ก้มหัวค้อมเอวเอ่ยว่า “เซียน กระบี่เฉิน ขอข้านั่งลงรับฟังคาสั่งสอนด้วยได้หรือไม่?”
เฉินผิงอันเงียบไม่ตอบ เพียงแต่ว่าเก้าอี้ตัวที่อยู่ข้างกายหญิงชรา กลับปริแตกแล้วแหลกสลายกลายเป็ นผุยผงในทันที
หญิงชราตกใจจนต้องเอ่ยขออภัยติดต่อกันหลายคา ถังเถี่ยอี้ ฮ่องเต้แคว้นเป่ ยจิ้นหนังตากระตุกน้อยๆ ท่าป๋ าต้าเจ๋อก็รู ้สึก ระแวดระวังขึ้นมาเช่นกัน
เฉินผิงอันสอดสองมือไว้ในชายแขนเสื้อ เอ่ยเนิบช ้าว่า “บ้านเมืองใต้หล้า ตระกูลเซียนพื้นที่ประกอบพิธีกรรม พรรคในยุทธ ภพ มีกฎมีระเบียบ จึงจะเป็ นหลักการที่ถูกต้อง”
“จวนตระกูลเซียนของผู้หลอมลมปราณ ศาลของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แห่งภูเขาสายน้า พื้นที่ประกอบพิธีกรรมบนภูเขาของภูตผี บนภูเขา ล่างภูเขา ราชส านักและยุทธภพ รวมไปถึงโลกมืดและโลกสว่าง ได้รับการแต่งตั้งอย่างถูกต้องจากราชสานักก็ดี ศาลเถื่อนที่ถูกสั่ง ห้ามก็ช่าง ถึงอย่างไรก็ล้วนต้องท าไปตามกฎระเบียบ”
“จ้าวจวี้หรานแห่งขุนเขาตะวันออก ที่ทาการมีหน้าที่รับผิดชอบ ดูแลผีและโลกมืดดัง นั้นจ้าวจวี้หรานจึงต้องควบดูแลศาลเทพอภิบาล เมืองทั้งหมดในโลกสว่างด้วย”
ซานจวินจ้าวจอี้หรานอึ้งตะลึง แต่กระนั้นก็ยังกุมหมัดคารวะ เอ่ย เสียงทุ้มหนักว่า “ขุนเขาตะวันออกรับคาสั่ง!”
“เจิ้งเฟิ่ งโจวแห่งขุนเขากลางมีหน้าที่ดูแลการไหลเวียนของ โชคชะตาบุ๋นในใต้หล้าศาลบุ๋นแห่งแรกให้สร ้างขึ้นที่ขุนเขากลาง ตั้ง บูชาเทวรูปปรมาจารย์มหาปราชญ์เป็ นองค์หลัก บูชานักพรตเจ้าแห่ง ถ้าปี้เชียวเป็ นองค์รอง”
เฉินผิงอันกล่าวต่อ “ส่วนอริยะปราชญ์ที่ตั้งบูชาเสริม ตาหนัก หลักและตาหนักข้างฝั่งตะวันออกและตะวันตก ให้มีเทวรูปตั้งบูชาสี่ ห้าองค์ นี่คือข้อกาหนดตามหลักบวงสรวงของจารีตโบราณ เจิ้ง ซานจวินเจ้ากับจักรพรรดิสี่แคว้นและซานจวินคนอื่นๆ กาหนด กันเอาเองภาพเหมือนสองภาพ อีกเดี๋ยวข้าจะมอบให้เจิ้งซานจวิ นนากลับไปยังที่ว่าการ”
เจิ้งเฟิ่งโจวที่ยืนอยู่ตลอดมีท่าทีประหลาดใจสุดขีด แต่กระนั้นก็ ยังกุมหมัดเอ่ยเสียงดังกังวาน “น้อมรับคาสั่ง!”
พูดประโยคนี้จบ เจิ้งเฟิ่งโจวก็นั่งลงอย่างผึ่งผาย
“ไหวเซี่ยแห่งขุนเขาใต้รับหน้าที่ดูแลการไหลเวียนของ โชคชะตาบู๊ในใต้หล้า สร ้างศาลบู๊ขึ้นมาเป็ นแห่งแรก ให้ปรึกษากันว่า จะตั้งเทวรูปแม่ทัพผู้มีชื่อเสียงคนใดบูชาไว้ในศาลได้เช่นเดียวกัน ตาหนักหลักของศาลบู๊ให้ตั้งบูชาเจ้าแห่งถ้าปี้เชียว เทวรูปรอง…”
เฉินผิงอันหยุดชะงักไปชั่วขณะ ก่อนเอ่ยเสียงทุ้มหนักจริงจังว่า “คือผู้ฝึกยุทธชุยเฉิง!”
ไหวเซี่ยกุมหมัดตอบรับ “ขุนเขาใต้น้อมรับคาสั่ง!”
“ซ่งไหวเป้ าซานจวินแห่งขุนเขาตะวันตกมีหน้าดูตรวจสอบดูแล การไหลรินของปราณวิญญาณในฟ้ าดิน รับผิดชอบบันทึกเอกสาร ของผู้หลอมลมปราณทุกคนโลกมนุษย์โดยไม่สนว่ามีชาติก าเนิด จากอะไร ควบกับดูแลสัตว์ปีกสัตว์บกบนโลก ดูแลเรื่องการหลอมการ สร ้าง ชะตาชีวิตคู่ชายหญิง รวมไปถึงกองโหราศาสตร ์และนักมอง ลมปราณของแต่ละแคว้น”
ซ่งไหวเป้ าได้ยินแล้วก็ถอนหายใจ เขาประหลาดใจยิ่งกว่าเจิ้ง ซานจวินแห่งขุนเขากลางเสียอีก เดิมทีนึกว่าการเดินทางมาเยือน ทะเลสาบชิวชี่ครั้งนี้ อย่าว่าแต่ใช ้ตะกร ้าไม้ไผ่ตักน้าอะไรเลย คง
จะต้องแบกรับผลที่ตามมาเอาไว้ด้วย คิดไม่ถึงว่าจะยังได้รับอ านาจ จากตาแหน่งเทพที่จับต้องได้จริงเช่นนี้ด้วย?!
ซ่งไหวเป้ าก้มหน้ากุมหมัด ไม่มีสีหน้าเย้ยหยันโลกไม่ยี่หระสิ่งใด อีกแล้ว เขากล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “ขุนเขาตะวันตกน้อมรับ คาสั่ง!”
รอกระทั่งซ่งไหวเป้ านั่งลง ในบรรดาซานจวินห้าขุนเขาก็เหลือ แค่ซานจวินขุนเขาเหนือที่เรียกตัวเองว่าอวี้เตี๋ยซ่างเหรินแล้ว
เฉินผิงอันยิ้มตาหยี “ตาแหน่งเทพของขุนเขาเหนือ ตอนนี้ยังคิด ไม่ออก”
คนไม่น้อยในอารามต้ามู่หันมามองหน้ากันเอง บ้างก็ส่งยิ้มให้กัน บ้างก็หลุดเสียงหัวเราะอย่างกลั้นไม่อยู่
อวี้เตี๋ยซ่างเหรินกลับมีสีหน้าเป็ นปกติ เปลี่ยนมือที่ถือแส้ปัดฝุ่ น เอ่ยอย่างเปี่ ยมไปด้วยเหตุผลชอบธรรมว่า “อาจารย์เฉินช่วย ถ่ายทอดมรรคาไขข้อข้องใจให้พวกเราในครั้งนี้ต้องล าบากอย่าง มาก ไม่รีบร ้อน ไม่รีบร ้อนเลยสักนิด ไม่สู้อาจารย์เฉินพักผ่อนก่อน สักครู่…”
เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เห็นว่าเซียนกระบี่ชุดเขียวทาท่าครุ่นคิด แต่ ก็คล้ายจะล้มเลิกความคิดไป เก็บคาพูดที่เดิมทีมารออยู่ตรงปาก กลับคืน จากนั้นก็เหม่อลอยคล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ผู้เฒ่าที่เดิมทีเชี่ยวชาญการพูดจาตามมารยาทได้แต่พูดต่อไป อีกครั้ง ยังโชคดีที่เขาชานาญในวิชาความรู ้ด้านนี้จึงยังพอฝื นทน ต่อไปได้
มองดูเหมือนเฉินผิงอันจะจงใจทิ้งซานจวินท่านนี้ไว้ตรงนั้น แต่ อันที่จริงเขาแบ่งสมาธิไปสนใจเรื่องอื่นแล้ว
จาได้ว่าหลี่ซีเซิ่งที่อยู่นอกฟ้ าเคยโบกชายแขนเสื้อ ‘วาด” ภาพ วิถีโคจรของกลุ่มดาวขึ้นมาภาพหนึ่ง ที่แท้โจวมี่ก็ใช ้ร่องเจียวหลง ฝู เหยาทวีปและใบถงทวีปสามสถานที่สร ้างค่ายกลลับที่ร่องรอยตื้นจาง ขึ้นมาแห่งหนึ่ง เพื่อนามาสร ้างความมั่นคงให้กับวิถี “ชิงเต้า” ของ นอกฟ้ า ร่วมมือกับปีศาจใหญ่ขอบเขตสิบสี่ชูเซิง ช่วยกันชักน าให้ใต้ หล้าเปลี่ยวร ้างพุ่งเข้าชนใต้หล้าไพศาล พยายามจะให้เป็ นเหมือนเรือ สองลาที่พุ่งปะทะกัน
เฉินผิงอันใช ้ค่ายกลทับซ ้อน ส่วนป๋ ายจิ่งก็ใช ้สมบัติอาคมและ เวทคาถา พวกเขาต่างก็ไม่ได้อยู่นิ่งเฉย รีบเก็บกระแสน้าขึ้นปราณ วิญญาณสามครั้งใหญ่มา ต่างคนต่างได้ผลเก็บเกี่ยว ทุกครั้งที่มีการ เปิดประตูก็จะเทียบเท่าได้กับปริมาณสะสมของปราณวิญญาณผู้ฝึก ตนขอบเขตบินทะยานคนหนึ่ง
เซียนดินทุกคนบนโลกจะต้องมีงานพิธีเปิดยอดเขา สืบค้นไปถึง ต้นกาเนิดก็คือการที่ได้ครอบครองพื้นที่ประกอบพิธีกรรมแห่งหนึ่ง ให้อีกฝ่ ายสามารถดึงดูดปราณวิญญาณฟ้ าดินมาได้อย่างถูกต้อง ชอบธรรม
หลังจากที่ร่วมมือกันขัดขวาง ‘เรือข้ามฟาก’ ของเปลี่ยวร ้างไว้ได้ ส าเร็จ เฉินผิงอันก็พาเสี่ยวโม่กับป๋ ายจิ่งย้อนกลับไปยัง “สนามรบ” ไท่ซวีแห่งนั้น ผลคือก็ยังถูกหญิงชราแห่งเปลี่ยวร ้างและปีศาจใหญ่ กวนอื่ที่คิดเหมือนกันชิงตัดหน้าไปก่อน ฝ่ ายหลังชิงรวบรวมเอา ท่วงทานองที่เหลืออยู่ของกระแสน้าขึ้นและปณิธานที่แท้จริงของชิง เต้าไปครอง แต่พวกเฉินผิงอันก็ไม่ถือว่าไปเสียเที่ยว ป๋ ายจิ่งปล่อย กระบี่หนึ่งออกไปโดยตรง ตัดแขนข้างหนึ่งของกวนอี่จนแหลกเละ กวนอี่ที่แค่ช่วยปกป้ องมรรคาให้หญิงชราไม่อยากจะผูกปมแค้นกับผู้ ฝึ กกระบี่ที่ไร ้เหตุผลอย่างป๋ ายจิ่ง จึงเป็ นฝ่ ายแสดงความเป็ นมิตร จ่ายเงินฟาดเคราะห์ด้วยการโยนกิ่งไม้โบราณท่อนหนึ่งที่มีหน่ออ่อน สีเขียวหลายหน่อแตกขึ้นมาให้กับป๋ ายจิ่ง
ไม่ได้ต่อสู้โรมรันกัน รอกระทั่งกวนอี่และหญิงชราจากไปก็เหลือ แค่เศษซากน้าแกงเย็นขีดแล้ว แน่นอนว่าป๋ ายจิ่งย่อมไม่เห็นอยู่ใน สายตา ก็เหมือนผู้ฝึ กตนเดินอยู่บนถนนแล้วเห็นว่าบนพื้นมีเงิน เหรียญทองแดงตกอยู่ ย่อมต้องคร ้านจะก้มตัวลงไปหยิบ
เพียงแต่ว่าเจ้าขุนเขาเอ่ยปากแล้ว อีกทั้งนางเองก็เพิ่งจะได้กิ่งไม้ โบราณที่ “มีค่าแค่ไม่กี่แดง” ท่อนหนึ่งมาจากกวนอี่เปล่าๆ นางถึงได้ ยินดี “ทาเรื่องที่ไม่เปลืองแรง” รวบรวมเอาปราณวิญญาณที่เทียบเท่า กับการสะสมของผู้ฝึ กลมปราณขอบเขตหยกดิบคนหนึ่งมาหล่อ หลอมขึ้นเป็ นไข่มุกวิเศษขนาดเท่าเมล็ดต้นซิ่ง เนื่องจากในไข่มุกได้ ซุกซ่อนท่วงท านองส่วนหนึ่งของวิถีแห่งชิงเต้า คาว่าขายุงก็ยังถือว่า
เป็ นเนื้อของเจ้าขุนเขาเฉินก็เหมือนกับที่ป๋ ายจิ่งจงใจไม่พูดถึงความ เป็ นมาที่แท้จริงของกิ่งไม้กิ่งนั้น พูดไปแล้วจะผิดต่อมโนธรรมในใจ
นี่ก็น่าจะเรียกว่าไม่ใช่คนบ้านเดียวกันก็ไม่เดินเข้าประตูบาน เดียวกันกระมัง? เซี่ยโก่วอยู่บนภูเขาลั่วพั่วจนเคยชินแล้วก็ใช่ว่าจะไม่ มีเหตุผล
ภายหลังทั้งสองฝ่ ายก็นั่งลงแบ่งทรัพย์สินกันที่นอกฟ้ าตาม ข้อตกลง
ป๋ ายจิ่งมอบไข่มุกสีเขียวมรกตขนาดเท่ากาปั้นให้สามเม็ด เทียบเท่ากับรากฐานปราณวิญญาณของผู้ฝึกลมปราณขอบเขตบิน ทะยานสองคน
ป๋ ายจิ่งที่เดิมทีกะจะให้ขาดน้าหนักไปเล็กน้อยกาลังคิดว่าควรจะ ตบตาอีกฝ่ายอย่างไร เพียงแค่เพราะข้างกายมีเสี่ยวโม่อยู่ด้วย นางถึง ได้ยอมใจกว้างอย่างที่หาได้ยาก
ก่อนหน้านั้นไปเตร็ดเตร่อยู่ที่อุตรกุรุทวีป เด็กสาวสวมหมวกขน เตียวก็ติดขนบธรรมเนียมของไพศาลมาไม่น้อย อยู่ในหมู่ชาวบ้าน ร ้านตลาด ช่างเงินช่างทองที่คิดอยากจะได้กาไร นอกจากจะมีฝีมือที่ โดดเด่นเป็ นที่ต้องการแล้ว จะเอาแต่อาศัยมโนธรรมอย่างเดียวก็คง ไม่ได้กระมัง
ผลเก็บเกี่ยวทั้งหมดจากการเดินทางไปนอกฟ้ ารอบหนึ่ง เฉินผิง อันล้วนเตรียมการเอาไว้แล้ว
ปราณวิญญาณน้าขึ้นสามครั้งใหญ่ที่ตนดึงดูดมาจะมอบให้กับ ภูเขาลั่วพั่วและส านักกระบี่ชิงผิง ภูเขาชื่อซงในถ้าสวรรค์ฉางชุนยอด เขามี่เซวี่ย
และยังมีไข่มุกผลซิ่งเขียวที่ได้มาตอน “ช่วงท้าย”
เดิมทีเขาเตรียมการไว้สองอย่าง หากไม่บีบมันให้แหลกสลาย ปล่อยปราณวิญญาณทั้งหมดที่ซุกซ่อนอยู่ให้ผสานรวมเข้าไปใน โลกมนุษย์ของพื้นที่มงคลรากบัว ก็มอบให้กับใครหรือพื้นที่ประกอบ พิธีกรรมแห่งใด ส่วนสรุปแล้วจะมอบให้ใครก็ต้องดูที่ผลลัพธ ์ในการ ประชุมที่อารามต้าสู่ทะเลสาบชิวชี่แล้ว อาจจะเป็ นพรรคหูชานของ เกาจวิน แล้วก็อาจจะเป็ นจวนซานจวินห้ามหาบรรพตใหญ่บางแห่ง ของพื้นที่มงคล หรือจะเป็ นเว่ยเหลียงไท่ซ่างหวงแห่งแคว้นหนัน เยวี่ยน ไข่มุกปราณวิญญาณที่มองดูเหมือนไม่สะดุดตาเม็ดนี้ ส าหรับกองกาลังในท้องถิ่นของพื้นที่มงคลอย่างพวกเขาแล้วไม่ได้ เป็ นแค่ลาภลอยที่หล่นลงมาจากฟ้ าเท่านั้น แต่ถือเป็ นเงินก้อนยักษ์ ก้อนหนึ่ง น่าเสียดายที่เว่ยเหลียงเป็ นคนแรกที่ถูกตัดออกเดิมทีเรื่องที่ ทหารม้าฝีมือดีสามพันนายของแคว้นหนันเยวี่ยนคุ้มกันชาวบ้านลี้ ภัยของใบถงทวีปให้เข้ามาหลบภัยในพื้นที่มงคล ไม่มีคุณความชอบ ก็มีคุณความเหนื่อยยาก เป็ นเหตุให้ล าดับการเตรียมการในใจของ เฉินผิงอัน ทั้งเว่ยเหลียและแคว้นหนันเยวี่ยนต่างก็อยู่อันดับต้นๆ
ส่วนไข่มุกสีเขียวมรกตสองเม็ดที่ป๋ ายจิ่งมอบให้ในตอนท้ายก็มี น้าหนักไม่เบา เฉินผิงอันนึกถึงสถานะของเจ้าขุนเขาของตัวเองอย่าง
ที่หาได้ยาก จึงเตรียมเอามาใช ้ตอนปิดด่านฝ่ าทะลุขอบเขต เขาพก ติดตัวไว้ตลอดเวลาเพื่อพร ้อมให้เอามาใช ้ได้ทุกเมื่อ
และในขณะที่อวี้เตี๋ยซ่างเหรินรู ้สึกว่าตัวเองไม่รู ้จะสรรหาค าใดมา พูดอีกแล้ว อาจารย์หนุ่มที่มีความรู ้ลึกล้าชานาญผู้นั้น ในที่สุดก็คืน สติได้เสียที
เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย ถ้าอย่างนั้นเจ้าดูแลสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขา สายน้าทั้งหมดที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างถูกต้องจากราชสานักของใต้ หล้าแห่งนี้ดีไหม? รับผิดชอบเรียบเรียงท าเนียบหยกทองในวงการขุน นางภูเขาสายน้า เพียงแต่ไม่รู ้ว่าจะลาบากหรือไม่?”
อวี้เตี้ยซ่างเหรินคารวะตามขนบลัทธิเต๋า พูดติดๆ กันว่า “ไม่
ล าบาก ไม่ล าบากเลย!”
เฉินผิงอันกล่าว “ขุนนางดูแลขุนนางเป็ นเรื่องยากที่สุด ซานจวิ นต้องระวังให้มาก”
อวี้เตี๋ยซ่างเหรินไม่ได้ยึดเอวเงยหน้า เพียงเอ่ยว่า “เทพน้อยจะ ระมัดระวังแล้วระมัดระวังอีก จะไม่ทาผิดต่อความหวังที่เซียนกระบี่เฉิน ฝากไว้ให้อย่างแน่นอน…”
เฉินผิงอันใช ้เสียงในใจเอ่ยอย่างอ่อนใจว่า “ตวัดพู่กันเหมือนมี เทพช่วย ทุกครั้งที่เล่นสนุกล้วนได้ความสดใสกลับคืน ในเมื่อเรื่อง มาถึงขั้นนี้แล้ว ไฉนอู๋ซานจวินยังต้องเก็บงาอาพรางต่ออีก ปีนั้นลู่ไถ ไปเป็ นแขกที่ยอดเขาของขุนเขาเหนือ เรียกได้ว่าถูกชะตากับเทพ
ภูเขาจางที่เป็ นสิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์แรกของฟ้ าดินแห่งนี้อย่างมาก ร่าสุรา จุดสนหอมท่องบทกวีด้วยกัน ท าไม ลู่ไถพูดถึงข้าไม่ดีให้เจ้าฟัง หรือ?”
หากจะบอกว่าซ่งเจี่ยนเทพวารีแห่งแคว้นซงไล่คือเทพวารีเถื่อน คนแรก ถ้าอย่างนั้นอู๋ซานจวินแห่งขุนเขาเหนือท่านนี้ก็คือเทพภูเขา
องค์แรกอย่างสมศักดิ์ศรีแล้ว
ผู้เฒ่าที่มีลักษณะเหมือนนักพรตยิ้มบางๆ ยืดเอวขึ้นตรง มือถือ แล้ปัดฝุ่ น บุคลิกพลันแปรเปลี่ยนไปราวกับกลายไปเป็ นคนละคน ซานจวินเฒ่าลูบหนวดยิ้มเอ่ย “ยามที่สหายลู่พูดถึงเซียนกระบี่เฉิน กับข้าก็พูดแต่เรื่องดีๆ ทั้งนั้น วันนี้ได้พบเจอกันถึงได้รู ้ว่าสหายลู่ ไม่ได้โกหกที่แท้บนโลกมนุษย์ก็มี…คนดีอย่างเซียนกระบี่เฉินอยู่ จริงๆ”
นอกอารามเต๋า เจียงเสินจื่อที่ถูกซัดร่วงลงน้าถูกหยวนหวงและอู เจียงช่วยกันงมขึ้นมาไม่จาเป็ นต้องช่วยอะไรไปมากกว่านี้เพราะเดิมที เจี่ยงเฉวียนก็เป็ นผีอยู่แล้ว
หลังจากฟื้นคืนสติแล้วเจี่ยงเฉวียนอดีตบัณฑิตสอบตก ผีในทุก วันนี้ก็มีสีหน้าหม่นหมอง จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว นั่งอยู่ตรงตีนเขา ของอาราม ทั้งไม่ไปแก้แค้นในอารามต้ามู่อีก แต่ก็ไม่ยินดีจะไปจาก ที่นี่
และเวลานี้เอง สตรีผู้หนึ่งเดินออกมาจากน้า ริ้วน้ากระเพื่อมแผ่ เป็ นระลอก นางกะพริบตาปริบๆ กระโดดขึ้นมาบนฝั่ง “เจี่ยงเฉวียน ยังจ าข้าได้หรือไม่?”
เจียงเฉวียนเงยหน้า สีหน้าเหลอหรา นางคือกู้หลิง? ตนฝันไป หรือ?
สตรีแสร ้งทาท่าเสียใจ “นี่เพิ่งผ่านไปแค่กี่ปีเอง เจ้าก็ลืมข้าแล้ว หรือ บัณฑิตอย่างพวกเจ้าช่างใจดาแล้งน้าใจกันจริงๆ…”
พูดไปพูดมา สตรีที่คลี่ยิ้มก็หลั่งน้าตา
เจียงเฉวียนลุกขึ้นยืน โอบนางมาไว้ในอ้อมกอด เอ่ยเสียงเบาว่า “ในอดีตเคยเป็ นคนเหมือนกัน ทุกวันนี้ต่างก็กลายเป็ นผี กู้หลิง พวก
เราช่างเหมาะสมกันจริงๆ”
สตรีพยักหน้ารับเบาๆ “ใครว่าไม่ใช่กันล่ะ”
เฉินผิงอันลุกขึ้นยืน เงยหน้ามองม่านฟ้ า กุมหมัดคารวะ ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ขอบคุณเจ้าอารามผู้เฒ่าที่ผลักเรือตามกระแสน้า”
เจ้าอารามผู้เฒ่าที่อยู่ห่างไปไกลในราชวงศ์ชิงเสินใต้หล้ามืดสลัว หัวเราะร่วนถามว่า “ถูกข้าทาให้ลาบากถึงขนาดนี้แล้ว อย่างเจ้านี่ เรียกว่าใช ้คุณธรรมตอบแทนความแค้นหรือไม่?”
เฉินผิงอันยิ้มไม่พูดอะไร
เจ้าอารามผู้เฒ่ากล่าว “ถูกต้อง ยังคงเป็ นเจ้าโง่ในปี นั้นอยู่ เหมือนเดิม เจ้าหนูเจ้าพูดได้ท าได้จริงๆ”
เฉินผิงอันถึงได้เปิดปากเอ่ยว่า “ผู้อาวุโสมองคนไม่ผิด”
เจ้าอารามผู้เฒ่าพลันไร ้คาพูด สุดท้ายก็ได้แต่ด่าขาๆ ไปคาหนึ่ง แล้วถอนวิชาอภินิหารออก
เสี่ยวโม่กลั้นขา ผู้ฝึกกระบี่หญิงข้างกายที่ชื่อว่าฟู่ เสวียนเจี้ยเอ่ย ชื่นชมจากใจจริงว่า “เจ้าแห่งถ้าปี้เซียว อาจารย์เสี่ยวโม่ เฉินผิงอันผู้ นี้ช่าง….เฮ้อ ช่างเถอะ ข้าพูดดีๆ ไม่เป็ น”
เจ้าอารามผู้เฒ่ากล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย “เสี่ยวโม่ ตอนกลับไป ก็เตือนเขาสักค าว่าขอแค่ยังไม่เลื่อนเป็ นขอบเขตสิบสี่ก็อย่าได้มาที่นี่ รอให้เขามีขอบเขตนี้เมื่อไหร่ คาพูดบางอย่างถึงจะมีน้าหนัก”
เคยมีเด็กหนุ่มขาเปื้อนโคลนสะพายกระบี่คนหนึ่งผลัดหลงเข้า มาในจุดลึกของดอกบัว เขาในเวลานั้นยืนกรานในความคิดของ ตัวเอง คงเป็ นเพราะรู ้สึกว่าสรรพสิ่งในโลกมนุษย์มีมากมายดุจเส้น ขน แต่เรื่องเล็กน้อยกลับสาคัญกับข้ามาก