กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1078.1 หยิบเรื่องราวมาเติมเต็มใจคน
แผ่นดินในยุคสมัยหนึ่งก็มีบุคคลของยุคสมัยหนึ่ง สายน้าภูเขา เหมือนภาพวาด ผู้คนยิ่งมีชีวิตเสรีไม่ยึดติดกรอบ โดดเด่นเหนือฝุ่ น ธุลีทั้งปวง
อย่าว่าแต่เซี่ยโก่วเลย แม้กระทั่งผู้คุมกฏฉางมิ่งก็ยังไม่เข้าใจว่า ท าไมเฉินผิงอันถึงได้ตื่นเต้น และก่อนหน้านี้ก็มีเพียงคนเป็ นลูกศิษย์ อย่างกวอจู๋จิ่วเท่านั้นที่มองเรื่องนี้ออก
การประชุมในเรือนชุนฟานภูเขาห้อยหัวของปีนั้น ครั้งแรกที่เฉิน ผิงอันปรากฏตัวด้วยสถานะอิ่นกวานคนใหม่ของก าแพงเมืองปราณ กระบี่ เขาไม่ได้รู ้สึกตื่นเต้นเลยสักนิด ตั้งแต่ต้นจนจบล้วนผ่อนคลาย สบายๆ
ทว่าต่อให้พื้นที่มงคลจะเล็กแค่ไหนก็คือใต้หล้าทั้งแห่งที่มหา มรรคาโคจรอย่างมีระบบระเบียบ ดวงตะวันจันทราผลัดกันขึ้นลง พืช หญ้าแห้งเหี่ยวเติบโต ดอกไม้บานดอกไม้ร่วงโรย เซียนและมนุษย์ ธรรมดาอยู่ร่วมกัน มีดและสว่างสลับหมุนเวียน ล้วนอยู่ในฟ้ าดินแห่ง นี้
แล้วนับประสาอะไรกับที่เฉินผิงอันเองก็มองพื้นที่มงคลรากบัว เป็ นเหมือนถ้าสวรรค์หลีจูที่เป็ นบ้านเกิด
เจ้าอารามผู้เฒ่าซุกซ่อนเส้นสายซึ่งยังไม่เปิดเผยตัวไว้ที่นี่หลาย เส้น รอคอยอยู่เบื้องหน้าให้ภูเขาลั่วพั่วไปส ารวจและขุดค้น สถานการณ์จะดีหรือร ้ายล้วนขึ้นอยู่กับภูเขาลั่วพั่วซึ่งผูกติดอยู่ กับเฉินผิงอัน
ตามแผนการของเจ้าอารามผู้เฒ่า เจ๋อเซียนทุกคนใน ประวัติศาสตร ์ที่เข้ามาขัดเกลาจิตแห่งมรรคาหรือมาเที่ยวเล่นในโลก มนุษย์อยู่ในพื้นที่มงคลดอกบัว ล้วนจาเป็ นจะต้องจ่ายค่าผ่านทาง ก้อนหนึ่งให้กับอารามกวานเต๋า นั่นก็คือจิตแห่งมรรคา
รวบรวมจิตแห่งมรรคาของผู้ฝึ กลมปราณให้กลายเป็ นหนึ่ง รวบรวมผู้ที่ประสบความส าเร็จมาก่อนแล้วค่อยกระจายออกไป มีการ เตรียมการให้กับบุคคลต่างๆ ในโลกมนุษย์ดังนั้นพวกเขาจึงกลายมา เป็ นบุคคลที่พรสวรรค์โดดเด่นน่าตะลึง กลายมาเป็ นนกกระเรียนใน ฝูงไก่บนวิถีทางโลกแห่งนี้ หลูเซิงบัณฑิตที่พยายามจะร ้อยเรียงความ รู ้ของร ้อยส านักเข้าด้วยกัน สุยโย่วเปียนลูกศิษย์ที่เขาสอนออกมา เป็ นเช่นนี้ จูเหลี่ยน ติงอิงคนในรุ่นหลังก็เป็ นเช่นเดียวกัน อวี๋เจินอี้ จ้ง ชิวก็ยิ่งใช่ หยวนหวง อูเจียงที่เป็ นคนรุ่นเยาว์ก็ยังคงเป็ นเช่นนั้น
อารามกวานเต๋าก็เหมือนต้นไม้แห่งมรรคาต้นหนึ่ง ภูเขาสายน้า บนผืนแผ่นดินและสรรพชีวิตที่มีสติปัญญาคือกิ่งก้านใบและดอกผล ทุกกิ่งก้านล้วนเป็ นชะตาแคว้น เป็ นควันธูปของแต่ละครัวเรือน เป็ น เส้นสายของพรรคในยุทธภพ ดอกไม้บานก็คือการถือก าเนิดของทุก
ชีวิต ดอกไม้ร่วงก็คือความตายของทุกชีวิต ถ้าอย่างนั้นดอกผลที่ผลิ อยู่บนต้นไม้แห่งมรรคาต้นนี้ก็คือ “นักพรต
สถานการณ์ใหญ่มั่นคงดีแล้วก็ยังต้องปรึกษากันในเรื่องของ รายละเอียด เรือนลั่วฮวา อารามต้ามู่
กงฮวาสุ่ยจวินที่เป็ นเจ้าบ้านของทะเลสาบชิวชี่ต้มชารับรองแขก
ด้วยตัวเอง
เมื่อเทียบกับกระแสคลื่นใต้น้าบนลานกว้างหยกขาวก่อนหน้านี้ บรรยากาศในห้องเวลานี้ต่อให้มิอาจเรียกได้ว่าทั้งแขกและเจ้าบ้าน ล้วนเปรมปรีดิ์ แต่ก็ถือว่าได้ยกภูเขาออกจากอกกันแล้ว
สมาชิกที่เข้าร่วมการประชุมขนาดเล็กครั้งที่สอง ผู้ฝึกลมปราณ มีเกาจวิน ซุนหว่านแย่นฉายาหลิงฝู โจวซูเจินแห่งหอจิ้งหย่าง เพ่ ยเซียงเจ้าแห่งแคว้นหู
ผู้ฝึกยุทธมีแค่จงเชี่ยน มือกระบี่เฉานี่ ปรมาจารย์หญิงเฮ้อฉีโจว
นอกจากนี้ก็คือจักรพรรดิของสี่แคว้นและซานจวินห้ามหา บรรพต ก่อนหน้านี้สถานการณ์ของทั้งสองฝ่ ายตอนที่อยู่บนลาน กว้างนอกต าหนักหลักของอารามค่อนข้างจะน่าสนใจ ซานจวินทุก ท่านล้วนนั่งลงแล้ว ทว่าผู้ครองแคว้นกลับยังคงยืนอยู่
ซานจวินผู้เฒ่าแห่งขุนเขาเหนือที่เก็บงาอาพรางตนได้ดียิ่ง กว่าซ่งไหวเป้ า ชื่อเดิมคือจางเซี่ยนซาน หลังจากกลายเป็ นเทพก็ใช ้ นามแฝงว่าอู๋อง ฉายาอวี้เตี๋ย
ซานจวินผู้เฒ่าคิดว่าจะกลับไปใช ้ชื่อเดิมแล้ว เพียงแต่รู ้สึกว่า นามแฝงว่าอู๋ฉงนี้ไม่ค่อยเป็ นที่น่าชื่นชอบเท่าใดนัก
เฉินผิงอันถือประคองถ้วยชาไว้บนฝ่ ามือ ยิ้มถามว่า “ฮ่องเต้ทั้งสี่ ท่าน เกี่ยวกับเรื่องการแบ่งหน้าที่ของซานจวินห้ามหาบรรพต พวก เจ้ามีความเห็นต่างหรือไม่? หากมีความเห็นต่าง มีข้อเสนอแนะ
อะไร?”
ความนัยในประโยคนี้ก็คือพวกถังเถี่ยอี้ เว่ยแย่นสามารถปฏิเสธ ไม่เห็นด้วยได้ แต่ก็ต้องมีวิธีแก้ไขปัญหาให้ด้วย
ท่าป๋ าต้าเจ๋อที่เป็ นผู้ครองทุ่งหญ้ากว้างตอบ “ไม่มีความเห็นต่าง อะไร เดิมทีห้ามหาบรรพตใหญ่ก็ไม่อยู่ในการดูแลของพวกเราอยู่ แล้ว ตอนนี้พวกเขามีตาแหน่งหน้าที่ที่ชัดเจนแยกงานกันอย่างแจ่ม แจ้ง ดีมากแล้ว”
จ้าวจวี้หรานซานจวินแห่งขุนเขาตะวันออกถาม “กฎระเบียบของ ศาลเทพอภิบาลเมืองในโลกมนุษย์จะตั้งกันอย่างไร? ยกตัวอย่างเช่น เทพอภิบาลเมืองแต่ลระดับควรจะต้องมีต าแหน่งหวัง โหว กง ป๋ อ แจว์ ที่สอดคล้องกับขอบเขตการปกครองของตัวเองด้วยหรือไม่?”
จ้าวจวี้หรานไม่ได้ละโมบต่ออานาจ แต่เขากลับรู ้ชัดเจนดีว่า หากคาลเทพอภิบาลเมืองไม่มีอานาจที่แท้จริง การดูแลเรื่องของโลก มืดและพวกภูตผีของขุนเขาตะวันออกก็จะเหมือนการพูดคุยกันบน หน้ากระดาษเท่านั้น
เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “จ้าวซานจวิน ก่อนหน้านี้ข้าก็บอกแล้วว่า รายละเอียดจาพวกนี้ พวกเจ้าปิดประตูปรึกษากันเองได้เลย วันนี้ข้า กับภูเขาลั่วพั่วไม่สอดมือเข้าแทรก พรุ่งนี้ก็เช่นเดียวกัน”
จ้าวจวี้หรานพยักหน้า
เฉินผิงอันกล่าว “มีเพียงเรื่องเดียวที่ข้าจาเป็ นต้องกาหนดกับ พวกเจ้าให้ชัดเจนตั้งแต่วันนี้ และวันหน้าก็พยายามอย่าให้มีการ เปลี่ยนแปลง ศาลบุ๋นบู๊สองแห่ง เทวรูปหลักและเทวรูปรองในต าหนัก หลัก และยังมีในตาหนักข้างอีกสองฝั่ง ปราชญ์ผู้ล่วงลับที่จะถูกตั้ง บูชาอยู่ในสองห้องจะต้องมีเค้าโครงคร่าวๆ ที่แน่นอน วันเวลาในการ บวงสรวงและกฎระเบียบพิธีการล้วนมีตัวอย่างส าเร็จรูปให้ยกมาท า ตามอยู่แล้ว ข้อนี้เจ้าประมุขเกาเป็ นผู้เชี่ยวชาญส่วนตัวเลือกเทวรูปที่ จะเอามาตั้งวาง แน่นอนว่าพวกเจ้าเลือกกันเองได้เลย”
ไหวเซี่ยซานจวินขุนเขาเหนือที่เป็ นผู้ดูแลศาลบู๊เปิ ดปากถาม “ปฐมศาลบุ๋นที่สร ้างขึ้นบนภูเขาของข้า เทวรูปในต าหนักหลักได้ถูก กาหนดไว้แล้ว สมาชิกที่จะได้รับควันธูปคู่ไปด้วยก็ต้องเป็ นสุดยอด ขุนพลที่มีชื่อเสียงดีงาม พูดถึงแค่เทวรูปที่ตั้งวางไว้ในห้องข้างสอง ห้อง นอกจากแม่ทัพที่มีชื่อเสียงของแต่ละรัชสมัยซึ่งมีผลงานการสู้รบ เกริกก้องแล้ว ยังสามารถเอาปรมาจารย์วิถีวรยุทธในแต่ละยุคไปวาง ไว้ อนุญาตให้พวกเขาได้ครอบครองต าหนักหลักเพียงล าพังด้วยได้ หรือไม่?”
เฉินผิงอันพยักหน้ายิ้มเอ่ย “ข้าคิดว่าทาได้”
เจิ้งเฟิ่งโจวที่ดูแลโชคชะตาบุ๋นของใต้หล้ายิ้มถาม “อาจารย์เฉิน อริยะปราชญ์ที่มีเทวรูปตั้งวางในศาลบุ๋น ไม่ว่าจะเป็ นปรมาจารย์ผู้ รอบรู ้แห่งลัทธิขงจื๊อที่ถ่ายทอดหลักธรรมและปรัชญา หรือจะเป็ น นักปราชญ์แท้ที่ประพฤติชอบธรรม เชื่อว่าขอแค่สามารถยึดมั่นใน พิธีการที่ถูกต้อง รักษาหลักแห่งจริยธรรม ทาจิตใจผู้คนให้บริสุทธิ์ เปลี่ยนแปลงขนบธรรมเนียมสร ้างคุณประโยชน์ให้กับวิถีทางโลกก็จะ สามารถเข้าไปเป็ นเทวรูปที่ตั้งวางอยู่ในศาลบุ๋นได้แล้ว ถ้าอย่างนั้น คนที่แต่งกายเรียบง่าย ตอนมีชีวิตอยู่ไม่เคยก้าวเดินอยู่ในวงการขุน นาง ไม่เคยได้เป็ นขุนนางที่ได้รับความสาคัญจากราชสานัก แต่ บทความคุณธรรมของพวกเขากลับสร ้างประโยชน์ให้กับโลกยุคหลัง ปัญญาชน “ตัวเปล่าเล่าเปลือย พวกนี้จะเป็ นเทวรูปที่ตั้งวางอยู่ใน
ศาลบุ๋นได้หรือไม่?”
เฉินผิงอันครุ่นคิดแล้วก็พยักหน้า “คนไม่ธรรมดาก็ย่อมต้อง ได้รับการปฏิบัติที่ไม่ธรรมดา”
“เพียงแต่ว่ากรณียกเว้นเช่นนี้ต้องระมัดระวังให้ดี อย่าให้มีบ่อย เกินไป หากท าให้คนรู ้สึกว่าเอามาประสมประเสให้ครบจ านวนอย่าง พร่าเพื่อก็จะเดือดร ้อนให้ศาลบุ๋นสูญเสียความเชื่อมันจากใต้หล้า”
“ขอให้ข้าปากมากพูดอีกสักประโยค ขุนเขากลางกับขุนเขาใต้ ช่วงแรกเริ่มของการสร ้างศาลบุ๋นบู๊ นอกจากตัวเลือกเทวรูปที่จะนามา ตั้งวางซึ่งต้องคัดเลือกอย่างตั้งใจ ทุกคนที่ได้รับเลือกล้วนเป็ นที่
ยอมรับจากผู้คน ทางที่ดีที่สุดก็ควร…ควบคุมจานวนให้ดี ไม่ต้องรีบ ร ้อนผสมให้ครบจ านวนสามสิบหก เจ็ดสิบสอง”
ซานจวินผู้เฒ่าแห่งขุนเขาเหนือลูบหนวดยิ้ม “จะต้องทิ้งความ คิดถึงเล็กๆ น้อยๆ ให้กับคนรุ่นหลัง”
เฉานี่พยักหน้า “เดิมทีเหล่าวีรบุรุษอริยะปราชญ์ก็ไม่แน่เสมอไป ว่าคนในยุคปัจจุบันจะสู้คนยุคโบราณไม่ได้อยู่แล้ว”
ซานจวินผู้เฒ่าพลันเอ่ยว่า “จับปลามาให้ ไม่สู้สอนให้คนตก ปลา อาจารย์เฉิน?”
เฉินผิงอันพยักหน้า “ส่วนเรื่องของการก่อตั้งกองโหราศาสตร ์ ของแต่ละแคว้น ทางฝั่งของภูเขาลั่วพั่วจะมอบเอกสารลับส่วนหนึ่ง ให้กับซานจวินซ่งแห่งขุนเขาตะวันตกและราชสานักสี่แคว้นไป พร ้อมๆ กัน ในนั้นจะมีการบันทึกถึงศาสตร ์การมองลมปราณหลาย ชนิด ไม่ใช่ว่าผู้หลอมลมปราณทุกคนจะสามารถกลายเป็ นนักมอง ลมปราณได้ การตามหาตัวอ่อนด้านการฝึกตนที่เหมาะสมในด้านนี้ บางทีอาจต้องให้จักรพรรดิทั้งหลายทุ่มเทความคิดจิตใจกันให้มาก เมื่อแต่ละแคว้นมีนักมองลมปราณ ราชสานักของโลกมนุษย์ก็ สามารถตรวจสอบภาพปรากฏการณ์ประหลาดแห่งฟ้ าดินและ ร่องรอยของยอดฝีมือ ของผู้หลอมลมปราณ ของปรมาจารย์วิถีวร ยุทธที่บนร่างแบกรับโชคชะตาบู๊เอาไว้ได้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขา สายน้าของแต่ละฝ่ าย เมื่อปรากฏในสายตาของนักมองลมปราณจะ กลายเป็ น “ผู้ที่ก้าวเดินโดยแบกลมปราณไว้บนร่าง ขอแค่ขอบเขต
ของนักมองลมปราณมีมากพอ ร่วมกับการใช ้เครื่องมือที่เอาไว้ ตรวจสอบดูท้องฟ้ าและพื้นดินโดยเฉพาะ ฝ่ ายหลังมีความเคลื่อนไหว เพียงเล็กน้อยก็จะไม่มีที่ให้หลบเลี่ยงอีก เมื่อเป็ นเช่นนี้ราชสานักก็จะ มีเงินทุนในการหาคนมาพลิกเปิดบัญชีเก่าแล้วท าการให้รางวัลหรือ ลงโทษตามกฎระเบียบแล้ว”
ถังเถี่ยอี้พยักหน้า สีหน้าผ่อนคลายได้หลายส่วน
หากเซียนกระบี่เฉินและภูเขาลั่วพั่วล าเอียงเข้าข้าง “บนภูเขา” อย่างเดียว ให้การสนับสนุนประคับประคองสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งห้ามหา บรรพตและผู้ฝึกตนอย่างเต็มก าลัง ถ้าอย่างนั้นจักรพรรดิล่างภูเขาที่ สวมชุดคลุมมังกรอย่างพวกเขามาเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ก็คงจะไม่ ต่างจากการเป็ นไม้ดอกไม้ประดับที่ถูกภูเขาลั่วพั่วและพรรคหูซาน ลากมาให้ช่วยขับให้พวกเขาโดดเด่น
เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “ในบรรดาผู้หลอมลมปราณ นอกจากนักมอง ลมปราณที่เป็ น โจรในบ้าน” ซึ่งสามารถงัดข้อกับผู้หลอมลมปราณ ได้แล้ว ก็ยังมีผู้ฝึ กตนสานักการทหารที่หลอมเม็ดเสื้อเกราะส านัก การทหารขึ้นมาอย่างลับๆ เมื่อเทียบกับเม็ดกระบี่ของเซียนกระบี่แล้ว หนึ่งก็คือป้ องกัน อีกหนึ่งคือโจมตี ถือว่าขัดแย้งกันเอง ผู้ฝึกยุทธได้ ครอบครองเม็ดเสื้อเกราะไว้ในมือก็เหมือนได้สวมเสื้อเกราะ ไม่ต่าง จากการที่ผู้หลอมลมปราณสวมชุดคลุมอาคมไว้บนร่างสักเท่าไร นอกจากนี้ผู้ฝึกตนสานักนิติธรรม อยู่ในโลกภายนอกก็ถูกมองเป็ น หนึ่งในสี่ผีใหญ่ตอแยยากบนภูเขาเช่นกัน ดังนั้นเจ้าแคว้นถังเจ้าไม่
ต้องเป็ นกังวลว่าบนภูเขาจะเป็ นใหญ่เพียงหนึ่งเดียว ในขณะที่ราช ส านักมีกองก าลังอ่อนแอ ความรู ้และสถานการณ์ในเรื่องนี้ เชื่อว่าวัน หน้ามีแต่จะซับซ ้อนและหนาแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเจ้าเป็ นผู้ครอง แคว้น ใต้หล้าเป็ นของพวกเจ้า ย่อมต้องทาเรื่องต่างๆ ได้อีกมากมาย”
ฮ่องเต้หนุ่มแคว้นซงไล่อย่างหวงเหมี่ยนพลันเปิ ดปากถามว่า “ข้าน้อยขอบังอาจถามสักค า ในความเห็นของอาจารย์เฉิน ความดี เลวของวิถีทางโลก สืบสาวราวเรื่องกันแล้วขึ้นอยู่กับฝีมือของใครกัน แน่?”
เฉินผิงอันยิ้มย้อนถาม “อยากจะพูดว่า “สถานการณ์ของใต้ หล้า” ที่ลี้ลับมหัศจรรย์แท้จริงแล้วถูกคนกลุ่มน้อยจูงจมูกให้เดินไป เมื่อมีการตัดสินใจจากคนจานวนน้อยนิดอย่างพวกเขา เช่นข้าเฉิน ผิงอันกับภูเขาลั่วพั่ว เกาจวินกับพรรคหูซาน หรือไม่ก็เจ้ากับแคว้น ซงไล่? หรือไม่ก็ถูกวิถีทางโลกที่มองไม่เห็นผลักดันให้เดินไป ข้างหน้า บ้างก็ขึ้นเนินบ้างก็เดินลงเนินสรุปก็คือทุกคนล้วนถูกหอบ หุ้มไว้ภายใน ทุกคนก็ได้แต่คล้อยไปตามสถานการณ์ใช่หรือไม่?”
หวงเหมี่ยนพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม “ยังคงเป็ นอาจารย์เฉินที่พูด ได้ละเอียดและแม่นย ามากกว่า”
เฉินผิงอันกล่าว “นี่คือคาถามที่ซับซ ้อนอย่างมาก ยากที่จะ อธิบายได้กระจ่างในทันที แต่การยิงธนูไปก่อนแล้วค่อยวาดเป้ าซึ่ง ต้องโดนเป้ าทุกครั้งอย่างแน่นอน ถือเป็ นข้อห้ามใหญ่หลวงของการ ถกเถียงพูดคุย ดังนั้นไม่สู้ตั้งเป้ าขึ้นมาสองเป้ าแล้วยิงธนูออกไปอย่าง
ส่งเดช แล้วยังต้องหาเหตุผลทั้งฝ่ ายสนับสนุนและฝ่ ายคัดค้านที่มี น้าหนักมากพอ สุดท้ายค่อยมานับจานวนลูกธนูที่ปักอยู่บนเป้ าทั้ง สองว่ามีมากหรือน้อย รอให้วันใดในใจข้ามีค าตอบที่แน่ชัดแล้วจะมา พูดคุยกับฝ่าบาทอย่างละเอียดอีกที”
หวงเหมี่ยนกุมหมัดยิ้มเอ่ย “ข้าคาดหวังการมาถึงของวันนั้น
อย่างยิ่ง”
เกาจวินอดไม่ไหวเปิดปากถามว่า “เจ้าขุนเขาเฉิน ในใต้หล้า ไพศาล หากอิงตามกฎของศาลบุ๋น จักรพรรดิมิอาจฝึ กหลอม ลมปราณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่อาจเลื่อนเป็ นห้าขอบเขตกลางได้ แล้วที่นี่ของพวกเรา?”
เฉินผิงอันจิบชาหนึ่งอึก เงียบไปพักใหญ่ เขาที่นั่งอยู่บนตาแหน่ง ประธานมองไปยังลานกว้างด้านนอก เอ่ยเนิบช ้าว่า “เรื่องนี้ให้พวก เจ้าเป็ นคนตัดสินใจกันเองก็แล้วกัน”
ใต้หล้าไพศาลมีกฎข้อนี้อยู่ แต่ใต้หล้ามืดสลัวกลับไม่มี พันธนาการเช่นนี้ “กลิ่นอายแห่งมรรคา” ในพื้นที่มงคลแห่งนี้เข้มข้น ทั้งยังหนาแน่นไม่กระจายหายไปไหน เฉินผิงอันคิดว่าไม่สู้นิ่งเฉยรอดู สถานการณ์ไปก่อน
ถังเถี่ยอี้และหวงเหมี่ยนมีสีหน้าสดใส ได้ยินแล้วก็รีบข่มกลั้น ความตกตะลึงระคนดีใจในใจลงไปอย่างสุดก าลัง ไม่ให้สีหน้าของ ตัวเองแสดงออกถึงการเสียกิริยา
เว่ยแย่นแห่งแคว้นหนันเยวี่ยนกับท่าป่าต้าเจ๋อแห่งกระโจมทองไม่ คิดมากกับเรื่องนี้แม้แต่น้อย พวกเขาต่างก็เป็ นผู้ฝึ กยุทธเต็มตัว มิ อาจหลอมลมปราณฝึกบ าเพ็ญตนกันได้อยู่แล้ว
เฉินผิงอันยิ้มอธิบายว่า “อันที่จริงหากไม่เป็ นเพราะพวกเฉานี่ โจวซูเจินมาขัดจังหวะเดิมทีวันนี้ข้ามาเข้าร่วมการประชุมก็ได้ร่าง ถ้อยคาที่จะพูดตอนเริ่มต้นไว้แล้ว ไม่ใช่ประโยคที่ว่า “อยู่ในสถานะที่ มีชัยเหนือผู้อื่น” แต่เปลี่ยนเป็ นอีกประโยคหนึ่งบอกว่า โลกมนุษย์คือ โลกมนุษย์ของพวกเจ้า ข้าเป็ นแค่แขกคนหนึ่งเท่านั้น แต่หากข้าพูด แบบนี้จริงๆ เชื่อว่าตอนนั้นคงไม่มีใครเชื่อ คงคิดว่าเป็ นแค่คาพูดตาม มารยาทที่พูดให้ฟังดูดี แต่ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย”
ซานจวินผู้เฒ่ายิ้มเอ่ย “ที่อาจารย์เฉินพูดมาไม่ได้ถูกต้องทั้งหมด ต้องเพิ่มท้ายไปอีกประโยคว่า “เว้นจากจางซานจวิน ด้วย”
ซ่งไหวเป้ าหยิบพัดพับออกมาจากชายแขนเสื้อ เอามาดันหว่าง คิ้ว อวี้เตี๋ยซ่างเหรินผู้นี้นอกจากจะ “แกล้งยากจน” ได้เก่งมากแล้ว ยังพูดจาดีๆ เก่งด้วย ที่สาคัญคือหนังหน้าหนากว่าตนมากนัก
เฉานี่ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “เรื่องนี้เป็ นข้าที่ทาตัวไร ้เหตุผลก่อน ขาด มารยาทไป ผลคือกลับจับผลัดจับผลูกลายเป็ นเรื่องดีเสียได้ ถือว่า หายกันแล้ว อาจารย์เฉินอย่าได้ซักไซ ้เอาโทษหรือขอบคุณอะไรข้า เลย”
เฉินผิงอันกลับส่ายหน้ายิ้มกล่าวว่า “อิงจากความรู ้ของอริยะผู้ ทรงธรรมสองท่าน เจ้าต้องขอโทษข้าก่อน แล้วข้าค่อยขอบคุณเจ้า มี มามีไปตอบแทนไมตรี นี่ต่างหากจึงจะถือว่าสอดคล้องตามกฎ”
เดิมทีก็เป็ นคาพูดหยอกล้อกึ่งเล่นกึ่งจริง แต่เฉานี่กลับตั้งใจคิด จริงจัง ราวกับว่าเกิดการตระหนักรู ้จากคาพูดประโยคนี้
นี่แสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติด้านจิตใจที่ยอดเยี่ยมของผู้ฝึกยุทธ เฉานี่
เฉินผิงอันเกือบจะอดไม่ไหวถามไปว่า เจ้าเฉานี่เคยยืนยันให้ แน่ใจในเรื่องที่ว่าตัวเองฝึกหรือฝึกบ าเพ็ญตนไม่ได้มาก่อนแล้วจริงๆ ใช่ไหม?
หากค าตอบคือสามารถฝึกบ าเพ็ญตนได้ เฉินผิงอันก็จะถามไป อีกประโยคว่า หากมีใจอยากฝึกบ าเพ็ญตน ยินดีติดตามข้าออกไป จากพื้นที่มงคลจากแล้วข้ามทวีปเดินทางไกลไปด้วยกันสักครั้งไหม
เฉินผิงอันสามารถพาเฉานี้ไปลองเสี่ยงดวงที่เรือนอวิ๋นฉ่าวผู ซานใบถงทวีปได้
เฉินผิงอันกล่าว “การประชุมครั้งที่สอง เวลาร ้อยปี ยาวนาน เกินไป ถึงอย่างไรอายุขัยของผู้ฝึ กยุทธก็มีจ ากัด ปรมาจารย์ใหญ่ บางคนที่ “ไม่ได้เกิดมาในยุคสมัยที่ดี” ต่อให้เลื่อนเป็ นขอบเขตร่าง ทองหรือแม้กระทั่งขอบเขตเดินทางไกลแล้ว บางทีตลอดทั้งชีวิตก็ยัง ไม่เคยได้เข้าร่วมการประชุมสักครั้ง นี่ไม่สมเหตุสมผลอย่างแน่นอน
แต่หากจะบอกว่าให้จัดการประชุมทุกสามสิบปีก็ดูเหมือนว่าระยะเวลา จะสั้นเกินไป ถ้าอย่างนั้นก็กาหนดชั่วคราวไว้ที่สี่ห้าสิบปีก่อนดีไหม? เกี่ยวกับสถานที่การประชุม ข้ามีข้อเสนอแนะ ไม่สู้ก าหนดให้เป็ น พรรคหูซานของเจ้าประมุขเกาในระยะยาวไปเลย ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อยๆ หาไม่แล้วกลับจะก่อให้เกิดปัญหาที่ไม่จาเป็ นบนภูเขาได้ง่าย เจ้า ประมุขเกา สหายชิงสือ พวกเจ้ามีความเห็นอะไรหรือไม่?”
เกาจวินลุกขึ้นคารวะตามขนบลัทธิเต๋า “เกาจวินขอบคุณที่เจ้า ขุนเขาเฉินเชื่อใจ พรรคหูซานยินดีรับทาหน้าที่นี้”
รอกระทั่งเกาจวินนั่งกลับลงไปอีกครั้ง กงฮวาก็เปิดปากยิ้มเอ่ยว่า “ฟังการจัดการของอาจารย์เฉิน เป็ นแบบนี้จึงจะดี การประชุมครั้ง หนึ่งต้องสิ้นเปลืองกาลังคนและทรัพยากรไปนับไม่ถ้วน อย่างน้อย ที่สุดค่าใช ้จ่ายก็เป็ นทรัพย์สินถึงครึ่งหนึ่งของข้า อารามตามู่ถือว่าตบ หน้าตัวเองสวมรอยเป็ นคนอ้วนแล้ว พรรคหูซานยินดีรับเผือกร ้อน ลวกมือนี้ไปถือ ข้าดีใจยังแทบไม่ทัน มีหรือจะมีความเห็นต่าง ไม่มี ไม่ มีเลยสักนิด”