กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1078.2 หยิบเรื่องราวมาเติมเต็มใจคน
ครั้งแรกที่มาเป็ นแขกเยี่ยมพบเกาจวิน ซานจวินผู้เฒ่าที่ขี่กวาง ถือแส้ก็เรียกตัวเองด้วยความภาคภูมิใจว่าเป็ นเทพแห่งดินแดนเบื้อง บน ตอนนั้นเกาจวินเข้าใจผิดคิดว่าเทพภูเขาที่มีนิสัยสูงส่งเย็นชาผู้นี้ ดูแคลนสรรพชีวิตของดินแดนเบื้องล่าง การประชุมลับสองครั้งใน เรือนลั่วฮวาก่อนหน้านี้ เพียงแค่เพราะฝีมือการแสดงของจางเซี่ยน ซานเข้าขั้นชานาญเกินไป เจ้าอารามกงฮวาและพวกถังเถี่ยอี้จึงคิด ว่าซานจวินขุนเขาเหนือผู้นี้เป็ นหญ้ายอดกาแพงที่ขับเรือตามกระแส ลม ตอนนี้ถึงเพิ่งรู ้ว่าอวี้เตี๋ยซ่างเหรินคือคนจริงที่ไม่เปิดเผยตัวตนอ า พรางตนไว้ได้อย่างลึกล้า
ซานจวินผู้เฒ่ายื่นมือไปลูบแส้ปัดฝุ่ น ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “พื้นที่ มงคล พื้นที่มงคลแน่นอนว่าไม่อาจตั้งชื่อได้อย่างส่งเดช หลีกเลี่ยง ไม่ให้ตัวอยู่ท่ามกลางความสุขแล้วยังไม่รู ้ตัว ตามค ากล่าวของสหาย ลู่แห่งลัทธิมารในปีนั้น พื้นที่มงคลแห่งหนึ่งที่ตั้งชื่อว่าดอกบัวได้ถูก เจ้าแห่งถ้าปี้เซียวที่สูงศักดิ์เป็ นถึงท่าน “เทพเทวดา” จงใจกดข่มไว้ให้ อยู่ในระดับล่าง กักปราณวิญญาณเอาไว้ถึงได้ท าให้ใต้หล้าแร ้นแค้น เป็ น “ดินแดนไร ้อาคม” ดี คาเปรียบเปรยที่ว่า “ดินแดนไร ้อาคม” นี้ กล่าวได้ดีจริงๆ สหายลู่เคยเปิดเผยความลับสวรรค์กับข้าบอกว่าโลก ภายนอกที่เป็ นบ้านเกิดของเขากับเซียนกระบี่เฉินอยู่ควบระหว่าง
่
พื้นที่มงคลระดับกลางกับระดับล่าง ขอถามเซียนกระบี่เฉิน ทุกวันนี้ สถานที่แห่งนี้คือระดับใด?”
เฉินผิงอันตอบ “คือพื้นที่มงคลระดับสูง สูงถึงคอขวดแล้ว”
จางซานจวินถอนหายใจ “ที่แท้ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงของ สภาพอากาศก็ล้วนเป็ นการทุ่มเงินของภูเขาลั่วพั่วนี่เอง ไม่ทราบว่า หากเอามาคานวณเป็ นเงินเทพเซียนที่ขาวราวกับหิมะของทุกวันนี้ จ านวนจะมีมากแค่ไหน?”
เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “ยากเกินกว่าจะคานวณได้ อย่าพูดถึงเลย ดีกว่า”
หาเงินเหมือนย้ายภูเขา ใช ้จ่ายเงินเหมือนสายน้าไหล
เกาจวินตกตะลึงอย่างหนัก อารมณ์ซับซ ้อนสุดขีด “ท าไมก่อน การประชุม เจ้าขุนเขาเฉินถึงไม่บอกความจริงข้อนี้กับพวกเรา?”
เฉินผิงอันยิ้มย้อนถาม “พูดเรื่องนี้ทาไม เพื่อที่จะให้มีคนรู ้สึก ซาบซึ้งในพระคุณของภูเขาลั่วพั่วมากกว่าเดิมหรือ?”
ซ่งไหวเป้ าใช ้พัดพับตีฝ่ ามือ ทอดถอนใจด้วยความชื่นชมไม่ หยุด ยิ้มเอ่ยว่า “อาจารย์เฉินทาแบบนี้จึงจะถูกต้อง วันหน้าความจริง ที่ควรรู ้ ไม่ช ้าก็เร็วต้องได้รู ้เมื่อถึงวันนั้นภูเขาลั่วพั่วก็จะได้รับค าชม ว่าทาดีโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ชื่นชมอาจารย์เฉินว่าเป็ นคนเปิดเผย ตรงไปตรงมา ดุจแสงจันทร ์ดุจลมเย็น หากไม่รู ้ก็ให้ไม่รู ้ต่อไปนั่น แหละ ก็เหมือนอย่างที่อาจารย์เฉินพูดตอนถ่ายทอดมรรคาก่อนหน้า
่
นี้ว่า “สรรพสิ่งได้รับความสมดุลจึงเติบโต ถูกหล่อเลี้ยงจนอุดม สมบูรณ์ ไม่เห็นกระบวนการแต่เห็นผลลัพธ ์ นี่แหละที่เรียกว่าความ ศักดิ์สิทธิ์ ทุกคนรู ้ถึงผลสาเร็จ แต่ไม่เคยมีใครมองเห็นรูปร่าง นี่แหละ ที่เรียกว่าธรรมชาติ ขณะเดียวกันก็สามารถป้ องกันใจคนที่ไม่ เพียงพอเห็นข้าวหนึ่งโต่วเป็ นบุญคุณ เห็นข้าวหนึ่งเซิงเป็ นความแค้น สภาพการณ์ของภูเขาลั่วพั่วและพื้นที่มงคลก็เหมือนคนสองคนที่ใช ้ ชีวิตอยู่ร่วมกัน หากมีความสัมพันธ ์ที่ผสมผสานกลมเกลียวราวกับ กาวติดแน่นราวกับน้ามันเคลือบมาตั้งแต่ต้น ใครบางคนมีความ ประทับใจที่ดีต่อใครบางคนอย่างถึงที่สุด วันหน้าจะท าอย่างไร คอย ลดคะแนนไปเรื่อยๆ อย่างนั้นหรือ?”
เฉินผิงอันพยักหน้า “ซ่งซานจวินมีความคิดปราดเปรื่อง มองใจ คนได้อย่างกระจ่าง”
ซ่งไหวเป้ ายิ้มเอ่ย “ในเมื่ออาจารย์เฉินเชื่อใจให้ขุนเขาตะวันตก ของข้าดูแลเรื่องบุพเพชีวิตคู่ แม้ว่าเทพน้อยจะหลงใหลในกามารมณ์ พอๆ กับใฝ่ หาคุณธรรม อีกทั้งยังไม่เคยปิดบังความคิดทุกอย่างล้วน ปรากฏบนใบหน้าหมดแล้ว แต่ก็สามารถรับรองกับภูเขาลั่วพั่วและ อาจารย์เฉินได้ตรงนี้เลยว่า เทพน้อยจะไม่มีทางทาหน้าที่เป็ นคนเฝ้ า เองแล้วขโมยเองเด็ดขาด”
เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “จะคิดว่าเป็ นคาสัญญาของวิญญูชนก็แล้วกัน ซ่งซานจวินไม่ต้องเอ่ยค าสาบานหรือลงนามในสัญญาอะไรแล้ว”
่
ซ่งไหวเป้ ามีท่าทีอ่อนลงทันใด ถามหยั่งเชิงว่า “หากมีแม่สื่อแม่ ชักและท าตามประเพณีอย่างถูกต้อง เทพน้อยจะมีหนึ่งภรรยากับ หลายอนุ ก็คงไม่เกินกว่าเหตุกระมัง?”
เฉินผิงอันพยักหน้า “ขอแค่สองฝ่ ายต่างก็เป็ นเจ้ายินยอมข้า พร ้อมใจ และซ่งซานจวิน ก็ไม่ได้ใช ้วิชาอภินิหารแห่งชะตาชีวิต แน่นอนว่าไม่มีปัญหาใดๆ ต่อให้จานวนของคนที่ “เหมือนฮูหยิน” (หมายถึงอนุภรรยา) ในจวนจะมีมากหน่อย เรื่องอย่างการปิดประตู วาดขนคิ้วให้กัน คิดดูแล้วคนนอกก็ไม่อาจพูดอะไรได้”
ซ่งไหวเป้ าโล่งอก คลี่ยิ้มสดใส “เดินผ่านเส้นทางคดเคี้ยวลาบาก ตรากตร ามาหลายปีดอกบัวใบบัวอยู่ร่วมเคียงคู่ ใช ้ชีวิตบ้านป่าเรียบ ง่าย วาดลงดินให้กลายเป็ นลาน้า เสียงสกุณาขับขานอยู่ร่วมกัน อย่างกลมเกลียว”
เฉินผิงอันพูดโน้มน้าวว่า “การละเล่นแห่งสายลม ดอกไม้ หิมะ และจันทรา ครั้นชราแล้วจึงทอดถอนใจว่าก าลังกายใจมิเหมือนเคย สิ่งเหล่านั้น….หาใช่เรื่องของคนแก่ไม่”
ซ่งไหวเป้ ายิ้มอย่างชอบใจ
คิดไม่ถึงเลยว่าเซียนกระบี่เฉินจะเป็ นคนที่เคยเดินผ่านพุ่มร ้อย บุปผามาก่อน หากขนาดนี้แล้วยังไม่ถือเป็ นคนบนเส้นทางเดียวกัน แบบไหนถึงจะถือว่าใช ้ได้อีก? หากไม่เคยมีสาวงามคนรู ้ใจจ านวน
่
สองมือนับมาก่อนก็ไม่มีทางเอ่ยถ้อยคาของผู้เชี่ยวชาญเช่นนี้ออกมา ได้
ดี ขอแค่ไม่ใช่บัณฑิตคร่าครึ จวนซานจวินขุนเขาตะวันตกก็ ย่อมยินดีต้อนรับการมาเยือนของอาจารย์เฉิน
ตรงหน้าประตูมีบัณฑิตลัทธิขงจื๊อวัยกลางคนที่จอนผมสองข้าง แซมสีขาวปรากฏตัวและยังมีเด็กสาวสวมหมวกขนเตียวที่สอง แก้มแดงเป็ นปั้นอีกคนหนึ่ง
เฉินผิงอันยิ้มเอ่ยแนะนาว่า “เจียงซ่างเจิน อดีตโจวเฝยแห่ง ตาหนักคลื่นวสันต์ของพื้นที่มงคลแห่งนี้ ทุกวันนี้เป็ นผู้ถวายงาน อันดับหนึ่งของภูเขาลั่วพั่วพวกเรา เซี่ยโก่ว นางคือผู้ถวายงานอันดับ รองของพวกเรา”
เซี่ยโก่วนั่งลงบนธรณีประตู เจียงซ่างเจินยืนอยู่นอกประตู โบก มือเอ่ย “เจ้าหอโจว ยังจ าข้าได้ไหม?”
โจวซูเจินหน้ายิ้มใจไม่ยิ้ม “จดจาได้อย่างลึกซึ้ง ตราตรึงอยู่ใน หัวใจ”
เจียงซ่างเจินเอ่ยด้วยสีหน้าจริงใจว่า “เจ้าหอโจวอย่าได้เข้าใจผิด ภูเขาลัวทั่วเพราะข้าเด็ดขาดเชียว ข้าที่อยู่บนภูเขาลั่วพั่วชื่อเสียง ฉาวโฉ่ยิ่งนัก เดินอยู่บนถนนทุกคนร ้องอยากจะทุบตี…”
เฉินผิงอันเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “โจวอันดับหนึ่งเลิกแก้ตัวได้ แล้ว”
่
เจียงซ่างเจินเอนกายพิงกรอบประตู หัวเราะร่าเอ่ยว่า “เจ้าขุนเขา ให้ข้าได้พูดประโยคสุดท้ายสักหน่อยเถอะ เจียงซ่างเจินเป็ นคนชื่อ เฉพาะอยู่บนภูเขาลั่วพั่วเท่านั้น อยู่ในถิ่นของบ้านเกิดตัวเองอย่าง พื้นที่มงคลถ้าเมฆาสกุลเจียงแห่งใบถงทวีปกลับไม่ใช่คนพูดง่ายแล้ว ใช ้แล้ว นอกจากข้าจะเคยเป็ นเจ้าส านักของส านักกุยหยกแล้วยังเป็ น ผู้ฝึ กกระบี่คนหนึ่งด้วยเป็ นขอบเขตเซียนเหรินอย่างครึ่งๆ กลางๆ เซี่ยโก่วแม่นางเซี่ยผู้ถวายงานอันดับรองกลับเป็ นขอบเขตบินทะยาน ตัวจริงเสียงจริง เป็ นผู้ฝึกกระบี่เต็มตัว เรื่องนี้ค่อนข้างยาว ก็ขอพูดแค่ นี้ก่อนแล้วกัน ทุกท่านที่นั่งอยู่โปรดชั่งน้าหนักกันเอาเอง”
บรรยากาศในห้องพลันชะงักค้างทันใด
เจียงซ่างเจินยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “กังวลว่าพวกเจ้าจะคิดมากแล้ว เข้าใจผิด ข้าจะเอ่ยเสริมอีกหน่อยก็แล้วกัน ข้าแค่มาร่วมวงความ ครึกครื้นเท่านั้น แม่นางเซี่ยเองก็ถูกข้าเรียกมาชมงิ้วกะทันหัน ไม่ได้ เกี่ยวข้องกับเจ้าขุนเขา ข่มขู่พวกเจ้าหรือ? ไม่ใช่เลย แล้วก็ไม่มี ความจาเป็ นนี้ด้วย เมื่อได้ฟังคาอธิบายถึงฟ้ าสูงแผ่นดินกว้างของ โลกภายนอกจากเจ้าขุนเขาแล้ว ตอนนี้ทุกท่านต่างก็ไม่ใช่กบใต้บ่อ กันอีกต่อไป ก็ควรจะเข้าใจถึงความหมายของเซียนกระบี่ห้าขอบเขต บนได้คร่าวๆ แล้ว ถอยไปพูดหมื่นก้าว ต่อให้ภูเขาลั่วพั่วไม่มีสมาชิก บนท าเนียบอย่างพวกเรา พูดถึงแค่เจ้าขุนเขาของพวกเราคนเดียว นั่นก็ยิ่งควรค่าแก่การพูดถึงเข้าไปใหญ่…”
่
เฉินผิงอันโบกมือ เตือนเจียงซ่างเจินว่าอย่าได้เพิ่มความวุ่นวาย “หยุดเลย”
จงเชี่ยนยิ้มเอ่ย “เจ้าขุนเขาของพวกเรามีชื่อเสียงโด่งดังมากใน โลกภายนอก เรื่องเล่าขานก็เยอะ หากเขียนเป็ นนิยายต่อสู้ในยุทธ ภพหรือประวัติจอมยุทธเซียนก็สามารถเขียนเป็ นหนังสือเล่มใหญ่ได้ หลายเล่มเลยล่ะ”
เจียงซ่างเจินใช ้เสียงในใจพูดถึงเงินเหรียญทองแดงแก่นทองของ หลิ่วซวี่
เฉินผิงอันพยักหน้า กลั้นขา “เป็ นนิสัยการกระทาของเซียนกวี หลิ่วพวกเราจริงๆ ชอบเป็ นคนดีทาเรื่องดีอย่างเงียบๆ”
อันที่จริงระหว่างทางที่หลิ่วซวี่เดินทางไปนครมังกรเฒ่าก็ได้ทา อีกเรื่องหนึ่ง นั่นคือส่งกระบี่บินแจ้งข่าวไปยังสกุลหลิ่วลาคลองหลัว หม่า บนจดหมายเขียนแค่สองเรื่องเท่านั้น
เฉินอิ่นกวานรีบใช ้เงินเหรียญทองแดงแก่นทอง ทางตระกูลมีเก็บ อยู่เท่าไรก็เอาออกมาให้หมด ถือเสียว่าเป็ นเงินเดือนของเจ้าประมุข ทั้งหมดที่เขาหลิ่วซวี่เบิกมาใช ้ก่อนล่วงหน้าร ้อยปี พันปี หากทาง ตระกูลคิดจะเก็บซ่อนเอาไว้ เขาก็ไม่เป็ นเจ้าประมุขอะไรแล้ว ถึง อย่างไรค าพูดของเขาก็ไม่มีใครฟังอยู่แล้ว
ในจดหมายยังรบกวนให้เจ้าประมุขผู้เฒ่าเดินทางไปเยือนศาล ชานหลางที่อยู่ใกล้เคียงกันรอบหนึ่ง นาความไปบอกกับเจ้าประมุข
่
สกุลหยวนว่าการตอบแทนเรื่องที่ช่วยคลี่คลายฝันร ้ายให้กับหยวน อี้จื้อ แค่ส่งเงินเหรียญทองแดงแก่นทองไปให้ภูเขาลั่วพั่วก็พอส่วน จานวนจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับความสาคัญที่หยวนอี้จื้อมีต่อศาล ชานหลางแล้ว ถึงอย่างไรให้หนึ่งเหรียญก็คือให้ ให้หลายร ้อยเหรียญ ก็คือให้เหมือนกัน เฉินอิ่นกวานที่แต่ไหนแต่ไรมาท าความดีไม่เคย หวังสิ่งตอบแทนไม่มีทางถือสาอยู่แล้ว
ช่วงท้ายของจดหมายทางบ้านฉบับนี้ หลิ่วซวี่ยังเตือนคนใน ตระกูลด้วยว่าเรื่องนี้ต้องเก็บไว้เป็ นความลับ ห้ามแพร่งพรายให้ ภายนอกรู ้เด็ดขาด
เฉินผิงอันดื่มน้าชา ลุกขึ้นเอ่ยว่า “ในเมื่อโจวอันดับหนึ่งมาแล้วก็ ไม่สู้อยู่พูดคุยกันสักสองสามประโยค ข้าคงไม่อยู่นานแล้ว เป็ นแขก อยู่ที่นี่แล้วยังต้องไปรับรองแขกที่ภูเขาบ้านตัวเองอีก”
ก่อนหน้านี้เขียนกระบี่เฉินและเจ้าประมุขเกาออกไปจากการ ประชุมต่างก็ไม่ได้พูดว่าการประชุมวันนี้สิ้นสุดลงแล้ว ยังจะมีการ ประชุมครั้งถัดไป ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าออกไปจากอารามต้ามู่โดย พลการ
อู๋แซว่กับเฉิงหยวนซานต่างก็ไม่อาจเข้าร่วมการประชุมในเรือน ถั่วฮวาที่เป็ นความลับ และระดับขั้นสูงยิ่งกว่า
เดิมทีอู๋แชว่ที่นิสัยฉุนเฉียวเจ้าอารมณ์รู ้สึกโมโหอยู่มาก คิด อยากจะทิ้งประโยคว่ารังแกกันมากเกินไปแล้วเอาไว้ เพียงแต่ว่า
่
เหลือบไปเห็นคนร่วมเส้นทางในยุทธภพบางคนยังนอนหลับกรน ครอกๆ อยู่ตรงมุมก าแพง ความโมโหก็หายวับไปทันที
หน้าประตูอารามต้ามู่
เจี่ยงเฉวียนกับกู้หลิงคิดว่าจะรอคนอยู่ที่นี่ ไม่ว่าจะด้วยเหตุหรือ ด้วยผล พวกเขาก็ควรต้องขอโทษเซียนกระบี่เฉินอย่างจริงใจสักครั้ง แล้วค่อยเอ่ยขอบคุณ ถึงขั้นที่ว่าหากอีกฝ่ ายยินดี จะให้พวกเขาโขก ศีรษะให้ก็ยังได้
อูเจียงยืนกอดดาบ ใช ้วิธีรวมเสียงให้เป็ นเส้นถามว่า “หยวนหวง เจียงเสินจื่อถูกเซียนกระบี่เฉินชัดออกมาจากอาราม พวกเราสองคน บุ่มบ่ามมาช่วยคนจะทาให้เซียนกระบี่เฉินโมโหหรือไม่?”
หยวนหวงเอ่ยอย่างจนใจ “เจ้าสนิทกับเซียนกระบี่เฉินหรือว่าข้า สนิทกับเขามากกว่ากันแน่?”
อูเจียงคิดไปคิดมาก็รู ้สึกว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ควรรั้งรออยู่นาน สามสิบหกกลยุทธ ์ เผ่นหนีคือกลยุทธที่ดีที่สุด! หากรู ้ว่าเซียนกระบี่ เฉินไม่ได้ถือสาหยวนหวงค่อยปรากฏตัวอีกครั้งก็ยังไม่สาย
ช่วยเจียงเสินจื่อขึ้นมาจากน้า หยวนหวงเป็ นตัวตั้งตัวตี ข้าก็แค่ ผู้ร่วมขบวนการ เพ้ยแค่ให้ความช่วยเหลือเท่านั้น…คิดไม่ถึงว่าเวลานี้ เอง คนชุดเขียวจะมาโผล่ที่หน้าประตูแล้วข้างกายยังมีเพ่ยเซียง กับโจวซูเจินตามมาด้วย
่
เฉินผิงอันถาม “หากวันนี้กู้หลิงไม่ปรากฏตัว เจี่ยงเฉวียน เจ้าจะ ท าอย่างไร?”
เจียงเฉวียนเงียบงันไปพักใหญ่ ไม่อยากจะโกหกอีกฝ่ ายจึงตอบ ไปตามสัตย์จริงว่า “ไม่ว่าจะชักดาบออกจากฝักได้หรือไม่ ขอแค่ได้ เจอเซียนกระบี่เฉินหนึ่งครั้งก็จะตามไปตอแยหนึ่งครั้ง ตอแยจนกระทั่ง เซียนกระบี่เฉินหมดสิ้นซึ่งความอดทนแล้วต่อยข้าตายให้จบเรื่องกัน ไป”
กู้หลิงร ้อนใจอยู่บ้าง ต่อให้เป็ นคนชื่อแค่ไหนก็ไม่ควรจะตอบ อย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้สิ
แต่นางก็ยังกอดแขนของเจี่ยงเฉวียนเอาไว้ คิดว่าจะร่วมเป็ นร่วม ตายไปด้วยกัน
เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “ข้าคนนี้อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง แต่ความใจ กว้างในการยอมรับค าพูดจากใจจริงกลับยังพอมีอยู่บ้าง ออกจาก บ้านไปอยู่ข้างนอกต้องปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความจริงใจ นี่ดีมาก คิดไว้ แล้วหรือยังว่าวันหน้าจะท าอย่างไร?”
เจี่ยงเฉวียนกล่าว “ปรึกษากับกู้หลิงแล้ว วันหน้าจะจับมือกัน เดินทางไปทั่วสารทิศ พวกเราสองคนไม่มีปณิธานยิ่งใหญ่อะไร คงไม่ เปิดภูเขาก่อตั้งพรรค อย่างมากก็แค่หาสถานที่ที่ภูเขาเขียวน้าใสลง หลักปักฐานใช ้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ยามที่ออกไปท่องเที่ยวข้างนอก อยู่ ในยุทธภพก็ไม่กล้าพูดว่าจะเป็ นจอมยุทธผู้ผดุงคุณธรรม ก าจัด
่
ปีศาจปราบมารร ้าย แต่หากเจอเรื่องอยุติธรรมแล้วพอช่วยได้ก็จะ ช่วย แค่ถูกชาวบ้านในท้องถิ่นมองเป็ นคนมหัศจรรย์ก็รู ้สึกว่า น่าสนใจมากแล้ว”
เฉินผิงอันฟังเจี่ยงเฉวียนบรรยายถึงเรื่องในบ้านของตัวเองกับคน รักอย่างละเอียดสุดท้ายกุมหมัดยิ้มเอ่ย “ฟังแล้วเปี่ ยมไปด้วย ความหวัง รู ้สึกเลื่อมใสใฝ่หาอย่างถึงที่สุด”
เจี่ยงเฉวียนอึ้งตะลึง อาจารย์เฉินอิจฉาตนจริงๆ หรือ? ไม่ได้ หมายความในทางตรงกันข้ามหรือ?
กู้หลิงยอบกายคารวะ “อาจารย์เฉินตั้งตารอดูได้เลย วันหน้าข้า กับเจี่ยงเฉวียนจะต้องจงรักภักดีต่อแผ่นดิน เคารพกฎหมายไม่ขาด ตกบกพร่อง ไม่ว่าจะอยู่บนภูเขาหรืออยู่ในยุทธภพก็จะพยายามท า ความดีเท่าที่ความสามารถจะเอื้ออานวย”
เฉินผิงอันพยักหน้า “สิ่งใดเกิดเมื่อวานก็จงปล่อยให้ดับไปพร ้อม วานนั้น สิ่งใดเกิดในวันนี้ก็จงต้อนรับดั่งชีวิตใหม่เพิ่งเริ่มต้น พวกเรา ต่างก็มานะพยายาม ใช ้กรรมดีปลูกผลดี”
ยื่นมือออกไป เฉินผิงอันบังคับเอาห่อพิณและถุงใส่เงินที่ทิ้งไว้ ตรงก าแพงในอารามมาที่หน้าประตูภูเขา ยิ้มเอ่ยว่า “เงินไม่มาก พวก เจ้าอย่าได้รังเกียจ เงินซื้อภูเขาก็ดี เงินซื้อตาราก็ช่าง อย่างน้อยก็ถือ เป็ นน้าใจจากข้า”
่
กู้หลิงยื่นมือไปรับห่อพิณที่ห่อด้วยผ้าฝ้ ายใบนั้นมา ส่วนเจี่ยง เฉวียนยื่นมือไปรับถุงเงิน
คิดไม่ถึงว่าเฉินผิงอันจะร ้องเอ๊ะ “ไม่เหมาะนะ ในเมื่อพวกเจ้า สร ้างครอบครัวกันแล้วก็ควรเริ่มสร ้างฐานะ สตรีต้องดูแลเงินทอง กู้ห ลิง ควรเอามาดของเจ้าประมุขหญิงออกมาใช ้ได้แล้ว”
กู้หลิงกอดห่อพิณ รีบเก็บเงินถุงนั้นใส่ไว้ในชายแขนเสื้อ ไม่ลืม หันหน้าไปมองเจี่ยงเฉวียนดูว่าในใจสามีรู ้สึกไม่ยินยอมหรือไม่?
เจียงเฉวียนรู ้อะไรควรไม่ควรอย่างยิ่ง รีบพยักหน้าแสดงท่าที ทันใด “เจ้าดูแลเรื่องเงินต้องเป็ นเจ้าที่ดูแลเรื่องเงิน”
เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “หากอิงตามคากล่าวของบ้านเกิดข้า สตรีที่ วิสัยทัศน์กว้างไกลย่อมมีวาสนา ใครแต่งเข้าบ้านก็เป็ นความโชคดี ของคนผู้นั้น ขอแค่สามีภรรยาไม่เอาแต่ทะเลาะกันทั้งวัน ครอบครัวก็ จะเจริญรุ่งเรือง สร ้างเกียรติยศให้กับวงศ์ตระกูลได้แน่นอน เจียง เฉวียน ต้องรู ้จักถนอมความโชคดีไว้นะ”
กู้หลิงหัวเราะแทบหยุดไม่ได้ เพิ่งจะรู ้ว่าอาจารย์เฉินเข้าอกเข้าใจ ผู้อื่นได้ดีถึงเพียงนี้อีกทั้งยังพูดจาน่าสนใจมากด้วย
เจียงเฉวียนก็ยิ่งหัวเราะเสียงสดใส “ขอให้สมพรปากอาจารย์เฉิน ข้าเจียงเฉวียนจะทะนุถนอมความโชคดีนี้ไว้ให้ดีอย่างแน่นอน!”
เฉินผิงอันหันหน้าไปมองหยวนหวงที่เป็ นฝ่ ายมา “ช่วยคนที่ตก ไปในบ่อน้า” ที่นี่แล้วเอ่ยสัพยอกว่า “ยันต์แผ่นนั้นไม่ได้มอบให้เสีย
่
เปล่าจริงๆ ประโยควิจารณ์ของปรมาจารย์จงก่อนหน้านี้ถือว่าพูดเข้า เป้ าในคาเดียว หยวนหวงคือคนที่เดินออกมาจากในตาราโบราณ จริงๆ”
หยวนหวงยิ้มบางๆ “ผู้ใหญ่มอบให้ไม่กล้าปฏิเสธ จะว่าไปแล้วก็ ยังคงเป็ นเพราะเซียนกระบี่เฉินดูคนออก”
เฉินผิงอันร ้องเอ๊ะ เจ้าหนุ่มไม่ไปเรียนวิชาหมัดที่ภูเขาลั่วพั่วก็ช่าง น่าเสียดายจริงๆ
ดู เ ห มื อ น ว่ า เ จ้า เ ด็ ก ห ย ว น ห ว ง ผู้นี้จ ะ เ ข้า กัน ไ ด้ดีกับ ขนบธรรมเนียมของภูเขาลั่วพั่วอย่างเป็ นธรรมชาติเลยนะ?