กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1078.3 หยิบเรื่องราวมาเติมเต็มใจคน
เฉินผิงอันคิดแล้วก็เอ่ยว่า “หยวนหวง อูเจียง วันใดที่พวกเจ้า สองคนมีความคิดอยากจะเรียนหมัดกับยอดฝีมือก็ให้ไปที่แคว้นหู ไป บอกเพ่ยเซียงเจ้าแห่งแคว้นหูให้รู ้สักคา ทางฝั่งของภูเขาลั่วพั่ว สามารถจัดหาตัวเลือกสี่ห้าคนมาให้พวกเจ้าได้ วางใจเถอะ ไม่แน่ เสมอไปว่าจะต้องให้เจ้ากราบอาจารย์เรียนวิชาจากปรมาจารย์ของ ภูเขาลั่วพั่วพวกเรา เก้าทวีปในใต้หล้าไพศาลมีผู้ฝึกยุทธขอบเขต ปลายทางไม่มาก แต่ก็ไม่น้อย นิสัยของปรมาจารย์พวกนี้แตกต่างกัน ไป แต่ทุกคนต่างก็ทะนุถนอมเห็นค่าคนมีความสามารถ บังเอิญที่ข้า รู ้จักคนหลายคน ถึงเวลานั้นขอแค่พวกเจ้าสองฝ่ ายถูกชะตากันก็ สามารถคารวะน้าชาดื่มน้าชากันจากนั้นก็มีนามเป็ นอาจารย์และ ศิษย์กันได้ วันหน้าจะมีวาสนาเป็ นอย่างไร ผลส าเร็จในการเรียนวร ยุทธในท้ายที่สุดจะสูงหรือต่าก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคน แล้ว”
อูเจียงยิ้มกว้าง “แบบนี้ก็ดีเลยสิ!”
คิดไม่ถึงว่าหยวนหวงที่อยู่ข้างกายจะยิ้มเอ่ยว่า “หากข้าจะหา อาจารย์สักคนมาสอนหมัดดีๆ ให้จริงๆ ก็ต้องเป็ นอาจารย์เฉิน นอกจากนี้ก็ไม่มีความคิดอื่นอีกแล้ว”
อูเจียงสูดลมหายใจดังเฮือก ให้ตายเถอะ เจ้าหยวนหวงผู้นี้ใช ้ได้ เลยนี่นา ทาไมตนคิดไม่ได้บ้างนะว่าควรจะพูดประจบแบบนี้?!
เฉินผิงอันส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม “ไม่บังเอิญเลย บนวิถีแห่งการ เรียนวรยุทธ ข้ามีลูกศิษย์ปิดส านักแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องการนามอาจารย์และศิษย์ ข้าจะขอแค่ให้ อาจารย์เฉินสอนหมัดดีๆ ให้ ไม่ใช่การกราบเป็ นอาจารย์อะไร”
หยวนหวงกล่าวอย่างไม่ลังเลว่า “อีกอย่างวันใดอาจารย์เฉินรู ้สึก ว่าข้าเป็ นวัตถุดิบที่สร ้างได้ เกิดใจทะนุถนอมผู้มีความสามารถ เปลี่ยนใจยอมรับข้าเป็ นลูกศิษย์ขึ้นมา อันที่จริงก็ไม่ต้องเปลี่ยนตัวลูก ศิษย์ปิดสานัก แค่ให้ศิษย์น้องเล็กของข้าในอนาคตผู้นั้นได้รับความ ไม่เป็ นธรรมสักเล็กน้อย แค่มีศิษย์พี่เล็กในนามเพิ่มมาคนหนึ่งก็ได้ แล้ว แต่ในทางส่วนตัวจะให้ข้าเรียกเขาว่าศิษย์พี่ก็ไม่เป็ นไร”
อย่าว่าแต่อูเจียงที่ตกตะลึงเลย แม้กระทั่งเพ่ยเซียงและพวกเจี่ยง เฉวียนกู้หลิงก็ยังต้องหันมามองคนผู้นี้เสียใหม่
เฉินผิงอันหลุดหัวเราะอย่างกลั้นไม่อยู่ พยักหน้าเอ่ยว่า “ตกลง กันได้ ตกลงกันได้เรื่องนี้สามารถปรึกษาหารือกันได้”
อูเจียงถอนหายใจ “เซียนกระบี่เฉิน ข้าคงไม่เอาด้วยแล้วล่ะ ไม่ หวังจะให้เจอเรื่องบังเอิญจากท่าน หากให้เรียนวิชาหมัดจาก ปรมาจารย์ฝ่ ายต่างๆ นั้นได้ ผู้เยาว์แทบจะอ้อนวอนขอด้วยซ้า แต่ หากให้เปลี่ยนอาจารย์คงไม่แล้วล่ะ อาจารย์เถาก็คืออาจารย์ของข้า
เป็ นอาจารย์วันหนึ่งก็เป็ นไปชั่วชีวิต กฎในยุทธภพเล็กน้อยข้อนี้ยัง ต้องรักษาเอาไว้ ในเมื่อปรมาจารย์คือคน คนเรียนวรยุทธก็ต้องรู ้จัก วางตัวเป็ นคน การเป็ นคนก็ไม่ควรจะท าผิดต่อมโนธรรมในใจ”
เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “ไม่มีใจปักกิ่งหลิว หลิวกลับเติบโตให้ร่มเงา ดู ท่าเถาเสียหยางจะรับลูกศิษย์ที่ดีมาชะแล้ว
ส าเร็จดังใจปรารถนา ฝันงดงามกลายเป็ นความจริงแล้ว ก่อนจะออก เดินทาง เจี่ยงเฉวียนมองโจวซูเจินแล้วท าท่าจะพูดไม่พูด เขาเคย ได้รับบุญคุณจากหอจิ้งหย่าง แต่อย่าขอให้หอจึงหย่างต้องเดือดร ้อน ไปเพราะตนเลย
เฉินผิงอันพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม บอกเป็ นนัยแก่เขาว่าไม่ต้อง คิดมาก ท าใจให้สบายก็พอ
เจียงเฉวียนกับกู้หลิงขอตัวลาจากไป
เฉินผิงอันมองส่งคู่รักทั้งสองที่ย่าคลื่นออกเดินทางไกลดุจคู่ยวน ยาง
หยวนหวงรวมเสียงให้เป็ นเส้นเอ่ยว่า “เซียนกระบี่เฉิน เป็ นข้าที่ ใจร ้อนหวังผลส าเร็จเร็วไป โปรดอภัยให้ด้วย”
เฉินผิงอันเพียงแค่ถามว่า “ใจร ้อนขนาดนี้มีเหตุผลที่ลึกซึ้งกว่านี้ หรือไม่? เป็ นเพราะปีนั้นยังไม่ได้แก้แค้นอย่างแท้จริงหรือ?”
หยวนหวงส่ายหน้า “ปีนั้นได้ชาระแค้นไปแล้ว เพียงแต่ว่าตลอด ทางที่เดินทางมานี้มักจะเจอคนชั่วอยู่เสมอ หากพวกเขาไม่ได้เป็ น เชื้อพระวงศ์ เป็ นคนที่มีอานาจ ก็เป็ นพวกผู้หลอมลมปราณที่เรียก ตัวเองว่านักพรตด้วยความภาคภูมิใจ พฤติกรรมชั่วร ้าย บ้างก็ไม่ได้ รับการสั่งสอนที่ดี ยิ่งนานวันอานาจชื่อเสียงก็ยิ่งมีมากขึ้นเรื่อยๆ อย่า ว่าแต่พรรคในยุทธภพที่ได้แต่กล้าโกรธไม่กล้าพูดอะไรเลย แม้กระทั่ง ราชส านักและทางการก็ยังควบคุมพวกเขาไม่ได้ จากนั้นก็ไปเข้า พวกกับศาลที่อยู่ใกล้เคียง ยิ่งเป็ นการหยั่งรากลงลึกขึ้นเรื่อยๆ หลาย ปีมานี้ข้าขบคิดถึงปัญหาข้อหนึ่งอยู่ตลอดเวลา การกระทาชั่วร ้าย บางอย่าง ขุนนางในท้องถิ่นปกป้ องกันเอง พวกแม่ทัพอัครเสนาบดีที่ มีต าแหน่งสูงอยู่ในราชส านักตายแล้วก็ตายไป ไยจะไม่ใช่กรรมไม่ ตามสนองแต่เพียงเพราะยังไม่ถึงเวลาเล่า? ผู้ฝึ กลมปราณที่ฝึ ก บ าเพ็ญตนอยู่บนภูเขา เล่าลือกันว่ามีอายุยาวนานได้มากยิ่งกว่า หากไม่ใช่หลายสิบปีก็นานถึงร ้อยปี คนในอดีตบนโลกมนุษย์ที่เคย เดือดร ้อนล้วนตายกันไปหมดแล้ว กลายเป็ นเรื่องเก่าเรื่องแล้วเรื่อง เล่า ขอแค่ไม่มีใครซักไซ ้ถามหาก็ถือว่าถูกหันหลังให้แล้ว? ได้เห็น เรื่องอยุติธรรมมามากเกินไป ในใจข้าอัดอั้น คิดไปคิดมาก็ดู เหมือนว่ามีเพียงขอบเขตวิชาหมัดสูงยิ่งกว่าเดิม ยามออกหมัดมีแรง มือแรงเท้ามากกว่าเดิมเท่านั้นจึงจะถือว่าเป็ นวิธีแก้ปัญหาที่จาต้องทา เพราะไร ้หนทางอื่น”
“พวกเราเดินไปคุยกันไปเถอะ”
เฉินผิงอันเอาสองมือสอดไว้ในชายแขนเสื้อ ยิ้มเอ่ยว่า “หาก ก่อนหน้านี้เจ้าเคยเจอกับเกาจวินพรรคหูซาน การประชุมสองครั้งใน ลานกว้างของอารามต้ามู่และในเรือนลั่วฮวาวันนี้ต้องมีที่นั่งของเจ้า อย่างแน่นอน”
หยวนหวงเอ่ยอย่างเขินอาย “เซียนกระบี่เฉินชมกันเกินไปแล้ว”
“ยามที่ต้องพูดคุยเรื่องราวต่างๆ อย่างจริงจัง ข้าคนนี้ไม่เคยชม ใครง่ายๆ วันหน้าสนิทกันแล้วเจ้าก็จะรู ้เองว่าประโยคนี้ของข้าไม่ใช่ ค าลวง”
เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “ก่อนจะตอบคาถามข้อนี้ของเจ้า ข้าเองก็มี คาถามที่อยากให้เจ้าตอบ เจ้าไม่ต้องสนใจถูกผิด แค่คิดอะไรได้ก็พูด มาอย่างนั้น ตกลงไหม?”
หยวนหวงเอ่ยเสียงจริงจัง “ขอเซียนกระบี่เฉินโปรดถาม”
เฉินผิงอันยื่นนิ้วชี้ไปที่ทะเลสาบ “หากเจ้าเป็ นสุ่ยจวินของ ทะเลสาบชิวซี่ เป็ นเจ้าบ้านเจ้าคิดว่าการปฏิบัติต่อสรรพชีวิตที่มีอยู่ ในทะเลสาบ ไม่ว่าจะเป็ นการอบรมปลูกฝัง การ สนับสนุ น ประคับประคอง การกดการาบ การเก็บผลเก็บเกี่ยว คือการ…ตกปลา หรือไม่?”
หยวนหวงเอ่ย “ขอแค่วิญญูชนมีหลักการในการหาทรัพย์ การ น ามาใช ้และการปฏิบัติจริง หากจะรู ้สึกว่าเป็ นการเลี้ยงปลาก็ไม่ เป็ นไร”
ผลคือเฉินผิงอันไม่ได้วิจารณ์คาตอบนี้ของหยวนหวง เพียงแค่ ถามอีกว่า “กระทาสิ่งที่ไม่ชอบธรรมเพียงอย่างเดียว ฆ่าคนที่ไม่มี ความผิดแค่คนเดียว เพื่อให้ได้ครองใต้หล้า เป็ นเจ้าจะท าอย่างไร?”
หยวนหวงตอบ “ข้าไม่ท า”
เฉินผิงอันคลี่ยิ้ม
เพียงแต่ไม่หยวนหวงก็เอ่ยเสริมมาอย่างรวดเร็วว่า “เพียงแต่ว่า ตอนนี้ข้ากล้าพูดแบบนี้ ถามใจตัวเองแล้วไม่ละลาย แต่สมมติว่าใน อนาคตมีวันนั้นจริงๆ ตอนนี้ข้าก็ไม่กล้ารับรองอะไรแล้ว”
เฉินผิงอันพยักหน้า ถือว่ายอมรับในคากล่าวที่พูดเสริมมาของ หยวนหวงแล้ว เขาเอ่ยเนิบช ้าว่า “มรรคาเป็ นหลักเวทคาถาเป็ นรอง ผู้ที่ปฏิบัติตามหลักแห่งธรรม ไม่ว่าจะเป็ นกลอุบาย วิชาคาถาหรือ วิธีการ ยิ่งมีมากก็ยิ่งเป็ นประโยชน์มาก ต่อให้ทาผิดไปก็สามารถรู ้ผิด และแก้ไขได้ทันที และเรื่องของการแก้ไขความผิด เดิมทีก็ซุกซ่อน พลังอานาจอย่างหนึ่งอยู่แล้ว มนุษย์เราสามารถแก้ไขความผิดได้ก็ สามารถเอาชนะตัวเองได้ บ้านเมืองสามารถแก้ไขความผิดได้ก็จะ เป็ นประโยชน์ต่อปวงประชา ดังนั้นอริยะถึงได้กล่าวว่ารู ้ผิดแล้วแก้ไข คือความประเสริฐอย่างใหญ่หลวง มีเพียงกลวิธีแต่ในใจไร ้หลักธรรม ไม่พูดถึงการเดินไปบนทางนอกรีต เฉลียวฉลาดรู ้ทันไปทุกเรื่อง ต่อ ให้เจ้าจะเดินไปบนมหามรรคากว้างใหญ่ก็ยังมีภัยแฝงรออยู่มากมาย เพียงแค่เพราะทุกค าพูดและการกระท าเป็ นเหมือนการสาดเมล็ดพันธ ์
หญ้าออกไป บังเอิญหันกลับไปมองถึงจะรู ้ว่าข้างทางที่อยู่เบื้องหลังมี พืชหญ้าขึ้นรกชัฏแต่ผืนนารกกลับร ้างว้างเปล่านานแล้ว
“เป็ นคน เป็ นผี เป็ นเทพ เป็ นเซียน ดูที่ใจดูที่การกระทา ไม่ดู วาจาไม่ดูรูปร่าง ลูกศิษย์ลัทธิขงจื๊อคืออาจารย์ของผู้อื่น นักพรตลัทธิ เต๋าคืออาจารย์ของผู้อื่น คนที่เคยเรียนหนังสือมาก่อน คนที่ไม่เคย เรียนหนังสือมาก่อน ล้วนเป็ นอาจารย์ของผู้อื่นได้”
“ฝึกบ าเพ็ญตนอยู่ในบ้าน ออกจากบ้านไปพบเจอผู้คน”
“โต้เถียงหรือถกมรรคากับผู้อื่น ใช ้ใจที่เมตตาพูด ใช ้ใจในการ เรียนรู ้รับฟัง ใช ้ใจที่ยุติธรรมวิเคราะห์ หากชนะก็คือชนะ แพ้ก็คือแพ้ นี่ก็คือการถกมรรคา ไม่ได้เป็ นแค่การโต้เถียงอย่างเดียวเท่านั้น”
หยวนหวงฟังมาถึงตรงนี้ก็เอ่ยชื่นชมจากใจจริงว่า “วิธีการ โต้เถียงกันเช่นนี้ช่างดีจริงๆ หากทั้งสองฝ่ ายต่างก็มีความคิดเช่นนี้ ไหนเลยจะเป็ นเหมือนเป็ ดคุยกับไก่ “ปู่ ว่าปู่ มีเหตุผลย่าก็บอกว่าย่ามี เหตุผล” กันได้มากมายขนาดนั้น เดิมทีเป็ นคาพูดปั่นทอนกาลังใจ แต่หากแก้ไขโดยอิงตามแนวความคิดนี้ของอาจารย์ก็จะมีวิธีแล้ว ไม่ เพียงแต่เสนอกฎของการโต้แย้งที่วิเคราะห์อย่างรอบคอบละเอียดถี่ ถ้วน ยังเสนอหลักการแห่งคุณธรรมที่อยู่ในระดับที่…สูงยิ่งกว่าด้วย!”
“แต่เจ้าก็จาต้องยอมรับว่าในเรื่องนี้มีข้อโต้แย้งที่ย้อนแย้งใน ตัวเองซึ่งยากจะคลี่คลายได้ดารงอยู่ คนที่อธิบายด้วยเหตุผลไหนเลย จะต้องให้คนอื่นยกเหตุผลมาอธิบาย”
เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “ไม่ว่าจะอย่างไร ข้าก็ไม่กล้าเอาความชอบนี้ มาเป็ นของตน เพราะคนที่เสนอจุดประสงค์ของความรู ้พวกนี้ก็คือ อาจารย์ของข้าเอง”
“มิน่าเล่าอาจารย์เฉินถึงเป็ นคนเปิ ดกว้าง รับมือกับผู้คนและ เรื่องราวได้อย่างนิ่งสงบไม่สะทกสะท้านเช่นนี้”
หยวนหวงปลงอนิจจังยิ่งนัก แต่เขาก็เอ่ยประโยคหนึ่งเสริมมา อย่างรวดเร็วว่า “นี่เป็ นดังคากล่าวที่ว่าอาจารย์ผู้มีชื่อเสียงมีลูกศิษย์ เก่งกาจจริงๆ อาจารย์ของอาจารย์เฉินมีความรู ้สูงแค่ไหน ผู้เยาว์ไม่ กล้าจินตนาการถึงเลย”
เฉินผิงอันยิ้มตบไหล่หยวนหวง “หยวนหวง หากวันหน้าเจ้ามี โอกาสไปพักอยู่บนภูเขาลั่วพั่วจริงๆ ข้าก็ขอโต้แย้งข้อหนึ่งเลยว่า ขนบธรรมเนียมของบนภูเขาไม่เกี่ยวข้องกับช ้า”
ล้วนเป็ นพวกเจ้าที่นาพาขึ้นเขากันมาเอง
เกี่ยวผายลมอะไรกับข้าด้วย
ข้าที่เป็ นเจ้าขุนเขาไม่ได้ถือสาพวกเจ้า พวกเจ้ายังมีหน้ามาโทษ ข้าอีกหรือ
หยวนหวงหรือจะรู ้ว่าภูเขาลั่วพั่วมีขนบธรรมเนียมเช่นนี้อยู่ เขา แค่คิดว่าเรื่องการไปเรียนหมัดบนภูเขาลั่วพั่วของตน เซียนกระบี่เฉิน ได้ตอบตกลงไปครึ่งหนึ่งแล้ว
หยวนหวงกับอูเจียงต่างก็ขอตัวลาจากไป คิดว่าจะจับคู่กันออก ท่องยุทธภพ คนทั้งสองถูกชะตากันจริงๆ แค่พบเจอก็เหมือนคนที่เคย รู ้จักกันมานาน
ในฐานะของขวัญจากลา เฉินผิงอันได้เอ่ยสัจธรรมแห่งหมัดที่ อาจจับต้องไม่ได้และอาจจับต้องได้จริงให้กับผู้มีพรสวรรค์ด้านการ
เรียนวรยุทธหนุ่มทั้งสองคนอีกหลายประโยค
“ไม่ได้เรียนรู ้วิชาที่แท้จริงก็ทนกับความยากลาบากตรากตราไป ก่อน เมื่อผู้ฝึกยุทธมีปณิธานหมัดบนร่างแล้วจึงจะถือว่าได้เดินเข้า ห้องอย่างแท้จริง ในเมื่อพวกเจ้าจะจับคู่กันออกท่องยุทธภพ เวลา ปกติก็สามารถประลองฝีมือกันบ่อยๆ ได้ ใจที่ยึดติดกับผลแพ้ชนะไม่ ควรมีมากเกินไป แต่จะไม่มีเลยก็ยิ่งไม่ได้ นอกจากจะประลองฝีมือกัน แล้ว การกินการอยู่ขึ้นเขาลงห้วยก็ยิ่งเป็ นการฝึกหมัด ทุกก้าวล้วน สามารถเป็ นท่าเดินได้ อย่างจงเชี่ยนนั้นเรียกว่าบรรพบุรุษประทาน ข้าวให้กิน ทุกวันถึงเอาแต่เกียจคร ้านได้ อย่าได้เอาอย่างเขาเด็ดขาด และพวกเจ้าเองก็เอาอย่างไม่ได้ด้วย”
“แต่หากว่าเรียนรู ้ศาสตร ์การสังหารคนได้ส าเร็จ หลงใหลอยู่กับ มันจนมิอาจถอนตัวได้ นั่นก็คือคนเดินไปตามหมัด หาใช่คนปล่อย หมัดไม่ ยิ่งฝึกหมัดก็ยิ่งตายตัว พูดประโยคที่ไม่น่าฟังหน่อยก็คือเดิน ไปบนเส้นทางของการรนหาที่ตาย”
“ตาราหมัดและกระบวนท่าหมัดมีนับพันนับหมื่น ตามความเห็น ข้า สัจธรรมแห่งวิชาหมัดมีแค่ข้อเดียวเท่านั้น ไม่ว่าเจ้าจะเป็ นใคร
หมัดสูงกว่ากี่ขอบเขต เมื่อเผชิญหน้ากับเจ้าข้าก็ยังกล้าปล่อยหมัด ออกไป”
“นิสัยทุกอย่างล้วนไม่มีการแบ่งแยกดีและเลวออกจากกันอย่าง สิ้นเชิง ก็เหมือนดาบที่มีสองคม นี่ต้องยกคุณความชอบให้กับการ อบรมสั่งสอนของพ่อแม่ การควบคุมของอาจารย์ตอนอายุยังน้อย ขยับไปต่อจากนั้นก็หนีไม่พ้นว่าผู้ที่คลุกคลีอยู่กับสิ่งเคร่งตึงย่อมใจ ร ้อน ผู้ที่คลุกคลีอยู่กับสิ่งอ่อนนุ่มย่อมใจเย็น”
หลังจากนั้นเฉินผิงอันก็บอกที่อยู่ที่แน่ชัดของแคว้นหูให้พวกเขา รู ้ ถือโอกาสเอ่ยสัพยอกไปด้วยว่าล้วนเป็ นคนหนุ่มที่เลือดลมพลุ่ง พล่าน ไม่ใช่ว่าเข้าไปในแคว้นหูแล้วตาลายบ้านเกิดแห่งความ อ่อนโยนก็คือหลุมศพของวีรบุรุษ แล้วก็ไม่เหลือใจอยากฝึกวรยุทธ อีกล่ะสุดท้ายก็เตือนผู้ฝึกยุทธหนุ่มสองคนคล้ายตั้งใจคล้ายไม่เจตนา ว่า ขุนเขาสายน้ายิ่งใหญ่งดงาม บนโลกมนุษย์มีสิ่งที่สวยงามอยู่ มากมาย ผู้ฝึกยุทธอย่างเราๆ เดินทางให้มากมองให้มาก อย่าได้ไม่ เก็บมาใส่ใจเหมือนเดินขี่ม้าชมบุปผา ถ้าเช่นนั้นการเดินทางที่เดิมที ก็คือการเรียนวรยุทธก็จะเพิ่มปณิธานหมัดให้มากขึ้นได้แล้ว
อูเจียงคิดแค่ว่าเป็ นคาพูดเลื่อนลอยใหญ่โตของเซียนกระบี่ผู้ย่า เหยียบบนความว่างเปล่าคนหนึ่ง คนหนุ่มพยักหน้ารัวเร็วทั้งยังออก แรงมาก แต่แท้จริงแล้วกลับใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แต่หยวนหวงกลับ ฟังทุกค าจดจ าไว้ในใจไม่มีตกหล่น
โจวซูเจินยิ้มเงื่อนเอ่ยว่า “เซียนกระบี่เฉิน ข้ารู ้ตัวตนของเจี่ยง เฉวียนมาก่อนล่วงหน้าจริงๆ ปีนั้นการที่เขาหาหอจิ้งหย่างพบแล้วมา ขอต าราลับวิถีวรยุทธไปก็ล้วนเป็ นเพราะความจงใจของข้า ข้ามอง เขาเป็ นหมากลับๆ ตัวหนึ่ง”
เฉินผิงอันกล่าว “ไม่เป็ นไร วิญญูชนสามารถรังแกได้ด้วยวิธีการ ที่ชอบธรรม แน่นอนว่าข้าไม่ใช่วิญญูชนของส านักศึกษาอะไร แต่ หลักการเหตุผลคือหลักการเหตุลข้อนี้ บวกกับที่วันนี้เจ้าทาอะไรโดย ใช ้อารมณ์ บอกไว้ก่อนว่าเรื่องเดิมไม่ทาซ้าสาม เจ้ากับหอจิ้งหย่าง เหลือโอกาสอีกแค่ครั้งเดียวแล้ว”
โจวซูเจินเอ่ยเย้ยหยันตัวเอง “อาจารย์เฉิน เป็ นข้าที่ใช ้ใจคนถ่อย ไปวัดใจวิญญูชนแล้ว”
เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “ระมัดระวังย่อมขับเรือได้นานหมื่นปี หากพูด กันถึงความตั้งใจเดิมเจ้าก็มีความคิดที่ไม่ได้ต่างจากเกาจวิน ลองเอา ตัวเข้าไปอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเจ้าอย่างมากสุดข้าก็คงแค่มี ความอดทนดีกว่าเจ้าเล็กน้อย ความคิดก็คงไม่ได้ต่างกันสักเท่าไร”
พื้นที่มงคลรากบัวแห่งหนึ่ง หรือควรจะพูดให้ถูกต้องคือพื้นที่ มงคลดอกบัวในอดีต ภายใต้เงื่อนไขที่เจ้าอารามผู้เฒ่าจงใจ จึงเรียก ได้ว่ามีเหล่าวีรบุรุษผู้กล้า มีต้นอ่อนแห่งเซียนอยู่ทั่วทุกหนแห่ง
พูดถึงแค่ผู้ฝึกยุทธหญิงอย่างเฮ้อฉีโจว ผู้ฝึกลมปราณอย่างโจว ซูเขิน หากเอาไปวางไว้ในใต้หล้าไพศาล ให้เวลาเท่ากัน ขอบเขต ของพวกนางแต่ละคนจะเลื่อนขึ้นสูงได้แค่ขั้นสองขั้นเองหรือ?
เฉินผิงอันกล่าว “ผลลัพธ ์ไม่ดีก็ล้วนผิดพลาดไปทั้งหมด ผลลัพธ ์ ออกมาดีก็ล้วนถูกต้องไปเสียหมด สหายโจว เจ้าและข้ามีความเห็น
พ้องต้องกัน”
โจวซูเจินคารวะตามขนบลัทธิเต๋า ผู้ฝึ กตนหญิงขอบเขตชม มหาสมุทรที่ยอมรับนับถือเฉินผิงอันได้จากใจจริงผู้นี้ “จดจาไว้ขึ้นใจ แล้ว”
เพ่ยเซียงยิ้มเอ่ย “ก่อนที่เจ้าขุนเขาของพวกเราจะมาร่วมประชุม ในอารามต้ามู่ ตอนที่อยู่ริมฝั่งได้สั่งสอนหูเจียวแห่งแคว้นหนันเยวี่ยน ที่สวมชุดคลุมมังกรอย่างรุนแรงไปรอบหนึ่งแล้ว”
เกี่ยวกับความสัมพันธ ์อันหวานเลี่ยนระหว่างเจียวทะเลสาบ ขอบเขตประตูมังกรกับไท่ซ่างหวงเว่ยเหลียง เพ่ยเซียงย่อมรู ้ชัดเจนดี
ดวงตาของโจวซูเจินเป็ นประกายวาบ ความอัดอั้นที่สะสมอยู่ใน ใจมานานหลายปีหายเกลี้ยง นางเบี่ยงตัวยอบกายคารวะ แต่กลับ ไม่ได้พูดอะไร นังแพศยาผู้นั้นสมควรโดนจัดการแล้ว! สมน้าหน้า แล้วที่นางต้องอับอายขายหน้าผู้อื่น!
เฉินผิงอันกล่าว “ตอนนั้นเว่ยเหลียงสามารถฝ่ าทะลุขอบเขตได้ อย่างราบรื่นก็เพราะจิตแห่งมรรคาของเขาสอดคล้องกับจิตแห่งฟ้ า
ปฏิบัติต่องภูเขาในสุสานหลวงตัวนั้นอย่างดีมองดูเหมือนไม่ได้ตั้งใจ แต่แท้จริงแล้วกลับ “มีใจ” ช่วยถ่ายทอดมรรคาให้กับอีกฝ่ าย ช่วยให้ อีกฝ่ ายได้หลอมเรือนกายส าเร็จ มหามรรคาของฟ้ าดินแห่งนี้จึงมอง เรื่องนี้และใจนี้เป็ นการถ่ายทอดมรรคาและจิตแห่งมรรคาที่ใสสะอาด และการที่เขาไม่อาจสร ้างโอสถทองได้เป็ นคนแรก ถูกเกาจวินชิง เลื่อนขั้นเป็ นเซียนดินไปก่อนก็เป็ นเพราะจิตแห่งมรรคาของเขาไม่ มั่นคงเช่นกัน พอมีอุปสรรคเกิดขึ้นเล็กน้อย จิตใจก็เริ่มเอนเอียง แปรเปลี่ยน เกิดจิตสังหารต่องูภูเขาตัวนั้น เว่ยเหลียงถึงได้ถูกมหา มรรคาทอดทิ้งกลางคัน ไม่มีคุณสมบัติจะได้รับโชควาสนาเซียนส่วน นั้น เรื่องวงในพวกนี้สหายโจวสามารถพูดได้ หรือจะไม่พูดก็ได้ ลอง ถามตัวเองดู”
สีหน้าของโจวซูเจินกระอักกระอ่วน แต่นางก็ยังแข็งใจพยักหน้า รับ “ข้าจะอธิบายหลักการเหตุผลข้อนี้ให้เว่ยเหลียงฟังต่อหน้าเอง”
เฉินผิงอันตีหน้าเคร่งพยักหน้ารับ
ไปทะเลาะกันเองเถอะ
ไปเยือนแคว้นหนันเยวี่ยนรอบหนึ่ง ได้พบกับเว่ยเหลียงแล้ว ต่อ ให้ไม่ทะเลาะกัน ด้านข้างมีหูเจียวยืนอยู่ ข้าก็ไม่เชื่อหรอกว่าพวกเจ้า สามคนจะยังสมัครสมานสามัคคีกันได้อีก
เพ่ยเซียงยิ้มหวานมองเจ้าขุนเขาเฉิน ไม่เจ้าคิดเจ้าแค้น ไม่เจ้า คิดเจ้าแค้นจริงๆ