กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1079.2 ต่างถิ่น บ้านเกิด ถิ่นแห่งสุรา บ้านแห่งหัวใจ
- Home
- กระบี่จงมา! Sword of Coming
- บทที่ 1079.2 ต่างถิ่น บ้านเกิด ถิ่นแห่งสุรา บ้านแห่งหัวใจ
เผยเฉียนลังเลเล็กน้อย ก่อนเอ่ยว่า “คนหนึ่งในนั้นไม่ใช่ผู้ฝึกตน เผ่าปีศาจที่ไม่อาจหนีกลับไปเปลี่ยวร ้างได้ แต่เป็ นผู้ฝึกตนเผ่ามนุษย์ ในท้องถิ่นของใบถงทวีป ว่ากันว่าต่อให้ตายเขาก็ไม่ยอมส านึกผิด เหตุผลก็คือการที่ใบถงทวีปได้เจอกับหายนะครั้งใหญ่นี้ก็เพราะ ก าแพงเมืองปราณกระบี่ไม่อาจพิทักษ์เส้นทางที่เชื่อมโยงกับภูเขา ห้อยหัวเอาไว้ได้ และอริยะปราชญ์ของศาลบุ๋นก็เอาแต่นิ่งดูดายไม่ทา อะไร”
ชุยตงซานเหมือนจะไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ให้มากนัก จึงกล่าวต่อ ว่า “ผู้ฝึกลมปราณกลุ่มแรกที่ไปตรวจสอบเรื่องนี้ ทางฝั่งของสานัก กระบี่ชิงผิงพวกเราได้ส่งตัวผู้ฝึกกระบี่สามคนอย่างหมี่อวี้ สิงอวิ๋นและ หลิ่วสุ่ยไป ทางฝั่งภูเขาไท่ผิงมีเจ้าขุนเขาหวงถิงที่ละทิ้งการปิดด่าน ยังพากั่วหรานขอบเขตเซียนเหรินฉายาหลงเหมินไปด้วย ทางจวน วารีมหาสมุทรตะวันออกก็มีผีเซียนหวงม่านและผู้ฝึ กยุทธซีหมาน ส่วนกองกาลังฝ่ ายอื่นๆ ที่เหลือ บวกกับเรือนอวิ๋นฉ่าวผูซานที่เซวีย ไหวเป็ นคนนาขบวน ผู้ถวายงานเชื้อพระวงศ์อีกกลุ่มใหญ่ของ ราชวงศ์ต้าเฉวียน รวมแล้วมีแปดกลุ่มที่อาพรางร่องรอยแยกกันไป ตามแนวเส้นเลียบลาน้าใหญ่ ต่างคนต่างเลือกที่พักหนึ่งแห่ง จากนั้น ก็ทางานตามหน้าที่ตัวเอง เริ่มแข่งกันในด้านความอดทนของทั้งสอง ฝ่าย…รวมถึงเสี่ยงดวงไปเฝ้ าตอรอกระต่าย”
อวี๋เสวียนขยุ้มหนวด “มีแต่เป็ นโจรพันวัน ไหนเลยจะมีหลักการที่ ต้องป้ องกันโจรพันวัน เฝ้ าตอรอกระต่ายคือวิธีที่อับจนหนทางแล้ว จะ เอาแต่ไม่ท าอะไรเลยก็ไม่ได้ แต่หากอีกฝ่ ายหยุดมือไปแล้วก็จะยิ่งเป็ น ปัญหาใหญ่เข้าไปอีก พูดถึงแค่ใจคนแตกสลาย ควรจะรวบรวม กลับมาอย่างไร? บวกกับคาพูดซุบซิบนินทาที่ห้ามไม่อยู่พวกนั้น ชื่อเสียงของสานักกระบี่ชิงผิงและภูเขาลั่วพั่วของพวกเจ้า อยู่ในใบถง ทวีปแห่งนั้น หากไม่ทันระวังก็จะเละเทะเอาได้”
ไม่พูดถึงพวกผู้ฝึกตนของฝ่ ายต่างๆ ที่อยู่ใต้การดูแลของศาล บรรพจารย์ที่สร ้างขึ้นชั่วคราวซึ่งทุกคนต้องวิ่งวุ่นเหน็ดเหนื่อย แต่ กลับไม่ได้ผลลัพธ ์ดีเท่าที่ควร สาคัญยิ่งกว่านั้นก็คือแคว้นเล็ก ทั้งหลาย ทั่วทั้งราชสานักต่างก็อยู่กันอย่างอกสั่นขวัญผวา เพราะถึง อย่างไรนี่ก็ไม่ถือว่าเป็ นเรื่องที่ “หากมีลมพัดใบไม้ไหวแล้วจะเป็ น อย่างไรต่อ” แต่จะต้องมีคนตายจริงๆ ดังนั้นงานส่วนใหญ่เลียบลาน้า ใหญ่จึงต้องหยุดชะงักลง มีเพียงแคว้นใหญ่อย่างสกุลเหยาต้าเฉวียน และจวนเซียนอักษรจงขนาดใหญ่เช่นสานักกุยหยก สานักกระบี่ชิง ผิงเท่านั้นที่ยังคงทาการขุดเจาะลาน้าไปตามลาดับขั้นตอนอยู่ เหมือนเดิม
เฉินผิงอันมองไปยังชุยตงซาน ชุยตงซานยิ้มกว้าง “ข้ามีสถานะ ที่ซุกซ่อนอยู่ในผูซานในเมื่อไม่มีอะไรทาอยู่แล้ว ตอนนี้ก็เลยมาเป็ น เหยื่อล่อ ส่วนคนที่วางแผนอยู่เบื้องหลังจะงับเหยื่อหรือไม่ก็ต้องดูที่ ตัวการหลักหรือไม่ก็ผู้ช่วยที่เป็ นแรงสาคัญว่ากล้าสังหารผู้มี
พรสวรรค์เด็กหนุ่มขอบเขตประตูมังกรที่เป็ นผู้ฝึกกระบี่ลูกศิษย์ผู้สืบ ทอดของสานักกระบี่ชิงผิงเพื่อนามาสร ้างบารมี สร ้างชื่อในศึกเดียว หรือไม่”
เฉินผิงอันนวดคลึงหว่างคิ้ว เอ่ยว่า “ว่าต่อสิ”
ชุยตงซานกล่าว “ให้ยอดฝีมือช่วยค านวณให้ อนุมานคร่าวๆ ถึง สถานที่ที่คนเหล่านั้นอาจปรากฏตัว และเจ้าหมอนี่ก็คว้าจับจุดสาคัญ ได้จริงๆ เพราะตอนนั้นหวงถิงแห่งภูเขาไท่ผิงอยู่ห่างไปไม่ไกล พอ นางได้ข่าวก็รีบขี่กระบี่ไล่ตามไป แล้วก็ตามไปทันด้วย!”
เฉินผิงอันขมวดคิ้ว “ขนาดหวงถิงก็ยังดักฆ่าอีกฝ่ ายไม่ส าเร็จ หรือ?”
หากฆ่าได้แล้ว ชุยตงซานก็คงไม่พูดเยอะขนาดนี้
ชุยตงซานเอาสองมือถูหน้า เอ่ยอย่างจนใจว่า “อันที่จริงอีกฝ่ าย อ าพรางตัวได้ดีมากแล้ว น่าเสียดายที่มาเจอกับหวงถิง หวงถิงไม่เคย ทาอะไรอืดอาด อีกฝ่ ายโดนไปหนึ่งกระบี่บาดเจ็บไม่เบา แต่ไอ้หมอ นั่นก็ยังหนีไปได้อยู่ดี”
เฉินผิงอันเงียบไม่พูดอะไร
หวงถิงที่เป็ นเจ้าสานักของภูเขาไท่ผิง นางไม่เพียงแต่เป็ นผู้ฝึก กระบี่ขอบเขตหยกดิบอย่าลืมล่ะว่าความโชคดีของหวงถิงนั้นยังเป็ นที่ ยอมรับของใต้หล้าว่าเป็ นอันดับหนึ่ง
นางไปทัน ไล่ตามไปเจอผู้ฝึ กตนเผ่าปี ศาจที่มีโอกาสจะเป็ น ตัวการหลักผู้นั้น เดิมทีก็เป็ นการพิสูจน์ความจริงอย่างหนึ่งอยู่แล้ว แต่สุดท้ายอีกฝ่ ายกลับยังหนีไปได้ ไยจะไม่ใช่การพิสูจน์ความจริงอีก อย่างหนึ่ง
ดังนั้นนี่จึงยุ่งยากยิ่งกว่าการที่หมื่อวี้ซึ่งเป็ นขอบเขตเซียนเหริน ไล่ตามไปทันแล้วออกกระบี่ สุดท้ายปล่อยให้อีกฝ่ ายที่บาดเจ็บสาหัส โชคดีหนีรอดไปได้
สิงอวิ๋นที่มีรูปโฉมเป็ นเด็กหนุ่ม หลิ่วสุ่ยที่เป็ นหญิงชรา ผู้ฝึ ก กระบี่ในท้องถิ่นของกาแพงเมืองปราณกระบี่สองคนที่เพิ่งเคยเหยียบ ย่างเข้ามาในใต้หล้าไพศาลเป็ นครั้งแรกเดิมทีสิงอวิ๋นได้มีสถานะ อย่างใหม่แล้ว นั่นคือเป็ นผู้ถวายงานที่ได้รับการบันทึกชื่อของสานัก กระบี่ชิงผิง ควบกับผู้ดูแลคนใหม่ของท่าเรือเฟิ งยวน แต่เพียงแค่ เพราะจู่ๆ ก็มีเผ่าปีศาจที่ก่อความวุ่นวายไปทั่วพวกนี้โผล่มา เรื่องแรก ที่ต้องทาก็คือเปลี่ยนสถานที่สาหรับสังหารปี ศาจปัญหาเพียงหนึ่ง เดียวนั้นอยู่ที่ว่าไม่แน่เสมอไปที่พวกเขาจะมีโอกาสได้เจอกับผู้ฝึกตน เผ่าปีศาจคนนั้นหรือหลายคนนั้น
ชุยตงซานกล่าว “สัตว์เดรัจฉานที่มั่นใจได้แล้วว่าเป็ นเผ่าปีศาจ ตนนี้ ก่อนที่หวงถิงจะไล่ตามไปได้ป่ าวประกาศว่าวันหน้าเส้นทาง เลียบลาน้าใหญ่ ขอแค่ที่ใดมีฝุ่นคลุ้งตลบก็จะต้องกินยันต์ของเขา”
เฉินผิงอันถาม “ปีศาจตนนี้คือผู้ฝึกตนสายยันต์ห้าขอบเขตบนที่ เชี่ยวชาญวิชาการหลบหนีเอาชีวิตรอดหรือ?”
ชุยตงซานส่ายหน้า “ฟังหวงถิงเล่า ดูเหมือนว่าจะเป็ นขอบเขต ก่อกาเนิดคนหนึ่ง แต่ก็เชี่ยวชาญวิชาหลบหนีห้าธาตุจริงๆ ยันต์ก็ยิ่ง มีให้เอาออกมาใช ้ได้ไม่หมดสิ้น ถูกไอ้หมอนี่จับคู่มาใช ้จนคนมอง ตาลาย การไล่ฆ่าที่ใช ้เวลาไม่ถึงครึ่งเค่อ อันที่จริงหวงถิงก็ออกกระบี่ ไปหลายครั้ง แต่กลับโดนร่างของเผ่าปีศาจตนนั้นจริงๆ แค่ครั้งเดียว เท่านั้น และนั่นยังเป็ นครั้งที่หวงถิงเล่าให้ข้าฟังหลังจบเรื่องด้วยว่า “อาศัยสัญชาตญาณฟันไปมั่วๆ ลองเสี่ยงดวงดูด้วย”
ชุยตงซานเพิ่มน้าหนักเสียง “ดังนั้นเผ่าปีศาจตนนี้ต้องเชี่ยวชาญ ด้านยันต์อย่างมาก”
อวี๋เสวียนเปิ ดปากถาม “เจ้าส านักชุย มีเศษซากของยันต์ เหลืออยู่หรือไม่?”
ชุยตงซานหยิบกระปุกใบเล็กออกมาจากชายแขนเสื้อ เทเศษผง ของยันต์ลงบนโต๊ะอย่างระมัดระวัง
บอกตามตรง หากอวี๋เสวียนไม่อยู่บนภูเขา ชุยตงซานก็คงได้แต่ ขอให้อาจารย์ไปเชิญอาจารย์ของอาจารย์ให้ไปเชิญเทพเซียนผู้เฒ่า อวี๋ออกจากธารดวงดาวพร่างพราว “จุติลงมายังโลกมนุษย์” สักรอบ แล้วเหมือนกัน
อวี๋เสวียนยกชายแขนเสื้อขึ้น ยื่นนิ้วไปขยุ้มเศษซากของยันต์มา เล็กน้อยแล้วใช ้สองนิ้วถูกันเบาๆ ฉับพลันนั้นก็สะบัดชายแขนเสื้อ กลางอากาศมีแสงสีทองจุดหนึ่งโผล่มา จากนั้นก็เปลี่ยนจากจุดมา
เป็ นเส้น เปลี่ยนจากเส้นมาเป็ นพื้นผิว แสงสีทองเล็กจ้อยแต่ละเส้นยืด ยาวออกไป ทยอยกัน “ถือก าเนิด” กลายเป็ นยันต์สมบูรณ์สีทองแผ่น หนึ่ง
และในชั่วขณะที่ “กลายเป็ นยันต์” นั้นเอง ยันต์แผ่นนั้นก็ทาท่า จะระเบิดออกราวกับว่าได้รอคอยที่จะเป็ น “ยันต์ในยันต์” อยู่ก่อนแล้ว
น่าเสียดายที่ยันต์แผ่นนี้มาเจอกับฝูลู่อวี๋เสวียน
อวี๋เสวียนได้วาดยันต์ขึ้นมาพร ้อมกันนานแล้ว ใช ้มันกักขังยันต์ แผ่นนี้เอาไว้ ยันต์ที่เกิดรอยแตกร ้าวนับไม่ถ้วนแผ่นนั้นล่องลอยอยู่ กลางอากาศ จะร่วงมิร่วงแหล่
อวี๋เสวียนจ้องมองอยู่พักหนึ่ง เพียงไม่นานก็ได้ข้อสรุปที่มีทั้งดี และร ้ายปนกัน “ไม่ใช่ยันต์ใหญ่ที่ถูกบันทึกลงในเอกสารใดๆ มีเส้น สายของยันต์สองพันสองร ้อยกว่าเส้น แม้จะหยาบไปสักหน่อย แต่ก็ น่าสนใจไม่น้อย มองออกว่ามีความเป็ นไปได้มากที่จะเป็ น “ผลงาน ชิ้นแรก” ที่ผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจคนนั้นสร ้างขึ้นกับมือตัวเอง เป็ นเหตุให้ ยังอยู่ในขั้นตอนของการคล าหา ยังไม่ประสบผลส าเร็จ หาไม่แล้วต่อ ให้ข้ามีการเตรียมการไว้ก่อนล่วงหน้า ใช ้ยันต์สยบยันต์ พูดถึงแค่ ร่องรอยแห่งมรรคาที่ซ่อนอยู่ในแก่นแห่งยันต์ก็ต้องถูกทาลายจนสิ้น ซากอย่างแน่นอน แต่ผู้ฝึ กตนที่สามารถวาดยันต์ใหม่เอี่ยมเช่นนี้ ออกมาได้ก็มีต้องมีพรสวรรค์สูงมาก อีกทั้งวิธีที่ใช ้ยังแปลกใหม่ มี ความคิดลึกล้าพิสดาร มีอยู่หลายจุดที่เรียกได้ว่ากล้าคิดในสิ่งที่คน รุ่นก่อนไม่เคยคิดถึงมาก่อน จาต้องยอมรับว่าไอ้หมอนี่คือต้นกล้าที่ดี
เป็ นต้นกล้าที่ดีในการฝึกวิชายันต์จริงๆ หากมันซ่อนตัวอยู่ในใบถง ทวีปเป็ นเวลานาน ต้องกลายมาเป็ นภัยแฝงที่ไม่เล็กอย่างแน่นอน”
อวี๋เสวียนกล่าวต่ออีกว่า “หวงถิงเดาไม่ผิด มีโอกาสที่จะเป็ น ขอบเขตก่อก าเนิดมากที่สุด โอกาสที่จะเป็ นขอบเขตหยกดิบไม่อาจ พูดได้ว่าไม่มีเลย แต่ความเป็ นไปได้นั้นก็มีน้อยมาก”
เฉินผิงอันพลันเอ่ยว่า “จะเป็ นแค่ขอบเขตโอสถทองได้หรือไม่”
อวี๋เสวียนใช ้มือขวาคีบยันต์แผ่นนั้นขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ส่วนมือ ซ ้ายนับนิ้วคานวณ ครู่หนึ่งต่อมา ยันต์แผ่นเก่าที่ประคองตัวต่อไปไม่ ไหวก็ปริแตก อวี๋เสวียนพยักหน้า “มีความเป็ นไปได้จริงๆ โอสถทอง กับก่อกาเนิด มีกันอยู่คนละครึ่งๆ”
ชุยตงซานนวดคลึงปลายคาง เอ่ยว่า “เกินครึ่งน่าจะเป็ นโอสถ ทองแล้ว”
หากถูกผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจที่หนีรอดไปได้ผู้นี้เลื่อนเป็ นก่อกาเนิด กลางคัน ถึงขั้นที่ว่าถือโอกาสนี้ปิดด่านไปรอบหนึ่งแล้วกลายไปเป็ น หยกดิบเลยล่ะ?
ขนาดโอสถทองยังรับมือได้ยากขนาดนี้ หากอีกฝ่ ายเดินข้าม บันไดขั้นใหญ่ เลื่อนจากเซียนดินเป็ นห้าขอบเขตบน ผลลัพธ ์ที่ ตามมาคงเลวร ้ายจนแทบไม่อยากคาดคิด
อวี๋เสวียนถาม “เจ้าสานักชุย มีแค่เศษซากยันต์พวกนี้เท่านั้น หรือ?”
ชุยตงซานพยักหน้า “นี่ยังเป็ นเพราะหวงถิงอาศัยดวงถึงได้หา เจอด้วย”
อวี๋เสวียนกล่าวอย่างเสียดาย “น่าเสียดายนัก หากเป็ นยันต์ที่ สมบูรณ์ ต่อให้เหลือแค่ครึ่งแผ่นก็ยังดี ตอนนี้อาศัยแค่เศษซากของ ยันต์เพียงน้อยนิด คิดจะสืบสาวเส้นสนกลในไปเจอเบาะแสที่ถูกต้องก็ เป็ นเรื่องเพ้อฝันแล้ว แม้กระทั่งข้าผู้อาวุโสก็ยังทาไม่ได้ อีกฝ่ ายวาด ยันต์ได้สะอาดเอี่ยมมาก ราวกับว่ามีการป้ องกันมาตั้งแต่แรกแล้ว เขา ใช ้…เจ้าตัวดี ไม่ใช่แค่ยันต์แทนตัวแผ่นเดียวเท่านั้น ใช ้ยันต์แทน ตัววาดยันต์แทนตัว แล้วค่อยวาดยันต์ในยันต์อีกที…ไอ้หมอนี่ช่างเจ้า เล่ห์เหลือเกิน รับมือได้ยาก รับมือได้ยากจริงๆ”
พลันสังเกตเห็นว่ามีคนไม่น้อยหันมามองตน เฉินผิงอันก็เอ่ย อย่างขันๆ ปนฉุนว่า “มองข้าทาไม จะมองก็ต้องมองโจวอันดับหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าไอ้หมอนี่ได้เรียนรู ้แก่นสาคัญของการก่อเรื่องแล้วเผ่น หนีไปจากเจ้าส านักผู้เฒ่าเจียง”
โจวอันดับหนึ่งที่เกิดความคิดกะทันหันว่าอยากจะมาร่วมวงความ ครึกครื้น มาพบเจอยอดฝีมือพลันหยุดฝีเท้า ใบหน้าไร ้เดียงสา ร ้อง อา เรื่องแบบนี้ก็โทษตนได้ด้วยหรือ?
ป๋ ายเหย่ แม้จะไม่ใช่ผู้ฝึกกระบี่กลับเป็ นเซียนกระบี่ที่แท้จริงในใจ ของเจียงซ่างเจิน
สมบัติที่มากมหาศาลของเทพเซียนผู้เฒ่าอวี๋ก็ยิ่งทาให้เจียงซ่าง เจินต้องทอดถอนใจที่ตัวเองสู้ไม่ได้
อวี๋เสวียนใช ้ความคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ลูบหนวดกล่าวว่า “หากไม่ได้ จริงๆ ข้าผู้อาวุโสจะไปเยือนใบถงทวีปด้วยตัวเองรอบหนึ่ง ไปอยู่สัก เดือน ดูสิว่าจะได้เจอกับเด็กรุ่นหลังที่มีความสามารถด้านยันต์ผู้นี้ หรือไม่ หากเวลานานกว่านั้นก็คงไม่ได้แล้ว เพราะถึงอย่างไรข้าผู้ อาวุโสก็ยังต้องช่วยจับตามองวิถีโคจรของชิงเต้านอกฟ้ า ไม่สะดวก จะปลีกตัวมาแบ่งสมาธิมากเกินไป”
ไม่มีใครเปิดปากเอ่ยค าพูดตามมารยาทท านองว่าเอาคนมีฝีมือ ไปใช ้ในงานเล็กน้อยอะไร
เจียงซ่างเจินยิ้มเอ่ย “ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะติดตามเทพเซียนผู้เฒ่า อวี๋กลับบ้านเกิดสักรอบ เรียนรู ้จากหวงถิง ลองไปเสี่ยงดวงดู”
แต่เฉินผิงอันกลับเอ่ยว่า “ผู้อาวุโสอวี๋ไม่สะดวกจะทิ้งดวงจิตแทน ร่างจริงไว้ที่ธารดวงดาว แล้วยังต้องใช ้ร่างจริงเดินทางไปเยือนใบถง ทวีป บางทีเขาอาจจะรอโอกาสนี้อยู่”
ชุยตงซานพยักหน้า “เป็ นเช่นนี้จริง”
เฉินผิงอันกล่าว “ผู้อาวุโสอวี๋ไม่ต้องสนใจเรื่องนี้ พวกเราจะ พยายามกาจัดภัยแฝงนี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด เจียงซ่างเจินกลับไปก่อน รอให้ผู้เยาว์จัดการธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร ้อยก็จะไปที่ใบถงทวีป”
อวี๋เสวียนไม่ได้เล่นตัวอะไร พยักหน้าแล้วเอ่ยอย่างปลงอนิจจังว่า “การประพฤติตัวและการทาสิ่งใดล้วนไม่ง่าย ร ้อยปีอาจจะทาไม่สาเร็จ แต่กลับสามารถล้มเหลวได้ในเวลาเพียงชั่วครู่ยาม อย่าท้อถอยก็ พอแล้ว รอคอยให้เมฆคล้อยลอยห่างเห็นแสงจันทร ์อีกครั้งเชื่อว่า จะต้องมีวันที่ฟ้ าหลังฝนย่อมสดใส”
ชุยตงซานกระแอมอยู่สองสามที “อาจารย์ เรื่องที่จะพูดคุยก็มี เพียงเท่านี้ ข้าไปก่อนนะขอรับ เหนื่อยจากการเดินทาง ต้องพักผ่อน สักหน่อย”
เฉินผิงอันพยักหน้า ใช ้เสียงในใจกล่าวว่า “พักผ่อนแล้วเจ้าก็ เรียกเจียงซ่างเจินให้ไปด้วยกัน ไปเยือนสองสถานที่นั้นในพื้นที่มงคล ดอกบัว แยกกันท างาน เรียกคนไปให้มากหน่อยก็ได้ ช่วงนี้ข้าจะให้ เจียงซ่างเจินกับเซี่ยโก่วเอาร่มใบถงไปที่ใบถงทวีป”
ชุยตงซานไม่หยุดเดิน ใช ้เสียงในใจเอ่ยว่า “อาจารย์กังวลว่าสอง สถานที่นั้นจะมีใครมาแฝงตัวอยู่นานแล้ว คอยก่อกวนอยู่อย่างลับๆ หรือ? ตามหลักแล้วไม่ว่าจะเป็ นใครก็น่าจะมีความเคารพต่อเจ้า อารามผู้เฒ่าอยู่หลายส่วน”
ในเมื่อไม่ว่าจะเป็ นใคร ถ้าอย่างนั้นในบรรดาคนที่ว่านี้ก็ต้องรวม โจวมี่เข้าไปด้วยแล้ว
ก็จริงนะ ไม่ว่าจะเป็ นใครก็ไม่ยินดีจะเป็ นฝ่ ายไปหาเรื่องเจ้าแห่ง ถ้านี้เขียวก่อนทั้งนั้น
เฉินผิงอันก้มหน้าลงเล็กน้อย สายตาคลุมเครือยากจะบอก ความคิด เขาเอ่ยอย่างเรียบเฉยว่า “ไม่ใช่พวกงูในหนองบึงที่สร ้าง คลื่นก่อมรสุม ก็ต้องเป็ นหลักการเหตุผลที่มีเรื่องเล่าอธิบายมาตั้ง นานแล้ว ต้นข้าวแก่หากไม่รีบถอนทิ้งจะทาให้ต้นข้าวที่ดีต้นอื่นต้อง เสียหาย”
ชุยตงซานได้ยินก็ชะลอฝีเท้า สีหน้าซับซ ้อน ท าท่าจะพูดแต่ไม่ พูด ถึงขึ้นที่ว่ายังหันกลับไปมองอาจารย์ของตัวเอง
เฉินผิงอันเลิกเปลือกตาขึ้น เอ่ยว่า “โชคดีมักไม่มาพร ้อมกันสอง ครั้งและเคราะห์ร ้ายก็มักไม่เกิดขึ้นแค่หนเดียว นี่คือหลักการเหตุผล เก่าแก่แล้ว แทนที่จะทยอยเกิดขึ้นทุกๆ สามวันห้าวันก็ไม่สู้ให้ผุด พรวดออกมาตากแดดทีเดียวไปเลย พวกเราต่างก็รู ้กันดีอยู่แก่ใจว่า หายนะในตอนนี้ จะเป็ นทางฝั่งใบถงทวีปก็ดี หรือจะซ่อนอยู่ในพื้นที่ มงคลก็ช่าง แน่นอนว่าล้วนเป็ นเรื่องเลวร ้ายที่ทาให้กลัดกลุ้มใจอย่าง ถึงที่สุด แต่ว่ากันในบางความหมายแล้วก็สามารถมองเป็ นจุดหักเห อย่างหนึ่งได้ เมื่อเหตุการณ์หนึ่งร่วงดิ่งไปถึงหุบเหวแล้วค่อยย้อนกลับ ขึ้นมาด้านบนใหม่ ก็คือเรื่องดี”
ชุยตงซานพยักหน้ารับเบาๆ แล้วหันหน้ากลับไปอีกครั้ง สะบัด ชายแขนเสื้อสีขาวหิมะสองข้างเดินก้าวยาวๆ จากไป
เห็นว่าห่านขาวใหญ่ไปแล้ว เฉินหลิงจวินก็ปลุกความกล้าลุกขึ้น ถามหยั่งเชิงว่า “นายท่านเจ้าขุนเขา ไม่สู้ให้ข้าไปส่งเจ้าส านักชุยดี ไหม”
เฉินผิงอันก าลังจะพยักหน้า อวี๋เสวียนกลับยิ้มเอ่ยว่า “สหายจิ่ง ชิง เพิ่งจะเจอหน้ากันก็จะไปเสียแล้ว ไม่เหมาะสม ไม่เหมาะสม ไม่สู้ อยู่คุยเล่นกับข้าผู้อาวุโสอีกสักสองสามค า”
เฉินหลิงจวินเพิ่งจะยกกันขึ้น ได้ยินประโยคนี้ก็อ้าปากค้าง วาง ก้นลงเบาๆ หากไม่เป็ นเพราะมีนายท่านเจ้าขุนเขานั่งอยู่ในห้อง เฉิน หลิงจวินก็มีแต่จะยิ่งรู ้สึกเหมือนนั่งอยู่บนพรมเข็ม เหมือนมีไฟมาเผา กัน!
เด็กชายชุดเขียวที่นั่งกลับลงไปบนเก้าอี้สองตาว่างเปล่า เหม่อ ลอยไร ้ค าพูด เทพเซียนผู้เฒ่าอวี๋เป็ นอย่างไรกันแน่นะ ถึงได้คว้าจับ ตนไว้ไม่ยอมปล่อยเสียที
ป๋ ายเหย่เองก็หันมามองเด็กชายชุดเขียว
เฉินหลิงจวินยิ่งใจฝ่อมากกว่าเดิม
ก่อนหน้านี้ไม่มีใครบอกเขาว่าเด็กหนุ่มที่สวมหมวกหัวเสือผู้นี้คือ ใคร ตอนนั้นนายท่านใหญ่เฉินจึงควบคุมปากตัวเองไม่ได้ ระหว่าง ทางเจอกับคนสองคนที่เดินคู่กันมา คนหนึ่งสูงคนหนึ่งเตี้ย เฉินหลิง จวินก็รู ้สึกว่าน่าสนใจจึงหัวเราะเสียงดัง สองมือเท้าเอวฉับถาม อาจารย์จวินเชี่ยนว่ารับลูกศิษย์ใหม่อีกแล้วหรือ