กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1079.4 ต่างถิ่น บ้านเกิด ถิ่นแห่งสุรา บ้านแห่งหัวใจ
- Home
- กระบี่จงมา! Sword of Coming
- บทที่ 1079.4 ต่างถิ่น บ้านเกิด ถิ่นแห่งสุรา บ้านแห่งหัวใจ
หลังจากนั้นส่วนของหร่วนฉงก็ “หายไปอย่างไร ้ร่องรอย” ตามมา ติดๆ
แต่บรรพจารย์สานักการทหารที่รูปโฉมเหมือนเด็กน้อยของศาล ลมหิมะผู้นั้นได้เวทกระบี่บรรพกาลไปบทหนึ่ง ประเด็นสาคัญคือเวท กระบี่นั้นสูงมาก แต่ธรณีประตูกลับไม่สูง ผู้ฝึกกระบี่เซียนดินสามารถ ฝึกกระบี่สายนี้ได้
และหร่วนฉงเองก็ได้รับเวทหลอมกระบี่บทหนึ่งที่หายสาบสูญไป นานหมื่นปีแล้วเช่นกัน
หลังจากหลิวเสี้ยนหยางหวนกลับคืนมายังบ้านเกิดก็มักจะไปเดิน เที่ยวเล่นที่นั่นเป็ นประจ า บอกว่าไปลาดตระเวนอาณาเขตภูเขาของ บ้านตัวเอง แต่จุดที่สายตาเหลือบมองไปมากลับเป็ นหน้าผาของ ภูเขาเจินอู่ เป็ นเหตุให้พอจ านวนหลายครั้งเข้า ทุกครั้งที่หลิวเสี้ยนห ยางเข้าไปในภูเขา ภูเขาเจินอู่ก็จะต้องส่งผู้ฝึกตนมาคอยตามติดอยู่ ข้างกายลูกศิษย์เอกของเจ้าสานักกระบี่หลงเฉวียนผู้นี้ตลอดราวกับ ต้องการป้ องกันโจร
ดังนั้นเฉินผิงอันกลับบ้านเกิดในครั้งนี้จึงไม่มีความคิดใดๆ ต่อ ภูเขาสันหลังมังกร ต่อให้ก่อนหน้านี้ไม่นานเพิ่งจะได้เป็ นราชครูคน
ใหม่ของต้าหลี แต่เขาคิดไปคิดมาแล้วก็เลือกที่จะไม่พูดถึงแท่น สังหารมังกรส่วนที่เหลืออยู่ของภูเขาเจินอู่
ปีนั้นอยู่บนหัวกาแพงเมืองของกาแพงเมืองปราณกระบี่ เฉินผิง อันทยอยสร ้างโอสถก่อกาเนิดและหยกดิบ จานวนของกระบี่บินที่ก้าว ข้ามขั้นบันไดในแต่ละขั้นคือหนึ่งแสน สองแสนและสี่แสน
มีเพียงทางสองเส้นให้เดินเท่านั้น หนึ่งคือเฉินผิงอันเลื่อน ขอบเขตแล้ว กิน เงินเหรียญทองแดงแก่นทองอีกครั้ง ทางลัดสายนี้ เมื่อเทียบกับการกินหินสังหารมังกรแล้วก็แค่ถือว่าง่ายกว่าเล็กน้อย เท่านั้นจริงๆ
หล่อหลอมเงินเหรียญทองแดงแก่นทองหนึ่งพันห้าร ้อยเหรียญ ผสานรวมเข้าไปในแม่น้ายาวแห่งกาลเวลาที่เริ่มเป็ นรูปเป็ นร่างแล้ว จากการประมาณการณ์คร่าวๆ เป็ นการประมาณการณ์อย่างเผื่อ เหลือเผื่อขาด จันทร ์ปากบ่อหนึ่งเล่มก็มีหวังที่จะสามารถแบ่งตัว ออกเป็ นกระบี่บินได้มากถึงแปดแสนเล่ม หรือหากมองในแง่ดีหน่อย ไม่แน่ว่าอาจมากถึงหนึ่งล้านเล่มก็เป็ นได้
การหลอมกระบี่ประเภทนี้มีความมั่นคงอย่างมาก ทว่าการปิ ด ด่านครั้งนี้ของเฉินผิงอันกลับทาให้เขาเหมือนได้หวนกลับไปทุ่มเททั้ง ก าลังกายและสติปัญญาจนสุดตัวเหมือนตอนอยู่ในคฤหาสน์หลบ ร ้อนอีกครั้ง ทุกๆ รายละเอียดล้วนต้องมีการชั่งน้าหนักซ้าไปซ้ามาไม่ กล้าก้าวผิดไปแม้แต่ก้าวเดียว!
หาได้ยากนักที่อวี๋เสวียนจะลังเลตัดสินใจไม่ได้เช่นนี้ เขาโบก ชายแขนเสื้อหนึ่งทีก็สร ้างค่ายกลยันต์ใหญ่ขึ้นมา “คันคะเยอในใจ จริงๆ เรื่องของการปิดด่าน เจ้าหนูเจ้าช่วยบอกข้าคร่าวๆ หน่อยเถอะ ลองเล่ามาหน่อย วิธีการปิดด่านแบบนี้ของเจ้า ข้ามีชีวิตอยู่มาจนปูน นี้แล้วก็ยังไม่เคยได้ยินมาก่อน ไหนเลยจะมีผู้ฝึกบาเพ็ญเพียรที่ร่าง จริงอยู่ข้างนอกก็สามารถปิดด่านได้ ประเด็นส าคัญคือยังเป็ นธรณี ประตูใหญ่อย่างการเลื่อนจากเซียนดินเป็ นหยกดิบด้วย จาได้ว่าปีนั้น ข้าปิดด่านก็ยังไม่กล้าประมาทเช่นนี้ แล้วนับประสาอะไรกับที่ก่อน หน้านี้เจ้าก็ยังล้มเหลวไปแล้วถึงสองครั้ง?”
เฉินผิงอันได้แต่พูดให้ฟังคร่าวๆ “เป่ยโต้วก าหนดตายก็สามารถ ยืดขยายอายุได้สอดคล้องกับคากล่าวที่ว่าต้องทาจิตให้ว่างดับ เสียก่อนจึงจะมีชีวิตใหม่ได้ ดังนั้นนอกจากร่างจริงแล้วข้ายังจัดวาง ยันต์ร่างแยกไว้อีกเก้าร่าง เจ็ดส าแดงสองอ าพราง ล้วนแยกย้ายกัน ไปอยู่ด้านล่างกึ่งกลางภูเขาของแจกันสมบัติทวีป ส่วนร่างจริงนี้ของ ข้าใช ้นามแฝงว่าเฉินจี้อยู่ในพื้นที่ชนบทแห่งหนึ่ง เปิดโรงเรียนทา หน้าที่เป็ นอาจารย์สอนหนังสือให้กับนักเรียนประถม”
อวี๋เสวียนนิ่งรอฟังประโยคถัดไป แต่เจ้าเด็กนี่กลับหยุดพูดไป ดื้อๆ “ไม่มีแล้วหรือ?”
เฉินผิงอันกล่าวอย่างอ่อนใจ “ก็ผู้อาวุโสบอกให้ผู้เยาว์พูดคร่าวๆ นี่นา”
อวี๋เสวียนร ้องเฮ้อเลียนแบบน้าเสียงของซิ่วไฉเฒ่า ยื่นมือมาคว้า จับแขนของเฉินผิงอันเอาไว้ “แบบนี้ออกจะขอไปทีเกินไปหน่อย เฉิน ผิงอัน ขอละเอียดกว่านี้อีกนิดเถอะ”
นี่เรียกว่ามีจิตใจกระหายมรรคาอย่างแรงกล้า!
ไม่เกี่ยวกับว่าขอบเขตสูงหรือต่า
เฉินผิงอันเอ่ยเนิบช ้าว่า “อาจารย์ของข้ามีคากล่าวที่ว่า “ขุนนาง แห่งสวรรค์” ในบันทึกว่าด้วยพิธีกรรม (หลี่จี้) ก็มีคากล่าวถึงเจ็ด อารมณ์ซึ่งมียินดี โกรธ เศร ้า กลัว รัก เกลียด ใคร่ เป็ นหนึ่งในนั้น ร่างแยกเจ็ดส าแดงมีความสอดคล้องกับเจ็ดอารมณ์ สองอ าพราง แยกกันรับผิดชอบหว่านแหและรวบแห ผู้ฝึกยุทธเต็มตัวคนหนึ่งใน นั้น “แสดง” ลมปราณแท้จริงที่บริสุทธิ์ออกมา พยายามที่จะให้เกิด เป็ นการ “จ าแลงมรรคา’ อยู่ในฟ้ าดินเล็กเรือนกายของตัวเองให้ได้ มากที่สุด เก็บรวบความคิด ซึ่งต่างก็มีความเกี่ยวข้องกับการหยุด ความคิดปรุงแต่งของลัทธิพุทธและการถือศีลทางใจของลัทธิเต๋า ส่วนอีกหนึ่งอาพรางคือผู้ฝึกลมปราณที่ทาในสิ่งที่ตรงกันข้าม ปล่อย ให้ความคิดเกิดขึ้น ยิ่งมากเท่าไรก็ยิ่งดี ผุดขึ้นต่อเนื่องไม่มีดับหาย เหมือนดอกไม้ที่ผลิบานไปทั่วผืนป่ า แรงบันดาลใจนี้ได้มาจาก ประโยค “เจินเหรินในสมัยโบราณ เมื่อนอนหลับไม่ฝัน เมื่อตื่นไม่ กังวล ไม่กินอาหารรสหวาน ลมหายใจลึกล้า” ในบทปรมาจารย์ใหญ่ ของลู่เฉิน อันที่จริงก็เคยอ้างอิงจากหกปรารถนาของลัทธิพุทธด้วย ผลคือพบว่าทางเส้นนี้เดินผ่านไปไม่ได้ ส่วนเหตุผลว่าเป็ นเพราะอะไร
นี่เกี่ยวพันไปถึงรากฐานมหามรรคาในการฝึกตนของข้าเอง ก็คงไม่ พูดถึงแล้ว ส่วนบทกุ้ยเซิงที่หนึ่งในบรรพจารย์ส านักจ๋าเจียเป็ น ผู้เขียน ก่อนหน้านี้ข้าอยู่ในพื้นที่ประกอบพิธีกรรมบนยอดเขามี่เซวี่ย ก็เคยทาการอนุมานไปรอบหนึ่ง ดูเหมือนว่าไม่พอที่จะรับหน้าที่เป็ น… สมอเรือ ก็เลยละทิ้งไปสุดท้ายก็ยังคงเลือกห้าพิษ และในนี้ก็ได้อิงตาม ค ากล่าวของลัทธิพุทธด้วย ข้าจึงจงใจเพิ่มเสาคานลงบนเสาคาน วาง หัวลงเหนือหัว ถือเป็ นการหาเรื่องลาบากใส่ตัว จงใจเพิ่มระดับความ สูงและระดับความยากของด่านทางใจให้ตัวเอง พูดง่ายๆ ก็คือใช ้ สภาพจิตใจเป็ นสนามรบ ใช ้จิตมารสังหารจิตมาร สังหารโจรตายเป็ น ผักปลา สร ้างเนินแห่งกองกระดูกขึ้นมา เพียงแต่ว่ากระดูกขาวโพลน ที่ทับถมกันจนกลายเป็ นภูเขานั้นล้วนเป็ นตัวข้าเองก็เท่านั้นจิตมาร น่ากลัว แต่น่ากลัวแค่ไหน ข้ากลับอยากจะลองสัมผัสดูด้วยตัวเอง บนภูเขาล้วนพูดกันว่าธรรมะสูงหนึ่งฉื่ออธรรมสูงหนึ่งจั้ง ข้าก็ อยากจะเห็นนักว่าสรุปแล้วจะสูงได้ถึงแค่ไหนกันเขียว ดังนั้นร่างจริงที่ อยู่ว่างถึงได้มาพูดคุยเรื่องพวกนี้กับผู้อาวุโสได้”
เฉินผิงอันกับดวงจิตดวงหนึ่งที่ท่องอยู่นอกฟ้ าพร ้อมกับผู้ครอง กระบี่ไม่ได้รวมอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย เป็ นเหตุให้นี่ก็เป็ นการขานรับกันอยู่ ไกลๆ ที่เหมือนฟ้ าดินเชื่อมโยงถึงกันและคอยชักนากันอีกอย่างหนึ่ง
ดวงจิตแต่ละดวงที่อยู่บนร่างแยกยันต์เก้าแผ่น รวมตัวกันสร ้าง เป็ นค่ายกลขนาดใหญ่สอดคล้องกับกฎแห่งฟ้ าหลักแห่งดิน
เฉินผิงอันใช ้ยันต์หมดไปเก้าแผ่นอย่างไม่เสียดาย สองแผ่นใน นั้นยังเป็ นยันต์กระดาษเขียวที่มีมูลค่าควรเมือง ต่อให้มีเงินก็หาซื้อ ไม่ได้
ถือเป็ นของที่ใช ้ครั้งเดียวทิ้ง เว้นเสียจากว่าปิดภูเขา เก็บร่างแยก บางร่างมา หาไม่แล้วปราณวิญญาณในยันต์ก็จะสลายหายไปอย่าง ต่อเนื่องจนกระทั่งหมดสิ้นลง สุดท้ายกลายเป็ นกระดาษที่ไม่มีค่าแผ่น หนึ่ง
“มหัศจรรย์จนเกินกว่าจะบรรยาย ได้เปิดโลกกว้างแล้ว!”
อวี๋เสวียนลูบหนวดยิ้มเอ่ย “รบกวนสหายเฉินช่วยพูดให้ละเอียด อีกสักหน่อยเถอะ!”
เฉินผิงอันสีหน้าสดใส คิ้วตาเบิกบาน หยิบกระบอกยาสูบขึ้นมา เคาะราวรั้วหยกขา เบาๆ จนเกิดเป็ นเสียงดังเคร ้งๆ
แล้วพูดร่ายยาวถึงความคิดและแนวทางในการคิดของตัวเองให้ เจินเหรินผู้เฒ่าฟัง
โบกชายแขนเสื้อหนึ่งครั้ง ควันลอยกรุ่นกลายเป็ นภาพวาดเก้า ภาพ ภาพที่ลอยตัวอยู่ก็คือสัญลักษณ์แผนผังแปดทิศ
อะไรคือเจ็ดส าแดง?
เจ้าขุนเขาชุดเขียวแห่งเรือนไม้ไผ่ของภูเขาลั่วพั่ว หลักคือ “เศร ้า”
เฉินจิ้วจือเค่อฝ่ายนอกของพรรคกิ่งไผ่ หลักคือ “ยินดี
อู๋ตีนักพรตที่ตั้งแผงอยู่ในแคว้นอวี้เซวียน หลักคือ “โกรธ
ปัญญาชนวัยกลางคนในวัดสานักนิกายในอาณาเขตของอวี๋ โจวต้าหลี หลักคือ “ใคร่”
เฉินเหรินเด็กหนุ่มสะพายกระบี่ที่ท่องอยู่ในแคว้นชิงซิ่งแล้วไป ปรากฏตัวในอาณาเขตของภูเขาเหอฮวาน หลักคือ “กลัว”
ในสานักเลขาธิการของเมืองหลวงแคว้นเล็กที่ตั้งอยู่ชายฝั่งทาง ใต้ของลาน้าใหญ่สายหนึ่ง มีวิญญูชนบนขื่อคานที่ไม่ขโมยตารา เพียงแค่อ่านตาราอย่างเดียวเท่านั้น หลักคือ “รัก”
ผู้เปิ ดเนตรทิพย์พิศมรรคาอยู่ในพื้นที่มงคลดอกบัว หลักคือ “เกลียด”
อะไรคือสองอ าพราง?
ผู้ฝึกยุทธขอบเขตร่างทองที่แต่งกายเหมือนนักพรตอยู่ในภูเขา เซียนดินโอสถทองเคราดกพกดาบที่เป็ นจอมยุทธพเนจร “นี่คือสีพื้นชั้นแรก ถือเป็ นการใช ้เจ็ดอารมณ์มาปูเป็ นพื้นฐาน”
อวี๋เสวียนผงกศีรษะเบาๆ “เจ้าขุนเขาชุดเขียวอยู่ในภูเขา มี อารมณ์หลักคือเศร ้าจากเจ็ดอารมณ์ ความเศร ้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็หนี ไม่พ้นใจตาย สอดคล้องกับคากล่าวที่ว่ามีเพียงตายไปแล้วถึงจะ กลับมามีชีวิตได้ใหม่ของสหายเฉินพอดี”
“ไม่เข้าใกล้ความชั่วร ้ายก็ไม่รู ้ถึงความดีงาม นี่ก็เพื่อพิศมรรคา”
“เพียงแต่ว่า…”
เฉินผิงอันได้ยินมาถึงตรงนี้ก็ยิ้มอย่างเข้าใจ ยกนิ้วชี้ไปที่หัวใจ ของตัวเอง รับค าต่อว่า “เพียงแต่ว่า….ถึงอย่างไรก็เป็ นแค่การ พิจารณาจากบางส่วนเท่านั้น แต่นี่ก็เป็ นขีดจากัดของข้าแล้ว”
อวี๋เสวียนยิ้มเอ่ย “วิธีการ “วาดทอง” ชั้นที่สองล่ะ? ขอสหายเฉิน โปรดอธิบายให้ฟังอีกครั้ง”
เฉินผิงอันผงกศีรษะเบาๆ ภาพเหมือนเก้าภาพหมุนขยับไปอย่าง เงียบเชียบ เกิดเป็ นภาพเหตุการณ์ที่แตกต่างกันไป แต่ละภาพมีการ กระทาความเคลื่อนไหวของตัวเอง
เงียบไปครู่หนึ่ง เฉินผิงอันก็เอ่ยว่า “ผู้อาวุโสอาจจะไม่รู ้ว่าข้าเกิด วันที่ห้าเดือนห้า”
อวี๋เสวียนอึ้งตะลึง ก่อนจะเอ่ยอย่างกระจ่างแจ้ง “สหายต้องการ ก าจัดจิตห้าพิษหรือ?!”
การเดินทางไปเยือนเปลี่ยวร ้างได้ขอยืมขอบเขตสิบสี่มาจากลู่ เฉิน ถือว่าเป็ นการช่วยดึงหญ้าให้เติบโตต่อจิตแห่งมรรคา ภารกิจที่ เร่งด่วนของเฉินผิงอันก็คือจ าเป็ นต้องก าจัดภัยแฝงทิ้งไป
ในเรื่องนี้ไม่เพียงแต่ลู่เฉินจะเตือนไว้ก่อนแล้ว ภายหลังก็ยังเคยมี การเตือนเขาอีกเหมือนกัน เฉินผิงอันจาเป็ นต้องรับน้าใจนั้น
ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่บนยอดเขาโพโม่ ลู่เฉินเคยเปิ ดเผย ความลับสวรรค์ต่อเฉาหรงผู้เป็ นลูกศิษย์
มองดูเหมือนเป็ นการสาดหมึกวาดภาพขุนเขาสายน้า แต่แท้จริง แล้วกลับเป็ นงานฝีมือที่ละเอียดอย่างถึงที่สุด
ลู่เฉินเคยเปิดเผยความลับสวรรค์กับเฉาหรง เนื้อหาที่เขาเอ่ย ออกมาก็คือมีความหมายที่แท้จริงของทั้งลัทธิพุทธและลัทธิเต๋า ครบถ้วน
เต๋ามอบรูปร่าง สวรรค์มอบรูปลักษณ์ วิธีการคัดลอกภาพภูเขา สายน้าจะต้องคว้าจับภูเขาสายน้านอกภาพวาดให้ได้ก่อน สิ่งที่คว้า จับก็คือจิตใจที่เป็ นดั่งวานรเตลิดดั่งม้าพยศซึ่งต้องก าราบให้ได้ คือ
จิตมารของนักพรต
ขณะเดียวกันตอนอยู่บนยอดเขาโพโม่ กลุ่มของโจวชิวและหลิว เถี่ยออกจากเมืองเฟิงเล่อก็เคยได้เห็นเฉินผิงอันอีกคนหนึ่งที่หดย่อ พื้นที่มาถึง รูปโฉมแตกต่างจากเด็กหนุ่มสวมรองเท้าสานที่สะพาย กระบี่อย่างสิ้นเชิง คืออิ่นกวานหนุ่มที่ทาให้พวกเขารู ้สึกว่าสอดคล้อง กับภาพลักษณ์ในใจของพวกเขา
มีรูปโฉมอ่อนเยาว์ เรียกได้ว่าดุจต้นไม้หยกรับลม ทั่วร่างเต็มไป ด้วยกลิ่นอายแห่งมรรคา บุคลิกท่าทางสดชื่นมีราศี บนศีรษะสวม กวานสีทอง สวมชุดคลุมอาคมผ้าโปร่งสีเขียว ในมือถือหลิงจือหยก ขาว สวมรองเท้าลายเมฆ
นี่ ก็ คือ ร่า ง แ ย กห นึ่ ง ใ น เ จ็ ดด า ว อ า พ ร า ง ที่เ ป็ น ตัว ช่วย
ประคับประคองค่ายกลใหญ่ “เฉินผิงอัน” คนนี้รับหน้าที่คอยให้การปกป้ องมรรคาต่อเด็ก
หนุ่มสะพายกระบี่ที่ขอบเขตวรยุทธไม่สูงอย่างลับๆ การแต่งกายที่แตกต่างไปจากเฉินผิงอันในยามปกติอย่างสิ้นเชิง
นั้นไม่เพียงแต่ “น่ามอง’ ยังใช ้งานได้จริงอีกด้วย
พูดง่ายๆ ก็คือนอกจากป้ องกันเรื่องไม่คาดฝัน สามารถชดเชย ช่องโหว่ของ “เด็กหนุ่มเฉินเหริน” แล้ว ยังสามารถเผ่นหนีได้หากสู้ ไม่ไหว ไม่ถึงขั้นเดือดร ้อนให้ค่ายกลใหญ่ทั้งแห่งต้องสูญเปล่า ไม่มี ทางที่จะต้องละทิ้งไปกลางคัน
และเฉินผิงอันที่มีรูปโฉมเป็ นนักพรตหนุ่มผู้นี้ มองดูแล้วกลับ เหมือนผู้ฝึ กลมปราณยิ่งกว่าผู้ฝึ กลมปราณเสียอีก แต่แท้จริงแล้ว กลับเป็ นผู้ฝึ กยุทธขอบเขตร่างทองจริงแท้แน่นอนหาใช่เซียนดิน โอสถทองไม่
เฉินผิงอันใช ้ยันต์กระดาษเขียวแผ่นหนึ่งอย่างไม่เสียดาย
ร่างแยกอีกร่างที่ใช ้ยันต์กระดาษเขียวเช่นเดียวกันเป็ นอย่างที่ลู่ เฉินคาดการณ์ไว้ คือคนมุทะลุในยุทธภพที่ร่างหนากายาอย่างแท้จริง ตรงเอวพกดาบ ลักษณะเหมือนจอมยุทธพเนจรเคราดก คือขอบเขต โอสถทอง
นี่ยังเป็ นเพราะเฉินผิงอันถูกจากัดอยู่ที่ขอบเขตก่อกาเนิดใน เวลานี้ พรสวรรค์ในด้านการวาดยันต์ เมื่อเทียบกับผู้เชี่ยวชาญสาย ยันต์ที่แท้จริงทั้งหลายแล้วก็ไม่ได้ถือว่ายอดเยี่ยมสักเท่าไรจริงๆ ยันต์ สีเขียวสองแผ่นที่เดิมทีมีมูลค่าควรเมือง หากเปลี่ยนมาให้เกาจวินผู้ บรรลุมรรคาสายยันต์มาเป็ นคนวาด จะวาดเป็ นร่างแยกของขอบเขต ก่อก าเนิดและผู้ฝึกยุทธขอบเขตเดินทางไกลก็ยังเป็ นไปได้
ลัทธิพุทธกล่าวไว้ว่า ‘ความโลภ ความโกรธ ความหลง ความถือ ตัว และความลังเลสงสัย ก็คือจิตแห่งพิษทั้งห้า จะเป็ นตัวก่อกรรมชั่ว ร ้าย ขัดขวางการฝึกตน เป็ นเหตุให้หากไม่กาจัดจิตพิษทั้งห้า คาว่า สมาธิสุดท้ายแล้วก็ไม่ใช่สมาธิ ค าว่าวิชาอภินิหารก็ไม่ใช่วิชาที่ ถูกต้องชอบธรรม
ถึงขั้นที่ว่าแม้กระทั่งจิตมารของผู้ฝึกบาเพ็ญตนก็ยังจะเกิดจาก สิ่งนี้
และวันเกิดของเฉินผิงอันก็บังเอิญเป็ นวันที่ห้าเดือนห้าพอ ถือ เป็ นวันห้าพิษที่บนภูเขาและล่างภูเขายอมรับโดยทั่วกัน
ในปฏิทินบอกไว้ว่าเดือนห้าคือเดือนหยางแท้ เป็ นช่วงของ เทศกาลตวนอู่ เป็ นเหตุให้ในใต้หล้าไพศาล แต่ละสถานที่มีธรรม เนียมไม่เหมือนกัน แต่กลับมีวัตถุประสงค์ที่เหมือนกัน เด็กน้อยจะ ร ้อยเชือกห้าสี สตรีจะพกถุงหอม บุรุษดื่มเหล้าเหลือง ช่างจะหล่อ กระจก ไปขอยันต์จากวัดวาอารามมาแปะ หรือไม่ก็แขวนหญ้าชางผู้
แขวนหญ้าอ้ายข่าวไว้นอกประตูบ้านบ้างก็แขวนภาพเทพขับไล่สิ่ง ชั่วร ้าย สิ่งที่ปรารถนามีเพียงขอให้ครอบครัวสงบสุขปลอดภัย
ตามคากล่าวของเมืองเล็กบ้านเกิด คนที่เกิดในวันนี้ก็คือดาว หายนะ หากชะตาชีวิตไม่ดีก็มักจะตายไปก่อนวัยอันควร หากดวง แข็งก็จะพิฆาตให้คนข้างกายทุกคนตายไปหมด
หากชอบฟังคนเฒ่าคนแก่เล่าเรื่องก็จะรู ้ถึงคากล่าวอีกอย่างหนึ่ง ที่มีความหมายใกล้เคียง แต่ก็มีความแตกต่างกันอยู่บ้าง วันที่ห้า เดือนห้านี้คือวันบวงสรวงเทพเจ้า ก็เหมือนที่บ้านคนไม่ควรไปตั้งอยู่ ด้านหลังวัดหรือศาล เหตุผลก็เพราะทุกคนจุดธูปโขกหัวกราบไหว้ เทวรูป คนมีชีวิตของครอบครัวนั้นจะรับพิธีการยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้ไหว หรือ? เหตุผลเดียวกันเด็กที่เกิดในวันที่ห้าเดือนห้าจะสามารถแบกรับ ชะตาชีวิตเช่นนี้ไหวได้อย่างไร?
แน่นอนว่ารอกระทั่งเด็กกาพร ้าของตรอกหนีผิงผู้นั้นเริ่มเติบ ใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้กลายเป็ นเจ้าของที่ดินรายใหญ่ของกลุ่ม ภูเขาทางทิศตะวันตกที่ผู้คนล้วนรับรู ้ คาพูดโบราณและหลักการ เหตุผลยังคงไม่เปลี่ยน เพียงแต่จะมีประโยคหนึ่งเพิ่มเข้ามา นั่นคือพ่อ แม่ของเด็กคนนั้นรู ้กฏดี รู ้จักช่วยตั้งชื่อที่ดีให้กับลูกชายของพวกเขา แต่เนิ่นๆ ผิงอัน สงบสุขปลอดภัย ยิ่งเป็ นชื่อที่ธรรมดาสามัญมาก เท่าไรก็ยิ่งช่วยให้รอดชีวิตได้มากเท่านั้น ขณะเดียวกันความหมายก็ ดีมากด้วย เฉินผิงอันถึงได้มีโชคในภายหลังอย่างไรเล่า ไม่เพียงแต่
h