กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1082.4 บนฟ้ าล่างฝน
เว่ยจิ้นสีหน้าหม่นหมอง ดื่มเหล้าไปหนึ่งชาม
ฟู่จิ้นเอ่ยอย่างรีข าๆ ปนฉุน “นางไม่นับ!”
น่าประหลาดใจยิ่งนัก เจ้าเว่ยจิ้นเป็ นคนลุ่มหลงในรักขนาดนี้เลย หรือ?! แม้กระทั่งด้ายแดงที่รู ้ทั้งรู ้ว่าเป็ นของคนอื่นก็ยังตัดใจสะบั้นให้ ขาดไม่ลง?
เว่ยจิ้นเงียบไม่ตอบ
ฟู่ จิ้นเทเหล้าอีกหนึ่งชาม ได้แต่บอกชื่อของคนอีกคนหนึ่ง ออกไป แล้วก็ดื่มเหล้าหมดชามอีกครั้ง “ผู้ฝึกยุทธเฉาสือ”
เว่ยจิ้นพยักหน้า “ข้าก็เหมือนกัน”
ฟู่ จิ้นหยิบชามที่ว่างเปล่ากระแทกลงบนโต๊ะอย่างแรง “รบกวน เซียนกระบี่เว่ยช่วยเอาความจริงใจออกมาให้เห็นหน่อย!”
เว่ยจิ้นยื่นนิ้วชี้ไปทางทิศเหนือ
ฟู่ จิ้นยิ้มบางๆ “เซียนกระบี่ใหญ่เว่ยคิดจะเล่นทายคาปริศนากับ ข้าหรือ?”
เว่ยจิ้นแกว่งชามเหล้า เอ่ยเสียงทุ้มหนักว่า “เฉินผิงอันที่ออกมา จากคฤหาสน์หลบร ้อนกาแพงเมืองปราณกระบี่ ทั้งยังไม่ได้อยู่บน ภูเขาลั่วพั่ว”
ฟู่ จิ้นตกตะลึงไปเล็กน้อย ใช ้ความคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ลุกขึ้นยืนแล้ว เอ่ยว่า “ไม่เสียเที่ยวที่มาครั้งนี้”
……
บนภูเขาล่างภูเขา น้าและเมฆอยู่บนฟ้ า ในฝันนอกฝัน ร่างของ เจ้าบ้านและแขก
จริงเท็จ ลวงแท้ หากไม่มีพิกัดระบุ สี่ด้านแปดทิศ นับแต่อดีตจวบ จนปัจจุบัน ข้าที่อยู่ในนั้นจะวางหลักหยัดยืนได้อย่างไร?
เฉินผิงอันเริ่มจะเข้าใจความรู ้สึกของลู่เฉินและเจิ้งจวีจงได้บ้าง แล้ว หรือควรจะพูดให้ถูกก็คือเขาได้ประสบพบเจอกับตัวเอง ไม่ใช่ แค่รู ้สึกเห็นใจอย่างคนนอกสถานการณ์
ดังนั้นประโยคที่เอ่ยกับหลิ่วชื่อเฉิงว่า “ลมฝนกว้างใหญ่สุดลูกหู ลูกตา สหายโปรดถนอมตัวด้วย” จึงทั้งเป็ นการพูดให้กับสหายที่อยู่ บนเส้นทางเบื้องหน้า แล้วก็พูดให้กับตัวเฉินผิงอันเอง
กู้ช่านถาม “เกิดอะไรขึ้น?”
ผู้ฝึกตนควรจะไม่ค่อยฝันถึงจะถูก
เฉินผิงอันกล่าว “เมื่อครู่อยู่บนภูเขา เดิมทีแค่อยากงีบหลับอยู่ บนเรือนไม้ไผ่ คิดไม่ถึงว่าจะฝันประหลาดเสียได้”
หลิวเสี้ยนหยางยิ้มเอ่ย “ความฝันเป็ นอย่างไร ประหลาดแค่ไหน ไหนลองเล่าให้ฟังสิ”
หากเป็ นสภาพการณ์ที่ถูกผีบังตากลับจะพูดได้ง่าย หลิวเสี้ยนห ยางที่เชี่ยวชาญการไขความฝัน” สามารถเข้าไปชมความฝันของ เฉินผิงอันได้
เฉินผิงอันย้อนคิดอย่างละเอียด เขานวดคลึงหว่างคิ้ว เอ่ยเสียง เบาว่า “มึนๆ งงๆ จ าจุดเริ่มต้นของความฝันไม่ได้แล้ว อันที่จริงมันไม่ ปะติดปะต่อกัน บางครั้งก็รู ้ว่าตัวเองกาลังฝัน แต่ก็เหมือนถูกผีอ า ไม่ อาจตื่นขึ้นมาได้ ถึงขั้นที่ว่าแม้กระทั่งความคิดที่อยากจะตื่นขึ้นมายัง ไม่จริงจังมากพอ ระหว่างนั้นเคยใช ้วิธีการสยบฝันร ้ายด้วยตัวเองอยู่ หลายครั้ง แต่ไม่ค่อยได้ผล แต่ก็ไม่มีโรคแฝงอะไร สภาพการณ์ใน ความฝันที่เหมือนการตัดบัวยังเหลือใยเกิดการเปลี่ยนแปลงและ สืบเนื่องต่อไปเรื่อยๆ ดังนั้นหากไม่เป็ นเพราะได้ยินเสียงเรียกของเจ้า ถึงได้สะดุ้งตื่น ก็เชื่อว่าความฝันน่าจะยาวนานยิ่งกว่านี้ ตอนนี้ข้ายัง จ าภาพฝันภาพแรกได้ คือตอนเด็กที่ไปเล่นข้างนอกแล้วกลับมาถึง บ้านตอนย่าค่า เจอพ่อกับแม่ แต่บ้านหลังนั้นกลับไม่ใช่บ้านบรรพ บุรุษในตรอกหนีผิงแห่งนี้ แต่เป็ นตรอกเล็กที่ไหนก็บอกไม่ถูก เหมือนกันจากนั้นข้าก็เก็บกุญแจที่ดูเหมือนว่าตัวเองจะทาหายไปได้ จากบนพื้น ในฝันก็เปลี่ยนเป็ นภาพฉากถัดไปทันที ไปเจอกับเพื่อน บ้านเก่าหลายคนที่ตายไปแล้วระหว่างทาง ลักษณะของเมืองเล็กบ้าน เกิดเปลี่ยนไปหมด ตอนนี้มาคิดดู บทสนทนาและภาพเหตุการณ์ พวกนั้นล้วนมีคลาดเคลื่อนจากความจริงอย่างมาก ปะปนกันจนแยก ไม่ออก ไปกินข้าวมื้อหนึ่งอยู่ในบ้านของผู้เฒ่าใจดีคนหนึ่งที่อยู่บ้าน
ใกล้เรือนเคียง กู้ช่านเองก็นั่งร่วมโต๊ะกับข้าด้วย พอออกจากบ้านก็ เดินผ่านตรอกซอกซอยไปหลายเส้น ในตรอกเล็กแห่งหนึ่งมีฝนใหญ่ ตกกระหน่าลงมาข้าถูกคนบีบคอ ภายหลังก็มีบ้านหลังใหม่ผุดขึ้นมา จากความว่างเปล่า สูงหลายชั้น ไม่รู ้ว่าท าไมถึงไปอยู่ในตรอกเถาเย่ เพราะมองผ่านหน้าต่างออกไปข้างนอกจะสามารถมองเห็นดอกท้อ เต็มถนน จากนั้นข้าก็นั่งลงบนเก้าอี้ เป็ นเก้าอี้แบบมีล้อรถเข็น คือคน ประหลาดคนหนึ่งที่ทาให้ในใจข้าเกิดความหวาดกลัว ข้ามิอาจหัน หน้าไปมองได้เลย มองไม่เห็นเขา แต่กลับรู ้ว่าเขาเรือนกายสูงใหญ่ ภายหลังข้าพยายามจะหนี บ้านหลังนั้นก็เปลี่ยนไปอีก แน่นอนว่าไม่ สมเหตุสมผล เพราะมีเพดานเปิดอ้า แต่ในความฝันกลับไม่คิดลึก ข้า กระโดดลงไปจากเพดานนั้นเหมือนตกลงไปจากหน้าผา รอกระทั่งข้า ไปถึงด้านล่างก็พบว่าสี่ด้านแปดทิศคือห้องห้องหนึ่ง ไม่ว่าจะมองไป จากทิศทางไหนก็ล้วนเหมือนกันหมด เงยหน้าและมองในระดับ สายตา ด้านบนด้านล่างและสี่ทิศล้วนเป็ นห้องที่เป็ นเหมือนกันหมด ทุกด้าน ดังนั้นจึงไม่มีทางออก ภายหลังก็ฝันเห็นเจ้า หลิวเสี้ยนหยาง ฝันเห็นพวกเราเผาเครื่องปั้นอยู่ที่เตาเผาด้วยกัน เห็นชายใจหญิงผู้ นั้นนั่งตัดกระดาษสีแดงใต้ตะเกียง เขายื่นมีดตัดกระดาษมาให้ข้า ข้า พอจะรับรู ้ได้อย่างเลือนรางว่าตอนนั้นข้าอายุยี่สิบกว่าปีแล้ว ก็เลย ถามเขาว่าหลุมศพอยู่ที่ไหน เขาเองก็ตอบข้าด้วย บอกว่าฝังอยู่ที่ ภูเขาเล็กใกล้กับเมืองเล็กมากที่สุด แล้วยังขอบคุณที่ข้าแวะไปเยี่ยม หาเขาหลายครั้ง หลังจากนั้นภาพเหตุการณ์ในความฝันก็ยิ่งวุ่นวาย มากกว่าเดิม”
หลิวเสี้ยนหยางถาม “ระหว่างนี้เคยฝันเห็นอาจารย์ฉีและแม่นาง หนิงไหม?”
เฉินผิงอันส่ายหน้า “ไม่เคยเลย”
หลิวเสี้ยนหยางพยักหน้า “นี่ก็ถูกต้องแล้ว ในส่วนลึกของหัวใจ เจ้า แม้พวกเขาจะสาคัญอย่างถึงที่สุด แต่กระนั้นก็ยังไม่ถือว่าเป็ นคน ที่มีบทบาทเป็ นเหมือน “กุญแจ” ไม่ใช่กุญแจสาคัญที่จะไขความฝัน ได้ เพียงแค่เพราะเจ้าคิดว่าการพบเจอระหว่างเจ้ากับพวกเขาถือเป็ น ความฝันงดงามที่กลายเป็ นจริงซึ่งตอนที่ตัวเองอายุน้อยไม่เคยกล้า แม้แต่จะจินตนาการถึง ในความเป็ นจริงจึงกลายเป็ นว่าพึ่งพาไม่ได้ ก็ ดีเหมือนกัน อย่างน้อยข้าก็สามารถแน่ใจได้ว่าเจ้าก าลังฝันไปจริงๆ ไม่ได้ถูกใครเล่นงานเข้าให้แล้ว”
หลิวเสี้ยนหยางเอ่ยเนิบช ้า “ท่ามกลางความมืดมิดที่มองไม่เห็น ไม่ว่าตัวเจ้าเองจะรู ้หรือไม่รู ้เจ้าก็ล้วนพยายามที่จะวิเคราะห์พยายาม ที่จะย่อยชีวิตทั้งหมดที่ผ่านมาของตัวเองแล้วเอามาประกบประกอบ กันเป็ นเรื่องราวใหม่ เป็ นเหตุให้ “ความฝัน” ในครั้งนี้ก็คือ “ความฝัน” ในฐานะผู้ที่สร ้างความฝัน ตัวอยู่ในดินแดนแห่งฝันที่ตัวเองสร ้างขึ้น เอง นี่ก็คือต้นตอของความ ‘โบราณ” และความ “ประหลาด” ของฝัน ประหลาด (กู่ไกว้ หากแยกค าออกมาจะได้คาว่ากู่ที่แปลว่าเก่า/ โบราณ ไกว้แปลว่าประหลาด) ครั้งนี้ เรื่องในอดีตก็คือความโบราณ เหมือนได้เดินไปบนเส้นทางของชีวิตสายใหม่อีกครั้งก็คือความ ประหลาด”
และเวลานี้เอง กู้ช่านพลันถามว่า “เจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าตัวเอง ไม่ได้ยังอยู่ในความฝัน”
เฉินผิงอันพยักหน้า “ใช่สิ ต้องก าลังฝันอยู่แน่นอน หาไม่แล้ว ท าไมถึงได้มาพบพวกเจ้า ต่อให้พวกเจ้าจะใกล้เคียงกับความจริงถึง ขนาดนี้แล้ว แต่น่าเสียดายที่ยังคงเป็ นความฝันของข้าอยู่ดี”
เมื่อเฉินผิงอันเอ่ยประโยคนี้ออกมา ใบหน้าของหลิวเสี้ยนหยางก็ กลายเป็ นเฉินผิงอัน กู้ช่านก็เช่นเดียวกัน หลังจากนั้นภาพ เหตุการณ์ผิดปกติก็เกิดขึ้นมาอีกครั้ง
หลิวเสี้ยนหยางที่มีรูปโฉมเป็ นเด็กหนุ่มกลายมาเป็ นศพศพหนึ่ง นอนอยู่ในตรอกหนีผิง เพิ่งจะถูกคนฆ่าตาย เป็ นเหตุให้ยังสดใหม่
เลือดท่วมเต็มร่าง
กู้ช่านที่อยู่ข้างกายกลายมามีสภาพเหมือนตอนที่เขาอยู่ใน ทะเลสาบซูเจี่ยน เป็ นศพเช่นเดียวกัน แต่กลับแห้งเหี่ยวเหมือนเก่า คล้ายกับถูกคนฆ่าตายเองกับมือแล้วเก็บศพกลับมาที่บ้านเกิด เอา มาวางไว้ตรงนี้ เป็ นศพที่นั่งอยู่บนม้านั่งยาว
หลิวเสี้ยนหยางที่ปรากฏตัวในตรอกหนีผิงจะพูดอะไร หลังได้พบ เจอกับเฉินผิงอันแล้วแม้กระทั่งหลิวเสี้ยนหยางจะเกิดความคิดอะไรก็ ล้วนเป็ นการปูพื้นและการคิดมาก่อนล่วงหน้าของเฉินผิงอัน
ก็เหมือนอย่างที่กู้ช่านจงใจโยนเปลือกเมล็ดแตงพวกนั้นไปใน ลานบ้านของซ่งจี๋ซิน ไยจะไม่ใช่รายละเอียดหนึ่งที่เฉินผิงอันแต่ง ขึ้นมาท่ามกลางเรื่องราวเล่า
“ตอนนั้นอยู่บนหัวกาแพงเมืองครึ่งหนึ่งของกาแพงเมืองปราณ กระบี่ โจวมี่เคยบอกว่าการที่ข้าสามารถเก็บรักษาความหวังเอาไว้ได้ ก็เพียงแค่เพราะข้าไม่ประสบพบเจอกับความผิดหวังอย่างแท้จริงมา ก่อน แต่ข้าไม่เชื่อ”
“ไม่เชื่อ ก็ต้องมีหลักฐานมาพิสูจน์ หากมีหนึ่งในหมื่นเกิดขึ้นก็ ต้องวางแผนอย่างรอบคอบรัดกุม ดังนั้นเฉินผิงอันที่กาลังอยู่ในความ ฝันนี้ได้ใช ้ภาพฝันสั้นๆ ยาวๆ ซึ่งมีแนวโน้มเข้าใกล้ความเป็ นจริง ทั้ง ยังเป็ นจินตนาการที่ล้าเลิศมากถึงแปดสิบฝัน สร ้างภูเขาสายน้า สิ่ง ปลูกสร ้าง ผู้คนและเรื่องราวขึ้นมามากถึงสามแสนหกพันภาพฝัน นา เรื่องราวทุกอย่างไปจนถึงค าพูดตัวอักษรและขอบเขตของพลังแห่ง จินตนาการ ทุกเรื่องราวที่ในอดีตเฉินผิงอันไม่มีทางคิด ไม่กล้าคิด กล้าคิดแต่ไม่อาจท า หากขาดก าลังใจแม้เพียงน้อยก็ไม่อาจท าได้ ส าเร็จ การท าความดี อริยะปราชญ์ สุดยอดบุคคล ท าความดีชดใช ้ ความผิด สิ่งชั่วร ้าย แสร ้งทาเป็ นดี ความเหลวไหลไร ้สาระ ราคะ ความป่ าเถื่อนอามหิต ความอันตรายล้วนท าครบไปหนึ่งรอบ บ้างก็ ถูกบีบให้ต้องมองดูความโชคร ้ายทุกอย่างเกิดขึ้น บ้างก็เป็ นฝ่ าย กระทาความชั่วเสียเอง มีแค้นต้องชาระ ถึงขั้นที่ว่าเจอใครบนเส้นทาง ก็ฆ่าหมด ไม่เว้นชีวิตใครทั้งนั้น ภูเขาลั่วพั่วเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่ง
ความตาย เดินไปแค่ไม่กี่ก้าวก็ต้องเจอศพ สรรพชีวิตทั้งหมดในเมือง เล็กบ้านเกิดล้วนถูกข้าสังหารจนสิ้น บางครั้งก็เป็ นเคราะห์กรรมที่ เกิดขึ้นเพราะตัวเอง บ้างก็มีใจแต่ไร ้กาลังพอจะแก้ไขและชดเชย แล้ว ก็มีความคิดที่ก่อปัญหา ฉีกหน้ากากที่เสแสร ้งเป็ นคนดีออก จงใจ กิให้เลสตัณหาความเห็นแก่ตัวผุดขึ้นมาหรือไม่จิตแห่งมรรคาก็ สูญเสียการควบคุม ธาตุไฟเข้าแทรก สังหารคนใกล้ชิดรอบกายก่อ เกิดเป็ นโศกนาฏกรรม มีทั้งภัยพิบัติจากธรรมชาติจากมนุษย์ที่ไม่มี ลางบอกเหตุมาก่อน แล้วก็มีข้าที่ทาให้ข้าจงใจลงมือ เจ็ดอารมณ์ พลิกกลับ หกปรารถนากร่างวางอ านาจ ท าให้ใบถงทวีปจารีตเสื่อม โทรมคุณธรรมต่าทราม ข่มเหง ล่วงละเมิด ปล้นสะดม กระท าการ ลามกอนาจารอย่างไร ้มนุษยธรรม วางอ านาจบาตรใหญ่ไม่เกรงกลัว ใคร คุณธรรมจริยธรรมหมดสิ้น คาว่าเรื่องราวงดงามและเรื่องโชคดี ในโลกมนุษย์ล้วนเป็ นได้แค่ความปรารถนาจากปากและลิ้น คนที่ เรียนเก่งกลายเป็ นขุนนางประสบความสาเร็จ สร ้างความมั่นคงให้กับ ครอบครัว ตระกูลที่ทาไร่ทานาพร ้อมกับเล่าเรียนเขียนอ่าน บ้างก็วาง อ านาจบาตรใหญ่อยู่ในพื้นที่แห่งหนึ่ง เป็ นคนรวยที่ไร ้เมตตา ความสุขจากการมีสามภรรยาสื่อนุ สังหารฮ่องเต้เพื่อตั้งตัวเป็ นฮ่องเต้ เสียเอง สามต าหนักหกเรือนมีสนมชายามากมายนับไม่ถ้วน บ้างก็ เป็ นผู้ฝึกกระบี่ที่เลื่อนเป็ นขอบเขตสิบสี่ พกกระบี่บุกสังหารไปทั่วทั้ง แจกันสมบัติทวีป ไม่เว้นชีวิตใคร กายและใจมีอิสระที่บริสุทธิ์ ดีและ เลว ความดีงามและความชั่วช ้า ผู้บาเพ็ญตนปล่อยตัวไปตามใจ ปรารถนา เดินอยู่ตรงกลางระหว่างสองขั้วที่สุดโต่งไม่หยุดพัก ชีวิต
มนุษย์อันหลากหลายรูปแบบล้วนทดลองมาครบแล้วหนึ่งรอบ บางครั้งก็หลายรอบหรือถึงขั้นนับไม่ถ้วน เปลี่ยนแปลงตัวตนไปยี่สิบ เจ็ดรูปแบบ เป็ นอัครเสนาบดีที่ช่วยให้จักรพรรดิปกครองแคว้นด้วย ความเรียบง่ายไม่ต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวมาก เป็ นแม่ทัพปู่ที่วางแผนช่วง ชิงบัลลังก ์เป็ นคนฆ่าสัตว์ที่เป็ นชาวบ้านธรรมดา เป็ นนักชันสูตรศพ เป็ นหญิงนางโลม เป็ นปรมาจารย์ในยุทธภพ เป็ นคุณหนูตระกูลใหญ่ เป็ นคุณหนูตระกูลเล็ก เป็ นหญิงออกเรือนแล้วในหมู่บ้านชนบท เป็ น ภิกษุที่พเนจรไปทั่วทิศ เป็ นนักพรตที่มีภรรยา เป็ นเทพลาคลอง เป็ น ซานจวิน…ใช ้ชีวิตที่บ้างก็ฮึกเหิม บ้างก็น่าเบื่อ บ้างก็น่าสังเวช เฉินผิง อันคนดีที่จิตใจเหมือนขี้เถ้ามอด จิตแห่งมรรคาแหลกสลายคาที่ บ้าง ก็โมโหจนตาย อายุสามสิบห้าปี เฉินผิงอันที่เลวทรามกระทาสิ่งชั่ว ร ้าย สุดท้ายก็มิอาจหลบหนี อีกทั้งยังมิอาจเดินออกจากเขาวงกต ท้ายที่สุดก็เหมือนการใช ้ตะกร ้าไม้ไผ่ตักน้า อายุสี่สิบหก โครงกระดูก เดินได้ที่มีอีกมากประหนึ่งผีเร่ร่อนที่วนเวียนอยู่ในเขาวงกต จะตายก็ ไม่ได้ อยากมีชีวิตรอดก็ยิ่งไม่ได้ อยู่ไม่สู้ตาย ไม่อาจหลุดพัน”
“เฉินผิงอันที่นั่งอยู่บนเก้าอี้รถเข็นไร ้อิสระผู้นั้น คนประหลาดร่าง สูงใหญ่ที่ข้าไม่กล้าหันหน้าไปมอง ที่แท้ก็คือตัวข้าเอง”
“คากล่าวที่ว่าธรรมะสูงหนึ่งชื่อ อธรรมสูงหนึ่งจั้ง ช่างกล่าวได้ดี จริงๆ ข้ายังคงดูแคลนจิตมารเกินไป ผิดแล้ว! ข้าต่างหากที่เป็ นจิต มาร เฉินผิงอัน ใช ้ได้ๆ เจ้าใช ้ได้เลยนี่นา ที่เขาวงกตแห่งนี้ก็ไม่มี ทางออก”
เหมือนกับว่าจู่ๆ ก็เก็บกุญแจพวงหนึ่งได้จากบนพื้นแล้วไขเปิด ด่านแห่งใจได้
นาทีถัดมา ภาพเหตุการณ์พลันแปรเปลี่ยน
“เฉินผิงอัน” ผู้นี้อยู่ท่ามกลางหมอกขาวที่กว้างไกลสุดลูกหูลูก ตา หลังกวาดตามองไปรอบด้านแล้วก็อดไม่ไหวเต้นผางสบถด่า “เจ้า ตะพาบชุยฉานผู้นี้ สอนอะไรเจ้าดันไม่สอนดันสอนให้เจ้าท าให้จิต แห่งมรรคาของตัวเองพังพินาศ แต่กลับไม่มีใครที่ท าให้เจ้าตายได้เจ้า คนที่มีแม่ให้กาเนิดไม่มีพ่อสั่งสอน เจ้าชาติชั่ว เจ้าชาติหมา ไม่รู ้จัก เรียนรู ้อะไรดีๆ เป็ นสุดยอดบุคคลที่คุณธรรมจริยธรรมสมบูรณ์พร ้อม ก็เป็ นแล้ว เป็ นโจรชั่วขุนนางเลวทรามที่กระทาแต่สิ่งชั่วร ้ายก็เป็ นแล้ว เป็ นเศรษฐีขี้เกียจไม่แสวงหาความก้าวหน้าก็เป็ นเหมือนกันแต่กลับ ยังไม่พอใจ จะต้องให้เกิดยุคเสื่อมที่ธรรมะที่แท้จริงเสื่อมสูญแล้วค่อย ให้มีอริยะที่หมื่นปีถึงจะเผยตัวอย่างเจ้าปรากฏตัวขึ้นมาบนโลกถึงจะ พอใจหรือไร? เจ้าเด็กบ้านนอกขาเปื้อนโคลนไม่รู ้จักกลัวตาย ไม่รู ้ ฟ้ าสูงแผ่นดินกว้าง ไร ้ชื่อไร ้แปเสียจริง บังอาจตั้งกฎระเบียบขึ้นมา ด้วยตัวเอง?! เจ้าคู่ควรหรือ? เฉินผิงอัน หากเจ้ายังมีมโนธรรม เหลืออยู่ในใจบ้างก็รีบหยุดมือซะ…ขอร ้องเจ้าล่ะ ปล่อยข้าออกไป เถอะ ไม่อย่างนั้นก็ฆ่าข้าให้ตายๆ ไปซะ ขอร ้องเจ้าล่ะ…”
ด่ากราดไม่หยุด ไม่เจ็บไม่คัน แน่นอนว่าไม่มีประโยชน์ใดๆ หาก น่าสนใจก็แค่ว่าน่าสนใจไปอีก ไม่มีความหมายก็คือไม่มีความหมาย
ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ใช่เทวบุตรมารนอกโลกตามความหมายที่ แท้จริง
จิตมารอย่างมันก็เหมือนเศษกระเบื้องที่กองทับกันอยู่ในภูเขา เครื่องกระเบื้อง ถือเป็ นของชั้นเลวที่ถูกทอดทิ้ง
เพียงแค่เพราะมันยังมีความเป็ นคนสอดแทรกอยู่เสี้ยวหนึ่ง
และยังมี “สหาย” ที่เผชิญชะตากรรมเดียวกันอีกหลายคน ผู้ฝึก ยุทธขอบเขตสิบเอ็ดคนหนึ่งที่เฉินผิงอันวิเคราะห์ออกมา คือเฉินผิง อันเทพแห่งการต่อสู้ที่เป็ นผู้รวบรวมความดีงามของโลกมนุษย์ นิสัย อ่อนโยนมีเมตตา
ก าลังจะถามหมัดต่อศาลบรรพจารย์ของส านักการทหาร ทางออกของเขาวงกตที่ถูกกาหนดไว้คือคนผู้นี้ที่จะใช ้โชคชะตาบู๊ใน โลกมนุษย์มาสลายปราณวิญญาณของใต้หล้าทิ้งไปอย่างสิ้นเชิง แล้วสร ้างวิถีทางโลกใหม่เอี่ยมที่ไม่มีผู้ฝึ กลมปราณแม้แต่คนเดียว ขึ้นมากับมือของตัวเอง
อีกคนหนึ่งคือผู้ฝึกลมปราณที่ใช ้สถานะของผู้ฝึกกระบี่เป็ นหลัก ใช ้ความรู ้ของร ้อยส านักมาปูเป็ นมหามรรคาสองเส้นให้ก้าวเดินไปใน เวลาเดียวกัน สุดท้ายเลื่อนเป็ นขอบเขตสิบสี่ แม้ว่าจะทาความชั่วมา มากมาย ไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตา แต่จิตแห่งมรรคากลับบริสุทธิ์ คือสภาวะอันเร ้นลับที่อยู่ในอุดมคติมากที่สุด เฉินผิงอันที่เป็ นผู้ฝึก
https://novel-lk.com