กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1084.1 หิมะตกหนัก
้อยบุปผาในภูเขา คนชุดขาวหมักเหล้า เฉินผิงอันชุดเขียวที่ เผยกายในตอนหลังหยิบ เหล้าข้าวฟ่ างชามที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมา เปลี่ยนจากแขกมาเป็ นเจ้าบ้าน ยืนดื่มเหล้าไปหนึ่งอึกยิ้มมองไปยังผู้ ฝึกตนหญิงของเปลี่ยวร ้างที่จิตวิญญาณถูกกักขังให้อยู่ในนี้ คาดไม่ ถึงว่าจะเป็ นคนที่กินข้าวร ้อยบ้านขโมยเรียนวิชาร ้อยหมัดเหมือนกัน เก็บสมบัติได้จริงๆ เรียกขานอีกฝ่ ายว่าสหายก็ช่างเหมาะสมยิ่งนัก เขาจึงถามว่า “สหายบอกชื่อและเล่าเรื่องราวอันน่าตื่นตาตื่นใจของ เจ้ามาหน่อยสิ พวกเราจะได้เอามาเป็ นกับแกล้มแกล้มเหล้าได้”
ผู้ฝึกตนหญิงไม่อาจปิดบัง แล้วก็ซ่อนอ าพรางอะไรไม่ได้ เพราะ คนสองคนหนึ่งชุดเขียวหนึ่งชุดขาว หนึ่งยืนหนึ่งนั่งคู่นั้นมองไปเห็น ภาพในหัวใจของนางอย่างถ้วนทั่ว ประหนึ่งมองไฟในถ้ามืด เพราะ บนยอดเขามีภาพโคมม้าวิ่งที่เกี่ยวข้องกับชาติกาเนิ ดและ ประสบการณ์ของนางปรากฏขึ้นมา เรื่องในอดีตที่จดจาได้อย่าง ลึกซึ้งก็จะเป็ นภาพวาดลงสีที่เหมือนมีชีวิตจริง หากความทรงพร่า เลือนก็จะเป็ นภาพขาวเทา ส่วนที่ความทรงจาและความจริงปะปนกัน ไม่ชัดเจนก็จะปรากฏออกมาเป็ นภาพที่วุ่นวายไร ้ระเบียบ ที่แท้นางก็มี นามแฝงว่าสวี่เจียวเชี่ย ชื่อจริงเผ่าปีศาจคือเซียวสิง ฉายาโยวเหริน อาจารย์เรียกชื่อเล่นนางว่าเสี่ยวเกิง ร่างจริงของนางคือสัตว์ปี ก โบราณประเภทหนึ่งที่ไม่มีอยู่ในบันทึก ชอบคาบไฟบินอยู่ในโลก
มนุษย์เป็ นเหตุให้ช่วงแรกเริ่มวิชาหลักที่นางฝึกคือวิชาอัคคี หลังจาก สร ้างร่างคนได้แล้วก็สวมชุดคลุมขนนกสีเขียวมรกตที่หลอมมาจาก คราบร่างเซียน ชุดคลุมอาคมถูกผู้ถ่ายทอดมรรคาตั้งชื่อให้ว่า “ต้า เม่า”
จิตมารชุดขาวเอ่ยอย่างมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นว่า “คือนกอัปลักษณ์ตัวหนึ่งจริงๆ ด้วย หายนะที่มาเยือนโดยไม่คาดฝัน ซึ่งมีเจตนาชั่วร ้ายทั้งยังปูพื้นมานานหลายปีครั้งนี้ เกือบจะปล่อยให้ แม่นางเซียวท าส าเร็จได้แล้วจริงๆ”
เฉินผิงอันที่ปักปิ่นหยกดวงตาสีทองยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “นักรบเดน ตายขอบเขตก่อกาเนิดคนหนึ่งที่หลังจากสร ้างความทรงจาขึ้นใหม่ แล้วก็สามารถชื่อสัตย์ภักดียอมทุ่มเทถวายหัว ทั้งยังมีชุดคลุมอาคมที่ มีระดับขั้นเป็ นสมบัติกึ่งเซียนชิ้นหนึ่ง บวกกับวิธีการของนักวาดขน คิ้วและคนเย็บผ้า แล้วยังได้เรียนรู ้วิชาลับของผู้บวงสรวงแห่งเปลี่ยว ร ้างได้อีก ช่างเป็ นการค้าที่ได้กาไรเป็ นกอบเป็ นกา ได้กาไรก้อนใหญ่ เน้นๆ เต็มๆ เลยจริงๆ”
จิตมารชุดขาวพ่นเสียงออกจมูก “วิธีการชั่วร ้ายที่บอกกล่าวใคร ไม่ได้ประเภทนี้ ได้แต่เล่นงานผู้ฝึกลมปราณที่ขอบเขตต่ากว่าตัวเอง หนึ่งขั้นเท่านั้น ไม่ถือเป็ นวิธีการชั้นสูงอะไร”
เฉินผิงอันชุดเขียวดื่มเหล้าหนึ่งอีก จ้องมองผู้ฝึ กตนหญิงแห่ง เปลี่ยวร ้างที่สีหน้าซีดขาวเหมือนบิดาเสียด้วยสายตามีเลศนัย “ชุด คลุมอาคมต้าเม่าบวกกับรูปลักษณ์ภายนอกของนักวาดขนคิ้วและ
ภายในที่เป็ นคนเย็บผ้า รวมถึงการควบคุมในด้านรายละเอียดอย่าง เข้มงวดและการประกอบขึ้นมาอย่างตั้งใจของพวกเรา จะไม่เท่ากับมี ขอบเขตต่ากว่าแค่บินทะยานเท่านั้นหรือ นางเรียนรู ้จากใคร เหมือน ใครก็เหมือนคนนั้น บังเอิญยิ่งนัก กาลังง่วงอยากนอนก็มีคนส่งหมอน มาให้หนุน หันอวี้ซู่แห่งส านักว่านเหยาหายตัวไปนานมากแล้วหาก ยังถ่วงเวลาต่อไป อาศัยแค่คราบร่างของเจ้าสานักหันที่อยู่ในมือของ เจียงซ่างเจิน เชื่อว่าคงปิดบังได้ไม่นานเท่าไร ถึงอย่างไรกระดาษก็ห่อ ไฟได้ไม่มิด เกรงว่าพื้นที่มงคลสามภูเขาคงจะสัมผัสถึงความผิดปกติ ได้อย่างรวดเร็ว แต่หากให้แม่นางเซียวที่ฝีมือการแสดงไม่เลวไปที่ สานักศึกษาเทียนมู่สักรอบ ร่วมมือกับรองเจ้าขุนเขาเวินอวี้แสดง ละครสักครั้ง คาดว่าก็น่าจะก าจัดความกังวลคลางแคลงของศาล บรรพจารย์สานักว่านเหยาไปได้ชั่วคราว? ไม่สู้ตัดสินใจให้เด็ดขาด อีกสักหน่อย ให้แม่นางเซียวไปที่พื้นที่มงคลสามภูเขาแล้วเป็ น… นกพิราบยึดรังนกกางเขนไปโดยตรงเลย? ก็นักรบพลีชีพนี่นะ อยู่ที่ ไหนก็ต้องพลีชีพอยู่ดี”
เซียวสิงมีคุณสมบัติด้านการฝึกตนที่โดดเด่น นับตั้งแต่ที่นางจา ความได้ไม่ว่าเรียนรู ้อะไรก็ล้วนเรียนรู ้ได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งเนื่องจาก ความสัมพันธ ์บางอย่างที่ไม่อาจบอกคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเรียนอะไรก็ ล้วนไม่มีธรณีประตูใหญ่ ไม่มีความกังวลว่าโลภมากแล้วจะเคี้ยวไม่ ละเอียด เวลาไม่ถึงหกสิบปี ในสานักแห่งหนึ่งก็ไม่มีวิชาความรู ้อะไร ให้นางได้เรียนอีกแล้ว นางจึงเริ่มลงจากภูเขาไปหาประสบการณ์
ชอบออกท่องไปทั่วใต้หล้าตลอดทั้งปี เก็บรวบรวมตาราเรื่องราว เกร็ดพงศาวดารประเภทต่างๆ มา โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังตั้งใจศึกษา อักษรวารีเมฆาของเปลี่ยวร ้างที่โจวมี่เป็ นผู้สร ้างขึ้นมาจนชานาญ เพียงแค่เพราะนางตั้งปณิธานไว้ที่การแต่งตาราอธิบายความหมาย คาศัพท์ให้กับใต้หล้าเปลี่ยวร ้าง รอกระทั่งสงครามปรากฏขึ้น เซียวสิง ที่อายุยังไม่ถึงหนึ่งร ้อยปี ก็เป็ นคอขวดขอบเขตก่อกาเนิดก็ถูก ภูเขาทัวเยว่เรียกตัวให้ไปทาสงคราม ไม่อาจหลบเลี่ยงได้ ทางสานัก พยายามจ่ายเงินฟาดเคราะห์ก็ยังไม่เป็ นผล เซียวสิงที่ประเมินตัวเอง ไว้สูงเข้าร่วมสงครามครั้งแรกก็ถูกปราณกระบี่ของหนิงเหยาที่อยู่บน สนามรบลามมาโดน เกือบจะขอบเขตถดถอย คาดว่าจนถึงทุกวันนี้ห นิงเหยาก็คงยังไม่รู ้ว่ามีเซียนดินเผ่าปีศาจอย่างนางอยู่
จิตมารชุดขาวสอดสองมือไว้ในชายแขนเสื้อ ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “แม่นางเชียวเป็ นคนที่ชะตารันทดจริงๆ วางแผนมาอย่างดีหมายจะ แก้แค้น ตัดใจสละชีวิตและมหามรรคาไม่ต้องการแล้ว ผลคือศัตรู กลับไม่รู ้เลยว่าเจ้าคือใคร แม้กระทั่งคุณสมบัติที่จะถูกจดจาก็ยังไม่มี จึงได้แต่พานไปโกรธคนอื่น เพราะถึงอย่างไรแม่นางเซียวก็ยังไม่ถูก ความแค้นบดบังดวงตาทั้งสองคู่อย่างสิ้นเชิง ในใจยังพอจะรู ้ตัวอยู่ บ้างไม่มากก็น้อย รู ้ดีว่าชั่วชีวิตนี้ตัวเองไม่มีทางแก้แค้นหนิงเหยาได้ นั่นคือบุคคลอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าอย่างถูกต้องชอบธรรมเขียวนะ ไม่ใช่คนที่ผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตบินทะยานทั่วไปจะสามารถทัดเทียมได้”
คนชุดเขียวที่ดื่มสุราเผยสีหน้าชื่นชม “แม่นางเซียวเดินไปบน ทางลัดที่ประหยัดแรงกายแรงใจได้อย่างแท้จริง ยิงปืนนัดเดียวได้นก สองตัว หากไม่เป็ นเพราะวันนี้ถูกลากตัวออกมา แล้วมีเวลาปิดด่าน ส าหรับคอขวดขอบเขตก่อก าเนิดก็ไม่ต้องเผชิญหน้ากับจิตมารหนิง เหยาที่หยัดยืนอยู่ในสถานะของผู้ไร ้พ่ายแล้ว”
จิตมารชุดขาวยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ก่อกาเนิดร ้อยปี ผู้มีพรสวรรค์ ทั่วไป?”
นักดื่มชุดเขียวร ้องเฮ้อ “พูดจาทุเรศอะไรแบบนี้ ต้องบอกว่าเป็ น ผู้มีพรสวรรค์สิ”
เซียวสิ่งที่อยู่นอกม้วนภาพแห่งชีวิตคล้ายสตรีคนหนึ่งที่ไม่ได้ สวมเสื้อผ้าแล้วถูกคนอื่นวิจารณ์ตั้งแต่หัวจรดเท้า
ภาพเหตุการณ์ต่อจากนั้นก็คือภาพที่เซียวสิงติดตามกระโจมกุ่ย โย่วขึ้นฝั่งไปที่ใบถงทวีป นางรักษาอาการบาดเจ็บ ในใจเคียดแค้นห นิงเหยาอย่างหนักพลางบุกตะลุยไปทั่วคลังเก็บต าราของต าหนักใน แคว้นต่างๆ ของใบถงทวีป กวาดรวบรวมเอาต าราโบราณต าราฉบับ สมบูรณ์แบบของไพศาลมาอย่างกาเริบเสิบสาน นางเป็ นสหายรักที่ รู้จักกับ “เด็กสาวโต้วโค่ว ที่พกดาบ แต่แท้จริงคือผู้ฝึกกระบี่มานาน หลายปีแล้ว กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตของผู้ฝึกกระบี่โต้วโค่วคือ “ลี่กุ่ย” นางเปิดฉากสังหารในใบถงทวีปอย่างดุเดือด อาศัยสิ่งนี้มาเลื่อนเป็ น ก่อกาเนิดอยู่ในต่างบ้านต่างเมือง ก่อนที่แผ่นดินของใบถงทวีปจะจม ดิ่งอย่างสิ้นเชิง ทั้งสองฝ่ ายก็ได้แยกย้ายกันไปคนละทางแล้ว สหาย
รักโต้วโค่วหายตัวไปไม่รู ้ว่าไปไหน ส่วนเซียวสิงนั้นใช ้เวทลับของ สานักบทหนึ่ง สามารถอาพรางตบะและขอบเขต แสร ้งปลอมตัวเป็ น มนุษย์ธรรมดา ติดตามชาวบ้านลี้ภัยเข้ามาหลบภัยอยู่ในพื้นที่มงคล ดอกบัว อาศัยวิชาอภินิหารของผู้บวงสรวงที่คล้ายคลึงกับสถานะของ นักมองลมปราณกองโหราศาสตร ์ ท าให้นางสามารถอนุมานได้ถึง ความเกี่ยวพันบนมหามรรคาที่คล้ายเส้นใยเชื่อมโยงถึงกันระหว่าง พื้นที่มงคลดอกบัวกับภูเขาลั่วพั่ว นางจึงรอคอยโอกาสที่จะลงมืออยู่ ที่นี่ ในเมื่อเฉินผิงอันคือคนรักของหนิงเหยา อีกทั้งนางยังไม่สามารถ ไปเยือนใต้หล้าห้าสีซึ่งเป็ นที่ตั้งของนครบินทะยานได้ ถ้าอย่างนั้นก็ จะใช ้ทุกวิชาที่ร่าเรียนมา ใช ้ทุกคาถาอาคมมาทาให้พลังต้นกาเนิด ของเฉินผิงอันเสียหายอย่างหนัก มหามรรคาขาดสะบั้นลง เซียวสิง รู ้สึกว่านี่อาจทาให้จิตแห่งมรรคาของหนิงเหยาไม่มั่นคงได้ดียิ่งกว่า ความเสียหายใดๆ เสียอีก ก่อนหน้านี้เฉินผิงอันบอกว่านางคือนักรบ พลีชีพก็เรียกได้ว่าพูดเข้าเป้ าในค าเดียว เซียวสิงไม่คิดจะมีชีวิตรอด กลับไปยังบ้านเกิดอยู่แล้ว ใช ้ชีวิตของตัวเองมาเป็ นราคาที่ต้องจ่าย ในการสะบั้นเส้นทางเดินขึ้นสู่ยอดสูงสุดของอื่นกวานคนสุดท้ายแห่ง กาแพงเมืองปราณกระบี่ ทาให้หนึ่งเหยาเสียใจภายหลังไปชั่วชีวิตที่ปี นั้นปล่อยกระบี่นั้นออกมา ต้องให้นางจดจาชื่อเซียวสิงนี้ไปตลอด ชีวิตใต้หล้านี้จะยังมีเรื่องใดที่งดงามยิ่งกว่าการแก้แค้นครั้งนี้อีกเล่า?!
จิตมารชุดขาวถอนหายใจ “เมื่อโชคชะตาดิ่งลงสู่หุบเหวแล้ว ความโชคดีจะมาเยือนจริงเสียด้วย ก็แค่ดึงเส้นเส้นหนึ่งออกมาง่ายๆ กลับกลายเป็ นเรื่องน่ายินดีที่ไม่คาดฝันเช่นนี้”
นักดื่มสุราคนขุดเขียวคล้ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งยุคบรรพกาลที่ไร ้ มลทินไร ้จุดด่างพร ้อยไร ้ช่องโหว่ “ผู้ฝึ กกระบี่โต้วโค่ว ดี ข้าจาเจ้า
เอาไว้แล้ว”
ระหว่างที่พูดม้วนภาพชีวิตคนของเซียวสิงก็คล้ายแม่น้าแห่ง กาลเวลาที่ไหลย้อนกลับประหนึ่งหน้าหนังสือที่เปิดดังพั่บๆ ถูกเปิด ย้อนกลับไป นักดื่มสุราชุดเขียวยื่นมือข้างหนึ่งออกมาคัดลอก ภาพเหมือนของเด็กสาวพกดาบ
ผู้ฝึกกระบี่หญิงโต้วโค่วถูกเขาคัดลอกสาเนาแล้วเก็บไว้ในชาย แขนเสื้อ หากนางเป็ นหนึ่งในผู้ก่อกวนใบถงทวีปที่อยู่เบื้องหลังจริง ถ้าอย่างนั้นก็น่าสนใจแล้ว ล้างบางให้หมดไปในคราวเดียว จะได้ ยุ่งยากน้อยลง แม้กระทั่งผู้ฝึกตนสายยันต์ขอบเขตโอสถทองที่ทาตัว ลับๆ ล่อๆ หาตัวเจอได้ยากผู้นั้นก็สามารถลากออกมาพร ้อมกัน ทีเดียวได้
ในม้วนภาพสุดท้ายก็คือภาพที่ว่านางวางแผนอยู่ในพื้นที่มงคล รากบัวนี้อย่างไร นางเปิดร ้านหนังสือในตัวเมือง จ้างคนให้มาจัดพิมพ์ ตาราตลอดทั้งกลางวันกลางคืน ส่วนใหญ่ล้วนเป็ นเรื่องเล่าหวานซึ้ง กับนิยายบุรุษมากความสามารถกับโฉมสะคราญ พิมพ์เสร็จแล้วก็ วางขายในราคาต่าขาดทุน สิ้นเปลืองทรัพย์สมบัติของนางไปไม่น้อย
คิดไม่ถึงว่าเซียวสิงถึงกับยังพกซากศพแห้งของเทพโรคระบาดหลาย ตนติดตัวมาด้วย อีกทั้งนางยังเป็ นหมอบนภูเขาที่เชี่ยวชาญเรื่อง สมุนไพรและการหลอมยา
“เป็ นผู้มีพรสวรรค์ของแท้แน่นอนจริงๆ มิน่าเล่าภูเขาทั่วเยว่ถึงได้ เรียกตัวอัญเชิญขอบเขตก่อก าเนิดออกจากภูเขาให้ออกจากบ้าน
เกิดมาเป็ นแขกที่ไพศาล”
นักดื่มสุราชุดเขียววางชามที่ว่างเปล่าลง เอ่ยชื่นชมไม่ขาดปาก “ตอนนี้ข้าแค่สงสัยใคร่รู ้ในเรื่องหนึ่ง ใครเป็ นคนแรกสุดที่ยุยงให้แม่ นางเซียวเข้ามาในพื้นที่มงคลดอกบัว ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะสัมผัส ได้ถึงโอกาสนี้ตั้งแต่แรก ต้องมียอดฝีมือชี้แนะเจ้าอยู่แน่นอน เจ้าก็แค่ อาศัยวิธีการของผู้บวงสรวงมายืนยันว่าเขาไม่ได้พูดโกหก ถึงได้ ตัดสินใจมาเป็ นนักรบพลีชีพนี้”
สีหน้าของเซียวสิงเหลอหลา
เห็นได้ชัดว่าไม่ได้เสแสร้งแกล้งท า
นักดื่มสุราชุดเขียวปรบมือเบาๆ หนึ่งที “เฝ่ ยหราน? โจวชิงเกา? หรือว่าเป็ นเซียวสิงที่เจอนกอัปลักษณ์พร ้อมกันสองตัว?”
เมื่อเขาพูดสองชื่อนี้ออกมา ร่างของเซียวสิงก็สั่นสะท้านทันใด จิตใจและจิตวิญญาณเหมือนถูกกระชากดึงซ้าไปซ้ามาหลายพัน หลายหมื่นรอบ ร่างทั้งร่างคล้ายตะแกรงร่อน จากนั้นพยายามที่จะ หยิบเอาก้อนทองสองก้อนออกมาจากทรายแม่น้าซึ่งอยู่ในส่วนลึกสุด
ของความทรงจา เพียงแต่ว่าระหว่างขั้นตอนนี้เซียวสิงต้องเจ็บปวด ทรมานอย่างหนัก จิตมารชุดขาวยิ้มตาหยีเอ่ยเตือนว่า หากยังร่อน แบบนี้ต่อไป นางจะกลายเป็ นคนปัญญาอ่อนไปจริงๆ นะ นักดื่มสุรา ชุดเขียวหลุดหัวเราะพรืดเอ่ยว่า เทพเซียนผู้เฒ่านี้มีประโยคหนึ่งที่ กล่าวได้ดีคนหนุ่มสาวชาติหน้าต้องระวังไว้หน่อย
ไม่ว่าจะเป็ นความแค้นส่วนรวมหรือความแค้นส่วนตัว ไม่ว่าจะงัด ข้อแก้แค้นใคร นี่ล้วนไม่ได้สาคัญอะไร เชิญลงมือได้เต็มที่ ต่างคน ต่างอาศัยความสามารถมาแบ่งแพ้ชนะกันก็พอ
เพียงแต่ใครมอบความกล้าให้เจ้า ถึงกับบังอาจกล้าด่าหนิง เหยา?
แล้วก็จริงดังคาด “ก้อนทอง’ สองก้อนถูกร่อนออกมาจากส่วน ลึกสุดของความทรงจา ซึ่งได้ถูกดึงออกมาจากช่องโพรงบางแห่งที่ไม่ สะดุดตาของนาง ก่อนจะถูกปิดผนึกเอาไว้ ผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังก็ คือเฝ่ ยหรานและโจวชิงเกาที่คู่ควรกับคาเรียกขานว่าวิญญาณร ้าย ตามติดไม่เลิกรา
เฝ่ ยหรานใช ้กระบี่บินและเวทลับสะบั้นร่องรอย มองสตรีที่ดวงตา ทั้งคู่งัวเงียอยู่ระหว่างความจริงกับความฝัน เพื่อให้นางเข้าใจผิดคิด ว่าตัวเองเป็ นคนที่คิดเรื่องการเข้าไปในพื้นที่มงคลดอกบัว เพื่อ อาศัยเฉินผิงอันมาแก้แค้นกับหนิงเหยาทางอ้อมได้ด้วยตัวเองเฝ่ ย หรานพึมพากับตัวเองว่า “สหายโยวเหริน จาต้องลบร่องรอยพวกนี้ ทิ้งไป ล่วงเกินแล้วเจ้าต้องจ าไม่ได้แน่ว่าได้มาเจอกับพวกเรา แล้วก็
ไม่จาเป็ นต้องจดจาการพบเจอกันในครั้งนี้แต่วันหน้ากลับไม่แน่เสมอ ไปแล้ว หวังเพียงว่าสหายจะไม่มีโอกาสนึกเรื่องในวันนี้ขึ้นมาได้
โจวชิงเกาที่อยู่ข้างๆ ริมฝีปากขยับขมุบขมิบ แต่กลับไม่มีเสียง ใดเล็ดรอดออกมา แต่ดูจากรูปปากแล้วก็น่าจะพูดเป็ นภาษาทางการ ของต้าหลีว่า เฉินอิ่นกวาน ข้ายังคงหวังให้วันใดแม่นางเซียวจดจ า เรื่องในวันนี้ได้ รอคอยการพบเจอกันในเปลี่ยวร ้างครั้งถัดไปของ พวกเรา จะได้มาท าการทบทวนกระดานหมากกัน
จิตมารชุดขาวยิ้มเอ่ย “เจ้าสองคนนี้คิดถึงเจ้ายิ่งกว่าสตรีที่ลุ่ม หลงในรักเสียอีก ข้าว่าขอแค่เจ้ายอมทรยศไพศาล พี่เฝ่ ยต้องยินดี ยกต าแหน่งผู้ครองใต้หล้าให้เจ้าแน่นอน ส่วนน้องโจวก็ยิ่งยินดีที่จะ เป็ นพลทหารทัพหน้าให้กับเจ้า”
นักดื่มสุราชุดเขียวแสร ้งทาเป็ นไม่ได้ยิน ยื่นนิ้วไปหมุนวนรอบ ขอบปากถ้วยขาวเบาๆ “ได้ดูเรื่องราวที่น่าชื่นชมน่าสรรเสริญของแม่ นางเซียวพวกนี้ไปแล้ว เหล้าในชามก็ดื่มหมดแล้ว ต่อจากนี้ถึงคราว ข้ารับรองแขกบ้างแล้ว ขอมอบเหล้ากลับคืนให้เจ้าหนึ่งชาม จะแต่ง เรื่องราวแห่งขุนเขาสายน้าที่เปี่ยมล้นไปด้วยสีสันให้แก่เจ้า”
เซียวสิงกรีดร ้องเสียงแหลม “ไม่นะ!”
บทที่ 1084.2 หิมะตกหนัก
นาทีถัดมาในหอโคมเขียว เจียงซ่างเจินก็ได้เห็นภาพเหตุการณ์ ที่เกือบจะทาให้ขนทั่วร่างของเขาลุกชัน ผู้ฝึกตนหญิงแห่งเปลี่ยวร ้าง ที่ดวงตาทั้งสองไร ้แวว เหม่อลอยไปเพียงครู่เดียวก็พลัน “คืนสติ” กลับมา เหมือนคนที่นอนหลับเต็มอิ่มแล้วเพิ่งจะสะดุ้งตื่นจากความ ฝันครั้งใหญ่ นางสะบัดศีรษะเบาๆ มองไปทางเฉินผิงอันชุดขาวที่มี ดวงตาสีทองบริสุทธิ์ ประโยคแรกที่นางเปิดปากพูดถึงกับเป็ นคาว่า “เจ้าขุนเขา ให้ข้าเป็ นคนตามหาร่องรอยของสัตว์เดรัจฉานเผ่าปีศาจ ตนนั้นเองดีไหม?”
เจียงซ่างเจินปากอ้าตาค้าง
ท าได้อย่างไร?
ใช้ขอบเขตก่อก าเนิดควบคุมขอบเขตก่อก าเนิดหรือ?
เดิมที่ผู้ฝึ กบาเพ็ญตนก็มีจิตใจที่หนักแน่นเหนือกว่ามนุษย์ ธรรมดาอยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเซียนดินที่ฝึ กบาเพ็ญตนประสบ ความส าเร็จ หากจะพูดถึงผู้ฝึกตนใหญ่บนยอดเขาการเปลี่ยนแปลง ความทรงจาของผู้ฝึกลมปราณที่ขอบเขตต่างกันมากก็ยังไม่ใช่เรื่อง ง่ายหากขอบเขตไม่ต่างกันสักสองสามขอบเขตก็อย่าหวังว่าจะท าได้ ส าเร็จ แล้วนับประสาอะไรกับที่ผู้ฝึกตนใหญ่ยังต้องมีวิชาลับหลาย อย่างถึงจะมีโอกาสทาสาเร็จได้ ถึงจะกล้าลงมืออามหิตอย่างนี้ พูดถึง
แค่ว่าควรจะ “แล่” ความทรงจาของผู้ฝึกตนทิ้งไปอย่างไร การกระตุก เส้นสาย กิ่งก้านจานวนนับไม่ถ้วนให้ขาดออกจากกันเพิ่งจะเป็ นแค่ ด่านแรกเท่านั้น ควรจะเติมความทรงจ าให้เต็ม ถมช่องว่างให้สมบูรณ์ โดยที่ให้เชื่อมโยงเข้ากับสภาพจิตใจดั้งเดิมอย่างไร ้รอยต่อ ประหนึ่ง น้ามาลาคลองก่อเกิด ต้องให้เส้นสายความคิดทั้งหมดสมเหตุสมผล ได้อย่างไร ก็คือด่านที่สูงยิ่งกว่าอีกด่านหนึ่ง หาไม่แล้วหากไม่ระวังแม้ เพียงนิด ถูกจิตแห่งมรรคาของผู้ฝึ กตนที่ก่อกาเนิดขึ้นมาตาม ธรรมชาติสัมผัสได้ถึงต้นอ่อนแห่งความผิดปกติขึ้นมา ในฟ้ าดินเล็ก ร่างกายมนุษย์ก็จะตามมาด้วยผลลัพธ ์อันรุนแรงที่ฟ้ าถล่มแผ่นดิน ทลาย หากจิตวิญญาณของผู้ฝึกลมปราณไม่แหลกสลายกลายเป็ น คนที่มที่อปัญญาอ่อน ก็ง่ายที่จะธาตุไฟเข้าแทรก นี่ก็คือการต่อต้าน ทางสัญชาตญาณอย่างหนึ่ง ยอมให้พินาศวอดวายกันไปทั้งสองฝ่ าย โดยไม่เสียดาย ส่วนผู้ฝึ กตนหญิงจากเปลี่ยวร ้างที่วิธีการไม่เลว ตรงหน้าผู้นี้ ขอบเขตก่อกาเนิดคนหนึ่งก็กล้าเข้ามาวางแผนปั่นป่ วน อยู่ในพื้นที่มงคลดอกบัวระดับความแข็งแกร่งของจิตแห่งมรรคาจะมี มากแค่ไหน แค่คิดก็พอจะรู ้ได้
เจียงซ่างเจินยอมรับว่าตัวเองมิอาจสร ้างวีรกรรมเช่นนี้ได้ ตา เฒ่าสวินที่เป็ นขอบเขตบินทะยานก็ไม่น่าจะทาได้ถึงขั้นนี้
เฉินผิงอันเงยหน้ามองไปยังราวระเบียงตรงชั้นสอง ยิ้มเอ่ยว่า “โจวอันดับหนึ่ง ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะถอยกลับไปพร ้อมกับความสาเร็จ แล้วนะ”
เจียงซ่างเจินไร ้ค าพูดจะตอบโต้
สตรีมองตามสายตาของเจ้าขุนเขาเฉินไป หันไปมองปัญญาชน ชุดเขียวที่จอนผมสองข้างมีสีขาวแซมคนนั้น นางหมุนตัวหันไปกุม หมัด สตรีหน้าตางดงามคิ้วตาเบิกบานใช ้เสียงในใจคลี่ยิ้มบางๆ เอ่ย แนะนาตัวเองว่า “ข้าชื่อสวี่เจียวเชี่ย คือลูกศิษย์ที่ไม่ได้รับการบันทึก ชื่อของเฒ่าหูหนวกแห่งกาแพงเมืองปราณกระบี่ ปีนั้นได้รับคาสั่ง จากอิ่นกวานจึงออกมาจากบ้านเกิดก่อน แฝงตัวเข้ามาในใบถงทวีป อย่างลับๆ อันที่จริงข้าได้พบกับโจวอันดับหนึ่งเป็ นครั้งที่สองแล้ว แต่ ปีนั้นติดขัดที่สถานะของสายลับ เพื่อป้ องกันไม่ให้มีนักรบพลีชีพของ เปลี่ยวร ้างมาก่อคลื่นมรสุมที่นี่ เป็ นเหตุให้ตอนนั้นไม่สะดวกจะเป็ น ฝ่ายทักทายโจวอันดับ หนึ่ง”
เจียงซ่างเจินมีสีหน้ากระอักกระอ่วน “เข้าใจๆ ล าบากแล้ว ล าบากแล้ว”
ก่อนจะจากลากัน เฉินผิงอันใช ้เสียงในใจพูดกลั้วหัวเราะว่า “โจว อันดับหนึ่ง อีกเดี๋ยวจะมีร่างแยกของข้ามาหาเจ้า ถึงเวลานั้นเขาจะ พาเจ้ากับสวี่เจียวเชี่ยไปที่ปากบ่อน้าด้วยกันบ่อน้าคือเบาะแสที่เจ้า อารามผู้เฒ่าทิ้งไว้ หากไม่ผิดไปจากที่คาด พวกเจ้าก็สามารถอาศัย ช่องทางนี้เข้าไปในนครเซิ่นจึงของราชวงศ์ต้าเฉวียนได้ หากเป็ น เส้นทางที่เชื่อมโยงกันเหมือนกุยชวีก็สามารถหวนกลับมาที่พื้นที่ มงคลได้ แต่หากเป็ นเส้นทางทางเดียวก็รบกวนโจวอันดับหนึ่งไป เยือนท่าเรืออวี๋หลินแคว้นอวิ่นเหยียนสักรอบ ช่วยไปดูแล
สถานการณ์ใหญ่ของที่นั่นให้หน่อย แล้วนาจดหมายฉบับหนึ่งไป มอบให้เวินอวี้กับมือตัวเอง ข้ามีเรื่องจะขอร ้องหากเวินอวี้ตอบตกลง ถึงเวลานั้นสวี่เจียวเชี่ยอาจจะต้องใช ้คราบร่างเซียนของหันอวี้ซู่ หาก เวินอวี้รู ้สึกว่าไม่เหมาะสมก็ช่างเถอะ ไม่จาเป็ นต้องบังคับฝืนใจ”
หากเป็ นปกติ เรื่องราวงดงามอย่างการได้จับมือกับสาวงามท่อง ไปในยุทธภพเช่นนี้เจียงซ่างเจินต้องไม่มีทางปฏิเสธแน่นอน หาก ขมวดคิ้วสักครั้งก็ถือว่าโจวอันดับหนึ่งเฉื่อยชากับหน้าที่การงาน ไม่รู ้ กาลเทศะ
เพียงแต่ว่าเวลานี้ไม่ว่าเจียงซ่างเจินจะมองสวี่เจียวเชี่ยอย่างไรก็ รู ้สึกขนลุกขนพองทุกที ชายแขนเสื้อสีแดงปักธูปหอมอะไรกัน สตรีที่ อยู่ตรงหน้าผู้นี้น่ากลัวยิ่งกว่าผีงามในป่ าเขาเสียอีก แต่ถึงอย่างไรก็ เป็ นงานในหน้าที่ของผู้ถวายงานอันดับหนึ่ง เจียงซ่างเจินไม่มีเหตุผล ที่จะไม่ไปเยือนนครเซิ่นจึงและท่าเรืออวี๋หลิน รอกระทั่งเฉินผิงอันชุด ขาวหายตัวไปกลางอากาศ สวี่เจียวเชี่ยที่เห็นได้ชัดว่าได้คาสั่งจาก เจ้าขุนเขาเช่นเดียวกันก็กุมหมัดให้โจวอันดับหนึ่ง สตรีร่างสูงเรือน ร่างอวบอิ่มบุคลิกสุภาพเรียบร ้อย คิ้วตาอ่อนโยนมองเขาด้วยสายตา นุ่มนวลดุจสายตาที่สตรีใช ้มองชายคนรัก แต่เจียงซ่างเจินกลับเป็ น คนเก่าแก่ในยุทธภพที่ล้มลุกคลุกคลานอยู่ในพุ่มบุปผามาชั่วชีวิต รู ้ ว่านางใช ้เวทลับนอกรีตมอมเมาใจคน เป็ นเหตุให้เมื่อปรากฏอยู่ใน สายตาคนนอกจึงเหมือนสตรีที่เพิ่งแต่งงานใหม่ผู้มีดวงตาเจ้าชู้ ยั่วยวน พบเจอใครก็ทาท่าอยากจะพูดแต่ไม่ยอมพูด
ในฐานะหนึ่งในร่างแยกซึ่งเป็ นผู้พิศมรรคา หลังออกมาจาก พรรคที่หุ่นเชิดยันต์ของเซียวสิงอยู่ก็เดินทางไปเยือนทั่วทิศในพื้นที่ มงคลรากบัว แล้วก็ได้ทยอยเจอกับผู้ฝึกกระบี่ในท้องถิ่นสี่คนที่เพิ่งถือ ก าเนิด ใช ้เหตุผลอธิบายให้เข้าใจ ใช ้อารมณ์ท าให้คล้อยตาม สุดท้ายก็โน้มน้าวสองในสี่คนได้สาเร็จ พวกเขาต่างก็ยินดีไปชม ทัศนียภาพด้านนอกที่อยู่ “นอกฟ้ า” เฉินผิงอันมีสัญญาวิญญูชนกับ พวกเขา ในอนาคตพวกเขาจะไปลงหลักปักฐานที่ไหน หรือจะหวน กลับมายังบ้านเกิดหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับความตั้งใจของพวกเขาเอง แต่ ก่อนจะตัดสินใจต้องไปเยือนภูเขาลั่วพั่วหรือไม่ก็แคว้นหูก่อนรอบ หนึ่ง ลองไปทักทายพูดคุยกันดูก่อน
คนหนึ่งคือคุณหนูตระกูลใหญ่ที่อยู่ในห้องส่วนตัวของอาเภอ ใหญ่ชานเมืองหลวงแคว้นหนันเยวี่ยน นางหลงใหลอยู่กับบทกวี ชายแดนและเซียนกระบี่ในตารา เรื่องที่คิดไว้ส าเร็จดังใจปรารถนา ความฝันงดงามกลายเป็ นความจริง ก่อนหน้านี้นางสะบัดเอากระบี่สั้น สีแดงสดเล่มหนึ่งออกมาจากฝ่ามือ
อีกคนหนึ่งคือจอมยุทธเคราดกที่ขี่ลาสะพายกระบี่ท่องไปตาม ขุนเขาสายน้า ก่อนหน้านั้นดื่มเหล้าอีกใหญ่อยู่บนหลังลา ร่าง โคลงเคลงไปตามการก้าวเดินของลา เรอกลิ่นเหล้าออกมาคาหนึ่งก็ มีเม็ดกระบี่สีดาสนิทเหมือนสีหมึกเม็ดหนึ่งปะปนออกมาด้วย
ชื่อจริงของสตรีคือม่ายชิง เดิมทีนางกาลังเป็ นกังวลเรื่องการ แต่งงานเชื่อมสัมพันธ ์ที่พ่อแม่จัดหามาให้ ย่อมยินดีที่จะได้ออกไป
ผ่อนคลายจิตใจข้างนอก ทิ้งจดหมายไว้ฉบับเดียวนางก็แอบหนีออก จากบ้านมาแล้ว
จอมยุทธผู้ห้าวหาญมีนามว่าเกอซูหล่งซ่าง คนในตระกูลเป็ น เมล็ดพันธ ์แม่ทัพกันมาทุกรุ่นทุกสมัย เขาเคยเป็ นแม่ทัพบู๊ที่ชายแดน ของอดีตราชสานักแคว้นเป่ ยจิ้น มีความสัมพันธ ์ที่ไม่ปรองดองกับ ถังเถี่ยอี้ฮ่องเต้องค์ใหม่ จึงลาออกจากการเป็ นขุนนางแล้วออกเดิน ทางไกล
ก่อนหน้านี้คนหนึ่งขี่ลา คนหนึ่งทะยานลมอยู่ด้านข้าง พูดคุยกัน อย่างถูกคอ คุยกันไปตลอดทางจนถึงเรื่องที่ว่าควรจะเปลี่ยน สถานการณ์ในปัจจุบันที่ความรู ้คุณธรรมของหลายแคว้นเสื่อมทราม ได้อย่างไร
ระหว่างที่เดินทางกันมา คนหนึ่งถาม อีกคนก็ตอบ
ชามขาวอ่างไม้ ขวดกระเบื้องไหโถ สามารถสร ้างฟ้ าดิน ใช ้พื้นที่ อันน้อยนิดมารองรับแผ่นดินกว้างไกลหมื่นลี้ได้จริงหรือ?
ได้สิ
กระดองเต่าหญ้าเสี่ยงทาย แผ่นกระเบื้องก้อนหิน สามารถบอก ถึงโชคดีโชคร ้ายเคราะห์และวาสนา ใช ้มันมาค านวณชะตาชีวิตคน ได้จริงหรือ?
ไม่แน่เสมอไป
สตรีที่มีคาถามอยู่เต็มหัว บางทีอาจเพราะหน้าบาง จึงถามแค่ ค าถามเดียว
ผู้บรรลุมรรคาอย่างเซียนกระบี่เฉิน ข้างนอกมีมากน้อยแค่ไหน มีน้อยจนนับนิ้วได้หรือไม่?
เหนือฟ้ ายังมีฟ้ า เหนือคนยังมีคน พวกเทพเซียนพสุธามีจ านวน ไม่มาก แต่ก็ไม่น้อย
ส่วนสตรีที่อยู่บนทุ่งหญ้ากว้างนอกด่านและนักพรตเด็กหนุ่มที่ อยู่ในอารามเชียนชิวซึ่งตั้งอยู่ในอาณาเขตของเยว่โจวแคว้นซงไล่ กลับปฏิเสธความหวังดีของ “เซียนกระบี่เฉิน” ผู้นั้นพวกเขาเลือกที่จะ อยู่ต่อในบ้านเกิดของตัวเอง
คนหนึ่งถามว่าคุณชายมีคู่หมายแล้วหรือยัง อีกคนหนึ่งถามว่า ใช่คนของลัทธิเต๋หรือไม่
นี่เรียกว่าคุยกันไม่ถูกคอ แม้เพียงครึ่งประโยคก็ยังมากเกินไป
ผู้พิศมรรคาของพื้นที่มงคลหนึ่งในร่างแยกของเฉินผิงอันร่าย วิชาตระกูลเซียนตะวันจันทราในกาน้า ส่งสตรีและจอมยุทธผู้ห้าว หาญมาที่นี่แล้วมอบให้กับเจียงซ่างเจิน ก่อนที่ตัวเองจะหวนกลับไป ยังม่านฟ้ าอีกครั้ง
การเดินทางครั้งนี้ ข้าผู้แซ่เจียงต้องอิงแอบคลอเคลียอยู่ใน กระโจมแห่งสาวงามจริงๆ เจ้าขุนเขาช่างเข้าใจข้าเหลือเกิน
ผลคือรอกระทั่งม่ายชิงได้ยินว่าอีกฝ่ ายชื่อโจวเฝย นางก็พลัน ตกใจจนหน้าไร ้สีเลือดโจวเฝยแห่งตาหนักคลื่นวสันต์?! เซียนกระบี่ เฉินผู้นั้นต่างจากพ่อค้าใจดาที่หลอกสตรีมาขายตรงไหน?
เจียงซ่างเจินเตรียมค าพูดไว้นานแล้ว สีหน้าของเขาเป็ น ธรรมชาติยิ่ง ยิ้มอธิบายว่าตัวเองก็แค่มีชื่อเหมือนกับโจวเฝย ใน ความเป็ นจริงแล้วตนมีความแค้นที่มิอาจอยู่ร่วมโลกกับเจ้าโจรโจ วแห่งตาหนักคลื่นวสันต์จึงจงใจใช ้นามแฝงว่าโจวเฝย คิดอยากจะล่อ อีกฝ่ ายออกมา จะได้เข่นฆ่าแลกชีวิตกันได้ แค้นนี้หากไม่ได้รับการ ชาระเขาก็ไม่ขออยู่เป็ นคนอีกต่อไป มองบุรุษชุดเขียวที่ใบหน้าระทม ทุกข์แต่แววตากลับเด็ดเดี่ยว สตรีที่ไม่เคยออกมาเผชิญโลกกว้างก็ เชื่อหมดใจ จอมยุทธเคราดกที่อยู่ข้างๆ กลับขมวดคิ้วน้อยๆ มาเจอ
กับนักต้มตุ๋นหรืออย่างไร?
เจียงซ่างเจินเรียกเรือยันต์ลาหนึ่งออกมา บรรทุกพวกเขาไปยัง ที่ตั้งของบ่อน้าที่เฉินผิงอันระบุต าแหน่งไว้ ม่ายชิงนอนฟุบตัวบนราว รั้วยื่นมือไปขยี้เมฆขาวริมตัวเรือ เอ่ยถามประโยคหนึ่งคล้ายไม่ใส่ใจ ว่า โลกภายนอกมีผู้ฝึกบาเพ็ญตนที่เป็ นเหมือนอย่างเซียนกระบี่เฉิน เยอะหรือไม่? เจียงซ่างเจินบอกว่าน้าครึ่งถังบนภูเขาอย่างข้า อย่าว่า แต่ผู้มีพรสวรรค์เลยไม่ถือว่าเป็ นวัตถุดิบแห่งดินด้วยซ้า ด้านนอกมี มากมาย แต่บุคคลที่องอาจลง่างามอย่างเซียนกระบี่เฉินกลับมีน้อย มากๆ ม่ายชิงไม่แสดงสีหน้ากระโตกกระตาก แต่ในใจกลับนินทาไม่ หยุด ฟังสิฟัง ค าพูดของผู้ชายมีไว้หลอกผีชัดๆ เลย
สวี่เจียวเชี่ยนั่ งตัวตรง ใช ้เสียงในใจเอ่ยว่า “ผู้เยาว์ขอ ละลาบละล้วงถามสักค าได้หรือไม่ เซียนกระบี่เจียงมาเป็ นผู้ถวายงาน อันดับหนึ่งของภูเขาลั่วพั่วได้อย่างไร?”
เจียงซ่างเจินรู ้สึกชาไปทั้งหนังศีรษะ อยากย้อนถามกลับไปมากๆ ว่าแม่นางเจ้ากลายมามีสภาพเช่นนี้ได้อย่างไร แต่ปากกลับตอบอย่าง ขอไปทีว่า “ข้ากับเจ้าขุนเขาเฉินแค่เจอก็เหมือนคุ้นเคยสนิทสนมกัน มานาน”
ไปถึงข้างบ่อน้าแห้งขอดในชนบทที่ไม่สะดุดตา เหนือปากบ่อมี ใบถงเขียวปลั่งราวกับจะคั้นน้าได้ใบหนึ่งลอยตัวอยู่
เกอซูหล่งซ่างปลดกาเหล้าลงมาดื่มเหล้าหนึ่งอีก ชาติกาเนิดที่ ล่องลอยให้ความรู้สึกเหมือนยามที่ใบไม้หล่นร่วงลงมาจากหอสูงจริงๆ
เจียงซ่างเจินเก็บเรือยันต์ กระโดดลงไปในบ่อน้าก่อน ไม่ จ าเป็ นต้องให้เจียงซ่างเจินเตือน สวี่เจียวเชี่ยก็หรี่ตาลง กลั้นหายใจ ท าสมาธิ วางท่าว่านางจะปิดท้ายให้เอง
เกอซูหล่งซ่างรัดกาเหล้าไว้เรียบร้อยแล้วก็กระโดดตามไปอย่าง ไม่ลังเล ดวงตาพลันพร่าลายจิตวิญญาณแกว่งไกว ประหนึ่งตกเข้า ไปอยู่ในดินแดนไท่ซวี ในสายตาเห็นเพียงลาแสงหลากหลายสีสันที่ พุ่งผ่านไปอย่างว่องไวราวสายฟ้ าแลบ เพียงแค่มองนานหน่อย ผู้ฝึก กระบี่ที่พื้นฐานร่างกายไม่เลวก็อาเจียนออกมา รู ้สึกว่าอาเจียน ออกมาแต่น้าขมๆ รอกระทั้งสองเท้าสัมผัสพื้น ร่างของชายฉกรรจ์
โงนเงนจะล้มมิล้ม แต่กลับเห็นว่าโจวเฝยที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความ อัดอั้นกาลังคลายมวยผม เช็ดคราบสกปรกที่เปื้อนอยู่เต็มหัว เกอซูห ล่งซ่าง ยิ้มอย่างพิพักพิพ่วน โจวเฝยหัวเราะ จากนั้นจอมยุทธเครา ดกก็ถูกโจมตีแสกหน้า ตาลายเหมือนเห็นดาวสีทอง ล้มฟุบลงไปกอง กับพื้น สตรีที่นั่งอยู่บนร่างของเขารีบลุกขึ้นอย่างลนลาน ก าลังจะเอ่ย ขออภัย เพิ่งจะอ้าปากก็ค้อมตัวลงทันใด เกอซูหล่งช่างไม่เสียแรงที่ เป็ นแม่ทัพบู๊ซึ่งอยู่ในสนามรบมานาน เขาพลิกตัวหนี อย่าง คล่องแคล่ว หลบพ้น “อาวุธลับ” พวกนั้นมาได้ เจียงซ่างเจินรู ้สึก เสียดายอยู่บ้าง สวี่เจียวเชี่ยพลิ้วกายลงพื้น ยื่นมือมาตบหลังม่ายชิง เบาๆ
เมืองหลวงต้าเฉวียน พวกเขามาถึงนครเซิ่นจิ่งแล้ว
คนที่เฝ้ าบ่อน้าในลานบ้านขนาดเล็กแห่งนี้ก็คือนักพรตที่มี ครอบครัวแล้ว เคยเป็ นเจ๋อเซียนที่ไปฝึกประสบการณ์ในพื้นที่มงคล ดอกบัว หลังจากถูกเจ้าอารามผู้เฒ่าลากตัวออกมาจากอารามกวาน เต๋าก็ได้รับคาสั่งให้มาเฝ้ าประตูอยู่ที่นี่ เจ้าอารามผู้เฒ่าบอกกับเขาว่า ไม่ต้องทาอะไรทั้งนั้น แค่รออยู่ที่นี่ไปก็พอ แต่หากถูกคนที่โผล่ ออกมาจากปากบ่อจัดการก็อย่าได้โทษคนบ่นฟ้ า จะโทษก็ต้องโทษที่ ตัวเองชะตาไม่ดี ส่วนวันใดจะได้อิสระกลับคืน ก็รอไปก่อนเถิด เมื่อ โอกาสมาถึงก็จะรู ้ได้เอง
ในเมื่ออยู่ว่างก็ไม่มีอะไรทา นักพรตหนุ่มใบหน้างดงามราวกับ หยกผู้นี้จึงแต่งภรรยาให้กาเนิดบุตรอยู่ที่นี่เสียเลย ถือโอกาสรับ
อนุภรรยามาอีกหลายคน แต่งภรรยาให้แต่งกับคนที่เรียบร ้อย เพียบพร ้อม รับอนุให้รับคนที่งดงาม พวกนางเข้ากันได้ดี เรียกขาน กันเป็ นพี่เป็ นน้อง ถึงอย่างไรก็อยู่ว่างๆ อยู่แล้ว ตีกันในวันฝนตก หิมะ ตกก็ยังตีกัน ไม่เสียแรงที่เป็ นนักพรตซึ่งฝึกวิชาประกอบกามกิจใน ห้องหอมาโดยเฉพาะ เขาไม่เคยพ่ายแพ้มาก่อน ในเมื่อบนเตียงมี ความปรองดอง น้าฝนและน้าค้างโปรยปรายเท่าเทียม ภรรยาและ เหล่าอนุในบ้านจึงไม่ต้องแย่งชิงความโปรดปรานกัน