กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1084.3 หิมะตกหนัก
นักพรตหนุ่ มถือแส้ปัดฝุ่ นอยู่ในมือ ยืนอยู่ใต้ชายคาอย่าง ระมัดระวังไม่กล้าขยับเข้าใกล้บ่อน้า ถามอย่างสงสัยว่า “ใช่อดีตเจ้า ส านักเจียงหรือไม่?”
เจียงซ่างเจินยิ้มเอ่ย “รู ้จักข้าได้อย่างไร?”
นักพรตที่มีศาสตร ์คงความเยาว์ทาท่าจะพูดแต่ก็หยุดไป ใน สานักเคยมีนักพรตหญิงที่เป็ นผู้อาวุโสคนหนึ่งเจอกับฝีมืออามหิต ของเจ้าโจรเจียง หลังจากกลับภูเขาไปก็มีบาดแผลทางความรู้สึก อย่างสาหัส เล่าลือกันว่านางมักจะวาดภาพเหมือนของชายทรยศแล้ว โยนทิ้งลงไปในกระถางไฟเป็ นประจ า เผาเจ้าโจรเจียงจนมอดไหม้ แล้วหากยังไม่สาแก่ใจก็จะวาดใหม่อีกรูป แล้วบอกให้สาวใช้เอาม้วน ภาพไปโยนทิ้งในหลุมส้วมที่คนมากมายใช ้ร่วมกัน ตอนนั้นที่นักพรต ยังเป็ นหนุ่ม มีครั้งหนึ่งไปนั่งยองให้ห้องส้วมแล้วบังเอิญก้มหน้า เหลือบไปเห็นเข้าก็ตกใจจนเกือบจะเกิดเงามืดขึ้นในใจเสียแล้ว
นักพรตไม่กล้าพูดความจริง ได้แต่เอ่ยอย่างขลาดๆ ว่า “ผู้เยาว์ หลิวสวิ้น ฉายาอวี้ซานมาจากอารามอวี้โหล่วภูเขาเหย่เฮ้อ เลื่อมใส อดีตเจ้าส านักเจียงอย่างมาก”
เจียงซ่างเจินรีบเดินมาบังอยู่ด้านหน้าสตรีทั้งสอง แสร ้งพูดอย่าง ตกตะลึงว่า “เจ้าก็คือหลิวอวี้ซาน ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็คือคนบ้าตัณหา น่ะสิ?”
หลิวสวิ้นที่ถูกคนเลวชิงฟ้ องก่อนรู ้สึกอ่อนใจเป็ นทบทวี “ผู้เยาว์ก็ แค่ฝึกวิชานอกรีตของสายยันต์โบราณเท่านั้น ศาสตร ์การประกอบ กามกิจในห้องหอชั้นสูงเช่นนี้ บนเตียงก็คือพื้นที่ประกอบพิธีกรรม ไม่ได้มีความชั่วร ้ายใดๆ ชายหญิงผสานลมปราณ เสริมหยินหยาง ให้แก่กันและกัน เชื่อว่าอดีตเจ้าสานักเจียงน่าจะเข้าใจได้”
เจียงซ่างเจินแค่นเสียงเย็นชาในล าคอ ก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทาง จริงจังว่า “จะเข้าใจได้อย่างไร ไม่ค่อยเข้าใจ ยิ่งรับไม่ได้!”
หลิวสวิ้นจึงเปลี่ยนหัวข้อพูดคุย “ต่อจากนี้อดีตเจ้าสานักเจียงจะ ท าอย่างไรต่อ ผู้เยาว์จะมีโอกาสได้ทุ่มเทก าลังอันน้อยนิดอย่างสุด ความสามารถหรือไม่?”
นอกจากให้ตนเป็ นคนนาทาง แอบแฝงตัวเข้าไปที่เตียงมังกรของ ฮ่องเต้ในวังหลวงแล้ว เรื่องทุกอย่างเว้นจากนี้ล้วนพูดคุยกันได้
เพราะถึงอย่างไรนักพรตขอบเขตก่อกาเนิดที่มาจากสายระบบ สืบทอดที่ถูกต้อง อยู่ในราชสานักต้าเฉวียนและใบถงทวีปในทุกวันนี้ ก็ยังถือว่าพูดจาพอจะมีน้าหนักอยู่บ้าง
เจียงซ่างเจินถาม “อาศัยบ่อน้าบ่อนี้สามารถหวนกลับไยปังพื้นที่ มงคลดอกบัวได้หรือไม่?”
หลิวสวิ้นส่ายหน้า “ข้าเคยลองแล้ว ไม่ได้แน่นอน”
เจียงซ่างเจินกวาดตามองไปรอบด้าน ฝนใหญ่ชาลงบ้างแล้ว เขา เงยหน้ามองม่านฟ้ าฟ้ าหลังฝนใสกระจ่าง ประหนึ่งถูกชาระล้างมา ใหม่
เจียงซ่างเจินเองก็กลัวว่าคนเสเพลที่ชื่อเสียงฉาวโฉ่ผู้นี้จะทาให้ คุณหนูตระกูลใหญ่ทั้งสองท่านต้องตกใจ จึงเรียกเรือยันต์ออกมาอีก ครั้ง ตรงดิ่งไปที่ท่าเรืออวี่หลินแคว้นอวิ๋นเหยียน น าจดหมายไปมอบ ให้กับเวินอวี้
รอกระทั่งเรือยันต์ลอดทะลุทะเลเมฆ เคลื่อนห่างออกไปไกลแล้ว ไกลอีก หลิวสวิ้นยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ผ่านไปนานมากถึงร ้องเพ้ย เบาๆ หนึ่งที คิดว่าตัวเองเป็ นใครกัน เจ้าโจรชาติสุนัขเจียง ยังมีหน้า มาบอกว่าข้าเป็ นคนบ้าตัณหา
และในขณะที่หลิวสวิ้นกาลังจะหมุนตัวกลับนั้นเอง ใบหลิวใบหนึ่ง ก็มาโผลในลานบ้านเคลื่อนแกว่งมาตรงเบื้องหน้าหลิวสวิ้นราวกับคน เมา สุดท้ายมาหยุดอยู่ตรงหว่างคิ้วของเขา
“กระเรียนป่ าไร้อาหารฟ้ าดินก็ยังกว้างใหญ่ ไยสหายต้องเสแสร้ง แกล้งท าเหมือนพวกปัญญาชน แต่แท้จริงแล้วกลับดูแคลนคนร่วม อาชีพด้วยเล่า?”
เสียงของเจ้าโจรเจียงดังก้องอยู่ข้างหูของหลิวสวิ้น “เจ้าทาร ้าย จิตใจข้า ข้าก็คงต้องท าร้ายมหามรรคาของเจ้าแล้ว”
หลิวสวิ้นรีบก้มหัวคารวะขออภัย
ระหว่างที่เดินทางไปยังแคว้นอวิ๋นเหยียนก็มีฝนกระหน่าตกลงมา ราวกับมาตามนัดเจียงซ่างเจินคาดว่าฝนน่าจะตกติดต่อกันสามวัน แล้วหยุดหนึ่งวัน วนซ้าสามครั้งก็จะจบลงแล้ว?
เจียงซ่างเจินไม่มีความคาดหวังใดๆ ต่อการสลายมรรคาของ บรรพจารย์สามลัทธิในครั้งนี้ เรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง แค่มองดู ไปอย่างเดียวก็พอ เพราะถึงอย่างไรเจียงซ่างเจินก็ไม่ได้ยอมรับใน รากฐานความรู ้ของสามลัทธิเท่าใดนัก
แม้ว่าฟ้ าที่พร่างพรมไปด้วยสายฝนจะกว้างใหญ่ แต่ไม่มีความ เกี่ยวข้องใดๆ กับข้า
พลาดโชควาสนาใหญ่เทียมฟ้ าครั้งนี้ไป ไม่ถึงกับเจ็บแค้น เพราะ นี่ไม่สอดคล้องกับนิสัยใจคอของเจียงซ่างเจิน แต่หากจะพูดว่าไม่มี ความเสียดายชะเลย ถ้าอย่างนั้นก็ถือเป็ นการหลอกตัวเองทั้งยัง หลอกคนอื่น หากรู ้แต่แรกก็คงจะอ่านตาราของลัทธิเต๋าให้มากกว่านี้ แล้ว
ตอนนี้เจียงซ่างเจินค่อนข้างสงสัยใคร่รู ้ว่าเฉินผิงอันจะได้รับอะไร ท่ามกลางฝนตกครั้งนี้หรือไม่ แต่ไม่สะดวกจะถามต่อหน้าเจ้าขุนเขา กลัวว่าจะเป็ นการวาดงูเติมขา จึงถามเอาจากชุยตงซาน ผลคือ ปฏิกิริยาตอบสนองของชุยตงซานกลับประหลาดมาก บอกว่าเพื่อปิด ด่านฝ่ าทะลุขอบเขต อาจารย์ต้องเดินไปบนเส้นทางสุดโต่ง มี
สถานการณ์แค่สองอย่างเท่านั้น หากไม่ผสานรวมเป็ นหนึ่งเดียวกัน ได้รับผลประโยชน์สูงมาก ก็ต่างฝ่ ายต่างลดทอนขัดเกลากันเองจน หมดสิ้น ไม่เหลืออะไรเลย ไม่มีความเป็ นไปได้อย่างที่สามที่จะอยู่ตรง กลางของสองสถานการณ์นี้
ท้องฟ้ าไร ้เมฆ ฝนตกลงมา ฟ้ าดินขมุกขมัวสลัวราง เรือยันต์ เหมือนปลาที่ว่ายลอยอยู่กลางอากาศ เกอซูหล่งซ่างและม่ายชิงต่างก็ ได้เปิดโกลกว้างกันแล้ว เรือยันต์คล้ายร่มกระดาษนามันคันใหญ่ที่ กางออกอย่างมองไม่เห็น
เวลายาวไกลนับพันปี โลกมนุษย์มีคนที่กลัดกลุ้มเป็ นทุกข์สักกี่ มากน้อย
หากฟ้ ามีความรู ้สึก ลมพัดก็คือใจหวั่นไหว ฝนตกก็คือน้าตาที่ หลั่งไหล
เจียงซ่างเจินหยิบกาเหล้าหนึ่งใบและจอกกระเบื้องหลายใบ ออกมา สวี่เจียวเชี่ยบอกว่าตัวเองไม่เคยดื่มเหล้า กลัวว่าจะทาให้เสีย การเสียงาน เกอซูหล่งซ่างคือผีขี้เหล้าที่หากไม่ได้ดื่มเหล้าหนึ่งวันก็ คล้ายว่าชีวิตหายไปครึ่งหนึ่ง แน่นอนว่าต้องไม่เกรงใจพี่น้องโจวเฝย ที่เป็ นศัตรูตัวฉกาจกับโจรบ้าตัณหาโจวแห่งตาหนักคลื่นวสันต์ รับ จอกเทพีบุปผาปลอมใบนั้นมา เจียงซ่างเจินรินเหล้าหมักเซียนให้เขา จนเต็มจอก ชายฉกรรจ ์เคราดกแหงนหน้ากระดกดื่มจนหมด รังเกียจ ว่าไม่สาแก่ใจพอจึงขอเหล้าอีกกามาจากโจวเฝยเสียเลย กระดกดื่ม แล้วก็ร ้องเสียงดังว่ายอดเยี่ยม วางกาเหล้าไว้ข้างเท้า มือหนึ่งถือจอก
อีกมือหนึ่งตบรั้วร ้องเพลงเสียงดัง ม่ายชิงยังไม่เคยดื่มเหล้ามาก่อน นางรู ้สึกเพียงว่าในเมื่อออกจากบ้านมาท่องยุทธภพแล้ว หากแม้แต่ สุราก็ยังไม่ดื่มก็ออกจะไม่เข้าท่าไปสักหน่อย ผลคือนางไม่รู ้จักหนัก เบากรอกเข้าปากค าใหญ่ ท าให้สตรีส าลักแทบทนไม่ไหว เจียงซ่าง เจินยิ้มเอ่ยชื่นชมว่า แม่นางชิงสมกับเป็ นชายหญิงในยุทธภพมา ตั้งแต่เกิดจริงๆ
เจียงซ่างเจินหยิบเอกสารผ่านด่านปลอมปีกหนึ่งออกมาจากชาย แขนเสื้อ ยืนส่งให้กับเกอซูหล่งซ่างและม่ายชิงคนละสองฉบับ อธิบาย ว่า “การท่องไปตามภูเขาสายน้าของที่นี่ก็จ าเป็ นต้องใช ้เอกสารผ่าน ด่านเช่นเดียวกัน ในอดีตเวลาผู้ฝึ กลมปราณอยู่ข้างนอกไม่ต้อง พิถีพิถันเช่นนี้ จะขึ้นเหนือล่องใต้อย่างไรก็ไม่มีข้อห้าม แต่ว่าทุกวันนี้ ใบถงทวีปมีการควบคุมอย่างเข้มงวด หากผู้ฝึ กตนไม่มีสถานะที่ ถูกต้องก็ง่ายที่จะได้ไปดื่มชาอ่านตาราอยู่ในสานักศึกษา ชื่อบน เอกสารผ่านด่านของพวกเจ้าคือชื่อจริงที่ข้าช่วยเขียนแทนพวกเจ้า เองโดยพลการ ส่วนอีกฉบับหนึ่ง วันหน้าพวกเจ้าก็คิดหานามแฝงให้ เรียบร ้อยแล้วค่อยเขียนเพิ่มลงไป วางใจเถอะ บนเอกสารผ่านด่าน สองเล่มนี้ พวกตราประทับตามที่ว่าการและหน้าด่านของแคว้นต่างๆ ที่อยู่บนนี้คือของแท้แน่นอน”
ม่ายชิงเปิ ดเอกสารผ่านด่านฉบับนั้น แค่กางออกก็กลายเป็ น หน้ากระดาษที่พับซ ้อนทบติดกันยาว นางมองดูตราประทับของ
ทางการที่มีรูปแบบการเขียนและใช ้ตัวอักษรแตกต่างกันไปพวกนั้น
แล้วก็เอ่ยชื่นชมว่า “ละลานตา น่ามองยิ่งนัก” สตรีตัดสินใจแล้วว่าวันหน้านางจะต้องรวบรวมตราประทับให้
ครบทั้งร ้อยด่าน เกอซูหล่งซ่างยิ้มเอ่ย “อดีตเจ้าสานักเจียงสมกับเป็ นคนเก่าแก่ใน
ยุทธภพจริงๆ”
เจียงซ่างเจินที่ได้ยินแค่เสียงพิณก็รู ้ถึงความหมายลึกล้าที่ซ่อน อยู่ ยิ้มเอ่ยว่า “ชื่อจริงของข้าคือเจียงซ่างเจิน เคยนั่งเก้าอี้อันดับหนึ่ง ในพรรคมาก่อน อยู่ในใบถงทวีปก็พอจะมีชื่อเสียงอยู่บ้าง ช่วยไม่ได้ที่ เป็ นเจ้าบ้านมาสามปีแม้แต่หมาก็ยังรังเกียจ ไม่เคยได้ใจผู้คน ข้าก็ เลยออกจากตาแหน่งมาอย่างรู ้กาลควร ยกตาแหน่งให้กับคนที่ เหมาะสมมาเป็ นแทน ดังนั้นนักพรตมีภรรยาที่เฝ้ าอยู่ที่บ่อน้าคนนั้น ถึงได้เรียกข้าว่า “อดีตเจ้าส านัก” สหายอวี้ซานผู้นี้ก าลังด่าคนอ้อมๆ อยู่นะ เมื่อลงเรือลาเดียวกันแล้วก็ถือว่ามีวาสนาต่อกัน วันหน้าพวก เจ้าเรียกข้าว่าสหายเจียง พี่เจียง หรือพี่ใหญ่เจียงก็ได้ทั้งนั้น”
เจียงซ่างเจินขยับเส้นสายตาไปอีกทาง ยิ้มถามว่า “แม่นางสวี่ เดินทางมาเยือนใบถงทวีปครั้งนี้จะยังใช ้ชื่อเดิมว่าสวี่เจียวเชี่ยอีก หรือไม่?”
สวี่เจียวเชี่ยยิ้มหวาน “ต้องเอาอย่างใต้เท้าอิ่นกวาน ท่องอยู่ในใต้ หล้าต้องเปลี่ยนการแต่งกายและใช ้นามแฝง ก็ให้ชื่อว่าหลัวหวานแล้ว กัน”
นางไม่รู ้ด้วยซ้าว่าทาไมตัวเองถึงได้ชอบชื่อ “หลัวหวาน” นี้นัก พอความคิดบังเกิดทุกอย่างก็เหมือนเป็ นธรรมชาติไปหมด เหมือน เดินเล่นอยู่ริมฝั่งมองผู้คนมองทิวทัศน์แล้วจู่ๆ ก็พลันมองเห็นปลาตัว หนึ่งกระโดดพ้นออกมาจากผิวน้า
ทุกครั้งที่พูดถึงใต้เท้าอิ่นกวาน ในสายตาของผู้ฝึ กตนหญิง จะต้องเต็มไปด้วยความเคารพเลื่อมใส
เจียงซ่างเจินยื่นส่งเอกสารผ่านด่านฉบับหนึ่งไปให้ ยิ้มบางๆ เอ่ย ว่า “หลัวหวาน คือชื่อดีที่อ่อนโยนนุ่มนวลอย่างมาก”
เนื้อผ้าละเอียดลอองดงามจับใจ ลายทอตั้งนอนประสานสอด ประณีตบรรจง ผ้าแพรไหมลายวิจิตร (หลัวหวาน) เลอค่าชวน หลงใหล ฝีมือของช่างทอดุจสวรรค์เป็ นผู้รังสรรค์เองก็ไม่ปาน
เจียงซ่างเจินใช ้เสียงในใจถามว่า “แม่นางชวี่ เจ้าขุนเขาเฉินได้ เล่าเรื่องวงในในการเดินทางมาเยือนแคว้นอวิ๋นเหยียนครั้งนี้ให้เจ้ารู ้ หรือไม่?”
คราบร่างเซียนของหันอวี้ซู่อยู่ในมือของเจียงซ่างเจิน เคยใช ้ที่ใต้ หล้าเปลี่ยวร ้างไปสองครั้ง เมื่อปรากฏอยู่ในสายตาของผู้อื่นก็เรียกได้ ว่าโผล่ออกมาเพียงแค่ชั่วเหลือบตามองเท่านั้น
หลัวหวานพยักหน้า “ใต้เท้าอื่นกวานบอกให้ข้าแสร ้งเป็ นเซียน เหรินแซ่หันผู้นั้น แล้วไปพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองที่สานักศึกษา เทียนมู่ ต้องแสดงละครร่วมกับเจ้าขุนเขาเวินให้ดี พยายามท าให้ พื้นที่มงคลสามภูเขาได้กินยาสงบใจเม็ดหนึ่งให้ได้”
เจียงซ่างเจินเอนกายพิงรั้วเรือด้วยท่าทางเกียจคร ้าน สองนิ้วจับ อยู่ตรงหูของกาเหล้าแล้วแกว่งเบาๆ อยู่ดีๆ ก็ทอดถอนใจออกมา ประโยคหนึ่งว่าฝนจะตก สตรีจะออกเรือน
นครเซิ่นจิ่งของราชวงศ์ต้าเฉวียน นอกจากจะมีทัศนียภาพอัน งดงามที่หิมะตกขาวโพลนดุจดั่งดินแดนแก้วใสแล้ว ก็ยังเป็ นทิวทัศน์ ที่งดงามเป็ นเอกซึ่งได้รับการยอมรับจากทั้งบนและล่างภูเขาของ ใบถงทวีป แล้วยังมีดอกโบตั๋นอีกแสนต้นที่ประชันความงามกันอย่าง ไม่มีใครยอมใคร
มีแขกมาเยือนที่พักของหลิวสวิ้นอีกครั้ง
เป็ นเด็กหนุ่มชุดขาวที่มีใฝกลางหว่างคิ้ว ปักปิ่นหยกเขียวบน มวยผม ข้างกายมีชายหนุ่มสวมชุดลัทธิขงจื๊อติดตามมาด้วย แต่เขา กลับปักปิ่นหยกขาว
ปิ่ นหยกทั้งสองชิ้นล้วนเป็ นอาจารย์ของพวกเขาที่มอบให้ แกะสลักขึ้นมาอย่างประณีติตั้งใจ แต่ละชิ้นมีตัวอักษรเล็กเท่าหัว แมลงวันแกะสลักอยู่
ของชุยตงซานเป็ นคาว่า “ราวสีชาดรั้วสีหยก บริสุทธิ์ไร ้รอยมัว หมอง
ของเฉาฉิงหล่างเป็ นค าว่า “มองไกลๆ เคร่งขรึมจริงจัง แต่เข้า ใกล้กลับอบอุ่นอ่อนโยน
ในเมื่ออาจารย์ลากตัวเซียวสิงที่อาพรางตัวได้อย่างลึกล้าออกมา กับมือตัวเองได้แล้ว ทางฝั่งของพื้นที่มงคลก็ถือว่าเป็ นวันเวลาที่สงบ สุขได้อย่างแท้จริงแล้ว ชุยตงซานจึงเจรจาเรื่องราคากับพวกผู้ฝึ ก ลมปราณในพื้นที่มงคลเรียบร ้อยแล้ว
มีความเป็ นไปได้แปดเก้าในสิบส่วนที่ต่างก็ยินดีพาลูกศิษย์ใน สานักและลูกหลานในตระกูลหวนกลับไปยังใบถงทวีปที่เป็ นบ้านเกิด ส่วนอีกส่วนสองส่วนที่เลือกจะอยู่ต่อ ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่อยากกลับ มาตุภูมิ แต่เป็ นเพราะชุยตงซานคลายตราผนึกค่ายกลส่วนหนึ่งออก ให้พวกเขาได้สัมผัสถึงปราณวิญญาณที่เปี่ยมล้นของพื้นที่มงคล ระดับสูงด้วยตัวเอง ผลคือไม่ว่าจะจากไปหรือจะอยู่ต่อ ล้วนต้อง จ่ายเงิน
เงินในมือไม่พอก็ติดค้างไว้ก่อน วันหน้าค่อยๆ ใช ้คืนก็ได้ พอไป ถึงใบถงทวีปแล้วสานักกระบี่ชิงผิงรับรองว่าจะไม่ทวงหนี้ภายในเวลา ร ้อยปี ดอกเบี้ยก็ไม่สูง ไม่ต้องรีบร ้อนใช ้คืน
ราคาคิดตามหัว มีคนหนึ่งก็คิดคนหนึ่ง คนที่ตอนนี้ขอบเขตสูง มีความใกล้ชิดทางสายเลือดกับคนประสานงานของในส านัก ราคาก็
จะสูง และยังมีลูกศิษย์ผู้สืบทอดที่มีความหวังบนมหามรรคา ฐาน กระดูกดีเยี่ยม หากเก็บเงินน้อย กาหนดราคาไว้ต่าเกินไปก็จะไม่ เท่ากับว่าดูแคลนผลส าเร็จในอนาคตของพวกเจ้าหรอกหรือ? ลูกรัก แห่งสวรรค์อย่างพวกเจ้าจะทนรับความอัปยศเช่นนี้ได้หรือไร?
ส่วนพวกชาวบ้านลี้ภัยที่เป็ นมนุษย์ธรรมดาก็ไม่ต้องพูดถึงเรื่อง เงินแล้ว หากชุยตงซานกล้าเปิดปากอย่างผิดมโนธรรมในใจเช่นนี้ก็ คงต้องกังวลว่าจะถูกอาจารย์ตีขาหัก
ชุยตงซานทาอะไรรวดเร็วฉับไว ในเมื่อมีช่องทางสายนี้เพิ่มขึ้น มาระหว่างพื้นที่มงคลรากบัวและราชสานักต้าเฉวียน ถ้าอย่างนั้นก็ อย่าปล่อยไว้ให้สิ้นเปลือง ในเรื่องนี้เขามีความคิดเช่นเดียวกับ อาจารย์ เจ้าอารามผู้เฒ่าไม่มีทางทิ้งเส้นทางนี้ไว้นานแน่ ไม่แน่ว่า อาจจะเก็บกลับไปได้ทุกเมื่อ ฉวยโอกาสตอนที่เสี่ยวโม่ยังอยู่ราลึก ความหลังข้างกายเจ้าอารามผู้เฒ่า ก็รีบส่งตัวผู้ฝึกลมปราณต่างถิ่น ที่อยู่ในพื้นที่มงคลจากไปให้ได้โดยเร็วที่สุด เมื่อเป็ นเช่นนี้ก็จะแบ่ง เบาภาระในเรื่องของการย้ายร่มใบถงไปได้
หาไม่แล้วคราวหน้าที่เซี่ยโก่วพกร่มใบถงซึ่งซุกซ่อนพื้นที่มงคล แห่งหนึ่งเอาไว้ติดตัวข้ามทวีปเดินทางไกลมาถึงที่นี่ก็ต้องผลาญ ปราณวิญญาณที่เชี่ยโก่วสะสมไว้เป็ นจานวนมาก นางอาจจะไม่คิด อะไร แต่ภู