กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1085.3 เชิญยกจอกขึ้นดื่มเถิด
ป๋ ายฉางถาม “ทาไมถึงไม่จัดเรียงเป็ นลาดับตั้งแต่แรก?”
ลองจ้องมองให้ชัดอีกครั้ง ในที่สุดป๋ ายฉางก็แน่ใจได้ว่าตัวเลข บนแผ่นไม้ไผ่นั้นสลับสับเปลี่ยนกัน ไม่มีกฎระเบียบใดๆ ให้กล่าวถึง
เว่ยเปิ่นหยวนลูบหนวด พูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “นี่คือปัญหายาก ข้อหนึ่งที่ศิษย์พี่ชิงจวินมอบไว้ให้กับข้า มีค าเตือนแค่อย่างเดียว ศิษย์ พี่ถามว่าทาไมบางครั้งข้าถึงรู ้สึกว่าคล้ายจะคุ้นชินกับทัศนียภาพ บางอย่าง”
ป๋ ายฉางครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง จ้องนิ่งไปที่แผ่นไม้ไผ่ที่วางเรียงกัน แน่นขนัดบนโต๊ะแล้วเอ่ยเนิบช ้าว่า “ความหมายของศิษย์พี่ชิงจวินก็ คือการไหลรินไปของแม่น้าแห่งกาลเวลาไม่ได้เป็ นไปในทิศทางเดียว ดังนั้นจึงไม่ถือว่าเป็ นการไหลไปตามกระแสหรือไหลทวนกระแส อะไร? สมมติว่าแผ่นไม้ไผ่ทุกแผ่นล้วนเป็ นข้าบางคนในช่วงเวลาที่ แตกต่างกัน คนโดยทั่วไปจะรู ้สึกว่าข้าในวันนี้สืบทอดมาจากข้าของ เมื่อวาน ข้าในวันพรุ่งนี้ก็คือการรับช่วงต่อของข้าในวันนี้ ผู้ที่ฝึ ก บ าเพ็ญตน ขอแค่ความกล้ามีมากสักหน่อยก็แค่สมมติว่าชีวิตคือการ ทวนกระแสขึ้นบน คือการพลิกเปิดหน้าหนังสือย้อนกลับ แต่หากอิง ตามคาอธิบายของศิษย์พี่ชิงจวิน เส้นทางในชีวิตคนกลับไร้ระเบียบ อย่างสิ้นเชิง ข้าของเมื่อวานอาจเป็ นเพื่อนบ้านกับข้าของวันมะรืน
ข้าในวันมะรืนอาจจะเป็ นเพื่อนบ้านกับข้าในวันใดวันหนึ่งของเมื่อปี ก่อน? เรื่องอย่างการรู ้ล่วงหน้าก็สามารถอธิบายได้แล้ว คาว่าสิ่งของ มีต้นและปลาย เรื่องราวมีจุดเริ่มต้นและจุดจบ รู ้ว่าสิ่งใดมาก่อนสิ่งใด มาหลังก็คือการขยับเข้าใกล้มรรคาอย่างที่อริยะกล่าวถึงก็จะมีหลัก ให้ยึดเกาะแล้ว แต่เมื่อเป็ นเช่นนี้ก็จะมีคาถามสองข้อที่ต้องคลี่คลาย ให้ได้ ข้อแรก ชาติก่อน ชาตินี้ ชาติหน้า รวมเป็ นกลุ่มก้อนในเวลา เดียวกันแล้วก็สลายแยกจากกันสวรรค์เป็ นตัวลิขิตว่ามหามรรคา แปรปรวนจริงๆ หรือ? นอกจากนี้ก็คือความทรงจาของพวกเรา…”
เว่ยเปิ่นหยวนรีบตัดบทค าพูดของป๋ ายฉางทันใด เขาทอดถอน ใจเอ่ยว่า “วิถีกระบี่คือเส้นทางลัดจริงๆ”
อู๋ยวนคือนายอ าเภอคนแรกในประวัติศาสตร ์ของอ าเภอไหวหวง คือขุนนางที่จริงแท้แน่นอนอันดับที่สองนอกจากขุนนางผู้ตรวจการ งานเตาเผา ฟู่ อวี้ที่เป็ นลูกหลานตระกูลขุนนางซึ่งเป็ นหนึ่งในขุนนาง ผู้ช่วยของที่ว่าการอาเภอ ก็เคยต้องไปชนตออยู่หลายครั้งที่ถนนฝูลู่ และตรอกเถาเย่เป็ นเพื่อนนายอาเภออู๋ ได้รับความอัดอั้นตันใจถึงขีด สุด
พูดถึงแค่เอกสารราชการลับที่กรมพิธีการของราชสานักเคยส่ง มาให้แก่ที่ว่าการอาเภอ เรียกร ้องอู๋ยวนว่าขณะที่ยังอยู่ในตาแหน่ง จะต้องสร ้างหอเหวินชางขึ้นมาในภูเขาเครื่องกระเบื้องให้จงได้ จากนั้นเปลี่ยนแปลงสุสานเทพเซียนให้กลายเป็ นศาลบู๊ ภูเขาเครื่อง กระเบื้องเป็ นของสกุลหลิวถนนฝูลู่ ส่วนสุสานเทพเซียนแห่งนั้น
ตระกูลเว่ยก็ได้ครอบครองที่ดินมากที่สุด ผลคืออู๋ยวนต่างก็ทาสอง เรื่องนี้ไม่สาเร็จ และนี่ก็คือเหตุผลที่ภายหลังอู๋ยวนต้องจากไปอย่าง หม่นหมอง เหตุผลสามารถมีได้มากมาย สี่แซ่สิบตระกูลเกาะกลุ่ม สามัคคีผลักไสคนนอกมากเกินไป มังกรแข็งแกร่งกดหัวงูเจ้าถิ่นไม่ ลง ฯลฯ แต่ต้าหลีเลื่อมใสในเรื่องของทฤษฎีคุณความชอบและลาภ ยศ ทาไม่สาเร็จก็คือทาไม่สาเร็จ ดูแค่ที่ผลลัพธ ์เท่านั้นเป็ นเหตุให้ การประเมินขุนนางครั้งใหญ่ครานั้น คาประเมินที่กรมขุนนางมีต่ออู๋ย วนถึงได้ต่าเตี้ยเรี่ยดินอย่างมาก
ฟู่ อวี้ก็เคยพูดทวงความเป็ นธรรมแทนนายอาเภออู่ว่าทาไมธรณี ประตูของที่นี่ถึงได้สูงกว่าตรอกอี้ฉือและถนนฉือเอ๋อร ์ของเมืองหลวง
ภายหลังยังคงเป็ นหยวนเจิ้งติ้งที่ทุกวันยุ่งหัวหมุนราวกับลูกข่าง และยังมีเฉาเกิงซินขุนนางผู้ตรวจการที่บอกว่าตัวเองมานะหมั่นเพียร ในการขานชื่อ ไม่เคยตะกละในการดื่ม ลูกหลานของแซ่สกุลเสาค้า ยันแคว้นสองคนร่วมมือกันถึงได้งัดสี่แช่สิบตระกูลที่เหมือนแผ่น กระดานเหล็กให้แยกออกจากกันได้ ช่วยเปิดสถานการณ์ที่แท้จริง ให้กับทางราชส านัก พวกเขาต่างก็เป็ นคนวัยเดียวกันสองคนที่มี จุดเริ่มต้นในวงการขุนนางจากหลงโจวเก่า ทุกวันนี้ไม่ว่าจะพูดถึง ชื่อเสียงในวงการขุนนาง ต่างก็สูสีกัน พูดถึงอนาคตอันยาวไกล ต่าง ก็ถือว่าเลื่อนตาแหน่งสูงได้อย่างราบรื่น
ความบันเทิงของพวกเด็กๆ ในเมืองเล็กก็เหมือนอยู่ท่ามกลางร่ม เงาเย็นของต้นไหวโบราณซึ่งเหมือนร่มคันใหญ่ที่กางออก ฟังพวกผู้
เฒ่าเล่าเรื่องต่างๆ รอให้พวกผู้อาวุโสดึงตะกร ้าไม้ไผ่ที่บรรจุแตงโม เอาขึ้นมาจากบ่อโซ่เหล็ก วิ่งไปตลอดทางจนกระทั่งผ่านสะพานหิน โค้งข้ามลาธาร พวกเด็กๆ เห็นกระบี่เล่มเก่าที่เกรอะไปด้วยสนิมมาจน ชินตาจึงไม่รู ้สึกประหลาดใจอีกต่อไป ตกปลาที่หินหลังวัวดาซึ่งเต็ม ไปด้วยหลุมด้วยบ่อ หรือไม่ก็ถอดกางเกงในวันที่อากาศร ้อนแผดเผา เปลือยก้นกระโดดลงไปในบ่อน้า ไปคัดเลือกเคษกระเบื้องที่ภูเขา เครื่องกระเบื้อง เวลาที่เท้าเหยียบลงไปจะเกิดเสียงดังกรอบแกรบ ตัวอักษรและรูปภาพที่หลงเหลืออยู่บนเศษกระเบื้องเหมือนกับกาลัง พูดคุยหรือไม่ก็ร ้องงิ้ว เล่นไล่จับไปตามถนนและตรอกต่างๆ ไปเล่น ว่าวไปจับจิ้งหรีดที่สุสานเทพเซียน พออถึงหน้าหนาวก็ปั้นตุ๊กตาหิมะ เล่นขว้างหิมะ เล่นการละเล่นอย่างเช่นแต่งใครเป็ นภรรยา ใคร แต่งงาน ใช ้มือหามเป็ นเกี้ยว ทุกครั้งที่มีควันจากการหุงหาอาหาร ลอยขึ้นมา เสียงของพวกผู้ใหญ่จากบ้านหลังต่างๆ ที่มายืนอยู่หน้า ประตูตะโกนเรียกลูกหลานให้มากินข้าวก็จะดังขึ้นๆ ลงๆ
พอพวกเด็กๆ โตขึ้นมาอีกหน่อย เปลี่ยนจากเด็กน้อยกลายเป็ น เด็กหนุ่มเด็กสาว เด็กหนุ่มที่มีเรี่ยวแรง บ้างก็ไปทางานในนากับพวก บิดา แต่ส่วนใหญ่คือไปเป็ นลูกศิษย์ที่เตาเผามังกรนอกเมืองเล็ก จากนั้นก็กลายไปเป็ นช่างเผาเครื่องกระเบื้อง คนที่มีพรสวรรค์มีฝีมือ ดีทนไปเรื่อยๆ ก็พอมีหวังที่จะได้เป็ นอาจารย์ผู้คุมไฟของเตาเผา มังกรแห่งหนึ่ง เงินเดือนจะเพิ่มขึ้นเป็ นเท่าตัว เจ้าของเตาเผาอาจจะ ยังต้องคอยมองสีหน้าของพวกเขา ในเมืองเล็ก นี่ก็ถือว่ามีอนาคต
อย่างมากแล้ว พอถึงประมาณวัยกลางคนก็รับลูกศิษย์รอกระทั่งรับลูก ศิษย์ แล้วรับลูกศิษย์อีก ก็น่าจะกลายเป็ นคนแก่ไปแล้ว
ส่วนพวกเด็กสาวที่หิ้วตะกร ้าไม้ไผ่ไปเก็บผักป่าที่ริมน้า พวกนาง จะถอดรองเท้าปักลาย เท้าสองข้างที่ขาวนวลจะเหยียบย่าอยู่บนดิน อ่อนนุ่มระหว่างคันนา ทิ้งรอยเท้าตื้นๆ ยาวเป็ นทางเอาไว้ จากนั้นมี วันใดวันหนึ่งออกเรือน พวกนางมีลูกเป็ นของตัวเอง บางทีอาจไป เรียนหนังสือที่โรงเรียนอยู่หลายปี ตอนที่อายุน้อยก็ไปช่วยงานในไร่ นา ไปปล่อยวัว ต้อนเป็ ด หรือไม่ก็ไปเผาเครื่องกระเบื้องที่เตาเผา มังกรซึ่งเล่าลือกันว่าเอาไปให้ตาเฒ่าฮ่องเต้ใช ้งาน
ปีนั้นภายนอกเมืองเล็กมีโชควาสนาที่ใหญ่ที่สุดอยู่ห้าอย่าง มี ความเกี่ยวข้องกับทฤษฎีห้าธาตุที่โจวจื่อแห่งสานักหยินหยาง แผ่นดินกลางริเริ่มขึ้นมาอย่างแนบแน่น
เกาเซวียนองค์ชายสกุลเกาอี้หยางต้าสุยได้รับปลาหลีสีทองที่ซุก ซ่อนปณิธานแห่งมรรคาตัวหนึ่งเอาไว้ บวกกับได้ข้องราชามังกรมา เพิ่มอีกหนึ่งใบ ได้มาจากหลี่เอ้อ ซึ่งเป็ นสัญลักษณ์ของศึกสงคราม
จ้าวเหยาแห่งถนนฝูลู่ เด็กรับใช ้ข้างกายของฉีจิ้งชุนอาจารย์ สอนหนังสือในโรงเรียนเมื่อครั้งอดีต ของตกแต่งในห้องหนังสือคือที่ ทับกระดาษไม้แกะสลักเป็ นรูปมังกรชิ้นหนึ่งเป็ นของที่สืบทอดมาจาก บรรพบุรุษซึ่งยังไม่ถูกแต้มนัยน์ตา
หนีชิวน้อยในอ่างเก็บน้าที่กู้ซ่านแห่งตรอกหนีผิงเลี้ยงเอาไว้ เฉิน ผิงอันตกมาได้จากร่องคูน้าของคันนาแล้วมอบต่อให้กับเจ้าขี้มูกยึด น้อย
กาไลข้อมือมังกรเพลิงของหร่วนซิ่ว นางได้มาจากในห้องตีเหล็ก ของร ้านริมล าธารบ้านตัวเอง เด็กสาวชุดเขียวที่มัดผมหางม้า ทุกครั้ง ที่นางเหวี่ยงแขนทุบลงไป สะเก็ดไฟในห้องสว่างพร่างพราว สาด กระจายเต็มห้อง งดงามจับตาประหนึ่งภาพของดวงดาว สุดท้ายมา รวมตัวกันกลายเป็ นก าไลสีแดงสดรูปมังกรคาบหาง ล้อมวนอยู่บน ข้อมือของเด็กสาวประหนึ่ง “ธรรมชาติสรรสร ้าง
งูสี่ขาในลานบ้านของซ่งจี๋ซินและสาวใช ้จื้อกุยถือว่าเป็ นฝ่ ายมา ยอมรับซ่งจี๋ซินเป็ นนายที่ตรอกหนีผิงด้วยตัวเอง มันหวาดกลัวหวังจู มาตั้งแต่กาเนิด ไม่กล้าเข้าใกล้เด็กหนุ่มสวมรองเท้าสานที่อยู่บ้าน ติดกัน เพียงแค่เพราะหวังจูจาแลงร่างมาจากมังกรที่แท้จริงตัวสุดท้าย บนโลก และเฉินผิงอันก็ยังเป็ นคนที่มีพันธะสัญญาลับกับนาง มัน ย่อมไม่กล้าก่อเรื่อง ภายหลังตอนที่อยู่ทะเลสาบซูเจี่ยน เจียวน้าถาน เซวี่ยที่เติบใหญ่มาจาก “หนีชิวน้อย” หวาดกลัวเฉินผิงอัน ตอนนั้น เด็กสาวไม่กล้าอาศัยขอบเขตมาเกิดใจสังหารต่อเฉินผิงอัน เหตุผล นั้นมีอยู่สามข้อ อันดับแรกคือในบางความหมาย เฉินผิงอันต่างหาก จึงจะเป็ นเจ้านายคนแรกของนาง เพียงแต่ไม่ทันได้ “ลงหลักปักฐาน” อยู่ที่บ้านบรรพบุรุษในตรอกหนีผิง ไม่ได้มีพิธีการที่เหมือนสองฝ่ าย ลงนามต่อกันอย่างเป็ นทางการ เพียงไม่นานก็ถูกมอบให้กับกู้ซ่าน
เหตุผลที่สองก็คือนางรู ้ดีถึงตาแหน่งของเฉินผิงอันที่อยู่ในใจของกู้ ซ่านผู้เป็ นเจ้านาย แต่ที่สาคัญที่สุดก็คือเฉินผิงอันได้ลงนามสัญญา เท่าเทียมกันกับหวังจูมังกรที่แท้จริง ท้าทายเฉินผิงอันก็คือท้าทาย หวังจู ในความมืดมิดที่มองไม่เห็น ถานเซวี่ยที่เป็ นเผ่าพันธ ์ของมังกร ที่แท้จริงย่อมไม่กล้าล่วงเกินเบื้องสูง
และปีนั้นการที่เฉินผิงอันซึ่งชะตาชีวิตบางเบาดุจกระดาษ มิอาจ รั้งโชคดีเอาไว้ได้อยู่สามารถตก “หนีชิว” ตัวนี้ได้ก็มีความเกี่ยวข้อง กับชาดประทินโฉมตลับที่ถูกซ่อนไว้ในตรอกเล็กนอกบ้านบรรพบุรุษ อาศัยสิ่งนี้มาทาให้มหามรรคาของเขาใกล้ชิดกับสายน้า
ทอง ไม้ น้า ไฟ ดิน เป็ นทั้งห้าธาตุที่ช่วยกันผลักดันให้ก่อเกิด แล้วก็เป็ นทั้งห้าธาตุที่ขัดกันเอง ทั้งช่วยประคับประคองและสยบ ก าราบกันและกัน
ทว่าตอนที่พวกเขาได้รับโชควาสนาห้าอย่างที่ใหญ่ที่สุดซึ่งแสดง ให้เห็นภายนอกนี้ คนทั้งห้าก็เท่ากับว่าได้สูญเสียโอกาสในการเป็ น ครึ่งของหนึ่งนั้นไปอย่างสิ้นเชิง
หนทางแห่งฟ้ าหมุนเวียนเป็ นวัฏจักร มิเอนเอียงหาผู้ใด ไม่มีทาง ให้ใครได้เปรียบแล้วยังได้ผลประโยชน์ทั้งหมดไปครอบครอง
นี่ก็คือหนึ่งในกฏที่อยู่ชั้นล่างสุดที่หยางเหล่าโถวแห่งร ้านยาเป็ น ผู้กาหนด นอกจากนี้คนรุ่นเยาว์ของเมืองเล็กแทบทุกคนต่างก็มีควัน ธูปที่ขึ้นลงและวิธีการในการคานวณชัยชนะ
ยกตัวอย่างเช่นหูเฟิ ง ท่านปู่ ของเขาก็คือไช่เต้าหวงที่เปิดร ้าน ขายของงานมงคล คือเจ้าของร ้านหมั้นหมายแห่งภูเขาชัวเหอ เคย เป็ นผู้ดูแลวาสนาชะตารักของใต้หล้า
เพราะไช่เต้าหวงคือหนึ่งในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ดารงอยู่บนโลก ดังนั้น เขาอาจจะเป็ นบุคคลแรกสุด หรือเป็ นหนึ่งในบุคคลที่สัมผัสได้ถึง
แผนการของชิงถงเทียนจวินได้เร็วที่สุด
ภายใต้เงื่อนไขที่ไม่ล้าเส้น ไม่ละเมิดกฏต่อหนึ่งในสิบสองสิ่ง ศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูง ไช่เต้าหวงจะพยายามให้หูเฟิ งได้ชิงลงมือก่อน วางแผนเพื่อความมั่นคงของลูกหลานในอนาคต
ตอนที่หลานชายยังเล็ก ไช่เต้าหวงก็เริ่มกาชับหูเฟิงซ้าไปซ้ามา ว่าไม่อนุญาตให้หูเฟิงเก็บทรัพย์สินที่ตกอยู่บนพื้น หากเจอกับเรื่อง อะไรก็ห้ามขอร ้องคนอื่น หากจาต้องขอร ้องคนอื่นจริงๆ น้าใจที่ติด ค้างไว้ก็จาเป็ นต้องชดใช ้คืนให้ได้เร็วที่สุด ทางที่ดีที่สุดก็ควรจะใช ้คืน ให้มากกว่าตอนที่ยืมเอามา แต่สามารถขอ ‘เงินมงคล’ มาให้มาก หน่อยได้ ยกตัวอย่างเช่นหากเจอขบวนแต่งงานกลางทางก็สามารถ ไปขวางทางขอซองแดงมาได้ แต่อย่าลืมพูดค ามงคลหลายๆ ประโยค ให้ปฏิบัติดีต่อผู้อื่น ผูกบุญสัมพันธ ์เป็ นวงกว้าง หากเพื่อนบ้าน ใกล้เคียงมีงานอวมงคลก็ให้ไปช่วยเหลือ หากต้องมีคนเฝ้ าโถง วิญญาณ ผู้เฒ่าก็จะให้หูเพิ่งไปเฝ้ าอยู่ในโถงวิญญาณหนึ่งคืน ต้องมี ความจริงใจ ห้ามง่วงนอน จ าเป็ นต้องรอให้ฟ้ าสว่างก่อนถึงจะกลับ บ้านได้ ห้ามละทิ้งไปกลางคันเด็ดขาด หาไม่แล้วสู้ก็เหมือนไม่สู้ อย่า
เข้าไปในโถงวิญญาณตั้งแต่แรกเลยจะดีกว่า วันหนึ่งของทุกปี ผู้เฒ่า ก็จะต้องพาหูเฟิ งไปโขกหัวกราบไหว้ที่สุสานเทพเซียน ฟ้ าผ่าก็ไม่ สะเทือน ไม่ว่าจะฝนตกหรือลมแรงก็มิอาจขัดขวาง
แต่ผู้เฒ่ากลับไม่รู ้ว่า ตอนที่หูเฟิงได้รับคราบร่างจักจั่นแล้วเก็บ มันไว้เป็ นของตัวเองนับตั้งแต่นาทีนั้นเป็ นต้นมา หูเฟิ งก็ได้ถอย
ออกไปจากโต๊ะเดิมพันแล้ว
ก่อนหน้านั้นควันธูปของหูเฟิงก็ถือว่าสูงพอแล้ว ติดสามอันดับ แรก หากสามารถขยับเคลื่อนหน้าไปตามลาดับขั้นตอนได้ต่อ ก็มี โอกาสสูงมากที่หูเฟิงจะเดินขึ้นสู่ยอดสูงสุด
จูลู่แห่งตระกูลสกุลหลี่ถนนฝูลู่ อันที่จริงก็เป็ นคนที่มีความ ได้เปรียบจากการลงมือก่อนแต่ในนาทีหนึ่งกลับแพ้การเดิมพัน ให้แก่หลี่เป่าเจินไปหมดแล้ว
เถาหยาสาวใช ้แห่งสกุลเว่ยตรอกเถาเย่ การเดิมพันของนางกลับ เคลื่อนขึ้นสู่ที่สูงอย่างมั่นคงตลอด ลูกหลานสกุลหลูบางคน ตอนที่ เกือบจะฆ่าหลิวเสี้ยนหยางตายอยู่ในตรอกเล็กที่ไม่คุ้นเคย ควันธูป กลับพุ่งขึ้นสูงมาก
เปลวไฟของเตาเผาในเตาเผามังกรสามสิบหกแห่ง ภูเขาเครื่อง กระเบื้องหนึ่งแห่ง ต้นท้อสองข้างทางของตรอกเถาเย่ ล าคลองหลงซ วีกับแม่น้าเถี่ยฝู
ส่วนซุ้มป้ ายที่ชาวบ้านเรียกว่าซุ้มก้ามปู แท้จริงแล้วคือหนึ่งใน เก้าหอพิทักษ์เมืองแห่งใต้หล้าไพศาล คือหอสยบกระบี่ที่แท้จริง
เทือกเขาคดเคี้ยว สุดท้ายก่อตัวเป็ นรูปมังกรขดตัว เรือนกายมิ อาจขยายออกได้
ตรอกฉีหลง ด้านบนสุดของขั้นบันไดมีสระน้าขนาดเล็กสองสระ ที่อยู่ห่างกันไม่ไกลนัก ถูกคนเฒ่าคนแก่ในเมืองเล็กเรียกว่าดวงตา มังกร ตามคากล่าวนี้ ขั้นบันไดหนึ่งร ้อยยี่สิบสองขั้นของตรอกฉีหลง ก็คือช่วงของลาคอมังกร ส่วนถนนที่อยู่ข้างสระน้าก็ถูกชาวบ้านเรียก เป็ นยอดเตาไฟ
เตาเผาเป่ าซีหนึ่งในเตาเผามังกรมากมายนอกเมืองเล็ก ช่างใน เตาเผาแซ่เหยา ไม่ทราบนาม แล้วก็ไม่มีญาติพี่น้องอยู่ในเมืองเล็ก ผู้ เฒ่าเป็ นคนคร่าครึ ไม่ชอบแย้มยิ้มพูดคุยควบคุมลูกศิษย์อย่าง เข้มงวด หลิวเสี้ยนหยางที่เข้ามาอยู่ในเตาเผามังกรภายหลังกลับ กลายเป็ นลูกศิษย์ของเขาได้เร็วกว่าเด็กหนุ่มตรอกหนีผิงที่ไปอยู่ เตาเผาก่อน อีกทั้งจนถึงท้ายที่สุดเฉินผิงอันก็ไม่เคยเข้าตาผู้เฒ่า เหยา เป็ นแค่ลูกศิษย์ แต่ไม่ใช่ลูกศิษย์เข้าห้อง
“ช่างเหยา” (เหยาซือฝู) “เหย้าซือฝอ
บุรพแจกันสมบัติทวีป ตถาคตแห่งบุรพาพุทธเกษตร
การสร ้างเทวรูป ไม่ว่าจะเป็ นดินเหนียวปั้นหรือสร ้างจากเหล็ก หลอม ไม่ว่าจะมีการแปะทองลงสีหรือไม่ การเปิดหน้านั้นสาคัญมาก
นอกจากนี้แล้วยังมีข้อพิถีพิถันในเรื่องวัตถุอย่างเงินทอง คัมภีร ์ที่ต้อง ใส่ไว้ในเทวรูป หรือไม่ก็จารึกนามผู้ถวาย
มีเด็กกาพร ้าตรอกหนีผิงคนหนึ่งที่มักจะไปที่สุสานเทพเซียนเป็ น ประจ า ไปโขกหัวให้กับพระโพธิสัตว์สามองค์ไม่หยุด เด็กคนนี้สะพาย ตะกร ้าไม้ไผ่ที่บรรจุสมุนไพรบนภูเขารองเท้าสานคู่เล็กที่ถักขึ้นเอง อย่างหยาบๆ ซึ่งถูกเสียดสีจนพังไปคู่แล้วคู่เล่า เด็กน้อยที่ปีนั้นทุกวัน จะต้องถูกคนมองด้วยสายตาดูแคลน ถูกคาพูดซุบซิบนินทาทิ่มแทง จิตใจ รู ้สึกเพียงว่าพระโพธิสัตว์พบเจอได้ง่าย สมุนไพรบนภูเขาพบ เจอได้ยาก
หลายปีผ่านไป ทุกอย่างเป็ นดั่งน้าลดหินผุด มีภิกษุวัยกลางคน คนหนึ่งที่เหยียบย่างมายังที่แห่งนี้เป็ นครั้งแรก เคยเห็นอาณาเขตของ สุสานเทพเซียนที่เหมือนเปลี่ยนโฉมใหม่หมดจด ร ้องภาษาธรรม ประโยคหนึ่งว่าปฏิบัติตามปณิธานไม่หยุดพัก
ทุกวันนี้บนโต๊ะหนังสือของชั้นหนึ่งบนเรือนไม้ไผ่ยอดเขาจี๋หลิง ภูเขาลั่วพั่ว วางกระบอกใส่พู่กันที่ทาจากวัตถุดิบแตกต่างกัน มีทั้ง เครื่องกระเบื้องและไม้ ด้านในเสียบที่คั่นหนังสือท าจากไม้ไผ่ บนแผ่น ไม้ไผ่ทุกแผ่นแกะสลักตัวอักษรที่ไพเราะซึ่งเจ้าของเจอมาหรือไม่ก็ได้ ยินมาระหว่างการเดินทาง เนื้อหาที่เจ้าของยอมรับจากจริงใจพวกนี้มี ทั้งหลักการเหตุผลที่เรียบง่าย มีทั้งบทกวีที่ไม่ฉูดฉาด มีทั้งคาพูด โบราณที่เคยได้ยินได้ฟังมา
หีบหนังสือใบเล็กที่ชุยเฉิงทิ้งไว้ให้กับหน่วนซู่ ด้านในบรรจุตารา ลัทธิพุทธ แล้วก็เป็ นสาเหตุที่ว่าทาไมผู้เฒ่าถึงได้พาถ่านดาน้อยท่อง ไปในพื้นที่มงคลดอกบัวด้วยกัน และสุดท้ายเลือกจะพักเท้าอยู่ที่วัดซิ นเซียงที่ตั้งอยู่ในเมืองหลวงแคว้นหนันเยวี่ยน เพียงแค่เพราะในวัยไม้ ใกล้ฝั่ง ผู้เฒ่าได้หันหน้าเข้าสู่ทางธรรมด้วยความจริงใจ