กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1085.4 เชิญยกจอกขึ้นดื่มเถิด
ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองเล็ก สุสานเทพเซียนที่เทวรูป ส่วนใหญ่แตกพังไม่เหลือสภาพดี ค่อยๆ สลายกลมกลืนไปกับดินราว กับว่าเกิดมาจากดินก็จากไปพร ้อมกับดินภายหลังสถานที่แห่งนี้ได้ ถูกราชสานักต้าหลีออกเงินทุนสร ้างศาลบู๊ที่ระดับขั้นสูงมากขึ้นมาใน ท้อง” ของเทวรูปสามองค์มีทั้งเงินเหรียญทองแดงของชาวบ้านแล้วก็ มีเงินแก่นทองกังหย่าง
เฉาฉิงหล่างหวนกลับมาที่เรือนซึ่งเป็ นที่ตั้งของบ่อน้า ชุยตงซาน ก็ยิ้มถามว่า “ราบรื่น หรือไม่?”
เฉาฉิงหล่างยิ้มเอ่ย “ฮ่องเต้ตอบตกลงอย่างรวดเร็ว นางยังบอก ให้ข้าน าความไปบอกกับศิษย์พี่หญิงเผยว่าหากมีเวลาว่างก็แวะไปหา นางบ้าง”
ชุยตงซานถามคาถามที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่กาลังคุยกันอยู่ อย่างสิ้นเชิง “เจ้าคิดว่าถูกคนอื่นทุกคนปฏิเสธ กับถูกคนใกล้ตัวทุก คนยอมรับ อันไหนยากกว่ากัน?”
เฉาฉิงหล่างครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง “หากเพิ่มสองคาว่า “ทุกคน” นี้ เข้าไปก็ยากมากทั้งคู่แล้วล่ะ”
ชุยตงซานถามอีกว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ตัดคาว่า “ทุกคน” ออก ปี นั้นอยู่ที่เมืองเล็กของตัวอ าเภอ อาจารย์ของพวกเรากับ…ยกตัวอย่าง
เช่นจ้าวเหยา ภายใต้เงื่อนไขที่ทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่รู ้ตัว อีกทั้งคนนอก สถานการณ์ต่างก็ไม่เคยทาการเปลี่ยนแปลงใดๆ คนคนหนึ่งถูกคน จานวนมากให้การยอมรับ กับคนอีกคนที่ถูกคนจานวนมากปฏิเสธ ใครยากกว่ากัน?”
เฉาฉิงหล่างตั้งใจคิดอยู่พักใหญ่ ครั้นจึงเอ่ยว่า “ยังคงเป็ นจ้าว
เหยาที่ยากกว่าหน่อย”
ชุยตงซานพยักหน้า ยกนิ้วโป้ งให้ “ไม่เสียแรงที่เป็ นน้าใสขุมหนึ่ง ของขนบธรรมเนียมประจ าราชส านักต้าหลีพวกเรา!”
เฉาฉิงหล่างถามอย่างสงสัย “ศิษย์พี่เล็กถามเรื่องนี้ทาไม?”
ชุยตงซานเบ้ปาก ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่พึมพ าด่าว่าเจ้าตะพาบ เฒ่าเจ้ามันไม่ใช่คนยามลงมืออามหิตขึ้นมาแม้กระทั่ง ‘ตัวเอง” ก็ยัง หลอกได้ลงคอ
เฉาฉิงหล่างเคยชินเสียแล้ว ชุยตงซานพลันถามว่า “อาจารย์ยอมรับในตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่?”
เฉาฉิงหล่างท าหน้าเหลอหรา ส่ายหน้าตอบ “เรื่องแบบนี้จะรู ้ได้ อย่างไร”
ชุยตงซานเกาแก้มเลียนแบบหมี่ลี่น้อย
ให้คนคนหนึ่งที่มองโลกในแง่ร ้ายอย่างสิ้นเชิงเปลี่ยนมาเป็ นมอง โลกในแง่ดี กับให้คนคนหนึ่งที่เคยชินกับการปฏิเสธตัวเองให้การ ยอมรับตัวเอง เป็ นเรื่องยากถึงเพียงใด
ยากจนแทบไม่ต่างจากการเดินขึ้นสวรรค์เลยกระมัง
ในอดีตตรงหินผาหลังวัวด าริมล าคลอง หยางเหล่าโถวแห่งเรือน หลังของร ้านยาที่นานๆ จะออกจากบ้านสักที กับเด็กหนุ่มชุดขาวที่ แบ่งจิตวิญญาณกับซิ่วหูฉุยชานไปคนละครึ่ง ทั้งสองฝ่ ายเคยมีบท สนทนาที่เปิดเผยตรงไปตรงมาต่อกัน มองดูเหมือนว่าราชครูชุยฉาน ที่ไม่ว่าจะสถานะ ขอบเขตหรือทรัพย์สมบัติล้วนเป็ นของเขาคือหลัก เด็กหนุ่มชุดขาวที่ตอนนั้นยังไม่ได้ตั้งชื่อให้ตัวเองว่าชุยตงซานคือ รอง นี่หมายความว่าสติปัญญา ตบะและความสามารถในการคิด ค านวณบนกระดานหมากของชุยฉานจะต้องเหนือกว่าเด็กหนุ่มชุด ขาวไปมาก ควรต้องเป็ นแบบนี้ถึงจะถูก
ทว่าตอนนั้นหยางเหล่าโถวกลับถามคาถามที่น่าสนใจอย่างมาก “ซุยฉานที่อยู่ในเมืองหลวงก็ไม่รู ้หรือ?
เด็กหนุ่มชุดขาวกลับให้คาตอบที่จริงใจยิ่งกว่า “ข้าคนนั้นน่าจะ ไม่รู ้กระมัง
เกี่ยวกับวิถีแห่งจิตวิญญาณ พวกเขาสองคนต่างก็เป็ น ปรมาจารย์ในกลุ่มของปรมาจารย์ ผู้ฝึกตนใหญ่ที่มีคุณสมบัติพอจะ
พูดคุยกับพวกเขาเรื่องนี้ นับรวมใต้หล้าทุกแห่งแล้วก็ยังมีน้อยจนนับ นิ้วได้
การถามตอบครั้งนี้ อันที่จริง “ขุยฉาน” ได้แพร่งพรายความลับ สวรรค์ออกมามากมายแล้ว
หมายความว่าก่อนหน้านั้นชุยฉานได้ลงมือจัดวางแผนการ เริ่ม หลอกตัวเองหลอกคนอื่น จงใจกดความสามารถในการคานวณของ ตัวเองเอาไว้เพื่อที่จะใช ้มันปิดแผ่นฟ้ าข้ามมหาสมุทร
หาไม่แล้วก็ไม่มีทางหลอกบรรพจารย์สามลัทธิได้ หลอกโจวมี่ มหาสมุทรความรู ้แห่งใต้หล้าเปลี่ยวร ้างไม่ได้
หลังจากนั้นมาถึงได้บีบให้ซิ่วไฉเฒ่าต้องใช ้ ไม้บรรทัดลงโทษ” ชุยตงซานพาอวี๋ลู่และเซี่ยเซี่ยไปด้วยกัน ทาหน้าหนาดึงดันให้เฉินผิง อันมาเป็ นอาจารย์ของตัวเองให้จงได้ นับแต่นั้นมาลาดับอาวุโสใน สายเหวินเซิ่งของเขาก็ถูกลดขั้นลงไป ขณะเดียวกันให้ตายอย่างไร ชุยตงซานก็ไม่ยอมเดินตามรอยเท้าของเจ้าตะพาบเฒ่าเด็ดขาด เขา จะไม่ยอมเป็ นศิษย์พี่ใหญ่อะไรอีกแล้ว ดังนั้นจึงตกลงกับเผยเฉียนว่า เจ้าเป็ นศิษย์พี่หญิงใหญ่ของเจ้าไป ข้าจะเป็ นศิษย์พี่เล็กของข้า นับ กันคนละอย่าง
ณ ภูเขาเสินซิ่วภูเขาบรรพบุรุษของสานักกระบี่หลงเฉวียน ลูก ศิษย์ผู้สืบทอดอย่างพวก ต่งกู่สัมผัสได้ถึงภาพเหตุการณ์ผิดปกติที่ เกิดขึ้นเพียงวูบเดียวก็หายไป ต่างก็เดาความจริงกันได้จึงพากันออก
จากยอดเขาของตัวเองมายังที่แห่งนี้ ใบหน้าเต็มไปด้วยแววยินดี เพียงแต่ติดที่อาจารย์ของพวกเขามีนิสัยดื้อรั้นหัวแข็ง จึงพูดแสดง ความยินดีแค่ประโยคสองประโยคเท่านั้น หากพูดมากกว่านี้อาจทา ให้อาจารย์ไม่พอใจเอาได้ หร่วนฉงเดินออกมาจากร ้านตีเหล็ก ภาพ ปรากฏการณ์เซียนเหรินบนร่างทั้งสูงส่งยาวไกลทั้งแข็งแกร่งมั่นคง ได้รับคาแสดงความยินดีจากพวกลูกศิษย์ ชายฉกรรจ์ร่างเตี้ยม่อต้อ แต่แข็งแรงก าย าไม่ได้พูดอะไร หลิวเสี้ยนหยางออกจากยอดเขาโหยว อี๋มาที่นี่ “ช่างหร่วน นี่เป็ นขอบเขตเซียนเหรินแล้วหรือ?”
หร่วนฉงอืมรับหนึ่งที
ลูกศิษย์ถามอ ย่างง่ายๆ อ าจาร ย์ก็ตอ บอ ย่างขอไปที ขนบธรรมเนียมของสานักกระบี่หลงเฉวียนแตกต่างไปจากภูเขาบาง ลูกที่เคยเป็ นเพื่อนบ้านกันอย่างมาก
หลิวเสี้ยนหยางถามอย่างระมัดระวัง “อาจารย์ แล้วตาแหน่งเจ้า สานักนี่ล่ะ?”
ก่อนหน้านั้นเป็ นฝ่ ายยอมยกตาแหน่งให้เอง นั่นก็เพราะอาจารย์ มีขอบเขตเดียวกับลูกศิษย์ คาดว่าช่างหร่วนคงจะหน้าบาง ไม่มีหน้า มานั่งยองนั่งห้องส้วมโดยไม่ถ่ายอีกต่อไป ตอนนี้ขอบเขตสูงขึ้นแล้ว ก็คงจะไม่เปลี่ยนสีหน้าไม่จาคน ทวงตาแหน่งนี้กลับคืนหรอกกระมัง?
หร่วนฉงเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “เป็ นเจ้าส านักของเจ้าต่อไป เมื่อไหร่ที่รู ้สึกว่าคุณธรรมของตัวเองไม่คู่ควรกับตาแหน่งก็ค่อย เปลี่ยนให้ขอบเขตหยกดิบคนอื่นมาเป็ นแทน”
สามารถเลื่อนเป็ นขอบเขตเซียนเหรินได้ก็เพราะการค้าครั้งหนึ่ง ในอดีตหร่วนฉงได้มอบหน้าผาสังหารมังกรของบ้านตัวเองออกไป เพื่อแลกเปลี่ยนมาด้วยวิถีกระบี่บรรพกาลที่มีความเกี่ยวข้องกับการ หล่อหลอม
แต่ติดขัดที่ฐานกระดูกและความสามารถในการทาความเข้าใจ ของตัวเอง หร่วนฉงถึงเพิ่งจะฝ่ าทะลุคอขวดขอบเขตหยกดิบได้ก็ ตอนนี้ บางทีหากเปลี่ยนไปเป็ นหลิวเสี้ยนหยางหรือเซี่ยหลิงก็อาจจะ ฝ่าทะลุขอบเขตกันไปนานแล้ว
ส่วนเวทกระบี่ลับบทนี้ ในอนาคตหร่วนฉงจะถ่ายทอดให้ใคร เขา ได้วางแผนเอาไว้แล้วจะถ่ายทอดให้กับสวีเสี่ยวเฉียวก่อน แล้วค่อย ถ่ายทอดให้กับหลี่เซินหยวนอีกที สรุปก็คือจะตกเป็ นของยอดเขาจู ไห่
หลิวเสี้ยนหยางรีบเหล่ตามองเซี่ยหลิงทันที บอกเป็ นนัยกับศิษย์ น้องคนนี้ว่า ไอ้หนูเจ้าอย่าคิดเป็ นกบฏขึ้นมาเชียวนะ ระวังศิษย์พี่เจ้า ส านักจะท าการกวาดล้างส านักล่ะ
เซี่ยหลิงตระหนกลนอยู่บ้าง ทุกวันนี้เขาก็คือขอบเขตหยกดิบคน ที่สองเพียงหนึ่งเดียวของส านัก เขาไม่มีความสนใจใดๆ ต่อต าแหน่ง
เจ้าสานักเลยสักนิด จึงรีบเอ่ยว่า “ศิษย์พี่หลิวสามารถอบรมปลูกฝังห ลี่เซินหยวนแห่งยอดเขาจูไห่ให้มากหน่อยได้ ข้ารู ้สึกว่าเด็กหนุ่มนั่นมี คุณสมบัติของคนเป็ นเจ้าส านัก”
หร่วนฉงพยักหน้า คุณสมบัติของเด็กหนุ่มผู้นั้นถือว่าใช ้ได้ นิสัย ใจคอก็ดีมาก คู่ควรแก่การฝากภาระใหญ่ไว้ให้
สวีเสี่ยวเฉียวก็คือเจ้าแห่งยอดเขาจูไห่คนปัจจุบัน นางคลี่ยิ้ม หวาน รู ้สึกประหลาดใจอยู่บ้างจริงๆ คิดไม่ถึงว่าอาจารย์ก็จะให้ ความสาคัญต่อลูกศิษย์ผู้สืบทอดที่ตัวเองเพิ่งรับมาเช่นนี้
หลิวเสี้ยนหยางโล่งอก ถูมือเอ่ย “นี่ไม่ควรต้องตั้งโต๊ะฉลองกันดีๆ สักครั้งหรอกหรือ?
หร่วนฉงกลับออกคาสั่งไล่แขก เอาสองมือไพล่หลัง เดินไปทาง หน้าผาเพียงล าพังกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “รอเจ้าจัดงานมงคลก่อน ค่อยว่ากัน กลับกันไปเถอะ”
นึกเรื่องหนึ่งขึ้นได้ หร่วนฉงก็ชะลอฝีเท้า ไม่ได้หันหน้ากลับมา เพียงเอ่ยว่า “ในเมื่อพวกเราต่างก็ย้ายออกมาจากฉู่โจวแล้ว เสี้ยนห ยาง เดี๋ยวคราวหน้าเจ้าไปบอกกับราชสานักต้าหลีสักค าว่า กฎระเบียบเก่าที่บอกว่าผู้ฝึกลมปราณที่ผู้ฝึกยุทธที่ไม่ได้ห้อยยันต์ กระบี่ห้ามทะยานลมอยู่เหนือขุนเขาใหญ่และเมืองเล็ก ให้รีบยกเลิก ไปซะ หลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกคนนินทาลับหลัง บอกว่ายิ่งรากฐานของ สานักกระบี่หลงเฉวียนพวกเราตื้นเขินเท่าไรก็ยิ่งวางมาดใหญ่โตมาก
เท่านั้น ต่อให้สานักกระบี่หลงเฉวียนจะยากจนแค่ไหนก็ไม่ถึงขั้นต้อง อาศัยรายรับจากยันต์กระบี่แค่ไม่กี่แผ่นมาประทังชีวิต”
เซี่ยหลิงไม่กล้าหาเรื่องซวยใส่ตัว ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่เข้าร่วม เรื่องนี้เด็ดขาด ต่งกู่กับสวีเสี่ยวเฉียวมองหน้ากัน ยิ่งไม่กล้าแสดง ความเห็นอะไร ทุกวันนี้เรื่องที่สร ้างยันต์กระบี่ส่งไปให้ยังที่ว่าการของ ฉู่โจวและที่ว่าการอาเภอไหวหวง ส่วนใหญ่ล้วนเป็ นหน้าที่รับผิดชอบ ของสวีเสียวเฉียว
หลิวเสี้ยนหยางพยักหน้า “เดี๋ยวคราวหน้าข้าจะบอกกับกรมพิธี การและกรมอาญาจากนั้นสั่งสอนเจ้าเด็กเฉินผิงอันสักหน่อย เตือน พวกเขาว่าให้ภูเขาลั่วพั่วเก็บอาการกันหน่อย มีหน้ามีตาเกินหน้าข้า กับสานักกระบี่หลงเฉวียน ทาให้ช่างหร่วนไม่สบอารมณ์แล้วให้เขา ระวังตัวไว้บ้าง”
เซี่ยหลิงสีหน้าซับซ ้อน ทุกวันนี้คนที่กล้าหยอกล้อเจ้าขุนเขาเฉิน เช่นนี้มีอยู่ไม่มากจริงๆ หลิวเสี้ยนหยางช่างใจใหญ่เหลือเกิน
หร่วนฉงที่เดินห่างไปไกลแล้วหัวเราะร่วน “ผู้ถวายงานต้าหลี ไม่ ว่าจะเป็ นอันดับต้นหรืออันดับปลาย ตามหลักแล้วล้วนต้องให้ราชครู เป็ นผู้ดูแล ใครจะหาเรื่องใครยังบอกได้ยากเลยนะ”
หลิวเสี้ยนหยางซื้อใบ้พูดต่อไม่ออก ช่างหร่วนที่ต่อให้เอาไม้ฟาด หลายทีก็ไม่ยอมผายลมออกมา ทุกวันนี้รู ้จักพูดจาแบบนี้แล้ว ดูท่า ความอัดอั้นในใจคงจะมีไม่น้อยเลยจริงๆ
มองเงาร่างหลายสายของพวกลูกศิษย์ที่ขี่กระบี่ออกไปจากภูเขา เสินซิ่ว หร่วนฉงนั่งยองอยู่ริมหน้าผา ใต้ฝ่าเท้าของบุรุษก็คือตัวอักษร ขนาดใหญ่ที่เขียนไว้บนหน้าผาสูงชัน
ลูกศิษย์ใหญ่ในความหมายที่แท้จริงของหร่วนฉง อันที่จริงไม่ใช่ ต่งกู่ลูกศิษย์คนแรกของสานักกระบี่หลงเฉวียน แต่เป็ นผู้ฝึ กตน ขอบเขตก่อกาเนิดคนหนึ่งที่ทุกวันนี้ยังมานะตรากตราฝึกเวทกระบี่ อยู่ในศาลลมหิมะ
ในความเป็ นจริงแล้ว กลุ่มลูกศิษย์ที่ในอดีตหร่วนฉงรับมาตอน อยู่ในศาลลมหิมะ แทบทุกคนล้วนเป็ นผู้ฝึกตนห้าขอบเขตกลางกัน หมดแล้ว ตอนนั้นหร่วนฉงยังไม่ได้เป็ นฝ่ ายเสนอตัวลงจากภูเขามา รับหน้าที่เป็ นอริยะสานักการทหารผู้เฝ้ าพิทักษ์ถ้าสวรรค์หลีจูแทนที่ ฉีจิ้งชุน ภายหลังหร่วนฉงรู ้สึกว่าการออกจากภูเขาครั้งนี้กาลังจะเจอ กับลมฟ้ าลมฝน อนาคตยากจะคาดเดา จึงไม่ได้ให้พวกเขาลงจาก ภูเขาตามมาด้วย หลังจากนั้นมาหร่วนฉงก็ออกจากทาเนียบของศาล ลมหิมะ สร ้างสานักกระบี่หลงเฉวียนขึ้นมาในอาณาเขตของหลงโจว เก่า แต่ก็ไม่ได้ให้ลูกศิษย์พวกนั้นเข้ามาอยู่ในสานักกระบี่หลงเฉวียน
ในใจของหร่วนฉงมีความเสียดายใหญ่หลวงอยู่ข้อหนึ่งตลอดมา เพียงแค่เพราะในบรรดาลูกศิษย์เหล่านั้นมีบุคคลผู้หนึ่งที่เขาเคยฝาก ความหวังไว้มาก ลูกศิษย์คนหนึ่งชื่อว่าหลิ่วจิ่งจวง คุณสมบัติในการ ฝึกตนธรรมดาอย่างมาก การฝ่าทะลุขอบเขตในศาลลมหิมะก็ช ้ามาก แต่เด็กหนุ่มกลับมีจิตใจที่ดีงาม ถูกใจหร่วนฉงอย่างมาก อีกฝ่ ายดี
จนถึงขั้นที่ทาให้หร่วนฉงคิดว่าให้เขาเป็ นลูกศิษย์ปิดส านักของตนก็ ยังได้ แต่สุดท้ายคนผู้นี้ไม่เพียงแต่ตัดขาดความสัมพันธ ์อาจารย์และ ศิษย์กับหร่วนฉง ถึงขั้นที่ว่ายังออกจากทาเนียบของศาลลมหิมะนับ แต่นั้นมาก็หายตัวไปอย่างไร ้ร่องรอย ราวกับวัวปั้นดินที่จมลงสู่ทะเล ราวกับว่าแจกันสมบัติทวีปไม่เคยมีบุคคลผู้นี้ปรากฏตัวมาก่อน
แม้ว่าหลิ่วจิ่งจวงจะเป็ นผู้ฝึกตนส านักการทหารสายของศาลลม หิมะ ขยันหมั่นเพียรท าทุกอย่างโดยไม่เคยปริปากบ่น ตีเหล็กหลอม กระบี่อยู่ข้างกายหร่วนฉงก็ไม่เคยมีคาบ่นแม้แต่ครึ่งคา เวลาว่างก็ ชอบเอาหญ้าซือฉ่าวมาทานายดวงชะตา ข้าวของที่ภายหลังหร่วน ฉงย้ายมาไว้ในร ้านตีเหล็กของถ้าสวรรค์หลีจูก็ล้วนเป็ นของที่หลิ่วจิ่ง จวงจัดหามาให้ทั้งสิ้น ทว่าผู้ฝึ กลมปราณที่ฐานกระดูกธรรมดาซึ่ง เลื่อมใสผู้ฝึกตนบนยอดเขาของไพศาลมากที่สุดคนนี้ กลับกลายมา เป็ นหลิ่วชีที่ผู้คนให้การยอมรับว่าคุณสมบัติในการฝึกตนดีเยี่ยมเป็ น อันดับหนึ่ง คือผู้มีพรสวรรค์ในกลุ่มผู้มีพรสวรรค์ที่สามารถทาให้ ขอบเขตเส้นเอ็นหลิวกลายมาเป็ นขอบเขตรั้งคนได้
ในชีวิตของการฝึกตนและการหลอมกระบี่ หร่วนฉงแทบไม่เคยมี เรื่องอะไรที่ทาให้รู ้สึกเสียใจภายหลัง หากจะคิดกันจริงๆ ก็มีอยู่แค่ สองเรื่อง เรื่องแรกก็คือมองข้ามจิตแห่งมรรคาของหลิ่วจิ่งจวงไป
ตามบันทึกท าเนียบของศาลลมหิมะ บรรพบุรุษของหลิ่วจึงจวงที่ หากสืบย้อนขึ้นไปก็น่าจะเป็ นเชื้อพระวงศ์สกุลหลิ่วแคว้นเสินสุ่ย หรือ ก็คือแคว้นเสินสุ่ยที่เคยให้เว่ยป้ อเป็ นซานจวินแห่งมหาบรรพตอุดร
หร่วนฉงหันหน้าไปมองทางภูเขาพีอวิ๋นแวบหนึ่ง
ในฐานะแคว้นที่เล็กที่สุดของใต้หล้าไพศาล ในประวัติศาสตร ์ ของแจกันสมบัติทวีปเคยมีแม่ทัพบู๊แค่คนเดียวที่ได้เข้าไปอยู่ในศาลบู๊ ของแผ่นดินกลาง เพียงแต่วันเวลาในการเป็ นเทวรูปตั้งบูชาสั้นมาก คนผู้นี้ก็คือจางผิงแม่ทัพผู้มีชื่อเสียงของแคว้นเสินสุ่ย หรือก็คือเกาผิง เทพอภิบาลเมืองของศาลเทพอภิบาลเมืองฉู่โจวในทุกวันนี้ จางผิง กับเว่ยป้ อ คนหนึ่งคือวิญญาณวีรบุรุษผู้มีเทวรูปตั้งวางในศาลบู๊ซึ่ง เคยเสวยสุขกับควันธูปมาก่อน แต่กลับต้องกลายมาเป็ นเทพแห่งผืน ดินบนภูเขาหมั่นโถวใกล้กับเมืองหงจู๋ อีกคนหนึ่งคือซานจวินผู้ ยิ่งใหญ่ แต่ร่างทองกลับถูกทุบทาลายทิ้งลงน้า ก่อนจะถูกคนงมเอา เศษร่างทองส่วนหนึ่งขึ้นมาถูกลดระดับขั้นกลายเป็ นเทพแห่งผืนดิน ของภูเขาฉีตุน แต่กลับตกต่าเช่นเดียวกับโชคชะตาแคว้นของสกุล หลิ่วแคว้นเสินสุ่ย กลายมาเป็ นเสมียนชั้นต่าสุดของวงการขุนนาง ภูเขาสายน้า แค่เลิกเปลือกตาขึ้นก็สามารถมองเห็นเพื่อนร่วมงานใน อดีตได้ สมกับเป็ นพี่น้องร่วมทุกข์ร่วมยากคู่หนึ่งจริงๆ
ในฐานะมหาบรรพตอุดรแห่งต้าหลี อาณาเขตการปกครองของ ภูเขาพีอวิ๋นจึงครอบคลุมแม่น้าเถี่ยฝูด้วย
เหนียงเนียงเทพวารีคนแรกที่ได้รับการแต่งตั้งจากทางราชสานัก คือนางกานัลหญิงที่ในอดีตเคยรับใช ้อยู่ข้างกายหนันจานฮองเฮาต้า หลี มีนามว่าหยางฮวา
ทุกวันนี้นางได้กลายเป็ นฉางชุนโหวแห่งฉีตู้ไปแล้ว
ชีวิตคนล่องลอยดั่งธุลีบนทางเปลี่ยว ดอกหยางฮวาปลิวตกลงน้า ลอยเคว้งไปพร ้อมกับจอกแหนนับหมื่น
ตอนนั้นโชคชะตาบุ๋นของแคว้นเสินสุ่ยโชติช่วง โดยเฉพาะอย่าง ยิ่งกวีอาลาที่มีชื่อเสียงไปทั่วครึ่งทวีปทางทิศเหนือ มักยืมสิ่งของมา เปรียบแทนความคิด ความรู ้สึก ดอกหยางฮวาก็คือเกสรของต้นหลิว หากอิงตามค าอธิบายจาคัมภีร ์อธิบายตัวอักษร ค าว่าหยางจะ หมายถึง กิ่งที่พุ่งขึ้นสูงของต้นหลิว
จนถึงทุกวันนี้หร่วนฉงก็ยังไม่แน่ใจว่าหยางฮวาคือใครของแคว้น เสินสุ่ยเก่าที่กลับชาติมาจุติ แล้วก็ไม่รู ้ว่าลูกศิษย์หลิ่วจึงจวงมีความ เกี่ยวข้องอะไรกับหยางฮวาหรือไม่
นอกจากการหลอมกระบี่แล้ว ทุกเรื่องล้วนชวนให้ยุ่งยากใจ
ในฐานะลูกศิษย์ที่หร่วนฉงชื่นชอบจากใจจริง หลังจากที่พวก ศิษย์พี่ศิษย์น้องพากันเลื่อนขอบเขตขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ อย่างยิ่งเมื่อตัวหร่วนฉงเองเลื่อนเป็ นห้าขอบเขตบน โดยไม่ทันรู ้ตัว หลิ่วจิ่งจวงที่อยู่รั้งท้ายสุด มีครั้งหนึ่งระหว่างที่ปิ ดด่าน เขาก็ เหมือนกับธาตุไฟเข้าแทรกอย่างไม่มีลางบอกเหตุมาก่อน หากไม่ เป็ นเพราะหร่วนซิ่วสัมผัสได้ถึงความผิดปกติแล้วลงมือช่วยเหลือ ถ้า อย่างนั้นศิษย์พี่หลิ่วที่ขอแค่ออกจากด่านนิสัยใจคอก็จะเปลี่ยนแปลง ไปมากผู้นี้ก็จะต้องทาความผิดมหันต์ ผลลัพธ ์ที่ตามมาจะเลวร ้ายเกิน กว่าจะคาดคิดได้ถึง หลังจากนั้นมาหลิ่วจึงจวงที่คิดว่าชั่วชีวิตนี้ตนไม่
มีหวังกับการฝึกตนแล้วก็ออกไปจากศาลลมหิมะอย่างหม่นหมอง หร่
วนฉงไม่ได้ขัดขวาง เพราะรู ้ว่าขวางไม่อยู่ ภายหลังตอนอยู่ในเมืองเล็ก หร่วนฉงเคยอธิบายให้ลูกสาวฟังว่า
ท าไมตนถึงแค่ให้เด็กหนุ่มตรอกหนีผิงมาทางานระยะสั้นเท่านั้น เหตุผลก็คือไม่อยากให้นางได้เห็นศิษย์พี่หลิ่วคนที่สอง และนี่ก็เป็ นเหตุผลที่แท้จริงที่ปีนั้นหร่วนฉงไม่ยินดีรับเฉินผิ