กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1087.2 ผู้ที่คิดจะแก้แค้นอย่าได้หักดาบศักดิ์สิทธิ์ไม่ กาน
- Home
- กระบี่จงมา! Sword of Coming
- บทที่ 1087.2 ผู้ที่คิดจะแก้แค้นอย่าได้หักดาบศักดิ์สิทธิ์ไม่ กาน
“นอกจากนี้ก็คือปีนั้นอยู่ที่กาแพงเมืองปราณกระบี่ หลิวเสี้ยนห ยางเคยถ่ายทอดคัมภีร์กระบี่ที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษให้ข้าในฉบับ ที่สมบูรณ์แบบ ปีนั้นเวทกระบี่บทนี้มีธรณีประตูสูงส าหรับข้ามาก ได้ แต่มีใจแต่ไร ้กาลัง อยากจะเรียนก็ยังยาก แค่จะเริ่มเรียนก็ยังทาไม่ได้ ตอนนี้มีโอกาสได้ทดลองดูแล้ว ก่อนหน้านั้นอยู่ในฟ้ าดินภาพสะท้อน หัวใจที่คุมเชิงอยู่กับจิตมารก็ได้ทดลองทาซ้าไปหลายแสนรอบ ผลลัพธ ์เป็ นอย่างไร ตอนนี้ยังบอกได้ยาก แต่เป้ าหมายที่จะเอามา เช่นกระบี่คนแรก บางทีอาจเป็ นกากเดนของเปลี่ยวร ้างบางคนที่ซ่อน ตัวอยู่ในใบถงทวีป ผู้ฝึ กกระบี่หญิงที่ใช ้นามแฝงว่าโต้วโค่วคนนั้น ค่อนข้างจะเหมือนวิญญาณที่ตามติดไม่ยอมเลิกราเสียที”
“และยังมีความจริงและความคิดบางอย่างที่มากกว่านี้ที่ต่างก็ถูก ข้ากักขังเอาไว้ ตอนนี้ลืมไปแล้วชั่วคราว รอให้ข้าถอนเวทอาพรางตา ออกก่อนค่อยเล่าให้เจ้าฟังอย่างละเอียด”
หนิงเหยาอืมรับ
ไม่มีชักช ้าอืดอาด นางเดินทางไกลข้ามมหาสมุทรไปในเสี้ยว วินาที แต่กลับไม่ได้ตรงดิ่งไปที่กาแพงเมืองปราณกระบี่ แต่ไปที่อุตรกุ รุทวีป นางไปเยือนสานักชิงเหลียงที่มีการป้ องกันแน่นหนาก่อน เงือก
ระบี่ฟันลงไป เกือบจะฟันมือข้างหนึ่งของเฮ้อเสี่ยวเหลียงขาด เฮ้อ เสี่ยวเหลียงที่สีหน้าเขียวคล้าไม่มีเรี่ยวแรงให้เอาคืนแม้แต่น้อย ได้แต่ ยืนอยู่ที่เดิม ยื่นมือมานวดคลึงข้อมือ ด้ายแดงอีกครึ่งหนึ่งที่จงใจเก็บ ไว้ถูกกระบี่ของหนิงเหยาฟันขาดจนแหลกสลายเป็ นผุยผง
หนิงเหยาคร ้านจะพูดแม้เพียงครึ่งคา ตรงดิ่งออกไปจากอุตรกุรุ ทวีปทันที ตรงไปที่จวนสุ่ยจวินมหาสมุทรบูรพา ได้เจอกับสตรีที่เคย ใช ้ชื่อว่าจื้อกุย หวังจูสัมผัสได้ถึงขอบเขตในตอนนี้ของหนิงเหยา สี หน้าของนางก็ไม่ค่อยน่ามองสักเท่าไร ปีนั้นสองฝ่ ายพบเจอกันครั้ง แรกในตรอกหนีผิง ต่างคนต่างเกลียดขี้หน้าอีกฝ่ าย ไม่มีใครยอม ใคร เป็ นเหตุให้การกลับมาพบเจอกันอีกครั้งหลังผ่านไปนานหลายปี ครั้งนี้ไม่มีอะไรให้พูดคุยกัน หนิงเหยาเพียงแค่เตือนนางให้ระวัง หวังจู ยิ้มหวาน เอ่ยประโยคอ่อนหวานที่เป็ นดั่งสาลีซ่อนเข็มระคายหูท านอง ว่าขอแสดงความยินดีด้วย เป็ นผู้ฝึกตนขอบเขตสิบสี่ที่อายุน้อยที่สุด ในประวัติศาสตร ์เชียวนะ ดูเหมือนจะไม่มีหนึ่งใน โชคและคุณสมบัติ ของแม่นางหนิงช่างดีเหลือเกิน
หนิงเหยากระตุกมุมปาก ทิ้งประโยคหนึ่งไว้ว่า “ก็ยังเหมือนเดิม”
ระหว่างนั้นได้ผ่านสานักอวี่หลงใหม่ หนิงเหยาลังเลเล็กน้อย สุดท้ายก็ยังหยุดเท้าที่นี่ไปพบน่าหลันไฉ่ฮ่วนเจ้าส านักคนใหม่
น่าหลันไฉ่ส่วนคิดไม่ถึงว่าหนิงเหยาจะเป็ นขอบเขตสิบสี่แล้ว ยัง เข้าใจผิดนึกว่านางยังเป็ นขอบเขตบินทะยาน เพราะถึงอย่างไรนี่ก็
เพิ่งผ่านไปแค่ไม่กี่ปีเท่านั้น ยกนครบินทะยานไปยังใต้หล้าห้าสี หนิง เหยาก็ฝ่าทะลุขอบเขตติดต่อกันถึงสามครั้งแล้ว
ออกมาจากสานักอวี่หลง ไปถึงซากปรักที่ตั้งกาแพงเมืองปราณ กระบี่ หนิงเหยายืนอยู่บนหัวกาแพงเมืองครึ่งหนึ่งเพียงลาพัง นางหัน หลังให้กับทิศเหนือที่ไม่คุ้นเคย ทอดสายตามองไปยังทิศใต้ที่คุ้นตา
เฝ่ ยหรานหลบซ่อนตัวได้ดีเกินไป หนิงเหยาถึงหาคนผู้นี้ไม่พบ เสียที
ดังนั้นตลอดทางมานี้หนิงเหยาจึงลังเลอยู่ตลอดว่าควรจะอ้อม ระยะทางไปตามหาปีศาจใหญ่หย่างจื่อที่ทุกวันนี้อยู่ในใบถงทวีปดี หรือไม่ ได้ยินว่าทุกวันนี้นางอยู่ข้างกายฮ่องเต้หญิงที่มีศาสตร ์คง ความเยาว์ผู้นั้น เพียงแต่พอคิดดูแล้ว นางก็ยังอดทนเอาไว้ หนิงเหยา เชื่อว่าเฉินผิงอันสามารถทาได้ดีกว่านาง ก็เหมือนก่อนหน้านี้ที่ถาม กระบี่กับภูเขาตะวันเที่ยง หากเปลี่ยนมาเป็ นนางก็ไม่อาจทาให้เหล่า เซียนกระบี่ของภูเขาตะวันเที่ยงที่นอกจากจะเจ็บปวดกันแล้ว ยังรู ้สึก อัดอั้นตันใจได้อย่างเนิ่นนาน ถูกภูเขาลั่วพั่วท าให้สะอิดสะเอียนจน แทบทนไม่ไหว
หนิงเหยาพลิ้วกายลงมาจากหัวกาแพงเมือง เงยหน้ามอง ตัวอักษรใหญ่ที่อยู่บนหัวก าแพง
ตัวอักษรที่แกะสลักใหม่ล่าสุดคืออักษรคาว่า “ผิง” ที่เฉินผิงอัน แกะสลักไว้บนหัวกาแพงเมืองแห่งนี้
ชีวิตคนดุจดั่งจอกแหนล่องลอย มีพบมีพราก ทุกข์ยากรีบร ้อน ทุกวันนี้มีผู้ฝึกลมปราณต่างถิ่นจานวนไม่น้อยมาเที่ยวที่นี่ แล้ว
มาหยุดพักอยู่ในขีดเส้นของตัวอักษรใหญ่ที่เป็ นเหมือนสะพาน
เหมือนถ้าพวกนั้น ดื่มเหล้าคุยเล่นกันอย่างผ่อนคลาย หวนนึกถึงอดีตอันห่างไกล หนิงเหยาเองก็มักจะมานั่งกับสหาย
อยู่ที่นั่นบ่อยๆ
ครั้งนี้หวนกลับมายังกาแพงเมืองปราณกระบี่อีกครั้ง หนิงเหยามี ใจที่เห็นแก่ตัว นางอยากจะช่วยเป็ นคนกลางเจรจาแทนเฉินผิงอันสัก ครั้ง
ส่วนฉีถิงจี้จะรู ้สึกยอกแสลงใจ ไม่พอใจที่นางมาขุดมุมกาแพง หรือไม่ หนิงเหยาไม่ได้สนใจ
เซียนกระบี่ผู้อาวุโสที่เคยแกะสลักตัวอักษรลงบนหัวกาแพงเมือง เช่นเดียวกันอย่างฉีถิงจี้นี้ ถึงอย่างไรก็ยังเป็ นแค่บินทะยานขั้น สมบูรณ์แบบเท่านั้น
ผู้ฝึกกระบี่ในท้องถิ่นของกาแพงเมืองปราณกระบี่กลุ่มที่อาพราง ตัวตนอยู่ในเปลี่ยวร ้างมานานหลายปี ก่อนจะออกเดินทางไกลกลับ บ้านเกิดอีกครั้ง ตอนนี้ยังมีแค่สิงอวิ๋นที่มาจากตรอกเหยียนชือ หลิ่ว สุ่ยที่ตระกูลอยู่บนถนนไท่เซี่ยง มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่เลือกสานัก กระบี่ชิงผิง
ผู้ฝึกกระบี่ห้าขอบเขตบนคนอื่นๆ อย่างเกาส่วง กวอตู้และหวงห ลิง ดูเหมือนว่าจะมีแนวโน้มไปทางสานักกระบี่หลงเซี่ยงที่ตั้งอยู่ใน ทักษินาตยทวีปของฉีถิงจี้มากกว่า คนรุ่นบรรพบุรุษของตระกูลจิน เก้ามีความสัมพันธ ์สนิทสนมแน่นแฟ้ นกับสกุลฉีตลอดมา หากจะ เลือกเช่นนี้ก็เข้าใจได้ ผู้ฝึกกระบี่หญิงจู๋ซู่มาจากถนนเสวียนฮู้ เคย เป็ นผู้ถวายงานในตระกูลสกุลฉี การเลือกของนางก็สมเหตุสมผล เช่นกัน จู๋อานผู้ฝึ กกระบี่สายอิ่นกวานในอดีตที่เคยเป็ นแขนซ ้าย แขนขวาให้กับเซียวสวิ้นก็เป็ นคนร่วมตระกูลเดียวกันกับนาง
หวงหลิงและเซวียนหยางต่างก็ได้ครอบครองเรือนเซียนกระบี่ ส่วนตัวหลังหนึ่ง ดูเหมือนว่าจะมีชื่อว่าเนินจินกังกับอารามป๋ ายหาว ในช่วงเวลาที่เกาส่วงกับเหมยคานซ่อนตัวอยู่ในใต้หล้าเปลี่ยวร ้างก็ ได้หาคนรักและลูกศิษย์ที่ต่างก็เป็ นผู้ฝึกกระบี่ของเปลี่ยวร ้างมาหลิง ซวินคนรักของเกาส่วง ดูเหมือนว่าทุกวันนี้จะเป็ นขอบเขตหยกดิบ แต่ลูกศิษย์ผู้สืบทอดของเหมยคานกลับเป็ นผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตเซียน เหรินคนหนึ่ง
ผู้ฝึกกระบี่กลุ่มนี้ไม่ว่าจะเป็ นคนของบ้านเกิดหรือคนของเปลี่ยว ร ้าง แน่นอนว่าหนิงเหยาไม่เคยเจอแม้แต่คนเดียว เวลาห่างมานาน เกินไป ล าดับอาวุโสก็ต่างกันมากเกินไป
ตอนนั้นที่พวกเขาไปจากบ้านเกิด เดินทางไปเป็ นนักรบพลีชีพ อยู่ที่ใต้หล้าเปลี่ยวร ้างนอกจากหวงหลิงกับเซวียนหยางที่ค่อนข้างจะ พิเศษซึ่งในอดีตได้สร ้างชื่อเสียงไว้ในกาแพงเมืองปราณกระบี่แล้ว
คนอื่นๆ ที่เหลือส่วนใหญ่ล้วนเป็ นเซียนดิน ถึงขั้นที่ว่าไม่ใช่แม้กระทั่ง ก่อกาเนิดหรือโอสถทองด้วยซ้า ในเอกสารคดีของคฤหาสน์หลบ ร ้อนไม่เคยมีบันทึกเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ เพราะกังวลว่ารายชื่อจะหลุด ออกไปแล้วถูกภูเขาทัวเยว่สืบสาวเบาะแสไปเจอเรื่องจริงก็พิสูจน์ให้ เห็นแล้วว่าการกระทาเช่นนี้ทั้งฉลาด แล้วก็ทั้งเป็ นกังวลมากเกินไป เพราะปีนั้นเซียวสวิ้นได้นาพาผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตหยกดิบสายอิ่นก วานสองคนอย่างลั่วซานและจู๋อานทรยศออกจากก าแพงเมืองปราณ กระบี่ไปแล้วก็ไม่เคยได้ช่วยใต้หล้าเปลี่ยวร ้างตะปูตัวใดออกมา
นี่แสดงให้เห็นว่าเซียวสวิ้นเคียดแค้นใต้หล้าไพศาลอย่างแท้จริง จึงเป็ นเหตุให้เคียดแค้นกาแพงเมืองปราณกระบี่ด้วย นางรู ้สึกอัดอั้น มานานเกินไปถึงได้เลือกไปสวามิภักดิ์ต่อเปลี่ยวร ้าง แต่สาหรับผู้ฝึก กระบี่ของบ้านเกิดแต่ละคนที่ดูเหมือนว่าชีวิตนี้เกิดมาเพื่อรอความ ตายหรือไม่ก็ต้องตายไปเปลาๆ พวกนี้ เซียวสวิ้นกลับไม่มีความ อาฆาตมาดร ้ายใดๆ ต่อพวกเขา
หนิงเหยาขยับเท้าเดินไปบนสนามรบในวันวานตามแต่อารมณ์ เดินไปถึงจุดหนึ่งก็ทรุดตัวลงนั่งยอง หยิบดินขึ้นมากามือหนึ่ง
บนหัวกาแพงเมืองและผนังกาแพง ไม่รู ้ว่าใครที่จาตัวตนของสตรี สะพายกล่องกรบี่คนนั้นได้ก่อน พอข่าวแพร่ออกไปก็เกิดเป็ นความ วุ่นวายขึ้นมาทันที
บุคคลอันดับหนึ่งที่ได้รับการยอมรับจากมหามรรคาของใต้หล้า น้าหนักจะมีมากแค่ไหน ผู้ฝึกลมปราณบนภูเขาล้วนรู ้กันดีอยู่แก่ใจ
ดังนั้นจึงไม่มีผู้ฝึ กลมปราณคนใดกล้าขยับเข้าใกล้ไปโอภา ปราศรัยกับสตรีผู้นั้น
ทางฝั่งของหัวกาแพงมีผู้ฝึกลมปราณกลุ่มหนึ่งที่มาจากแจกัน สมบัติทวีป พวกเขารู ้สึกเป็ นเกียรติอย่างยิ่ง เพราะหนิงเหยาคือคนรัก ของเซียนกระบี่เฉินคนของทวีปพวกเขา ที่เหลืออีกแปดทวีป พวกเจ้า
ไปกินอาจมกันเถิด
เพียงไม่นานหนิงเหยาก็พบเจอกลิ่นอายของเซียนกระบี่ที่ท่าเรือ โจ่วหม่า นางจึงทักทายไปทางนั้น
สัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหวของกาแพงเมืองปราณกระบี่ ฉีถิงจี้ กับเว่ยจิ้นก็รีบขี่กระบี่มาทันที ยังมีคนแปลกหน้าอีกกลุ่มหนึ่ง ทว่าทุก คนต่างก็เป็ นผู้ฝึกกระบี่เหมือนกันหมดโดยไม่มีข้อยกเว้น
หนิงเหยาหมุนตัวกลับไปกุมหมัดคารวะผู้ฝึกกระบี่กลุ่มนี้
ฉีถิงจี้ขอบเขตสูงที่สุด สายตาดีที่สุด เขาสะกดกลั้นริ้วคลื่นของ จิตแห่งมรรคาลงไปเพียงแค่ใช ้สายตาสอบถามหนิงเหยา
หนิงเหยาพยักหน้ารับเบาๆ
ฉีถิงจี้ไม่ปิดบังรอยยิ้มจืดเขื่อนของตัวเองแม้แต่น้อย หากไม่เป็ น เพราะเป็ นข้อห้าม เขาก็อยากถามแม่หนูหนิงที่ราวกับว่าแค่ชั่ว กะพริบตาก็ฝ่ าทะลุขอบเขตสี่ขั้นติดยิ่งนักว่าเส้นทางการผสาน มรรคาของนางคืออะไร
เซียนกระบี่ใหญ่แห่งศาลลมหิมะอย่างเว่ยจิ้นกล่าวอย่างละอายใจ ว่า “ยังคงเป็ นเพราะเซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโสให้การช่วยเหลือด้วย ตัวเอง ข้าถึงได้รับปณิธานกระบี่จากผู้อาวุโสจงหยวน”
หนิงเหยากล่าว “หากไม่เป็ นเพราะตัวเซียนกระบี่เว่ยเองมี พรสวรรค์ด้านวิถีกระบี่ที่ดีพอ เซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโสก็ช่วยอะไร
ไม่ได้”
เว่ยจิ้นคลี่ยิ้ม “ประโยคในแนวขวางของร ้านเหล้า ไม่ถือว่า หลอกลวงคน”
เพราะถึงอย่างไรเซียนกระบี่เว่ยก็เป็ นลูกค้ารายใหญ่สุดของร ้าน เหล้าแห่งนั้น
ในฐานะผู้ฝึกกระบี่ของเปลี่ยวร ้าง หลิงซวินสตรีออกเรือนแล้วกับ เซียนกระบี่ “เด็กหนุ่มที่มีฉายาว่าเจิ้นเจ๋อ เห็นได้ชัดว่าต่างก็สงสัย ใคร่รู ้ในตัวของผู้ฝึ กกระบี่ที่มีพรสวรรค์เป็ นเอกแห่งก าแพงเมือง ปราณกระบี่ในอดีตผู้นี้อย่างมาก
หลิงซวินแนะนาตัวเองขึ้นมาก่อน “ข้าชื่อหลิงซวิน คือผู้บ าเพ็ญ เพียรของกวอตู้”
ผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตเซียนเหรินคนนั้นยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ข้าใช ้แซ่ เดียวกับอาจารย์ มีฉายาว่าเจิ้นเจ๋อ ทุกวันนี้ใช ้นามแฝงว่า เหมยตั้นต้าง”
เหมยคานยื่นมือมาลูบหัว “เด็กหนุ่ม” ยิ้มตาหยีเอ่ยว่า “ลูกศิษย์ ของข้าคนนี้เลื่อนเป็ นขอบเขตเซียนเหรินตอนอายุสองร ้อยกว่าปี คุณสมบัติไม่เลว”
เซวียนหยางถามเข้าประเด็นโดยตรง “พวกเราต่างก็ได้รับกระบี่ บินแจ้งข่าวจากสิงอวิ๋นและหลิ่วสุ่ย ก็เลยนัดหมายกันมาพบเจ้า
ส านักฉี”
อาจารย์ของเซวียนหยางและหลิ่วสุ่ยเป็ นสหายเก่ากัน
เพียงแต่ว่าเซวียนหยางไม่ค่อยยินดีจะไปอยู่ใบถงทวีปหรือภูเขา ลั่วพั่วเท่าใดนัก
หวงหลิงใช ้เสียงในใจถาม “หนิงเหยา ได้ยินฉีถิงจี้เล่าว่า หลังจากที่เฉินผิงอันมอบขอบเขตกลับคืนไป ขอบเขตก็ถดถอยไป อยู่ที่ก่อกาเนิดหรือ?”
หนิงเหยาพยักหน้า
หวงหลิงยิ้มเอ่ย “ถ้าอย่างนั้นข้าคงไม่ไปที่สานักกระบี่ชิงผิงแล้ว ดูเหมือนว่าเจ้าส านักชุยจะไม่ใช่ผู้ฝึกกระบี่ด้วย”
เหมยคานยิ้มตาหยีเอ่ยว่า “หนึ่งเพราะเฉินผิงอันเคยเป็ นอิ่นก วาน อีกอย่างก็คือเล่าลือกันว่าขนบธรรมเนียมของใบถึงทวีปไม่ได้ เรื่อง ถึงอย่างไรลูกศิษย์ของข้าคนนี้ก็มีชาติกาเนิดมาจากเผ่าปีศาจ ดังนั้นพวกเราอาจารย์และศิษย์ก็คงไม่ไปเพิ่มความวุ่นวายให้กับใต้ เท้าอิ่นกวานแล้ว”
นี่เห็นได้ชัดว่าพยายามหาข้ออ้างจากที่ไม่มีข้ออ้างแล้ว
“ตามใจพวกเจ้า”
หนิงเหยาพูดด้วยสีหน้าสดใสมีชีวิตชีวาแต่ทุกวันนี้เฉินผิงอัน เป็ นเซียนกระบี่แล้ว”
ความนัยในประโยคนี้ของนางก็คือนอกจากฉีถิงจี้แล้ว แม้กระทั่ง ตัวของเว่ยจิ้นเอง พูดถึงแค่การจับคู่เข่นฆ่า พวกเจ้าเจอกับเฉินผิงอัน ก็ล้วนไม่มีใครสู้เขาได้
เรื่องของการจะเป็ นตัวกลางช่วยโน้มน้าว ดูท่าคงจะหมดหวังแล้ว หนึ่งเหยาไม่บังคับฝืนใจใคร แตงที่ฝืนเด็ดจากขั้วย่อมไม่หวาน
จู่ซู่พลันยิ้มเอ่ยว่า “แม้กระทั่งน้องชายของหมี่ฮู่ ทุกวันนี้ก็ยังเป็ น ขอบเขตเซียนเหรินแล้วหรือ? มีโอกาสจะต้องไปเยี่ยมเยือนที่สานัก กระบี่ชิงผิงดูสักหน่อย”
ในความทรงจาของนางมีแต่เด็กหนุ่มหมี่ฮู่ที่หน้าตาอัปลักษณ์ เท่านั้น ไม่มีภาพจาใดๆ ต่อหมี่อวี้
แต่ตอนที่จู่ซู่อยู่เปลี่ยวร ้างกลับได้ยินเรื่องเล่าลือของพี่น้องสกุล หมี่มาไม่น้อย
ดูท่าผู้ฝึกกระบี่กลุ่มนี้น่าจะตัดสินใจที่จะอยู่ต่อในสานักกระบี่หลง เซี่ยงแล้ว
เกาส่วง จู่ซี จินเก้า กวอตู้และคนรักหลิงซวิน หวงหลิง เซวียน หยาง เหมยคานและลูกศิษย์เหมยตั้นต้าง
ล้วนเป็ นผู้ฝึกกระบี่ห้าขอบเขตบนทั้งหมด ผู้ถวายงานก็ดี เค่อชิง ก็ช่าง ลาพังแค่คนที่อยู่ที่นี่เวลานี้ก็มีถึงเก้าคนแล้ว
หากยังรวมลู่จือที่ต้องเลื่อนเป็ นขอบเขตบินทะยานได้แน่นอน เส้าอวิ๋นเหยียนผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตหยกดิบ ถัวเหยียนฮูหยินขอบเขต หยกดิบ สานักกระบี่หลงเซี่ยงของฉีถิงจี้จะถือว่าเป็ นสานักวิถีกระบี่ อันดับหนึ่งในหลายใต้หล้าได้อย่างสมชื่อหรือไม่? ใต้หล้าไพศาลใน ทุกวันนี้ นอกจากภูเขาเถาฝูของฝูลู่อวี๋เสวียน นครจักรพรรดิขาว ของเจิ้งจวีจงแล้ว ยังมีสานักอีกสักกี่แห่งที่สามารถงัดข้อกับอีกฝ่ าย ได้?
การที่ตอนนั้นฉีถิงจี้ยินดีเปิดสานักตั้งพรรคอยู่ในใต้หล้าไพศาล ก็เพราะรอวันนี้อยู่น่ะหรือ?
ต่อให้เป็ นหนิงเหยาก็ยังอดไม่ไหวถามไปว่า “ยังมีผู้ฝึกกระบี่คน อื่นที่จะเข้ามาอยู่ในสานักกระบี่หลงเซี่ยงอีกไหม?”
ฉีถิงจี้พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มบางๆ “น่าจะยังมีอีกสามสี่คน”
เมื่อเป็ นเช่นนี้ สานักที่สืบทอดเอารากฐานของกาแพงเมือง ปราณกระบี่มาอย่างแท้จริงจึงไม่ใช่สานักของเฉินผิงอันที่เคยเป็ นอิ่ นกวานคนสุดท้าย แต่เป็ นสานักกระบี่หลงเซี่ยงของฉีถิงจี้
เว่ยจิ้นเอ่ยสัพยอกว่า “ดูท่าเซียนกระบี่ผู้อาวุโสฉีจะมีป้ ายชื่อที่ ใช ้ได้ผลกว่าอิ่นกวานหนุ่มนะ”
เขาคือเค่อชิงที่ได้รับการบันทึกชื่อของภูเขาลั่วพั่ว ไม่มีทางเห็น คนนอกดีกว่าอย่างแน่นอน
ฉีถิงจี้พยักหน้า “สานักแห่งหนึ่ง มีจานวนผู้ฝึกตนห้าขอบเขต บนมากกว่าผู้ฝึกตนห้าขอบเขตกลางและห้าขอบเขตล่าง ก็มีเฉพาะ แค่ที่สานักกระบี่หลงเซี่ยงของพวกเราเท่านั้น”
ดังนั้นเซียนกระบี่ผู้อาวุโสฉีที่เป็ นโรครักความสมบูรณ์แบบจึง ตัดสินใจไว้แล้วว่าในอนาคตจะต้องยกธรณีประตูในการรับลูกศิษย์ให้ สูงขึ้นไปอีกขั้น จะต้องเลือกคนที่ยอดเยี่ยมจากกลุ่มของคนที่ยอด เยี่ยม ตัวอ่อนเซียนกระบี่ที่ถูกกองกาลังของแต่ละฝ่ ายทยอยกันส่งมา ที่สานัก สามารถถ่ายทอดเวทกระบี่ให้พวกเขาอย่างเต็มที่ได้ แต่จะยัง ไม่มีใครที่ได้รับการบันทึกชื่อก่อนชั่วคราว ผู้ฝึกกระบี่อายุน้อยทุกคน จะได้เข้ามาอยู่ในท าเนียบของส านักได้หรือไม่ก็ต้องให้เขาพยักหน้า ตอบตกลงด้วยตัวเองก่อนถึงจะได้ สมมติว่ามีวันใดที่สานักกระบี่หลง เซี่ยงมีผู้ฝึกตนห้าขอบเขตบนยี่สิบคน ลูกศิษย์ที่ได้รับการบันทึกชื่อ บนท าเนียบหยกทองนอกเหนือจาก “เซียนกระบี่” แล้ว จานวนรวมก็ ให้มีแค่สิบเก้าคนเท่านั้นพอ
อีกไม่นานฉีถิงจี้คิดว่าจะหาเวลาว่างปลีกตัวไปที่ใบถงทวีปสัก รอบ จะไปเชื้อเชิญ “เซียนกระบี่สวีจวิน” แห่งเกราะทองทวีปผู้นั้นให้
เข้ามาอยู่ในสานักกระบี่หลงเซี่ยงด้วยตัวเองให้อีกฝ่ ายมารับหน้าที่ เป็ นผู้คุมกฏของส านัก
โชคดีที่คนที่มาที่นี่คือหนิงเหยา ไม่ใช่เฉินผิงอัน
ไม่อย่างนั้นฉีถิงจี้ก็คงไม่กล้าพูดจาวางโตขนาดนี้ เฉินอิ่นกวาน ไม่ได้พูดง่ายเหมือนหนิงเหยาหรอกนะ
หนิงเหยากล่าว “ผู้ที่แข็งแกร่ง แข็งแกร่งมากกว่าเดิม หวังว่า สานักกระบี่หลงเซี่ยงจะพยายามให้มากขึ้นอีก ช่วงชิงตาแหน่งสานัก ที่มีรากฐานเป็ นอันดับหนึ่งของใต้หล้าไพศาลมาให้ได้”
นางต้องเอนเอียงเข้าหาเฉินผิงอันและภูเขาลั่วพั่วอยู่แล้ว แต่หาก สานักกระบี่หลงเซี่ยงเจริญรุ่งเรื่องในทุกๆ วัน นางก็คิดว่าเป็ นเรื่องดี
ยินดีที่จะได้เห็นเช่นกัน
ฉีถิงจี้ยิ้มถาม “หนิงเหยา พูดได้ไหม?” หนิงเหยาถามอย่างสงสัย “พูดอะไร?” ฉีถิงจี้เอ่ยอย่างอ่อนใจ “ขอบเขตของเจ้า” หนิงเหยายิ้มเอ่ย “นี่จะมีอะไรที่พูดไม่ได้กันเล่า”
ฉีถิงจี้ถึงได้ใช ้เสียงในใจแพร่งพรายความลับให้ทุกคนรู ้ “หนิง เหยาคือผู้ฝึกกระบี่บริสุทธิ์ขอบเขตสิบสี่แล้ว”
ความนัยนอกเหนือคาพูดประโยคนี้ของเซียนกระบี่ผู้อาวุโสชุด ขาวที่หน้าตาหล่อเหลาคมคายผู้นี้ก็คือจะบอกว่าในที่สุดกาแพงเมือง
ปราณกระบี่ของพวกเราก็มีคนอีกคนหนึ่งที่ได้เดินขึ้นสู่ยอดสูงสุด ของวิถีกระบี่แล้ว
ต่อให้ฉีถิงจี้จะเป็ นคนในกลุ่มเซียนกระบี่ที่มีใจเห็นแก่ตัวมาก ที่สุด ถึงขั้นที่ว่าปีนั้นเฉินชิงตูยังไม่ยินดีให้เขาไปอยู่ใต้หล้าห้าสี แต่ เลือกที่จะฝากฝังนครบินทะยานไว้ให้กับ