กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1089.3 การแก้แค้นคือการดื่มเพียงลาพัง
หม่าเช่อมือหนึ่งถือแท่นฝนหมึก อีกมือหนึ่งถือเศษกระเบื้อง แจกัน เพียงแต่ว่าพอเขาลงบันไดไปกลับได้เห็นสาวใช ้ชุดเขียวที่เผย สีหน้าหลากหลายกลุ่มนั้น
นี่ทาให้หม่าเชื่อหมดสิ้นซึ่งความฮึกเหิมในทันที ได้แต่ยืนอึ้งอยู่ ตรงเชิงบันได มือเท้าเย็นเยียบ
มือกระบี่ชุดเขียวเดินสวนไหล่ผ่านเขาไป ยิ้มเอ่ยว่า “รังเกียจที่ พวกนางขวางหูขวางตากลัวว่าหลังจบเรื่องพวกนางจะปากมากหรือ? จัดการได้ง่ายเลย ไม่สู้ฆ่าพวกนางไปก่อนสิ? ไม่ต้องนับรวมกับเวลา หนึ่งก้านธูปก็ได้นะ”
หม่าเช่อคล้ายตกอยู่ในสภาวะที่ความคิดในหัวตีกันวุ่นวาย สาว ใช ้ถือกระบี่เรือนกายเล็กเตี้ยคนหนึ่งสีหน้าเย็นชาดุจน้าค้างแข็ง นาง ก้าวเดินออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว สะบัดควงกระบี่คล้ายต้องการจะ เตือนเด็กหนุ่มที่ถูกแวดวงปัญญาชนแห่งแคว้นอวี้เซวียนเรียกขานว่า ดาวเหวินชางกลับชาติมาจุติผู้นี้ว่า หม่าเช่อ เจ้าลองทาดูสิ?! หม่า เช่อตกใจสะดุ้งโหยง ไม่กล้ามีความคิดที่จะฆ่าคนปิดปากอีกต่อไป เดินตรงดิ่งไปหาสองพี่น้องหม่าชวนหม่าปี้ ในมือถือแท่นฝนหมึกที่มี มูลค่าควรเมือง เด็กหนุ่มชูแขนขึ้นสูง เพราะแขนของเขาสั่นเทา ตัวอักษรที่แกะสลักอยู่บนจานฝนหมึกจึงคล้ายจะส่ายไหวตามไปด้วย
ตรงลาคอพี่น้องคู่ทุกข์คู่ยากสองคนมีเส้นเอ็นเขียวปูดโปน เนื่องจากมิอาจเปิดปากพูดได้ มือเท้าก็ขยับเขยื้อนไม่ได้ พวกเขาจึง ได้แต่ใช ้สายตาที่อยากจะฆ่าคนจ้องเขม็งไปยังเด็กหนุ่มที่ไม่มีแรง แม้แต่จะจับไก่ผู้นี้
หม่าเช่อน้าตานองหน้าในทันใด พึมพาว่า “ข้าลงมือไม่ได้ ข้าทา
ไม่ได้….อย่าบีบคั้นข้าอย่าบีบบังคับข้าอีกเลย”
เฉินผิงอันนั่งกลับลงไปบนขั้นบันได มือที่กาเข็มต้นสนเอาไว้กา เป็ นหมัดหลวมๆ ทุบลงตรงหน้าอกตัวเอง ยิ้มเสแสร ้งไม่จริงใจ “พี่น้อง เช่นฆ่ากันเอง ช่างน่าตกใจยิ่งนัก ชวนให้คนปวดร ้าวแทบจะขาดใจ”
ภาพเหตุการณ์ผิดปกติพลันบังเกิด สาวใช ้ชิวจวินยื่นมือคว้าไป ทางห้องหนังสือ บังคับกระบี่ยาวที่ปักอยู่บนกาแพงมาไว้ในมือ เรือน กายของนางแผ่วเบาราวกบกระโดดแตะผิวน้าพริบตาเดียวก็มาโผล่ ด้านหลังหม่าเช่อ เสือกกระบี่แทงออกไป กระบี่นั้นแทงทะลุหัวใจของ เด็กหนุ่มโดยตรง
หม่าเช่อก้มหน้าลงมองอย่างเหม่อลอย กระบี่ยาวครึ่งเล่มโผล่พ้น ออกมาจากหน้าอกของเขา ทว่าปลายกระบี่แหลมคมที่โค้งงอ เล็กน้อยกลับไม่มีรอยเลือดสักนิด
จุดไท่หยางด้านหนึ่งของชิวจวินสาวใช ้ชุดเขียวเหมือนถูกโจมตี หัวละปัดเหวี่ยงเป็ นวงโค้ง สาวใช ้ที่ยอมตายเพื่อชายที่รักผู้นี้ขาดใจ ตายไปทันที
ก่อนที่เรือนกายบอบบางจะหล่นร่วงลงพื้น นางมองชายคนรัก ด้วยสายตาลึกล้า
เฉินผิงอันประกบสองนิ้วปาดหนึ่งที กระบี่ยาวที่แทงทะลุร่างหม่า เช่อก็ย้อนกลับมาทางเดิม กลับไปฝังปักอยู่บนผนังห้องหนังสืออีก ครั้ง พู่กระบี่พวงยาวสีทองห้อยย้อยตกลงมาสู่พื้นอย่างนุ่มนวล
ดูเหมือนว่าหม่าเช่อจะถูกกระบี่นี้ไปกระตุ้นไฟโทสะและความ เคียดแค้น หลังจากพบว่าตัวเองโดนแทงไปหนึ่งทีแต่กลับไม่รู ้สึก เจ็บปวด เขาก็ไม่คิดจะสืบเสาะหาสาเหตุอะไรอีกแล้ว เขาที่ตาแดงก่า คว้าหัวของหม่าชวนแล้วกระชากลากไปทางร่างของสาวใช ้ชุดเขียว จากนั้นเหวี่ยงร่างของหม่าชวนลงกับพื้น พลิกใบหน้าของฝ่ ายหลัง ให้มองสบตากับสาวใช ้ชั้นต่าผู้นั้น ชูแท่นฝนหมึกหนักอึ้งที่แกะสลัก ถ้อยคาของอริยะปราชญ์โบราณในมือขึ้นสูงแล้วทุบลงไปที่ลาคอ ของหม่าชวน ครั้งแล้วครั้งเล่า เพียงไม่นานก็ทุบจนกระดูกของฝ่ าย หลังแหลกละเอียด เด็กหนุ่มที่เหมือนเสียสติไปแล้วใบหน้าดุร ้าย เริ่ม ใช ้เศษกระเบื้องที่อยู่ในมือกรีดเนื้อหนังของหม่าชวน…
ก่อนหน้านี้เซียนกระบี่ฆ่าคน ไม่ว่าจะปราณกระบี่ก็ดี หรือใช ้เข็ม ต้นสนต่างกระบี่บินเล่มจิ๋วก็ช่าง ล้วนรวดเร็วเกินไป
ทว่าภาพน่าสยดสยองตรงหน้านี้กลับเป็ นดั่งคากล่าวที่ว่าใช ้มีด ที่อแล่เนื้ออย่างแท้จริง
หม่าปี้เห็นภาพนี้คาตาตัวเอง หัวใจก็เหมือนถูกกรีดคว้าน เจ็บปวดรวดร ้าวปานจะขาดใจ เขาที่แต่ไหนแต่ไรมารู ้สึกมาโดย ตลอดว่าการฆ่าคนเป็ นเรื่องที่มีความสุขที่สุด เวลานี้ทั้งกลัวตาย แล้ว ก็ยิ่งกลัววิธีการตายเช่นนี้
บ้าไปแล้ว ราวกับว่าทุกคนล้วนบ้ากันไปหมดแล้ว
เด็กหนุ่มที่ร่างเต็มไปด้วยคราบเลือดลุกขึ้นยืน เดินทีละก้าวไป หาหม่าปี่ที่ได้แต่ยืนนิ่งเฉยรอความตายอยู่ที่เดิม
ในลานบ้าน สาวใช ้ชุดเขียวบางคนอาเจียนเอาน้าดีขมๆ ออกมา จนแทบหมดสิ้นแล้วพวกนางพากันเงยหน้าขึ้นมองไปทางขั้นบันได อย่างกล้าๆ กลัวๆ มองไปยังเซียนกระบี่ชุดเขียวที่สีหน้าแน่วแน่แต่
| กลับเฉยชาผู้นั้น …… |
ร ้านเหล้าริมทางของภูเขาเจ๋อเยา เผยเฉียนนั่งลงแล้วก็ถามเข้า ประเด็นโดยตรง “ครั้งนี้เรียกข้ามาเพื่ออะไร?”
ไม่สู้คุยธุระเป็ นการเป็ นงานให้เสร็จก่อนแล้วค่อยมาร าลึก ความหลังกัน
หลิวเสี้ยนหยางชอบนั่งด้วยท่าทางไม่สุภาพเรียบร ้อยอยู่แล้ว เขา ยกเท้าข้างหนึ่งเหยียบลงบนม้านั่งยาว แกว่งชามเหล้า ยิ้มเอ่ย “เรียก เจ้ามาช่วยเป็ นกองหนุนคือความต้องการของกู้ช่าน หากอิงแค่ตาม ความคิดข้า ไหนเลยจะต้องระดมกาลังใหญ่โตเช่นนี้หาไม่แล้วก็จะ
เป็ นการให้หน้าสกุลหม่าอ าเภอหย่งเจียเกินไป พวกเขาไม่ได้มี ขอบเขตบินทะยานนั่งบัญชาการณ์อยู่ในจวนเสียหน่อย กู้ช่านน่ะ กังวลว่าอาจารย์พ่อของเจ้าที่อยู่ในจวนหม่าจะยั้งมือไม่อยู่ ฆ่าคนจน เสียสติ ก่อให้เกิดคดีโศกนาฏกรรมที่คล้ายคลึงกับเรื่องเล่าในนิยาย ยุทธภพ ฆ่าล้างทั้งตระกูล ตัดรากถอนโคน อย่าว่าแต่คนเลย แม้กระทั่งเปิดไก่ที่ออกไข่ได้ของตระกูลหม่าก็ยังถูกกาจัดจนสิ้นซาก ไม่แน่ว่าแม้กระทั่งไข่ไก่ไข่เป็ ดในห้องครัวที่ถูกคนเก็บมาก็อาจจะถูก เฉินผิงอันบีบให้แหลกด้วยก็ได้”
เผยเฉียนหลุดหัวเราะพรืด อาจารย์พ่อจะทาแบบนี้ได้อย่างไร เพียงแต่ว่าการที่หลิวเสี้ยนหยางและกู้ช่านมานั่งอยู่ที่นี่วันนี้ก็ยังทาให้ เผยเฉียนรู ้สึกสบายใจได้มาก จึงดื่มสุราคารวะพวกเขาคนละถ้วย
กู้ช่านยกชามเหล้าขึ้น ดื่มเหล้าเงียบๆ ไปอีกใหญ่ เอ่ยว่า “ข้าไม่ เคยพูดแบบนี้”
แล้วกู้ช่านก็เอ่ยเสริมมาติดๆ ว่า “แต่ข้าเคยคิดแบบนี้จริง”
หลิวเสี้ยนหยางกล่าว “ดังนั้นกู้ข่านจึงกังวลว่าพวกเราสองคนจะ ห้ามเฉินผิงอันไม่อยู่มีเจ้าอยู่ด้วย ไม่แน่ว่าเฉินผิงอันอาจจะยัง ค านึงถึงสถานะของตัวเองได้บ้าง อยากจะรักษาเกียรติของคนเป็ น อาจารย์และการวางตัวเป็ นคนดีต่อหน้าเจ้า ไม่ถึงขั้นฆ่าคนจนเลือด ขึ้นตา”
เผยเฉียนลังเลเล็กน้อย แต่ก็ยังตอบไปตามสัตย์จริงว่า “ถ้าอย่าง นั้นพวกท่านก็มาหาผิดคนแล้ว อาจารย์พ่อท าอะไรข้าไม่มีทาง ขัดขวาง มีแต่จะช่วยไปเก็บไข่ไก่ที่เล้าเป็ ดเล้าไก่ให้เขา ดูว่าจะมีปลา ที่หลุดลอดหว่างแหไปหรือไม่”
หลิวเสี้ยนหยางสะอึกอึ้ง เหล่ตามองกู้ช่าน นี่ก็คือผู้ช่วยที่เจ้าหา
มาหรือ?
กู้ช่านหัวเราะชอบใจ มองเผยเฉียนไม่ผิดเลยจริงๆ นางถูกใจตน มาก
บนภูเขาล่างภูเขา ออกท่องยุทธภพเพียงล าพัง พวกเจ้ามาหา เรื่องข้าได้ ข้าจะไม่คิดเล็กคิดน้อย เพราะเผยเฉียนคือลูกศิษย์ใหญ่ เปิดขุนเขาของอาจารย์พ่อ มาจากภูเขาลั่วพั่ว
แต่หากพวกเจ้ากล้าหาเรื่องอาจารย์พ่อของข้า ถ้าอย่างนั้นเผย เฉียนก็ยิ่งเป็ นลูกศิษย์ใหญ่เปิดขุนเขาของอาจารย์พ่อ หมัดที่ถูกป้ อน บนชั้นสองของเรือนไม้ไผ่ในปีนั้น พวกเจ้าก็สามารถลองชิมดูได้
หลิวเสี้ยนหยางยิ้มถาม “เจ้าขี้มูกยึดน้อย เจ้ารู ้หรือไม่ว่าข้อดีที่ ใหญ่ที่สุดของเจ้าคืออะไร?”
กู้ช่านกล่าว “ข้อดีที่ใหญ่ที่สุดของข้าคนนี้ก็คือรู ้ว่าตัวเองมี ข้อเสียอยู่มากมาย”
หลิวเสี้ยนหยางได้แต่กลืนคาพูดที่มารออยู่ตรงปากกลับลงท้อง ไปพร ้อมกับสุรา
กู้หลิงเยี่ยนที่นั่งอยู่ริมกระถางไฟหลุดหัวเราะคิกอย่างอดไม่อยู่ นางถอดรองเท้าและถุงเท้านานแล้ว เผยให้เห็นเท้าขาวนวลนุ่มเนียน ดุจหยกมันแพะ หลังเท้าอูมเล็กน้อย ทรงเท้าดั่งพระจันทร ์เสี้ยว
ฟังพวกเขาพูดคุยกัน ช่างน่าสนใจยิ่งนัก
กู้ช่านยกเหล้าหมักมวยผมของภูเขาเจ๋อเยาขึ้นจิบหนึ่งคา คล้าย กับว่าคร ้านจะใช ้เสียงในใจพูดคุย ถึงได้เปิดปากเอ่ยเนิบช ้าว่า “คนที่ เคยเห็นหม่าขู่เสวียนมากับตาตัวเองต่างก็พูดกันว่าหม่าขู่เสวียน ก าเริบเสิบสาน ค าพูดและการกระท าไร้ความย าเกรง ท าอะไรก็ไม่ สนใจผลลัพธ ์ที่จะตามมา อันที่จริงไอ้หมอนี่ไม่ได้ฝึกฝนแต่พละกาลัง ไม่ฝึกฝนจิตใจอย่างที่ภายนอกพูดกัน หม่าขู่เสวียนมีผลสาเร็จที่ไม่ ธรรมดาอย่างทุกวันนี้ได้ ตัวเขาเองย่อมมีพรสวรรค์และความมานะ พยายาม”
หลิวเสี้ยนหยางหัวเราะหึหึ เจ้าขี้มูกยึดน้อยอย่างเจ้าเป็ นคน ประเภทเดียวกันกับหม่าขู่เสวียนผู้นั้น คนแบบเดียวกันย่อมรู ้ใจกัน ที่สุด ดังนั้นกู้ช่านพูดคุยเรื่องนี้ ความคิดเห็นของเขาจึงถือว่าพอจะ เชื่อถือได้
แน่นอนว่ากู้ช่านเองก็ต้องรู ้ความคิดของหลิวเสี้ยนหยาง เพียงแต่ เขาไม่สนใจ อีกทั้งหลิวเสี้ยนหยางก็ไม่ใช่คนที่จะเก็บคาพูดไว้ได้ อยากพูดอะไรก็ล้วนแสดงออกมาทางสีหน้าหมดสิ้น
อันที่จริงเกี่ยวกับสภาพการอยู่ร่วมกันระหว่างอาจารย์พ่อของ นางกับเจ้าส านักหลิวและกู้ช่าน ตอนที่เผยเฉียนยังเป็ นถ่านดาน้อย ในใจของนางเปี่ยมไปด้วยความสงสัยใคร่รู ้มาโดยตลอด
อาจารย์พ่อกับกู้ช่าน หลังจากที่ต่างคนต่างเดินออกจาก ทะเลสาบซูเจี้ยนแล้วได้กลับมาพบกันใหม่อีกครั้ง ทั้งสองฝ่ ายจะไม่มี ความยอกแสลงอยู่ในใจจริงๆ หรือ จะไม่ยิ่งเดินก็ยิ่งห่างไกลกันจริงๆ หรือ ต่อให้พบเจอหน้าก็ไม่มีอะไรให้พูดคุยกัน?
หากไม่มีอาจารย์พ่ออยู่ด้วย หลิวเสี้ยนหยางกับกู้ช่านจะเป็ น สหายรักที่สามารถร่วมทุกข์กันได้จริงๆ หรือ อีกคนจะไม่วางมาด อีก คนจะไม่ทาตัวเป็ นน้าเต้าตันหรือ?
คราวก่อนตอนอยู่ที่ท่าเรือจิ่วฮวาของแคว้นชิงซิ่ง ตนกับอาจารย์ พ่อบังเอิญไปเจอกับพวกกู้ช่านโดยบังเอิญ ได้ขึ้นเหลาสุราไปดื่ม เหล้า ดูเหมือนว่าบรรยากาศจะยังดีอยู่?
ครั้งนี้ได้เห็นหลิวเสี้ยนหยางกับกู้ช่านมานั่งดื่มเหล้าร่วมโต๊ะกัน ก็ดูเหมือนว่าจะยังดีอยู่?
เพราะการปรากฏตัวของเผยเฉียน ซ่งจี๋เหนียงเนียงเทพภูเขาจึง ไม่สะดวกแล้วก็ไม่กล้าจะนั่งดื่มเพียงลาพังที่โต๊ะข้างๆ อีกแล้ว นาง กลับมาสู่สถานะของเจ้าของร ้านอีกครั้ง ไปยืนอยู่ที่โต๊ะคิดเงิน รอคอย ให้พวกลูกค้าเรียกเติมเหล้า
ซ่งจี๋ไม่ใช่คนโง่ ชายสองหญิงหนึ่งกลุ่มนี้ ในเมื่อคนที่มารอคอย คือปรมาจารย์ใหญ่เผยเฉียน และท่าทีที่เผยเฉียนแสดงออก ถึงขั้น ที่ว่ายังยึดหลักของผู้เยาว์ที่ปฏิบัติต่อผู้อาวุโสพวกเขาก็ต้องไม่ใช่ผู้ ฝึกตนธรรมดาทั่วไปอย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนหนุ่มสวม ชุดลัทธิขงจื๊อ ตอนที่เขาพูดถึงหม่าขู่เสวียน สีหน้าเฉยชาเหมือนพูด ถึงผู้ฝึกลมปราณบนภูเขาทั่วๆ ไป ซึ่งจี่ที่เป็ นเทพภูเขาในท้องถิ่น อีก ทั้งนางยังแวะเวียนไปตามตลาดคลุกคลีอยู่กับพวกชาวบ้านเป็ น ประจ า นางคุ้นเคยกับความสัมพันธ ์ของผู้คนและเรื่องราวในโลกเป็ น อย่างดี นางจึงฟังคาพูดของคนหนุ่มชุดลัทธิขงจื๊อพลางตั้งใจสังเกต แววตาและสีหน้าของบุรุษร่างสูงใหญ่ที่นั่งร่วมโต๊ะและผู้ฝึกตนหญิงที่ นั่งอยู่ข้างกระถางไฟไปด้วย พยายามที่จะหาข้อสรุปให้ได้มาก กว่าเดิมจากการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ของพวกเขา แต่ผลลัพธ ์ที่ ได้ออกมากลับยิ่งทาให้ซ่งจี๋หวาดผวา ได้ยินชื่อหม่าขู่เสวียน พวก เขากลับทาเหมือนดื่มน้าเปล่าซีดจาง
กู้ช่านกล่าวต่ออีกว่า “หม่าขู่เสวียนเคยจงใจไล่ท้าทายเชอเยว่ ฉุนชิงและสวี่ป๋ าย คนหนึ่งคือหนึ่งในสิบคนรุ่นเยาว์ของหลายใต้หล้า อีกสองคนคือตัวสารองสิบคน นี่ก็คือการหยั่งเชิงอย่างหนึ่งของหม่าขู่ เสวียน หมายจะอาศัยสิ่งนี้มายืนยันศักยภาพที่แท้จริงของเฉินผิงอัน ขีดสูงสุดและขีดต่าสุดอยู่ประมาณไหน หม่าขู่เสวียนอยากจะเข้าใจ ให้ชัดเจน สุดท้ายก็ได้ข้อสรุปคร่าวๆ ที่พอจะทาให้เขามั่นใจได้”
หลิวเสี้ยนหยางนวดคลึงปลายคาง “เจ้าโง่หม่าแห่งตรอกซิ่งฮวา ท าไมถึงไม่มาประลองฝีมือกับคนบ้านเดียวกันอย่างข้าโดยตรงเลย ล่ะ?”
กู้ช่านหัวเราะร่วน “อย่าว่าแต่หลายใต้หล้าเลย แม้กระทั่งอันดับ สิบคนรุ่นเยาว์ของแจกันสมบัติทวีปเจ้าก็ยังไม่ติดอันดับ จะมาหาเจ้า
ท าไม?”
หลิวเสี้ยนหยางเอ่ยอย่างเดือดดาล “ข้าผู้อาวุโสก็แค่เพิ่งจะอายุสี่ สิบเอ็ดถึงได้พลาดช่วงอายุที่การจัดอันดับนี้เรียกร ้องไป หาไม่แล้วจะ ไม่มีข้าได้หรือ? คนแรกของกระดานจะไม่แซ่หลิวได้หรือ?!”
กู้ข่านกล่าว “แน่จริงก็อย่ามาใส่อารมณ์กับข้าสิ คนที่จัดอันดับนี้ ก็คือเถียนหว่านแห่งยอดเขาจูอวี๋ภูเขาตะวันเที่ยง เจ้าไปอธิบาย เหตุผลกับนางเองเถอะ”
ตอนนั้นโจวจื่อมีเจตนาแอบแฝง ประเมินคนรุ่นเยาว์สิบคนของ หลายใต้หล้าและตัวสารองสิบคนออกมา เพราะสองรายชื่อต่างก็มี อันดับที่สิบเอ็ดพ่วงอยู่ด้วย ดังนั้นคนที่ติดอันดับจึงมีทั้งสิ้นยี่สิบสอง คน
หนิงเหยา เฝ่ ยหราน เฉาสือ ล้วนติดอันดับสิบคนรุ่นเยาว์ อิ่นก วานคนสุดท้ายแห่ง กาแพงเมืองปราณกระบี่อยู่รั้งท้าย
ตอนนั้นบนกระดานรายชื่อไม่ได้บอกชื่อของเฉินผิงอัน เพียงแค่ แนะนาตบะและ ขอบเขตของอื่นกวานหนุ่มว่าเป็ นผู้ฝึกกระบี่ขอบเขต ก่อก าเนิด ผู้ฝึกยุทธขอบเขตยอดเขา
นี่ ทาให้อื่นกวานหนุ่ มที่มีเมฆหมอกล้อมวนค่อนข้างมี ความหมายเหมือนเป็ นคนเฝ้ าประตู ราวกับว่าไม่ว่าจะเป็ นใคร ขอแค่ เอาชนะเฉินสืออีได้ก็จะมีศักยภาพพอให้ขึ้นกระดาน
และในบรรดาตัวส ารองสิบคนก็มีหม่าขู่เสวียนแห่งภูเขาเจินอู่ ของแจกันสมบัติทวีป สวี่ป๋ ายแห่งทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง ฉุนชิง แห่งถ้าสวรรค์จู๋ไห่
ก่อนหน้านี้หม่าขู่เสวียนไปหาเรื่องเซอเยว่ อันที่จริงก็ไม่ถือว่า เป็ นการประลองวิชาคาถากัน เพราะเซอเยว่เป็ นฝ่ ายยอมแพ้ไปก่อน แต่หากจะพูดกันถึงวิชาการหลบหนี อันที่จริงเซอเยว่ก็ไม่ได้อ่อนด้อย เลย
แต่สวี่ป๋ ายกลับไม่ได้โชคดีขนาดนั้นแล้ว ต่อให้เขาจะไม่อยากมี ความขัดแย้งกับหม่าขู่เสวียนเลยแม้แต่น้อย แต่หม่าขู่เสวียนกลับไม่ ยอมเปิดโอกาสให้สวี่ป๋ ายได้หลบเลี่ยงประกายเฉียบคม
ในบรรดาคนทั้งสามก็มีแค่ฉุนชิงเท่านั้นที่ประลองฝีมือกับหม่าขู่ เสวียนอย่างจริงจังขณะเดียวกันหม่าขู่เสวียนเองก็ใส่ใจการประลอง เวทคาถาครั้งนี้มากที่สุด เพียงแค่เพราะฉุนชิงที่เป็ นลูกศิษย์ผู้สืบทอด
เพียงหนึ่งเดียวของฮูหยินภูเขาชิงเสินมีเส้นทางการฝึ กตนที่คล้าย กับเฉินผิงอันมากที่สุด
เพราะถึงอย่างไรลาพังแค่ปรมาจารย์วิถีวรยุทธที่เคยไปเที่ยว เยือนถ้าสวรรค์จู๋ไห่ทั้งยัง เคยสอนหมัดให้กับฉุนชิงก็มีขอบเขต ปลายทางมากถึงสี่ท่านแล้ว
ในความเป็ นจริงแล้วการประลองฝี มือครั้งนี้ หม่าขู่เสวียน สามารถสยบก าราบฉุนชิงได้อย่างมั่นคงมาตั้งแต่ต้นจนจบ สุดท้าย เขาก็ได้มอบคาประเมินที่ไม่ถือว่าเป็ นคาประเมินให้แก่แม่ทัพผู้พ่าย ด้วยน้ามือของเขาผู้นี้
ความหมายคร่าวๆ ก็คือ “เตือนด้วยความหวังดี” แก่ฉุนชิงว่าวัน หน้าอย่าได้เรียนหมัดอีกเลย แม้แต่จะถือรองเท้าให้เจ้าคนแซ่เฉินก็ยัง ไม่คู่ควร ไม่สู้หันไปตั้งใจฝึกตนยังดีเสียกว่า
บทสนทนาที่เป็ นเพียงแค่การคุยเล่นเรื่อยเปื่อยเท่านั้นจริงๆ กลับ ท าให้ซ่งจี๋ที่ได้ยินต้องก้มหน้าลงต่าแล้วต่าอีก
เพราะในที่สุดนางก็แน่ใจในสถานะที่น่าตกตะลึงของบุรุษทั้งสอง ได้แล้ว
เจ้าสานักรุ่นที่สองของสานักกระบี่หลงเฉวียน เซียนกระบี่หลิว เสี้ยนหยาง กู้ช่านแห่งตรอกหนีผิงถ้าสวรรค์หลีจู ลูกศิษย์ผู้สืบทอด ของเจิ้งจวีจงแห่งนครจักรพรรดิขาว
พวกเขาเป็ นคนบ้านเดียวกันกับหม่าขู่เสวียนที่มาจากตรอกซิ่งฮ วา
ใช่แล้ว
มีเพียงลูกรักแห่งสวรรค์อย่างพวกเขาเท่านั้นที่ถึงจะสามารถพูด ถึงหม่าขู่เสวียนด้วยสภาพจิตใจที่นิ่งสงบเช่นนี้ได้ ความไม่ยี่หระที่ คล้ายกับแผ่ออกมาจากกระดูกนั้นไม่ใช่การเสแสร ้งแกล้งท าแม้แต่ น้อย แล้วก็ไม่มีความจาเป็ นที่จะต้องแสร ้งทาเป็ นไม่ใส่ใจด้วย