กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1089.4 การแก้แค้นคือการดื่มเพียงลาพัง
หลิวเสี้ยนหยางถามชวนคุย “เจ้าเคยรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับพวก เขาสองคน ในความเห็นของเจ้า ฉุนชิงกับสวี่ป๋ ายมีมาตรฐานอยู่ใน ระดับใด?”
กู้ช่านจิบเหล้าหนึ่งอีก “ข้อเสียของสวี่ป๋ ายคือตอนที่จับคู่เช่นฆ่า กับผู้อื่น จิตใจไม่อามหิตมากพอ ดังนั้นจึงต้องมองขอบเขตของเขา ต่ากว่าความเป็ นจริงหนึ่งขั้น ข้อดีคือเชี่ยวชาญการวางแผน ความสามารถในการน าทัพและความสามารถในการบัญชาการณ์ ทหารล้วนเป็ นความถนัดมาตั้งแต่เกิดของสวี่ป๋ าย พอไปถึงบนสนาม รบ การโยกย้ายก าลังพลของสวี่ป๋ ายก็จะกลายเป็ นความเด็ดขาดใจ ด าผิดจากปกติ แต่หากเจอกันตัวต่อตัว สวี่ป๋ ายเจอกับข้า เขาต้อง ตายอย่างมิต้องสงสัย”
“ฉุนชิงเรียนรู้หลากหลาย คุณสมบัติดีมากจริงๆ ในบรรดาคนรุ่น เยาว์สิบคนกับตัวสารองสิบคน นางคือคนที่อายุน้อยที่สุดก็ใช่ว่าจะไม่ มีเหตุผล ทุกวันนี้ฉุนชิงเพิ่งจะอายุยี่สิบกว่าปี ในฐานะผู้ฝึกยุทธเต็ม ตัว ผ่านศึกของเปลี่ยวร ้างไปแล้ว คาดว่าอีกไม่นานนางก็น่าจะฝ่ า ทะลุคอขวดของขอบเขตเดินทางไกลได้แล้ว วิชาหมัดวิชาการโจมตี เชี่ยวชาญอาวุธสารพัดอย่าง ในฐานะผู้ฝึกลมปราณก็เป็ นคอขวด ขอบเขตก่อก าเนิดมานานแล้ว ห้าธาตุและชัยภูมิ วิชาสายฟ้ าและ
ยันต์ ค่ายกลกลไก เชิญวิญญาณเข้าทรง บงการผีสั่งเทพ ล่าสัตว์ไล่ ฆ่า อาพรางตัวหลบหนี นางล้วนเชี่ยวชาญทุกด้าน อีกทั้งยังมีช่องว่าง ที่จะให้นางเติบโตอีกมาก ข้อดีของนางน่าจะอยู่หลังจากที่เลื่อนเป็ น ขอบเขตบินทะยานแล้ว เกินครึ่งฉุนชิงน่าจะเป็ นบินทะยานผู้แข็งแกร่ง ที่ได้ทั้งโจมตีและป้ องกันไปในคราวเดียวกัน ผลสาเร็จบนมหามรรคา สูงกว่าชิงมี่ผู้ฝึกตนอิสระ คล้ายคลึงกับหันเชี่ยวเซ่ออาจารย์อาหญิง ของข้าหลังออกจากด่าน ข้าคาดว่าฮว่อหลงเจินเหรินของอุตรกุรุ ทวีปจะต้องกลายเป็ นกุญแจสาคัญที่สุดของระดับความสูงมหามรรคา ของฉุนชิงในอนาคต หากฉุนชิงมีสถานะผู้ฝึ กกระบี่เพิ่มมาอีก ชั้นหนึ่งก็สามารถมองนางเป็ นเฉินผิงอันแห่งภูเขาเครื่องกระเบื้องคน หนึ่งได้เลย”
หลิวเสี้ยนหยางหลุดขาอย่างอดไม่อยู่ หากไม่เป็ นเพราะคา ประเมินที่ว่าร ้ายคนอื่นสุดๆ ประโยคสุดท้ายของเจ้า ข้าก็จะเชื่อเจ้า กู้ช่านจริงๆ แล้ว
ความนัยในประโยคนี้ของเจ้าขี้มูกยึดน้อยก็คือมองดูเหมือนฉุน ชิงคล้ายเฉินผิงอันมากจริงๆ แต่ถึงอย่างไรก็แค่เป็ นการเทียบกับ “ผลงานที่แท้จริง” เท่านั้น นางเป็ นแค่เครื่องกระเบื้องเลียนแบบที่เผา ออกมาอย่างหยาบๆ หากไปอยู่บ้านเกิดของพวกเขาก็มีแต่จะถูกทุบ ทาลายแล้วโยนทิ้งไปไว้ที่ภูเขาเครื่องกระเบื้องก็เท่านั้น
ก่อนหน้านี้ระหว่างที่เฉินผิงอันถามหมัดต่อภูเขาตะวันเที่ยง อันที่ จริงหม่าขู่เสวียนก็คอยมองดูอยู่ใกล้ๆ อวี๋สืออู้ยังถึงขั้นพูดว่านี่คือ โอกาสเพียงหนึ่งเดียวของหม่าขู่เสวียนแล้ว
ภายหลังรอกระทั่งข่าวที่เฉินผิงอันแกะสลักตัวอักษรลงบนหัว ก าแพงเมืองแพร่มาถึงไพศาลก็ยิ่งทาให้หม่าขู่เสวียนไม่แน่ใจใน
ความตื้นลึกของอีกฝ่ายเข้าไปใหญ่
หลิวเสี้ยนหยางถามอย่างใคร่รู ้ “เจ้าวางตัวหมากไว้ในจวนหม่า อ าเภอหย่งเจียด้วยใช่ไหม?”
“ไหนๆ ก็อยู่ว่างๆ ต้องหาเรื่องอะไรทาสักหน่อย”
กู้ช่านพยักหน้า “กังวลว่าจะเป็ นการแหวกหญ้าให้งูตื่น ก็เลยไม่ กล้าวางตัวคนไว้มากนัก ก่อนและหลัง รวมๆ แล้วก็แค่โยนตะปูเข้าไป ข้างในสามดอกเท่านั้น เมื่อหลายปีก่อนถูกถอนทิ้งไปดอกหนึ่ง คือผู้ ฝึ กตนเฒ่าขอบเขตชมมหาสมุทรที่ทั้งรูปร่างและจิตวิญญาณล้วน เสื่อมโทรม ตัวเขาเองไม่ทันระวังเผยเบาะแสออกไป ดังนั้นเพียงไม่ นานก็ถูกเสิ่นเค่อลงมือทาลายร่องรอยของศพทิ้งไปอย่างรวดเร็ว ค่าตอบแทนที่มีอยู่ในข้อตกลง ลูกศิษย์ผู้สืบทอดของเขาสองคน ทุก วันนี้ต่างก็ร่ารวยกันแล้ว ข้าได้ช่วยหาผู้ถ่ายทอดมรรคาให้พวกเขา ต่างก็เป็ นผู้ถวายงานที่ไม่ได้รับการบันทึกชื่อของนครจักรพรรดิขาว ดังนั้นข้าถึงขั้นสงสัยว่าคนผู้นี้จงใจรนหาที่ตายหรือไม่ เพราะหากอิง จากเนื้อหาข้อตกลงที่ข้าทาสัญญากับเขาไว้ในตอนนั้น หากเขาไม่ ทันระวังตายไปในบ้านตระกูลหม่า ลูกศิษย์สองคนของเขาก็จะได้
ผลประโยชน์มากที่สุด วันหน้าหากข้าจะทาการค้าที่เป็ นธรรมกับใคร อีกก็ต้องระวังช่องโหว่เรื่องนี้ให้ดีถึงจะได้”
“และยังมีอีกดอกหนึ่งที่ถูกกันออกนอกวงหมดสิ้นบทบาทอย่าง สิ้นเชิง แรกเริ่มทางานอยู่ในโรงเตี๊ยมตระกูลเซียนของตระกูลหม่า มี ชีวิตที่ไม่เลว แต่ก็ไม่อาจส่งข้อมูลที่เป็ นประโยชน์อะไรออกมาได้ ทุก วันนี้ดูแลเรื่องการค้าขายล่างภูเขาของโรงฝากเงินขนาดเล็กแห่งหนึ่ง ของตระกูลหม่า ตะปูตัวสุดท้ายที่เหลืออยู่ก็สามารถมองข้ามไปได้ เช่นกัน เพียงแค่เพราะไม่ใช่ผู้ฝึกลมปราณถึงยังถูกเก็บเอาไว้ ไม่ได้ เกี่ยวข้องกับว่านางฉลาดหรือไม่ฉลาดทุกวันนี้เป็ นได้แค่อนุภรรยา ของลูกหลานสกุลหม่าคนหนึ่งเท่านั้น บอกว่ารับเป็ นอนุภรรยาแต่ นางกลับไม่ได้เข้าแม้กระทั่งประตูข้างของจวนหม่าด้วยซ้า ได้แต่ถูก เลี้ยงดูอยู่ข้างนอกคอยเป่ าลมข้างหมอน พูดจาไร้สาระสองสาม ประโยคยังพอจะท าได้ เพียงแต่ว่าหากผ่านไปอีกสักห้าหกปี นางก็จะ แก่ชรารูปโฉมเสื่อมโทรม สูญเสียความโปรดปราน นั่นก็ยิ่งจะไม่มี ประโยชน์แล้ว”
กู้ช่านพูดมาถึงตรงนี้ก็ส่ายหน้าอยู่กับตัวเอง “ต่อให้ตะปูถูกซ่อน ไว้ลึกมาก แล้วก็ยังคงอยู่ แต่ด้วยรากฐานก าลังทรัพย์จากกิจการ ใหญ่โตของตระกูลสกุลหม่าทุกวันนี้ เหยียบไปโดนตะปูที่ถูกโยนทิ้ง ไว้บนพื้นพวกนี้ คิดดูแล้วก็คงไม่มีทางที่มเท้าพวกเขา เพราะถึง อย่างไรข้าก็ไม่ได้จับตามองด้วยตัวเอง แต่ละคนโง่กันเหลือเกิน”
ตรงโต๊ะคิดเงิน ซ่งจี๋ฟังด้วยความอกสั่นขวัญผวา สีหน้าซีดเผือด นายท่านจากสวรรค์ทั้งหลายหนอ พวกเจ้าพูดคุยกันช่วยใช ้เสียงใน ใจหน่อยเถิด
ตอนนี้นางเริ่มกังวลแล้วว่าตัวเองจะมีจุดจบที่ถูก “ทาลายศพ” ไป ด้วยอีกคนหรือไม่
ดื่มเหล้าของร ้านข้า ผลกลับจะมอบข้าวหัวขาดให้ข้าด้วยอีก ชามหรือ?
พวกเจ้าก็รังแกกันเกินไปแล้ว
เผยเฉียนเหลือบมองเหนียงเนียงเทพภูเขาคล้ายตั้งใจคล้ายไม่ได้ เจตนา สภาพจิตใจของสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาสายน้าในโลกมนุษย์ ค่อนข้างจะจืดชืดน่าเบื่อ มีแต่รูปแบบเดิมๆ ไม่มีความแปลกใหม่ ส่วน ใหญ่จะเป็ นศาลหรือไม่ก็เทวรูปร่างทองที่ล้อมวนไปด้วยควันธูปความ ต่างอยู่แค่ว่าควันธูปมีมากหรือน้อยและระดับความสูงต่าของร่างทอง รวมไปถึงระดับความบริสุทธิ์ของร่างทองเท่านั้น ส่วนเทพอภิบาล เมืองแต่ละระดับ ก็น่าจะเป็ นเพราะหยินหยางมิอาจเชื่อมโยงถึงกัน มืด และสว่างมีความต่าง ต่อให้จะเป็ นเทพอภิบาลเมืองประจ าอาเภอที่ ระดับขั้นต่าที่สุด ต่อให้เป็ นเผยเฉียนก็ยังมองไม่เห็นภาพบรรยากาศ ที่อยู่ภายในได้อย่างแจ่มแจ้ง
หลิวเสี้ยนหยางได้ยินแผนการของกู้ช่านก็ผิดหวังอย่างหนัก พูด บ่นว่า “แค่นี้เองหรือ?”
กู้ข่านหัวเราะหยัน “ไม่อย่างนั้น?”
จัดวางสายสืบ อบรมปลูกฝังนักรบพลีชีพ และยังต้องป้ องกัน ไม่ให้สายลับแว้งกัดกลายเป็ นพวกศัตรู เจ้าคิดว่าเป็ นเรื่องง่ายนักหรือ ไร?
หลิวเสี้ยนหยางเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้ายังนึกว่าตะปูที่เจ้า โยนเข้าไป ไม่ว่าอย่างไรก็น่าจะสามารถมีเก้าอี้นั่งอยู่ในศาลบรรพชน สกุลหม่าได้แล้ว”
กู้ช่านกล่าว “ท าไมเจ้าไม่พูดไปเลยล่ะว่าหม่าเหยียน ฉินเจิงล้วน เป็ นตะปูที่ข้าจัดวางไว้ข้างกายหม่าขู่เสวียน?”
หลิวเสี้ยนหยางดวงตาเป็ นประกาย กล่าวอย่างคนนั่งพูดไม่ปวด เอวว่า “กู้ช่าน คุยกับข้าไปเรื่อยๆ เจ้าก็เริ่มหัวไวแล้วนะ ข้าคิดว่าวิธีนี้ ไม่เลวเลยจริงๆ ใช ้ได้ วันหน้าเจ้าสามารถลองเพิ่มความพยายามใน ด้านนี้ให้มากหน่อยได้”
กู้ช่านถ่มน้าลายใส่หลิวเสี้ยนหยางโดยตรง หลิวเสี้ยนหยางเอียง หัวหลบ ไม่เพียงแต่ไม่โกรธ ยังรีบดื่มเหล้าในชามให้หมด ยกชามที่ ว่างเปล่าขึ้น ยังท้าทายกู้ช่านต่อด้วยว่า “เป็ นอาวุธลับที่ดี เอาอีกๆ ดู สิว่าข้าจะสามารถรับได้เต็มชามใหญ่หรือไม่ เอาให้เต็มเลยนะ แล้ว ค่อยแหงนหน้ากระดกดื่มให้หมด ฟังแล้วค่อนข้างน่าขยะแขยง ว่า ไหมแม่นางกู้?”
เผยเฉียนยิ้มกว้าง
กู้หลิงเยี่ยนที่นั่งอยู่ข้างกระถางไฟเพียงลาพังข่มกลั้นแล้วข่ม กลั้นอีก สุดท้ายก็ทนไม่ไหวกุมท้องหัวเราะก๊าก “ขอแค่คุณชายของ ข้าไม่มีความเห็นต่าง ข้าก็ย่อมไม่ถือสาอยู่แล้ว”
กู้ช่านเอ่ยเยาะเย้ย “ลูกหลานสกุลหม่ากลุ่มนั้นล้วนเป็ นพวกเศษ สวะไร ้ประโยชน์ที่จิตใจล่องลอยไม่หนักแน่น แม้แต่คุณสมบัติจะเป็ น ตัวหมากก็ยังไม่มี นายท่านใหญ่หลิวที่มุ่งมั่นอยู่แต่กับการฝึกกระบี่ ตัวเจ้าลองลูบหัวตัวเองแล้วพูดดูสิว่าจะให้ข้าที่ไม่ได้อยู่ในแจกัน สมบัติทวีปคนนี้ทาอย่างไร?”
หลิวเสี้ยนหยางพูดอย่างเต็มไปด้วยเหตุด้วยผลว่า “เตือนเจ้าไว้ เลยนะว่าให้พูดกับข้าดีๆ เรื่องผิดศีลธรรมบอกใครไม่ได้ประเภทนี้ หากข้าอารมณ์ดีก็อาจจะเผลอหลุดปากพูดให้เฉินผิงอันฟังได้”
กู้ช่านกลัวเฉินผิงอัน เฉินผิงอันกลัวตน นี่เรียกว่าน้าพะโล้เจอ กับเต้าหู้ ของสิ่งหนึ่งมักจะข่มของอีกสิ่งหนึ่งได้เสมอ
ข้านายท่านใหญ่หลิวไม่จาเป็ นต้องมางัดข้อกับเจ้าขี้มูกยึดน้อย คนหนึ่งเลย ห่างกันตั้งสองขอบเขต
หลิวเสี้ยนหยางลุกขึ้นยืน เอ่ยอย่างเกียจคร ้านว่า “เหล้าก็ดื่มไป แล้ว ควรจะทาเรื่องเป็ นการเป็ นงานได้แล้ว”
กู้ช่านไม่ได้ลุกขึ้นตาม ขมวดคิ้วกล่าวว่า “จะไปที่ไหน ทาอะไร?”
หลิวเสี้ยนหยางกลอกตามองบน “มีแต่เจ้านี่และที่พูดจาเหมือน ผายลมเยอะแยะ หัดเรียนรู้จากเฉินผิงอันให้มากๆ หน่อย แค่ตามกัน นายท่านใหญ่หลิวก็ได้กินของอร่อยของดีแล้ว”
กู้ช่านส่ายหน้า “ถ้าเจ้าไม่พูดให้ชัดเจน ข้าก็จะอยู่ที่นี่ต่อ”
มารดามันเถอะ ท าผิดพลาดอะไรไป เฉินผิงอันไม่กล้าว่าอะไรเจ้า แต่ข้าจะท าอย่างไร?
ก่อนหน้านี้อยู่บนภูเขาลั่วพั่ว ข้าหวังดีอยากจะไปช่วยที่ใบถง ทวีป ลองฟังดูสิว่าเขาพูดว่าอย่างไร ไม่ใช่ย้อนกลับมาสั่งสอนว่าข้า ว่างงานเกินไป เป็ นเซียนเหรินแล้วหรือไร?
พลังอานาจทั่วร่างของหลิวเสี้ยนหยางแปรเปลี่ยนไปทันที เอ่ย อย่างเฉยเมยว่า “พวกเจ้าสามคนไปที่ศาลเทพอภิบาลเมืองของเมือง หลวงรอบหนึ่งก่อน ข้าจะไปที่วังหลวงแคว้นอจี้เซวียน”
เผยเฉียนลุกขึ้นยืนนานแล้ว ในมือถือไม้เท้าไม้ไผ่เขียว ถามว่า “เจ้าส านักหลิว ข้าอยากไปเยือนกองโหราศาสตร ์เพียงล าพังสักรอบ”
หลิวเสี้ยนหยางคิดแล้วก็พยักหน้าเอ่ย “ได้อยู่แล้ว จาไว้ว่า เปลี่ยนการแต่งกายเสียใหม่ หากต้องลงมือจริงๆ ก็ไม่ต้องลังเล ไม่ว่า จะเกิดเรื่องอะไร ข้าจะช่วยพูดกับอาจารย์พ่อของเจ้าแทนเจ้าเอง”
เมื่อกู้ช่านลุกขึ้นยืน กู้หลิงเยี่ยนที่ชื่อจริงคือจื่ออู่เมิ่งก็รีบสวม รองเท้าและถุงเท้าโดยเร็วลุกขึ้นตามมาด้วย
หลิวเสี้ยนหยางมองเหนียงเนียงเทพภูเขาแวบหนึ่ง ยิ้มบางๆ เอ่ย ว่า “ว่าอย่างไร?”
ซ่งจี๋กัดฟัน “วันนี้ร ้านเหล้าปิดแล้ว ไม่มีลูกค้าคนใดมาเยือน”
หลิวเสี้ยนหยางถาม “หากเทพภูเขาฉางถามเจ้าเองล่ะ?”
ซ่งจี๋เงียบงันไร้ค าพูด เพราะนางไม่กล้าให้ค ารับรองอะไรจริงๆ ถึง อย่างไรนางก็เป็ นแค่เทพภูเขาน้อยๆ ที่ต้องพึ่งพาอยู่ใต้ชายคาของ ผู้อื่น ภูเขาเจ๋อเยาอยู่ในการดูแลของภูเขาลู่เจียวโดยตรง
หลิวเสี้ยนหยางยิ้มเอ่ย “หากเกิดสถานการณ์เช่นนี้จริงๆ ถ้า อย่างนั้นเจ้าก็ตอบไปตามจริง จ าไว้ว่าสุดท้ายน าความไปบอกกับฉาง เฟิ่งฮั่นด้วยว่า หากมีใครของภูเขาลู่เจี้ยวกล้าท าให้เจ้าล าบากใจ ข้า ก็จะให้จวนเทพภูเขากลายเป็ นยอดเขาอีเซี่ยนของภูเขาตะวันเที่ยง แห่งที่สอง”
หลิวเสี้ยนหยางสวมงอบเรียบร ้อยแล้วก็ไม่ได้รีบร ้อนออกเดินทาง ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก็เอ่ยเนิบช ้าว่า “มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย กู้ช่าน ไปที่วังหลวง เผยเฉียนไปที่ศาลเทพอภิบาลเมืองประจ าเมืองหลวง กู้ห ลิงเยี่ยนไปที่กองโหราศาสตร ์ ข้าลาบากหน่อย จะเดินทางไกลสัก ครั้ง”
กู้ข่านกล่าว “เจ้าไม่เหมาะ เปลี่ยนให้ข้าไปเองดีกว่า”
หลิวเสี้ยนหยางยื่นมือไปกดหัวกู้ช่าน สายตามองตรงไปเบื้อง หน้า คลี่ยิ้มเจิดจ้าเอ่ยว่า “ไม่มีเหตุผลเช่นนี้ ในบรรดาพวกเราสาม คน เจ้าต่างหากที่อายุน้อยที่สุด”
กู้ช่านยื่นมือมาปัดมือของหลิวเสี้ยนหยางทิ้ง แต่กลับไม่ได้พูด อะไร ถือเป็ นการตอบตกลงกับข้อเสนอของหลิวเสี้ยนหยางแล้ว
ธงหน้าร ้านเหล้าปักเอียง ด้านนอกยังคงมีฝนใหญ่เทกระหน่า เส้นทางเปรอะแฉะไปด้วยดินโคลนเดินล าบาก
หลิวเสี้ยนหยางเอ่ยเสียงเบาว่า “กู้ช่าน ต่อให้บนร่างของสหายมี นิสัยเสียๆ อยู่มากมายก็ยังเป็ นเพื่อนกันอยู่ดี”
“แต่ข้ากับเฉินผิงอันมีอยู่อย่างหนึ่งที่ไม่เหมือนกัน ข้าจะโน้มน้าว สหายแค่ครั้งเดียวหากไม่ฟังก็ช่าง”
“เจ้าอยากถามข้ามาโดยตลอดใช่หรือไม่ว่า หากเปลี่ยนเป็ นข้า ไปที่ทะเลสาบซูเจี่ยนจะท าอย่างไร? บอกกับเจ้าตามตรงเลยก็แล้วกัน ข้าจะโน้มน้าวให้เจ้าหยุด หากเจ้าไม่ฟัง ข้าก็จะถอยออกจาก ทะเลสาบซูเจี่ยนไปให้ไกล รอฟังข่าวที่เจ้าถูกคนฆ่าตายแล้วค่อยแก้ แค้นให้เจ้า ฆ่าคนที่ฆ่าเจ้า แค่นี้เท่านั้น”
กู้ชานยิ้มเอ่ย “เป็ นคาตอบที่ดีกว่าที่ข้าจินตนาการไว้มากแล้ว”
หลิวเสี้ยนหยางจับประคองงอบ ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “เจ้าขี้มูกยึดน้อย เส้นทางยังอีกยาวไกล ไม่ว่าวันหน้าผลส าเร็จของพวกเราสามคนจะ สูงหรือต่า ถึงอย่างไรเจ้าก็ยังเป็ นคนที่อายุน้อยที่สุดอยู่ดี จะได้กาไร
หรือจะขาดทุน ตอนนี้ยังบอกได้ยาก ข้าแค่อยากขอร ้องให้เจ้ารับรอง ในข้อหนึ่ง อย่ามาหาเรื่องข้า ไม่ใช่ว่าข้าจะลาบากใจ ข้าไม่มีทาง ลาบากใจ คนที่ลาบากใจมีแต่เฉินผิงอันเท่านั้น นอกจากนี้หากเจ้ามี เรื่องกับเฉินผิงอัน ข้าก็ต้องช่วยเขาแน่นอน ข้ากับเฉินผิงอันเกิด ความขัดแย้งกัน เจ้าก็ต้องช่วยเขาแน่นอน เรื่องกลับจะง่ายดายแล้ว
พอจะเข้าใจได้หรือไม่?”
กู้ช่านพยักหน้า “เข้าใจ แล้วก็รับได้ด้วย”
หลิวเสี้ยนหยางสวมเสื้อกันฝนอีกครั้ง ครั้นจึงฝ่ าม่านฝนออกไป เรือนกายกลายเป็ นสายรุ ้งทะยานลมจากไป
กู้หลิงเยี่ยนถามอย่างประหลาดใจว่า “เขาจะไปที่ไหน?”
กู้ชานสวมงอบไม้ไผ่ ผูกเสื้อกันฝนให้เรียบร ้อย เงียบงันไม่พูดไม่ จา
เผยเฉียนช่วยให้ค าตอบแทนว่า “ศาลบรรพจารย์ภูเขาเจินอู่”
กู้หลิงเยี่ยนถอนหายใจเบาๆ อารมณ์ซับซ ้อน อันที่จริงนางไม่ อาจเข้าใจได้เลย กู้ช่านเฉินผิงอัน หลิวเสี้ยนหยาง นิสัยของพวกเขา แต่ละคนต่างกันมากขนาดนี้ แล้วกลายมาเป็ นเพื่อนกันได้อย่างไร แล้วยังเป็ นเพื่อนกันมาโดยตลอดด้วย
มิน่าเล่ากู้ช่านถึงได้บอกว่าไม่เหมาะสม ไม่ว่าจะอย่างไรหลิว เสี้ยนหยางก็เป็ นเจ้าสานักคนปัจจุบันของสานักกระบี่หลงเฉวียน และ ศาลลมหิมะที่ถือว่าเป็ นบ้านเดิมของสานักกระบี่หลงเฉวียนครึ่งตัวกับ
ภูเขาเจินอู่ก็ยังเป็ นปฐมส านักของส านักการทหารของแจกันสมบัติ ทวีปอีกด้วย
กู้ช่านเปิดปากพูด “เผยเฉียน อันที่จริงเจ้าไม่ได้รู ้จักเฉินผิงอัน อย่างแท้จริง นับแต่เด็กมาข้าก็ทั้งสนิทสนมแล้วก็ทั้งหวาดกลัวเขา ดังนั้นอยู่กับหลิวเสี้ยนหยางจึงเหมือนว่าไม่ว่าอะไรข้าก็ฟังเขาไป
หมด”
ไม่รู ้ว่าเหตุใด กู้หลิงเยี่ยนได้ยินแค่ถ้อยคาที่เรียบง่ายพูดด้วย น้าเสียงเรียบนิ่งเช่นนี้นางกลับขนลุกขนชันขึ้นมาทันใด
ถึงขั้นที่ว่ายังทาให้จื่ออู่เมิ่งหนึ่งในสิบผู้ฝึ กตนแผนภูมิฟ้ าของ เปลี่ยวร ้างผู้นี้รู ้สึกไม่สบายตัวได้มากกว่ายามที่ได้ดื่มเหล้าร่วมโต๊ะ
กับอิ่นกวานหนุ่มด้วยซ้า
เผยเฉียนท าท่าจะพูดแต่ก็ไม่พูด แต่สุดท้ายแล้วนางก็ไม่ได้เปิด ปากถามออกไป
ไม่ว่าอาจารย์พ่อในสายตาของกู้ช่านและหลิวเสี้ยนจะเป็ น อย่างไร อาจารย์พ่อก็คืออาจารย์พ่อ
“ภูเขาถั่วพั่วจะมีภาพสะท้อนหรือไม่?”
กู้ชานเอ่ยประโยคประหลาดนี้ก่อน จากนั้นก็คลี่ยิ้มสดใส “อันที่ จริงก็ไม่มีอะไรหรอกเฉินผิงอันก็คือเฉินผิงอัน