กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1090.1 มดรังนั้นล้วนแซ่เดียวกัน
เทศกาลชิงหมิงคือช่วงเวลาที่ฝนใหญ่ตกกระหน่า ตระกูลขุนนาง ชนชั้นสูงรวมไปถึงเหล่าบัณฑิตและสตรีในตระกูลส่วนใหญ่จะนั่งรถ ม้าไปเช่นไหว้บรรพบุรุษที่นอกเมือง แม้ว่าจะเป็ นการปัดกวาดสุสาน ให้กับคนที่ตายไปแล้ว แต่บนใหน้าของทุกคนกลับไม่มีสีหน้า โศกเศร ้า แต่ละคนแต่งกายงดงามโดดเด่น พกสุราชั้นดีและอาหาร เลิศรสไปด้วย ตลอดทางพูดคุยกันเสียงดังเอะอะ ส าเริงส าราญกัน อย่างยิ่ง เหมือนออกไปเที่ยวเล่นชานเมืองมากกว่ามิน่าเล่าในบันทึก ของปัญญาชนแคว้นอื่นจึงมักจะยกเรื่องนี้มาเหน็บแนมคนของเมือง หลวงแคว้นอวี้เซวียนว่ามีขนบธรรมเนียมให้ความสาคัญกับคนเป็ น เมินเฉยคนตาย ให้ค่าการมีชีวิตอยู่ ดูแคลนความตายมาตั้งนานแล้ว
เผยเฉียนจะไปที่ศาลเทพอภิบาลเมืองซึ่งอยู่ห่างจากวังหลวงและ กองโหราศาสตร ์ค่อนข้างไกล นางจึงบอกลากู้ช่านกับกู้หลิงเยี่ยน แล้วแฝงตัวเข้าไปในเมืองหลวงแคว้นอวี้เซวียนอย่างลับๆ ก่อนใคร
การป้ องกันของแคว้นเล็กๆ แห่งหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็ นวิธีการของบน หรือล่างภูเขา เมื่อมาเจอเข้ากับผู้ฝึกยุทธขอบเขตปลายทางที่มีน้อย จนนับนิ้วได้ก็ไม่ถือว่าเป็ นการป้ องกันที่เข้มงวดอะไร จะบอกว่าแปด ทิศมีแต่รูรั่วก็ไม่เกินจริงแม้แต่น้อย
กู้ช่านกลับพากู้หลิงเยี่ยนมาที่ประตูเมือง ยื่นส่งเอกสารผ่านด่าน เลือกที่จะเดินเข้าไปในเมืองหลวงอย่างถูกระเบียบ
กู้หลิงเยี่ยนที่สวมหมวกคลุมใบหน้าปิดปากหัวเราะคิก “ให้ข้าไป ที่กองโหราศาสตร ์หลิวเสี้ยนหยางวางใจ เจ้าก็วางใจเหมือนกันหรือ?”
กู้ช่านกล่าว “หลิวเสี้ยนหยางย่อมไม่ไว้ใจเจ้า แต่หลิวเสี้ยนหยาง ไม่สนใจเรื่องนี้ เขาแค่ควบคุมข้า แล้วค่อยให้ข้าควบคุมเจ้าอีกทีก็ได้ แล้ว”
กู้ช่านจะมีอะไรให้ต้องไม่ไว้ใจนาง เขาวางใจอย่างมาก เพราะ หากนางท าพลาดตรงไหนก็แค่คิดบัญชีกันไปตามกฎก็พอ
กู้หลิงเยี่ยนยิ้มเอ่ย “เขาเป็ นคนน่าสนใจมากจริงๆ”
กู้ช่านกล่าว “ข้าเคยพูดไปแล้วในร ้านเหล้าว่าหลิวเสี้ยนหยาง อาศัยแค่สัญชาตญาณเท่านั้น หากเจ้าคิดว่าประโยคนี้เป็ นการ ประเมินเขาต่าล่ะก็ ถ้าอย่างนั้นสมองของเจ้าก็มีปัญหาแล้ว”
กู้หลิงเยี่ยนเบ้ปาก
กู้ช่านเอ่ยเตือน “อีกเดี๋ยวพอเจ้าเข้าไปในกองโหราศาสตร ์แล้วก็ อ าพรางเรือนกายให้ดีรอจังหวะเหมาะๆ ในการลงมือ ตอนที่อยู่ว่างไม่ มีเรื่องอะไรทาก็เดินเล่นไปตามคลังลับหรือไม่ก็หอเก็บตาราของ หน่วยค านวณและหน่วยตรวจสอบให้มากหน่อย นอกจากจะต้องวาด ภาพแผนที่ที่แม่นยาออกมาแล้ว สิ่งปลูกสร ้างน้อยใหญ่และเครื่องมือ เฉพาะทุกชิ้น งานที่เหล่าขุนนางตามกองต่างๆ ง่วนท ากันก็ต้องวาด
ลงไปในภาพนี้ด้วย ทางที่ดีที่สุดอย่าให้พลาดรายละเอียดใดๆ ไป เดิน ไปดูไปวาดไป จ าไว้ว่าช่วยคัดลอกต าราลับและเอกสารของราช สานักเก่าบางส่วนมาด้วย หลักๆ แล้วให้เน้นในเรื่องของบันทึก เกี่ยวกับพิธีบวงสรวงเซ่นไหว้ พิธีแต่งงาน งานศพ นิมิตหมายอันดี และหายนะอันเป็ นภัยทั้งหมดในประวัติศาสตร ์ของตระกูลเซวียแห่ง แคว้นอวี่เซวียน รวมไปถึงสมุดเล่มสารองของประวัติในยุคสมัยต่างๆ และประวัติของตาหนักบูรพา ยิ่งมากก็ยิ่งมีประโยชน์ ในอนาคตข้า ต้องได้ใช ้”
ทุกวันนี้เฉินผิงอันกาลังแสวงหา “ขอบเขต” อะไร กู้ช่านพอจะ เดาเบาะแสได้คร่าวๆ แล้ว
กู้หลิงเยี่ยนถามหยั่งเชิง “เรื่องพวกนี้ล้วนเป็ นเรื่องเล็กน้อย ไม่มี ความยากอะไรเลยเพียงแต่ข้าควรจะตัดสินอย่างไรว่า ‘มีเรื่อง” หรือ “ไม่มีเรื่อง” ล่ะ?”
กู้ช่านมองผู้ฝึ กตนหญิงที่สวมหมวกคลุมหน้า กู้หลิงเยี่ยนรีบ เปลี่ยนคาพูดใหม่ทันทีว่า “ข้าจะตัดสินใจเอง”
คนทั้งสองเดินไปถึงจุดที่ต้องแยกย้ายกัน กู้หลิงเยี่ยนยอบกาย คารวะอย่างแช่มช ้อย “บ่าวขออวยพรล่วงหน้าให้คุณชายราบรื่น ตลอดเส้นทาง”
กู้ช่านกล่าว “การช่วยเหลือห้ามช่วยให้เสียเรื่อง”
กู้หลิงเยี่ยนยิ้มหวาน “บ่าวจาไว้แล้ว”
คงเป็ นเพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเฉินผิงอัน เขาถึงได้ยินดีจะพูด เตือนมากหน่อย
กู้ช่านกล่าว “เจ้าก็ไม่ต้องระมัดระวังมากเกินไป ในไหเลี้ยง ตะพาบเอาไว้ ต่อให้จะตัวใหญ่แค่ไหนก็มีขีดจ ากัด”
กู้หลิงเยี่ยนปิดปากหัวเราะคิกคัก ก็จริงนะ เมืองหลวงแคว้นเล็ก
แห่งนี้ก็คือน้าตื้นตะพาบเยอะตามแบบฉบับ
นางเดินมาถึงตรอกห่างไกลแห่งหนึ่งก็ร่ายวิชาคาถา อาพราง ร่องรอย เดินอาดๆ เข้าไปในกองโหราศาสตร ์ตราผนึกขุนเขาสายน้า บางอย่างสาหรับนางแล้วประหนึ่งด่านดินทรายที่พวกเด็กๆ ก่อเล่น กัน ขณะเดียวกันนางก็ปล่อยจิตหยินออกจากช่องโพรง จากนั้นใช ้ จิตหยางกายนอกกายเลือกหอสูงแห่งหนึ่ง ปล่อยให้จิตหยินรับหน้าที่ คัดลอกภาพแผนที่ของกองโหราศาสตร ์อย่างละเอียดแม่นย า แล้วให้ จิตหยางไป ‘คัดลอก ส าเนาของเอกสารและตาราตามสถานที่ต่างๆ ส่วนร่างจริงของนางเดินอยู่ในกองโหราศาสตร ์ ชมทัศนียภาพไป เรื่อยเปื่อย
ตลอดทางก็ได้เจอกับขุนนางของกองโหราศาสตร ์ที่ ได้รับสืบ ทอดบรรดาศักดิ์รุ่นต่อรุ่น บุตรสืบทอดกิจการต่อจากบิดา” อยู่หลาย กลุ่ม กู้หลิงเยี่ยนเกิดใจนึกสนุกจึงหยิบเอายันต์สืบทอดของทาง ตระกูล” ที่หายากหลายแผ่นออกมาจากชายแขนเสื้อ นางดีดนิ้วหนึ่ง ทียันต์ก็กลายเป็ นภาพมายาจับต้องไม่ได้ พากันไปแปะอยู่บน หน้าผากของหลิงไถหลาง ขุนนางร ้องประกาศ เมื่อเป็ นเช่นนี้ สิ่งที่
พวกเขาเห็นอยู่ในสายตา ไม่ว่าจะเป็ นคน สิ่งของ สิ่งปลูกสร ้างหรือ ทิวทัศน์ก็ล้วนถูกรับเข้ามาสู่คลองจักษุของกู้หลิงเยี่ยนทั้งหมด
และนี่ก็เป็ นครั้งแรกที่นางได้มาเยือนที่ว่าการที่ “ไม่ได้รับความ นิยม” อย่างกองโหราศาสตร ์ ทางฝั่งของใต้หล้าเปลี่ยวร ้างไม่เคย สนใจในเรื่องนี้ ดังนั้นเมื่อปรากฏอยู่ในสายตาของนางจึงกลายเป็ นว่า มีแต่เรื่องแปลกใหม่เต็มไปหมด นางเดินเล่นไปทั่วรอบหนึ่งแล้วถึงได้รู ้ ว่าขุนนางผู้ตรวจสอบของสถานที่แห่งนี้แบ่งออกเป็ นสองประเภท ประเภทแรกคือขุนนางฝ่ ายใน ถือเป็ นชามข้าวเหล็ก และยังมีอีก ประเภทหนึ่งที่เป็ นคนมีฝีมือซึ่งทางราชสานักเรียกใช ้ตัวชั่วคราว เป็ น การทางานระยะสั้น ฝ่ ายแรกไม่มีคากล่าวที่ว่าลาออกจากการเป็ นขุน นางกลับบ้านเกิดเพราะความแก่ชรา ขอแค่มีบรรพบุรุษเป็ นขุนนางผู้ ตรวจสอบ รุ่นบิดาก็ต้องเป็ นตามกัน รุ่นลูกรุ่นหลานก็เช่นเดียวกัน ทุกรุ่นทุกสมัยล้วนวนเวียนอยู่ในทีว่าการน้าใสแห่งนี้ มิอาจโยกย้าย ไปรับตาแหน่งอื่น เกิดมาเป็ นคนของกองโหราศาสตร ์ตายไปก็ต้อง เป็ นผีของกองโหราศาสตร ์ ทุ่มเทท างานจนกว่าชีวิตจะหาไม่อย่าง แท้จริง
หลิงไถหลางอายุน้อยคนหนึ่งกลับไปถึงที่ทางานของตัวเอง ห้อง มอชอยากแค้น แสงสว่างน้อยนิด เขาคลี่กางกระดาษและหยิบพู่กัน ขึ้นมา ก่อนจะเริ่มคานวณด้วยท่าทางลับๆ ล่อๆ บทความที่อยู่ใน เอกสารนั้นทาเอากู้หลิงเยี่ยนที่ “มองดูอยู่” รู ้สึกหัวโต ศาสตร ์การหา พื้นที่เพื่อเติมเต็มช่องว่าง ศาสตร ์การคานวณวงกลมอะไร พวกเจ้า
ต้องทาเรื่องพวกนี้ทุกวันเลยหรือ? มิน่าเล่าเส้นผมใต้หมวกขุนนางถึง ได้น้อยนิดเช่นนั้น
กู้หลิงเยี่ยนเหลือบมองไปยังถนนอูชาของอาเภอหย่งเจีย นาง สัมผัสไม่ได้ถึงความผิดปกติใดๆ
น่าเสียดายที่ในใบรายการของปีนั้น มีเพียงผู้ฝึ กกระบี่หลิวไฉ เท่านั้นที่ระบุวิชาอภินิหารแห่งชะตาชีวิตสองเล่มไว้อย่างชัดเจน
ในห้องของที่ว่าการ หัวหน้าผู้ตรวจการหลัวย่งชิงกับอูเจียน หลี่ ฝูจิ้งสองคนที่เป็ นรองหัวหน้า ขุนนางหลักสามคนนี้รวมตัวกันเพื่อ พูดคุยเรื่องหนึ่ง งานใหญ่อันดับหนึ่งตลอดหลายปี มานี้ของกอง โหราศาสตร ์ก็คือได้รับพระราชโองการให้ออกตรวจตราหาท าเลที เหมาะแก่การสร ้างสุสานหลวง หัวหน้าหลัวมักจะต้องจับมือกับขุน นางของฝ่ ายซือหลีเจียนกรมพิธีการและวัดไท่ฉาง พากันไปตามหา พื้นที่มงคลให้กับโอรสสวรรค์องค์ปัจจุบันบ่อยๆ สุสานในภูเขาคือ เรื่องที่สาคัญ จาเป็ นต้องเลือกอย่างพิถีพิถัน ให้ความสาคัญกับ รูปร่างของภูเขาภายนอก ตรวจสอบเส้นสายพลังงานของดินภายใน ตามหาสถานที่ที่มีทั้งภูเขาสายน้าและกลิ่นอายของราชา มิอาจมี ข้อผิดพลาดได้แม้แต่น้อย นี่เป็ นเรื่องที่ใหญ่และสาคัญมากทางฝั่ง ของกงองโหราศาสตร ์ต้องเลือกสรรถ้อยคาที่ใช ้ในฎีกาที่ถวาย รายงานอย่างระมัดระวัง ทั้งต้องแนบภาพประกอบเข้าไปด้วย ฮ่องเต้ เองก็ตอบฎีกากลับมาเกือบสิบครั้งแล้ว
ในหมู่ชาวบ้าน ตอนที่มีชีวิตอยู่พวกคนแก่ก็มักจะเริ่มเตรียมโลง ศพไว้ให้กับตัวเองแล้วตระกูลจักรพรรดิเอง ยามที่ฮ่องเต้เพิ่งขึ้น ครองราชย์ก็มักจะเริ่มเลือกสุสานที่ฮวงจุ้ยดีเยี่ยมไว้ให้ตัวเองเช่นกัน
ขุนนางผู้ตรวจสอบทั้งสามท่านมองถาดทรายสองถาดที่อยู่ใน ห้อง กรมพิธีการและกองโหราศาสตร ์ต่างก็เลือกที่ตั้งสุสานหลวงกัน
ได้คนละที่ แต่ละที่มีข้อดีต่างกันไป
รองหัวหน้าอูถามว่า “บัณฑิตเฒ่าหลิวยังคงยืนกรานในค าพูด ของเขาอยู่หรือ?”
ก่อนหน้านี้ไม่นานเขากับเหอเจาหัวหน้าสานักไท่ฉางซื่อไปนา ป้ ายวิญญาณของชินอ๋องผู้ก่อตั้งแคว้นทั้งสามพระองค์ไปไว้ในศาล ใหม่แต่ละแห่ง ทางราชส านักมีการก าหนดกฎระเบียบในการเซ่นไหว้ บวงสรวงขึ้นมาใหม่ เลื่อนระดับขึ้นเป็ นพิธีที่มีการเซ่นไหว้ด้วย เนื้อสัตว์ เพียงแต่ว่าภาชนะที่ใช ้กับเทวรูปซึ่งตั้งบูชาอยู่ในศาลยังคง เป็ นเครื่องเงินเหมือนเดิมจากนั้นก็มีการคัดเลือกขุนนางหลักในการ ทาพิธีเซ่นไหว้บวงสรวงขั้นแปดชั้นโทซึ่งจะต้อง“อยู่เฝ้ าศาล ตลอดไป” มาอีกสามคน
อย่าเห็นว่ากองโหราศาสตร ์คือที่ว่าการเก้าอี้เย็นน้าใสจืดชืด เรื่องที่ขุนนางผู้ตรวจสอบต้องทากลับไม่ใช่เรื่องเล็กเลยจริงๆ
รองหัวหน้าหลี่พยักหน้า “รองหัวหน้าหงแห่งส านักไท่ฉางซือเห็น ด้วยกับค ากล่าวของบัณฑิตหลิว ก่อนหน้านี้ข้ากับหัวหน้าหลัวไปใน
วังกันมารอบหนึ่ง โต้เถียงกับพวกเขาไปเล็กน้อย มองออกว่าฮ่องเต้ เองก็ค่อนข้างร าคาญพระทัย หากยังถ่วงเวลาอีกต่อไป คาดว่าต้อง โดนโบยคนละห้าสิบไม้แล้ว”
รองหัวหน้าอูยิ้มเอ่ย “ก็หลวงจีนจากต่างถิ่นอ่านคัมภีร ์เพราะกว่า นี่นะ พวกเจ้าควรเชื่อข้า ให้กองชานหลวนของภูเขาลู่เจี่ยวช่วยพูด ทวงความเป็ นธรรมให้กับกองโหราศาสตร ์ของพวกเราสักสองสาม ประโยค เรื่องนี้ก็จะได้ข้อสรุปที่แน่นอนแล้ว”
หัวหน้าหลัวย่งชิงถอนหายใจ “เจ้าไม่รู ้อะไร ระหว่างที่เจ้าออกไป จากเมืองหลวง ภูเขาลู่เจียววุ่นวายมาก ไหนเลยจะมีเวลามาสนใจ พวกเราอีก”
รอแค่ให้ฮ่องเต้เลือกสถานที่ได้ในท้ายที่สุด กองโหราศาสตร ์และ กรมพิธีการก็จะสามารถเลือกวันฤกษ์งามยามดีบอกกล่าวบรรพบุรุษ กรมโยธาด าเนินงาน ท าตามระเบียบพิธีการที่มีกาหนดไว้แต่เดิม สร ้างตาหนักบูชาขึ้นมาก่อน เตรียมรับไม้จื่อกง (ไม้ที่ฮองเต้ฮองเฮา หรือขุนนางคนส าคัญใช ้ท าโลงศพ) จากนั้นทางราชสานักจะส่งตัว นายกองทหารม้าคุ้มกันให้แยกย้ายกันน าพระราชโองการไปแจ้ง เตือนและทาพิธีเช่นไหว้แก่เทพภูเขา ณ สถานที่ที่ถูกเลือกเป็ นที่ สร ้างสุสาน เจ้ากรมโยธาท าพิธีเซ่นไหว้แก่เทพแห่งผืนดินและเทพ แห่งการก่อสร ้าง สุดท้ายก็น่าจะเป็ นรองเจ้ากรมโยธาท่านหนึ่งที่มา ตรวจสอบดูแลการด าเนินการอย่างละเอียด
เรียกได้ว่ามีภาระงานยิบย่อยวุ่นวายอย่างมาก
รองหัวหน้าอูกาลังจะถามว่าภูเขาลู่เจี่ยววุ่นวายอย่างไร ทว่าเวลา นี้เองกลับมีเสียงหัวเราะคิกคักของสตรีคนหนึ่งดังมาจากหน้าประตู “ที่ตั้งสุสานจักรพรรดิที่กองโหราศาสตร ์ของพวกเจ้าเลือกอย่างตั้งใจ นี้ เส้นพลังมังกรที่พาดผ่านจะโดดเดี่ยวเกินไปหน่อยหรือไม่?
พวกเจ้าไม่ต้องเชิญยอดฝีมือในท้องถิ่นที่รู ้เรื่องฮวงจุ้ยดีๆ สักสอง สามคนให้เข้าเมืองมาตรวจสอบช้า ช่วยพวกเจ้าวางแผนจริงๆ หรือ?”
ขุนนางฝ่ ายนอกที่ถูกเรียกตัวมาใช ้งานชั่วคราวอยู่ในกอง โหราศาสตร ์พวกนี้ ส่วนใหญ่แล้วตาแหน่งขุนนางมักจะต่ามาก ส่วนมากก็จะเป็ นขุนนางผู้ควบคุมนาฬิกาน้า ตี้ซือผู้ดูแลด้านชัยภูมิ ซึ่งเป็ นตาแหน่งขั้นเก้าหรือไม่ก็ขั้นเก้าชั้นโทซึ่งระดับต่าที่สุดแล้ว รอ กระทั่งงานบางโครงการเสร็จสิ้นก็จะปลดจากตาแหน่งขุนนาง ชั่วคราวนี้ทันที ราชสานักจะมอบเงินเดือนให้ส่วนหนึ่ง รวมถึงมอบ ข้าวของเครื่องใช ้ในห้องหนังสือจากสานักการผลิตให้พอเป็ นพิธี ทว่าต่อให้เป็ นเช่นนี้ฮ่องเต้ก็ยังต้องอ่านรายชื่อทั้งหมดด้วยตัวเอง หากระหว่างที่ขุนนางฝ่ ายนอกรับตาแหน่งแล้วไม่ผ่านการตรวจสอบ ของกรมขุนนางก็จะต้องถูกขับไล่ให้ออกจากกองโหราศาสตร์ไป อีก ทั้งต่อให้ถูกปลดไปเป็ นชาวบ้านธรรมดา กลับมาถึงในพื้นที่ก็ยังมิ อาจพูดเรื่องวงในของกองโหราศาสตร ์ได้แม้แต่ครึ่งคา หากถูกจับได้ ก็จะมีจุดจบเป็ นการถูกสวมตรวนเนรเทศออกไปไกลพันลี้ เรื่องลับ ประเภทนี้อย่าว่าแต่ประวัติศาสตร ์จากฝ่ ายทางการและเอกสารลับ ของฝ่ ายในเลย แม้กระทั่งจารึกท้องถิ่นและทาเนียบประจาตระกูลก็ไม่
อาจบันทึกไว้เป็ นลายลักษณ์อักษรได้ เว้นเสียจากว่ามีการเปลี่ยน ชะตาแคว้น ลูกหลานยุคหลังอยากจะสร ้างชื่อเสียงให้กับบรรพบุรุษ ถึงจะกล้าเขียนลงไปในท าเนียบตระกูลของตัวเอง
รองหัวหน้าอูตวาดสีหน้าดุดัน “ใคร?!”
กองโหราศาสตร ์คือพื้นที่ต้องห้ามของแคว้น ผู้ฝึ กลมปราณที่ กล้าบุกเข้ามาที่นี่โดยพลการต้องแบกรับผลลัพธ ์ที่ตามมาเอาเอง ขุน นางที่เข้าเวรก็ต้องพลอยรับเคราะห์ไปด้วยอีกทั้งยังไม่ใช่โทษทัณฑ์ เบาๆ มีคนหนึ่งก็นับคนหนึ่ง ไม่ว่าใครก็อย่าคิดจะหนี อีกทั้งต่างก็ ไม่ใช่เรื่องที่ว่าจะถูกกรมขุนนางประเมินผลต่าหรือทางราชสานักจะ ออกคาสั่งตักเตือนอะไรแล้ว
ตรงหน้าประตูมีริ้วน้ากระเพื่อมแผ่ ก่อนที่เรือนกายของสตรีผู้ หนึ่งจะเผยออกมา นางสวมหมวกคลุมศีรษะ เรือนกายอ้อนแอ้น ประหนึ่งสาวงามที่เดินออกมาจากในภาพวาด นางยื่นนิ้วหนึ่งมาวาง ไว้บนริมฝีปากบอกเป็ นนัยแก่พวกเขาว่าให้เงียบเสียง ส่วนตัวนาง เดินเข้าไปใกล้ถาดทราย คีบไม้ไผ่เหลืองที่เอาไว้ชี้ภาพขึ้นมาแล้ว เคาะไปตามเทือกเขาสายน้าเส้นพลังมังกรที่อยู่บนถาด แล้วก็นางเริ่ม พูดจาเหลวไหลด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ข้าท างานอยู่ในกองระเบียบพิธี การของภูเขาหลวนซาน เคยมีโอกาสได้พบหน้าบรรพบุรุษหลายคน ที่ตายไปแล้วของกองโหราศาสตร ์พวกเจ้า ในอดีตเคยพูดคุยกันเรื่อง ชัยภูมิ ศาสตร์การค านวณไม่ถือว่าใครสอนความรู้ให้ใคร น่าจะบอก ว่าต่างคนต่างได้ประโยชน์เสียมากกว่า ครั้งนี้บังเอิญผ่านทางมา มา
ยืมหนังสือสองสามเล่ม เพียงแต่เห็นว่าพวกเจ้าก าลังกลัดกลุ้มกับ เรื่องนี้ก็เลยอยากจะช่วยออกความคิดให้กับพวกเจ้า วางใจเถอะ คน กันเองทั้งนั้น หาไม่แล้วข้าจะต้องเปิ ดเผยตัวตนหาเรื่องใส่ตัวไป ท าไม”
นางอยู่ว่างไม่มีอะไรทาจนต้องหาเรื่องทาเท่านั้นจริงๆ
ขุนนางผู้ดูแลทั้งสามคนต่างก็กึ่งเชื่อกึ่งสงสัย แต่พวกเขาอาศัย การพูดคุยกันผ่านเสียงในใจไปรอบหนึ่งก็ตัดสินใจกันว่าจะนิ่งเฉยรอ ดูสถานการณ์ไปก่อน ไม่สะดวกจะนุ่มบ่ามลงมือ
ตาราและเครื่องมือที่เก็บไว้ในกองโหราศาสตร ์แม้จะสาคัญมาก ก็จริง แต่กลับไม่ได้มีมูลค่าตามความหมายของโลกมนุษย์โดยทั่วไป แล้วไม่มีผู้ฝึกลมปราณคนใดที่มาที่นี่เพื่อแสวงหาทรัพย์สินเงินทอง เพราะความอันตรายไม่ได้เท่าเทียมกับผลประโยชน์ที่จะได้รับ
วังหลวง ในห้องแห่งหนึ่งที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก สามีภรรยาวัย กลางคนคู่หนึ่งนั่งกันอยู่บนขอบเตียงเตา สตรีกลัวหนาว ในมือจึงถือ ตะกร ้าใส่ถ่านที่ประณีติงดงามเอาไว้
และยังมีผู้เฒ่าร่างเล็กเตี้ยคนหนึ่งที่ได้รับอนุญาตให้นั่งลงบน เก้าอี้ ข้างเท้าของเขาก็มีกระถางไฟ ผู้เฒ่าพูดคุยกับบุรุษด้วยท่าทาง สบายๆ
กาลังคุยกันถึงเรื่องที่ว่าทาไมหงจงอวี้ถึงได้เปลี่ยนจากสถานะขุน นางผู้พิพากษาฝ่ ายบุ๋นของศาลเทพอภิบาลเมืองในเมืองหลวงบ้าน
ตัวเอง เลื่อนขั้นไปเป็ นนายท่านเทพอภิบาลเมืองแห่งหลิงโจวของราช สานักต้าหลีซึ่งเป็ นแคว้นเหนือหัวได้ เพียงแต่ว่าพวกเขาคุยกันไปคุย กันมาก็ยังไม่ได้คาตอบที่ชัดเจนอยู่ดี
ไม่ว่าจะอย่างไร ขุนนางผู้พิพากษาหงได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ใน วงการขุนนาง สกุลเซวียของแคว้นอวี้เซวียนก็ถือว่ามีเกียรติตามไป ด้วย ส่วนวันหน้าเทพอภิบาลเมืองหงจะช่วยเหลือแคว้นอวี้เซวียน หรือไม่ก็ไม่ต้องไปคิดแล้ว ศาลเทพอภิบาลเมืองแต่ละระดับกับวงการ ขุนนางภูเขาสายน้าทั่วไปยังมีความแตกต่างกันอยู่มาก
จากนั้นก็ได้รับจดหมายลับที่ส่งมาจากจวนสกุลหม่าอาเภอหย่ง เจีย นี่ทาให้เซวียผังผู้เป็ นฮ่องเต้มีสีหน้าเคร่งเครียด ไม่มีข้อห้ามเรื่อง ที่ว่าวังหลวงไม่อาจยุ่งเกี่ยวกับการปกครองอะไร เขาส่งจดหมายลับ ให้ฮองเฮาอ่านโดยตรง ฮองเฮาอ่านแล้วก็ส่งต่อให้ผู้เฒ่า หวงเลี่ย ราชครูสามรัชสมัยของแคว้นอวี้เซวียน
ส่วนลึกในใจของฮองเฮาเคียดแค้นฉินเจิงมาก แม้จะบอกว่า หลายครั้งที่ได้พบเจอกันภายนอกก็ถือว่ากลมเกลียวกันดี แต่แท้จริง แล้วนางดูแคลนสตรีที่เป็ นประมุขหญิงสกุลหม่าผู้นี้ที่สุด หญิงคนหนึ่ง ที่เป็ นชาวบ้านธรรมดา ไก่พื้นบ้านบินขึ้นไปบนกิ่งไม้ได้ก็จะไม่ใช่ไก่ พื้นบ้านแล้วหรือ?
ผู้เฒ่าอ่านจดหมายลับแล้วก็ยู่หน้า เอ่ยเสียงเบาว่า “หายนะที่มา เยือนโดยไม่คาดฝันจริงๆ”
สกุลหม่าของเจ้าดวงชวยยิ่งนัก ไฉนจึงไปมีเรื่องกับคนผู้นี้ได้? แจกันสมบัติทวีปมียอดฝีมืออยู่มากมาย เปลี่ยนเป็ นคนอื่นไม่ได้หรือ? ดันจะต้องมาผูกปมแค้นกับคนผู้นี้?
ผู้เฒ่าคือโอสถทองเฒ่า เมื่อก่อนเซียนดินในแจกันสมบัติทวีป นับว่ามีน้าหนักอย่างมากแล้ว
บนอาณาเขตของทวีปแห่งหนึ่งที่มีแคว้นมากมายตั้งเรียงรายดุจ ต้นไม้ในผืนป่ าฮ่องเต้ผลัดกันนั่งครองบัลลังก ์ ทว่าเทพเซียนพสุธา กลับมีน้อยจนนับนิ้วได้ พูดถึงแค่ภูเขาตะวันเที่ยงกับสวนลมฟ้ า ทั้ง สองฝ่ายสะสมทรัพย์สมบัติกันมานานกี่ปีแล้ว แต่ถึงท้ายที่สุดก็ยังไม่มี ขอบเขตหยกดิบนั่งบัญชาการณ์ภูเขากันเสียที่ไม่ใช่หรือ? หากหลี่ จึงถวนหรือไม่ก็จู๋หวง ไม่ว่าจะเป็ นเซียนกระบี่คนใดที่ได้เลื่อนเป็ นห้า ขอบเขตบนในปีนั้น บุญคุณความแค้นที่สะสมมาหลายร ้อยปี ป่านนี้ ก็คงชาระกันจนเกลี้ยงเกลาไปนานแล้ว
ผู้เฒ่าคือโอสถทองเฒ่า เมื่อก่อนเขียนดินในแจกันสมบัติทวีป นับว่ามีน้าหนักอย่างมากแล้ว
บนอาณาเขตของทวีปแห่งหนึ่งที่มีแคว้นมากมายตั้งเรียงรายดุจ ต้นไม้ในผืนป่ าฮ่องเต้ผลัดกันนั่งครองบัลลังก ์ ทว่าเทพเซียนพสุธา กลับมีน้อยจนนับนิ้วได้ พูดถึงแค่ภูเขาตะวันเที่ยงกับสวนลมฟ้ า ทั้ง สองฝ่ายสะสมทรัพย์สมบัติกันมานานกี่ปีแล้ว แต่ถึงท้ายที่สุดก็ยังไม่มี ขอบเขตหยกดิบนั่งบัญชาการณ์ภูเขากันเสียที่ไม่ใช่หรือ? หากหลี่ จึงถวนหรือไม่ก็จู๋หวง ไม่ว่าจะเป็ นเซียนกระบี่คนใดที่ได้เลื่อนเป็ นห้า
ขอบเขตบนในปีนั้น บุญคุณความแค้นที่สะสมมาหลายร ้อยปี ป่านนี้ ก็คงชาระกันจนเกลี้ยงเกลาไปนานแล้ว
แน่นอนว่าแจกันสมบัติทวีปในทุกวันนี้ยิ่งทาให้คนไม่เข้าใจมาก ขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่แค่คนของแจกันสมบัติทวีปเองที่ไม่เข้าใจ เกรงว่าอีก แปดทวีปที่เหลือของไพศาลก็คงไม่เข้าใจเหมือนกันว่า
ทาไมจู่ๆ ถึงมีห้าขอบเขตบนโผล่มามากมายขนาดนี้