กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1092.1 ข้างบ้านมีเพื่อนบ้านที่ดี
กู้ช่านพูดคุยกับโอสถทองเฒ่าที่เป็ นราชครูได้ไม่เลว ไม่มี วางมาด รู ้กาลเทศะ ดังนั้นจึงถูกชะตากันอยู่บ้าง มีเรื่องให้คุยกันได้ พวกเขานั่งลงบนธรณีประตูของตาหนักใหญ่ด้วยกัน ไม่มีบรรยากาศ ตึงเครียดที่ศัตรูคุมเชิงกัน มีนางกานัลหิ้วกล่องอาหารที่ทางห้อง เครื่องจัดทาขึ้นอย่างประณีติตั้งใจมาจริงๆ พวกนางได้แต่กล้ามองคน หนุ่มสวมชุดลัทธิขงจื๊อไกลๆ แค่แวบเดียวเท่านั้น จากนั้นก็เดินฝีเท้า แผ่วเบาเงียบเชียบเหมือนแมวย่องตอนกลางคืน ก้มหน้ามาถึงนอก ประตูของตาหนักใหญ่ หวงเลี่ยรับกล่องอาหารสองใบมา กู้ช่านยิ้ม เอ่ยขอบคุณพวกนาง ผู้เฒ่าบอกว่าทิ้งกล่องอาหารไว้ที่นี่ก็พอ พวก เขาจะจัดการกันเอง พวกนางจึงถอยออกไปอย่างเงียบเชียบ ผู้เฒ่า กินขนมไปชิ้นเดียวก็หยุด เหตุผลก็คือเขากินของหวานไม่ค่อยได้ ติดฟัน กู้ช่านกินอาหารเลิศรสในวังคาใหญ่ ผู้เฒ่าหยิบเหาตัวหนึ่ง ออกมาจากบนร่าง สองนิ้วขยี้เบาๆ ดูเหมือนว่าเหากระโดดทุกตัวที่ เขาดึงมาจากบนร่างตัวเองล้วนเป็ นความขุ่นเคืองใจที่ไม่ได้เอ่ย ออกมาเป็ นถ้อยคา หวงเลี่ยที่เป็ นราชครูของแคว้นอวี้เซวียนมาหลาย สิบปีพูดกับตัวเองว่าเขารู ้สึกว่าการจับเหาต่อหน้าพวกนายท่านขุน นางทั้งหลายคือเรื่องที่น่าสนใจอย่างมาก กู้ช่านพยักหน้าเอ่ยคล้อย ตามว่าสง่างามอย่างมาก ผู้เฒ่าจึงถามกู้ช่านว่าเขาใช่เจ้าส านักหลิว แห่งสานักกระบี่หลงเฉวียนหรือไม่ กู้ช่านยิ้มส่ายหน้าบอกว่าไม่ใช่
เหตุผลก็คือเจ้าสานักหลิวไม่ได้พูดง่ายอย่างตน เขาหลิวเสี้ยนหยาง ท าอะไรสนแต่หัวไม่สนบั้นท้าย หากเปลี่ยนเป็ นเขา ป่ านนี้วังหลวงก็ คงวุ่นวายอลหม่านไปนานแล้ว ยกตัวอย่างเช่นก่อนหน้านี้หลิวเสี้ยยน หยางจะไปดักอยู่ที่หน้าประตูของเจ้ากับเซวียผังโดยตรง หวงเลี่ยจึง ยิ่งไม่แน่ใจในสถานะของคนหนุ่มตรงหน้า พูดถึงเจ้าสานักหลิว ค าพูดค าจากลับสบายๆ ถึงเพียงนี้? คงไม่ได้เป็ นท่านผู้นั้นของภูเขา พีอวิ๋นหรอกกระมัง? เป็ นไปไม่ได้แน่นอนหรือจะเป็ นเซียนกระบี่ใหญ่ หมี่ที่มาจากกาแพงเมืองปราณกระบี่? ได้ยินมาว่าผู้ฝึกกระบี่ขอบเขต หยกดิบสายอิ่นกวานแห่งคฤหาสน์หลบร ้อนผู้นี้พอมาถึงใต้หล้า ไพศาล ทุกวันนี้ก็ได้กลายเป็ นขอบเขตเซียนเหรินแล้ว หรือจะบอกว่า ดินและน้าของใต้หล้าไพศาลพวกเรา อันที่จริงไม่ได้แย่ไปกว่าก าแพง เมืองปราณกระบี่มากนัก? ดูเหมือนกู้ช่านจะเดาความคิดของผู้เฒ่า ออก แต่เขากลับไม่ได้รีบร ้อนแนะน าตัวเอง
แคว้นอวี้เซวียนที่อยู่ในแจกันสมบัติทวีปคือแคว้นเล็กที่สูงก็ไม่ได้ ต่าก็ไม่ดี แล้วก็เพราะเป็ นหนึ่งในแคว้นใต้อาณัติของราชสานักต้าหลี เมื่อต้องพึ่งพาอยู่ใต้ชายคาของผู้อื่นยศราชครูของหวงเลี่ยจึงเป็ นแค่ เครื่องประดับว่างเปล่าเท่านั้น บอกว่าเป็ นราชครูที่อยู่ใต้คน คนเดียว อยู่เหนือคนนับหมื่นก็หนีไม่พ้นว่าเป็ น “โอสถทอง” ที่ถูกสกุลเซวีย จ่ายเงินจ้างมาเท่านั้น ถึงอย่างไรก็เป็ นสถานการณ์ที่แตกต่างไปจาก ซิ่วหู่ชุยฉานที่อยู่ในสกุลซ่งราชสานักต้าหลีอย่างสิ้นเชิง ไม่เพียงแค่ เพราะขอบเขตสูงต่าของทั้งสองฝ่ ายที่ต่างกันราวคนหนึ่งคือฟ้ าคน
หนึ่งคือเหว ยิ่งเป็ นเพราะราชครูชุยฉานเป็ นพวกไม่มีเรื่องหาเรื่อง ส่วนหวงเลี่ยนั้นเป็ นพวกมีเรื่องหลบเรื่อง แน่นอนว่าหวงเลี่ยรู ้สึก เคารพนับถือซิ่วหู่ผู้นั้นจากใจจริง เหตุผลก็เรียบง่ายมาก ใน ความเห็นของผู้เฒ่าก็คือหากไม่มีกองทัพม้าเหล็กต้าหลีและราชครู ชุยฉาน แจกันสมบัติทวีปที่มีแคว้นนับร ้อยเรียงรายเหมือนต้นไม้ใน ผืนป่ าก็จะไม่ใช่แค่แคว้นไม่ใช่แคว้น คนไม่ต่างจากผี เพราะถึง อย่างไรก็เป็ นหมาเฝ้ าบ้านตัวหนึ่งในยุคสันติสุข เป็ นคนที่ยิ่งกว่า เหมือนคนซึ่งมีชีวิตอยู่ในกลียุคอันวุ่นวาย
คงเป็ นเพราะรู ้สึกว่าหากเอาแต่นั่งคุยกันอยู่อย่างนี้จะไม่เข้าท่า สักเท่าไร หวงเลี่ยจึงหาข้ออ้างลวกๆ มาถามหยั่งเชิงว่า “สหายรู ้จัก กับเจ้าขุนเขาเฉินได้อย่างไร?
กู้ช่านตอบไม่ตรงค าถาม “ตอนเป็ นเด็กน้อยไม่รู ้ความ เคยได้ยิน คนคนหนึ่งพูดหลักการเหตุผลที่ตอนนั้นรู ้สึกว่าเลื่อนลอยอย่างมาก เขาบอกว่าเป็ นนักบัญชีที่ดีดลูกคิด วันๆ คบค้าอยู่แต่กับตัวเลข ไม่ แน่เสมอไปว่าจะมีความหมายได้อย่างแท้จริง แต่อย่างน้อยที่สุดก็ สามารถหาความสุขท่ามกลางความทุกข์ได้ การคิดค านวณเล็กน้อย ตั้งแต่คิดค่าใช ้จ่ายของตระกูลเล็กๆ ใหญ่ไปจนถึงบันทึกรายรับ รายจ่ายของพรรคบนภูเขาหรือแม้กระทั่งแคว้นแห่งหนึ่ง จะทาให้ ค้นพบความรู ้มากมายที่ซุกซ่อนอยู่ซึ่งง่ายที่จะถูกคนมองข้ามไป ขอ แค่มีใครศึกษาได้ลึกซึ้งและกระจ่างมากพอก็จะสามารถมองทะลุเมฆ หมอก ค่อยๆ มองไปเห็นจิตวิญญาณ เค้าลางของความเจริญและ
ความเสื่อมถอยของแคว้นแห่งหนึ่ง กลยุทธทุกอย่างล้วนมีร่องรอยให้ ตามหา ก็เหมือนสมุดบัญชีที่จับต้องได้จริงที่ลบการตกแต่งและภาพ ลวงตาทั้งหมดทิ้งไป เส้นสายทุกเส้นบนสมุดบัญชีก็คือรอยล้อรถที่ ชัดเจน เมื่อพวกเรายินดีที่จะทุ่มเทความอดทน ยินดีเงี่ยหูรับฟังก็จะ ได้ยินเสียงที่ดังราวสายฟ้ าฟาดว่าประวัติศาสตร ์มาได้อย่างไร จะ
ด าเนินไปในทิศทางไหน”
หวงเลี่ยใช ้ความคิดเล็กน้อยก็รู ้สึกว่านี่คือคาพูดแปลกใหม่ที่ไม่ เคยได้ยินมาก่อนอย่างแท้จริง ผู้เฒ่าหันหน้าไปมองพระราชวังหนา ชั้นแล้วทอดถอนใจอย่างปลงอนิจจัง “ความคิดนี้แน่นอนว่าดีมาก เพียงแต่ว่าพูดน่ะง่าย ทาจริงๆ กลับยาก หากไม่มีความมุ่งมั่นและ ความเพียรที่ยิ่งใหญ่ก็คงสร ้างวีรกรรมเช่นนี้ไม่ได้ เรื่องนี้มีธรณีประตู สูงเกินไป ในแคว้นแคว้นหนึ่งจะมีสักกี่คนที่ได้สัมผัสกับเอกสารลับ พวกนี้ จะมีสักกี่คนที่สามารถพลิกเปิดสมุดบัญชีในที่ว่าการกรมคลัง ของแคว้นหนึ่งได้ง่ายๆ?”
กู้ช่านไม่ยอมรับและไม่ปฏิเสธ เพียงแค่ยิ้มรับเท่านั้น
ตรอกหนีผิงในเมืองเล็ก ภูเขาลั่วพั่วทางทิศตะวันออก เกาะชิง เสียแห่งทะเลสาบซูเจี่ยน ร้านเหล้าขนาดเล็กและคฤหาสน์หลบร้อน ของกาแพงเมืองปราณกระบี่ บวกกับสานักกระบี่ชิงผิงใบถงทวีปใน ทุกวันนี้
หวงเลี่ยเหลือบมองการแต่งกายด้วยชุดลัทธิขงจื๊อของกู้ช่าน ยิ้ม ถามว่า “สหายรู้สึกว่าไม่ถูกต้องหรือ?”
กู้ช่านยิ้มเอ่ย “ปรมาจารย์มหาปราชญ์เคยกล่าวว่า “ปัญญาชน มีเจตนารมณ์ยึดมั่นในวิถีทางอันถูกต้อง” อริยะปราชญ์ในโลกยุค หลังก็เพิ่มเติมหลักการเหตุผลบางอย่างที่ค่อนข้างจะเป็ นรูปธรรมเข้า ไปเสริมอีก แต่ผู้อาวุโสกลับผลักผลลัพธ ์อย่างหนึ่งให้โค่นล้ม แน่นอนว่าต้องทาให้เรื่องนี้กลายเป็ นยากราวกับเดินขึ้นสวรรค์ ง่ายที่ จะทาให้คนมองเรื่องนี้เป็ นเรื่องที่หนักหนาเกินไป อดมองเป็ นหนทาง ที่น่าหวาดกลัวอย่างเลี่ยงไม่ได้ เมื่อใจเกิดความขลาดกลัวก็ยิ่งทาให้ เรื่องนี้ยากเข้าไปใหญ่”
หวงเลี่ยพยักหน้า “คากล่าวนี้ของสหายถูกต้องเลย ได้รับการสั่ง สอนแล้ว”
กู้ช่านกล่าว “ขอผู้เยาว์พูดจาละลาบละล้วงสักประโยค ผู้อาวุโส ที่เป็ นราชครู ดูเหมือนว่าจะเป็ นอย่างไม่สมชื่อเท่าไรนะ?”
หวงเลี่ยหัวเราะเสียงดังอย่างชอบใจ “นี่ไม่ถือว่าเป็ นคาพูด ละลาบละล้วงอะไรเลย พูดตรงๆ ว่าข้าไม่ทาการทางานนั่งยองอยู่ใน ห้องส้วมไม่ยอมถ่ายก็ยังถือว่าเป็ นคาพูดที่ดีแล้วด้วยซ้า”
กู้ช่านกล่าว “สืบสาวราวเรื่องกันแล้วยังเป็ นเพราะสกุลเซวีย แคว้นอวี่เซวียนไม่อาจใช ้สิ่งของให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้อย่าง แท้จริง ไม่เข้าใจว่าควรจะใช ้คนแบบไหนให้ทาเรื่องอะไร”
หวงเลี่ยยิ้มบางๆ “คาพูดประเภทนี้ ไม่สมควรพูดหรอกนะ”
กู้ช่านกล่าว “ไม่เป็ นไร ให้คิดบัญชีลงบนหัวข้า”
หวงเลี่ยถอนหายใจ “คาโบราณกล่าวไว้ได้ดี ไม่แกล้งหูหนวกไม่ แกล้งเป็ นใบ้ ก็เป็ นหัวหน้าครอบครัวไม่ได้”
กู้ช่านพยักหน้า “ทุกบ้านล้วนมีคัมภีร ์ที่อ่านยาก”
อยู่ดีๆ หวงเลี่ยก็ทอดถอนใจอย่างปลงอนิจจังว่า “ลัทธิเต๋ามีวิชา คาถาของลัทธิเต๋า ลัทธิพุทธมีวิธีการบ าเพ็ญเพียรของลัทธิพุทธ ลัทธิขงจื๊อมีวิธีใช ้ชีวิตของลัทธิขงจื๊อ ลัทธิขงจื๊อของพวกเจ้าจะต้อง ท าความเข้าใจกับกรอบเค้าโครงของโลกแห่งความเป็ นจริงจนแจ่ม ชัด อยากให้คนสามารถเอามาใช ้ได้โดยไม่ต้องศึกษา ระบบสืบทอด ของสายบุ๋น คนรุ่นหนึ่งมีการศึกษาหาความรู ้และมีปัญหายากของ คนรุ่นหนึ่ง คนรุ่นหนึ่งต่างก็ยินดีที่จะฝากความหวังในด้านของ วัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมให้กับคนรุ่นหนึ่ง เป็ นเหตุให้บัณฑิตที่ อยู่ในและนอกราชสานักต่างก็ยินดีที่จะเรียกตัวเองว่าเป็ นผู้ที่ถูกฝาก ความหวังไว้อย่างภาคภูมิคิดดูแล้วสหายก็น่ าจะเป็ นเช่นนี้ เหมือนกัน?”
กู้ช่านยิ้มเอ่ย “ผู้อาวุโสคิดมากไปแล้ว ข้าไม่ใช่บัณฑิตที่จริงแท้ แน่นอนอะไร ส าหรับข้าแล้วมารยาทพิธีการและการรักษากฎระเบียบ ล้วนถือเป็ นการกระทาที่จาใจทั้งนั้น”
หวงเลี่ยถาม “เคยเสียเปรียบมาก่อนหรือ?”
กู้ช่านพยักหน้า “ในเรื่องนี้เคยสะดุดล้มหัวทิ่มมาก่อน เคยเจอกับ ความยากลาบากมาแล้วจึงจาไว้เป็ นบทเรียน มีคนเคยบอกว่าคนที่โง่ ที่สุดในใต้หล้าก็คือคนที่เผชิญความยากลาบากอย่างเสียเปล่า”
หวงเลี่ยยิ้มไม่เอ่ยอะไร มีอายุอยู่มาจนปูนนี้แล้ว ความนัย นอกเหนือจากคาพูดบางอย่าง เขาย่อมฟังเข้าใจ “คนบางคน” ที่ กู้ช่านพูดถึงก่อนหน้านี้และ “มีคน” ที่เขาพูดถึงตอนนี้ต้องเป็ นเจ้า ขุนเขาเฉินคนนั้นแน่แล้ว
ต่อจากนั้นกู้ช่านก็เอ่ยประโยคหนึ่งที่ทาให้ผู้เฒ่าสับสนมืนงง “สงครามตัดสินสองแคว้นไม่ได้อยู่แค่บนสนรามรบ สองกองทัพที่ ประจัญบานกันก็ไม่ใช่มีแค่ผู้ฝึกยุทธ”
กู้ช่านอธิบาย “สามารถเปลี่ยนสองแคว้นมาเป็ นความดีและ ความเลว เปลี่ยนสองกองทัพเป็ นตัวเองและคนอื่นได้”
หวงเลี่ยเดาะลิ้นจุ๊ปาก ใช ้ฝ่ ามือดันปลายคาง “มีนัยชวนให้ขบ คิดอยู่บ้าง”
หวงเลี่ยยิ้มถาม “สหาย พวกเราก็พูดคุยกันได้พอสมควรแล้ว บอกหน่อยไม่ได้หรือว่าเจ้ามีความเป็ นมาอย่างไร?”
กู้ช่านปิดกล่องอาหาร ปัดมือ ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ข้าชื่อกู้ช่าน เป็ น คนบ้านเดียวกับเฉินผิงอัน อาศัยอยู่ในตรอกหนีผิงเหมือนกัน”
หวงเลี่ยอึ้งค้างไร ้คาพูดเหมือนโดนกระบองฟาดหนักๆ จิตใจ สะท้านสะเทือน ลูกศิษย์ผู้สืบทอดของเจิ้งจวีจงแห่งนครจักรพรรดิ
ขาว คนวิกลจริตกู้ช่าน ไม่ใช่ว่าไปก่อร ้างสร ้างตัวอยู่ที่ทวีปอื่นแล้ว หรอกหรือ?
อีกทั้งจากข่าวเล็กๆ บางอย่างบนภูเขาของแจกันสมบัติทวีป ต่าง ก็พูดกันว่าเฉินผิงอันกับกู้ช่านแตกหักกันมานานแล้วไม่ใช่หรือ? ดู เหมือนว่าปีนั้นพวกเขาจะแยกย้ายกันอย่างไม่สบอารมณ์ที่ทะเลสาบ ซูเจี่ยน ทะเลาะกันจนมีจุดจบที่ว่าให้ตายอย่างไรก็จะไม่ไปมาหาสู่กัน อีก?
ดังนั้นภายหลังเมื่อคนของภูเขาลั่วพั่วไปร่วมงานพิธีของภูเขา ตะวันเที่ยง ถึงได้มีเซียนกระบี่หลิวเสี้ยนหยาง แต่กลับไร ้เงาของกู้ช่าน แล้วก็ควรจะเป็ นเช่นนี้ถึงจะถูก คนหนึ่งคือลูกศิษย์ปิดส านักของเหวิน เซิ่ง อีกคนกลับเป็ นลูกศิษย์ผู้สืบทอดของยักษ์ใหญ่แห่งวิถีมาร ไม่ น่าจะฉี่ลงโถเดียวกันได้ถึงจะถูก เส้นทางแตกต่างมิอาจร่วมทาง รอ กระทั่งความสัมพันธ ์ควันธูปที่เคยสะสมมาเมื่อครั้งอายุยังน้อยถูก ผลาญไปหมดสิ้น ทั้งสองฝ่ ายก็ควรจะต้องยิ่งเดินยิ่งห่างกันไปไกล ตามหลักการทั่วไปแล้ว บุคคลสองคนที่เป็ นเช่นนี้ ต่างคนต่างฝึกตน เดินขึ้นเขาของตัวเองไป ในอนาคตมาพบเจอกันบนเส้นทาง ไม่ได้ มองอีกฝ่ ายเป็ นศัตรูก็น่าจะถือว่าเห็นแก่ความสัมพันธ ์เมื่อครั้งเก่า ก่อนแล้วไม่ใช่หรือ?
กู้ช่านสอดสองมือไว้ในชายแขนเสื้อ ยิ้มตาหยีถามว่า “ได้ยินว่า เป็ นข้า ผู้อาวุโสรู ้สึกแปลกใจมากเลยหรือ?”
ผู้เฒ่าเองก็เอาสองมือสอดไว้ในชายแขนเสื้อเลียนแบบอีกฝ่ าย เพียงแต่ว่าไม่นานก็เอามือทั้งสองออกมา เอ่ยอย่างขลาดๆ ว่า “เอา มือสอดกันไว้ในชายแขนเสื้อเหมือนกัน แต่พวกเจ้าท าแล้วเหมือน เชื้อพระวงศ์ผู้สูงศักดิ์ ข้าทากลับเหมือนชาวนาที่สวมหมวกใบเก่า”
กู้ช่านหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง
กู้ช่านเอ่ย “หวงเลี่ย ปรึกษาอะไรหน่อยสิ?”
หวงเลี่ยตัวสั่นเยือก รีบเอ่ยอย่างหนักแน่ นทันทีว่า “ผู้ฝึ ก ลมปราณสังหารฮ่องเต้คือข้อห้ามใหญ่หลวงในข้อห้ามใหญ่หลวงอีก ที ทุกวันนี้กฎของศาลบุ๋นเข้มงวด จะต้องถูกจับไปกินข้าวแดงอยู่ใน สานักศึกษา ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด! แล้วนับประสาอะไรกับที่จะดีจะชั่ว ฮ่องเต้สกุลเซวียก็เป็ นเจ้านายของข้า เรื่องอย่างการเนรคุณคนเช่นนี้ ข้าท าไม่ลง! กู้ช่าน หากเจ้าตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะเปิดฉากสังหาร ใหญ่อยู่ที่นี่ ข้าก็คงเปลี่ยนแปลงผลลัพธ ์ใดๆ ไม่ได้ คงต้องทิ้งชีวิต เละเทะไว้ที่นี่ด้วย บอกตามตรง ข้าเองก็ตัดใจไม่ลงเหมือนกัน ได้แต่ แข็งใจบากหน้าเข้าไปห้ามปราม เจ้าสามารถชัดให้ข้ากระอักเลือด ก่อนแล้วค่อยท าให้สลบได้ แต่ขอร้องเจ้าอย่าได้ลงมือหนักเกิน หรือไม่ก็เบาเกินไป อย่างน้อยส าหรับฐานะราชครูและส าหรับมโน ธรรมในใจของข้าเองก็พอจะมีคาอธิบายที่ฟังเข้าท่าเข้าทีได้บ้าง!”