กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1092.2 ข้างบ้านมีเพื่อนบ้านที่ดี
กู้ช่านกลั้นขาไม่อยู่ “ผู้อาวุโสเป็ นคนตรงไปตรงมาปากไวคน หนึ่งเลยนะ”
หวงเลี่ยถามอย่างสงสัย “หรือว่าไม่ใช่เรื่องนี้?”
กู้ช่านกล่าว “ข้าไม่ใช่คนโง่สักหน่อย ด้วยขอบเขตของข้าใน เวลานี้อยู่ไกลเกินกว่าจะไปงัดข้อกับกฎระเบียบของศาลบุ๋นได้ เรื่องที่ ข้าจะปรึกษากับท่านก็คือรู้สึกว่า….พวกเราสองคนพูดคุยกันได้ไม่เลว แค่เจอกันก็ถูกชะตากันทันที แทนที่ราชครูหวงเลี่ยจะรับเงินเดือนอัน น้อยนิดจากสกุลเซวียแคว้นอวี้เซวียนทุกปีก็ไม่สู้รื้อกรงเก่าเปลี่ยนนก ตัวใหม่ เปลี่ยนภูเขาลูกใหม่ มีสถานะใหม่เอี่ยม หาเงินเทพเซียน พร ้อมกับฝึกตนฝ่าทะลุขอบเขตโดยไม่ถ่วงรั้งกันทั้งสองทาง”
หวงเลี่ยขมวดคิ้ว “ภูเขาอะไร สถานะอะไร?”
คงจะไม่ได้ให้ข้าที่เป็ นผู้ฝึกตนทาเนียบชาติกาเนิดขาวสะอาดวิ่ง ไปขอข้าวกินอยู่ที่นครจักรพรรดิขาวหรอกนะ? จะให้เปลี่ยนสานัก และทาเนียบ หวงเลี่ยก็คิดว่าตัวเองยังไม่ได้หน้าหนาถึงขนาดนั้น
อีกอย่างโลกภายนอกต่างก็พูดว่านครจักรพรรดิขาวมีคนยอด เยี่ยมมหัศจรรย์มากมายราวกับขนวัว เขาที่เป็ นผู้ฝึกตนโอสถทองคน หนึ่งเข้าไปอยู่ในนครจักรพรรดิขาว ต่อให้มีกู้ช่านนาทางและปูพื้นให้ จะได้กินดื่มอิ่มอร่อย ได้นอนเสวยสุขจริงๆ น่ะหรือ? ในเมืองหลวง
แคว้นอวี้เซวียนแห่งนี้ อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง แต่อย่างน้อยที่สุดเขา หวงเลี่ยก็สามารถนอนหลับได้สนิททุกวัน
กู้ช่านลุกขึ้นยืนช ้าๆ “จะเชิญให้เจ้าไปอยู่สานักแห่งใหม่ที่ไม่มี พิธีการยิบย่อยวุ่นวายรับหน้าที่เป็ นผู้ถวายงานที่ได้รับการบันทึกชื่อ วางใจเถอะ คือตาแหน่งผู้ถวายงานที่กุมอานาจอย่างแท้จริงซึ่งมีเก้าอี้ อยู่ในศาลบรรพจารย์ สามารถรับรองกับเจ้าได้ว่า หากเจ้าไม่อยาก ท าก็สามารถอยู่ว่างๆ ได้เลย แต่หากอยากท าก็จะต้องยุ่งมาก อยู่แค่ ว่าเจ้าหวงเลี่ยเองเต็มใจหรือไม่ นอกจากนี้ในฐานะของขวัญพบหน้า ของเจ้าส านัก เจ้าจะได้รับต าราลับของลัทธิเต๋าสองสามเล่มที่มีหวังจะ ให้เจ้ากลายเป็ นผู้ฝึกตนก่อกาเนิดได้ ถึงขั้นที่ว่าสุดท้ายจะฝ่ าทะลุ ขอบเขตได้หรือไม่ หรือจะพัฒนารุดหน้าไปอีกขั้นได้หรือไม่ ถึง อย่างไรการฝึกตนก็เป็ นเรื่องของตัวเอง แล้วก็ไม่ใช่การละเล่นของ เด็กๆ ไม่มีใครกล้ารับรองว่าเจ้าจะต้องก้าวข้ามบันไดสองขั้นใหญ่ไป ได้อย่างแน่นอน”
หวงเลี่ยลุกขึ้นยืนตามจิตใต้สานึก “ต้องถามสักหน่อยว่า สหายมี ความจริงใจขนาดนี้เพราะเห็นดีอะไรในตัวข้า?”
กู้ช่านยิ้มเอ่ย “ด้านหนึ่งเพราะพูดคุยกันถูกคอ ถูกชะตากับเจ้า อีกด้านหนึ่งเพราะรู ้สึกว่าเจ้าคือคอขวดโอสถทอง ใช่ว่าจะแน่นหนา จนมิอาจฝ่ าทะลุไปได้ ขาดก็แค่โชควาสนาและทรัพยากรเท่านั้น ผู้ ฝึ กตนขอบเขตก่อกาเนิดคนหนึ่ง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ค่อนข้างจะมี มูลค่ายกตัวอย่างเช่นอาจารย์คนแรกของข้า หลิวจื้อเม่าสกัดคงคา
เจินจวิน เขาเองก็เป็ นเซียนดินขอบเขตก่อก าเนิดมานานหลายปี ไม่ใช่หรือ ปีนั้นอยู่ในทะเลสาบซูเจี่ยนก็เป็ นบุคคลที่อยากเรียกลมก็ ได้ลม อยากเรียกฝนก็ได้ฝน คือบุคคลยิ่งใหญ่ที่เหมือนกับฮ่องเต้ใน ท้องถิ่นแล้ว”
หวงเลี่ยถามอย่างระมัดระวัง “สหายเตรียมจะเปิดสานักตั้งพรรค
หรือ?”
กู้ช่านพยักหน้า ใช ้เสียงในใจเอ่ยว่า “ข้ากับศิษย์พี่ฟูจิ้นต่างก็ เปิดส านักกันคนละแห่งพาคนส่วนหนึ่งไปจากนครจักรพรรดิขาว อีก ไม่นานนครจักรพรรดิขาวก็จะกลายเป็ นนครร้าง พวกเราจะต้องสร้าง สานักเบื้องล่างแห่งหนึ่งขึ้นมาสาหรับปฐมสานัก”
หวงเลี่ยกล่าว “หากว่าข้าปฏิเสธคาเชื้อเชิญของสหายล่ะ?”
กู้ช่านตอบ “วางใจเถอะ ไม่มีผลลัพธ ์อะไร แตงที่ฝืนเด็ดออกจาก ขั้วย่อมไม่หวาน เอ่ยความจริงที่ไม่น่าฟังสักคา ทุกวันนี้ให้ข้ามางัด ข้อกับโอสถทองก็เท่ากับการลดเกียรติตัวเองวันนี้เจ้าและข้าแยกย้าย กันก็หนีไม่พ้นว่าต่างคนต่างเดินไปบนเส้นทางของตัวเอง เพียงแต่ว่า วันใดรอให้สานักมีชื่อเสียงขึ้นมาแล้วเจ้าอยากจะเข้าไปอยู่ก็ยากแล้ว แน่นอนว่าหวงเลี่ยสามารถใช ้ชีวิตรอความตายไปวันๆ อยู่ที่นี่ได้ จะ ฝ่ าทะลุขอบเขตได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับชะตาฟ้ าลิขิตเท่านั้น แต่ก็ สามารถใช ้ชีวิตมั่นคงสุขสบายได้ ถือว่าเป็ นเศรษฐีเฒ่าที่หาสถานที่ เหมาะๆ ใช ้ชีวิตช่วงบั้นปลาย แน่นอนว่าก็สามารถลงเดิมพันที่โต๊ะ เดิมพัน แสวงหาความร่ารวยท่ามกลางความเสี่ยง ฉวยโอกาสที่
ตัวเองยังมีแรงใจ ไม่ถูกวิถีทางโลกที่เป็ นทางตันทั้งสี่ด้านขัดเกลาจน หมดสิ้น อาศัยสานักที่ลุกผงาดขึ้นมาใหม่มาเดิมพันก้อนใหญ่ แสวงหามหามรรคาที่แท้จริง ดูว่าในอนาคตจะสามารถเพิ่มผู้ฝึกตน ห้าขอบเขตบนคนหนึ่งให้กับแจกันสมบัติทวีปได้หรือไม่”
สายตาหวงเลี่ยฉายประกายร ้อนแรง ใช ้หมัดทุบฝ่ ามือ จ้องไปที่ ใบหน้าของกู้ช่าน ผู้เฒ่ายิ้มเอ่ย “นี่ข้ามาเจอกับเรื่องดีที่ผ่านหมู่บ้าน นี้ไปแล้วก็จะไม่มีร ้านนี้อีกแล้วหรือ? ในเมื่อต่างก็พูดกันว่าต้นไม้ยาย ที่ตายคนย้ายที่รอด ถ้าอย่างนั้นก็ลองแสวงหาความก้าวหน้าดูสัก ครั้ง?!”
อยู่ดีๆ กู้ช่านก็โพล่งถามขึ้นมาด้วยสีหน้ามีเลศนัย “ไม่กลัวว่าข้า จะหลอกเจ้าหรือ?”
หวงเลี่ยอึ้งตะลึงไปก่อน แต่จากนั้นก็ยิ้มเอ่ยว่า “ในเมื่อเจ้าสานัก กู้เป็ นสหายกับเฉินอิ่นกวาน นี่คลาดเคลื่อนไปจากที่โลกภายนอก เล่าลือกันมาก คิดดูแล้วท าอะไรก็น่าจะมีเส้นบรรทัดฐานต่าสุดอยู่ บ้าง”
กู้ช่านตีหน้าเคร่ง พึมพาเบาๆ ใช ้ภาษาถิ่นของบ้านเกิดด่า มารดาอีกฝ่ ายไปประโยคหนึ่ง
หวงเลี่ยที่เดิมที่ยังอกสั่นขวัญผวาอยู่บ้าง พอเห็นภาพนี้ก็ไม่รู ้ว่า ท าไมจู่ๆ ถึงวางใจลงได้ทันที ท่ามกลางความมืดมิดที่มองไม่เห็น ผู้ เฒ่ารู ้สึกว่าครั้งนี้ตัวเองเดิมพันถูกแล้ว!
หวงเลี่ยใช ้คาเรียกขานว่า “เจ้าสานักกู้” อีกครั้ง ถามอย่างสงสัย ใครรู ้ว่า “ขอปากมากถามสักคา ทาไมถึงไม่ไปอยู่ที่ภูเขาลั่วพั่ว แต่ กลับไปอยู่ที่นครจักรพรรดิขาวแทน?”
กู้ช่านย้อนถาม “แตกต่างกันหรือ?”
หวงเลี่ยพลันไม่รู ้ว่าควรจะตอบอย่างไรดี
กู้ช่านยิ้มบางๆ “ในตาราบอกไว้ว่ามีเพื่อนบ้านที่ดี ก็เหมือนได้ พบเจอกับวิญญูชนทุกวัน”
ผู้ฝึกตนหญิงแห่งเปลี่ยวร ้างที่มีฉายาว่าชุนเซียว ใช้นามแฝงว่า กู้หลิงเยี่ยน นางยังคงแสร้งท าตัวลึกลับอยู่ในกองโหราศาสตร์อย่างมี ความสุขไม่รู ้จักเหน็ดเหนื่อย
แต่นางก็รู ้ถึงฝี มือของตัวเองดี นี่เป็ นเพราะนางอาศัยว่าตัวเอง ขอบเขตสูงถึงได้หลอกปั่นหัวขุนนางหลักรองทั้งสามคนได้จนหัว หมุน ไม่แน่เสมอไปว่าจะเป็ นเพราะพวกเขาไม่ฉลาดมากพอ
นับตั้งแต่ที่นางติดตามมาเป็ นสาวใช ้ข้างกายกู้ช่าน ตามหลัก แล้วก็ยากนักที่จะได้ออกมาผ่อนคลายอารมณ์ ได้มีอิสระเสรีอยู่ครู่ หนึ่งก็ควรจะให้ผ่อนคลายสบายอารมณ์สักหน่อย แต่นางกลับนึกอยู่ ตลอดว่าที่วังหลวงตีกันแล้วหรือยัง มีเรื่องครึกครื้นให้ดูหรือไม่ นี่ทา ให้กู้หลิงเยี่ยนเยาะเย้ยตัวเองอยู่ในใจไม่หยุด ฮ่า แมวตามชามข้าว สุนัขตามเจ้าของ
ภูเขาใหญ่โอฬารสูงชัน ไม่มีผู้คนย่างกรายมาถึง เล่าลือกันว่า เคยมีเขียนเหรินบรรพกาลสั่งให้คนห้าคนเปิดเส้นทาง ในสถานที่ อันตรายที่เทือกเขาคดเคี้ยวทอดยาว กลุ่มภูเขาเหมือนกระบี่ พวก เขาได้บุกเบิกทางสายตรงเส้นหนึ่ง ภายหลังฮ่องเต้ก็ปลูกต้นป่ าย โบราณไว้ริมทาง เงาต้นไม้หนาครึ้ม เส้นทางเหมือนระเบียงยาวสี เขียวขจี เวลายาวนานถึงสองพันปีมีสะพานไม้อิงแอบอยู่ริมหน้าผาสูง ชัน ด้านล่างคือกระแสน้าซัดเชี่ยว คนในอดีตมาเจาะผนังวางไม้ทาบ เป็ นสะพานที่คับแคบอยู่ที่นี่ มีเด็กหนุ่มลักษณะเหมือนคนโบราณคน หนึ่งเดินอยู่บนสะพานแห่งนี้ ในมือถือขลุ่ยกระดูกเจ็ดรู ทามาจาก กระดูกของนกกระเรียนแก่ตรงเอวห้อยป้ ายสีทองละเว้นโทษไว้แผ่น หนึ่ง ตรงจุดพักม้าโบราณที่ถูกทิ้งร ้างมานานแล้วในประวัติศาสตร ์ เคยมีเด็กหนุ่มผู้บรรลุมรรคาที่ให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ห้าท่านบุกเบิกเส้นทาง มาหยุดอยู่ที่นี่ รัชสมัยนอกภูเขามีการผลัดเปลี่ยน ธุลีแดงในโลก โลกีย์คลุ้งตลบ เขาเห็นมาจนเบื่อหน่ายแล้วจึงเลือกจะอยู่ห่างจาก เรื่องทางโลก นับตั้งแต่ที่จาความได้เขาก็คือผู้บรรลุมรรคาที่มีวิชา อภินิหารยิ่งใหญ่ แน่นอนว่าเขารู ้ว่านี่ไม่ปกติ แต่สองพันปีที่ผ่านมาก็ ได้แต่คล าหาเบาะแสในโลกมนุษย์เพียงล าพัง ได้แต่แสวงหาความจริง อย่างยากล าบาก แต่ก็ยังมิอาจค้นพบ เด็กหนุ่มถอนหายใจ เดินเข้า ไปในจุดพักม้าเก่าแก่ที่สภาพทรุดโทรม เขาที่เชี่ยวชาญเรื่องศาสตร ์ การดูชัยภูมิรู ้มาก่อนแล้วว่าสถานที่แห่งนี้มีความลี้ลับ คล้ายกับเป็ น ท่าเรือทั้งยังเป็ นค่ายกลยันต์แห่งหนึ่งที่คนบนเส้นทางเดียวกันมาตั้ง วางไว้ เดินทางท่องเที่ยวเพียงลาพังมานาน เขาสังเกตเห็นมานาน
แล้วว่าฟ้ าดินของที่นี่ ดูเหมือนว่าทุกหนทุกแห่งจะต้องมีสิ่งปลูกสร ้าง ไร ้เจ้าของพวกนี้เหลือทิ้งไว้เสมอ หากจะบอกว่าล่างภูเขามีศาลา เอาไว้ให้ชาวบ้านหยุดพักเท้า ถ้าอย่างนั้น “ในภูเขา” มีท่าเรือเช่นนี้ อยู่ก็ดูเหมือนว่าจะเอาไว้ช่วยให้ผู้หลอมลมปราณข้ามผ่านภูเขา สายน้าโดยเฉพาะ แล้วก็จริงดังคาด นาทีถัดมาก็มีริ้วคลื่นกระเพื่อม เป็ นระลอก ทัศนียภาพข้างกายแปรเปลี่ยนไปในทันใด รอกระทั่งเท้า ของเด็กหนุ่มสัมผัสพื้น เซียนเหรินบรรพกาลที่จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่รู ้ ว่าตัวเองชื่อแซ่อะไรก็มาถึงในภูเขาอีกลูกหนึ่งที่อยู่ห่างกันไม่รู ้ว่ากี่ พันกี่หมื่นลี้ อารามเต๋าแห่งหนึ่งมีผู้เฒ่าอยู่ห้าคน บุคลิกท่าทาง ต่างกันไป พวกเขากาลังดูม้วนภาพยาวขนาดใหญ่ยักษ์ที่คลี่กางอยู่ ในม้วนภาพมีจุดที่ว่างเปล่าอยู่เยอะมาก ด้านบนวาดเฉพาะปลา หยินหยางเท่านั้น ผู้เฒ่าทั้งห้าเห็นเจินเหรินเด็กหนุ่มซึ่งเป็ นแขกที่ ไม่ได้รับเชิญก็อยากจะประลองบทกวีกับเขา เด็กหนุ่มหลุดหัวเราะ พรืดเหลือบตามองปลาหยินหยางบนม้วนภาพแล้วคร ้านจะเสียเวลา พูดคุยกับพวกภูตในภูเขาที่แสร ้งทาเป็ นมีรสนิยมพวกนั้น เรือนกาย ของเขาก่อตัวกลายเป็ นหมอกกลุ่มหนึ่งที่กระโดดผลุบเข้าไปในม้วน ภาพ จากนั้นก็มาถึงตลาดที่เจริญรุ่งเรืองแห่งหนึ่ง เด็กหนุ่มคล้ายเข้า มาอยู่ในนครซึ่งเป็ นบ้านเกิดแห่งน้า ริมตลิ่งสองข้างมีเรือนหลายหลัง ที่ส่วนใหญ่เป็ นรูปทรงเหมือนตราประทับเบียดเกาะกลุ่มกันอยู่ ตาม ขนบธรรมเนียมในท้องถิ่น ยามที่สตรีออกเรือนจะต้องนั่งเรือประดับ ประดาด้วยโคมไฟและกระดาษหลากสี อย่างน้อยที่สุดต้องเคลื่อน ผ่านสะพานสามแห่งพร ้อมกัน ได้แต่สะพานฝูลู่ สะพานว่านอันและ
สะพานฉางโช่ว ตอนที่เด็กหนุ่มผ่านร ้านเต้าเจี้ยวเก่าแก่ที่ส่งขายไป ไกลหมื่นลี้ ลานกลางแจ้งที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่อย่างมากวางถัง หมักเต้าเจี้ยวขนาดใหญ่ยักษ์ใบแล้วใบเล่าวางเรียงตัดสลับกันแนวตั้ง แนวนอน ลองค านวณดูคร่าวๆ อย่างน้อยก็น่าจะมีมากถึงสองพันใบ กลิ่นหอมเข้มข้นของเต้าเจี้ยวลอยมาปะทะจมูก เด็กหนุ่มกวาดตา มองไปรอบด้านอย่างไม่พิจารณาจุดใดเป็ นพิเศษ สายตามองทะลุ บ้านหลังหนึ่งไปเห็นสามีภรรยาคู่หนึ่งที่เหมาะสมกันดี หลังแต่งงานก็ ครองรักกันอย่างกลมเกลียว วันนี้สตรีที่เพิ่งออกเรือนคลี่กางกระดาษ ฝนหมึก บุรุษก็ก าลังวาดภาพขนาดเล็กยาวสามฉื่อภาพหนึ่ง ตัวอักษรที่เขียนเป็ นหัวข้อกลับยาวมากถึงห้าหกร ้อยตัว บ้านของ เพื่อนบ้านเป็ นตระกูลสูงใหญ่ มีดอกไม้หลากหลายบานสะพรั่งเต็มทั้ง บ้าน ในเรือนมีต้นจื่อเวยอยู่ต้นหนึ่ง ชาวบ้านทั่วไปไม่รู ้ถึงความล้าค่า ของมัน แต่ในสายตาของเซียนเหรินเด็กหนุ่มแล้วดูเหมือนว่ามันใกล้ จะกลายเป็ นภูตแล้ว และในเรือนเก่าแก่หลังนี้ บนโต๊ะได้วางใบกู้ยืม เงินที่เขียนไว้เป็ นลายลักษณ์อักษรทับซ ้อนกันอยู่ปีกใหญ่ มีผู้เฒ่าที่ ดูจากพลังชีวิตที่เหลืออยู่แล้วก็น่าจะสิ้นอายุขัยในอีกไม่นาน เขา กาลังโยนใบสัญญาพวกนั้นลงในกระถางไฟ พวกลูกหลานไม่เอา ไหนได้แต่มองภาพนี้คาตา แต่ละคนกัดฟันกรอด เบิกตากว้าง ใน ดวงตาที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยอบอวลไปด้วยความไม่พอใจและ ความเสียดายแต่ก็ไม่กล้าเปิดเผยออกมา เซียนเหรินเด็กหนุ่มเห็น ภาพนี้แล้วก็ถอนหายใจ เดินเข้าไปในตรอกเล็ก มีชายกายาที่ตั้งแผง
หลอกเอาเงินจากคนอื่นกาลังนั่งยองอยู่ข้างทาง สองมือสอดไว้ใน ชายแขนเสื้อ อ้าปากหาว