กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 1095.1 แสงหิมะ
ฝนในภูเขาตกกระหน่าติดต่อ พืชหญ้ารู ้ดีที่สุดว่าวสันตฤดูมา เยือน
ร ้านเหล้าตีนเขาที่เปลี่ยนชื่อเป็ นภูเขาเจ๋อเยา ซ่งจี๋เหนียงเนียง เทพภูเขาที่เปลี่ยนชื่อไปพร ้อมกับภูเขาบ้านตนร่ายวิชามองลมปราณ ทอดสายตามองไปยังเมืองหลวงแคว้นอวี้เซวียน
นางไม่มีเวลามาสนใจชะตากรรมของคนสกุลหม่าแล้ว แค่กังวล ว่าเมืองหลวงที่อยู่ใกล้เคียงกับภูเขาเจ๋อเยาของตนจะได้รับผลกระทบ ตามไปด้วย เพียงแต่ไม่รู ้ว่ากลุ่มคนก่อนหน้านี้จะไปก่อลมมรสุมใหญ่ แค่ไหนในเมืองหลวง กลัวก็แต่ว่าเทพเซียนตีกันที่เอะอะก็ทาให้ภูเขา ถล่มแผ่นดินปริแตกครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ ายตีกันแล้วจะรั้งมือไว้ไม่อยู่ ลูกค้าร ้านเหล้าสามคนที่ก่อนหน้านี้มาหลบฝนอยู่ที่นี่คือหลิวเสี้ยนห ยางเจ้าสานักกระบี่หลงเฉวียนคนปัจจุบัน กู้ช่านลูกศิษย์ผู้สืบทอด ของอาจารย์เจิ้งแห่งนครจักรพรรดิขาว เผยเฉียนหนึ่งในสี่ปรมาจารย์ ใหญ่ของแจกันสมบัติทวีป พวกเขามีคนใดบ้างที่ไม่ใช่บุคคลอันดับ สูงสุดแห่งทวีปที่เมื่อก่อนแม้แต่คิดตนก็ยังไม่กล้าคิดถึง หากไม่นับกัน เรื่องสถานะและไม่พูดถึงเรื่องศักยภาพ ถึงอย่างไรซ่งจี๋ก็เป็ นเทพภูเขา หญิงคนหนึ่ง เนื่องจากเลื่อมใสปรมาจารย์เผยที่อายุน้อยแต่กลับมี ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั้งใต้หล้ามากที่สุด หากไม่เป็ นเพราะวันนี้เกิดเหตุ
่
เปลี่ยนแปลงในแคว้นอวี้เซวียน นางมาดื่มเหล้าที่ร ้านเหล้าของตน ซ่งจี๋จะต้องดีใจถึงเพียงใด? ซ่งจี๋ถอนหายใจเบาๆ รู ้สึกอิจฉาพวกเทพ วารีเพื่อนร่วมงานที่อยู่ใกล้เคียงพวกนั้นเสียแล้ว อย่างน้อยก็พอจะ หลบคลื่นลมได้บ้าง นางขยับกระโปรงยกขึ้นเผยให้เห็นรองเท้าปัก ลายคู่หนึ่ง แล้วก็เริ่มบ่นที่เทวรูปร่างทองในศาลกลางภูเขา “ไม่มีเท้า
เดิน
และเวลานี้เอง ตรงหน้าประตูก็มีผู้เฒ่าลักษณะคล้ายชาวนาเผย กาย ท าเอาซ่งจี๋ตกใจจะลงไปคุกเข่าคารวะทันใด เพราะถึงอย่างไรนี่ ก็คือเจ้านายที่อยู่เหนือหัวของตน ระดับชั้นตาแหน่งเทพของทั้งสอง ต่างกันมากเกินไป ผู้ที่มาเยือนก็คือซานจวินแห่งมหาบรรพตประจิม ถงเหวินช่างที่ทุกวันนี้ควรเรียกขานด้วยความเคารพว่าเสินจวิน เขา เอาสองมือไพล่หลัง เดินก้าวข้ามธรณีประตูเข้ามาก่อนแล้วถึงเอ่ยว่า “วันนี้ไม่คุยเรื่องงาน ไม่จาเป็ นต้องประหม่า แค่มาหาที่ดื่มเหล้า เจ้า เป็ นเจ้าบ้าน ข้าเป็ นแขก”
นอกจากจะตกตะลึงแล้ว ซ่งจี๋ยังรู ้สึกโล่งอกด้วย หัวคิ้วของนาง คลายออกทันใด มีถงเสินจวินอยู่ที่นี่ ศาลของเทพภูเขาตัวเล็กๆ อย่างนางย่อมต้องปลอดภัยไร ้กังวลแน่แล้ว
ในเมืองหลวง กู้ช่านร่ายวิชาอภินิหารหดย่อพื้นที่เดินก้าวเดียว ออกไปจากวังหลวงตรงดิ่งไปบริเวณใกล้เคียงกับกองโหราศาสตร ์ แล้วก็ไม่ได้บอกกล่าวสาวใช ้ในนามผู้นั้นเพียงแค่เดินไปตามร ้านรวง ต่างๆ บนถนนเพียงลาพังเหมือนนักท่องเที่ยว พลิกเปิดตาราในร ้าน
่
หนังสือแห่งหนึ่งที่ขายเฉพาะตาราฉบับสมบูรณ์แบบ เลือกเอาตารา เทพเซียนที่เขียนในนามของเจินเหรินอะไรสักอย่าง เถ้าแก่เอาต ารา เล่มนี้มาวางไว้ในตาแหน่งที่สะดุดตา เพราะตาราประเภทนี้ค่อนข้าง จะขายยากในหมู่ชาวบ้าน กู้ช่านพลิกเปิดไปหน้าหนึ่งก็เห็นว่าใน หน้าหนังสือพูดถึงว่าควรจะปรุงอาหารเป็ นยาของเซียนในภูเขา อย่างไร จากค ากล่าวบนตาราเล่มนี้ ของป่าของตระกูลเซียนมักจะมี ความลี้ลับมหัศจรรย์ เมื่อกินเข้าไปจะรู ้สึกปลอดโปร่งสดชื่น และเนื้อ ก็ไม่มัน สามารถท าให้ลมปราณขุ่นมัวกลายเป็ นเบาโปร่ง นานวันเข้า คนที่กินก็จะเรือนกายบางเบาดุจไม้ใบ ก้าวเดินว่องไวราวกับบิน ขึ้น เขาลงห้วยเหมือนเดินบนพื้นที่ราบ…กู้ช่านยิ้มพลางส่ายหน้า ผู้หลอม ลมปราณขึ้นเขาฝึกบาเพ็ญตน คิดอยากจะทาให้ได้ถึงขอบเขตเรือน กายเบาหวิวเช่นนี้ ไหนเลยจะง่ายขนาดนั้น แต่ก็มีคาอธิบายประโยค หนึ่งในตาราที่ก็ถือว่าไม่ธรรมดา เท่ากับเป็ นการแพร่งพรายความลับ สวรรค์ในประโยคเดียว ผู้ฝึกบ าเพ็ญตนยุคโบราณ เก็บยาสมุนไพร ไปทั่วภูเขาสายน้า
มีสตรีหน้าตางามเย้ายวนคนหนึ่งเดินนวยนาดเข้ามาในร ้าน นาง จงใจสะดุดล้ม เอวบางบิดงอ ล้มเข้ามาในอ้อมอกของกู้ช่าน กู้ช่านไม่ แม้แต่จะเงยหน้ามอง เพียงแค่ยื่นมือไปดันหน้าผากของสตรีแล้วผลัก ออกห่างไปไกล ท าเอาเถ้าแก่ร ้านขายหนังสือมองตาค้าง คิดไม่ถึงว่า ลูกค้าที่แค่อ่านไม่ยอมซื้อผู้นี้จะเป็ นวิญญูชนผู้เที่ยงตรง หากเปลี่ยน มาเป็ นตน จะยื่นมือออกไป “ประคอง” เหมือนกัน แต่ด้วยความรีบ
่
ร ้อนลนลานก็รับประกันไม่ได้หรอกว่าจะจับไปโดนต าแหน่งใดใน เรือนกายอรชรของคนงาม
” สตรียึดร่างขึ้นตรง ปิดปากหัวเราะคิกคัก “การเดินทางครั้งนี้ ของคุณชายมั่นคงดีหรือไม่?
กู้ช่านแสร ้งท าเป็ นไม่ได้ยิน เพียงแค่ถามเถ้าแก่ว่า “ในร ้านมี ต าราตราประทับร ้อยเซียนกระบี่ขายหรือไม่?”
เถ้าแก่มึนงง ถามอย่างประหลาดใจ “คือผลงานของผู้เชี่ยวชาญ ด้านหินทองคนใด? ไม่ทราบว่าหมายถึงต้นฉบับหรือฉบับส าเนา?”
กู้ช่านคลี่ยิ้ม วางตาราในมือลง พากู้หลิงเยี่ยนออกไปจากร ้าน หนังสือ เดินไปในตรอกที่ค่อนข้างจะเงียบสงัด ประเมินผลเก็บเกี่ยว จากการเดินทางครั้งนี้ของกู้หลิงเยี่ยนคร่าวๆ แล้วเก็บรวมมาใน กระเป๋ าทั้งหมด ก่อนจะให้คาวิจารณ์ที่ไม่สูงไม่ต่าว่า “พอใช ้ได้”
กู้หลิงเยี่ยนหยิบวัตถุฟางชุ่นลักษณะเหมือนเหรียญลายผีภูเขา ชิ้นหนึ่งออกมาจากชายแขนเสื้อ หัวเราะคิกคักพูดขอความดี ความชอบว่า “ยังมีนี่ด้วย”
กู้ช่านถาม “อะไร?”
กู้หลิงเยี่ยนกล่าว “ล้วนเป็ นปฏิทินเก่าแก่ ยุคสมัยแตกต่างกันไป และยังมีต าราเฉพาะทางที่มีความเกี่ยวข้องกับปฏิทินด้วย เรื่องของ การคิดคานวณไม่ใช่สิ่งที่ข้าถนัด แค่เห็นก็ปวดหัวแล้ว เลยจับยัดเข้า มาในวัตถุจื่อชื่อพร ้อมกันหมดเลย”
่
กู้ช่านแบ่งดวงจิตส่วนหนึ่งไปตรวจสอบสิ่งที่สะสมอยู่ในเหรียญ เงิน กวาดตามองคร่าวๆ แค่ไม่กี่ทีก็หยิบสมุดบางๆ ส่วนหนึ่งออกมา จากข้างใน ดูเหมือนจะเลือกส่วนที่ดีเยี่ยมที่สุดมาแล้วจึงโยนวัตถุฟาง ชุนชิ้นนั้นกลับไปให้นาง “ปฏิทินเล่มอื่นเอาคืนกลับไปให้กอง โหราศาสตร ์ทั้งหมด”
นับแต่ยุคโบราณมา ราชวงศ์ในโลกมนุ ษย์ก็เริ่มมีการ ก าหนดการเรียบเรียงและแจกจ่ายปฏิทิน บนภูเขามีพวกที่ชอบสอดรู ้ สอดเห็นชอบรวบรวมสิ่งเหล่านี้ สะสมปฏิทินในปีที่แตกต่างกันของ ราชวงศ์ที่แตกต่างกัน แต่ส่วนที่กู้ช่านเก็บเอาไว้เป็ นแค่หนังสือชั่งตวง วัดที่คนโบราณใช ้ในการตรวจสอบและเรียบเรียงขึ้นมา และยังมีการ ตรวจสอบตารางต าแหน่งการเคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์บนสุริยวิถีและ ระยะมุมของดวงจันทร ์ที่แนบมา ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยสนใจพวก ปฏิทินสักเท่าไร เห็นว่านางท าสีหน้าไม่ยินยอม กู้ช่านก็อธิบายให้ นางฟังว่า “ตามค ากล่าวของหมู่ชาวบ้าน หากรวบรวมปฏิทินได้ ครอบหกสิบปี ที่บ้านจะเจอกับเทพแห่งไฟ”
กู้หลิงเยี่ยนกะพริบตาปริบๆ “หมายความว่าอย่างไร?”
กู้กู้ช่านกล่าว “ก็คือเรือนพักจะเจอกับไฟไหม้ได้ง่าย”
กู้หลิงเยี่ยนถาม “จริงหรือ?”
กู้กู้ช่านกล่าว “เรื่องบางอย่างยินดีที่จะเชื่อว่ามีมากกว่าจะเชื่อว่า ไม่มี ไม่จ าเป็ นต้องเอาตัวไปพิสูจน์ว่าเป็ นจริงหรือเท็จ”
่
คล้ายจะอารมณ์ไม่เลว กู้ช่านจึงคุยเล่นให้นางฟังอีกหลาย ประโยคอย่างที่หาได้ยาก “หากเจอกับหายนะน้าท่วมที่เกิดจากการ เปลี่ยนแปลงของดวงดาว แต่ละราชสานักก็จะ “อัญเชิญ” ปฏิทินหก สิบปี ชุดหนึ่งออกมาเพื่อใช ้สยบการาบมัน ดังนั้นสถานที่ที่กอง โหราศาสตร ์เก็บซ่อนปฏิทินของแต่ละรัชสมัยเอาไว้จึงมีข้อพิถีพิถัน ยกตัวอย่างเช่นตัวอักษรบางตัวของชื่อหอเก็บตารา โดยทั่วไปแล้วจะ มีอักษรน้าเป็ นส่วนประกอบ เช่นคาว่ายวน หยวน ซู่ จิน เป็ นต้น”
นางพยักหน้ารัวๆ เหมือนลูกเจี๊ยบจิกข้าวเปลือก
กู้ช่านพลันถามว่า “เหรียญผีภูเขาเหรียญนี้ ได้มาอย่างไร?”
กู้หลิงเยี่ยนคลี่ยิ้มหวาน “ใต้หล้าเปลี่ยวร ้างก็มีท่าเรือตระกูลเซียน และตลาดของชาวบ้านเหมือนกันนะ จะไม่ยอมให้ข้าได้เหยียบโชคดี ขี้หมาเก็บตกของดีได้บ้างเลยหรือ”
ผีภูเขาแตกต่างจากเทพภูเขาที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างถูกต้อง เหรียญผีภูเขาที่เคยให้ทางอารามปลุกเสกให้จะถูกมองเป็ นวัตถุที่มี ธาตุหยางบริสุทธิ์ สามารถเอาไว้พิทักษ์เรือนหรือจะพกติดตัวก็ได้
ต่อให้อยู่บนภูเขา เหรียญประเภทนี้ก็ยังได้รับความนิยม เพราะ ไม่มีข้อกังวลที่ว่าเชิญเทพมาง่ายส่งเทพกลับไปยาก ผลลัพธ์ยาม น ามาใช้เปิดเตาพิทักษ์คลังสมบัติจึงไม่เลว
กู้ช่านเอ่ย “พอจะมีค่าอยู่บ้าง เก็บไว้ให้ดีๆ”
กู้หลิงเยี่ยนถาม “คุณชายยังเลือกที่ตั้งของสานักไม่ได้อีกหรือ?”
่
กู้ช่านพยักหน้า “ไม่ใช่เรื่องเล็ก เอาเป็ นว่าไม่รีบร ้อนก็แล้วกัน ดู หลายๆ สถานที่หน่อย”
” กู้หลิงเยี่ยนยิ้มเอ่ย “จะว่าไปแล้วก็คือคุณชายยังลังเล ถือหมาก ไว้แต่ไม่รู ้จะวางตรงไหน”
ยอมแตกหักกับต าหนักหลิงเฟยอย่างไม่เสียดาย แต่ก็ต้องสอด ขาเข้าแทรก ลงมือจากทางราชส านักแคว้นชิงซิ่ง ซื้ออาณาเขตของ ภูเขาเหอฮวานที่ถูกเรียกขานว่าทะเลสาบซูเจี่ยนน้อยแห่งนั้นเอาไว้
กู้ช่านคงไม่ได้รังเกียจว่าเงินมากแล้วจะร้อนลวกมือหรอกกระมัง
จะว่าไปแล้วก็เป็ นเพราะกู้ช่านลังเล หากเขาวู่วาม คิดจะเลือก ที่ตั้งของสานักไว้ที่อาณาเขตของภูเขาเหอฮวานเพื่อทาเรื่องอะไร บางอย่าง จะได้พิสูจน์อะไรบางอย่างกับคนบางคน
เพียงแต่ว่าสติปัญญาและเหตุผลกลับบอกเขาอีกว่าการเลือก เช่นนี้ถือเป็ นการกระทาของคนปัญญาอ่อนที่ไม่ใช ้สมอง
กู้ช่านไม่อยากจะคุยเรื่องนี้กับนาง ความคิดย้ายไปยังเรื่องอื่น แล้วจู่ๆ ก็หัวเราะอยู่กับตัวเอง
นางถามอย่างประหลาดใจ “คุณชายนึกถึงเรื่องสนุกๆ อะไรได้ หรือ?”
กู้ช่านยิ้มเอ่ย “ทางฝั่งของแจกันสมบัติทวีปแห่งนี้ยังดี ข่าวสาร ติดขัด เรื่องที่รู ้มีไม่มากบุปผาบานในกาแพงแต่ส่งกลิ่นหอมไปนอก
่
กาแพง แต่ที่อื่นกลับมีคากล่าวบางอย่างที่น่าสนใจอย่างมาก ต่างก็ รู ้สึกว่าเขามาจากตระกูลปัญญาชน ศึกษาเล่าเรียนอ่านต ารามาเยอะ ตั้งแต่เด็ก เหตุผลก็น่าสนใจยิ่ง “ท่านลองอ่านตาราบันทึกหนึ่งร ้อย สองร ้อยนั่นเถิด ไหนเลยจะเป็ นค าพูดของคนธรรมดา
นางปิดปากหัวเราะ รู ้สึกว่าน่าสนใจจริงๆ
กู้ช่านกล่าวต่ออีกว่า “ต่อให้จะเข้าใจชาติก าเนิดของเขาคร่าวๆ รู ้ว่าเขาเป็ นเด็กบ้านนอกขาเปื้อนโคลน แต่ก็ยังพูดกันว่านี่เรียกว่า ตระกูลยากจนให้กาเนิดบุตรสูงศักดิ์ บ้านชาวบ้านให้ก าเนิดขุนนาง ต้องเป็ นเพราะ “ตอนที่ท่านเฉินอายุยังน้อยก็ได้ตั้งปณิธานว่าจะสร ้าง คุณูปการยิ่งใหญ่ไว้ในฟ้ าดินมานานแล้ว” อย่างแน่นอน”
พอคิดถึงถ้อยคาไพเราะพวกนี้ กู้ช่านก็อยากหัวเราะ
นางเอ่ยอย่างระมัดระวังว่า “หากไม่เป็ นเพราะศาลปุ่ นแผ่นดิน กลางจงใจปิดบัง อย่าว่าแต่ค าเรียกขานด้วยความเคารพว่า “ท่าน เฉิน” เลย คงต้องมีคนเรียกอย่างเคารพย าเกรงว่า ‘เฉินจื่อ” แล้วด้วย กระมัง?”
กู้ช่านยิ้มรับ
“คุณชาย เคยคิดหรือไม่ว่าชีวิตนี้จะต้องกลายเป็ นคนแบบใด?”
“เคยคิดแค่ว่าไม่อยากกลายเป็ นคนแบบไหน”
“ยกตัวอย่างให้ฟังหน่อยสิ”
่
“ยกตัวอย่างเช่นหมอกปักลายบุปผาที่มองดูเหมือนสวยงามแต่ไร ้ ประโยชน์อย่างเจ้าไงล่ะ”
“คุณชายของข้าหนอ มองดูเหมือนสวยงามแต่ไร ้ประโยชน์ แต่ ท่านก็ยังไม่เคยลองเสียหน่อย”
ฝนตกจากฟ้ าน้าไหลนองบนพื้น ตีกันบนหัวเตียงถึงปลายเตียง
สมัครสมาน ฮ่าๆ
ไปถึงสถานที่แห่งหนึ่ง เห็นว่ากู้ช่านไม่เดินหน้าต่อ กู้หลิงเยี่ยนก็ ถามอย่างสงสัยว่า “คุณชาย นี่คือ?”
กู้ช่านกล่าว “มารอคน นัดหมายไว้แล้วว่าจะมาเจอกันที่นี่”
กู้หลิงเยี่ยนยิ่งประหลาดใจมากกว่าเดิม “ในวังหลวงมียอดฝีมือ ซ่อนตัวอยู่อย่างนั้นหรือ?”
กู้กู้ช่านกล่าว “ไม่ได้มีอะไรตกหล่นให้เก็บมากมายขนาดนั้น ราชครูหวงเลี่ย ขอบเขตโอสถทอง ข้าดึงมาเป็ นผู้ถวายงานของ ส านักพวกเรา คุ้นเคยกับขนบธรรมเนียมบนภูเขาและกฎในวงการ ขุนนางดี เขาสามารถช่วยจัดการกิจธุระบางอย่างได้”
กู้หลิงเยี่ยนถาม “จาเป็ นหรือ?”
กู้ช่านกล่าว “แน่นอนว่านครจักรพรรดิขาวไม่ต้องการ แต่ส านัก ของข้าต้องการ”
่
สถานที่แห่งนี้คือสถานที่ที่มีชื่อเสียงมีกลิ่นอายเซียนของเมือง หลวง มีชื่อว่าสระคันฉ่องจันทร ์ เลี้ยงปลาหลีหลากหลายสีเอาไว้ ชาวบ้านของเมืองหลวงแคว้นอวี้เซวียนมักจะชอบมาปล่อยปลาที่นี่ นับแต่โบราณ ข้างสระน้าสร ้างศาลาไว้หลังหนึ่ง ด้านหน้าศาลาแขวน กระจกโบราณไว้หนึ่งบาน กลอนคู่เกรอะสนิมเก่าซีดมากแล้ว เนื้อหา คือกุ้งหอยปูหลาไม่ต้องหลบเลี่ยง แสงนี้สาดส่องแค่เจียวหลง เล่าลือ กันว่าทุกครั้งที่เป็ นค่าคืนมีแสงจันทร ์ผิวน้าของสถานที่แห่งนี้จะ เหมือนแสงจันทร ์สุกสกาว คลื่นน้าส่องประกายระยิบระยับ ไม่ใช่ค า ลวง เพราะความจริงก็เป็ นอย่างที่กลอนคู่กล่าวไว้จริงๆ เมื่อครู่นี้กู้ กู้ช่านไม่ได้เดินเข้าไปในศาลา แต่มาหยุดเท้าอยู่หน้าประตูของ อารามเต๋าแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้เคียง อารามแห่งนี้ตั้งอยู่กลางตลาดที่ คึกคักจอแจ แต่กลับเป็ นอารามที่ควันธูปไม่โชติช่วง ชาวบ้านเดิน ผ่านแล้วก็มักจะไม่แวะเข้าไป กู้หลิงเยี่ยนมองอารามเต๋าเงียบสงบที่ ประตูด้านหน้าเล็กมาก กลอนหน้าประตูของที่นี่ก็ประหลาดมาก เหมือนกัน “เป็ นชิ้นงานที่รวมไว้ทั้งความอัศจรรย์และจิตวิญญาณ ไม่ รู ้เลยว่าผู้ใดจะสามารถหลอมสร ้างขึ้นมาได้อีก” เหมือนตัวอักษรที่ เป็ นกึ่งๆ กลอนคู่มากกว่า…กู้หลิงเยี่ยนเข้าใจได้ในชั่วพริบตา คง ไม่ใช่ว่าต้องเอาไปรวมกับกลอนคู่ที่ศาลาถึงจะถือว่าเป็ นกลอนบท หนึ่งกระมัง? เมื่อเป็ นเช่นนี้ กู้หลิงเยี่ยนก็มองอารามเล็กวังเวงที่มีชื่อ ว่า “ฉงหยาง” แห่งนี้สูงขึ้นมาอีกหน่อยแล้ว น่าเสียดายที่นางไม่เป็ น ศาสตร ์การมองลมปราณ มองเบาะแสมากกว่านี้ไม่ออก ส่วนจะบอก ว่ามียอดฝีมือที่ออกมาเที่ยวเล่นในโลกมนุษย์มาแฝงตัวฝึกตนอยู่ที่นี่
่
นางก็ไม่มีทางคิดเป็ นจริงเป็ นจัง ยิ่งไม่เก็บเอามาใส่ใจ หนึ่งเพราะ ปราณวิญญาณในอารามบางเบา อีกอย่างต้องเป็ นแบบไหนถึงจะ เรียกว่ายอดฝีมือ? ตัวนางเองก็คือหยกดิบที่คุณสมบัติดีเยี่ยม หรือว่า ด้านในจะมีเซียนนั่งบัญชาการณ์ มีบินทะยานหลอมโอสถอยู่ที่นี่?
นางหันหน้าไปมอง มีเซียนดินโอสถทองที่…ไม่ถือว่าหนุ่มคน
| หนึ่งเดินมาก็คือเจ้าของอารามเต๋าแห่งนี้หรือ? |
กู้ช่านยิ้มเอ่ย “ส่งมอบงานเสร็จแล้วหรือ?”
หวงเลี่ยพยักหน้า “ทาตามคากาชับของท่าน ได้บอกกับเซวียผัง ไปตามสัตย์จริงแล้วพอได้ยินว่าเป็ นท่าน ใบหน้าของเขาก็เหมือนคน กินอาจม ไม่กล้าพูดอะไรสักค า”
พลันตระหนักได้ว่าคาเปรียบเปรยเช่นนี้คล้ายจะไม่ค่อยเหมาะสม เท่าใด ผู้เฒ่าก็รีบยิ้มเอ่ยว่า “พูดไม่ทันคิด โปรดอภัยให้ด้วย เอาเป็ น ว่าทั้งสองฝ่ ายต่างเกรงใจมีมารยาทต่อกัน พบเจอกันด้วยดีและจาก ลากันด้วยดี”
กู้ช่านกล่าว “วันหน้าจะพูดจายังไงก็ตามสบาย ขนาดเซวียผังยัง ยอมทนกับราชครูที่สางเหาถอดรองเท้าได้ ความใจกว้างของข้าย่อม มากกว่าเขาอยู่หลายส่วน”
่
หวงเลี่ยยิ้มเอ่ย “แบบนี้ก็ดีน่ะสิ ระหว่างที่เดินทางมายังคิดไม่ตก ไม่รู ้ว่าจะถูกเจ้าสานักกู้หลอกเข้าสานักไปแล้วก็จะเปลี่ยนสีหน้าไม่จา คนหรือไม่”
กู้ช่านส่ายหน้ากล่าว “เจ้ายังไม่เข้าใจนครจักรพรรดิขาวของ พวกเรา โลกภายนอกเล่าลือกันไปผิดๆ เชื่อไม่ได้หรอก ในนคร จักรพรรดิขาว ผู้ฝึกตนทาเนียบที่เกิดและโตในท้องถิ่นออกไปท าธุระ ข้างนอก ใช ้วิธีการที่ค่อนข้างป่ าเถื่อน กลับกลายเป็ นพวกผู้ฝึกตน อิสระที่เข้ามาอยู่ในนครกลางทางที่เคารพกฎระเบียบมากกว่า”
หวงเลี่ยเอ่ยอย่างระมัดระวังว่า “ข้าจะมีโอกาสได้เดินเที่ยวชม นครจักรพรรดิขาวสักรอบหรือไม่ ขอแค่ได้เห็นทัศนียภาพโดยรวมก็ พอ ทั้งสงสัยใคร่รู ้แล้วก็วาดฝันถึง เลื่อมใสมานานมากแล้วจริงๆ”
กู้ช่านกล่าว “วันหน้าธรณีประตูของนครจักรพรรดิขาวมีแต่จะ สูงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เรื่องนี้ไม่ค่อยง่ายจริงๆ แต่สามารถปรึกษากันได้ ยกตัวอย่างเช่นรอให้เจ้าเลื่อนเป็ นขอบเขตก่อก าเนิดก่อนค่อยว่ากัน”
ดูเหมือนกู้หลิงเยี่ยนเพิ่งจะสังเกตเห็นคนผู้นี้ นางคลี่ยิ้มหวาน พูด เหน็บแนมว่า “โอ้โหร ้ายกาจนัก ถึงกับเป็ นเทพเซียนผู้เฒ่าโอสถทอง คนหนึ่งเลยหรือนี่”
หวงเลี่ยหัวเราะฮ่าๆ “ที่ไหนกัน ที่ไหนกัน ธรรมดา ธรรมดา”
กู้ช่านเหลือบมองนาง เอ่ยเตือนว่า “พูดภาษาคน”
่
เห็นได้ชัดว่านางเป็ นคนที่เชื่อฟังคาแนะนาของผู้อื่น จึงเบี่ยงตัว ยอบกายคารวะอย่างแช่มช ้อย “บ่าวหลิงเยี่ยน คารวะผู้อาวุโส วัน เวลาที่บ่าวติดตามคุณชายยังน้อยนัก ไม่เข้าใจกฎระเบียบและ มารยาท ขอผู้อาวุโสโปรดอภัยให้ด้วย”
กู้ช่านแนะนา “ทุกวันนี้นางใช ้นามแฝงว่าหลิงเยี่ยน มาจากเผ่า ปีศาจของเปลี่ยวร ้างขอบเขตหยกดิบ คุณสมบัติไม่เลว”
หวงเลี่ยถึงกับไม่ประหลาดใจแม้แต่น้อย ลูกศิษย์เอกของท่านผู้ อาวุโสเจ้านครเจิ้งออกจากส านักมาจะไม่ต้องมีหน้ามีตาสักหน่อย หรือ? ก็แค่พาสาวใช ้ขอบเขตหยกดิบมาด้วยไม่มีอะไรให้ต้องตกใจ แม้แต่น้อย
แม้จะคิดเช่นนี้ แต่ในใจของโอสถทองเฒ่าก็อดกลัดกลุ้มไม่ได้ สตรีอ่อนเยาว์ท่าทางนุ่มนวลอ่อนโยนตรงหน้าผู้นี้ ถึงอย่างไรก็เป็ น ขอบเขตหยกดิบที่สูงเกินจะปืนป่าย ประเด็นส าคัญคือนางมาจากใต้ หล้าเปลี่ยวร ้าง
หวงเลี่ยอดไม่ไหวถามอย่างใคร่รู ้ว่า “เจ้าขุนเขาเฉินเป็ นคนแบบ ใด เขาเองก็เหมือนนครจักรพรรดิขาวที่ทัศนียภาพที่แท้จริงภายใน แตกต่างจากค าเล่าลือของโลกภายนอกมากหรือ?”