กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 198.2 เด็กหนุ่มอยากเดินทางไกล
จู่ๆ หร่วนซิ่วก็หัวเราะ “ท่านพ่อ ท่านคงไม่คิดว่าข้าชอบเฉินผิงอันหรอกกระมัง? อืม ชอบที่ข้าพูดถึงนี้คือชอบแบบความรักระหว่างหนุ่มสาวน่ะ”
หร่วนฉงเริ่มสับสนขึ้นมาบ้างแล้ว แม้จะรู้สึกร้อนตัวอยู่บ้าง แต่ก็ยังแสร้งทำท่าผ่อนคลาย พูดปากแข็งว่า “เจ้าจะชอบเจ้าเด็กนั่นได้ยังไง นี่ไม่เกี่ยวข้องกับชาติกำเนิด เพราะพ่อเองก็เป็นเด็กยากจนที่มาจากตระกูลคนจนเหมือนกัน ข้อนี้ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก แต่หน้าตา พรสวรรค์และนิสัยแบบเฉินผิงอันนั่น พ่อไม่ชอบจริงๆ ไหนเลยจะคู่ควรกับซิ่วซิ่วของข้า”
หร่วนซิ่วร้องอ้อหนึ่งที ยืดแขนสองข้างเหยียดตรง สิบนิ้วประสานกัน มองไปยังทิศไกล “ที่แท้ท่านพ่อไม่ชอบนี่เอง”
อริยะสำนักการทหารผู้ยิ่งใหญ่เกือบจะโมโหตายเพราะประโยคนี้ของบุตรสาวตัวเอง
หร่วนฉงแข็งใจถามต่อว่า “แล้วเจ้าล่ะ ซิ่วซิ่ว?”
คำตอบของหร่วนซิ่วเห็นได้ชัดว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับคำถาม อีกทั้งยังบ่ายเบี่ยงเต็มที “เฉินผิงอันชอบผู้หญิงแค่คนเดียวเท่านั้น ข้ารู้ดียิ่งกว่าใคร”
ตอนที่กล่าวมาถึงตรงนี้ เด็กสาวก็ยิ้มอย่างมีความสุข
นี่ทำให้หร่วนฉงมึนงง ไม่เข้าใจว่าซิ่วซิ่วคิดอย่างไร เพราะอย่างไรซะเขาก็ไม่ใช่มารดาของหร่วนซิ่ว เรื่องรักๆ ใคร่ๆ แบบนี้ เขาที่เป็นผู้ชายหยาบกระด้างคนหนึ่งไม่สะดวกจะซักไซ้ให้ถึงที่สุดจริงๆ
หร่วนซิ่วหรี่ดวงตาชุ่มชื้นด้วยประกายน้ำคู่นั้นลงพลางหัวเราะคิกคัก “ขนมกุ้ยฮวาอร่อยจริงๆ”
หร่วนฉงลุกพรวดขึ้นยืน กล่าวอย่างอัดอั้นว่า “พ่อจะไปซื้อจากเมืองเล็กมาให้เจ้า”
หร่วนซิ่วตอบอ่อนหว่าน “ดีเลยเจ้าค่ะ”
หร่วนฉงเดินไปก็โมโหไปด้วย เจ้าลูกหมาเฉินผิงอัน ทำให้ซิ่วซิ่วของข้าได้แต่จดจ้อง ไม่กล้ากินขนมมาตั้งเกินครึ่งปี!
ลูกสาวข้าผอมหมดแล้ว!
……
เรื่องที่หร่วนฉงเปิดเตาหลอมกระบี่ได้แจ้งให้พวกปีศาจและผู้ฝึกตนอิสระที่เข้ามาอยู่ในพื้นที่เขตการปกครองหลงเฉวียนทราบหมดแล้ว ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่ พวกเขาก็ล้วนมุ่งหน้าไปที่ภูเขาทางทิศตะวันตก ส่วนเรื่องที่ว่าจะสามารถจ่ายเงินฟาดเคราะห์ เข้าไปในภูเขาสำเร็จ อาศัยโชคชะตาแห่งภูเขาและแม่น้ำต้านทานปณิธานแห่งกระบี่ที่แผ่ออกมาหลังเปิดเตาหลอมกระบี่ได้หรือไม่ ยังต้องดูว่ากองกำลังบนภูเขาเต็มใจหรือไม่ถึงจะได้ ดังนั้นภูตผีปีศาจส่วนใหญ่ที่มาตั้งรกรากอยู่ที่นี่จึงมีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก ปีศาจบางตนไม่เห็นสำคัญกับเรื่องนี้ ด้วยคิดว่าตบะของตนสูงล้ำมากพอ มีหรือจะตกใจไปกับการหลอมกระบี่ที่อยู่ไกลถึงริมลำคลองหลงซวี ด้วยเหตุนี้จึงดึงดันที่จะอยู่ต่อในบ้านที่ซื้อใหม่ไว้ในเมืองเล็ก เหล่าขุนนางท้องถิ่นที่มาจากที่ว่าการเขตการปกครองและที่ว่าการอำเภอต่างก็ไม่บังคับฝืนใจ เพียงแค่มอบรายชื่อของคนเหล่านั้นให้กับสายลับต้าหลีที่อยู่ในพื้นที่เท่านั้น
ความมหัศจรรย์แห่งมหามรรคานั้นอยู่ที่ว่าการหลอมกระบี่ครั้งนี้ของหร่วนฉงค่อนข้างจะแปลกประหลาด เขาป่าวประกาศว่าจะส่งผลกระทบรุนแรงต่อพวกภูตผีปีศาจเท่านั้น ผู้ฝึกลมปราณเผ่ามนุษย์กลับไม่เป็นปัญหาอะไร ต่อให้เป็นชาวบ้านร้านตลาดธรรมดาที่ร่างกายค่อนข้างอ่อนแอก็ไม่มีทางได้รับคลื่นที่เหลือจากการหลอมกระบี่ของหร่วนฉง
มิน่าเล่าถึงมีคำพูดโบร่ำโบราณซึ่งกล่าวขานกันใน ‘ตีนเขา’ ของตระกูลเซียนว่า ‘ไม่ขึ้นภูเขาลูกนี้ก็ไม่ได้เสวยสุข’ แต่ขณะเดียวกันก็สามารถลดปัญหายุ่งยากได้มาก ยกตัวอย่างเช่นเรื่องที่ก่อนหน้านี้ถ้ำสวรรค์หลีจูห้ามใช้คาถาอาคมทุกชนิด นับตั้งแต่อริยะฉีจิ้งชุนไปจนถึงหลี่ไหว และจากบุรพาจารย์ตระกูลหลี่ไปจนถึงผู้ฝึกลมปราณธรรมดาทุกคน อันที่จริงพวกเขาต่างก็กำลังรับโทษทัณฑ์ แต่เมื่อหันกลับมามองชาวบ้านทั่วไป พวกเขากลับไม่เป็นอะไรสักนิด
จากนั้นผู้ฝึกตนอิสระที่ซ่อนตัวอยู่ในหมู่ชาวบ้านของเมืองเล็กเกือบร้อยคนก็เกิดการปะทะกันหลายครั้งระหว่างที่เดินทางขึ้นเขา เพียงพูดไม่เข้าหู พวกเขาก็ลงไม้ลงมือกันถึงตาย ราชสำนักต้าหลีไม่ยื่นมือเข้าแทรกเรื่องนี้ ขอแค่สองฝ่ายเข่นฆ่ากันโดยที่ไม่ทำลายฮวงจุ้ยของภูเขา พวกเขาก็เลือกหลับตาข้างหนึ่งลืมตาข้างหนึ่ง แต่พอเป็นปีศาจขอบเขตหกตนหนึ่งที่ไม่ยอมย้ายออกจากเมืองเล็กไปทะเลาะกับขุนนางตอนเอาข่าวไปแจ้งที่ว่าการอำเภอ ระเบิดความดุร้าย หมัดเดียวก็ต่อยให้ขุนนางท่านนั้นกระอักเลือดไม่หยุด แถมยังทำร้ายเลขาฝ่ายบู๊ที่ติดตามขุนนางคนนั้นไปพร้อมกันด้วย ผลกลับกลายเป็นว่าไม่ถึงหนึ่งก้านธูปก็มีกระบี่บินส่งข่าวไปยังที่ว่าการแห่งใหม่ซึ่งสร้างไว้ทางทิศเหนือของภูเขาใหญ่ เจ้าเมืองอู๋ยวนจึงออกคำสั่งให้สังหารปีศาจตนนั้นทันที
ตั้งแต่ต้นจนจบ ที่ว่าการเขตการปกครองไม่ได้เรียกใช้นักพรตซึ่งเป็นบุรพาจารย์ของตระกูลใหญ่ในเมืองเล็ก ยิ่งไม่ได้เรียกใช้ปีศาจตนอื่นๆ ที่พึ่งพาอาศัยอยู่ใต้ชายคา คอยดูดซับปราณวิญญาณ แต่แค่ส่งเลขาฝ่ายบู๊สามท่านที่ขอบเขตค่อนข้างสูง บวกกับยอดทหารที่มีฝีมืออีกสองร้อยนายของต้าหลี ภายใต้การนำของขุนพลฝ่ายบู๊ท่านหนึ่ง ไปโอบล้อมบ้านที่ปีศาจตนนั้นพักอาศัยอย่างแน่นหนาจนแม้แต่น้ำก็ซึมออกไปไม่ได้ บนหลังคายังมีพลธนูที่ยิงแม่นอีกกลุ่มหนึ่งคอยง้างคันธนูคอยท่า และลูกธนูทุกดอกก็ยิ่งถูกสร้างขึ้นเป็นพิเศษจากที่ว่าการลับของกรมโยธาธิการ และสุดท้ายก็เปิดฉากสังหารปีศาจตนนั้นจนตายคาที่
สวี่รั่วจอมยุทธ์สำนักโม่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในทวีปแผ่นดินกลาง และหลิวอวี้ผู้ใต้บังคับบัญชาคนสนิทยืนเคียงไหล่กันอยู่บนหลังคาแห่งหนึ่งที่ห่างไปไม่ไกล พวกเขาแค่ยืนมองเฉยๆ ไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมด้วย
ตอนนั้นคนที่มองการต่อสู้อยู่ไกลๆ ยังมีกองกำลังจากภายนอกที่ซื้อภูเขาไว้อีกหลายกองกำลัง
หากต้าหลีส่งนักพรตที่แข็งแกร่งคนหนึ่งออกมาบดขยี้ปีศาจที่ไม่เคารพกฎตนนั้น การโจมตีที่มีต่อพวกคนที่มาชมศึกคงน้อยกว่าภาพที่พวกเขาได้เห็นอยู่มาก ภาพที่ว่าคือภาพที่เลขาธิการฝ่ายบู๊ของต้าหลีซึ่งเป็นนักพรตจากสำนักการทหาร ร่วมมือกับเหล่าทหารที่ผ่านมาร้อยสมรภูมิรบ แต่ละคนบุกและถอยอย่างเป็นระเบียบ สังหารปีศาจที่แข็งแกร่งตนนั้นได้อย่างง่ายดาย คนสองกลุ่มที่มาจากบนภูเขาและล่างภูเขากลับร่วมมือสอดประสานกันได้อย่างไร้ช่องโหว่
นี่ต่างหากถึงจะเป็นความน่ากลัวที่แท้จริงของราชวงศ์ต้าหลี
……
ฝึกหมัดวันนี้แค่ชำระล้างจิตวิญญาณ แต่เฉินผิงอันต้องเผชิญกับหายนะรุนแรงมากกว่าเก่า
ตอนที่ถูกเด็กชายชุดเขียวแบกออกมา แขนขาเขายังชักกระตุก น้ำลายฟูมปาก ต่อให้ถูกวางลงในถังยาใบใหญ่ของชั้นล่างแล้วก็ยังมีสภาพชวนสังเวชเช่นนี้
รอจนเฉินผิงอันปีนออกมาจากถังยา เปลี่ยนมาสวมชุดใหม่สะอาดเอี่ยมก็เป็นเวลากลางดึกแล้ว เขาหิ้วกาเหล้ากานั้น พ่นลมหายใจขุ่นมัวออกมาหนึ่งที ยืดแขนบิดขี้เกียจ นั่งอยู่ตรงกลางระหว่างเด็กชายชุดเขียวกับเด็กหญิงชุดกระโปรงชมพู เฉินผิงอันดื่มเหล้ารสร้อนแรง แม้จะยังสำลักและคิดว่ามันไม่อร่อย แต่กลับให้ความรู้สึกที่ดีมาก ดีกว่าตอนดื่มครั้งแรก
เฉินผิงอันจิบคำเล็กๆ หรี่ตาลง รู้สึกกรึ่มๆ เล็กน้อย
เขาอาศัยรสเหล้าร้อนแรงเอ่ยถามว่า “ข้ารู้ว่าบนโลกมีน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ พวกเจ้าว่าที่ร้านผ้าห่อบุญจะมีขายหรือไม่?”
เด็กน้อยสองคนหันมามองหน้ากัน
ก่อนที่เด็กชายชุดเขียวจะถอนหายใจ “นายท่าน ไม่ใช่ว่าข้าไม่เต็มใจให้ท่านยืมเงินหรอกนะ อีกอย่างยังไม่ต้องพูดถึงว่าที่ร้านผ้าห่อบุญมีขายหรือไม่ ต่อให้มีขายจริงๆ ข้อแรก ไม่แน่เสมอไปว่านายท่านจะแย่งชิงมาได้ ข้อที่สองต่อให้ข้าเอาทรัพย์สินทั้งหมดออกมากอง ทุบหม้อขายเหล็ก ก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะซื้อน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ที่ธรรมดาที่สุดใบหนึ่งได้”
เฉินผิงอันอึ้งตะลึงเล็กน้อย “แพงขนาดนั้นเลยหรือ?”
เด็กชายชุดเขียวพยักหน้าอย่างแรง “ไม่มีแพงที่สุด มีแต่แพงยิ่งกว่า! แพงจนถึงขนาดที่ว่าแม้แต่ผู้ฝึกลมปราณห้าขอบเขตกลางก็ยังรู้สึกเสียดายเงิน!”
เด็กชายชุดเขียวลุกขึ้นยืน เพิ่มระดับน้ำเสียง “เอาแค่สหายเทพวารีแม่น้ำอวี้เจียงของข้า ชีวิตนี้ความฝันยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาก็คือมือซ้ายถือน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่หนึ่งใบ มือขวาก็ถือน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่อีกหนึ่งใบ หึ เขาไม่ใช่ผู้ฝึกกระบี่ แต่ดันต้องมาโมโหเอาเป็นเอาตายกับพวกผู้ฝึกกระบี่ที่เย่อหยิ่งเหล่านั้น ผลกลับกลายเป็นว่าป่านนี้แล้วเขาถึงเพิ่งจะมีน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ที่ระดับต่ำมากลูกหนึ่ง แน่นอนว่านี่ก็เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เขาใช้เงินอย่างสุรุ่ยสุร่ายด้วย ลำพังแค่กับเทพธิดาคนนั้นก็ทำให้เขาผลาญทรัพย์สมบัติที่สะสมมาถึงสี่ห้าร้อยปี และบางคนที่ชื่นชอบเขา เขาก็ทุ่มเงินให้พวกนางด้วยเหมือนกัน เฮ้อ นารีเป็นเหตุแท้ๆ เพราะฉะนั้นถือว่านายท่านโชคดีที่ไม่มีโชคดอกท้อ (โชคด้านความรัก) อะไรกับเขา ไม่ต้องกลัดกลุ้มกับเรื่องพวกนี้”
เด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูรีบเถียง “ไม่ถูก! พี่หญิงหร่วนชอบนายท่านของพวกเรา!”
เฉินผิงอันพูดยิ้มๆ “นั่นเป็นเพราะแม่นางหร่วนเป็นคนดี ไม่ใช่ว่านางชอบข้า คำพูดแบบนี้วันหน้าอย่าพูดส่งเดช ไม่อย่างนั้นถ้าพี่หญิงหร่วนโกรธขึ้นมาจริงๆ ข้าช่วยพวกเจ้าไม่ได้หรอกนะ”
ระหว่างที่พูดเฉินผิงอันก็แอบเดาะลิ้นอยู่กับตัวเอง ที่แท้น้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ก็มีมูลค่าควรเมืองขนาดนี้นี่เอง ถ้าอย่างนั้นวันหน้าเมื่อลงจากเขา เรื่องแรกที่ต้องทำคือไปส่งจดหมายให้หลี่เป่าผิงที่จุดพักม้า บอกให้นางเก็บรักษาน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่สีเงินลูกนั้นไว้ให้ดี อย่าทำแตกเด็ดขาด เขารู้ดีว่าแม่นางน้อยเป่าผิงมีนิสัยติดเล่น ไม่แน่ว่าวันใดวันหนึ่งอาจจะลากเชือกแดงหิ้วน้ำเต้าใบน้อยวิ่งไปทั่วภูเขา และอาจทำมันแตกโดยไม่ทันระวัง
เด็กทั้งสองหันมาถลึงตาใส่กัน ต่างก็อดกลั้นไว้ไม่พูดอะไรต่อ
เฉินผิงอันครุ่นคิดอย่างละเอียดแล้วก็พูดเสริมมาว่า “แม่นางหร่วนไม่ค่อยเหมือนกับคนอื่น จะให้พูดอย่างเป็นรูปธรรม ข้าก็พูดไม่ถูก หากจะบอกว่าแม่นางหร่วนชอบข้า ข้าก็ชอบแม่นางหร่วนเหมือนกัน แต่ความชอบแบบนี้ไม่ใช่แบบที่พวกเจ้าคิด”
เด็กชายชุดเขียวรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก
ก่อนหน้านี้เขาค่อนข้างเป็นกังวลว่า วันใดวันหนึ่งชายฉกรรจ์วัยกลางคนผู้เป็นอริยะที่ไม่ชอบพูดผู้นั้นจะบุกมาถึงภูเขาลั่วพั่ว ต่อยเฉินผิงอันตายด้วยหมัดเดียวก่อน หลังจากนั้นก็ค่อยต่อยอีกหมัดให้ตนตาย
เด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
แน่นอนว่านางชอบนายท่านของตัวเองมากที่สุด แล้วก็ชอบพี่หญิงหร่วนเหมือนกัน หากคนที่นางชอบทั้งสองคนต่างก็ชอบกัน แบบนั้นจะไม่ยิ่งดีหรอกหรือ?
แล้วนายท่านชอบใครกันแน่นะ?
เด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูรู้ว่านายท่านแอบชอบแม่นางคนหนึ่ง
ยกตัวอย่างเช่นตอนนี้ที่นางแอบมองใบหน้าด้านข้างของนายท่าน มองแววตาและสีหน้าของเฉินผิงอันก็รู้แล้วว่านายท่านเริ่มคิดถึงแม่นางคนนั้นอีกแล้ว
เฉินผิงอันใจลอยไปไกลนับพันนับหมื่นลี้
มีแม่นางคนหนึ่งที่คิ้วทอดตัวดุจเทือกเขายาวไกล
นอกจากนางจะสวยมากแล้ว นางยังเป็นคนดีมากด้วย
ต่อให้นางจะแค่นั่งอยู่ในห้องเก่าโทรมของตรอกหนีผิงเฉยๆ โดยไม่พูดอะไร ก็สามารถทำให้เด็กหนุ่มเกิดความคาดหวังอย่างเต็มเปี่ยมต่ออนาคตได้
แต่เฉินผิงอันเองก็รู้ว่า ชอบหรือไม่ชอบนางเป็นเรื่องของตน นางจะชอบตนหรือไม่ก็เป็นเรื่องของนาง
ไม่ว่าจะอย่างไร เฉินผิงอันก็รู้สึกว่าตัวเองควรจะบอกนางต่อหน้าสักครั้ง
ก็เหมือนที่ตอนนั้นทั้งๆ ที่นางจากไปไกลมากแล้ว แต่พอคิดขึ้นได้ว่าควรต้องบอกลากับเขาสักคำ นางก็ควบคุมกระบี่หันกลับมาบอกลากับเขาต่อหน้า
เฉินผิงอันไม่กล้าพูดว่าชีวิตนี้จะชอบแม่นางแค่คนเดียว แต่เขาไม่มีทางชอบแม่นางสองคนในเวลาเดียวกันแน่นอน
ดังนั้นเขาจึงอยากจะออกเดินทางไกลเพื่อตัวเองสักครั้ง
นี่เป็นครั้งแรกที่เด็กหนุ่มคิดอยากจะทำอะไรสักอย่างเพื่อตัวเอง
……
การฝึกหมัดวันที่สอง ก่อนจะเริ่มฝึกหมัด เฉินผิงอันได้ถามคำถามหนึ่งว่าฝึกกระบี่จำเป็นต้องหาคัมภีร์กระบี่ดีๆ สักเล่มหรือไม่
ผลกลับกลายเป็นว่าผู้เฒ่าโมโหหนัก เดิมทีตกลงว่าจะชำระขัดเกลาเรือนกาย กลับกลายมาเป็นทุบตีหล่อหลอมจิตวิญญาณ อีกทั้งก่อนหน้านั้นยังใช้คำว่า ‘แลกเปลี่ยนฝีมือ’ มาทดสอบประสิทธิภาพของวิชาหมัด ใช้กระบวนท่าเทพตีกลองสายฟ้าถึงยี่สิบห้าหมัดเต็มๆ ต่อยจนเฉินผิงอันเกือบจะร้องเรียกหาบิดามารดา
เฉินผิงอันที่หายใจรวยรินนอนบนพื้น จะตายมิตายแหล่
เขาเข้าใจผิดอยู่หลายครั้งว่าตัวเองจะตายจริงๆ
ผู้เฒ่าหลุบตามองลงมาจากมุมสูง หัวเราะเสียงเย็นถามว่า “โลภมากมักลาภหาย ยังไม่ทันฝึกหมัดให้ดีก็คิดจะแบ่งสมาธิไปฝึกกระบี่แล้วรึ?!”
เฉินผิงอันที่ทั่วใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดสดเจ็บแค้นปานขาดใจ กระอักเลือดพลางตอบเสียงแหบไปด้วย “ข้าแค่จะถามว่าหลังจากฝึกวิชาหมัดแล้ว ควรจะฝึกกระบี่อย่างไร…”
ผู้เฒ่าอึ้งตะลึงไปอย่างเห็นได้ชัด เมื่อสังเกตเห็นสายตาที่เริ่มพ่นไฟของเด็กหนุ่ม ผู้เฒ่าก็ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน ยกเท้ากระทืบเต็มแรงจนเด็กหนุ่มหมดสติไป
ก็ช่วยชำระล้างร่างกายไงล่ะ สลบไปแล้วเดี๋ยวก็ฟื้นขึ้นมา ไม่ได้แตกต่างกันสักเท่าไหร่
ผลกลับกลายเป็นว่าคืนนั้นพอเฉินผิงอันออกจากถังยามาเปลี่ยนเสื้อผ้า เขาที่อยู่ชั้นหนึ่งก็หันไปแผดเสียงด่าใส่ชั้นสอง สีหน้าเขียวคล้ำ เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน
เขาด่าได้อย่างชัดเจนไม่คลุมเครือเลยสักนิด ไม่เสียแรงที่เป็นเด็กหนุ่มซึ่งมีชาติกำเนิดจากตรอกหนีผิง
เด็กชายชุดเขียวและเด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูนั่งแทะเมล็ดแตงอยู่ด้านข้าง แม้แต่เด็กชายชุดเขียวก็ยังเริ่มนับถือนายท่านของตัวเอง ฝึกหมัดมานานขนาดนี้ อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง เอาแค่ความกล้าหาญนี้ก็มากพอให้ต้องชื่นชมแล้ว
หลังจากนั้นเฉินผิงอันก็นั่งลงบนเก้าอี้ไม้ไผ่ ดื่มเหล้าอย่างอัดอั้น เหล้าที่เหลือเกือบครึ่งกาเล็กถูกเขาดื่มจนหมดรวดเดียว
——————————