กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 348.3 ท่านอาจารย์ที่แท้จริง
เฉินผิงอันกล่าวอย่างจนใจ “นางขออะไร หากล้ำค่าเกินไป พวกเราไม่มีทางเอากลับไปด้วย หากเป็นของธรรมดา ข้าสามารถจ่ายเงินให้ได้”
สาวใช้ตอบอย่างไม่สบายใจ “นางแค่ขอพู่กันและกระดาษที่จวนปี้โหยวซื้อมาจากตลาดไปบางส่วนเท่านั้น บอกว่านับตั้งแต่วันนี้ไปนางจะเรียนเขียนยันต์ แถมยังบอกอีกว่าเงินค่าพู่กันกับกระดาษนี้ ไม่ช้าก็เร็วนางย่อมต้องคืนให้กับจวนปี้โหยว คุณชายเฉิน เป็นแค่กระดาษและพู่กันธรรมดาเท่านั้น ไม่มีค่าเลยจริงๆ ขอคุณชายเฉินอย่าได้ตำหนิคุณหนู ไม่สู้คุณชายคิดเสียว่าเป็นของขวัญที่ข้ามอบให้คุณหนูดีไหมเจ้าคะ? คุณชายไม่รู้อะไร ข้าไม่ได้พูดคุยกับใครมานานหลายปีแล้ว คุณหนูยินดีคุยเล่นกับข้า ข้าดีใจมาก ดีใจเหมือนได้ฉลองปีใหม่ตอนที่ข้ายังมีชีวิตอยู่เลย”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ถ้าอย่างนั้นข้าจะถือว่าเจ้ามอบให้นางเป็นของขวัญก็แล้วกัน แต่ถึงเวลานั้นข้าจะบอกให้นางมาขอบคุณเจ้า”
สาวใช้คลี่ยิ้มกว้าง ยอบตัวคารวะ “คุณชายเฉินเข้าใจจิตใจผู้อื่นเป็นอย่างดี หวังว่าวันหน้าท่านจะมาเป็นแขกที่จวนปี้โหยวของพวกเราบ่อยๆ”
พอเห็นเผยเฉียน รอยยิ้มของนางก็เจิดจ้าสดใส
เฉินผิงอันถาม “ไม่มีอะไรจะพูดหรือ?”
เผยเฉียนถลึงตามองผีสาวที่อยู่ด้านหลังเฉินผิงอัน หยิบพู่กันขนกระต่ายหัวเล็กด้ามหนึ่งออกมาอย่างขุ่นเคือง จากนั้นก็เลิกเสื้อตัวนอกขึ้น ที่แท้นางซ่อนกระดาษปึกใหญ่ไว้ในเสื้อ
นางรีบพูด “ข้าพูดกับพี่หญิงเซวียนฮวาแล้วว่า พู่กันกับกระดาษนี้ข้าขอยืมไปจากจวนปี้โหยว วันหน้าจะต้องคืนเงินให้แน่นอน! เพียงแต่กลัวว่าเจ้าจะไม่อนุญาต ข้าเลยซ่อนเอาไว้”
เฉินผิงอันถาม “ต่อให้ในอนาคตเจ้าหาเงินได้เอง แต่รู้หรือไม่ว่าระยะทางจากแจกันสมบัติทวีปมาใบถงทวีปนั้นไกลแค่ไหน? วันหน้าจะคืนเงินอย่างไร? หากให้ท่าเรือตระกูลเซียนส่งมาให้ เงินเหล่านั้นเจ้าสามารถเอาไปซื้อบ้านหลังหนึ่งในเมืองหลวงแคว้นหนันเยวี่ยนได้เลย เจ้ารับรองได้หรือไม่ว่าตัวเองจะหาเงินได้มากขนาดนั้น?”
เผยเฉียนสีหน้างงงัน
เฉินผิงอันแค่นเสียงเย็น “ไม่แน่ว่าเป็นเพราะรู้เรื่องนี้ เจ้าถึงได้เต็มใจพูดว่าจะคืนเงินกระมัง?”
เผยเฉียนยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน สายตาล่อกแล่กไปมา แต่ไม่กล้ามองสบตาเฉินผิงอันตรงๆ
เฉินผิงอันยื่นมือออกไป
เผยเฉียนรีบพูดหน้าม่อย “ห้ามตีหัวข้า ห้ามดึงหู ตรงอื่นตีได้ตามสบาย!”
เฉินผิงอันฉุนจัดจนกลายเป็นหัวเราะ “เอาพู่กันและกระดาษมาให้ข้าเก็บ เมื่อครู่นี้พี่สาวบอกแล้วว่านางจะมอบให้เจ้าเป็นของขวัญจากลา”
เผยเฉียนยื่นกระดาษและพู่กันให้เฉินผิงอัน มองผีสาวหน้าตางดงามที่ปิดปากหัวเราะผู้นั้นด้วยสีหน้าซาบซึ้งแทบน้ำหูน้ำตาไหล “พี่เซวียนฮวา เจ้าเป็นคนดีขนาดนี้ ไม่ถูกสิ เจ้าเป็นผีที่ดีขนาดนี้ ควรจะให้เจ้าได้เป็นเจ้าแม่เทพวารี”
เฉินผิงอันเก็บของลงไปในวัตถุฟางชุ่นที่อยู่ในน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ ชำเลืองตามองเผยเฉียน
เผยเฉียนตระหนักได้ทันที รีบโค้งตัวขอบคุณสาวใช้
สองคนหนึ่งผีพากันเดินไปที่ห้องโถงใหญ่ เจ้าแม่เทพวารีมาคอยอยู่นานแล้ว
เมื่อเทียบกับเทพวารีลำคลองหมายเหอคนเมื่อคืนที่นิสัยโผงผาง เปี่ยมไปด้วยความองอาจแห่งยุทธภพ วันนี้ในที่สุดนางก็มีมาดของเจ้าแม่เทพวารีบ้างแล้ว นางเปลี่ยนมาสวมชุดผ้าแพรที่คล้ายคลึงกับชุดของฮูหยินตราตั้งในราชสำนัก
สาวใช้เซวียนฮวาถอยออกไปแล้ว เจ้าแม่เทพวารีจึงพูดเข้าประเด็นด้วยน้ำเสียงที่หนักอึ้ง “เฉินผิงอัน บุญคุณเท่าหยดน้ำต้องตอบแทนดุจน้ำพุ แล้วนับประสาอะไรกับบุญคุณที่ใหญ่เทียมฟ้าถึงขนาดนี้ ข้าต้องมอบอะไรให้เจ้าสักอย่าง ไม่อย่างนั้นคงละอายใจอย่างยิ่งยวด ข้าลองคิดดูแล้ว จวนปี้โหยวไม่มีวัตถุใดที่จะเข้าตาเจ้าได้ อาวุธที่ข้าหลอมถือว่าระดับขั้นพอใช้ได้ เพียงแต่ว่าสมบัติอาคมสองชิ้นล้วนเป็นวัตถุแห่งชะตาชีวิตของข้า ไม่อาจมอบให้เจ้า อาวุธชิ้นอื่นๆ ก็มีระดับขั้นไม่สูงมากพอ จะว่าไปแล้วต่อให้ยกให้เจ้าทั้งหมดก็ยังไม่มากพอให้ตอบแทนบุญคุณ ดังนั้นข้าจึงคิดจะมอบคาถาหล่อหลอมของตระกูลเซียนที่อยู่บนป้ายศิลาขอพรนอกศาลให้กับเจ้า”
เจ้าแม่เทพวารีควักแผ่นหยกออกมาหนึ่งชิ้น “เมื่อเจ้าจำบทคาถานี้ได้แล้ว ทางที่ดีที่สุดคือทำลายมันทันที หาใช่ข้าตระหนี่ไม่ แต่สิ่งที่จารึกไว้บนป้ายศิลาเกี่ยวพันกับรากฐานการบรรลุมรรคาของเซียนบรรพกาลท่านหนึ่ง แม้ว่าโชควาสนาจะยิ่งใหญ่ แต่ผลกรรมก็ใหญ่ปานกัน นำออกมาเผยแพร่สู่ภายนอกง่ายๆ อาจไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป เพราะหากแบกรับไม่ไหวจะกลับกลายเป็นหายนะเอาได้”
เฉินผิงอันพยักหน้าไม่พูดไม่จา ยื่นมือไปรับมาด้วยรอยยิ้มแล้วเก็บไปไว้ในกระบี่บินสืออู่อย่างรวดเร็ว
เจ้าแม่เทพวารีกล่าวอย่างตกตะลึง “ไม่คิดจะปฏิเสธแล้วพูดจาตามมารยาทกับข้าสักคำสองคำหรือ? เจ้าเกรงใจ ข้ามีมารยาท จะได้ดูจริงใจมากขึ้นไงล่ะ”
เฉินผิงอันกลั้นหัวเราะ “บอกตามตรง ข้าต้องการคาถาหลอมอาวุธชั้นเยี่ยมอยู่จริงๆ ตอนนั้นอยู่ดีๆ จิตหยินก็ออกมาจากร่าง พอความคิดบังเกิดก็ตรงมาที่ศาลเทพวารีของพวกเจ้าเลย โชควาสนาที่จงขุยพูดถึงก็น่าจะเป็นเรื่องนี้ สวรรค์ประทานให้แต่ไม่รับ จะกลับกลายเป็นหายนะ”
เจ้าแม่เทพวารีเกาหัว “ตามหลักแล้วเป็นอย่างนี้ก็จริง แต่ข้ากลับรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง หากเจ้าปฏิเสธอย่างเด็ดขาด แล้วเอ่ยประโยคทำนองว่า วิญญูชนทำความดีไม่หวังสิ่งตอบแทนอะไรเทือกนั้น จากนั้นข้าก็ร้องโวยวายว่าจะแขวนคอ ต่อให้ตายก็ต้องมอบให้เจ้าให้ได้ เจ้าจึงจำต้องรับไว้ สุดท้ายทั้งเจ้าบ้านและแขกต่างก็แยกย้ายกันอย่างมีความสุข แบบนั้นออกจะน่าสนใจไม่น้อย”
เฉินผิงอันเพียงยิ้มให้ ไม่เอ่ยคำใด
หลังจากนั้นเจ้าแม่เทพวารีก็เตรียมพาคนทั้งสองไปที่ลำคลองหมายเหอ ยังคงต้องใช้วิชาอภินิหารก่อนหน้านี้พาคนทั้งสองไปส่งบริเวณใกล้กับจุดพักม้าทางตอนบนของลำคลอง แม่น้ำและภูเขาพันลี้พลิกกลับในชั่วหนึ่งความคิด นี่ก็คือหนึ่งในอาคมมหัศจรรย์ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภูเขาและแม่น้ำที่ทำให้ผู้ฝึกลมปราณอิจฉาที่สุด นอกจากเรื่องนี้แล้วก็น่าจะเป็นข้อที่ว่าขอแค่สิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ในศาลของตนเองก็จะมีอำนาจบารมีเพิ่มเติมเหมือนเวลาที่อริยะลัทธิขงจื๊ออยู่ในสำนักศึกษาหรือเจินเหรินอยู่ในอารามเต๋า
คงเป็นเพราะเจ้าแม่เทพวารีไม่อยากจากลากันเร็วเกินไปนักจึงพาพวกเขาเดินไปทางประตูใหญ่ของจวนปี้โหยว
พอขยับเข้าไปใกล้ประตู นางก็พลันพูดขึ้นว่า “เฉินผิงอัน เจ้ามีตำราผลงานของท่านผู้เฒ่าเหวินเซิ่งหรือไม่? ทางที่ดีที่สุดควรเป็นตำราที่ท่านผู้เฒ่าเหวินเซิ่งมอบให้เองกับมือ เจ้าวางใจเถอะ ข้าไม่เอามาบูชาไว้ในศาลเทพวารีหรอก แบบนั้นเท่ากับไม่รู้จักกลัวตายเกินไป ข้าจะแอบเก็บไว้ในจวนปี้โหยว วางไว้ที่เดียวกับป้ายที่ข้าแกะสลักขึ้นเองแผ่นนั้น นี่เป็นความปรารถนาสูงสุดในใจข้า และยิ่งเป็นความต้องการส่วนตัวของข้า ตอนนี้ข้าก้าวออกไปก้าวใหญ่บนเส้นทางแห่งการเป็นเทพ ตบะเพิ่มขึ้นพรวดพราด แต่นับจากวันนี้ไปก็ยิ่งจำเป็นต้องนำความรู้ของท่านผู้เฒ่าเหวินเซิ่งมาศึกษาเล่าเรียนอย่างจริงจัง อ่านหนังสือตายให้มีชีวิต ลางสังหรณ์บอกข้าว่าหากทำสำเร็จ ข้ายังสามารถเลื่อนขั้นไปได้อีกระดับใหญ่ ไม่แน่ว่าแม้แต่องค์เทพของห้าขุนเขาแห่งราชสำนักต้าเฉวียนก็อาจจะยังสู้เทพวารีลำคลองหมายเหออย่างข้าไม่ได้”
เห็นว่าเฉินผิงอันเงียบ เจ้าแม่เทพวารีก็หยุดเดิน เผยสีหน้าวิงวอนอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน “เฉินผิงอัน ข้าขอร้องเจ้าล่ะ”
เฉินผิงอันใคร่ครวญอยู่นานมาก “อาจารย์ผู้เฒ่ามอบตำราพื้นฐานของลัทธิขงจื๊อให้ข้าเล่มหนึ่ง แต่กลับไม่ใช่ผลงานของเขา”
ใบหน้าของเจ้าแม่เทพวารีเต็มไปด้วยความตกตะลึงระคนยินดี “ขอแค่เป็นหนังสือที่เคยผ่านมือของท่านผู้เฒ่าเหวินเซิ่งล้วนได้หมด! ข้าไม่ได้โง่สักหน่อย ในตำราต้องมีความหมายที่แท้จริงของมหามรรคาซ่อนอยู่เป็นแน่!”
ในสมองของเฉินผิงอันนึกถึงภาพหญิงสาวร่างเล็กเตี้ยที่ได้เจอกันครั้งแรก นางห้อยดาบสะพายกระบี่ ในมือถือทวนเหล็กที่สูงเท่ากับตัวนางสองคน ท่วงท่าองอาจผึ่งผายยามที่ต่อสู้กับปีศาจใหญ่ใต้ลำคลอง ยิ่งคิดถึงภาพตอนที่นางเผยตัวนอกศาลเทพวารี บทสนทนาที่นางพูดคุยกับเขาและจงขุย ตั้งแต่ต้นจนจบนางไม่มีความเย่อหยิ่งลำพองใจแม้แต่น้อย แต่สงบนิ่งเป็นกลางจนไม่เหมือนองค์เทพ กลับเหมือนบัณฑิตที่แท้จริงคนหนึ่งมากกว่า
เฉินผิงอันถอนหายใจ หันหน้าไปพูดกับเด็กหญิง “เผยเฉียน หนังสือเล่มนั้นที่ข้าให้เจ้าอ่านซ้ำไปซ้ำมา เจ้าน่าจะท่องจำจนขึ้นใจแล้ว ไม่สู้มอบมันให้แก่เจ้าแม่เทพวารีดีกว่ากระมัง?”
เจ้าแม่เทพวารีอึ้งตะลึง นี่เขาใช้น้ำเสียงสอบถามเด็กหญิงอย่างนั้นหรือ?
และต่อมาภาพที่ทำให้เจ้าแม่เทพวารีมึนงงก็ปรากฎขึ้น
เผยเฉียนกัดริมฝีปากแน่น ให้ตายก็ไม่ยอมเปิดปาก ยิ่งไม่เต็มใจพยักหน้าตอบตกลง
เฉินผิงอันปลดน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ลงมาดื่มเหล้าหนึ่งอึก
เจ้าแม่เทพวารีกัดฟันพูดว่า “อันที่จริงจวนปี้โหยวของข้ามีสมบัติพิทักษ์เรือนอยู่ชิ้นหนึ่งที่ล้ำค่าอย่างยิ่ง ไม่แย่ไปกว่าคาถาเซียนบทนั้นเลย ขอแค่ยินดีมอบหนังสือให้ ข้าก็ยินดีมอบมันให้เป็นการตอบแทน!”
จากนั้นนางก็หันไปมองเผยเฉียนด้วยรอยยิ้ม “นอกจากตอบแทนเฉินผิงอันแล้ว ขณะเดียวกันข้าก็จะมอบของดีให้เจ้าชิ้นหนึ่ง ไม่กล้าพูดว่ามีมูลค่าควรเมือง แต่ก็ถือเป็นสมบัติหายากอันดับหนึ่ง”
ทว่าเผยเฉียนเพียงแค่ยืนอยู่ที่เดิม ไม่พูดจาไม่ผงกศีรษะ สองมือเล็กที่อยู่ในชายแขนเสื้อกำแน่น
นางทั้งกลัวว่าเฉินผิงอันจะโกรธนาง นับจากนี้จะยิ่งรังเกียจนางเข้าไปอีก แต่ก็กลัวด้วยว่าเฉินผิงอันจะพยักหน้าตอบรับเจ้าแม่เทพวารี
และทันใดนั้นเฉินผิงอันที่ผูกน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ไว้ตรงเอวเรียบร้อยแล้วก็ค้อมตัวลง คลี่ยิ้มให้เผยเฉียน ลูบศีรษะเล็กของนางเบาๆ “ไม่เต็มใจก็ช่างเถิด”
เผยเฉียนกระโดดกอดเฉินผิงอันแล้วร้องไห้จ้าทันที
เฉินผิงอันไม่รู้ว่าเจ้าตัวน้อยนี่คิดอะไรอยู่ แล้วทำไมถึงร้องไห้ เขาเพียงหันไปยิ้มให้เจ้าแม่เทพวารีอย่างจนใจ “ขอโทษด้วย แต่หลังจากข้ากลับไปถึงแจกันสมบัติทวีปแล้วจะพยายามหามาให้เจ้าเล่มหนึ่ง ถึงเวลานั้นจะส่งมาให้เจ้า ส่วนเรื่องตอบแทนไม่ตอบแทนอะไรนั่น ไม่จำเป็นหรอก”
เจ้าแม่เทพวารีถอนหายใจอย่างเศร้าสร้อย มองเฉินผิงอันแล้วก็มองเผยเฉียน ก่อนกล่าวด้วยความเสียดายอย่างสุดแสน “ก็คงต้องเป็นเช่นนั้น”
พวกเขามาถึงริมลำคลองหมายเหอ เฉินผิงอันแบกเผยเฉียนกระโดดลงไปในน้ำ
เจ้าแม่เทพวารีม้วนตลบชายแขนเสื้อ น้ำในลำคลองหมายเหอก็ปรากฏเป็นน้ำวนประหลาดอย่างที่จูเหลี่ยนเห็นก่อนหน้านี้อีกครั้ง
นาทีถัดมา นางกับเฉินผิงอันและเผยเฉียนก็มายืนอยู่กลางน้ำของลำคลองหมายเหอที่ห่างออกไปสามร้อยลี้ คนหนึ่งพลิ้วกาย คนหนึ่งเหยียบน้ำขึ้นไปบนฝั่ง
เจ้าแม่เทพวารียืนอยู่บนฝั่ง
เฉินผิงอันบอกลาจากไป หลังจากเดินออกไปได้ระยะทางหนึ่งแล้ว เขาน่าจะพูดอะไรบางอย่างกับเผยเฉียน เด็กหญิงที่ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตาถึงหันหน้ากลับมาโบกมือลากับเจ้าแม่เทพวารี
เจ้าแม่เทพวารียิ้มแล้วโบกมือให้
ยิ่งเดินก็ยิ่งจากไปไกล
เผยเฉียนที่อยู่ด้านหลังยังคงร้องไห้ฮือๆ สะอึกสะอื้นอยู่ตลอดเวลา
เฉินผิงอันเอ่ยยิ้มๆ “ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย จะร้องไห้ทำไม”
เด็กหญิงเอาศีรษะซุกไหล่เฉินผิงอัน “ขอโทษ”
เฉินผิงอัน “หืม?”
เด็กหญิงร้องไห้ปานจะขาดใจ “เจ้าพูดถูก ข้ามันตัวขาดทุน” (ชื่อของเผยเฉียนตรงกับคำว่าเผยเฉียนที่แปลว่าขาดทุน)
เฉินผิงอันโมโหจนกลายเป็นขำ “พูดเหลวไหลอะไรกัน วันหน้าจำไว้ว่าต้องตั้งใจเรียนหนังสือให้ดี”
เผยเฉียนสูดน้ำมูก พยักหน้ารับอย่างแรก
เฉินผิงอันพูดเสียงขุ่น “อย่าเอาน้ำมูกมาเช็ดบนตัวข้า”
เผยเฉียนเอนตัวไปด้านหลัง ช่วยเช็ดคราบน้ำมูกและน้ำตาของตัวเองที่อยู่บนแผ่นหลังของเฉินผิงอันให้แล้วหัวเราะหนึ่งที “คิก!”
จนกระทั่งเงาร่างของหนึ่งคนโตหนึ่งเด็กเล็กจากไปไกลแล้ว
เจ้าแม่เทพวารีถึงได้หัวเราะเสียงดังอย่างเบิกบานใจ
นี่ต่างหากถึงจะคู่ควรเป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอดของท่านผู้เฒ่าเหวินเซิ่ง!
หนังสือเล่มนั้นที่เฉินผิงอันคิดจะมอบให้นาง หากได้ยินว่าสามารถแลกมาด้วยสมบัติล้ำค่าชิ้นหนึ่ง บนโลกจะมีสักกี่คนที่ใส่ใจคิดสอบถามความเต็มใจของเด็กหญิงคนหนึ่งที่อยู่ข้างกาย?
นางหุบยิ้ม สีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง โค้งตัวคารวะเต็มพิธีการไปยังทิศทางที่เฉินผิงอันจากไป
การเรียนรู้และเข้าใจหลักการเหตุผลมีก่อนและหลังจริงๆ
เมื่อคืนนั่งถกปัญหาพูดคุยเรื่องมหามรรคา วันนี้เช้ามาก็ปฏิบัติตาม นี่ก็คือคำว่าความรู้และการปฏิบัติรวมกันเป็นหนึ่ง
เฉินผิงอันสมกับเป็นจอมปราชญ์ คือท่านอาจารย์ที่แท้จริง!
—–