กระบี่จงมา! Sword of Coming - บทที่ 440.2 ขัดเกลากระบี่ในยามที่ไม่ฝึกกระบี่
ด้วยพรสวรรค์ในการฝึกตนที่เรียกได้ว่าเลิศล้ำน่าตื่นตาตื่นใจของคนผู้นี้ เดิมควรเลื่อนขั้นเป็นเซียนกระบี่ห้าขอบเขตบนเร็วกว่าเว่ยจิ้นแห่งศาลลมหิมะถึงจะถูก
หากเขาเลื่อนเป็นขอบเขตหยกดิบ ก้าวข้ามปราการธรรมชาตินั้นไปได้ ก็มีความเป็นไปได้มากว่าแม้แต่ขอบเขตเซียนเหรินก็อาจเป็นของในกระเป๋าของหลี่ถวนจิ่ง
ถึงเวลานั้นใครที่จะได้เป็นบุคคลอันดับหนึ่งในบรรดาผู้ฝึกตนท้องถิ่นของแจกันสมบัติทวีปอย่างแท้จริง?
ผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตสิบสองมีคุณสมบัติมากพอหรือไม่?
ต้องรู้ว่าฉีเจินเทียนจวินลัทธิเต๋าที่เป็นผู้นำของผู้ฝึกตนในแจกันสมบัติทวีปตอนนี้ ก็เพิ่งจะได้เลื่อนสู่ขอบเขตเซียนเหรินเท่านั้น
แต่หลี่ถวนจิ่งบุคคลยิ่งใหญ่ที่ได้ครออบครองโชคชะตาวิถีกระบี่ของหนึ่งแคว้นกลับไม่อาจผ่านด่านที่พวกคนอย่างเถียนหูจวินไม่ให้ความสนใจไปได้
มหามรรคายากจะคาดเดาก็เป็นเช่นนี้เอง
เถียนหูจวินเก็บความคิดทั้งหมดลง เริ่มใคร่ครวญถึงอนาคตของตัวเองอย่างละเอียด
บนมหามรรคา ทัศนียภาพงดงามอย่างไร้ขีดจำกัด แต่จะเอาแต่มองทิวทัศน์อันยิ่งใหญ่ตระการตาของคนอื่นก็ไม่ได้ ตนก็ควรมีทัศนียภาพที่ทำให้คนอื่นอิจฉาอย่างถึงที่สุดเช่นกัน นั่นต่างหากถึงจะเป็นวิถีที่แท้จริง
พอคิดถึงศิษย์น้องเล็กที่นอนป่วยอยู่บนเตียง
อารมณ์ของเถียนหูจวินก็พลันซับซ้อน
พอลุกขึ้นยืน เหงื่อและคราบสกปรกที่ติดอยู่บนชุดกระโปรงก็หายวับไปในชั่วพริบตา
นางเดินขึ้นหน้าไปหลายก้าว มาหยุดยืนอยู่ริมลำคลองใต้ดิน จมสู่ภวังค์ของความคิด
ระหว่างคู่อาจารย์และศิษย์อย่างหลิวจื้อเม่าและกู้ช่านนี้ ความรู้สึกภายในใจของเถียนหูจวิน อันที่จริงกลับโน้มเอียงไปทางศิษย์น้องเล็กกู้ช่านมากกว่า หาใช่อาจารย์ที่มีอุบายลึกล้ำ เพื่อมหามรรคาแล้วไม่ว่าใครก็ฆ่าได้ผู้นั้น อีกทั้งการเข่นฆ่าของเขายังทำให้คนรู้สึกเหลือเชื่ออย่างมาก ใกล้ตายแล้วก็ยังไม่รู้สาเหตุที่ตัวเองต้องตาย นี่ต่างหากจึงจะเป็นจุดที่น่ากลัวที่สุด
หันกลับมามองกู้ช่านที่แม้จะพยศยากกำราบ ทำการค้าไม่เป็น แต่ขอแค่นางเถียนหูจวินพยายามอย่างไม่ลดละ ยอมทุ่มเทให้ไปส่วนหนึ่ง กลับง่ายกว่าที่จะได้รับสิ่งตอบแทนที่น่าประหลาดใจกลับคืนมาทั้งสองฝ่าย ถึงอย่างไรศิษย์น้องเล็กก็ยังเป็นเด็กคนหนึ่ง สามารถรับมือกับกองกำลังฝ่ายต่างๆ ที่ภายนอกมองดูเหมือนสลับซับซ้อน แต่แท้จริงแล้วกลับยังไม่อาจเข้าใจถึงเส้นสนกลในที่ซ่อนลึกอยู่ใต้ทะเลสาบซูเจี่ยนได้อย่างแท้จริง ไม่รู้ว่านั่นต่างหากจึงจะเป็นกฎที่แท้จริงของทะเลสาบซูเจี่ยน กู้ช่านใช้คนไม่เป็น รู้จักแต่จะฆ่าคนเท่านั้น ไม่รู้จักรักษาสิ่งที่มีอยู่ ดีแต่จะกล้าได้กล้าเสียอย่างเดียว ถึงอย่างไรนี่ก็ไม่ใช่แผนในระยะยาว
ดังนั้นสติปัญญาจึงบอกแก่เถียนหูจวินว่า สามารถเดิมพันก้อนใหญ่ลงบนร่างกู้ช่านได้ แต่ห้ามทุ่มหมดเนื้อหมดตัวไปสนับสนุนกู้ช่านได้เด็ดขาด เพราะเขาชอบเดินบนทางที่เสี่ยงมากเกินไป
เถียนหูจวินอยู่ไกลเกินกว่าจะงัดข้อกับอาจารย์อย่างหลิวจื้อเม่าได้ และมีความเป็นไปได้อย่างถึงที่สุดว่า ชั่วชีวิตนี้ก็ไม่มีหวังว่าจะทำได้
อันที่จริงเถียนหูจวินเสียดายอย่างมาก เสียดายที่เวลาสั้นๆ เพียงแค่สามปี กู้ช่านก็สามารถรวบรวมแผ่นดินเล็กๆ มาให้ตัวเองได้แล้ว แต่พอขึ้นไปอยู่บนตำแหน่งสูงเข้าจริง กลับไม่เคยคิดว่าควรจะรักษาแผ่นดินนั้นไว้อย่างไร อันที่จริงนางค่อยๆ สอนเขาไปทีละนิดได้ ถ่ายทอดประสบการณ์ที่ตัวเองใคร่ครวญมาอย่างยากลำบากสองร้อยกว่าปีให้แก่เขา แต่กู้ช่านเติบโตเร็วเกินไป เร็วจนแม้แต่หลิวจื้อเม่าและคนทั้งทะเลสาบซูเจี่ยนต่างก็รับมือไม่ทัน กู้ช่านจะยอมรับฟังความเห็นจากเถียนหูจวินได้อย่างไร? บางทีหากมีเวลาอีกหลายสิบปีให้กู้ช่านที่ทั้งคุณสมบัติ นิสัยและพรสวรรค์ล้วนดีเยี่ยมค่อยๆ ขัดเกลาตัวเองไป ถึงเวลานั้นไม่แน่ว่าเขาอาจจะสามารถนั่งอยู่ในระดับทัดเทียมกับหลิวจื้อเม่าผู้เป็นอาจารย์ได้จริงๆ
น่าเสียดายที่หลิวเหล่าเฉิงกลับมา
เพียงชั่วพริบตาก็เล่นงานให้ทั้งกู้ช่านและหนีชิวตัวนั้นกลับคืนสู่สภาพเดิม
ในตำราประวัติศาสตร์กล่าวว่าความล้ำค่าของแคว้นที่ตั้งตัวเป็นอิสระนั้นอยู่ที่ว่า มีกองกำลังเป็นของตัวเอง ผู้ปกครองกุมอำนาจตัดสินเป็นตาย
แต่จะแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นไม่ได้ ถึงอย่างไรทะเลสาบซูเจี่ยนก็เป็นพื้นที่แถบหนึ่งของแจกันสมบัติทวีป อีกทั้งยังต้องเผชิญกับสถานการณ์ใหม่ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในรอบพันปี ความอันตรายใหญ่หลวงและโชควาสนายิ่งใหญ่มาพร้อมกัน
กองทัพม้าเหล็กต้าหลีก็ดี ราชวงศ์จูอิ๋งก็ช่าง ไม่ว่าสุดท้ายแล้วใครที่จะได้กลายเป็นไท่ซ่างหวงแห่งทะเลสาบซูเจี่ยน ก็ล้วนหวังว่าจะได้ครอบครอง ‘อ๋องเจ้าเมือง’ คนหนึ่งที่สามารถควบคุมสถานการณ์ของทะเลสาบซูเจี่ยนเอาไว้ได้ หากทำไม่ได้ ต่อให้ได้เป็นเจ้าแห่งยุทธภพแล้วก็ยังต้องถูกเปลี่ยนอยู่ดี และต้องถูกตัดสินเป็นตายเพียงชั่วเวลาลัดนิ้วมือ
เถียนหูจวินไม่เคยรู้สึกว่าศิษย์น้องเล็กกู้ช่านทำได้แย่ ในความเป็นจริงแล้ว สิ่งที่กู้ช่านทำมากพอจะทำให้นางหวาดหวั่นและเคารพยำเกรงได้แล้ว เพียงแต่ดูเหมือนว่าเขายัง…ทำได้ไม่ดีพอ อีกทั้งสถานการณ์ใหญ่ก็ไม่เคยรอใคร
ตอนนี้สถานการณ์ใหญ่ม้วนหอบมาถึงแล้ว จะทำอย่างไรดี?
เถียนหูจวินพลันนึกถึงนักบัญชีหนุ่มที่พักอยู่ตรงหน้าประตูภูเขาคนนั้น
เขามีความสามารถมากพอจะหยุดยั้งไม่ให้สถานการณ์ใหญ่ท่วมทับทะเลสาบซูเจี่ยนและเกาะชิงเสียหรือไม่ เขาจะชดเชยช่วยเหลือได้จริงๆ หรือ?
เถียนหูจวินส่ายหน้า
ยากเกินไปแล้ว
……
เฉินผิงอันกลับเข้ามาในห้อง นั่งอยู่หลังโต๊ะหนังสือ เอกสารที่ควรรวบรวมและเรียบเรียงล้วนจัดการเสร็จสิ้นหมดแล้ว
ภูตผีวัตถุหยินที่พอจะรวบรวมมาได้ก็ล้วนพูดคุยกับอวี๋กุ้ยแห่งเกาะตะขอจันทร์และผู้ฝึกตนสำนักหยินหยางเกาะกาหยกเรียบร้อยแล้ว หม่าหย่วนจื้อแห่งจวนจูเสียนยังไม่รับปากว่าจะขายให้ แต่ก็รับปากแล้วว่าจะรวบรวมและคัดเลือกวัตถุหยินเอาไว้ให้ก่อน ขอแค่เฉินผิงอันทำเรื่องนั้นได้สำเร็จ จวนจูเสียนก็สามารถนำวัตถุหยินทั้งหมดที่เตรียมพร้อมไว้ออกมา ถึงเวลานั้นควรจะจ่ายด้วยราคากี่เหรียญเงินเทพเซียนก็คือเท่านั้น ทว่าเมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไป ยิ่งเฉินผิงอันไปชนตอบนเกาะจูไชของหลิวจ้งรุ่นบ่อยครั้งขึ้น ดูเหมือนว่าหม่าหย่วนจื้อผู้ฝึกตนผีก็เริ่มจะหมดอาลัยตายอยากแล้วเหมือนกัน เริ่มยอมอ่อนให้ คิดว่าจะถอยให้ก้าวหนึ่ง ขอแค่เฉินผิงอันเชิญหลิวจ้งรุ่นให้มาเยือนเกาะชิงเสียได้ เขาก็สามารถมอบวัตถุหยินครึ่งหนึ่งที่สะสมไว้ในธงเรียกวิญญาณและบ่อน้ำ ถือเป็นค่ามัดจำไว้ก่อน
จดหมายที่เฉินผิงอันส่งไปให้เว่ยป้อบนภูเขาพีอวิ๋น หลักๆ แล้วคือสอบถามเรื่องการซื้อภูเขาและมีเรื่องเล็กๆ อีกสองสามเรื่องให้เว่ยป้อช่วยเหลือ
จดหมายทางบ้านที่ส่งไปยังภูเขาลั่วพั่วก็คือบอกจูเหลี่ยนว่าไม่ต้องเป็นห่วง ตนที่อยู่ในทะเลสาบซูเจี่ยนไม่มีอันตราย ไม่ต้องมาหาเขาที่นี่ แล้วก็ให้จูเหลี่ยนบอกเผยเฉียนว่าให้รออยู่ที่เขตการปกครองหลงเฉวียนอย่างสบายใจ แค่อย่าลืมว่าวันที่สามสิบวันสิ้นปีของปีนี้ต้องเรียกเด็กชายชุดเขียวและเด็กหญิงชุดกระโปรงสีชมพูไปเฝ้าคืนที่บ้านบรรพบุรุษตรอกหนีผิงด้วยกัน หากกลัวหนาวก็ไปหาซื้อถ่านไม้ดีๆ มาจากเมืองเล็ก ตอนกลางคืนที่เฝ้าคืนจุดไฟไว้สักกระถางหนึ่ง พอพ้นยามจื่อไปแล้ว หากง่วงจริงๆ ก็นอนหลับได้เลย แต่วันที่สองอย่าลืมติดกลอนคู่ปีใหม่และตัวอักษรฝูด้วย สิ่งของพวกนี้ห้ามจ่ายเงินซื้อเด็ดขาด ผู้เฒ่าแซ่ชุยบนชั้นสองของเรือนไม้ไผ่เขียนตัวอักษรได้สวยงาม ให้เขาช่วยเขียนก็ได้แล้ว กระดาษพื้นสีแดงที่ใช้เขียนกลอนคู่และตัวอักษรฝูของเมื่อปีก่อนยังใช้ไม่หมด ส่วนที่เหลือเก็บไว้ยังมีพอให้ใช้ เด็กหญิงชุดกระโปรงสีชมพูรู้ว่าเก็บไว้ที่ไหน สุดท้ายกำชับเผยเฉียนว่าเช้าตรู่ของวันที่หนึ่งเดือนหนึ่ง ตอนที่จุดประทัดในบ้านบรรพบุรุษตรอกหนีผิงอย่าเล่นสนุกเกินไปนัก เพื่อนบ้านในตรอกหนีผิงมีแต่เรือนหลังเล็ก ตรอกก็คับแคบ อย่าจุดประทัดมากเกินไป หากยังรู้สึกไม่สาแก่ใจก็ให้กลับไปจุดที่ภูเขาลั่วพั่ว อยู่ที่นั่นจะจุดประทัดมากเท่าไหร่ก็ได้ ไม่เป็นไร แต่หากคิดว่าตัดไม้ไผ่มาทำประทัดยุ่งยากเกินไป ก็ไปหาซื้อเอาจากที่ร้านในเมืองเล็ก เงินเล็กน้อยแค่นี้ไม่ต้องประหยัดให้มากเกินไป อีกอย่างคือเรื่องเกี่ยวกับหงเปา (ซองแดง/อั่งเปา/เงินแต๊ะเอีย) ปีใหม่ ต่อให้เขาเฉินผิงอันไม่อยู่ที่บ้านเกิดก็ยังต้องมี วันที่หนึ่งหรือวันที่สอง สหายของเขาอย่างเว่ยป้อต้องมาเยี่ยมเยียน ถึงเวลานั้นทุกคนล้วนต้องได้รับ แต่เวลาที่ขอหงเปาจากคนอื่น ทุกคนก็ห้ามลืมพูดจาเป็นมงคลให้เยอะๆ กับเว่ยป้อก็ยิ่งห้ามไร้มารยาท
เฉินผิงอันหยิบพู่กันปลายแหลมเล็กที่ตัวด้ามทำจากไม้ไผ่ม่วงซึ่งวางอยู่บนแท่นวางพู่กันขึ้นมาเป่าลมใส่เบาๆ แต่กลับนิ่งอึ้งไป พอวางพู่กันลงแล้ว เขาก็รู้สึกปวดหัวเล็กน้อย ที่มากว่านั้นคือรู้สึกผิด
แท่นวางพู่กันบนโต๊ะเฉินผิงอันเป็นคนทำขึ้นเอง ส่วนตัวพู่กันนั้นเจ้าเกาะไผ่ม่วงเป็นผู้มอบให้ ตอนนั้นเฉินผิงอันเปิดปากของไม้ไผ่ม่วงสามลำมากจากเขา เจ้าเกาะเป็นคนดีแล้วก็เป็นให้ถึงที่สุด ยังมอบพู่กันที่ทำขึ้นด้วยวิธีเฉพาะของเกาะไผ่ม่วงให้เฉินผิงอันอีกสองด้าม แน่นอนว่าเป็นพู่กันไผ่ม่วงชั้นเยี่ยมที่มีคุณภาพสูงสุด ปลายพู่กันส่วนเล็กๆ ที่แหลมคมยังโปร่งใส มหัศจรรย์อย่างถึงที่สุด ทำมาจากเวทลับไม่แพร่งพรายของเจ้าเกาะไผ่ม่วง ต่อให้เป็นแค่ผู้ฝึกตนห้าขอบเขตล่าง แต่ขอแค่เป่าปราณวิญญาณลงไปเบาๆ ก็สามารถทำให้มันเหมือนถูกจุ่มหมึกจนชุ่มฉ่ำ ตวัดพู่กันได้อย่างอิสระเสรี ลายหมึกส่งกลิ่นหอม ถึงขั้นช่วยป้องกันไม่ให้กระดาษที่เขียนถูกมอดกัดได้นานเป็นร้อยปี เป็นเหตุให้ ‘พู่กันไผ่ทะเลสาบ’ ด้ามนี้ถูกนำไปส่งขายไกลถึงบนและล่างภูเขาของราชวงศ์จูอิ๋ง คือของตกแต่งบนโต๊ะหนังสืออันดับหนึ่งของเหล่าขุนนางชนชั้นสูง ต่อให้ไม่สามารถนำมาเขียนได้ แต่แค่วางอวดไว้บนแท่นวางพู่กันก็ทำให้เจ้าของพึงพอใจได้แล้ว
ตอนนั้นเฉินผิงอันทำหน้าหนารับเอาไว้ และยังขอพู่กันปลายเล็กที่เหมาะสำหรับเขียนตัวอักษรเล็กเท่าหัวแมลงวันอีกสองด้าม
เหล็กหมาดหิมะที่หลี่ซีเซิ่งมอบให้ในปีนั้นก็มีความมหัศจรรย์คล้ายคลึงกันนี้ แค่เป่าลมก็ชุ่มด้วยหมึก หลังจากเป่าลมใส่แล้ว หากปราณวิญญาณชุ่มโชกเกินไป ก็แค่ต้องวางไว้บนแท่นวางพู่กันหรือแท่นห้อยพู่กันเท่านั้น จะไม่มีทางมี ‘น้ำหมึก’ หยดลงมา แต่หากน้อยเกินไป เขียนไปได้ครึ่งหนึ่งหมึกหมด ก็แค่ต้องเป่าลมใส่เบาๆ อีกครั้ง สะดวกสบายอย่างมาก อีกทั้งหากเป็นห้าธาตุที่ออกมาจากช่องโพรงลมปราณแห่งชะตาชีวิต รอยหมึกก็จะมีสีสันแตกต่างกันไป มีประโยชน์อย่างมาก ดังนั้นผู้ฝึกตนหญิงบนภูเขาหลายคนจึงมีงานอดิเรกคือการเขียนจดหมายหากัน
เฉินผิงอันไม่ฝึกหมัด ไม่ฝึกลมปราณมานานมากแล้ว อีกทั้งหลังจากผ่านศึกใหญ่ครั้งนั้นกับหลิวเหล่าเฉิงมา ร่างกายก็ค่อยๆ ประสานตัวหายดี ทว่าจนกระทั่งบัดนี้เขาถึงเพิ่งตระหนักได้ว่าปราณวิญญาณในช่องโพรงลมปราณแห่งชะตาชีวิตทั้งสองของตนแห้งขอดลงถึงขั้นนี้แล้ว ช่องโพรงที่เดิมทีมีหัวใจบุ๋นสีทองอยู่ เวลานี้เต็มไปด้วยหลุมบ่อ สภาพเละเทะไม่เหลือชิ้นดี ไม่ต้องบอกก็รู้ได้ว่าคืนนั้นเพื่อจับเจี้ยนเซียน ไม่ต่างจากการสูบน้ำให้แห้งเพื่อจับปลา การเผาป่าให้ราบเพื่อล่าสัตว์ แล้วก็สร้างผลกระทบอย่างใหญ่หลวงให้กับ ‘จวนน้ำ’ ที่มีคนจิ๋วชุดเขียวอยู่กันหลายคนด้วย เพียงแต่ว่าผลกระทบนี้มากกว่าที่เฉินผิงอันคาดการณ์ไว้ ถึงขั้นที่ว่าปราณวิญญาณในจวนน้ำไม่เหลือเลยแม้แต่หยดเดียว
เฉินผิงอันลุกขึ้นยืนอย่างไม่ลังเล พายเรือข้ามฟากธรรมดาๆ ที่คนทั้งทะเลสาบซูเจี่ยนรู้จักกันเกือบหมดลำนั้นไปเยือนเกาะซู่หลิน ขอพบเถียนหูจวิน
ผู้ดูแลจวนตอบกลับมาอย่างขออภัยว่าเจ้าเกาะปิดด่าน ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะปรากฎตัว เขาไม่กล้าไปรบกวนโดยพลการ แต่หากมีเรื่องเร่งด่วนจริงๆ ต่อให้หลังจบเรื่องเขาจะต้องถูกลงโทษอย่างหนักก็จะต้องไปแจ้งเจ้าเกาะให้ท่านเฉินให้จงได้
ปิดด่านได้แค่ครึ่งเดียว คือข้อห้ามใหญ่สำหรับการฝึกตน
เฉินผิงอันไม่ใช่นกน้อยที่เพิ่งหัดบินในยุทธภพ จึงรีบยิ้มพูดกับผู้ฝึกตนเฒ่าที่ใบหน้าเต็มไปด้วย ‘ความกล้าหาญพร้อมยอมตาย’ ผู้นั้นว่าไม่มีเรื่องเร่งด่วน ก็แค่เขามาเยือนเกาะซู่หลินหลายครั้งแล้ว แต่กลับไม่เคยนั่งลงพูดคุยกับเจ้าเกาะเถียนดีๆ เลยสักครั้ง ช่วงนี้รบกวนเจ้าเกาะเถียนอยู่บ่อยครั้ง วันนี้พอมีเวลาว่างก็เลยมาเยือนเพื่อขอบคุณ เดิมทีก็ไม่จำเป็นต้องรบกวนการปิดด่านฝึกตนของเจ้าเกาะอยู่แล้ว
ผู้ฝึกตนที่เป็นผู้ดูแลจวนรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก เฉินผิงอันเตรียมจะจากไป แต่จู่ๆ ก็ยิ้มถามว่า “ได้ยินว่าที่จวนเก็บชากูเหนียงของเกาะเฉาเอ๋อเอาไว้ บางครั้งก็จะเอาออกมารับรองแขก ในเมื่อข้าก็มาแล้ว จะขอรบกวนดื่มชาสักถ้วยให้หายคอแห้งก่อนจะกลับไปได้หรือไม่? หากหลังจบเรื่องเจ้าเกาะเถียนโกรธ ผู้อาวุโสก็บอกว่าข้าตื๊อไม่เลิกรา ป่าวประกาศว่าหากไม่ได้ดื่มชาจะไม่ยอมจากไป ผู้อาวุโสถึงจำต้องยอมสิ้นเปลืองสักครั้ง”
ผู้ฝึกตนเฒ่าของจวนหัวเราะปากกว้าง รีบพานักบัญชีท่านนี้เข้าไปในจวน และไม่นานก็ยกชากูเหนียงเกาะเฉาเอ๋อที่เปี่ยมล้วนไปด้วยปราณน้ำตามธรรมชาติมากาหนึ่ง
เฉินผิงอันดื่มชาพลางชวนผู้ฝึกตนเฒ่าคุยเล่นไปด้วย
ทั้งสองฝ่ายคุยกันถูกคออย่างยิ่ง
หลังจากเฉินผิงอันกล่าวอำลา ผู้ฝึกตนเฒ่าก็เดินไปส่งเขาถึงท่าเรือเกาะซู่หลินด้วยตัวเอง โบกมือลานักบัญชีท่านนั้นอย่างแรง
ระหว่างที่เดินกลับจวน ผู้ฝึกตนเฒ่าฮึกเหิมอย่างยิ่ง แม้จะเป็นช่วงฤดูหนาวที่อากาศหนาวเหน็บ ทว่าบนใบหน้าของผู้เฒ่ากลับเปี่ยมไปด้วยความมีชีวิตชีวาดุจวสันต์ฤดู
วันนี้ตนช่างมีหน้ามีตาใหญ่โตซะจริง
หลังออกมาจากเกาะซู่หลิน เฉินผิงอันก็ไม่ได้ย้อนกลับไปที่เกาะชิงเสีย แต่ไปที่เกาะจูไช
น้ำชาของเกาะเฉาเอ๋อหนึ่งกา สำหรับจวนน้ำที่ปราณวิญญาณเปี่ยมล้นแล้ว ไม่ต่างจากการใช้น้ำหนึ่งแก้วดับไฟท่วมเกวียนหนึ่งคัน ยังจำเป็นต้องซื้อยาลับที่รวบรวมโชคชะตาน้ำไว้ได้อย่างเข้มข้นมาอีกส่วนหนึ่ง
ในเมื่อเถียนหูจวินปิดด่าน ถ้าอย่างนั้นก็ได้แต่มาหาหลิวจ้งรุ่นแล้ว
ว่ากันว่าปีนั้นที่แคว้นของหลิวจ้งรุ่นล่มสลาย นางได้แอบเก็บเอาของดีๆ ออกมาจากคลังลับของราชวงศ์มากมาย ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ในทะเลสาบซูเจี่ยนแห่งนี้ เฉินผิงอันไม่เชื่อใจใครทั้งนั้น
หลังจากได้พูดคุยกับหม่าหย่วนจื้อแห่งจวนจูเสียน บวกกับที่ได้เรียบเรียงประวัติศาสตร์และความสัมพันธ์ของทะเลสาบซูเจี่ยน เขาก็ค้นพบว่าหลิวจ้งรุ่นแห่งเกาะจูไชแห่งนี้ถือเป็นผู้ฝึกตนที่ทำการค้าอย่างยุติธรรม สองร้อยปีกว่าที่ผ่านมา ไม่เคยมีประวัติเสียหายมาก่อน
หากเป็นเพราะหลิวจ้งรุ่นมีชาติกำเนิดจากตระกูลเชื้อพระวงศ์ เกิดมาจึงมีความสามารถในการเก็บงำอำพราง เป็นเหตุให้สองร้อยกว่าปีที่ผ่านมาไม่เคยเผยพิรุธเลยแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นยังมีบุคคลเบื้องหลังที่มีวิชาอภินิหารยิ่งใหญ่จนสามารถคำนวณถึงความคิดที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันของเขาที่คิดจะมาซื้อยากับหลิวจ้งรุ่นในวันนี้ได้ ถ้าอย่างนั้นเขาเฉินผิงอันก็ยอมรับชะตากรรม
—–